คืนวันออกพรรษา ลุ้นระทึกกับ

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 5 ตุลาคม 2006.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปริศนา?? บั้งไฟพญานาค : ต่างมุมต่างความคิด </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 กันยายน 2548 15:45 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รอยพญานาคที่ปรากฏริมแม่น้ำโขง บริเวณวัดจอมนาง อ.โพนพิสัย เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 48 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ในโลกกลมๆ ใบนี้ของเรา ยังมีสิ่งลึกลับที่หาคำตอบไม่ได้อยู่อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมนุษย์ต่างดาว เรื่องของผีวิญญาณ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่เหล่ามนุษย์ผู้มีความอยากรู้อยากเห็น ก็ยังคงพยายามค้นคว้าหาที่มากันต่อไป


    ในแถบภาคอีสานของประเทศไทยเรา ก็มีปริศนาลึกลับอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปอย่างกว้างขวาง นั่นก็คือสิ่งที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "บั้งไฟผี" หรือ "บั้งไฟพญานาค" ลูกไฟสีแดงอมชมพู ที่จะผุดขึ้นกลางลำน้ำโขงในวันออกพรรษานั่นเอง

    สิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์กันก็คือเรื่องที่ว่า บั้งไฟพญานาคเกิดจากสิ่งใดกันแน่ ซึ่งในตอนนี้ความคิดหลักๆ ที่มีคนเชื่อถือก็มีอยู่สองอย่างด้วยกัน นั่นก็คือ หนึ่ง...บั้งไฟเกิดจากฝีมือของพญานาค และสอง...บั้งไฟเกิดจากฝีมือของธรรมชาติ ส่วนความเชื่อที่ว่าบั้งไฟเกิดจากฝีมือของมนุษย์นั้น มีเหตุผลต่างๆ มาหักล้างจนความน่าเชื่อถือน้อยลง

    ด้านหนึ่งของความคิดเห็นของ โกเมนทร์ โปตะวัฒน์ หรือ พ่อโกเมนทร์ อดีตศึกษาธิการอำเภอโพนพิสัย ที่กล่าวถึงความเป็นมาของบั้งไฟพญานาคให้ฟังว่า

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ลูกไฟสีแดงอมชมพู ลูกไฟปริศนาในแม่น้ำโขง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "เรื่องบั้งไฟพญานาคนี่มันมีมาตั้ง 2000 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์หลังจากไปโปรดพุทธมารดา และส่วนในอำเภอโพนพิสัย พอวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ออกพรรษา จะมีการไหลเรือไฟ คนจะมาชุมนุมกัน ทั้งพระทั้งเณร ทั้งคนหนุ่มสาวผู้เฒ่าผู้แก่ ดูเรือไฟลอยขนานไปกับริมฝั่งโขง เป็นงานสนุกสนานมีการร้องรำทำเพลง มีการจุดบั้งไฟของเราเอง แล้วก็จะมีบั้งไฟที่ไม่ได้รับเชิญจากแม่น้ำโขงพุ่งขึ้นมาเหมือนกัน คนหนุ่มคนสาวก็ถามกันว่า คุณตา บั้งไฟที่ขึ้นนี่มันเกิดจากอะไร บั้งไฟอะไร คนแก่คนเฒ่าเขาก็บอกว่า ใต้ลำน้ำโขงของเราเป็นที่อยู่ของพญานาค วันนี้พญานาคเขาคงมีความชื่นชมยินดีกับเรา"

    "คนโพนพิสัยเองเห็นบั้งไฟพญานาคเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนอื่นๆ อย่างพวกข้าราชการที่มาทำงานที่นี่ คนมาค้าขายที่นี่ พอมาเห็นแล้วก็คิดว่าเป็นเรื่องแปลก พอวันขึ้น15ค่ำ ลูกไฟมันขึ้นมาได้ยังไง ทีนี้ก็เลยชักชวนพี่น้องเพื่อนฝูงมาดูกัน แล้วก็ค่อยๆ ขยายไป" พ่อโกเมนทร์ เล่า

    เมื่อถามความคิดเห็นว่า ใครสร้างบั้งไฟพญานาค พ่อโกเมนทร์บอกว่ายังไม่ขอฟันธง แต่หากจะบอกว่าเกิดจากธรรมชาติหรือแก๊สมีเทนนั้น ไม่ใช่แน่ๆ

    "ถามว่าใครสร้าง มันก็ไม่มีใครสร้าง แต่ที่บอกว่าเป็นแก๊สมีเทนนี่ไม่ใช่แน่นอน เขาอธิบายว่าแก๊สมีเทนนั้นเกิดจากซากพืชซากสัตว์ แต่มีดร.จาก มหาวิทยาลัยขอนแก่นบอกว่า ในแม่น้ำโขงนี้ไม่มีแก๊สมีเทน เพราะอัตราการไหลของแม่น้ำโขงนี้มันเชี่ยว ซากพืชซากสัตว์มันทับถมกันไม่ได้ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือในแม่น้ำโขงมันเป็นดินทราย แก๊สมีเทนเกิดไม่ได้ อีกอย่างถ้าเป็นแก๊สแล้วทำไมต้องเกิดเฉพาะวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ถ้าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติทำไมถึงไม่เกิดตลอด"

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=320 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=320>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทุกๆปีในวันออกพรรษาผู้คนจากทั่วสารทิศต่างเดินทางมารอชมบั้งไฟพญานาคกันอย่างเนืองแน่น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ผมบอกไม่ได้ว่าบั้งไฟเกิดได้ยังไงเพราะยังไม่รู้จริง แต่ถ้าถามว่าพญานาคมีจริงไหม มีแน่นอน ลุ่มแม่น้ำโขงแถวนี้มีแต่เมืองนาคทั้งนั้น การเกิดเวียงจันท์กับหนองคายนั้นก็มีแต่พญานาค พวกนาคทั้งหลายเมื่อสองพันกว่าปีโน้นยังมาช่วยเหลือคนได้ บันดาลอะไรต่ออะไรได้ แต่สองพันปีก่อนกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน คุณธรรมคนก็ไม่เหมือนกัน"

    "พญานาคอาจจะไม่อยู่ในใจพวกเราคนรุ่นใหม่แล้ว แต่พวกคนรุ่นเก่าๆ นี่เขาเชื่อกันมาก และถ้าเรานับถือศาสนาพุทธ เคยอ่านพระไตรปิฎก จะเห็นว่าพญานาคกับศาสนาพุทธมันโยงใยเกี่ยวข้องกันมาตลอด"

    ส่วนความคิดเห็นอีกฝั่งหนึ่งของนักวิทยาศาสตร์อย่าง หมอมนัส กนกศิลป์ นายแพทย์ของโรงพยาบาลหนองคาย ยืนยันชัดเจนว่า บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติแน่นอน

    "ผมเคยเห็นบั้งไฟขึ้นใกล้ๆ ห่างสัก 5 วา เห็นว่าน้ำกระจาย ลูกไฟวาบขึ้นมาเลย สามัญสำนึกของเราบอกว่า อย่างนี้มนุษย์ทำไม่ได้ บางคนก็พูดกันไปว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่เนื่องจากว่าเราเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ หากเราอธิบายไม่ได้คนอื่นก็คงไม่สามารถอธิบายได้ แต่ถ้าสมมติว่าเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติจริง มันเกิดขึ้นได้ยังไง" หมอมนัสเริ่มเล่าถึงเริ่มแรกที่คิดศึกษาเรื่องบั้งไฟพญานาค และเล่าต่อถึงสมมติฐานของการเกิดบั้งไฟพญานาคว่า

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=320 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=320>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พ่อโกเมนทร์ กับรอยที่เชื่อกันว่าเกิดจากพญานาค ณ ริมฝั่งโขง อำเภอโพนพิสัย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ในวันเพ็ญทำไมเราถึงรู้สึกสดชื่น ถ้าพระจันทร์เต็มดวง ยิ่งดวงใหญ่ก็ยิ่งสดชื่น ในความคิดของเราก็คือ หรือว่าส่วนประกอบของอากาศมันจะเปลี่ยน ทำให้ฟองแก๊สในธรรมชาติที่ขึ้นมาทำปฏิกิริยากับอากาศได้ แล้วถามว่าเกี่ยวอะไรกับพระจันทร์วันเพ็ญ มันก็เป็นเรื่องของแรงโน้มถ่วง"

    คำอธิบายสมมติฐานของหมอมนัสก็คือ ในช่วงที่เกิดบั้งไฟพญานาค บรรยากาศผิวโลกจะมีความหนาแน่นของโมเลกุลของออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น จากอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ และเมื่อมีพลังงานรังสีจากดวงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านม่านโอโซนลงมา จะทำให้โมเลกุลออกซิเจนแตกตัวเป็นอะตอมของออกซิเจน อะตอมที่มีพลังงานสูงจะมีความหนาแน่นสูงพอที่จะเกิดปฏิกิริยาสันดาปกับฟองก๊าซมีเทนที่ผุดขึ้นจากแม่น้ำโขง เกิดปฏิกิริยาที่ผิวสัมผัสกับฟองก๊าซลุกติดไฟ เป็นบั้งไฟพญานาค

    การศึกษาของหมอมนัสได้ทดลองโดยนำเอาเครื่องวัดออกซิเจนมาใช้ "สิ่งที่พบก็คือว่า เวลาออกซิเจนขึ้นสูงบั้งไฟก็จะขึ้น พอมันไม่สูงบั้งไฟก็ไม่ขึ้น ทดลองตั้ง 6 ปี ก็เป็นอย่างนี้ แล้วจะให้คิดยังไง ถ้าไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ" และไม่ใช่ในประเทศไทยเท่านั้น เพราะมีผู้เห็นบั้งไฟเหล่านี้ขึ้นในทะเลแดง ประเทศซาอุอีกด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นายแพทย์มนัส กนกศิลป์ นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลหนองคาย </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เมื่อถามถึงความเชื่อในเรื่องพญานาค หมอมนัสบอกว่า "คิดว่าสิ่งที่ชาวบ้านเชื่อและศรัทธากันนั้นเป็นเรื่องที่มีมูลอยู่ เห็นว่ามีเหตุและผล เราก็ต้องเคารพความเชื่อของเขา แต่เราไม่ได้ไปศึกษาตรงนั้น ก็คงจะบอกว่ามีหรือไม่มีไม่ได้"

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่หมอมนัสเห็นว่าน่าเป็นห่วงก็คือ จำนวนของบั้งไฟลดลงเรื่อยๆ จากสาเหตุของม่านโอโซนที่บางลง การสร้างเขื่อนกั้นตลิ่ง การดูดทรายจากแม่น้ำโขง รวมทั้งการสร้างเขื่อนในประเทศจีนมีผลกับบั้งไฟพญานาคแน่นอน "จำนวนลูกบั้งไฟลดลงเรื่อยๆ อีก 3-4 ปีอาจจะไม่มีบั้งไฟแล้ว ปีนี้ถ้าเห็นเกินร้อยลูกถือว่าดวงดี" หมอมนัสกล่าว

    ****************************

    ไม่ว่าบั้งไฟจะเกิดจากเหตุอันใดก็ตาม ทุกคนย่อมมีสิทธิคิดไปตามความเชื่อของแต่ละคนอย่างที่ไม่มีคำว่าถูกหรือผิดตราบใดที่ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่ประโยคที่ว่า "ความลับไม่มีในโลก" น่าจะใช้ได้กับทุกสถานการณ์ รวมทั้งเรื่องบั้งไฟพญานาคนี้ด้วย เพียงแต่ว่า ความลับนั้นจะเปิดเผยขึ้นมาเมื่อไร และอย่างไร...ก็ยังไม่มีใครรู้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เทศกาลออกพรรษาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ตรงกับวันอังคารที่ 18 ตุลาคม สำหรับในจังหวัดหนองคายนั้น บริเวณที่มีบั้งไฟพญานาคจะอยู่ในเขตอำเภอโพนพิสัย ปากคาด บึงกาฬ ศรีเชียงใหม่ สังคม และอำเภอโซ่พิสัยบางส่วน ส่วนในวันที่ 14-20 ต.ค. 48 จะมีงานเทศกาลออกพรรษา ณ บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่ง ท่าน้ำวัดลำดวนถึงท่าน้ำวัดสิริมหากัจจายน์ อ.เมือง จ.หนองคาย ซึ่งจะมีทั้งกิจกรรมการออกร้านจำหน่ายสินค้าและอาหาร และกิจกรรมต่างๆ มากมาย

    สำนักงานททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต 5 โทร.0-4232-5406 ถึง 7

    สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคายโทร.0-4241-2110

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เที่ยวหนองคาย ลุ้นระทึกกับ"บั้งไฟพญานาค"!!! </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 ตุลาคม 2548 18:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศยามเช้าของสะพานมิตรภาพไทย-ลาว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถ้าถามคนไทยที่มีเลือดรักชาติว่า “ประเทศไหนน่าอยู่ที่สุด?” ร้อยทั้งร้อยก็ต้องตอบว่า ประเทศไทยของเรานี่แหละ น่าอยู่ที่สุด

    ถ้าถามต่อว่า แล้วจังหวัดไหนของไทย ที่น่าอยู่ที่สุด? อันนี้ก็ต้องว่ากันไปตามใจชอบของแต่ละคน แต่สมาคมชาวอเมริกันผู้เกษียณอายุ เขายกให้ “หนองคาย” เป็นเมืองที่น่าอยู่มากที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลก ติดอันดับ 1 ใน 10 อย่างนี้แสดงว่าไม่ธรรมดา “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เลยต้องลองมาดูให้รู้ว่า อะไรทำให้เมืองหนองคายถูกยกย่องว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>วัดโพธิ์ชัย ที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพระใส พระคู่บ้านคู่เมืองหนองคาย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> จริงๆ แล้วในช่วงเวลาปกติ คนอาจจะไม่นึกถึงจังหวัดหนองคายนัก แต่ถ้าถึงเทศกาลออกพรรษาเมื่อไรละก็ ผู้คนจากจังหวัดทั้งใกล้ไกลก็จะพากันหลั่งไหลมายังจังหวัดนี้เพื่อรอชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ลูกไฟปริศนาที่จะเกิดขึ้นกลางแม่น้ำโขงบริเวณอำเภอโพนพิสัย ปากคาด บึงกาฬ ศรีเชียงใหม่ สังคม และอำเภอโซ่พิสัยบางส่วน แต่นอกจากในเรื่องของบั้งไฟพญานาคแล้ว จังหวัดหนองคายก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากที่น่าจะไปชม

    สำหรับจังหวัดหนองคายนั้น มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร จึงน่าจะเรียกได้ว่า เป็นเมืองสงบแห่งลุ่มน้ำโขงที่ยังมีวัฒนธรรมและประเพณีที่ยึดเหนี่ยวอยู่กับพุทธศาสนา และเมื่อพูดถึงเรื่องพุทธศาสนา “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ก็นึกไปถึงพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดหนองคาย นั่นก็คือ “หลวงพ่อพระใส” แห่งวัดโพธิ์ชัย พระพุทธรูปซึ่งมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ซึ่งตามตำนานบอกว่า พระธิดา 3 พระองค์ของพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แผ่นดินล้านช้าง ได้เป็นผู้สร้างพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ และให้ชื่อพระพุทธรูปตามนามของตนเองไว้ว่า พระสุก พระเสริม และพระใส

    เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ไทยเราไปตีเมืองล้านช้างเพื่อปราบกบฏ และเมื่อยกทัพกลับก็ได้นำเอาพระพุทธรูปจากเมืองล้านช้างมา ซึ่งรวมถึงพระสุก พระเสริม และพระใสด้วย การอัญเชิญพระพุทธรูปมายังประเทศไทยนั้น ทำโดยการล่องแพไม้ไผ่ออกมาตามลำน้ำงึมของประเทศลาว และเมื่อล่องแพมาถึงปากน้ำงึมในส่วนที่ติดกับแม่น้ำโขงนั้นก็ได้เกิดพายุพัดจนแพที่ประดิษฐานพระสุกได้พังลง ทำให้พระสุกจมอยู่บริเวณปากน้ำงึม ยังคงเหลือแต่พระเสริม และพระใส แต่เมื่อจะอัญเชิญพระทั้งสององค์มาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ เกวียนของพระใสก็ได้หักลงตรงบริเวณวัดโพธิ์ชัย เมื่อซ่อมแล้วเกวียนก็หักอีก วัวที่เทียมเกวียนก็ไม่ยอมเดิน หลวงพ่อพระใสจึงได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัยด้วยเหตุนี้ ส่วนพระเสริมสามารถอัญเชิญลงมายังพระนครได้ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดปทุมวนาราม ใกล้กับสยามสแควร์นี่เอง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เทวรูปปางต่างๆ ในศาลาแก้วกู่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> กราบสักการะหลวงพ่อพระใสเรียบร้อยแล้วก็อย่าลืมเดินดูจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์ เพราะภาพวาดที่นี่ไม่เหมือนใคร คือนอกจากจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า เทวดา นางฟ้า ที่พบเห็นได้ตามอุโบสถทั่วไปแล้ว ก็ยังมีเรื่องราวของตำนานหลวงพ่อพระใส ภาพประเพณีของชาวอีสานที่เรียกว่าฮีตสิบสอง และภาพชีวิตของชาวหนองคาย ซึ่งมีทั้งเรื่องของบั้งไฟพญานาค การแข่งเรือยาว เป็นต้น แต่ที่ว่าไม่เหมือนใครก็คือเป็นภาพวาดที่เป็นแสดงถึงความเป็นยุคปัจจุบัน สังเกตได้จากรายละเอียดในภาพ ทั้งการแต่งตัวของผู้คน ทั้งยังมีภาพของรถยนต์ การดูหนังกลางแปลง และรายละเอียดอื่นๆ อีกมาก ซึ่ง “ผู้จัดการท่องเที่ยว” รู้สึกว่ามันดูใกล้ตัว และเข้าใจได้มากกว่าแบบเก่าๆ

    กราบนมัสการหลวงพ่อพระใสเรียบร้อยแล้ว ไปเที่ยวกันต่อที่ศาลาแก้วกู่ ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก ศาลาแก้วกู่เป็นศาสนสถานของหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ ซึ่งมีรูปปั้นขนาดใหญ่เหมือนกับเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแสดงให้เห็นถึงนรก สวรรค์ ผลของการทำความดีความชั่ว และเทวรูปปางต่างๆ มากมาย ซึ่งแต่ละชิ้นนั้นก็มีขนาดใหญ่โต จนน่าทึ่งในฝีมือของคนสร้าง รูปปั้นของที่นี่จะออกเป็นแนวเทพฮินดู แต่ก็มีส่วนผสมของศาสนาพุทธ ตามความเชื่อที่ว่าหลักคำสอนทุกศาสนา สามารถนำมาผสมผสานได้ ส่วนรูปปั้นที่ดูโดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นรูปปั้นเทวรูปปางนาคปรก ซึ่งเป็นรูปพญานาคมุจลินท์ได้มาขนดหางให้พระพุทธเจ้าได้ประทับนั่ง แล้วแผ่พังพานทั้ง 7 เศียร อยู่เบื้องบนเพื่อเป็นการป้องกันภัย พญานาคนั้นอาจจะดูน่ากลัวไปสักเล็กน้อย เอาเป็นว่าใครที่ชอบอะไรแปลกๆ ก็ลองไปดูกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทางเดินไม้ชั้น 5 บนภูทอก เป็นจุดชมวิวที่สวยงามจุดหนึ่ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ใกล้เที่ยงแล้วเมื่อ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ออกมาจากศาลาแก้วกู่ เราไปหาร้านอาหารเที่ยงกินกันแถวๆ ริมแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมือง ที่เลือกไปกินแถวๆ นั้นก็ไม่ใช่อะไร เพราะตั้งใจว่าเมื่อกินเสร็จแล้วก็จะเดินช้อปปิ้งกันให้สนุกที่ตลาดท่าเสด็จ ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ เดินสะดวกไม่ร้อน เพราะมีหลังคาอย่างดี ส่วนสินค้าก็เป็นสินค้าที่มาจากประเทศในแถบอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็นขนม อาหารแห้ง เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องสำอาง หรือจะเป็นเครื่องประดับอย่างเครื่องเงิน หรือของแต่งบ้านแปลกๆ น่าสนใจก็มีเยอะแยะ ไม่น่าเชื่อว่าความยาวของตลาดท่าเสด็จที่ทอดยาวไปตามแม่น้ำโขงประมาณครึ่งกิโลเมตร จะทำให้กระเป๋าสตางค์ของเราเบาไปเยอะทีเดียว

    แต่ถ้ามาหนองคายแล้วสิ่งที่จะพลาดชมไม่ได้ก็คือ “สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว” สะพานที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นไปเพื่อมิตรภาพจริงๆ เพราะยังไม่เคยได้ยินว่าไทย-ลาวจะทะเลาะกันจนต้องปิดด่านกันเป็นการแก้เผ็ดเลยสักครั้ง แต่ถ้าจะไปชมสะพานก็ควรไปในช่วงแดดร่มลมตกยามเย็น เดินขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกแม่น้ำโขงกลางสะพานมิตรภาพ เดินไปเรื่อยๆ จนถึงป้ายห้ามผ่านที่กลางสะพาน แล้วจึงย้อนกลับมา

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ตลาดท่าเสด็จ หลากหลายสินค้าจากประเทศอินโดจีนมารวมกันอยู่ที่นี่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถ้าใครไม่อยากไปแค่กลางสะพาน แต่อยากจะข้ามไปฝั่งลาว เพื่อจะช้อปปิ้งในดิวตี้ฟรีของฝั่งลาว หรือจะเดินทางต่อไปอีกหน่อยเพื่อไปยังเวียงจันท์ ไปชมประตูชัย ก็สามารถทำได้โดยต้องไปทำบัตรผ่านแดนที่ศาลากลางจังหวัดหนองคาย เสียค่าธรรมเนียม 40 บาท อย่าลืมเตรียมรูปถ่ายไปด้วย 2 รูป บัตรผ่านแดนนี้สามารถอยู่ในลาวได้ 3 วัน และใช้ได้เฉพาะการเดินทางไปเมืองชายแดนไทย-ลาวไม่เกิน 25 กม. เท่านั้น ถ้าอยากไปไกลกว่านี้ต้องมีวีซ่าเข้าประเทศลาว

    เที่ยวในตัวเมืองกันไปแล้ว ลองออกไปนอกเมืองกันบ้าง ห่างออกไปอีก 163 กม. ไปยังอำเภอศรีวิไล ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอย่าง ภูทอก ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร หรือวัดภูทอก ซึ่งความหมายของภูทอกก็คือ ภูเขาที่โดดเดี่ยว โดยในอดีตนั้นตรงบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ จนพระอาจารย์จวน กุลเชษโฐได้เข้ามาตั้งแหล่งบำเพ็ญเพียร เนื่องจากเป็นสถานที่ที่สงบเงียบ

    ทางเดินขึ้นยอดภูทอกมี 7 ชั้นด้วยกัน เส้นทางลาดชันไม่ใช่เล่น แต่ทางวัดได้สร้างบันไดไม้ไว้ให้เดินกันได้อย่างสะดวก ระหว่างทางนอกจากจะมีต้นไม้ร่มครึ้มแล้ว ก็ยังมีดอกไม้ป่าดอกเล็กๆ สีสวยไว้ให้ชมกันเป็นระยะๆ และมีสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมเป็นจุดๆ ดังนั้นผู้ที่ขึ้นมาชมจึงไม่ควรส่งเสียงดัง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หลวงพ่อพระใส ขนาดองค์ไม่ใหญ่นัก แต่เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเมือง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับชั้นที่ 5 จะมีถ้ำพระวิหาร ซึ่งเป็นชะง่อนหินใหญ่ยื่นออกมาเป็นถ้ำ ทางวัดได้สร้างพระพุทธรูปไว้ให้ผู้คนได้ขึ้นมาสักการะที่นี่ และตรงช่วงนี้จะเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นพระวิหาร ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งยังมองเห็นภูวัวและภูลังกาได้ด้วย ส่วนชั้นที่ 6-7 ทางจะเริ่มน่าหวาดเสียวขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นสะพานไม้ไต่เวียนรอบเขาติดริมหน้าผา มองลงใต้เท้าตัวเองก็เห็นแต่พื้นโล่งๆ ที่มีไม้ค้ำยันเอาไว้ บางคนที่กลัวความสูงก็มักจะเดินขึ้นแค่ 5 ชั้นเท่านั้น แต่ใครที่ชอบทำอะไรให้ถึงที่สุด ก็จะได้พบกับวิวสวยงามด้านบน ส่วนตอนลงอาจจะขาสั่นกันเล็กน้อยเนื่องจากหมดแรง ก็แวะพักให้หายเหนื่อยเสียก่อน อย่าหักโหม

    ที่ว่ามานี้ก็คือสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคายที่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ได้ไปเยี่ยมชมมา ซึ่งก็ได้คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า อะไรทำให้หนองคายเป็นเมืองที่น่าอยู่อันดับ 7 ของโลก หลังจากที่ได้ไปสัมผัสมาแล้วสามารถตอบได้ว่า ความเงียบสงบ ความเรียบง่าย และความน่ารักของคนหนองคาย รวมทั้งสภาพบ้านเมือง โดยเฉพาะในแถบใกล้แม่น้ำโขง ที่เป็นระเบียบเรียบร้อย น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนที่ได้มาที่นี่รู้สึกประทับใจ

    และสำหรับใครที่ตั้งใจจะไปดูบั้งไฟพญานาคในช่วงวันออกพรรษานี้ ก็อย่าลืมเผื่อเวลาไว้ท่องเที่ยวตามเส้นทางที่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” แนะนำมา เพื่อจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของเมืองหนองคายได้อย่างใกล้ชิด บางทีเมืองนี้อาจจะเป็นเมืองที่น่าอยู่เป็นอันดับหนึ่งในใจคุณก็ได้


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    เทศกาลออกพรรษาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ตรงกับวันอังคารที่ 18 ตุลาคม สำหรับในจังหวัดหนองคายนั้น บริเวณที่มีบั้งไฟพญานาคจะอยู่ในเขตอำเภอโพนพิสัย ปากคาด บึงกาฬ ศรีเชียงใหม่ สังคม และอำเภอโซ่พิสัยบางส่วน ส่วนในวันที่ 14-20 ต.ค. 48 จะมีงานเทศกาลออกพรรษา ณ บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่ง ท่าน้ำวัดลำดวนถึงท่าน้ำวัดสิริมหากัจจายน์ อ.เมือง จ.หนองคาย ซึ่งจะมีทั้งกิจกรรมการออกร้านจำหน่ายสินค้าและอาหาร และกิจกรรมต่างๆ มากมาย

    สำนักงานททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต 5 โทร.0-4232-5406 ถึง 7

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> การเดินทางไปยังจังหวัดหนองคาย ที่พัก ร้านอาหาร

    อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

    “หนองคาย” เมืองสงบเรียบง่ายริมฝั่งโขง
    เที่ยววัด-ไหว้พระ "จังหวัดหนองคาย"เมืองแห่ง“บั้งไฟพญานาค”
    ปริศนา?? บั้งไฟพญานาค : ต่างมุมต่างความคิด
    เมื่อแม่น้ำโขงเปลี่ยนไป บางที“บั้งไฟพญานาค”อาจสูญพันธุ์
    เล่าขานตำนานบั้งไฟพญานาค
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หลากหลายประสบการณ์...กับพญานาค</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 ตุลาคม 2549 11:55 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พญานาคที่คนส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นผู้สร้างบั้งไฟ สามารถพบเห็นได้ตามศาสนสถานทั่วไปทั้งฝั่งไทยและลาว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    คืนวันที่ 7 ต.ค. นี้ จะเป็นวันที่สิ่งมหัศจรรย์แห่งลุ่มน้ำโขง หรือที่เรียกกันว่า “บั้งไฟพญานาค” จะปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแม้จะยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเกิดบั้งไฟที่แท้จริง แต่ในขณะนี้ ความเชื่อเกี่ยวกับการเกิดของบั้งไฟพญานาค มีกรณีที่เป็นไปได้อยู่ 2 กรณี ข้อแรกก็คือบั้งไฟพญานาค เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และข้อที่สอง คือพญานาคเป็นผู้สร้างบั้งไฟขึ้นเอง

    บั้งไฟพญานาค หรือที่เมื่อก่อนหน้านี้ถูกเรียกว่า “บั้งไฟผี” นั้น แม้ว่าจะยังไม่รู้สาเหตุที่มาอย่างแน่ชัด แต่วันนี้เรามีเรื่องราวของผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับพญานาคมาเล่าสู่กันฟัง

    บุญจันทร์ คำมุงคุณ ผู้ใหญ่บ้านและประธานโฮมสเตย์บ้านน้ำเป กิ่งอำเภอรัตนภูมิ จังหวัดหนองคาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ขณะที่กำลังลงเรือหาปลาอยู่ในบริเวณปากห้วยน้ำเปตอนประมาณสองทุ่ม ก็เห็นสัตว์ชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายงูอยู่ในน้ำ

    ที่ว่าลักษณะคล้ายงูก็เพราะ ตรงส่วนหัวนั้นไม่เหมือนงูทั่วๆ ไป คือมีลักษณะคล้ายหงอน และดวงตามีขนาดเท่าไข่ไก่เห็นเป็นสีแดง งูนั้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร เพื่อนที่ไปด้วยกันอีกสองคนก็เห็นเหมือนกันหมด

    แต่ภาพที่เห็นก็ไม่เหมือนภาพพญานาคที่เคยเห็นตามรูปมากนัก แต่ก็อาจเป็นเพราะเห็นไม่ชัด เพราะความมืด และช่วงเวลาที่เห็นก็นิดเดียว เพราะพอเรือเข้าไปใกล้เค้าก็ลงน้ำหายไป นั่นเป็นครั้งเดียวที่เห็น และรู้สึกกลัวมาก ช่วงนั้นไม่กล้าไปหาปลาตอนกลางคืนอีกเลย แต่จริงๆ แล้วเค้าก็ไม่ได้มีท่าทีเป็นอันตรายหรือจะทำร้ายแต่อย่างใด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทุกวันออกพรรษา บั้งไฟพญานาคจะพุ่งขึ้นมาให้คนได้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับพญานาคอีกคนหนึ่งก็คือ “แอร์” ซึ่งเป็นคนจังหวัดอุดรธานี และเป็นคนที่มีสัมผัสที่หก เรื่องนี้เกิดขึ้นมาประมาณ 6-7 ปีมาแล้ว ตอนนั้นที่บ้านจัดทัวร์พาคนมาดูบั้งไฟพญานาคที่ริมแม่น้ำโขง แล้วมีฝรั่ง 3 คน พ่อแม่ลูกมาร่วมทริปด้วย ซึ่งฝรั่งคนพ่อนี้นอกจากจะไม่เชื่อแล้วก็ยังพูดด่าว่าอยู่ตลอดเวลา

    การเดินทางในวันนั้นรถติดมาก แอร์ก็รู้สึกไม่ค่อยดี เหมือนจะเป็นลม จนประมาณ 3 ทุ่ม ที่บั้งไฟพญานาคลูกแรกขึ้น แอร์ก็รู้สึกวูบไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีในอีก 2 ชั่วโมงถัดมา ในลักษณะที่เท้าเหยียบอยู่ในแม่น้ำโขง มีคนหิ้วปีกอยู่ทั้งสองข้าง และรู้สึกว่าหน้าร้อนมาก ไม่เคยรู้สึกร้อนขนาดนั้นมาก่อน

    หลังจากนั้นจึงได้รู้ว่าช่วงที่ตัวเองวูบไม่รู้สึกตัวไปนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะแม่เล่าให้ฟังทีหลังว่า จากช่วงเวลาที่บั้งไฟลูกแรกขึ้นนั้น แอร์ก็มีท่าทีแปลกๆ เริ่มพูดไม่เหมือนตามปกติ ใช้ภาษาแบบคนโบราณ เช่น ข้ากับเจ้า และนั่งชันขาเหมือนคนโบราณแล้วบอกว่า เราเป็นพญานาคชื่อสีดา ดูแลน้ำโขงช่วงนี้อยู่ ที่มานี่เพื่อมาเตือน เพราะเห็นว่าในกลุ่มนี้มีคนที่ไม่เชื่อและพูดลบหลู่อยู่ พร้อมทั้งยังบอกว่าตนอยู่ที่นี่มาเป็นพันๆ ปีแล้ว และบั้งไฟนี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ

    จน 2 ชั่วโมงผ่านไป ถึงเวลาเกือบ 5 ทุ่ม พญานาคที่ชื่อสีดาก็บอกว่าจะกลับแล้ว ให้ช่วยไปส่งที่ริมแม่น้ำหน่อย จากนั้นแอร์ก็รู้สึกตัวขึ้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=294 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=294>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ร่องรอยของพญานาคที่ฝากไว้บนกระโปรงรถ (ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อีกประสบการณ์หนึ่งจาก จุมพล สายแวว นายช่างไฟฟ้าสื่อสาร 5 ซึ่งแต่ก่อนเป็นพนักงานโสตฯ รับผิดชอบในการนำเสนอข่าวให้กับวิทยุและหน่วยงานกรมประชาสัมพันธ์ จึงคลุกคลีและสัมผัสกับเหตุการณ์บั้งไฟพญานาคมาตลอด 14 ปี

    จุมพล บอกว่า ทุกๆ ปีก่อนที่จะถึงวันออกพรรษา มักจะมีเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพญานาคปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ เช่น ต้นมะพร้าว ที่ออกยอดมีลักษณะเหมือนพญานาค หรือชาวบ้านเห็นรอยคล้ายสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ขึ้นอยู่บนหลังคารถ ซึ่งปีนี้ก็เห็นมี 3-4 รอย

    “ทุกครั้งที่มีข่าวที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับพญานาค ผมก็ได้ไปทำข่าวมา ก็ได้เห็นเป็นรอยเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน เป็นรอยขนาดใหญ่ขึ้นทั่วหลังคารถเลย หรือบางรอยก็เห็นขึ้นริมโขง ก็เป็นสิ่งที่เราไม่กล้าวิจารณ์ว่าเป็นอะไร ไม่กล้าลบหลู่”

    แต่เหตุการณ์ที่เขาต้องจดจำเกี่ยวกับพญานาค เพราะได้เห็นกับตาและได้ถ่ายภาพวีดีโอไว้ เกิดขึ้นเมื่อ 7-8 ปีก่อน เมื่อเขาได้เห็นภาพของสิ่งมีชีวิตลักษณะลำตัวยาวๆ ที่คาดว่ามีหลายตัว เล่นน้ำอยู่กลางลำน้ำโขง ใกล้ๆ กับพระธาตุกลางน้ำ ซึ่งเหตุการณ์เป็นข่าวครึกโครม มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และเชื่อกันว่า เป็นเหตุการณ์ที่พญานาคขึ้นมานมัสการพระธาตุนั่นเอง

    “ในส่วนของผมเอง เท่าที่หลายๆ ฝ่ายได้มาพิสูจน์กัน และผมมาประมวลของผมเอง ก็มีความเชื่อที่คล้ายๆ กับชาวบ้านส่วนใหญ่ คืออาจจะเชื่อว่าเป็นกลุ่มก๊าซหรือเป็นอะไรสักอย่างที่พิสูจน์ไม่ได้ หรืออาจจะเป็นพญานาคก็ได้ แต่ยังไงก็คือไม่น่าจะเป็นคนทำ เพราะว่าถ้าเป็นคนทำก็ต้องลงทุนมากคือต้องทำสุดแนวแม่น้ำโขง คือมันขึ้นในแม่น้ำโขง ไม่ได้ขึ้นในฝั่งลาว และมันก็มีอย่างนี้ทุกปี” จุมพล กล่าว

    เรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นคำบอกเล่าจากประสบการณ์จริงของผู้ที่ได้เคยสัมผัสกับ “พญานาค” ที่แม้หลายๆ คนจะยังสงสัยว่ามีจริงหรือไม่ แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่เชื่อว่าพญานาคนั้นมีอยู่จริง

    แล้วคุณล่ะ คิดอย่างไร?


    หมายเหตุ : บทความนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่แต่ละคนพบเห็น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

    เล่าขานตำนานบั้งไฟพญานาค
    "หนองคาย" เมืองสงบเรียบง่ายริมฝั่งโขง
    บั้งไฟพญานาค: ปฏิกิริยาเคมีในลำโขง
    “บั้งไฟพญานาค” กับเหตุผลที่คนทำได้และไม่ได้
    15 ค่ำ เดือน 11 : พญานาคพ่นเม็ดเงินสู่อีสาน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บั้งไฟพญานาค” กับเหตุผลที่คนทำได้และไม่ได้<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 ตุลาคม 2547 16:11 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บั้งไฟพญานาคกับปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หลายๆ คน ก็หลายๆ ความคิด เรียกว่านานาจิตตัง สำหรับการโจษจันเรื่องบั้งไฟพญานาคที่เกิดขึ้นทุกค่ำคืนวันขึ้น15 ค่ำ เดือน 11 หรือในวันออกพรรษาของทุกปี ณ กลางลำน้ำโขง อ.โพนพิสัย ใน จ.หนองคาย และอ.ใกล้เคียง

    บ้างก็ว่าพญานาคแห่งเมืองบาดาลจุดบั้งไฟถวายพระพุทธเจ้าเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันออกพรษา

    บ้างก็ว่าเป็นปรากฏการณ์เคมีที่เกิดจากธรรมชาติ

    ส่วนบางคนก็ว่าบั้งไฟพญานาคจริงๆแล้วเกิดจากน้ำมือมนุษย์ ซึ่งคนที่เชื่อในเหตุผลนี้แม้ว่าจะมีส่วนน้อยกว่า 2 เหตุผลแรก แต่กระนั้นก็ยังผู้พยายามพิสูจน์และยกตัวอย่างให้เห็นว่า มนุษย์เป็นผู้ที่ทำบั้งไฟพญานาคขึ้นมา ส่วนจะทำขึ้นมาเพื่ออะไรนั้นยังตอบไม่ได้

    “บั้งไฟพญานาค” กับเหตุผลที่คนทำได้

    สมชาติ วิทยารุ่งเรือง ปริญญาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต นับเป็นหนึ่งในผู้ที่พยายามหาเหตุผลมาประกอบเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า บั้งไฟพญานาคนั้นเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ โดยเขาได้กล่าวไว้ในนสพ.ยักษ์ใหญ่หัวเขียวเมื่อช่วงออกพรรษาปีที่แล้วว่า ถ้าบั้งไฟพญานาคเป็นฝีมือของมนุษย์ มนุษย์จะทำขึ้นมาได้อย่างไรบ้าง

    ซึ่งสมชาติก็ได้สรุกวิธีการทำบั้งไฟพญานาคในแบบฉบับของเขามาได้ 8 วิธี

    วิธีที่แรก เพียงนำถ่านแคลเซียมคาร์ไบด์ กับก้อนน้ำแข็งหุ้มด้วยผ้า (เพื่อให้น้ำแข็งค่อยๆ ละลายทีละน้อย) ใส่รวมกันในถุงพลาสติก บรรจุปืนแก๊ปเด็กเล่นที่มีดินปืน ผูกเชือกรั้งไกปืน ผูกถุงติดกับทุ่นที่ใช้ลูกมะพร้าว ตากแห้ง ให้ลอยน้ำก็ได้ เมื่อปล่อยถุงลอยน้ำ น้ำแข็งจะละลายซึมผ่านผ้าทีละน้อย เป็นการตั้งเวลาการจุดลูกไฟพญานาค ตามหลักการนักประดิษฐ์...ด้วยวิธีธรรมชาติที่สุด

    น้ำแข็งที่ละลายออกมา เมื่อทำปฏิกิริยากับ แคลเซียมคาร์ไบด์ จะเกิดแก๊สขึ้น ทำให้ถุงพอง ออกเรื่อยๆ เมื่อแก๊สในถุงสะสมพองมากขึ้น เชือกที่ผูกไกปืน ไว้จะดึงจนปลดไกปืนกระแทก กับเชื้อปะทุ เกิดประกายไฟ ลุกไหม้แก๊สในถุง ให้พวยพุ่งขึ้นจากผิวน้ำ เกิดเป็นลูกไฟพญานาค ถ้าต้องการลูกไฟหลายลูก ก็ต้องทำหลายถุงหน่อย

    วิธีที่ 2 เขาว่าใส่ปืนแก๊ปกับดินปืนในถุง มัดปลายเชือกกับไกปืนกับปากถุง ปลายเชือกที่ผูกสลักไกปืนจะต่อผูกกับทุ่น ทำจากถุงพลาสติกใส่ก้อนหินในถุง ปิดปากถุงด้วยสำลี แล้วใช้สำลีอุดปากถุง เพื่อตั้งเวลาจุดชนวน เวลาปล่อยลูกไฟประดิษฐ์ลงน้ำ สำลีจะซับน้ำจนทุ่นลอยไม่ไหว จมน้ำตามน้ำหนักหินที่ถ่วงไว้ เมื่อถุงทุ่นจมจะฉุดถุงดินปืนจมตาม ดึงสลักไกปืนอัตโนมัติ ปะทุดินปืนลุกไหม้เป็นลูกไฟลอยจากใต้น้ำขึ้นสู่ผิวน้ำ

    เทคนิคประดิษฐ์ลูกไฟแบบนี้เชือกที่ผูกสลักไกปืนติดถุงทุ่น ต้องทำให้ปากถุงยืดหยุ่นได้

    วิธีที่ 3 ให้ใส่ดินปืนในถุงกันน้ำ ใส่แบตเตอรี่ 9 โวลต์ ต่อกับหลอดไฟฉายที่กะเทาะเอาแก้วหุ้มออก ตัดไส้หลอดให้ขาดต่อยาวออกมานอกถุงใช้เป็นสะพานไฟ จากนั้นมัดปากถุงให้แน่น กันไม่ให้น้ำเข้า นำปลายสะพานไฟต่อเข้ากับแผ่นทองแดงบางๆขนาดแผ่นละ 2 ตารางนิ้ว วางแผ่นทองแดงให้ชิดกันมากที่สุด อย่าให้แตะกัน

    แล้วนำสะพานไฟทองแดงใส่ถุงพลาสติกที่มีสำลีกับเกลือเม็ด มัดถุงอย่าให้สนิท เพื่อให้น้ำซึมเข้าถุงได้ เวลาลอยน้ำ น้ำจะซึมผ่านสำลีเปลี่ยนเกลือเม็ดเป็นสารละลายน้ำ เกลือทำให้แผ่นทองแดงมีหน้าที่ เป็นสะพานไฟ

    เมื่อลูกไฟประดิษฐ์ครบวงจรหลอดไฟฉายจะร้อนแดงเป็นไฟจุดดินปืนในถุงให้ระเบิด เกิดเป็นลูกไฟลอยขึ้นสู่ผิวน้ำได้เช่นกัน ขณะที่หลักฐานที่ปรากฏคือทุ่นสำลี ก็จะดูดน้ำแล้วจมลงใต้น้ำ ไม่มีหลักฐานให้จับได้

    วิธีที่ 4 ก็ใช้ดินปืนเหมือนกันโดยใส่ดินปืนและตัวจุดชนวนในถุงพลาสติก ตัวจุดชนวนทำเหมือนแบบปืนแก๊ป แต่เปลี่ยนเป็นแบบ ที่หนีบเสื้อกับราวตากผ้า ปลายหนีบข้างหนึ่งมีเชื้อปะทุ จะระเบิดด้วยแรงสปริงเมื่อที่หนีบกางออก

    แต่บีบไว้ด้วยยาง และแช่ยางไว้ในน้ำมันเบนซิน ต้องแช่ยางอีกถุง กันไม่ให้น้ำมันผสมกับดินปืน ยางที่แช่ในน้ำมันเบนซินนานหลายชั่วโมงจะหมดสภาพคลายความเหนียว ทำให้ก้านหนีบแยกตัวออก เกิดการจุดชนวนระเบิดลุกไหม้ เกิดเป็นลูกบั้งไฟพญานาคจากใต้น้ำอีกแบบหนึ่ง

    วิธีที่ 5คล้ายกับวิธีที่ 4 แต่เปลี่ยนการรัดที่หนีบจากยางเป็นลวดเส้นเล็กๆ และแช่ลวดในน้ำกรด เมื่อกรดกัดลวดขาด ก้านหนีบดีดตัวออกเกิดการจุดระเบิด ลุกไหม้ทันที

    วิธีที่ 6 ใช้วิธีแบบเดิม แต่เปลี่ยนใช้เชือกผูกกับยางที่รัดก้านหนีบ อาศัยคลื่นน้ำช่วยรูดยางออก จนเกิดการจุดชนวนปะทุลุกไหม้เป็นลูกไฟ

    วิธีที่ 7 เป็นการใส่ดินปืนและปืนแก๊ปในถุงพลาสติก ใช้การพองตัวของเม็ดแมงลักปลดล็อกตัวจุดชนวน บรรจุเม็ดแมงลักในกระบอก ด้านล่างกระบอกเจาะรูขนาดให้เส้นด้ายที่ใช้ทำตะเกียงผ่านได้ แล้วต่อเส้นด้ายตะเกียงให้ยาวออกนอกถุงดินปืน ใช้เส้นด้ายซึมน้ำเข้ากระบอก ทำหน้าที่ออสโมซิส น้ำให้เม็ดแมงลัก พอเม็ดแมงลักพองตัวเต็มที่ ลูกสูบจะเคลื่อนตัวดันกระเดื่องไกปืนแก๊ป ให้กระแทก เชื้อปะทุ เกิดเผาไหม้ระเบิดเป็นลูกไฟ

    สำหรับวิธีสุดท้ายที่เขาคิดค้นได้ เป็นการนำเอามูลสัตว์มาใช้เพื่อสร้างแก๊ส เป็นแหล่งเชื้อเพลิงปะทุจุดระเบิด อาจใช้มูลสุกรใส่ในถุงพลาสติก พร้อมกับชุดปืนแก๊ปที่ใช้เป็นส่วนลั่นไกจุดชนวนระเบิดอัตโนมัติประกอบเข้าด้วยกัน

    แต่วิธีนี้ทำลูกไฟแบบนี้เขาว่าห้ามใช้มูลสัตว์เปียกชื้นเด็ดขาด ไม่งั้นลูกไฟด้าน จุดยังไงก็ไม่ติด จากนั้นค่อยผูกกระเดื่องไกปืนเข้าข้างถุง และต้องผูกปากถุงให้แน่นที่สุด

    ทำลูกไฟวิธีนี้ต้องลอยลูกไฟขี้หมูในน้ำนานหลายวัน อาจใช้เวลา 7-20 วัน กว่าขี้หมูจะเกิดแก๊สชีวภาพ ดันถุงให้พอง เมื่อถุงพองกางออก จะปลดล็อกไกปืนเป็นการจุดชนวนให้ลูกไฟพญานาค แบบขี้หมูระเบิดทันที

    ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนเราจะมีความมานะพยายามหาทางคิดค้นประดิษฐ์การเกิดลูกไฟของบั้งไฟพญานาคได้ขนาดนี้ ซึ่งนี่ก็นับเป็นหนึ่งในความเชื่อส่วนบุคคลที่สุดแล้วแต่ว่าใครจะเห็นไปในทิศทางใด

    “บั้งไฟพญานาค” กับเหตุผลที่คนทำไม่ได้

    ในขณะที่สมชาติได้ออกมาเสนอให้เห็นถึงหลายวิธีของปรากฏการณ์บั้งไฟที่มนุษย์อาจจะทำได้ ด้านนพ.มนัส กนกศิลป์ ผู้โด่งดังกับทฤษฎีบั้งไฟพญานาคเกิดจากสารเคมี ก็ได้ออกมาถึงเหตุผลที่ว่า บั้งไฟพญานาคไม่น่าที่จะเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ โดยคุณหมอได้กล่าวว่า ถ้าบั้งไฟพญานาคเกิดจากการกระทำของคน คนๆนั้น ต้องมีคุณสมบัติดังนี้ คือ

    1.ต้องแข็งแรงมากเพราะกระแสน้ำมันแรงมาก ในขณะที่คนธรรมดากอดเสาอยู่ในน้ำยังทรงตัวไม่อยู่
    2.ต้องอายุยืนมากเพราะว่าปรากฏการณ์นี้ เมื่อตนเริ่มศึกษาเมื่อปี 2522 ก็มีบั้งไฟพญานาคขึ้นมาแล้ว 120 ปี ซึ่งจริง ๆ แล้ว ต้องเกิดขึ้นนานกว่านี้อีก เนื่องจากคนที่ทำคนนี้ต้องมีอายุมากกว่า 104 ปีแล้วต้องทำด้วยตัวเองจึงตัวเองจึงจะคุมความลับได้
    3.ต้องรวยมากเพราะมันขึ้น 52 ตำแหน่งประมาณ 1,500 – 2,500 ลูก คนที่ทำต้องมีเงินจ้างคนไปประดาน้ำทำเรื่องนี้
    4.ต้องกล้ามากขนาดที่ไม่กลัวพญานาคแล้ว ยังต้องกล้าที่ทานกระแสน้ำที่ลึกมากและกลัวที่จะโดนเอ็ม 16 ของหน่วย นปข.ซึ่งเขาก็บอกอีกว่ามันขึ้นเฉียดเรือเขาเลย
    5.คนที่หลอกลวงคนเป็นล้าน ๆ คน ต้องฉลาดมากและไม่ใช่แค่ปี สองปีแต่มันมีมาเป็นร้อย ๆ ปีแล้ว
    6.ต้องถามตังเองว่าทำเพื่ออะไร ตอบไม่ได้ แล้วมาคิดอีกทีจะมีใครบ้าที่จะมาลงทุนตรงนี้ เพราะว่ามันคุ้มหรือไม่
    7.จากการวัดออกซิเจน มนุษย์ที่ไหนจะทำตรงเครื่องวัดในหน้าร้อนได้ เพราะเราวัดอยู่ตลอดทั้งหน้าร้อนหน้าหนาว

    สำหรับเหตุผลของหมอมนัสก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ออกมาค้านเรื่องบั้งไฟพญานาคว่าไม่น่าจะเกิดจากน้ำมือมนุษย์โดยหาเหตุผลมาวิเคราะห์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องของปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคใครจะมองไปในทิศทางใดก็ถือว่าเป็นความเชื่อของแต่ละคน

    ทั้งนี้ผู้ที่มีความคิดเห็นเรื่องบั้งไฟพญานาค ควรถือคติ “เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ” เป็นดีที่สุด
    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    ผมขอ อนุโมทนา สาธุในบุญกุศลของท่านพญานาค ที่มีต่อพระพุทธศาสนาด้วยครับ
     
  7. จอกแหน

    จอกแหน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    272
    ค่าพลัง:
    +873
    ก็ต้องลุ้นกันครับคืนนี้ว่าจะมีลูกไฟขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่สภาพอากาศวันนี้ดูจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ครับขณะนี้ฝนเริ่มตกแล้วน่าเสียดาย สงสารผู้คนที่มาเฝ้าดู
     
  8. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    อยากไปดูจังเลยครับ อยากเห็นบั้งไฟพญานาค
     
  9. yokeedevil

    yokeedevil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +6,257
    YaHoo!!! วันนี้ก็จะได้ไปดู แต่ถ้าฝนตกล่ะก็แย่เลย
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อลังการแสงสีเสียงตำนานบั้งไฟพญานาค</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 ตุลาคม 2549 18:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ความอลังการของงานแสดงแสงสีเสียงเล่าขานตำนานบั้งไฟพญานาคที่นักท่องเที่ยวตลึง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ค่ำวันนี้(6ต.ค.)จะมีการแสดงให้นักท่องเที่ยวได้รับชมอีกครั้ง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>หนองคาย- งานแสดงแสงสีเสียงเปิดตำนานบั้งไฟพญานาค หนึ่งในกิจกรรมรับนักท่องเที่ยวงานเทศกาลบั้งไฟพญานาค จะมีขึ้นอีกรอบค่ำนี้ (6 ต.ค.) หลังจากสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวไปแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา

    ค่ำวันนี้ (6 ต.ค.) ที่บริเวณที่ราชพัสดุ ข้างวัดลำดวน เขตเทศบาลเมืองหนองคาย จะยังคงมีการแสดงแสง สี เสียง ตำนานพญานาคขึ้นอีกครั้ง หลังจากค่ำวานนี้ (5 ต.ค.) การแสดงได้สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวไม่น้อย

    โดยการแสดงใช้ชื่อชุด “มหาพุทธบูชา นาคะประทีป นาฏนันทการ ครั้งที่ 9” โดยนักแสดงและทีมงานชมรมนาฏศิลป์หนองคาย กว่า 200 คน ถ่ายทอดเรื่องราวความเชื่อที่ชาวหนองคายมีต่อบั้งไฟพญานาค ว่า เกิดจากพญานาค ซึ่งมีความศรัทธาต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้พ่นลูกไฟถวายขึ้นเป็นพุทธบูชา

    ในขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อโปรดพระมารดา ในค่ำคืนวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาการแสดงชุดนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว และประชาชนชาวหนองคายชมการแสดงอย่างคับคั่ง

    สำหรับการแสดงแสงสีเสียงเปิดตำนานบั้งไฟพญานาคปีนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงใหม่ ให้ท่วงท่าในการแสดงอ่อนไหว อ่อนช้อยสวยงาม ปรับเปลี่ยนฉากใหม่ ย้ายสับเปลี่ยนสถานที่ แต่ยังคงโครงร่างเดิม ใช้นักแสดงจากชมรมนาฏศิลป์หนองคาย ซึ่งเป็นนักเรียนจากโรงเรียนในจังหวัดหนองคาย ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนชาวหนองคาย และนักท่องเที่ยวชมการแสดงแสงสีเสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาคในครั้งนี้จำนวนมาก

    นอกจากนี้ ยังมีการประกวดกระทงยักษ์ และการลอยเรือไฟบูชาพญานาคในลำน้ำโขง ถนนอาหาร การแสดงบนเวทีตลอดคืน ส่วนการแสดงแสง สี เสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาคจัดการแสดง 2 วัน คือ วันที่ 5-6 ต.ค.นี้ ก่อนที่จะไปชมบั้งไฟพญานาคของจริงในวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมกันเป็นจำนวนมาก

    โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.โพนพิสัย และกิ่ง อ.รัตนวาปี ที่เคยเกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคให้เห็นมากกว่าเขตอำเภออื่นทุกๆ ปี และมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคมากกว่าทุกปีเช่นกัน

    ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับกับนักท่องเที่ยว จังหวัดได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตลอดจนอาสาสมัครไว้อำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. magic power

    magic power เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +200
    อยากไปชมจังเลยครับ สักวันหนึ่งต้องหาโอกาสไปชมให้เห็นกับตาเลยครับ
     
  12. Guitar Worachet

    Guitar Worachet สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +3
    เราเชื่อ 100%ว่าไม่ใช่คนทำแน่นอน เราเชื่อในตำนานของศาสนาพุทธ แล้วซักวันเราจะต้องพาแม่ไปดูให้ใด
     
  13. noi

    noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,120
    ค่าพลัง:
    +47,443
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นักท่องเที่ยวเฮ! ดวงไฟพญานาคผุดกลางลำโขงนับสิบลูก</TD><TD vAlign=baseline align=right width=85>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 ตุลาคม 2549 09:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นักท่องเที่ยวไม่ผิดหวัง เมื่อบั้งไฟพญานาคลูกแรก ผุดขึ้นจากน้ำโขงเมื่อเวลา 18.18 น. ที่ผ่านมา ตามด้วยดวงไฟอีกหลายลูกทยอยผุดขึ้นจากลำน้ำ สร้างความตื่นตาตื่นใจสมกับที่รอคอยมานาน

    เมื่อเวลา 18.18 น.วานนี้(7ต.ค.) บั้งไฟพญานาคผุดจากแม่น้ำโขงลูกแรก ที่บ้านตาลชุม ต.ท่าม่วง กิ่ง อ.รัตนวาปี จำนวน 4 ลูก จากนั้นบั้งไฟพญานาคก็ทยอยขึ้นให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ยอดจำนวนลูกไฟเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. รวมที่บ้านตาลชุม 12 ลูก

    นอกจากนี้ ยังมีบั้งไฟพญานาคทยอยเกิดขึ้นอีกหลายจุดที่บ้านหนองกุ้ง – หนองแก้ว ต.กุดบง อ.โพนพิสัย 12 ลูก, บ้านหนองแก้ว ต.กุดบง 11 ลูก, บ้านท่าม่วง ต.ท่าม่วง กิ่ง อ.รัตนวาปี 14 ลูก, ภูเสด็จ ต.เหล่าต่างคำ อ.โพนพิสัย 4 ลูก, บ้านโพนแพง ต.โพนแพง กิ่ง อ.รัตนวาปี 3 ลูก, บ้านน้ำเป ต.รัตนวาปี กิ่ง อ.รัตนวาปี 3 ลูก และที่แก่งอาฮง ต.หอคำ อ.บึงกาฬ 10 ลูก ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของนักท่องเที่ยวที่รอชมอย่างคับคั่งตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโขง ต่างพากันยินดีเมื่อบั้งไฟลูกแรกโผล่ขึ้น ร้องตะโกนชี้ชวนให้กันดูและตบมือดีใจที่ได้เห็นปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค และยังคงปักหลักรอชมกันอย่างไม่ลดละ เพราะต่างเชื่อว่าจะได้เห็นบั้งไฟพญานาคอีก

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. Good_oom

    Good_oom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +562
    รอยพญานาค อ่ะครับ ผมว่า มันไม่น่าใช่นะ เพราะว่า รอยเหมือนกับการ ปั้มกดทับลงไป ถ้าเป็นพญานาค จะต้องเป็นลักษณะของการเลื้อย ดินจะเป็นแบบ ขรูดๆ ไป เหมือนกับ เอาไม้ มาลากกับทราย
     
  15. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ผมคิดเองนะ วันออกพรรษา เป็นวันขึ้นมาจุติของจิตวิญญาณที่อยู่ข้างล่าง
     
  16. noi

    noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,120
    ค่าพลัง:
    +47,443
    <TABLE borderColor=darkblue height=85 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD align=left bgColor=#990000 height=23>ไม่ผิดหวังบั้งไฟโผล่ นับหมื่นแห่หนองคาย</TD></TR><TR><TD height=32><TABLE height=30 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD>ที่มาของข่าว/หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    http://www.matichon.co.th/khaosod/

    ลูกแรก- บั้งไฟพญานาคลูกแรกโผล่ขึ้นเหนือแม่น้ำโขง เมื่อเวลา 18.18 น. ที่บ้านตาลชุม กิ่ง อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ต่อหน้านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศนับหมื่นคน ในวันออกพรรษา

    คนนับหมื่นไม่ผิดหวังบั้งไฟพญานาค โผล่กลางแม่น้ำโขง จ.หนองคาย เกือบ 70 ลูก ลูกแรกโผล่ที่บ้านตาลชุม ต.ท่าม่วง กิ่งอ.รัตนวาปี เวลา 18.18 น. หลังฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักตลอดทั้งวัน ทำให้การจราจรจากตัวเมืองไปริมแม่น้ำโขง ทั้งที่โพนพิสัย รัตนวาปี บึงกาฬ ติดขัด ส่วนที่ขอนแก่นเกิดเหตุสลด เมื่อเด็กๆ เล่นประทัดวันออกพรรษา บางรายถูกปาประทัดใส่ จนระเบิดเข้าหน้าตาบอดถึง 3 ราย อีกรายนิ้วขาด ส่วน 6 รายอาการสาหัส

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. khochpaak

    khochpaak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +1,727
    ที่บึงกาฬว่าขึ้น 10 ลูกน่ะมั่วแล้ว

    ปีนี้เป็นปีที่4 ที่ผมไปหนองคาย เพื่อไปสักการะหลวงพ่อพระใสและอนุโมทนาบุญให้กับเหล่าพญานาคที่คอยปกปักรักษาพระพุทธศาสนา และประเทศไทย ทุก ๆ ปีผมมักจะไปอยู่ที่บ้านน้ำเป กิ่งอำเภอรัตนวาปี แต่มาปีนี้ไม่รู้คิดยังไงใจอยากจะไปที่แก่งอาฮง ที่เขาว่ากันว่าเป็นสะดือแม่น้ำโขง ปีนี้รู้สึกว่าการเดินทางค่อนข้างทุลักทุเลพอควร เนื่องจากฝนตกตลอดตั้งแต่ไปถึงจังหวัดอุดร ต่อไปยังหนองคาย ต่อไปยังบึงกาฬ ฝนตกไม่มีทีท่าจะหยุด แต่ก็อัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่อถึงเวลา 17.30 น.ของวันที่ 7 ต.ค.49 ฝนที่มีแนวยาวตลอดแม่น้ำโขง เริ่มทยอยหยุดลง ไล่จากอำเภอบึงกาฬ ถอยลงไปหา ปากคาด รัตนวาปี โพนพิสัย และ ทีตัวจังหวัดหนองคาย (ที่ทราบก็เพราะถามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีวิทยุสื่อสาร) ในส่วนของบึงกาฬนั้น ลูกไฟขึ้นลูกแรก ตอน 3 ทุ่มกว่าแล้ว ส่วนที่ขึ้นมาก่อนหน้านั้นแล้วมีคนเฮกัน นั้นไม่ใช่ เป็นการจุดพลุจากฝั่งลาว คิดว่าคงจะเป็นการจุดเล่น แบบฝั่งไทย แต่เนื่องจากจุดระยะไกล คนที่มาเป็นครั้งแรกก็เข้าใจว่าเป็นบั้งไฟพญานาค จึงร้องเฮกันลั่น แต่ผมเคยไปดูมาแล้วถึง 3 ครั้ง และจำได้ติดตาติดใจว่า มีลักษณะ และสี อย่างไร ผมจึงมั่นใจว่ามันไม่ใช่ และที่ขึ้นจริงๆ ก็แค่ 3 ลูกเท่านั้น และได้สอบถามกับตำรวจว่าที่ บ้านน้ำเปขึ้นหรือไม่ ตำรวจบอกว่าขึ้นไปกว่า 10 ลูกแล้ว -*- เลยรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ดูที่บ้านน้ำเปเหมือนทุกปี แต่ที่แก่งอาฮง ก็เป็นสถานที่สวยงาม เพราะบริเวณนี้ จะพบเห็นก้อนหินทรายขนาดใหญ่มาก วางเรียงรายกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ มีเฉพาะที่นี่ที่เดียวที่ชัดเจน นั่งรถตั้งแต่หนองคายมาจนถึงบึงกาฬ ก็มีที่นี่แหล่ะ เลยแปลกใจว่า มาไงหว่า หรือว่าเป็นภูเขาเดิมถล่มลงมา แล้วก็น้ำกัดเซาะหายไป เพราะมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็น จะมีอีกทีก็ ที่ภูทอก ก็ห่างกันอยู่มาก หลังจากผ่านคืนวันที่ 7 ไป ตอนเช้าก็ตื่นมาดูบรรยากาศโดยรอบ ก็ให้รู้สึกสลดสังเวชแก่ใจมาก กองขยะ ขวดเหล้า กระดาษ สารพัดขยะ เต็มวัดไปหมด (ลืมบอกไปว่า ที่แก่งอาฮง มีวัดด้วย สวยงามพอควร อุโบสถ ตั้งบนเนินน้อยๆ หันหน้าออกไปยังแม่น้ำโขง วิวสวยมาก ตรงข้ามฝั่งลาว จะมีภูเขาทอดตัวยาวเหยียด ซึ่งก็มีภูเขาควายอยู่ที่นั่นด้วย ) เจ้าอาวาสต้องระดม พระ เณร ช่วยกันเก็บกวาดขยะ ผมเองยังไม่ได้ล้างหน้า แต่ก็อดสงสารพระไม่ได้ก็เลยช่วยกวาดเก็บไปด้วย กว่าจะเสร็จก็ร่วมชั่วโมง กวาดไปก็คิดไปว่า วันออกพรรษา ก็คือวันพระ และเป็นวันพระพิเศษที่สำคัญวันหนึ่ง พญานาคเขาไม่ใช่คนเขายังบูชาพระพุทธเจ้าท่าน เขายังแสดงความเคารพต่อพระศาสนา ไม่ว่าบั้งไฟนั้นเขาจะทำให้เกิดขึ้นหรือไม่ แต่คนเฒ่าคนแก่ที่เคยพบเห็น หรือแม้กระทั่งพระผู้เฒ่าในอดีตกาลหลายองค์ก็เคยกล่าวไว้ว่า พญานาคนั้นมีจริง และ แสดงบั้งไฟให้ปรากฏจริง เขามีตัวมีตนจริงๆ (หลวงปู่มั่นก็เคยพูดถึงพญานาค) แล้วมนุษย์นี่ทำอะไรกันอยู่ กินเหล้าวันพระ ฆ่าสัตว์เพื่อมาฉลองกันในวันพระ หามหรสพมาดูกันเพื่อความบันเทิงในวันพระ ลักขโมยของของคนที่มาเที่ยวกันในวันพระ ไปนั่งลูบนั่งคลำกันริมน้ำโขงในวันพระ ฯลฯ สุดท้ายทิ้งขยะไว้ให้พระมานั่งกวาด แล้วนี่พญานาคเขาอยากจะให้พวกเราไปดูเขามั๊ยเนี่ย ผมเห็นคนกินเหล้าข้าง ๆ ผมก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เข้าใจคำว่า ปัญญาคนไม่เท่ากัน ไม่ใช่ว่าผมฉลาดจึงไม่กินเหล้า แต่ผมรู้สึกว่า ผมน่ะโง่มาหลายแสนชาติ มาชาตินี้ถึงไม่กินเหล้า ไม่ผิดศีล 5 แล้วคนเหล่านี้เขาไม่คิดมั่งเลยเหรอว่า ชาตินี้เลิกเหล้าได้แล้ว รักษาศีล 5 ได้แล้ว ก็ได้แต่หวังว่า พญานาคท่านคงจะเห็นใจคนที่เขายังรู้ถึงความดีของท่าน และท่านคงจะยังบูชาพระพุทธเจ้าท่านด้วยบั้งไฟต่อไป ส่วนเรื่องที่จะให้มนุษย์หันมาหยุดเหล้า และรักษาศีล 5 นั้น ก็คงจะยาก เพราะ วัดเองก็ต้องอาศัยคนหมู่มาก มาบำรุงรักษา จะไปขัดขวาง หรือจัดระเบียบที่มันขัดกับใจของคนหมู่มากก็คงไม่ได้ ปัจจัยยังคงมีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ของพระเณร .เศร้าครับ ไม่รู้จะพิมพ์อะไรต่ออีก
     
  18. surad

    surad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +1,287
    อยากไปดูจัง
     
  19. eve1

    eve1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +682


    สาธุ

    สิ่งเหล่านั้นมีอยู่ เป็นธรรมชาติของคนเราที่เชื่อในสิ่งที่เห็น ย่อมไม่ผิด
    ขอให้ท่านทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงกระแสแห่งธรรมด้วยเทอญ...



     

แชร์หน้านี้

Loading...