ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

สาธุ ขออนุโมทนาด้วยครับ

 

ขออนุโมทนา สาธุการ ครับ คุณน้องโมเย ขอเอาใจช่วยให้สำเร็จสมดังตั้งใจครับ

 

พระบรมรูป สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ผลงาน พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ

นำรูปมาจาก FB โมเย รูปนี้สวยมากค่ะ ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ในกระทู้ค่ะ​

 

นึกถึงเรื่อง พระราชมนู นามนี้ปรากฏหลังจากสมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพแล้ว ซึ่งช่วงหลังประกาศอิสรภาพได้ไม่นาน พระองค์บัวทรงประสูติที่บ้านตึกจีนของเจ้าขรัวฯในเกาะเมืองอยุธยา (ตึกนี้ตั้งอยู่หลังย่านการค้ากรุงศรีอยุธยาบาร์ซาร์ หลังบ้านติดคลองนายก่าย) เวลาที่ทรงประสูตินั้นคงใกล้จะมีศึกแรกหลังจากที่สมเด็จฯทรงประกาศอิสรภาพแล้ว ทีนี้เกิดความสงสัยว่าพระราชมนูเป็นใครมาจากไหน ที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยมากในเวลาอันรวดเร็ว คงเป็นผู้ที่มีฝีมือมาแต่เดิมและมีชื่อเสียงทีเดียว เพราะมีความก้าวหน้าทางราชการเร็วมาก แซงทางโค้งข้าราชบริพารเดิมหลายนาย ท่านคือใครมาจากไหนหนอ ใครทราบบ้าง..... คิดถึงเรื่องพระราชมนูมาตั้งแต่ต้นแต่ไม่มีคำตอบ เพียงแต่ช่วงเวลาที่พระราชมนูปรากฏตัว สอดคล้องกับการเสด็จมาประทับกรุงศรีอยุธยาของเจ้าขรัวฯ (สีเขียวเป็นความเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ)

 

เรื่องเล่าจากวัดท่าใหม่อิ (วัดท่าแม่อิ)

คงเล่าได้คร่าวๆเพราะว่าคณะฯไม่มีโอกาศได้พบท่านเจ้าอาวาส จึงได้รับฟังเรื่องนี้จากพระสงฆ์รูปหนึ่ง (ลืมถามนามท่านไว้ค่ะ)

"สมเด็จพระนเรศวรทรงพาพระนางมณีจันทร์ขึ้นเหนือ เพราะทรงเป็นห่วงว่าหากพระนางได้รับอันตรายจากพวกพม่า หรืออาจโดนพวกพม่าพยายามจับตัวไป สมเด็จฯท่านอาจจะทรงไม่มีกำลังพระทัยในการออกรบ จึงทรงพาพระนางมาถึงบริเวณป่าแดด แล้วสร้างพระตำหนักให้พระนางประทับอยู่ริมแม่น้ำปิง ตำหนักของพระนางอยู่บริเวณโรงเรียน(ชื่ออะไรจำไม่ได้ค่ะ) ข้างวัดท่าใหม่อิ สมเด็จฯทรงให้พระนางใช้พระนามแฝงว่า "แม่อิ" เพื่อความปลอดภัย สมเด็จฯทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างวัดท่าแม่อิขึ้น เป็นวัดของแม่หญิงคือจะมีโบสถ์หลังเล็กกว่าวัดของพ่อชาย(คำว่าพ่อชาย ทางสายธาตุใช้เองให้สอดคล้องกับแม่หญิง) จากนั้นทรงปลูกต้นโพธิ์ 3 ต้น เป็นลักษณะปิรามิด ต้นหนึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงปลูก ต้นที่สองสมเด็จพระเอกาทศรถทรงปลูก ต้นที่สามพระนางมณีจันทร์ทรงปลูก พระนางทรงประทับที่ตำหนักวัดท่าแม่อิ ส่วนสมเด็จฯทรงพากองกำลังทหารขึ้นไปทางเขาพระราชาเพื่อไปรวบรวมกำลังพลและฝึกซ้อมรบอยู่ที่เขาพระราชา ทรงสร้างวัดเขาพระราชาอีกหนึ่งวัดบนเขาพระราชา เป็นวัดที่ใหญ่กว่าวัดท่าแม่อิ หนทางที่จะทรงเสด็จมาหาพระนางไม่ไกลมาก หากทรงขี่ม้ามาก็คงจะไม่นาน หลวงพี่วัดท่าใหม่อิเล่ามาให้ญาติโยมฟังประดับความรู้ค่ะ ขอกราบนมัสการหลวงพี่ที่เล่าให้โยมฟัง"

ทางสายธาตุเองจะบวชเนกขัมมะ 3 วัน(ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่จะถึง) ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระอัครมเหสีมณีจันทร์ ที่ทางสายธาตุมักจะเอ่ยถึงพระนางโดยใช้คำว่าเจ้าขรัวฯการเอ่ยถึงชื่อของผู้มีบารมีโดยตรงนั้นไม่นิยมทำกัน ถ้าเอ่ยถึงก็ต้องขานว่า "พระนาง" หรือจะเอ่ยถึงพระองค์ท่านโดยเลี่ยงเป็น "เจ้าขรัวฯ" อันหมายถึงทรงเป็นคนจีน ทรงมีพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์มาก ทรงทำการค้าด้วยพระองค์เอง

 

สาธุ ทรงสง่างดงามยิ่งนักพระเจ้าข้า

 

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสีที่พระนางมณีจันทร์ทรงโปรด

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="50%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>

​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="50%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="50%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ถือเป็นความโชคดีที่ได้ติดตามพระอาจารย์พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณไปเที่ยววัดท่าใหม่อิ เพราะเดินชมไปพระอาจารย์ก็จะเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟัง พอดีเห็นสีผ้าม่านของวัดนึกขึ้นได้ ขอเล่าเสริมไว้อีกนิดค่ะ พระนางมณีจันทร์ทรงโปรดสีเขียว ใครที่สื่อกับพระนางได้ จะต้องทราบว่าพระนางทรงโปรดสีเขียว ^^ ต่อไปนี้ไม่ต้องสื่อก็คงทราบกันไปหมดแล้ว เพราะทางสายธาตุเอามาเล่าในกระทู้เสียแล้ว (ทางสายธาตุตอบไม่ได้ค่ะว่าการสื่อเป็นอย่างไรต้องถามผู้รู้ท่านอื่นนะคะ)​

 

อนุโมทนา กับคุณพี่ทางสายธาตุด้วยค่ะ

เมื่อครู่ ได้สนทนากับญาติธรรม ว่าจะมีการอัญเชิญพระรูป

ของพระมเหสีมณีจันทร์ ไปประดิษฐาน ที่แวงแหง ค่ะ

 

โมเย เชื่อว่า ผู้ที่ จะสนองงานทั้งสองพระองค์


ต้องปฎิบัติให้มาก ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา และสมาธิ


เพื่อที่จะได้สนองงานได้สำเร็จ และชัดเจน


เพราะ เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับหน้าที่

 

ตอนนี้พระบรมรูปของสมเด็จพร<WBR>ะนเรศวร และพระนางมณีจันทร์ ใกล้เสร็จแล้วค่ะ จะถวายที่วัดท่าใหม่อิ ดังนี้ พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรทร<WBR>งหลั่งทักษิโณทก รูปขนาด 1x2 เมตร จำนวนหนึ่งรูป พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรทร<WBR>งยืนถือดาบพระภูษาสีแดง รูปขนาด 1x2 เมตร จำนวนหนึ่งรูป พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวร ขนาด 1x1 เมตร หนึ่งรูป คู่กับพระรูปพระนางมณีจันทร<WBR>์ ขนาด 1X1 เมตรอีกหนึ่งรูป ขนาด 1x1 เมตรนี้ ตั้งใจให้ตั้งถวายให้ทรงอยู<WBR>่เคียงกันค่ะ รบกวนน้องโมเยด้วยนะคะ เสร็จแล้วพี่จะโทรไปบอกค่ะ​

ส่วนอีกหนึ่งชุดคือ พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวร ขนาด 1x1 เมตร และพระรุปพระนางมณีจันทร์ ขนาด 1x1 เมตร จะขอให้ส่งมากรุงเทพค่ะ เพื่อนำไปถวายพระอาจารย์สิง<WBR>ห์ทนที่วัดวรเชษฐ์ค่ะ อยากให้พระองค์ท่านทั้งสองได้มีพระบรมรูปเ<WBR>คียงกันค่ะ คงจะเป็นบุญตา

สาธุ ขอให้พระญาณบารมีของพระองค์ทรงยิ่งสูงส่งขึ้นไป​

​

​

 

รับไฟล์ที่พระมหาฤทธิชัย ส่งมาจากร้านรูปในห้าง big c พิษณุโลกเข้า hotmail ของทางสายธาตุ ยังรับไม่ได้เพราะติดช่วงเวลาการใช้อินเตอร์เนตหนาแน่น

เหมือนตอนที่คุณน้องโมเยจะให้พี่ทางสายธาตุช่วยโพสเพลงพระสุพรรณกัลยา รับยังไงๆก็รับไม่ได้ ต้องไปรอตีหนึ่งรับไฟล์ แป๊บเดียว โพสเพลงพระสุพรรณกัลยาได้เลย

พระมหาฤทธิชัยท่านเป็นชาวพิษณุโลกแต่เดินทางไปทั่วแผ่นดินไทย ที่สมเด็จพระนเรศวรเคยเสด็จเพื่อถวายงานรับใช้พระองค์ท่านในการประกาศพระเกียรติเช่นเดียวกับที่น้องโมเย รับหน้าที่สร้างสรรเพลงเพื่อประกาศพระเกียรติพระองค์ ขออนุโมทนาด้วยเจ้าค่ะ.....

 

เคล็ดลับความงามของสาวสยามในสมัยโบราณ

หลังจากที่ได้ทดลองแปะแผ่นทองที่พระอาจารย์พระมหาฤทธิชัย ได้ลงยันต์ นะ นเรศวร เก้ายอดให้แล้ว ที่หน้าผากแล้วนำน้ำดื่มสลัดใส่ตรงหน้าผากสักสองหยด คลึงไปคลึงมา แผ่นทองก็เข้าไปได้หมด

พระอาจารย์จึงเปิดเผยเคล็ดลับความงามของสาวสยามแต่ครั้งโบราณให้ทราบ ท่านแนะนำให้นำแผ่นทองคำบริสุทธิ์ หาซื้อชนิดที่ดีมากและคัดไว้เป็นพิเศษ มาแปะหน้าวันละ 9 แผ่น

ทองจะเข้าไปสมานแผลต่างๆเรียบเนียนสวยใส ทางสายธาตุได้ลองทำไปสองครั้งแล้ว แต่ครั้งละ 4 แผ่น ปิด 4 ทิศ หน้าผาก คาง แก้มซ้าย และแก้มขวา แล้วก็สลัดน้ำนิดหน่อยใส่หน้า คลึงไปคลึงมาทองก็เข้าไปได้หมด รู้สึกหน้าตึงๆนิดหน่อย

วันนี้ได้ทดลองทำเป็นครั้งที่สอง ปิด 4 แผ่น 4 ทิศเหมือนเดิม เอามือแตะน้ำที่ย้อยอยู่ข้างขวดน้ำดื่มเย็นๆมาลูบเล็กน้อย คลึงไปคลึงมาทองก็เข้าไปหมด หน้าตึงเล็กน้อย

ไม่ทราบว่าปิดทองตัวเองไปเรื่อยๆ หน้าอาจจะดูอร่ามงามตาได้ เพราะทองลอยขึ้นหน้า คงงามระยับกันหล่ะคราวนี้ แล้วจะแจ้งผลให้ทราบหลังจากทำไปเรื่อยๆ พระมหาท่านว่าทองจะไปเกาะที่กระดูก ละสังขารไปแล้วจะมีกระโหลกทองคำ ว้าวววอร่ามงามตา

 

เคล็ดลับความงามที่เป็น อมตะ ของสาว สองพันสิบปี ^_ู^

 

วิทยาการความงามอันเป็นอมตะ งามล้ำหน้า ๕๕๕

 

มหาราชนเรศวร วีรกษัตริย์แห่งอโยธยา

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=q-43xyFuA4s&feature=player_embedded"]YouTube - MV Ayodhaya 2007[/ame]


​

นำมาจาก ​

 

พระบรมรูปครึ่งพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ได้รับไฟล์แล้วกำลังปรับภาพอีกเล็กน้อย

ผู้ที่อยากชมพระบรมรูปสองพระองค์เคียงกัน

เชิญชมได้ที่วัดท่าใหม่อิ และ วัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ)ค่ะ

พระบรมรูปคงจะได้ภายในวันศุกร์หรือวันเสาร์นี้ คงไปถวายที่วัดท่าใหม่อิอาจเป็นอาทิตย์นี้หรือไม่เกินอาทิตย์หน้า ตรงนี้แล้วแต่คุณน้องโมเยจัดสรรเวลาค่ะ

ส่วนพระบรมรูปที่จะไปถวายที่วัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ)จะแจ้งวันเวลาที่จะนำไปให้ทราบอีกทีค่ะ

ขอกราบนมัสการพระคุณเจ้าที่ได้ปรับภาพพระรูปพระนางเจ้าท่านได้สวยงาม โดยเฉพาะที่พระเนตรของพระนางงามสมค่ะ


​

 

​

 

พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรครึ่งพระองค์จากร่างแรกนี้จะปรับ
1 ตัดภาพด้านล่างออกตั้งแต่ยอดพระแสงดาบลงมา เพื่อให้ภาพออกมาคล้ายภาพที่ติดบัตร
2 เพื่อให้ส่วนด้านบนของพระบรมรูปมีเนื้อที่เหลือ จะแสดงเป็นพระกฤษดาภินิหารของพระองค์
3 จะใช้พื้นหลังเป็นท้องฟ้าแบบเดิมก็งามดี หรือจะเป็นฉากกรุงศรีอยุธยาก็งามสมค่ะ

พระรูปพระนางมณีจันทร์ร่างแรก อยากจะปรับ
1 แขนซ้ายของพระนางให้ดูเรียวงามขึ้น ให้คล้ายกับแขนขวาของพระนาง
2 สีพระเนตรให้อ่อนลงสมกับพระวรกาย
3 ฉากด้านหลังให้เหมือนกับของพระบรมรูปสมเด็จฯค่ะ ของสมเด็จฯเป็นอย่างไรขอให้ของพระนางเป็นอย่างนั้นด้วย ให้ฉากเหมือนกันค่ะ

พระเนตรงามเด่นดีแล้วค่ะ ปรับสีพระเนตรแล้วคงจะสวยงามยิ่ง ทีแรกว่าจะไม่โพสค่ะเพราะยังไม่สมบูรณ์ แต่ว่าทางสายธาตุจะไปถือเนกขัมมะจึงไม่สามารถเข้ามาโพสฉบับสมบูรณ์ให้ดูได้ในอาทิตย์นี้ และมั่นใจในฝีมือของพระอาจารย์พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณค่ะ น้องโมเยก็จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีด้วยค่ะ ผลงานชิ้นนี้จะต้องออกมาสวยงามสมพระเกียรติอย่างแน่นอนค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ แล้วไปชมภาพสมบูรณ์ได้ที่วัดท่าใหม่อิ ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นะเจ้า อีกที่ก็จะเป็น วัดวรเชษฐ์ (นอกเกาะ) จ.พระนครศรีอยุธยาค่ะ

 

3 ฉากด้านหลังให้เหมือนกับของพระบรมรูปสมเด็จฯค่ะ ของสมเด็จฯเป็นอย่างไรขอให้ของพระนางเป็นอย่างนั้นด้วย ให้ฉากเหมือนกันค่ะ


ควรเน้นเฉพาะพระรูปของพระนาง พื้นฉากหลังน่าจะเรียบแบบของสมเด็จฯนะครับ (หนึ่งความเห็นครับ)

 

<TABLE cellSpacing=10 width=630 background=images/blockbg.gif border=0><TBODY><TR><TD align=right>[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ภาษาไทยน่ารู้[/FONT]</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#cccccc>

[FONT=MS Sans Serif, thonburi, Verdana]ราชาศัพท์ "รูป"[/FONT]​

</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc height=19><DD>ใกล้วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หน่วยงานหลายแห่งต่างได้อัญเชิญพระฉายาลักษณ์มาใช้ในพิธีถวายพระพรและเทิดพระเกียรติ คอลัมน์ภาษาไทยน่ารู้จึงขอหยิบยกราชาศัพท์คำว่า "รูป" ขึ้นมากล่าวถึงเพื่อให้เกิดความเข้าใจเพราะมีหลายคนที่ยังไม่ทราบหรือเข้าใจผิดและใช้กันไม่ถูกต้อง </DD></TD></TR><TR><TD><DD>แต่เดิมมาราชาศัพท์คำว่า รูป ไม่ว่าจะเป็นรูปเขียน รูปถ่าย รูปหล่อ รูปปั้น ใช้เพียงคำว่า พระบรมรูป และพระรูป เมื่อต้องการระบุให้ชัดเจนว่าเป็นรูปชนิดใดก็เติมคำขยายเข้าไปเป็น พระบรมรูปถ่าย พระรูปถ่าย พระรูปเขียน เป็นต้น ต่อมามีการใช้คำว่าพระบรมฉายาลักษณ์ หมายถึง รูปถ่ายของพระมหากษัตริย์ และพระฉายาลักษณ์ หมายถึง รูปถ่ายของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อีกทั้งได้นำคำว่า สาทิส- ซึ่งเป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง เหมือนกัน คล้ายกัน เช่นกัน เติมเข้าไปเป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ แต่ไม่นิยมใช้ในภาษาเขียนทั่วไป จะใช้ก็แต่ในการเขียนที่ต้องใช้ศัพท์สูงและคำยาก ๆ <DD>จากพัฒนาการราชาศัพท์คำว่า "รูป" คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย ของราชบัณฑิตยสถาน จึงได้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การใช้ราชาศัพท์ของคำว่า รูปเขียนเหมือนบุคคลจริง ของพระมหากษัตริย์ว่า พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบรมรูปเขียน ส่วนรูปเขียนเหมือนบุคคลจริง ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถลงมาจนถึงพระราชวงศ์ชั้นพระองค์เจ้าใช้ว่า พระฉายาสาทิสลักษณ์ พระสาทิสลักษณ์ พระรูปเขียน <DD>รูปถ่ายของพระมหากษัตริย์ใช้ว่า พระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมรูปถ่าย พระบรมรูป และของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ใช้ว่า พระฉายาลักษณ์ พระรูปถ่าย พระรูป ส่วนของพระราชวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าใช้ว่า พระรูป พระรูปถ่าย <DD>ไขข้อข้องใจการใช้คำราชาศัพท์เกี่ยวกับคำว่ารูปให้เป็นที่เข้าใจกันแล้วก็หวังว่าทุกท่านจะนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง พบกันใหม่ฉบับหน้า </DD></TD></TR><TR><TD>

[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ข้อมูลจาก: จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน
ปีที่ 13 ฉบับที่ 140 มกราคม 2546 [/FONT]​

</TD></TR><TR vAlign=bottom><TD><HR width="100%" SIZE=0></TD></TR></TBODY></TABLE>
จากกูเกิ้ล ค่ะ

เพื่อสืบสานปณิธานของกระทู้ค่ะ