รบกวนสอบถามเรื่องการฝึกสมาธิครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย redhotmania, 20 กรกฎาคม 2010.

  1. redhotmania

    redhotmania สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +4
    ผมฝึกมาสักระยะครับ แต่บางครั้งยอมรับว่าก็ขี้เกียจเลยอยากสอบถามว่าส่วนใหญ่แต่ละท่านมีอุบายในการทำใจให้ขยันรวมถึงอุบายทำให้จิตสงบยังไงครับ และเนื่องจากมี วิธีตั้ง 40 วิธีในการฝึก เราจะรู้ได้อย่างไรครับว่าอย่างไหนเหมาะกับเรา หรือว่าดูที่จริตเราได้อย่างเดียวครับ(คือผมลองทั้งบริกรรมพุทโธ บริกรรมคาถาเป็นบทๆ นับเลขก็แล้วครับ)
    ขอบคุณครับ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อุบายขยัน มีอยู่ทางเดียว คือ ฝึกความขยัน ให้มันติดเป็นนิสัย

    อยู่ดีๆ เราขยัน ขึ้นมาทันทีไม่ได้ มันต้องต่อสู้กับความขี้เกียจให้บ่อยๆ

    แล้วมันจะขยันเอง ทีนี้ พอขยันแล้ว ก็ต้องขยันให้ถูกทางด้วย

    จะเกิดประโยชน์
     
  3. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ต้องรู้จักความพยายาม ต้องรู้จักกับการฝืนใจ ต้องรู้จักกับความหักห้ามใจ

    ส่วนกรรมฐานไหนเหมาะกับเรา ผมว่าเลือกเอาอันที่เราสามารถทำได้โดยสะดวกก็ดีครับ กรรมฐานที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม ไม่ต้องใช้สถานที่มากนัก ก็ลมอย่างไงครับ
     
  4. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ปุถุชนทำสิ่งใดไปก็ต้องการสิ่งตอบแทนอยู่แล้ว เช่นทำงานอยากได้เงิน ถ้าไม่มีแรงจูงใจก็ขี้เกียจเป็นธรรมดา

    สร้างแรงบันดาลใจให้ได้

    ขั้นแรกก็ต้องมีเป้าหมาย
    1.ในเบื้องต้นอาจจะต้องการมีตาทิพย์ หูทิพย์ อยากเหนือคนอื่น
    ต่อมาอาจจะมีสติดับอารมณ์ ดับเวทนาต่างๆ (เริ่มจะเจอทุกข์)
    จนถึงเป้าหมายที่พระนิพพาน

    2.IDOL ต้นแบบ นี่แหละฉัน ที่ฉันต้องการ ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
    เช่น อยากจะเป็นเดอะสตาร์แบบพี่บี้ ต้องขวนขวาย ร้องเต้น ฝึกฝน หมั่นซ้อม
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เรื่องการแสวงหา "สิ่งนี้เหมาะกับเรา สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา" เหล่านี้จริงๆ
    จะเป็นเรื่องของ อุปทานขันธ์5 มันพาดำริแบบนั้น ซึ่งเวลาเราปฏิบัติโดย
    อาศัย "สิ่งนี้เหมาะกับเรา สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา" นี่ก็จะเท่ากับใช้ ขันธ์5
    แสวงหาทางหลุดพ้นจากขันธ์5

    การที่เราใช้ขันธ์5แสวงหาทางหลุดพ้นจากขันธ์5 มันเป็นเรื่องที่ เราโดน
    หลอกซ้ำซ้อน เมื่อทำไปแบบนี้ ก็จะปรากฏว่า เราต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
    ก่อนจะเปลี่ยนไป เราก็มักจะบริภาษผู้ให้นิสัยก่อนๆ แก่เราอีก คล้ายๆ
    จะโกรธอยู่ในทีว่า ก็อุตสาห์มาถามว่า อะไรเหมาะแก่เรา ก็เห็นครูแนะ
    นำมา ก็คิดว่ารู้จริง แต่พอไม่ได้ผล เราเปลี่ยนไปอย่างอื่นพบว่าเหมาะ
    กว่า เราก็จะเกิดจิตวกกลับมาพาลคนให้นิสัยครั้งแรกๆ นานๆเข้า เกิด
    เป็น เจตสิกธรรม อกตัญญูสะสมในจิต เป็นอาสวะ สุดท้าย พวกที่
    อาศัย "สิ่งนี้เหมาะกับเรา สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา" ก็จะกลายเป็นนักปฏิบัติ
    มากประสบการณ์แต่ยกพวกล้างผลาญสำนักไปทั่ว

    สรุปคือ อย่าใช้วิธี อะไรเหมาะกับเรา อย่าถามแบบนั้น

    แต่ 10เบี้ยใกล้มือ เจอพระสงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว และพิจารณา
    แล้วว่าสอนตรงตามพระไตรปิฏก ก็ลองเข้าเลย เอาให้ถึงที่สุดไปเลย

    ตรงนี้จะทำให้ ลุยไปแบบไม่จับ อุปทาน ซึ่งจะเกิดขึ้นระหว่างทาง คือ มันจะ
    ปรากฏไปหมดว่า เรามีจริตในกรรมฐานกองนั้นๆ มันมาเกิดขั้นระหว่างที่เราเดิน
    กรรมฐานหลัก หากเราเอาหลัก "สิ่งนี้เหมาะกับเรา สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา" เข้าว่า
    มันจะทำให้เรา เกิดอาการ "จับปูดำ ขยำปูนา จับปูม้า คว้าปูทะเลย์" ทำให้
    เราหยุดประเมินผลกลางทาง

    แต่หากเราลุยไปจนสุด จนระยะหนึ่ง แม้แต่ครูสอนก็ถ่ายทอดให้จนเหน็ดเหนือยแล้ว

    เราค่อยมาสรุปเอาตอนนั้น มาพิจารณาว่า อะไรปรากฏแก่เราบ่อยที่สุด ตรงนี้จะ
    พอช่วยชี้ให้ได้ว่า เราควรเดินทางไหนต่อ ทดสอบทางไหนต่อ แต่อย่าหมายมั้น
    ว่าพอได้หัวข้อตรงนี้แล้วจะเจอทางนะ อาจจะยังไม่ใช่ก็ได้ ต้องวางใจแบบนี้ แล้ว
    เราจะกินลูกท้อไม่เป็น

    พอกินลุกท้อไม่เป็นนะ ลองมาทบทวนดู อย่างน้อยคำถามที่ว่า "สิ่งนี้เหมาะกับเรา
    สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา" มันไม่มากวนใจแล้ว

    พอ "สิ่งนี้เหมาะกับเรา สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา" ไม่มากวนใจคุณวันไหนนะ วันนั้น
    แหละคุณจะรู้ของคุณเองแหละว่า ควรทำอะไร ตอนไหน อย่างไร

    บางคนนะ พอเห็น "สิ่งนี้เหมาะกับเรา สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา" ตัวนี้นะ เลิกเชื่อ
    มันเลย ตกเย็นวันนั้น สมาทานศีล สวดมนต์ ทำบุญ ทำทาน อะไรแม้เล็ก
    น้อยก็ไม่เกี่ยงกันเลยหละ ไม่รีรอโดนมันหลอกอีกต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2010
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    อีกนัยหนึ่ง อันนี้ ตอนแรกจะหาพระสูตรมา แต่หาไม่เป็นซะแล้ว เอาเป็นว่า
    ขออนุญาติเอาเท่าที่ระลึกได้นะ


    บุคคลใดอาศัยอะไรปรารภแล้วว่า "สิ่งนี้เหมาะกับเรา สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา"

    อันบุคคลผู้ไม่เคยสดับธรรม ย่อมสำคัญขันธ์5 เป็นตน ยึดมั่นถือความเป็น
    ตัวตน อาศัยสังขารที่ปรากฏปรารภว่าตนเป็นอย่างนั้น อาศัยสัญญาที่ปรากฏ
    ปรารภว่าเราเป็นคนอย่างนั้น อาศัยเวทนาที่ปรากฏปรารภว่าเราชอบอย่างนั้น
    เราไม่ชอบอย่างนั้น อาศัยความแลเห็นด้วยวิญญาณหยั่งปรากฏปรารภว่าเรา
    ถนัดรู้อย่างนั้น อาศัยอารมณ์ที่ปรากฏปรารภว่าเราเข้าถึงทรงแล้วซึ่งอารมณ์
    อย่างนั้น

    ปุถุชนที่ไม่เคยสดับ ย่อมยึดมั่นขันธ์5ที่ปรากฏเหล่านั้น อาศัยขึ้นปราภว่า
    "สิ่งนี้เหมาะกับเรา สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา"

    * * * * *

    ก็จะเห็นว่า การแสวงหาสิ่งที่เหมาะกับเรา หากเราไม่พ้นการใช้ สังขาร สัญญา
    เวทนา วิญญาณ อารมณ์ แล้ว การที่เราจะสรุปไปว่า อะไรเหมาะไม่เหมาะก็
    จะเสร็จมันทั้งสิ้น

    แต่หากเราไม่สนใจแล้ว เกิดอะไรขึ้น คงไม่ดีดไปถึงขั้นไม่ทำอะไรเลย(บางคน
    ก็แอบคิดนะ เพราะว่าการเวียนว่ายตายเกิดมานาน มันก็มีบางครั้งที่ไปเผลอสะสม
    ทิฏฐิแบบนั้น)

    แต่ตอนนี้เราเน้นมาที่ ปุถุชนผู้เคยสดับ อันนี้ อะไรหละจะมาแทนที่

    ก็ "กฏแห่งกรรม" ไง พอเราคลายการยึดมั่นตัวตน แต่เราสดับธรรมะมา
    อย่างน้อยเราจะรู้จัก กฏแห่งกรรม ซึ่งก็คือ "ทำดี ได้ดี...."

    เราก็จะเลิกถามว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ แต่เราจะ เน้นการทำความดี ละเว้น
    สิ่งที่ไม่ดี จิตใจก็จะผ่องแผ้ว ความดีเล็กๆน้อยๆทำหมด แม้แต่ตัวเธอเอง
    จะต่อว่าตัวเองว่าเป็นคนขี้เกียจก็จะทำไม่ได้อีก

    พอจิตใจผ่องแผ้ว บริสุทธิ เกิดอะไรขึ้น ก็ย่อมต้องเกิด "จิตตั้งมั่น"

    เห็นไหม "จิตตั้งมั่น" มาแล้ว สิ่งที่คุณถามหา

    จิตตั้งมั่น แล้วทำอย่างไร ก็เอามาพิจารณา "การปรารภอะไรเหมาะ
    กับเรา อะไรไม่เหมาะกับเรา" ซึ่งมันเป็นการทำงานของ ขันธ์5 นั้น
    แหละ เอาจิตตั้งมั่นมาหมั่นรู้ความแปรปรวน ไม่เที่ยง บังคับบัญชา
    ไม่ได้ของขันธ์5ที่มันหลอกเราให้ว่ามีตนเหมาะกับสิ่งนั้น มีตนไม่เหมาะ
    กับสิ่งนั้น รู้ไปอย่างซื่อๆ ตั้งมั่น เป็นกลาง ยังจิตบริสุทธิให้ถึงพร้อม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2010
  7. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ยาวมาเลยยยยยยยยยยย "เล่าจัง"
     
  8. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ต่อๆ ภาคปฎิบัติแก้เกมส์กันอย่างนี้ครับ
    เวลาเราฝึกอะไรแล้วไม่ก้าวหน้า
    พอไม่เห็นผลก็คิดว่าไม่ใช่ ไม่มีวาสนา บุญไม่ถึง กำลังใจหมดกัน เลิกๆเป็นปุถุชน สุขๆดิบๆเหมือนเดิมเกิดเปล่าตายเปล่าไปอีกชาติไม่มีประโยชน์ เสียทีที่เกิดมาในประเทศไทยที่สงบและได้พบพุทธศาสนา

    1.อาจจะฝึกมาไม่ดีมากพอ
    เช่น เล่นกล้ามแบบไม่กินโปรตีนต้องเล่นกันเป็นปีกว่ากล้ามจะชัด

    ในที่นี้คือฝึกสมาธิ ก็ยกตัวอย่างให้ตรงไปเลย
    ผลการฝึกหรือปฎิเวธนี่ นั่งสมาธิให้มากแล้ว มีสติระงับ
    ผลการฝึกจะระงับได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เช่น จิตใจเข้มแข็งมั่นคงขึ้น ระงับอารมณ์
    เทสเลย กลัวผีน้อยลงไหม ความลามกน้อยลงไหม โลภน้อยลงไหม มีคนทำอะไรไม่พอใจ
    ระงับโมโหได้ไหม พอก้าวหน้าขึ้นแล้วก็จะมีกำลังใจ
    ถ้าไม่เห็นผลอ่านข้อ2ต่อ

    2.ไม่ฝึกจริงจัง ฝึกไปเปิดทีวีไป ใหม่ๆ จิตยังไม่มีกำลังก็ไหลไปกับเสียงในทีวี พอดาราที่ชอบมาก็เหลือบตาดู จะปิดทีวีก็กลัวผี พาลจะทอแท้เลิกลา
    - วิธีแก้ก็ตั้งใจจะทำแล้ว ก็ทำแล้วทำให้สำเร็จ เช่นวันนี้ตั้งใจจะไปว่ายน้ำ แม้รถติดฝนตกก็ต้องไป หรือจะนั่งสมาธินับเลขถึง1-10,10-10 ก็ต้องทำให้ได้ เผลอคิดเรื่องอื่น นับ1ใหม่ถือเป็นการลงโทษ

    3.เหมาะจริต ผมเองก็ชอบฝึกหลายอย่าง หนุกดี ยกตัวอย่างโลกๆ เช่น น้องวิว เทควันโดเหรียญทองแดงโอลิมปิค มีพี่สมรักษ์เป็นIDOL อยากเป็นบ้าง ก็ลองกีฬาหลายอย่าง จนพบว่าเทควันโดเหมาะ ก็ทุ่มเท

    อย่างสมมติเราชอบดูนศ.นุ่งรัดๆฟิตๆ นี่เราก็ฝึกอสุภไว้แก้กิเลสแล้วไปเทสเลย ตามห้างไปดูสิ อารมณ์ที่เกิดระงับดีขึ้นไหม

    ฝึกดีแล้ว
    วิธีเทสแบบฆราวาสบ้าพลัง
    คุณดูหนังโป๊จนว้าวุ่นใจ หรือเซ็งรถติดสุดๆ หรือโมโห ใครมา
    กำลังสมาธิดีระลึกลมปั๊บอารมณ์ดับเลยนะ
    หรือจับภาพพระปั๊บขึ้นมาดับเลยนะ
    ฝึกจริงจังต้องทำได้ถึงขนาดนี้ นี่ความดีงามระดับสมถะนะครับ
    ไม่งั้นพระครองผ้าเหลืองไม่อยู่นะครับ

    ตื่นเต้นยัง
    ถ้าใช่ก็ฝึกเลย
    วิชชานี้ไม่ได้ฝึกกันเล่นๆ ฝึกถึงมรรคผลนิพพานนะครับ สิ้นภพจบชาติพ้นวัฐฎสังสาร

    ถ้าฝึกเองไม่ได้จริงๆลองบวชดูสักทีครับ เวลาพระใหม่บวช
    พระพี่เลี้ยงให้กรรมฐานก็ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ อ่ะนะให้อันเดียวด้วย
    แต่สถานที่สงบบรรยากาศจะช่วย

    บางคนตอนจะตายยังสั่งเสียลูกหลานให้สร้างฐานะ บางคนฝากลูกล้างแค้นมั่งอ่ะ
    บางคนอาฆาต หลงโลกจนตาย
     
  9. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ฝึกสมาธิแล้วก็เอาสมาธิมาใช้ให้เป็นปรกติให้ได้ ให้กายปรกติ วาจาปรกติ ใจปรกติ
    ถ้ากาย วาจา คุณไม่ปรกติแสดงว่าที่คุณฝึกสมาธิมาทั้งหมดไม่เป็นผลแต่อย่างใด อย่าให้ใครกล่าวว่าได้ ว่าเป็น "หมูสนามจริง สิงฆ์สนามซ้อม" ....


    เมื่อคุณมีใจตั้งมั่นชอบ ในการงดเว้นเจตนาเบียดเบียนผู้อื่นด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจอภัยต่อการกระทบกระทั่งของผู้อื่นแล้ว คุณเป็นผู้ "ไม่เบียดเบียนตนเอง" ....


    เมื่อนั้นคุณเป็นผู้มีปัญญารักษาตน ละกายชั่ว วาจาชั่ว ใจชั่ว ครองตนอยู่ในความดี เรียกได้ว่า ทรงศีล ทรงสมาธิในศีลานุสติกรรมฐาน ทำเช่นนี้ขึ้นชื่อว่า "มีปัญญาหนีอบายภูมิ" ...


    ทำสมาธิได้เลิศ แต่ทรงไว้ซึ่งกายสุจริต วาจาสุจริต ใจสุจริต ทรงศีลไม่ได้ ขาดสติ และสัมปะชัญญะในการกระทำ ขาดการไตร่ตรอง ชื่อว่า "อบายภูมิเปิดต้อนรับคุณอยู่เสมอ" ....







    "ศีลานุสติกรรมฐาน" เหมาะกับผู้ที่ต้องกระทบโลกเป็นอย่างยิ่ง แนะนำมาเพื่อพิจารณา ...
    ปล. ปฏิบัติธรรมมาก รู้ตำรามากแค่ไหน รักษาตนตั้งมั่นชอบไม่ได้ กล่าวว่ายังไม่ถึงแม้เพียงเสี้ยวกระพี้ ศีลคือข้อวัตร ศีลคือข้อปฏิบัติธรรม ศีลคือสมาธิ ผู้มีศีลย่อมมีปัญญารักษาตนแท้เทียว ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กรกฎาคม 2010
  10. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    การทําใจให้ขยันนั้นคือ นั่งมันไปนั่นล่ะครับ คือหมายถึงเราต้องชนะใจตัวเองครับ ใจมันนึกขี้เกียจก็นั่งไปตอนนั้นเลย ลองดูซิว่า เราจะชนะได้ไหม ถ้าเราชนะในครั้งเเรกได้ วันต่อๆไป เราก็จะสยบความขี้เกียจได้ครับ ทําตามนี้ครับ ฝากอันนี้ให้ไปอ่านด้วยครับ จะได้ปฏิบัติถูกทางครับ เจริญในธรรมครับ

    วิธีนั่งสมาธิขั้นเบื้องต้นของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา

    http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=420

    อุปสรรคและวิธีแก้ไขในการทำสมาธิ

    http://www.buddhism-online.org/board...hp?topic=891.0

    ชั้นของสมาธิ ( ฟังกันหลงเรื่องนิมิตในสมาธิ )

    http://palungjit.org/threads/%E0%B...8%B4.1589/
     
  11. redhotmania

    redhotmania สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบคุณทุกท่านมากครับ ที่ให้ความรู้และคำแนะนำ
     
  12. doopup5454

    doopup5454 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +58
    ลองสติปัฏฐานสี่ดูนะครับ พร้อมกับลมหายใจเข้าออก เพราะเราจะได้พิจาณณาทุกสิ่งจริงๆ กาย จิต เวทนา และธรรม ครอบคลุมดีครับ
     
  13. boriphat

    boriphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +2,124
    จิตที่ตั้งมั่นเท่านั้นครับ
    ลองทบทวนดูว่า คุณทำสมาธิเพื่ออะไร?
     

แชร์หน้านี้

Loading...