<<<"_________สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ_________">>>

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย talkjoss, 17 เมษายน 2010.

?
  1. เชื่อมากๆ!

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ไม่เชื่อเลย!

    0 vote(s)
    0.0%
  1. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ


    [​IMG]

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ
    ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะได้นำมาให้อ่านต่อไปนี้ ได้มาจากหนังสือเรื่อง “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ” ซึ่งท่านผู้ใช้ นามปากกาว่า “ศุภนิมิต” ได้เรียบเรียงจากต้นฉบับที่เป็นภาษาจีนอีกทีหนึ่ง สาระของเรื่องได้ถ่ายทอดจากการรับรู้ของเด็กหญิง ผู้วิเศษชื่อ “เทียนไฉ” ที่ประเทศมาเลเซียโดยการประทับทรงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจากการถอดจิตขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนไปรู้ไปเห็นมา หลายครั้งหลายหนของเธอดังน
    ี้



    เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า : วันที่ฟ้าดินมืดมิด
    1. ก่อนหน้า “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า” วันฟ้าดินมืดมิดสองสามวัน บรรยาการของโลกดูสงบเงียบไปทั่ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความเงียบสงัดก่อนพายุฝนจะกระหน่ำมักเป็นความเงียบที่น่ากลัวเสมอ แล้วทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนจากสีฟ้าสว่างเป็นแดงฉานและกลายเป็นสีเทาขาว จนกระทั่งมืดมิดลง ลมมหาประลัยทำลายสิ่งปลูกสร้าง คน และ สัตว์ทั้งหมดให้กลายเป็นจุณมหาจุณในพริบตา

    2. โลกทั้งโลกตกอยู่ในความืดมิด จนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย ไม่มีแสงสว่างจากดวงไฟใดๆ ทั้งสิ้น พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทุกอย่างใช้การไม่ได้ผล ต่อจากนั้นก็เกิดพายุและลมฝน เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดไม่ขาดสาย ห่าฝนเมฆสีแดง จะเทลงมาจากฟากฟ้า โลกจะตกอยู่ในความมืดมิดของรัตติกาล นานถึงสี่สิบเก้าวัน

    3. มีเพียงโคมไฟสามดวงในพุทธสถานเท่านั้นที่ให้แสงสว่างได้ รอบนอกสถานธรรม ได้ถูกห่อหุ้มปกป้องด้วยรัศมีสีม่วงโดยทั่ว เมื่อนั้นคนที่บำเพ็ญโดยแท้จริง และคนดีที่ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรม ก็จะได้รับการดลใจ ชักนำให้เข้ามาหลบภัยในพุทธสถาน ในที่นั้น หากมีธรรมอธิการผู้อาวุโส (เฉียนเหยิน) หรืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดธรรมอยู่ด้วยก็อาจจะช่วยชี้ธรรมให้คนเหล่านั้น คนที่มีกุศลบารมีสูงก็จะรู้แจ้งในทันที และนั่นอาจจะเป็นแสงอาทิตย์ลำสุดท้ายที่จะโปรดสัตว์ในธรรมกาลยุคขาวก็ว่าได้ คนที่ไม่เคยร่วมบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดมาก่อนเลย เกรงว่าจะต้องตายด้วยภัยพิบัติทันทีเลยทีเดียว ถึงแม้จะรอดพ้นไปได้แต่วิถี
    อนุตตรธรรมก็สิ้นสุดวาระการถ่ายทอดเสียแล้ว

    4. ส่งเสริมให้ญาติธรรมทั้งหลาย สร้างพุทธสถานกันให้มาก ๆ แม้จะมีไว้เพียงเพื่อตนเองจะได้กราบไหว้เช้าเย็นก็ยังดี เพื่อให้ทุกบ้านเป็นสถานแห่งพุทธ สมดังพุทธปณิธานโดยเร็ว เมื่อถึง “วันสุดท้ายฯ” พุทธสถานจะได้เป็นที่หลบภัยของสาธารณชนให้มาก ๆ เพราะพุทธสถานจะเป็นเสมือน “เมืองในม่านเมฆ” สำหรับผู้ใฝ่ธรรม

    5. สภาพโลกภายนอกของพุทธสถาน คือ ภูเขาถล่ม แผ่นดินแยก เจ้ากรรมนายเวรของคนทั้งหลายที่เป็นหนี้ติดค้างกันมาถึงหกหมื่นปีมาแล้ว จะลุกฮือกันออกมาเอาชีวิต วิญญาณทวงหนี้กัน แม้ผู้คนจะพ้นจากมหันตภัย แต่ก็อาจต้องตายด้วยเจ้ากรรมนายเวร สภาพนั้นจึงเป็นมหาโหด มหาวิปโยค เสียงร่ำไห้กู่ร้องครวญคราง เสียงผีสาง เทพพรหม ระงมก้องไปทั่วเป็นที่น่า เวทนายิ่งนัก

    6. เหล่าภูตสางนางไม้ในป่าเขาในบาดาล เหล่าพญามารอสูรทั้งหลายก็จะแปลงกายเป็นพระศรีอาริย์ เป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิ์สัตว์กวนอิม เป็นพระอาจารย์จี้กง หรือพระอริยเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สำแดงอิทธิปาฎิหาริย์ เรียกลมเรียกฝนเสกหว่านเมล็ดถั่วให้กลายเป็นกองทัพ ฯลฯ จะอวดอ้างศักดานุภาพว่าจะสามารถพาผู้คนให้พ้นจากลมมหาประลัย มุ่งคืนไปยังสุทธาวาสเบื้องบนได้ สิ่งเหล่านี้มีมาเพื่อหลอกล่อผู้ปฎิบัติธรรมโดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลานั้น ให้เราทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในศรัทธาจิตอย่างเช่นเดิมอย่าได้โลภหลงตามไปเป็นอันขาด พอขยับใจไขว้เขวแม้เพียงขณะจิตหลงติดตามไป บุญกุศลที่สร้างมาก็จะหมดไป ดังคำที่ว่า “ใกล้จะบรรลุธรรมยามเที่ยง แต่มาเพลี่ยงพล้ำเสียก่อนเมื่อตอนสาย” จะขึ้นหรือลงจึงอยู่ที่หัวเลี้ยวหัวต่อตรงนี้ ที่แอบ อ้างว่าเป็นพระบรรพธรรมาจารย์ มาเก็บงานธรรมอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นเพียงมารเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่น่าแปลก ต่อเมื่อวันที่มหันตภัยเกิดขึ้นแล้วนั่นแหละจะน่ากลัว เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงพระองค์ต่างมุ่งอยู่แต่งาน ช่วยคนให้พ้นจากภัยพิบัติไม่มีเวลาจะมาแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ล่อใจใครให้กราบไหว้ได้เช่นนั้น พระพุทธะตรัสไว้ว่า “แรงแห่งมารหาญกล้ากว่าพุทธะ” พระอาจารย์จี้กง ก็กล่าวว่า “พระอาจารย์ปลอมมีอิทธิปาฎิหาริย์แกร่งกล้ากว่า พระอาจารย์จริงเสียอีก หวังว่าหญิงชายทั้งหลายจะได้ร่วมกันบำเพ็ญธรรม อย่าลืม อย่าลืม คนที่บำเพ็ญด้วยความจริงใจ เมื่อถึงเวลานั้นหากจะสงบใจพิจารณาด้วยปัญญา ก็จะเห็นแจ้งว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงหรือปลอม” จะเห็นใบหน้าสีเขียวเขี้ยวโง้งของปีศาจในร่างของพุทธะได้โดยไม่ต้องเทียบเคียง

    7. วันที่ทรมานที่สุด จะมีสองช่วงคือ ช่วงที่หนึ่ง วันที่ 24, 25, 26, ของช่วง “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน” เพราะช่วงนั้นอาหารที่สะสมไว้จะหมด คนที่กินเจจะยังอดทนต่อความหนาวเหน็บ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะทรมานมาก ช่วงที่สอง ช่วงนี้จะอยู่ระหว่างวันที่ 50 ถึง 70 เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายจะถูกเคลือบด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสีซากศพเกลื่อนกลาด คนเคราะห์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่จะยังต้องทำหน้าที่ฝังศพ คนที่กินเจจะมีกำลังอยู่ได้ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จึงได้ประทานพระโอวาทคำเตือนไว้นานมาแล้วว่า “หลังจากมหันตภัยกวาดล้างโลกนี้กลายสภาพเป็นตมไปแล้ว จะเหลือแต่พระอรหันต์เดินดินไม่กินเนื้อสัตว์” เป็นคำเตือนที่ชัดเจนแน่นอนที่สุดทีเดียว

    8. หลังการกวาดล้างแล้ว ก็จะเป็นการสร้างบ้านเมืองใหม่ มนุษย์จะเริ่มเบิกดิถี ด้วยอารยธรรมใหม่ นั่นคือมีคุณธรรมและมีคุณสัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อจดจำบทเรียนที่ได้รับจากภัยพิบัติ ปรัชญาความคิดของท่านบรมครูขงจื้อและเมิ่งจื้อ จะเป็นที่เทิดทูนศรัทธาทั่วโลก ความจริงใจรักใคร่ช่วยเหลื่อซึ่งกันและกัน จะเป็นปฎิญญาที่ทุกคนรักษาไว้ร่วมกัน

    9. พระศรีอาริยเมตไตรย จะเสด็จสู่โลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งในศุภวาระนี้ จะทรงเปิดเผยให้เห็นฉากสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ ของพระอรหันต์แห่งธรรมกาลยุคขาวนี้ จะทรงประทานอริยฐานะตามลำดับมรรคผลบุญกุศล จากนี้โลกแห่งสันติสุขเยี่ยงสมัยพระเจ้า เหย่าซุ่น” หรือโลกพระศรีอาริย์ก็ได้เบิกวิถี ณ บัดน
    ี้

    [​IMG]
    ภาพเมื่อโลกถูกระเบิดนิวเคลียร์ทำลาย
    ในหนังสือ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาส” ศุภนิมิตถอดความไว้ว่า:- เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2531 เวลา 17.10 น. เด็กหญิง “เทียนไฉ” ถอดจิตออกจากร่างติดตามพระอรหันต์จี้กงขึ้นไปเหนือเมฆ มองดูภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าสภาพ อันน่าเวทนาเมื่อเวลาระเบิดนิวเคลียร์ระเบิดขึ้น มีดังนี้


    ระเบิดนิวเคลียร์ลูกหนึ่ง ได้ยิงไปตกลงยังเมือง ๆ หนึ่ง หัวระเบิดได้ระเบิดขึ้นกลางอากาศเกิดเปลวไฟและแสงสว่างอันแรงกล้า แล้วทันใดนั้นมันก็ทำลายสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ทั้งหมดชั่วพริบตา พร้อมกับเสียงดังกัมปนาทและแรงสะเทือนอย่างรุนแรงจากระเบิด ความกดอากาศเปลี่ยนแปลงทันที คนและสัตว์ทั้งหลายบาดเจ็บและล้มตายลงนับจำนวนไม่ถ้วน ทุกหนทุกแห่งเห็นแต่ภาพน่าอนาถ กลุ่มควันที่เหมือนเมฆสีดำรูปดอกเห็ด ขยายตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำมืด และมีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ อากาศใน ขณะนั้นให้ความรู้สึกอึดอัด เหมือนกำลังจะขาดใจตาย บริเวณที่ได้รับความเสียหายกว้างไกลออกไปถึงร้อยกว่ากิโลเมตร ส่วนกัมมันตภาพรังสีนั้น ครอบคลุมไปไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตร คนที่ไม่ตายด้วยไฟและแสงหรือจากแรงระเบิด ก็วิ่งพล่าน กระเจิดกระเจิงไป เสียงเรียกพ่อ เรียกแม่ กรีดร้องก้องฟ้า เป็นที่น่าเวทนา หาที่เปรียบไม่ได้เลย ทันใดนั้นเมฆบนท้องฟ้าก็เคลื่อนไหวม้วนตัวอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีแดงเรื่อ ๆ เป็นสีแดงคล้ำแล้วกลับกลายเป็นสีเทาขาว แล้วในทันใดก็ เปลี่ยนเป็นสีเทาดำ และดำมืด

    ถึงตอนนั้นแม้จะชูมือขึ้นตรงหน้า ก็มองไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้าได้ คนที่ยืนอยู่ต่อหน้ากัน ก็มองไม่เห็นกัน พระอาจารย์จี้กงตรัสไว้ว่า นั่นคือ “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน” อันยาวนานที่รัตติกาลมาสู่โลก เวลาอันน่าสะพรึงกลัวกำลังเริ่มแล้ว ณ บัดนี้

    วันที่ 30 มกราคม เวลาเช้า 9.00 น. อันเป็นเวลาฝึกสมาธิ ดรุณีน้อยเอี้ยนอี๋ (เทียนไฉ) ก็ได้ถอดจิตติดตามพระอาจารย์จี้กง ไป ดูสถานที่เกิดเหตุมหันตภัยต่อไปดังนี้:

    ขณะนั้น ลมมหาประลัย โหมมาทั้งสี่ทิศพร้อมกันตึกใหญ่ ๆ ที่ยังมิได้พังทลายทั้งหมด ท่ามกลางแรงระเบิดและแสงไฟโชติช่วงได้พังคลืนลงมาทั้งหมด เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แม้แต่ต้นไม้ขนาดสิบคนโอบรอบ ก็ถอนรากถอนโคน ล้มระเนระนาด ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาล้วนเป็นสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก แล้วเธอก็ได้เห็นหมู่บ้านใหม่แห่งหนึ่ง ตรงกลางเป็นพุทธสถาน บ้านเรือนที่อยู่ในรัศมีโดยรอบหลายร้อยเมตร ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเรืองรอง ผู้คนที่อยู่ในพุทธสถานและภายใต้การห่อหุ้มของแสงสีม่วงพ้นภัยโดยทั่วกัน ส่วนที่อยู่ห่างไกลออกไปแต่เป็นคนที่มีจิตใจดี ดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลใจให้เขาวิ่งเข้ามาหลบภัยในพุทธสถานด้วย โลกภายนอกมืดมิดไปทั่ว ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าหรือดวงไฟจากสิ่งใดเลย สายฟ้าแลบพร้อมกับฟ้าคะนองหยดน้ำสีแดง ๆ เหมือนสายฝน แต่มิใช่ โกรกลงมาจากฟ้าแต่ละหยดมีน้ำหนักเหมือนเศษแก้ว กลิ่นเหม็นเอียนจัด เหมือนยาพิษร้ายแรง มันทะลุผ่านอิฐ หิน ปูน เหล็กกล้าและทุกอย่างแต่ที่น่าอัศจรรย์คือ เมื่อมันหยดลงมาบนรัศมีครอบที่เป็นสีม่วง มันจะสลายตัวหายไปจนหมดสิ้น ในตำหนักพระมีพระพุทธประทีป 3 ดวง บนแท่นบูชาสาดส่องประกายไฟอยู่สว่างไสวไม่นาน

    ต่อมาเธอก็ได้เห็นพื้นดินแยกออกเป็นร่องลึกใหญ่ทั่วไป ผีนรกทั้งหลายกรูกันออกมาจากรอยแยกเหล่านั้น ทุกคนดูกระเหี้ยน กระหือรือ พอเห็นศัตรูคู่อาฆาตลูกหนี้ในชาติก่อนของเขาก็ฉุดกระชากตัวลงไป ในร่องลึกใต้ดินโดยทันทีโดยไม่มีการพูดจา ต่อรองใด ๆ เป็นภาวะที่ผีคร่ำครวญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่ำร้องโดยแท้สยองขวัญยิ่งนัก พระอาจารย์จี้กงบอกหนูเอี้ยนอี่ว่า นั่นคือการหักล้างบัญชีครั้งใหญ่ ในรอบหกหมื่นปีที่ผ่านมา ทันใดนั้น เธอก็เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเหมือนกัน แผ่รัศมีรอบวงค่อนข้างมัวหมองเหมือนถ้ำ และเหมือนบ้านเก่า ภายในบริเวณไม่มีแท่นที่บูชาพระ มุมหนึ่งในบริเวณนั้นมีไหวาง เรียงอยู่หลายใบ ไหทุกใบมีฟองเหมือนน้ำและเหมือนน้ำมันผุดขึ้นจนล้นออกมา ฟองเหล่านั้นมีสีแดงเรื่อ ๆ ให้ความรู้สึกที่ไม่สบายใจเลย บนผนังบ้านติดยันต์เต็มไปหมด ดูอึมครึมน่ากลัว พระอาจารย์จี้กงบอกว่า ที่นั่นเป็นเมืองในม่านเมฆจอมปลอม เป็นถ้ำมารที่ปีศาจมารร้ายจำแลงไว้ล่อใจคนโลภหลงให้เข้าไปติดกับ ไม่นานนักเธอก็เห็นพระศรีอาริย์ปลอมลอยลงมาจากฟากฟ้า หัวเราะร่าร้องเรียกผู้บำเพ็ญอนุตตรธรรมและคนทั้งหลาย ที่ยังไม่ทันได้ไปหลบภัยในพุทธสถานที่แท้จริงว่า ให้ติดตามเรามา เจ้าจะหลบเลี่ยงภัยพิบัติได้ อีกทั้งแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ให้แสงสีม่วงห่อหุ้มพวกคน ให้พ้นจากการทำลายของฝนพิษได้เท่านั้นยังไม่พอ ยังมาตะโกนเรียกผู้บำเพ็ญธรรมที่หลบภัยอยู่ในตำหนักพระ ภายใต้ครอบแสงสีม่วงให้ตามไป จะได้ยกระดับ
    และมอบหมายตำแหน่งงานธรรมชั้นสูงให้ ใครก็ตามที่หลงเชื่อตามไปในครั้งนี้ ก็จะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป โดยแท้จริงแล้ว คนที่เข้าพุทธสถานแล้ว ภัยพิบัติมิอาจเข้ามาทำลายได้เลย เมื่อถึงเวลานั้นคนที่บำเพ็ญธรรมจงพึงระวังตัวให้รอบคอบทีเดียว

    วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาบ่ายสองโมงโดยประมาณ พระอาจารย์จี้กงพาหนูน้อยเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป:

    แม้จะผ่านช่วงสี่สิบเก้าวันอันยาวนานและน่าสะพรึงกลัวไปได้แล้วก็ตาม แต่โลกก็ยังตกอยู่ในความมืดมิด ต่อมาจึงค่อย ๆ สว่าง ขึ้นทีละน้อย เห็นศพเกลื่อนกลาดกองพะเนิน มีแต่หัวขาด แขนขาด ขาขาด หรือตัวขาดเป็นท่อน จนแทบไม่มีศพเต็มร่างเลย โลหิตสีดำคล้ำนองไหลมารวมกัน จนเหมือนแม่น้ำเลือดกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่วจนอยากอาเจียน พูดได้ว่ามันคือนรกใน เมืองมนุษย์จริง ๆ ไม่นานต่อมา แสงสีม่วงที่ครอบพุทธสถานก็ค่อย ๆ จางไป ญาติธรรมทั้งหลายพากันออกมาภายนอกได้แล้ว

    โลกทั้งโลกเงียบสงัด สัตว์ที่ยังหลงเหลืออยู่ได้มีเพียงประเภทเดียว คือสัตว์ที่กินหญ้าหรือกินพืชผักเป็นอาหาร คือ กระต่าย แกะ วัว ควาย และม้าเท่านั้น จากนี้คือความทุกข์ยากหลังจากวันเกิดมหันตภัย วันที่ห้าสิบถึงเจ็ดสิบ คนที่ไม่ได้ถือศีลกินเจมาก่อน ยากที่จะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ เพราะทุกหนแห่งในโลกล้วนอาบไปด้วยพิษ ของกัมมันตภาพรังสี พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่มีอะไรเหลือเลย ผู้ที่ทนต่อความอดอยากไม่ได้ ผู้ที่กินเจเฉพาะวันหรือไม่ได้กินเจ แต่โชคดีที่รอดพ้นสี่สิบเก้าคืนมาได้ ภายในร่างกายของเขายังมีสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ อีกทั้งอารมณ์โหดจะเกิดขึ้น พวกคน เหล่านั้นจะฉีกเนื้อกระต่าย แกะ วัว ควาย หรือม้ากินดิบ ๆ ได้ แต่ไม่นานต่อมาเขาก็จะต้องตายเพราะสารพิษ พระอาจารย์จี้กง ได้โปรดเมตตาบอกว่า มีแต่คนที่กินเจเท่านั้นที่จะอยู่รอดจากความอดอยาก หลังจากภัยพิบัติใหญ่แล้วจริง ๆ

    วันที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง พระอาจารย์จี้กงได้โปรดนำหนูเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป:

    ขณะนั้นท้องฟ้าสว่างแล้ว ทุกสิ่งบนพื้นโลกมีแต่ซากที่ถูกทำลายล้าง แผ่นดินที่แยกออกปิดเข้าหากันแล้ว เหลือแต่รอยแยกเป็น ทาง ๆ แม่น้ำเลือดที่ไหลนองก็แห้งลงและซึมลงไปในดิน ทุกอย่างที่เห็นมีแต่สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน น่าสมเพชเวทนา และน่าอนาถใจ คนถือศีลกินเจทั้งหลาย เริ่มจะลงมือเก็บฝังหรือเผาซากศพกันอย่างเป็นงานเป็นการ เมื่อหิวกระหายก็เพียงแต่ใช้นิ้วจุ่มน้ำทิพย์ที่บูชาแตะลงที่ปลายลิ้น แล้วคนเหล่านั้นก็ประทังชีวิตอยู่กันต่อไปได้อย่างไม่เดือดร้อน คนที่ยังไม่เคยกินเจตลอดเสมอมา จะไม่กล้าเดินออกไปนอกตำหนักพระเลยแม้สักก้าวเดียว

    วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง หนูน้อยเอี้ยนอี๋ก็ติดตามพระอาจารย์จี้กงไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยค ฉากสุดท้ายต่อไป:

    ขณะนั้น ทั้งการเก็บฝังและเก็บเผาซากศพจะแล้วเสร็จไปส่วนเสียส่วนใหญ่ แสงสีม่วงนอกจากจะปกป้องรอบ ๆ อาณาบริเวณ พุทธสถานแล้ว ยังรวมทั้งต้นไม้ใบหญ้า และสิ่งปลูกสร้างในวงรอบรัศมีอีกด้วย ส่วนรอบนอกนั้นราพณาสูรไม่เหลืออะไรเลย ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดถูกทำลายหมดสิ้น และใช้การอะไรไม่ได้อีกเลย จากนั้นฟ้าดินก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะ ของธรรมชาติตามปรกติ ตะวัน เดือน ออกมาส่องแสงเช่นเดิม มีลม มีฝน แม่น้ำลำคลองก็เต็มไปด้วยน้ำใสไหลล่อง ผู้คนเริ่มสร้างบ้านเรือนเป็นที่พักอาศัยหลบฝน และเริ่มงานทำไร่ไถนากันอย่างขะมักเขม้น เช้าก็ออกไปทำนา เย็นก็กลับมาบ้าน ชีวิตแม้จะไม่ว่างทางแรงกายแต่ก็มั่นคงเป็นสุขใจ ผู้คนต่างอยู่ร่วมกันด้วยอัธยาศัยไมตรี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีการวิวาทบาดหมาง แย่งชิง โลกทั้งโลกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชีวิต และเป็นระเบียบแบบแผนอันดีงามเหมือนโลกใหม่โดยแท้


    แหล่งที่มา:หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก รวบรวมโดย รหัสยญาณ สำนักพิมพ์ ลานอโศก เพรส กรุ๊ป


    [​IMG]
    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงเมตตา:

    จิตใจของคนในยุคอดีตยังคงความสมบูรณ์ดีอยู่ ฟ้าและคนเป็นเสมือนร่างเดียวกัน จึงไม่ต้องพูดถึงธรรมะใดๆ แต่ในปัจจุบันเป็นเพราะเราถูกบดบังจากความโลภอยาก ทำให้อาตนะลุ่มหลงเริงโลกีย์ถูกดึงดูดด้วยแรงบันดาลของเงินทองแก่งแย่งทรัพย์สินเพื่อสนองความอยากของตน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลงลืมคุณธรรมแห่งจิตเดิม การแก่งแย่งจึงปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไป ความอยากความเห็นแก่ตัวแทรกแฝงอยู่ทุกมุมโลก ทำให้โลกแห่งพุทธะเดิมสลายไป คุณธรรมสามัญสูญสิ้น คุณธรรม 8 ก็ไม่หลงเหลืออยู่ กลายเป็นโลกที่ขุ่นข้นสกปรกเปรียบดังนรกบนโลกมนุษย์กาลนี้เอง เพื่อจะปลุกจิตคนเดิมญาณใสเบื้องบนจึงบันดาลให้มีภัยธรรมชาติลงสู่โลกมนุษย์จุดมุ่งหมายก็เพื่อปลุกพุทธบุตรให้ตื่นจากความเขลาที่ถูกบดบัง อาศัยสิ่งเหล่านี้เตือนคนชั่ว เมื่อรู้ตัวว่าผิดรีบกลับตัวกลับใจ พระอนุตตรธรรมมารดาเจ้าจึงมีพระบัญชาให้หมู่มารอสูรกาย มาจุติก่อให้เกิดเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดภัยพิบัติ อาศัยมารสอบจริง จะได้กำหนดมรรคผลในอนาคตแต่ทว่ามหันตภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นนี้ ยังมีพุทธบุตรคนดีหลงเหลือปะปนอยู่มาก เพื่อช่วยเหลือพุทธบุตรคนดีเหล่านั้น จึงมีการปกโปรดครั้งยิ่งใหญ่ ทรงมีพระบัญชาให้พระวิสุทธิอาจารย์ รับสนองพระโองการจุติมหาธรรมปกโปรด (วิถีอนุตตรธรรม)เพื่อช่วยสาธุชนชายหญิงร่วมคืนกลับเบื้องบนแดนนิพพาน

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=jxKc4IdQM4g"](^_^)[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=9TH3zPMRHAk&feature=player_embedded"](^_^)[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=IcffiP00Z1c&feature=player_embedded"](^_^)[/ame]

    "อนุตตรธรรม มิใช่ศาสนาหรือลัทธิศาสตร์ใดๆ แต่เป็นสัจจธรรมของฟ้าดิน เป็นธรรมอันเที่ยงแท้เป็นหลักหรือรากฐานของทุกชีวิต
    "วิถีอนุตตรธรรม" จึงเป็นทางเดินที่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด ศาสนาใด เด็กหรือผู้ใหญ่ พึงได้รับการถ่ายทอดให้รู้ความเป็น ความจริงแห่งชีวิตตน จะได้บำเพ็ญเพื่อการหลุดพ้นโดยตรง หรืออย่างน้อยก็เพื่อมิให้จิตใจหลงใหลเสื่อมทรามลง”
    บัดนี้ธรรมการลยุคขาววาระสาม เมื่อมีผู้นำข่าวอันเป็นมหามงคล เชิญชวนท่านให้มารับรู้ "วิถีอนุตตรธรรม"
    ขอท่านผู้มีรากบุญทั้งหลายจงน้อมรับไว้ด้วยเทอญ"
    >>> http://www.vithi.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2010
  2. boriphat

    boriphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +2,124
    ค่อนข้างน่ากลัวนะครับ
     
  3. LnWLnW

    LnWLnW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +936
    มันยิ่งมาเร็วขึ้นๆกว่าเดิมทุกที


    เตรียมรับมือกันหรือยังคะ ?
    พวกสัตว์แปลกเริ่มมีออกมาให้เห็น
    แล้วก็แสดงอาการแปลกๆมาก
    สังเกตไว้ด้วยนะคะ
    เพราะว่าสัตว์นี้จะมีการรับรู้ที่ต่างจากคนมาก



    สติ
     
  4. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    วันที่จะได้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือวันที่ 30 กุมภาพันธ์ ใช่เปล่าครับ
     
  5. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    ่30 มกราคม พ.ศ. 2531 เวลา 17.10 น. เด็กหญิง “เทียนไฉ” ถอดจิตออกจากร่างติดตามพระอรหันต์จี้กงขึ้นไปเหนือเมฆ มองดูภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าสภาพ อันน่าเวทนา เพื่อ เตือนให้ชาวโลกเร่งบำเพ็ญธรรม และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อจะได้รับมือต่อภัยพิบัติอันน่าเวทนานี้ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2010
  6. cmhadtong

    cmhadtong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +2,034
    กฏแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    อยู่กับปัจจุบัน มีสติรู้เท่าทัน
    สาธุ
     
  7. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    [​IMG]

    พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=O-ncDkJcZ9I"]พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=fzC9aFvXAII"]พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=6SyOnwW1RaU"]พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=CTrRojcIff4"]พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Q5Xqazt8eVg"]พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=j35m6si4Ch0"]พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=0QUkF3IRE08"]พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=o6y-ZpzDrD8"]พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=BmQ36z0_OLY"]พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์[/ame]




    เพลงพระโอวาท พระอาจารย์จี้กง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2010
  8. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    [​IMG]

    ความรู้ในการกินไม่กินเนื้อสัตว์และการกินอาหารธรรมชาติ
    ข้อเปรียบเทียบระหว่างอาหารเนื้อสัตว์กับอาหารมังสวิรัติ


    1. เนื้อสัตว
    เป็นอาหารที่มีสกุลต่ำ เกิดจากกิริยาอาการของกามราคะ โทสะ โมหะเป็นอาหารที่ไม่บริสุทธิ์โดยธรรมชาติ
    อาหารธรรมชาต
    เป็นอาหารสกุลสูง เกิดจากกิริยาอาการของเกสรดอกไม้ผสมกันโดยธรรมชาติ เป็นอาหารเย็นและสะอาดบริสุทธิ์

    2. เนื้อสัตว์
    ได้มาจากความหวงแหนของเจ้าชีวิตถ้ายังมีชีวิตอยู่ด้วยแล้ว ก็อย่าหมายเสียเลยที่จะยอมให้เลือดเนื้อและเมื่อตายแล้ว เลือดเนื้อนั้นยังเหม็นคาว ปฏิเสธการกินของมนุษย์ ต้องใช้ไฟเป็นเครื่องบังคับถึงจะกินได้
    อาหารธรรมชาติ
    ได้มาด้วยเจ้าของยินดี ทั้งแสดงกิริยาชักชวนด้วยสี ด้วนกลิ่น ด้วยรส โดยไม่ต้องบังคับกดขี่

    3. เนื้อสัตว์
    ได้มาจากความเจ็บปวดรวดร้าว ด้วยความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเท่ากับเรากินก้อนแห่งความทุกข์ของผู้อื่น
    อาหารธรรมชาต
    ได้มาจากสิ่งที่เป็นสุขและไม่เจ็บปวดประการใดๆ คือเท่ากับเรากินก้อนแห่งความสบายของผู้อื่น

    4. เนื้อสัตว
    สำเร็จมาด้วยความร้อน ด้วยกิริยาอาการบังคับ กดขี่ ได้มาโดยการใช้ศาสตราวุธต่างๆและไม่เป็นธรรม
    อาหารธรรมชาติ
    ได้มาจากกิริยาอาการถูกศีลธรรม สุภาพเรียบร้อย ปราศจากการกดขี่

    5. เนื้อสัตว
    เป็นอาหารของเสือ สิงห์ ยักษ์ มาร ผีปอบ ปีป่วง ผีกะ ผีห่า ผีนรก ผีเปรต อสุรกาย เป็นอาหารของนักเลงผู้หญิง นักเลงสุรา เป็นอาหารของสัตว์อสรพิษ
    อาหารธรรมชาต
    เป็นอาหารของพรหม ของเทวดา โยคี ฤษี ชีไพร นักปราชญ์ บัณฑิต เป็นอาหารของนักตรัสรู้เช่น พระพุทธเจ้า เป็นอาหารของสัตว์ที่มีคุณเช่น ช้าง ม้า วัว ควาย แพะ แกะ เป็นอาหารของสัตว์สุภาพ เช่น นกเขา นกยูง นกพิราบ เป็นต้น

    6. เนื้อสัตว
    ทำให้จิตใจมัวหมอง ไม่ผ่องใส ทำให้ร่างกายเป็นป่าช้า เป็นที่ฝังศพที่กว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในโลก ฝังเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเต็ม ทำให้กามราคะ โทสะ โมหะ กำเริบ
    อาหารธรรมชาต
    ทำให้ร่างกายจิตใจตลอดจนศีลธรรมบริสุทธิ์ พอที่จะชำระล้างป่าช้าที่ฝังศพของสัตว์ในร่างกาย ให้สะอาดหมดจด ทำให้กามราคะ โทสะ โมหะ สงบตามปรกติ

    7. การกินเนื้อสัตว์
    เป็นเครื่องหมายของคนใจดำ ขาดความเมตตา กรุณา เห็นแต่ได้ฝ่ายเดียว
    การกินอาหารธรรมชาติ
    เป็นเครื่องหมายแห่งความเมตตา กรุณา มิได้เห็นแก่ลิ้นของตนฝ่ายเดียวและเป็นผู้ให้
    บุญ วาสนา 5 ประการ
    1. อายุวัฒนะ
    2. ลาภยศ สรรเสริญ
    3. สุขภาพดีทั้งกายและใจ
    4. กุศลจิตมั่นคง
    5. ละสังขารไปโดยสงบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2010
  9. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    clip VDO ส่งเสริมคุณธรรม[1/3]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=rcdBwBwi-eQ]ส่งเสริมคุณธรรม[1/3][/ame]

    clip VDO ส่งเสริมคุณธรรม[2/3]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=wi71ucZqaC4]ส่งเสริมคุณธรรม[2/3][/ame]

    clip VDO ส่งเสริมคุณธรรม[3/3]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=0UsZJq8jNDQ]ส่งเสริมคุณธรรม [3/3][/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2010
  10. wisaruth

    wisaruth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +1,726
    ขออนุโมทนา แต่ไม่น่ากลัวหรอกถ้าเรามีศีลที่บริสุทธิ์
     
  11. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    ดีใจจังที่ใด้รับวิถีทำเเล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤษภาคม 2010
  12. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    น่าสลดมากครับ
     
  13. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    กุหลาบเปลี่ยน กระถาง ไม่จางกลิ่น กุหลาบเปลี่ยน ฐานถิ่น ไม่จางสี

    กุหลาบเปลี่ยน แดนดิน ไม่สิ้นดี กุหลาบเปลี่ยน เดือนปี ไม่สิ้นงาม
     
  14. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ความเห็นส่วนตัว หลังจากได้ปฏิบัติวิปัสสนา 10 วัน พร้อมทานมังสวิรัติ (โปรดอย่าถือเป็นสรณะเลย เรายังอ่อนอยู่มาก)

    พอกลับมาบ้าน รู้เลยว่า สิ่งนั้นเป็นยังไงก่อนตาย เราทานมันเข้าไป เราก็จะรับพลังนั้นไว้ด้วย สิ่งนั้นปรุงด้วยอะไร ใครเป็นคนปรุง ลักษณะนิสัยอารมณ์เขาเป็นอย่างไร มันถึงกันหมด

    หากมีเวลาส่วนตัว ตั้งใจจะทานมังสวิรัติ ได้บางวันก็ดีกว่าไม่ได้เลยเนื่องจากต้องอยู่กับเด็ก ดูแลเรื่องอาหารการกินของเด็กเล็ก จะให้เรางดเลยมันคงไม่พอดีสำหรับเรา

    ตามนั้นค่ะ ^^
     
  15. หมอเป่า

    หมอเป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +687
    เวไนสัตทั้งหลายกำลังหลง
     
  16. texsum

    texsum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +1,511
    เรื่องราวเหมือนเราต่อจิ๊กซอว์ ยิ่งผ่านไปทุกวันๆตัวจิ๊กซอว์ก็จะยิ่งเพิ่มสุดท้าย "รูปที่เราอยากจะรู้มานานก็ได้รู้"
     
  17. นัทชี่

    นัทชี่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +62
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    [​IMG]

    มนุษย์ในโลก ล้วนดิ้นรนไข่วคว้า
    เพียงเพื่อลาภ สักการะ ชื่อเสียงจอมปลอม
    อันเปรียบดังฝุ่นธุลี ลมพัดก็จางหาย
    โลกเหมือนเวทีกว้าง ปิดฉากก็สิ้นสูญ
    ความอยู่ไม่น่าปลื้ม ความตายไม่น่าหวั่น
    หมดรักก็หมดทุกข์ จิตใจย่อมเป็นสุขสงบชั่วนิรันดร์
     
  19. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    [​IMG]

    พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า "ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติ ธรรม"

    มีคำกล่าวที่พูดถึงการถ่ายทอดวิถีอนุตตรธรรมของพระเยซู เจ้าตอนหนึ่งว่า "หลังจากนี้ข้าพเจ้าเห็นๆฐฅสวรรค์สี่องค์ ยืนอยู่ที่สี่ มุมโลก ท่านรงลมทั้งสี่ไว้ เพื่อจะไดใม่มีลมพัดในโลก หรือบนทะเล หรือบนต้นไมใดๆ ข้าพเจ้าเห็น,พูตสวรรค์องค์หนึ่งถือตราของ พระเจ้า ผู้ทรงพระชนม์อยู่ มาจากทางตะวันออก ท่านตะโกนเรียก ฑูตสวรรค์ทั้งสี่ที่มีอำนาจทำลายพื้นแผ่นดินและทะเลได้ 'พูตสวรรค์ องค์นื้กล่าวว่า อย่าทำอันตรายพื้นแผ่นดิน ทะเล หรือด้นไม้ จนกว่า เราจะประทับตราผู้รับใช้พระเจ้าของเราไว้ที่หน้าผาก" (วิวรณ์ บทที่ 7:1-3)

    และยังมีอีกประโยคหนึ่งกล่าวว่า "เมื่อถึงวันสุดท้ายของโลก มีฝูงตักแตนออกมาจากควันนั้น มาสู่พื้นดิน มันมีพิษร้ายเหมือนแมง ป่อง มันได้รับคำสั่งห้ามทำอันตรายหญ้า หรือต้นไม้ หรือพืชอื่นๆ จะ ทำร้ายได้แต่เพียงผู้ที่ไมมตราของพระเจ้าประทับที่หน้าผากเท่านั้น" (วิวรณ์ 9:34)

    ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิถีอนุตตรธรรม ล้วนมีรากฐานบุญ บารมีที่ได้สั่งสมมาแต่ในอดีตชาติ อย่างน้อยสามชาติ ประกอบกับ ชาตินี้เป็นคนดี มีอาชีพที่สุจริต จึงส่งผลให้ได้มีโอกาส เกิดกายเป็น มนุษย์ และก็ได้รับวิถีอนุตตรธรรม ด้วยอานิสงส์นี้เอง จึงส่งผลให้ เราได้รับคุณประโยชน์อีกมากมาย จากการที่ได้รับ และบำเพ็ญ- ปฏิบัติ วิถีอนุตตรธรรม ดังนี้
    สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตให้ดีขื้น ลดเคราะห์ร้ายภัย พิบัติ และลบล้างหนี้เวรกรรมได้
    พ่อแม่พี่น้องรักใคร่ปรองดอง สังคมสงบสุข ประเทศชาติ ร่มเย็น
    รู้จักตนเองอย่างชัดเจน สามารถฟื้นฟูจิตเดิมแท้ และเกิด ปัญญาอันเป็นสิ่งลํ้าค่าของมนุษย์
    ได้รับการถอนชื่อจากบัญชียมโลกไปสถิตบนสวรรค์ ณ ด่านตรีเทพพิทักษ์มหาราช
    สามารถฉุดช่วยบรรพบุรุษ 7 ชั้น และดูกหลาน 9 ชั้น พ้น จากนรกทั้ง 10 ขุมได้
    ได้รับนิรโทษกรรม 70% จากพระแม่องค์ธรรม หรือองค์ พระเจ้าและยังได้รับไตรรัตน์วิถีจิต อันเป็นสิ่งวิเศษ สามารถคุ้มตัวคุ้มภัยได้
    บำเพ็ญธรรมได้!นขณะครองเรือน ละกายสังขารไปแล้ว จิตญาณสามารถกลับคืนสู่แดนนิพพานบ้านเดิม พ้นจาก ความทุกข์ทั้งปวง

    สรุป ประโยชน์ที่ได้รับ จากการกราบขอรับวิถีอนุตตรธรรม ก็คืออย่างน้อยสามารถดำรงรักษาชีวิตให้สงบสุข พ้นจากเคราะห์ร้าย ภัยพิบัติ หรือจากเคราะห์หนักเป็นเคราะห์เบา อย่างมากสามารถ บำเพ็ญให้หลุดพ้น กลับคืนแดนนิพพานบ้านเดิมของเราได้ในชาตินี้ (มีประจักษ์'หลักฐานพิสูจน์ได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2010
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,692
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ธรรม คือ ครู....ให้ศิษย์ก้าวเดินตาม ****

    ธรรม
    คือ การกระทำ
    เป็นสิ่งที่ประกาศแล้ว ทำได้จริง

    ธรรมะพระพุทธเจ้า
    คือ การกระทำแต่ละตอนที่พระพุทธเจ้า
    ที่สามารถทำลายกิเลส ทำลายนิสัยของพระองค์เองได้

    พระพุทธเจ้า สอนพระสาวก
    ให้ทำลายเผาผลาญนิสัย ด้วยสัจจะ เป็นประจำทุกวัน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...