สมาธิเพียงข่มกิเลสตัณหา (หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 10 มกราคม 2010.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    [​IMG]

    สมาธิเพียงข่มกิเลสตัณหา

    เมื่อใจยังมีความหลงไปตามกระแสโลกอยู่ มีความใฝ่ฝันในกามคุณอยู่ กำลังใจที่เกิดจากสมาธิความสงบก็จะเป็นกำลังหนุนกิเลสตัณหาราคะให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น เพราะกำลังใจที่เกิดจากสมาธิความสงบเป็นเพียงกำลังหนุนเท่านั้น

    ถ้าผู้ฝึกสติปัญญามาดี กำลังของสมาธิก็จะเป็นตัวหนุนสติปัญญาได้เป็นอย่างดี พิจารณาความจริงในสิ่งใด ก็จะเกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ถ้าไม่มีสติปัญญาให้หนุน กำลังใจที่เกิดจากสมาธิก็จะไปหนุนกิเลสตัณหาน้อยใหญ่ให้ใจฟุ้งไปตามอารมณ์ที่รักที่ชอบใจต่อไป

    คนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจว่า การทำสมาธิความสงบจะทำให้เกิดปัญญา ทำให้ใจมีความบริสุทธิ์ผ่องใส ทำให้ใจละอาสวกิเลสตัณหา ความเห็นในลักษณะนี้ จึงเป็นความเห็นเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิดโดยไม่รู้ตัว ถึงจะเข้าใจว่าเป็นความเห็นถูกอยู่ก็ตาม ก็จะเป็นความเห็นผิดต่อไป

    ดังคำว่าเห็นผิดเป็นถูก เห็นชั่วว่าดี เห็นสิ่งไม่เที่ยงว่าเป็นของเที่ยง เห็นสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข เห็นสิ่งที่เป็นอนัตตาว่าเป็นอัตตา จึงตรงกันข้ามกับความเป็นจริงอยู่ตลอดเวลา ใน ความเห็นที่เกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่มาเข้าใจว่าเรามีความเห็นเป็นสัมมาทิฏฐิ อย่างนี้ใช้ไม่ได้เลย ไม่เป็นไปตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าแต่อย่างใด

    ฉะนั้น การภาวนาปฏิบัติจึงเริ่มต้นจากความเห็น ตามปกติใจจะมีความเห็นผิดเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เราจึงแก้ความเห็นผิดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิให้หมดไปจากใจเสียก่อน แล้วจึงมาเริ่มต้นใหม่ให้ใจมีความเห็นเป็น สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ เห็นจริงตามความเป็นจริงที่ถูกต้อง

    ในเมื่อใจเรายังไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ เราก็อย่าเพิ่งภาวนาปฏิบัติแต่อย่างใด เหมือนการออกรถลงสู่ถนน ถ้าเราไม่แน่ใจในเส้นทางที่เราจะต้องไป ก็อย่าแล่นรถออกไป ให้ศึกษาเส้นทางให้ดี ดูแผนที่ให้เข้าใจ จนเกิดความมั่นใจว่าถูกต้องแล้ว จึงออกรถไป จะไม่ทำให้เสียเวลา จะถึงจุดหมายปลายทางที่เราต้องการ นี้ฉันใด

    การภาวนาปฏิบัติก็ฉันนั้น เราจึงมาแก้ความเห็นผิดของใจให้เกิดความถูก จากนั้นไป ก็จะเกิดความเห็นถูก การภาวนาปฏิบัติก็จะเป็นแนวทางที่ถูกต้องในการเริ่มต้น ถูกในทางกลาง และถูกในที่สุดคือมรรคผลนิพพาน

    ขณะนี้ มีผู้ตั้งใจภาวนาปฏิบัติกันอยู่มาก กำลังแสวงหาครูอาจารย์ให้เป็นผู้ชี้แนะแนวทางการปฏิบัตินี้อยู่ เหมือนผู้หลงทางกำลังเดินทางอยู่ หรือ ไม่แน่ใจในเส้นทางที่เรากำลังเดินอยู่ว่าผิดหรือถูก กำลังต้องการผู้ที่รู้เส้นทางที่ถูกต้องให้ ถ้าผิดก็จะได้แก้ไข ถ้าถูกก็จะได้เดินทางต่อไปด้วยความมั่นใจ จะได้รีบเร่งทุ่มเทความพากเพียรลงไปอย่างเต็มกำลัง

    ข้อควรระวัง เมื่อเรากำลังหลงทาง
    แต่ได้เพื่อนที่กำลังหลงทางเหมือนกันกับเรา
    หรือไปถามผู้ที่หลงทางเหมือนกันกับเรา
    ก็จะบอกส่งเดชไปเลยว่า ถูกแล้วๆ
    ถ้าเป็นในลักษณะนี้ ก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน
    เพราะในยุคนี้ไม่เหมือนครั้งพุทธกาล


    ที่มา ::
     
  2. su37berkut

    su37berkut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,121
    สาธุ...
    ทวนกระแสโลก พบกระแสธรรม อย่างที่หลวงพ่อเขียนจริงๆ
    เสียดายตัวผม ได้ไปวัดหลวงพ่อทูล ก็ตอนท่าน มรณะภาพแล้ว
    ชอบหนังสือของหลวงพ่อมากครับ โดยเฉพาะ เรื่องสัมมาทิฐิ
     
  3. zetsubo

    zetsubo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +751
    ...............................................................ค่ะ
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p

    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
  5. cheterk

    cheterk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +1,568
  6. san_tode

    san_tode เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +131
    อนุโมทนา สาธุครับ
    เตือนสติให้ระวังเรื่องความเห็นผิดได้ดีมากครับ
     
  7. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    หาพระอริยะให้พบ แล้วเดินตาม
    ก่อนจะหาพระอริยะได้ คงต้องบำเพ็ญบารมีด้วยการทำทาน รักษาศีล ภาวนา
    แล้วตั้งจิตอธิษฐานให้แน่วแน่ รับรองได้ว่าได้พบพระสุปฏิปันโนแน่นอน
    การปฏิบัติก็จะค่อนข้างแน่ใจว่าไม่หลงทาง
     
  8. damilk

    damilk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +129
    วันนี้มีวิธิทำบุญที่เห็นผลชงัดมา บอกต่อเป็ธรรมทานคะ ใครสนใจก็ลองเอาไปปฏิบัติดูนะคะรับรอง คุณจะรู้สึกถึงความค่อยๆเปลี่ยนแปลง เพราะลองทำวิธีนี้ด้วยตัวเองแล้ว
    เป็นคำกล่าวของ

    พญานาคราชในโบสถ์ของวัดศิริประสุประตินาถ และ ท่าน พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโ ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่หล้า พระอริยะเจ้าแห่งวัดภูจ้อก้อ
    .มุกดาหาร อุปสมบทเมื่อ พ..๒๕๒๙ ท่านมีประสบการณ์ทางจิต ที่โลดโผนพิสดาร แม้เดินจงกรมก็สามารถเดินเหยียบอากาศเอาผ้าไปพาดไว้บนกิ่งไม้สูงสิบเมตรได้ ทั้งสามารถมองเห็นภูตผีปิศาจ นาค ครุฑ ยักษ์ อย่างชัดแจ้งแม้กระทั่งลืมตา มีญาณระลึกชาติย้อนหลังได้ มากมายหลายชาติ เป็นพระสงฆ์ที่ใช้เวลาท่องเที่ยวไปในนรกสวรรค์ปานเรื่องพระมาลัยโปรดสัตว์โลก นับครั้ง ไม่ถ้วน ด้วยท่านเป็นพระที่ไม่สนใจในเรื่องลาภ ยศ ชื่อเสียง ทั้งเทพยาดาสูง-ต่ำ ตลอดจนภูตผีปิศาจ ต่างให้ความเคารพท่านมาก วัดของท่านจึงเป็นศูนย์รวมของเทพยาดา และภูต-ผี-ปิศาจ-อสูรกาย-สัมภเวสี ที่ตกทุกข์ได้ยากทั่วทุกสารทิศ พากันหลั่งไหลมุ่งไปหาขอความช่วยเหลือจากท่าน แต่ละวันผู้คนมากหน้า หลายตาต่างดั้นด้นข้ามป่าข้ามเขาผ่านหนทางอันทุรกันดารไปกราบท่าน เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาเคราะห์กรรม ต่างๆ ซึ่งท่านก็เพียงแต่แนะนำหลักการ ใช้บุญแก้กรรมแบบง่ายๆ แต่ทว่า............ ได้ผลชะงักงันอย่างคาด ไม่ถึงอย่างชนิดที่ไม่มีพระรูปไหนกล้าพูดแนะนำได้อย่างนี้ เรามักท่องเป็นคาถาอยู่ร่ำไปว่า เวรกรรมนั้น แก้ไม่ได้ แต่พระอาจารย์ท่านยืนยันรับประกันอย่างหนักแน่นให้ฟ้าผ่าห่ากินว่า.......... แก้ได้ ไม่ต้องลงทุน อะไรมาก ไม่ต้องทำ พิธีสวดอะไรให้ใหญ่โตเสียเวลา เสียเงินเสียทองให้มากมาย แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ว่า ทุกวันนี้คนทำบุญกันไม่เป็น ดึงบุญที่เคยทำมาใช้ ก็ทำไม่เป็น เป็นแต่ตะบันก้มหน้าก้มตาชดใช้กรรม อย่างเดียว อย่างจนตรอกอยู่ท่าเดียว

    คำกล่าวของพญานาคราช ข้าพเจ้าได้พบหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญ เมื่ออ่านดูแล้วเกิดความศรัทธา จึงไดพิมพ์แจกเป็นกุศล วันหนึ่งในโบสถ์ของวัดศิริประสุประตินาถได้มีหลวงพ่อ องค์หนึ่งได้นั่งสวดมนต์ อยู่ในโบสถ์ ขนะนั้นมีงูตัวหนึ่ง เลื้อยออกมาจากหน้าพระพุทธรูปในโบสถ์ หลวงพ่อเมื่อได้เห็นงูก็เกิดอาการกลัว หลังจากนั้นงูก็ได้กลายเป็นมนุษย์ ในรูปของพราหมณ์ แล้วกล่าวกับหลวงพ่อว่า " เจ้าไม่ต้องกลัว และตกใจ เจ้าจงฟัง " ข้าพเจ้าคือ พญานาคราช ได้จุติ ณ วัดแห่งนี้ เพื่อบำบัดปัดเป่าความชั่วร้าย และคนบาป คนที่ทำกรรมไว้มากจักได้พินาศไป จากโลกนี้ และเจ้าจงประกาศ ให้ ทุกคนได้รู้ว่า ผู้ใดนำเรื่อของข้าพเจ้าไปพิมพ์แจก มันผู้นั้นจักมีโชคลาภ มีความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดสมปราถนาทุกประการ และผู้ใดรู้อย่าได้คิด ว่าหลอกลวง หรือไม่เชื่อ ให้เก็บไว้สวดมนต์ บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว หรือ ถ้าศรัทธาผู้ใดคิดจะพิมพ์แจกอย่าพลัดวันประกันพรุ่ง หรืออ่านแล้วฉีกทิ้ง ผู้นั้นจักมีภัยพิบัติเกิดขึ้นกับตัว เมื่อรู้เรื่องแล้วให้พิมพ์แจกหรือแจกต่อๆไป
    หรือ ให้เก็บไว้สวดมนต์ บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวก็ได้ไม่บังคับ จากนั้นหลวงพ่อได้แจกจ่ายต่อๆไป ท่านได้สำเร็จวิชาต่างๆ และโกบินตะแห่งประสาทคุปตา และอีกหลายคน อ่านแล้วอย่าลบหลู่ หากศรัทธาในพิมพ์แจกจ่าย หรือ

    ให้เก็บไว้สวดมนต์ บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
    อยากเล่าให้ฟังอะคะ ว่าตอนแรกยังไม่ได้นำมาเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    ทันทีเลย แต่ ว่าก็ลอง ทำบุญตามวิธีนี้ดูแล้ว เลย มั่นใจคิดว่าทุกปัญหาแก้ได้แน่นอน ไม่ว่าปัญหาหนี้สิน เงิน ความรัก ครอบครัว ฯลฯ
    คืออยากเล่าเผื่อธรรมทานอะคะ คือเป็นคนที่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือ เก็บเงินไม่อยู่
    วันหนึ่งมีคนส่ง e - mail มาให้เลยลองทำบุญตามวิธีนี้ดู พอลองทำบุญตามวิธีนี้ดูรู้สึกว่าได้ผลจริงๆเพราะ โดยส่วนตัวเป็นคนที่ใช้เงินเปลืองอยู่แล้ว
    จึงทำให้มีปัญหาเรื่องเงินบ่อยๆ อันนี้ก็อีกข้อนึง
    แต่อีกอย่างนึงก็คือว่าถึงแม้ตั้งใจเก็บแบบตั้งใจเก็บ จริงๆ สุดท้าย จะมีคนมาเอาเงินนั้นไปตลอดไม่เหลือแม้บาทเดียว คือมีคนมาเบียดเบียนเราตลอด หรือไม่ก็ตัวเองนี่แหล่ะ คือบางทีมันก็มีเรื่องจำเป็นจริงๆที่จะต้องจ่ายออกไป แบบว่าจ่ายออกไปแบบไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว ...........
    แต่พอทำบุญด้วยวิธีนี้แล้ว รู้สึกว่าเก็บเงินอยู่จริงๆ รู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยขึ้นมาก รู้สึกได้เลยว่าไม่มีคนมาเบียดเบียนเลยอีกเลย
    บางทีเหมือนจะต้องเสียเงินแต่ก็ไม่ได้เสีย สะงั้น อันนี้เรื่องจริงค่ะอึ้งเหมือนกัน แบบว่าเหมือน ปาฏิหาริย์ ส่วนตัวคือ จะทำบุญด้วย การทานต่อหน้าพระพุทธรูป บนหิ้งพระ คือแบบว่าหากล่องมาใส่เงิน สมมุติว่าเป็นบาทพระอะคะ แล้วพอได้มากพอก็จะไปบริจาคเพื่อศาสนา ตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าตัวเองจะเอาเงินที่ถวายนั้นไปใช้ เพราะตัวเองเป็นคนที่แบบว่าพลานเงินอย่างไม่เหลือเพราะมันจะมีเหตุให้ต้องเสียเงินอย่างงี้ร่ำไป ตั้งแต่จำความได้อะคะ เป็นอย่างงี้มาตลอด หมดๆแบบว่า บาทเดียวก็ไม่เหลือ ตอนแรก กลัวบาปมากๆ แบบทาน วันละบาท 2 มั้ง 7 มั้ง อุทิศให้เทวดาประจำตัว แล้วก็เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องเงิน และปัญหาอื่นๆ หรือถ้าวันไหนไม่ได้ทาน ก็จะสวดมนต์ หรือไม่ก็นั่งสมาธิ อะคะ แล้วก็รู้สึกว่าการเงินเราดีขึ้นจริงๆ ก็เลยอยากบอกบุญต่อ อะคะ แล้วก็คิดว่าจะเผยแพร่ ต่อไป เพราะคิดว่าเป็นธรรมทานด้วย ยังงัยก็ลองทำดูนะคะ ได้ผลแน่นอน ทุกศาสนาทำได้หมด
    ต่อด้าล่าง........
     
  9. damilk

    damilk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +129
    คนเราล้วนเคยสั่งสมบุญให้ทานมาแล้ว ทั้งนั้น ทั้งในชาติก่อนและในชาตินี้ ถ้าจะนึกถึงบุญ มันก็เยอะจนจำไม่หวาดไม่ไหว แต่ด้วยความไม่รู้จักวิธี ชำระหนี้แค้นให้แก่เจ้ากรรมนายเวรดั่งว่า ทำบุญไปก็คิดแต่จะรอให้ตายซะก่อนแล้วจึงค่อยไปรับบุญใน สรวงสวรรค์ แล้วพากันเอาแต่บ่นว่า บุญอะไรก็ทำมาหมดแล้ว ชีวิตไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมาสักที ก็จะดีได้อย่างไร ในเมื่อสักแต่ว่าทำบุญแต่ทำไม่เป็น ถูกสอนสั่งกันมาอย่างผิดๆ มัวแต่ไปรออุทิศให้ตอน กรวดน้ำ เจ้ากรรมนายเวรเขาก็เลยไม่ได้รับ บ้างก็ไม่เคยเผื่อแผ่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้ เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจองเวรกันอยู่ ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเขตเรือน ไม่เคยให้แก่ เทวดาที่ดูแลรักษากิจการงานห้างร้าน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัวเอง แถมบางทีการแผ่อุทิศบุญ ก็ไม่เฉพาะเจาะจงอีก หรือดันไปให้ตอนที่แสงบุญหมดแล้ว เทวดาเหล่านั้นบางองค์อาจมีบุญน้อยมีฤทธิ์น้อย จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับอานิสงส์บุญจากเราอย่างถูกวิธีบ่อยๆ เขาจะกลายเป็น เทวดาที่มีฤทธิ์ มีอำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จได้ดังใจหมาย
    บุญอันเกิดจากการให้ทาน เมื่อถวายของแด่พระภิกษุสงฆ์ หรือให้สิ่งของแก่ใคร ไม่ว่าจะเป็นของแก่ พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ขณะนั้นจะ เกิดกระแสบุญเป็นแสงเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้ให้ทันที และเพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้จะพุ่งหายไป เบื้องบนแล้วสะสม เป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้น จึง
    ****ขอเน้นย้ำว่าหลักสำคัญที่สุดว่า ขณะของหลุดจากมือเมื่อใส่บาตร /ถวายของให้สงฆ์ หรือให้ของแก่ใครก็ตาม เราต้องอธิษฐานจิตแผ่บุญ ในทันที อย่ามัวไปรอแผ่บุญตอนพระสวด ยถาสัพพี**** เนื่องจากการแผ่ให้ตอนพระยถาฯ อย่างที่เคย ปฏิบัติกันมานั้นผิด เพราะกระแสบุญได้เลือนจาง หายไปอยู่ในสวรรค์หมดแล้ว ต้องคิดแผ่บุญในทันทีทันใดว่า บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของ เทวดา ภูต-ผี-ปิศาจ-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่สถิตย์อยู่ในสถานที่เรือกสวนไร่นา หรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ไขปัญหากลัดกลุ้มในเรื่องไหน

    บุญอันเกิดจากการภาวนา ให้อธิษฐานก่อน เช่นว่า ขอบุญที่จะเกิดจากการภาวนาต่อไปนี้ ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ข้าพเจ้าเจ็บป่วย​
    (เป็นอะไร) หรือเราจะให้ใครก็ให้อธิษฐานเอาเอง แล้วก็เริ่ม ภาวนาได้เลย หลังลากเลิกภาวนาก็ให้อุทิศบุญนี้ไปอีกครั้งหนึ่ง บุญที่เกิดจากการภาวนานี้จะมีพลานุภาพแรง ยิ่งกว่าบุญจากการให้ทานมาก ฉะนั้นพวกภูตผีชั้นต่ำมักจะรับไม่ค่อยได้ เราต้องเปิดช่องไว้ก่อนภาวนา เขาจะเตรียมรับตามกำลังความสามารถของตนเอง เพราะถ้าหากจะให้ตอนที่ภาวนาเสร็จแล้วจึงให้ ก็เปรียบ เหมือนเราปล่อยน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิงแต่เขาเอาภาชนะที่ไม่เหมาะสมมารับ เขาจะรับไม่ได้เนื่องจากกำลังจิต ของเขาไม่แข็งแรงพอ หากเราอธิษฐานเปิดให้เขาเตรียมตัวไว้ก่อน ก็เหมือนกับเปิดก๊อกน้ำออกค่อยๆ ใครมีภาชนะน้อยก็เอามาตวงรับตามกำลังที่เขามี แต่สำหรับเทวดาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ท่านสามารถรับ บุญใหญ่หลังภาวนาได้อยู่แล้ว เปรียบเหมือนท่านมีโอ่งมีถังขนาดใหญ่สำหรับรองรับน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิง นั่นเอง
    บุญอันเกิดจากการรักษาศีล การทำบุญด้วยการตั้งใจรักษาศีล ก็ย่อมเกิดบุญกุศลขึ้นเช่นกัน ทุกครั้งที่ระลึกถึงศีลที่ตัวเองรักษาดีแล้ว ไม่ด่างพร้อย ก็สามารถอธิษฐานส่งบุญได้ว่า
    บุญที่ข้าพเจ้าได้รักษา ศีลนี้ จึงถึงแก่....................”
    ยกตัวอย่างอีกกรณี เอาย่อๆเพราะเนื้อหาเยอะมา เช่นถ้าบุตรหลาน สามี ภรรยา หรือคนภายในครอบครัวของท่าน เช่นบุตรหลานไม่ฟัง สามีชอบมีชู้ ฯลฯ
    อันีเราก็สามารถอธิฐานส่งบุญแด่ เทวดาผู้รักษาตัวเค้าเหล่านั้นได้เช่นกัน แล้วตั้งจิตอธิฐานเมือทำบุญ เช่น พูดในใจ ขอบุญที่ข้าได้กระทำนี้จงเป็นของ เทวดาประจำตัว.......บุตรหลานหรือใครก็ว่าไป ด้วยบุญกุศลนี้ ขอท่านเทวดาประจำตัว.........บุญหลาน ของข้าพเจ้า ขอบุญนี้จงส่งผลให้ท่านเทวดาจงมีบุญบารมีเพิ่มพูน มีอิทธิฤทธิ์เพิ่มมากขึ้นบุญบารมีเพิ่มมากขึ้น มีความสุขสบายทั้งกายและใจมีทั้ง วิมาร เสื้อผ้าอาพภณ์ที่สวยงามสวมใส่ ทั้งอาหารการกิน ข้าทาสบริวารอุดมสมบูรณ์ ก็ว่าไป และเมื่อท่านเทวดามีอิทธิฤทธิ์ วาสนาบารมีเพิ่มขึ้นแล้ว ก็ขอให้ท่าน ช่วยสั่งสอนตักเตือน.......ใครก็ว่าไป...........ทำบ่อยๆ ตอนแรกหากเทวดาองค์นั้นมีอิทธิฤทธิ์หรือบุญน้อยอาจจะยังไม่ทราบว่าเราส่งบุญให้ แต่เมื่อทำบ่อยๆ อิทธิ์ฤทธิ์บุญบารมีท่านมากขึ้น ท่านจะรู้เองว่าเราเป็นคนส่งให้ และจะช่วยเราได้เอง......[​IMG]......... ต้องคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือน ให้ของแก่ใครเมื่อของ หลุดจากมือปุ๊บ เราต้องคิดส่งบุญให้ปั๊บทันทีอย่าช้า!!!!
    การเบิกบุญ
    การเบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมแต่อดีตมาใช้ บุญที่เราทำไว้แล้วมีมากมายที่สะสมอยู่ในสรวงสวรรค์ ทั้งที่ได้ทำไว้แต่ปางก่อนหรือได้ทำไว้ในชาตินี้ เราสามารถเบิกบุญนั้นมาแจกจ่ายอุทิศให้แก่ผู้อยู่ในโลก วิญญาณได้ เหมือนเรามีเงินเก็บในธนาคารเราก็ใช้บัตรเอทีเอ็มกดเบิกเงินออกมาใช้จ่าย แต่การเบิกบุญนั้น ที่สำคัญลืมไม่ได้เลยคือ ต้องอาศัยอำนาจพระรัตนตรัยขึ้นนำก่อนเสมอ คือ ให้ตั้งจิตคิดอธิษฐานว่า ด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจแห่งพระธรรม ด้วยอำนาจแห่งพระสงฆ์ จงดลบันดาลให้บุญของ ข้าพเจ้าที่ทำมาในอดีตจนถึงปัจจุบันถึงแก่..................................... ” จะให้ใครก็คิดนึกให้เอาเอง การเบิกบุญ แจกจ่ายนี้สามารถให้ได้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อนึกขึ้นได้ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม อยู่ก็ตาม
    การอุทิศโอนบุญ ไม่ต้องพูด อย่าไปอุทิศตอนกรวดน้ำ ให้ใช้เพียงแค่..การคิด และต้องรีบคิดให้ ทันที!!!! อย่ามัวรีรอชักช้าเป็นอันขาด เพราะแสงบุญที่เกิดขึ้นจะดำรงอยู่ไม่กี่วินาทีแล้วจะหายวับไปอยู่ ในสวรรค์ ถ้าเราฝึกบ่อยๆ เราจะชำนาญในการคิด เพราะการคิด...กระแสบุญจะแรงกว่าการพูดอกจากปาก เวลาหย่อนของลงในบาตรปั๊บให้คิดส่งบุญทันที และต้องคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือน ให้ของแก่ใครเมื่อของ หลุดจากมือปุ๊บ เราต้องคิดส่งบุญให้ปั๊บทันทีอย่าช้า!!!!
    ในการทำความดีทุกอย่าง เช่นแม้แต่การพูดให้เขาได้สติคิดดี การช่วยเหลือคน การได้ทำ ประโยชน์ส่วนรวม ย่อมก่อให้เกิดความปิติดีใจ นั่นแหละคือบุญ ให้รีบส่งบุญถึงผู้ที่เราต้องการให้บุญทันที ฯลฯ
    เอาเป็นว่าแค่นี้เเล้วกันนะคะเพราะยาวมาก เพราะอันนี้เคยใส่ลิ้งลงไปให้คลิ๊กแล้ว แต่เข้าดูไม่ได้ ก็เลยต้องเผยแพร่เช่นนี้ ขอให้รวยๆกันทุกคนนะคะ ความครัวมีแต่ความสุขความเจริญ.......[​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...