สนทนาตามประสา

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย May be no one, 1 มีนาคม 2010.

  1. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191

    เรื่องเล่านี่หลังไมค์นะโก้ ไม่งั้นเด๋วเกิดมีคนที่เค้าไม่ได้รู้ไม่ได้เห็นอย่างเรา หาว่าเจ๊อาการโคม่าแล้วเจ้จะเสียself

    วันนั้นที่บอกจะโทรหา เจ้โทรแล้วนะ แต่ระบบมันเข้าเป็นvoice mail น่ะ

    เออ....โก้ เราน่าจะอำลุงเค้านะ เรื่องที่ลุงเค้านึกว่าโก้เป็น spy (vine cooler)555555 เอาให้แกหลอนเลย.....สงสัยแกจะ หนี้นอกระบบ ระแวงตาหลอดดดดด คุณลุงขาๆๆๆๆๆๆๆ สมัยนี้น่ะ เค้าพัฒนาแล้ว เช็คnetจากมือถือเจ้าค่ะ55555555 แต่โทรศัพท์รุ่นทำลายตัวเองขอลุงเช็คม่ะด้ายฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  2. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    ก้อตัวpig_ballet มันดูไม่ได้ เลยต้องยืมรูปคนอื่นแทนอ่ะดิ่


    ลุงขาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เปลี่ยนเพลงเหอะ ฟังแล้วอยากหลับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2010
  3. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191

    คนพูดเจอดีมาแล้ว อิอิอิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. KOKOKING_<<0>>

    KOKOKING_<<0>> เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    813
    ค่าพลัง:
    +1,373

    ผมนี่วาสนาน้อยจริงๆเลยครับ อดฟังเลยวันนั้นผมก็นึกว่าเจ๊ไม่ว่าง โถ ที่แท้ผมบุญน้อยนี่เอง
     
  5. Genanee

    Genanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +196
    สาธุ อนุโมทนาในบุญกุศล ของนู๋แอม กับThanunchapat นะจ๊ะ อ่านแล้วมีความสุข และ ยินดีในธรรมไปด้วยจิงๆๆค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2010
  6. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>วิธีการปฏิบัติ : นั่งสมาธิภาวนาแบบ “ธรรมะเปิดโลก”
    (หลายใจแรงๆ เข้า ออก-เข้า ออกๆ)

    ขอแนะนำวัดเขาสมโภชน์ เพราะว่าวัดนี้เป็น การปฏิบัติกรรมฐานแบบเปิดโลก (การเปิดให้เห็นทั้ง 3 โลก แบบที่พระพุทธเจ้าเคยแสดงในวันที่พระองค์เสด็จลงมาจากการขึ้นไปโปรดพุทธมารดา) แต่ที่วัดนี้ คำว่า เปิดโลก ไม่ใช่ว่าสามารถทำได้อย่างพระพุทธเจ้า แต่เป็นการให้นั่งดูกรรมตัวเอง ดูว่าที่เราปวดหัว ปวดเข่า เป็นอะไร เพราะว่าอะไร อย่างบางคนเห็นตัวเองเป็นทหารสมัยของพระเจ้าตากสิน พอมาที่วัดก็จะรู้สึกว่าตัวเองเจ็บคน พอนั่งดูแล้วก็จะเห็น พอเห็นแล้ว ถ้าเขาทำเราให้ตายก็อโหสิให้เรา จะได้ไม่เป็นเวรเป็นกรรมกันอีก แต่ว่าถ้าเราทำให้เขาตาย ก็ให้เราขออโหสิกับเขา

    วิธีปฏิบัตินำมาจากหลวงพ่อคง จตฺตมโล (ท่านอาราธณาพระพุทธเจ้าช่วย) แต่ตอนนี้ท่านปลงสังขารแล้ว แต่มีหลวงพ่อผิว ซึ่งเป็นผู้ติดตามของหลวงพ่อคง (จึงเรียกได้ว่าเป็นมือขวา) ได้รับหน้าที่เป็นผู้นำญาติโยมฝึกต่อ

    วัดเขาสมโภชน์ เป็นที่ปฏิบัติธรรมเห็นกรรมเวรอดีตชาติทำกรรมอะไรไว้บ้าง
    ชาตินี้ถึงส่งผลมาเป็นเช่นนี้ อยากรู้ไปค้นหา ปฏิบัติรู้ได้ด้วยตนเอง

    - เป็นสถานที่ให้ความรู้ทางด้านกฎแห่งกรรม
    - ไปไหว้พระอรหันต์ที่กลายเป็นหินบนยอดเขา
    - ไปกราบมนัสการหลวงปู่คง อยู่ในโลงแก้วไม่เน่าไม่เปื่อย
    - ไปทำบุญให้กับฝูงลิงที่นับวันมากขึ้นทุกที อาหารการกินน้อยลง
    - ไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร มีถ้ำและธรรมชาติที่สวยงาม
    - ไปค้างจะมีบริการให้ครบหมดที่นอน หมอน มุ้ง กลด ผ้าห่ม
    - อาหารจะเป็นมังสะวิรัติหมด ไม่มีเนื้อสัตว์
    - เพียงแต่หอบสังขารและจิตคิดศรัทธาที่จะปฏิบัติเท่านั้น

    [​IMG]
    พระอุโบสถหลังใหม่ วัดเขาสมโภชน์
    ...............................................................................................


    ความเป็นมาของกรรมฐานธรรมะเปิดโลก

    ความเป็นมาของกรรมฐานธรรมะเปิดโลก คือ กาลครั้งหนึ่งสมัยที่สมเด็จพระบวรนาถสมณโคดมยังทรงพระชนม์อยู่ ในกาลนั้นได้เสด็จขึ้นสู่ดาวดึงส์เทวสถานเพื่อโปรดพระพุทธมารดา ในวันที่เสด็จกลับจากดาวดึงส์ ได้มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากคอยรับเสด็จอยู่ ในครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงใช้พุทธานุภาพแสดงโลกทั้งสามให้ปรากฏแก่พสกนิกรผู้เป็นศานุศิษย์ของพระพุทธชินสีห์ ประชาชนที่มารับเสด็จในวันนั้น ต่างก็ได้รับทิพยจักขุญาณ เห็นเทวโลก มนุษยโลก และอบายโลก พร้อมกัน กล่าวคือ เทวดาทั้งหลายก็เห็นมนุษย์และสัตว์ในอบาย มนุษย์ทั้งหลายก็เห็นเทวดาและสัตว์ในอบาย สัตว์ในอบายทั้งหลายก็เห็นทั้งมนุษย์และเหล่าเทวดา เรียกว่าทั้งสามโลกมองเห็นกันทะลุปรุโปร่ง

    ในวันนี้พระพุทธคุณนั้นเป็นอานุภาพที่ไร้ขอบเขต ทรงฤทธานุภาพสูงสุดในจักรวาล ในวันนั้นเทวดามนุษย์และสัตว์เดรัจฉานทั้งปวงต่างๆ ก็ได้พบพ่อแม่ พี่น้อง ครูบาอาจารย์ มิตรสหาย และบริวารเก่าๆ ที่กำลังเสวยผลกรรมอยู่ในภพต่างๆ กัน เป็นทุกขเวทนาบ้าง สุขเวทนาบ้าง จึงเกิดเมตตาจิต อธิษฐานอโหสิกรรมผู้ที่ได้เคยกระทำชั่วต่อกันมาให้ได้พ้นจากบาป กรรมเวรเหล่านั้น

    ในวันนั้นเอง มีผู้มีปัญญาเกิดความเบื่อหน่ายคลายความยินดีในภพชาติ หลุดพ้นจากอาสวะ สำเร็จเป็นพระอรหันต์เป็นจำนวนมาก จากนั้นมาธรรมะเปิดโลกก็มิได้ปรากฏในพระประวัติพระพุทธศาสนาอีกเลย จนกระทั่งเมื่อหลวงพ่อคง จตฺตมโล พุทธสาวกสมัยพุทธกาลนี้ ได้ถือเนกขัมมะวัตรเป็นบรรพชิตบำเพ็ญเพียรด้วยวิริยะอันแรงกล้า วิรัติแล้วจากการเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ทั้งโดยตรงและโดยทางอ้อม ตั้งแต่อยู่ในฆราวาสวิสัย ดำริมั่นที่จะออกจากกาม ได้จาริกเพื่อเจริญวิมุติญาณเข้าสู่โลกกุตระสภาวะมาโดยลำดับ

    จนกระทั่งลุถึง ถ้ำอรหันต์ เขาสมโภชน์ ลพบุรี ท่านได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐานเป็นอุกฤษฏ์ จนบังเกิดความตึงเครียดในทุกส่วนของประสาท ก็ยังไม่สำเร็จผลดังหวัง ทำให้รู้สึกท้อแท้ ท่านจึงน้อมจิตอธิษฐานว่า หากคุณพระพุทธเจ้ามีจริง ขอทรงมาโปรดให้ท่านมีดวงตาเห็นธรรมด้วยเถิด ในครั้งนี้เอง ก็มีปรากฏการณ์บังเกิดขึ้นกับหลวงพ่อ ท่านได้พบพระวิสุทธิสัมมาสัมพุทธเทพ และได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติกรรมฐาน อาศัยบุญบารมีเก่าที่หลวงพ่อคงเคยเป็นหลวงพ่อร่วง ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิกถาไว้สั่งสอนปวงชนมาก่อน พระพุทธองค์จึงทรงประทานธรรมะเปิดโลกให้ เมื่อหลวงพ่อใช้กำลังสติปัญญาเข้าพิจารณาภูมิอันเป็นอาสวะแห่งงวัฏฏะแล้ว เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด จิตใจมุ่งเข้าสู่ความบริสุทธิ์ สำเร็จวิสุทธิญาณในวันนั้นเอง

    จากนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมโลกเชษฐ์ได้ทรงประทานพุทธานุญาตให้หลวงพ่อคงโปรดแสดงธรรมะเปิดโลกแก่พสกนิกรพุทธบริษัทได้ โดยอาราธนาพระพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และอริยสังฆานุภาพ มาเป็นอำนาจเปิดโลก เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจแจ้งเรื่องกรรมและกลไกของกรรมโดยถ่องแท้

    กรรมฐานธรรมะเปิดโลก จึงได้รับการถ่ายทอดสาธิตจากหลวงพ่อคงนับตั้งแต่นั้นมา

    [​IMG]

    หลักการฝึกจิตแบบธรรมะเปิดโลก

    ธรรมเปิดโลกเป็นอานุภาพที่พระพุทธเจ้าทรงใช้สมัยเสด็จลงจากดาวดึงส์ โดยใช้พุทธานุภาพเปิดโลกทั้งสามให้มนุษย์ เทวดา และเปรต นรก เห็นกันได้หมด จากนั้นก็ไม่มีปรากฏการณ์ทำนองนี้อีกเลยในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา

    จนกระทั่งหลวงพ่อคงท่านปฏิบัติมหาสติปัฏฐานอยู่ที่ถ้ำอรหันต์ ลพบุรี หวังหลุดพ้นแต่ยังไม่หลุดพ้นสักที ท่านจึงอธิษฐานว่าหากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริงขอให้โปรดท่านให้มีดวงตาเห็นธรรมะและหลุดพ้นด้วยเถิด

    และในที่สุดท่านก็ปฏิญาณว่าท่านได้พบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริง และถึงฝั่งอรหันตภูมิแล้ว จึงประกาศธรรมะเปิดโลก แต่กำลังพระอรหันต์ไม่เท่าพระพุทธเจ้าที่จะสามารถทำให้เห็นด้วยตาเปล่าได้ แต่ทำให้เห็นด้วยญาณ และปรากฏการณ์ทางกายและจิตใจได้

    ด้วยกายนี้เป็นที่ตั้งแห่งกรรมชรูป และจิตชรูป กรรมกิเลส ตัณหา และอวิชชามากมาย โดยมีจิตและเจตสิกเป็นผู้ทำงานร่วมพร้อมด้วยตลอดเวลา จึงให้ใช้กายเป็นฐานในการบำเพ็ญจิต เพื่อคลายอาสวะเหล่านั้นแห่งเจตสิกออกมา

    เมื่อมีการกระทบกันของกาย จิต เจตสิก ย่อมเกิดการเคลื่อนไหว และการคลายตัวตามธรรมชาติ คลายมลทินต่างๆ ที่ฝังแน่นในอัตตาออกมาในรูปของการสะท้อน กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่อัดแน่นอยู่ในตัวตน และเพื่อให้ปลอดภัยและรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านให้ถวายกรรม ถวายเวรให้แก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก่อน และให้อาราธนาพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพมาโปรดกำกับกระบวนการด้วย

    ก่อนอื่นผู้ประสงค์จะเจริญกรรมฐานธรรมะเปิดโลก จะต้องถวายกรรม ถวายเวรให้กับพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าก่อน เพื่อเป็นการอาราธนาอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ลงมาโปรด หากไม่อาราธนาแล้วท่านจะไม่มายุ่งด้วย เพราะถือว่าเจ้าของไม่อนุญาต แต่เมื่อาราธนาแล้ว น้อมธรรมะมาใส่ตัว อานุภาพของพระพุทธเจ้าก็ดี พระธรรมเจ้าก็ดี พระสังฆเจ้าก็ดี จะลงมาโปรดเปิดโลกให้ได้รู้

    วิธีภาวนา

    เมื่อมอบกายถวายชีวิตต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ต่อไปก็น้อมรับอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มาสถิตประสิทธิ์ประสาทในขันธสันดานของตน อำนาจวิสุทธิทิพย์จะเข้ามาเพื่อบุคคลน้อมเข้ามาใส่ตนเท่านั้น

    ผู้ปฏิบัติพึงเฝ้าดูอาการของลมหายใจที่ลิ้นปี่ (ก้นปอด) ยามขยายตัวพองออกก็รู้แจ้งชัดว่าขยายพองตัวพองออก บริกรรมกำชับความรู้ตัวว่า “พองหนอ” เมื่อมันยุบแฟบลงก็รู้แจ้งชัดว่ายุบแฟบลง บริกรรมกำชับความรู้ตัวว่า “ยุบหนอ” นี่คืออานาปานสติฐานเดียว

    เมื่อทราบวิธีการแล้วจึงลงมือปฏิบัติได้ โดยนั่งคู้บัลลังก์ เท้าขวาทับขาซ้าย หรือเท้าซ้ายทับขาขวา ก็ได้ตามถนัด เอามือขวาทับมือซ้าย หรือมือซ้ายทับมือขวา หรือประสานกันไว้วางบนหน้าตัก ตั้งกายให้ตรงดำรงสติให้มั่น

    มองไปที่พระพุทธรูป บอกกับตัวเองว่า “บัดนี้ฉันได้ถวาย ร่างกายและชีวิตนี้ต่อพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าแล้ว ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะปล่อยให้เป็นไปตามอำนาจแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บัดนี้ฉันจะเจริญสมาธิ ให้นิ่งอยู่ด้วยความรู้ตัวทั่วพร้อม ฉันจะไม่สนใจเรื่องภายนอก ฉันจะไม่ยินดียินร้ายกับรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่อาจมากระทบ จะสนใจเพียงประการเดียวคือความรู้ตัวอันบริสุทธิ์เท่านั้น” จากนั้นค่อยๆ หลับตาลง

    แล้วเริ่มสังเกตดูอาการของลมหายใจ เอาจิตจดจ่ออยู่ที่ลิ้นปี่ เฝ้าดูอาการของลมปราณอยู่อย่างปกติเฉย เมื่อมันพองออกก็บริกรรมว่า “พอง” เมื่อมันยุบก็บริกรรมว่า “ยุบ” ลมจะสั้นจะยาวจะช้าจะเร็ว อย่าเข้าไปบังคับมัน การเข้าไปบังคับลมหายใจจะทำให้ขาดความสมดุลในกระบวนการ อาจเกิดการอึดอัด เหนื่อยหอบ คอแห้ง เป็นต้น

    ด้วยอำนาจของสตินั้นจะทำให้จิตถอนตัวออกจากขันธ์และอาการของขันธ์ เมื่อเราถอนจิตออกจากขันธ์ ขันธ์จะผ่อนคลาย และสงบเย็น สิ่งผิดปกติในขันธ์จะถูกกำจัดออกไปปรากฎเป็นอาการต่างๆ ก็ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ตามและไม่ต้าน เสมือนขณะที่เรากวาดฝุ่นละอองออกจากบ้าน ฝุ่นกระจายฟุ้งไปเราก็ไม่คว้าฝุ่นนั้นไว้ หรือไล่ตามฝุ่นไปฉันใด ในยามที่เราชำระขันธ์ ความเครียดของกรรมเก่าคลายออกไป เราก็ไม่ต้องไปคว้ากรรมนั้นมาไว้อีก หรือไหลตามกรรมนั้นไปฉันเดียวกัน ปล่อยให้มันคลายออกไปตามกลไกธรรมชาติ เราพึงทรงสติรู้ดูเฉยอยู่ ขันธ์จะกระตุกเต้นก็ปล่อยไป แต่จิตจะไม่เข้าไปเต้นกระตุกด้วย ให้ทรงสติรู้อยู่ ด้วยวิธีนี้จิตจะถอนออกไป เมื่อกรรมนั้นคลายออกไปหมดก็เป็นอันสิ้นกรรมตัดเวรนั้นๆ ขาดไป แต่หากมีกรรมใหญ่ที่ไม่อาจคลายได้หมด หรือกรรมที่ตัดไม่ขาดเพราะยังมีเจ้ากรรมนายเวรจองล้างจองผลาญอยู่ ก็ให้เชิญเจ้ากรรมนายเวรมาแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล และทำพิธีอโหสิกรรม ตัดเวร เพื่อเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเสีย

    [​IMG]
    รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อคง จตฺตมโล
    ...............................................................................................


    ชำระขันธ์เพิ่มพลังอำนาจ

    การคลายกรรมและตัดกรรมออกไปด้วย จะทำให้ขันธ์ของท่านสะอาดโปร่งเบาขึ้น เมื่อใจสงบลง องค์ประกอบภายในอันได้แก่ กาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็จะจัดเรียงตัวกันใหม่ให้เป็นระเบียบยิ่งขึ้น นำมาซึ่งความมั่นคง แข็งแรง และมีพลังอำนาจ

    ความตึงเครียดทั้งหลายทั้งที่เครียดเพราะติดดี และติดเลว สามารถเอาออกจากขันธ์ได้โดยการลดความเร่าร้อนของจิตใจลง เมื่อใจสงบลงแล้ว อุณหภูมิของกายก็จะค่อยๆ ลดลง ขันธ์ต่างๆ ก็จะสงบลงระบบต่างๆ จะค่อยๆ จัดเรียงตัวกันใหม่ให้เป็นระเบียบ ช่วงนี้อาการเครียดอันแปลกปลอมอยู่ในร่างกายก็ดี ใจก็ดี จะเริ่มคลายออก ซึ่งอาจจะออกทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทางใจบ้าง

    ทางร่างกาย เช่น ชาตามมือตามเท้า เกร็งทั้งตัว สั่น แน่นหน้าอก รู้สึกเสียวไปทั่วสารพางค์กาย ปวดศีรษะ ปวดเอว เมื่อยหลัง ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากอำนาจผลกรรมของการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ลักทรัพย์ ฉ้อโกง ประพฤติผิดในกาม และดื่มน้ำเมา เสพสิ่งเสพติด

    ทางวาจา เช่น ร้องไห้ ร้องเพลง ส่งเสียงเอิ๊กอ๊าก ร้องด่าผู้อื่น โอดครวญคราง สารภาพผิด ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากอำนาจผลกรรมของการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ พูดล้อเลียน

    ทางใจ เช่น รู้สึกอึดอัด มือตื้อ รู้สึกวาบหวิวเหมือนตกจากที่สูง ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากอำนาจผลกรรมทางใจที่โลภ โกรธ และหลงใหล งมงาย ขาดปัญญา

    เมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิ อาการเหล่านี้จะเริ่มคลายออกมา หากมีอาการใดเกิดขึ้น นักปฏิบัติไม่ต้องตกใจ ปล่อยให้มันเกิด ไม่ตาม ไม่ต้าน ทรงสติมั่นรู้อยู่ เข้าใจอยู่ว่านั่นสักแต่ว่าเป็นผลกรรม ไม่เป็นตน เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง เรารู้แล้วว่าทำชั่วได้ชั่วจริง ต่อไปนี้ชีวิตเราจะไม่ทำกรรมชั่วอีกแม้แต่น้อย ตั้งใจให้แน่วแน่เด็ดเดี่ยวแล้วอาการจะค่อยๆ หายไปเอง ที่สำคัญอย่าออกจากสมาธิในขณะที่มีอาการเพราะจะทำให้อาการนั้นค้างอยู่ในชีวิต ควรนั่งต่อไปจนอาการนั้นหายไปจึงค่อยออกจากสมาธิ

    [​IMG]

    สมาธิควบคู่กับการงาน

    การประกอบการงานเป็นกุศโลบายที่สำคัญมากที่จะประคองสมาธิไว้กับจิตใจให้ตั้งมั่นตลอดเวลา นำพลังอำนาจของสมาธิมาใช้ประกอบการงานทำให้ผลงานมีประสิทธิภาพ นำพลังอำนาจของสมาธิมาใช้ประกอบการงานทำให้ผลงานมีประสิทธิภาพ ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างราบรื่นมีความเจริญทั้งในทางโลก และทางธรรม การเจริญสมาธิควบคู่กับการงานจึงเป็นตบะที่ทุกคนควรต้องฝึกหัดบำเพ็ญให้เป็นที่ยิ่ง

    การเจริญสมาธิควบคู่กับการงานนั้นควรบำเพ็ญสลับระหว่างนั่งกรรมฐาน และการออกสู่การงาน โดยนำอำนาจจิตที่เจริญขึ้นในระหว่างการภาวนานั้น มาใช้ประกอบการงานสรรค์สร้างความผาสุกให้กับสังคม เริ่มด้วยการออกจากกรรมฐานอย่างสำรวมระวัง รักษาสติอยู่เสมอในทุกๆ อิริยาบถที่เคลื่อนไหวไป อำนาจสมาธิก็จะตั้งมั่นแนบแน่นอยู่ในจิตใจ ด้วยการฝึกกรรมฐานแล้วออกมาผประกอบการงานนั้น เสมือนหนึ่งการย้อมผ้า เมื่อเรานำผ้าไปจุ่มสีแล้วก็เอาขึ้นมาตากแดด เมื่อตากแดดแรกสีย่อมจางไปบ้าง จึงเอาไปจุ่มสีอีก ตากแดดที่สองก็จางลงอีกเล็กน้อย จึงเอาไปจุ่มสีอีก จุ่มอีกตากแล้ว ตากแล้วจุ่มอีกเช่นนี้ จนสีแนบแน่นติดเนื้อผ้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน ครานี้แม้จะนำผ้าไปตากแดดสักเท่าใดสีก็ไม่เสียไป

    การฝึกกรรมฐานแล้วออกมาประกอบการงานก็เช่นกัน เมื่อมากระทบกับปัญหาในการทำงานครั้งแรกอาจจะรู้สึกว่าจิตหวั่นไหวเสียสมาธิไปบ้าง ก็เข้ากรรมฐานอีก เข้ากรรมฐานแล้วออกมาทำงานอีกเช่นนี้ตลอดไปในที่สุด จิตใจก็จะมั่นคงในทุกขณะของชีวิต แม้ระหว่างประกอบการงานหรือเผชิญคลื่นปัญหาที่รุนแรงเพียงใดก็ไม่ไหวหวั่น ที่สำคัญคือเมื่อออกจากกรรมฐานให้ประคองสติสัมปชัญญะไว้ด้วยความสำรวมระวัง และประกอบการงานหรือเผชิญคลื่นปัญหาที่รุนแรงเพียงใดก็ไม่ไหวหวั่น

    การจะพัฒนาจิตใจให้ก้าวหน้าไปสู่ความสมบูรณ์ได้นั้น พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า จะต้องบำเพ็ญเป็นที่สม่ำเสมอ ดังนั้นจะหายใจทิ้งไปทำไมเปล่าๆ เล่า ควรเจริญสติ สมาธิ ไปด้วยทุกลมหายใจดีกว่าจะได้คุณประโยชน์อันเป็นอเนกอนันต์

    ยามคิด คิดด้วยความสุขุม เปี่ยมด้วยเจตนาดีต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งปวงโดยส่วนรวม
    ยามพูด พูดด้วยใจอันอ่อนโยน การุณย์
    ยามกระทำ ก็ทำด้วยใจดี มีปัญญาใคร่ครวญในทุกกิจที่กระทำ

    เมื่อปฏิบัติด้วยดีแล้ว การงานทั้งหมดจะสำเร็จด้วยใจ มีใจเป็นใหญ่ขับเคลื่อนอำนาจสู่การกระทำ เพื่อสร้างสรรค์งานให้สำเร็จลุล่วงด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์

    นักปฏิบัติควรฝึกหัดกระทำดังนี้เสมอๆ ก็จะพบความมหัศจรรย์ของชีวิต พบคุณค่าแท้จริงของจิตใจ มีอำนาจภายในตั้งมั่นอยู่อย่างไม่เสื่อมสลาย

    [​IMG]

    ระเบียบการพำนักปฏิบัติธรรมในวัดเขาสมโภชน์

    ผู้ที่จะประสงค์จะพำนักปฏิบัติธรรมในวัดเขาสมโภชน์ โปรดศึกษาระเบียบปฏิบัตินี้ให้เข้าใจ ดีเสียก่อน เพื่อความกลมเกลียวกันในหมู่คณะ

    1. ทุกท่านมีสิทธิเข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรม และพำนักในวัดเขาสมโภชน์ ได้เป็นเวลา 15 วัน หากท่านใดประสงค์จะอยู่เกิน 15 วัน โปรดขออนุญาตจากคณะสงค์ ก่อนโดยกรอกในสมัคร ที่แผนกทะเบียนแล้วนำไปยื่น ความจำนงต่อเจ้าอาวาส

    2. นักปฏิบัติธรรมพึงอาศัยเสนาสนะตามที่ทางวัดจัดให้หากต้องการเปลี่ยนแปลงโยกย้าย ให้ขออนุญาติเจ้าหน้าที่ก่อน เมื่อพำนักอาศัยแล้ว หากประสงค์ จะต่อเติมอาคารสถานที่ ต้องได้รับการสวดประกาศอนุมัติจากสงฆ์ก่อน ตามธรรมวินัย

    3. ผู้พำนักอยู่ในวัดทุกท่าน ต้องดูแลความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของที่อยู่อาศัยให้ดีอยู่เสมอ ทั้งในกุฏิ วิหาร ห้อง คูหา และตามต้นไม้

    หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าไม่สะอาด หรือไม่เรียบร้อย ครั้งแรกตักเตือน หากพบเป้นครั้งที่สอง บุคคลนั้นจะไม่มีสิทธิ์อยู่พำนักในวัดเขาสมโภชน์อีกต่อไป

    4. ผู้ที่ต้องการจำพรรษาที่วัดเขาสมโภชน์ ต้องแจ้งความจำนงต่อเจ้าอาวาสล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน รายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าจำพรรษาในวัดเขาสมโภชน์จะติดประกาศให้ทราบโดยทั่วกันล่วงหน้าก่อนเข้าพรรษาอย่างน้อย 15 วัน

    5. ในระหว่างพำนักอยู่ การหยิบยืมของใช้ ของทางวัด ให้ยืมได้ที่เจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบ เมื่อจะกลับให้นำเครื่องใช้ ที่ยืมไปมาส่งด้วยตนเอง มิฉะนั้น จะไม่ได้รับหนังสือสุทธิหรือบัตรประชาชนคืน ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านเป็นหนี้สงฆ์ เพราะการเป็นหนี้สงฆ์ จะทำให้ชีวิตขัดสนไม่ร่ำรวย

    6. ห้ามเข้าเขตหวงห้ามตามที่หลวงพ่อบอก หรือคณะสงฆ์ประกาศห้าม

    7. ต้องเข้าร่วมประชุมบำเพ็ญศาสนกิจ ตามที่กำหนดไว้ โดยพร้อมเพรียงกัน

    8. ห้ามเสพหรทอสะสม บุหรี่ หมาก สุรา ยานัตถ์ หรือสิ่งมึนเมาต่างๆ โดยเด็ดขาด ถ้าฝ่าฝืนจะนิมนต์ออกนอกวัด

    9. การเทเศษอาหารหรือขยะมูลฝอยอื่นๆ ต้องเทในที่จัดไว้เท่านั้น

    กำหนดเวลาปฏิบัติกิจ

    03.00 น. ตื่นนอน ทำกิจส่วนตัว ประชุมพร้อมกันที่วิหารเอนกประสงค์
    04.00 น. ทำวัตรเช้า เจริญภาวนา
    06.00 น. พระภิกษุ สามเณร โคจรบิณฑบาต
    เถร ชี อุบาสก อุบาสิกา ทำความสะอาด ที่อยู่อาศัยและลานวัด
    08.00 น. ฉันภัตตาหารบนหอฉันบูรพาจารย์
    10.00 น. ตามอัธยาศัย
    12.30 น. ประชุมภาวนาที่วิหารอเนกประสงฆ์ จตฺตมโล
    15.00 น. ทำงานส่วนร่วมตามที่สงฆ์ มอบหมายให้
    18.30 น. ทำวัตรพระเจริญภาวนาพร้อมกันบนวิหารเอกนกประสงค์ จตฺตมโล
    21.00 น. ทำวัตรเย็น
    22.00 น. ดับไฟ-เข้านอน

    ติดต่อสอบถามฝ่ายธุรการวัด โทร. 081-216-5168

    การเดินทาง

    การเดินทางจากกรุงเทพฯ ขึ้นวงแวนรอบนอกไปลงสระบุรี แล้วขับรถตรงไปตลอดจนถึงแยก พุแค มันจะมีโค้งซ้ายกับโค้งขาว ให้เราโค้งซ้าย และขับตรงไปเรื่อยๆ จนถึงแยกม่วงค่อมให้เลี้ยวขวา ขับตรงไปอีกประมาณ 20 กม. ก็จะเห็นป้ายบอกวัดเขาสมโภชน์ ให้เลี้ยวซ้ายอีกประมาณ 10 กม. ก็จะเจอทางเข้าวัด (ให้สังเกตุโรงเรียนวัดเขาสมโภชน์) ให้เลี้ยวขวาเข้าก็จะถึงวัด แล้วอีกประมาณ 3 กม.

    การโดยสารรถตู้จากกรุงเทพฯ รถตู้กฤตบริการ
    วัดเขาสมโภชน์-กรุงเทพฯ (จอดในวัดเขาสมโภชน์)
    คันที่ 1 ออก 07.00 น. ถึง 10.30 น.
    คันที่ 2 ออก 07.45 น. ถึง 11.30 น.

    กรุงเทพฯ-วัดเขาสมโภชน์ (จอดหน้าโรงพยาบาลราชวิถี) หน้าอนุสาวรีชัยสมรภูมิ
    คันที่ 1 ออก 11.00 น. ถึง 14.30 น.
    คันที่ 2 ออก 14.00 น. ถึง 17.30 น.

    [​IMG]
    แผนที่วัดเขาสมโภชน์
    ...............................................................................................


    ผู้ให้ข้อมูล : ศิษย์หลวงพ่อคง จตฺตมโล

    ***การนั่งสมาธิออกกรรม ห้ามทำเองที่บ้านนะคะ จะต้องมีพระอาจารย์คอยควบคุม***
    </TD></TR><TR><TD>
    ขอเพิ่มอีกนิด ค่ารถตู้ 180 บาทค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2010
  7. pinya

    pinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +842
    สวัสดีคะเจ้แหม!!!!!!!!!!!!!!กลับมา แล้วยังอุตส่าห์เอาภาพสวยๆๆมาให้ดูอีก
    เห็นแล้วอิจฉามากๆๆๆอยากจิไปบ้างจังแต่มะมีโอกาส....อนุโมทนากับเจ้อีกครั้งนะเจ้...อยากฟังเรื่องหลังไมค์ของเจ้บ้างจัง...ฟังของเจ้าแอมแล้วก็อยากฟังของเจ้ด้วย(ไม่ค่อยเท่าไรเลยตรู...อิอิ) เห็นด้วยกับลุงภาพสวยๆๆอะเจ้
    *****ลุงคร้าสวัสดีคร้า****ไม่ได้ทักลุงหลายวันอะลุงเปลี่ยนภาพแล้วก็หล่อเนอะ...อิอิ
     
  8. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    โมทนา กับเจ้โหน่ง ด้วยนะ เห็นแล้ว ตื้นตันใจ น่ะ ดูภาพนี้ ไปก่อน นะ เดี๋ยวน้ำตา จะไหล ทำดีแล้ว นะ



    [​IMG]

    หลังไมล์ บอกว่า อยากได้ นางงาม ภูเก็ต จัดให้จ้า ธรรมดา ของคนมีน้ำใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 พฤษภาคม 2010
  9. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    หากใครไม่เชื่อในเรื่อง มโนมยิทธิ ไม่ควรอ่าน ในบทความต่อไปนี้ เพราะอาจเป็นโทษ ถึงปรามาสพระรัตนตรัย ในด้านคำสอน ได้ หากอ่านแล้ว เกิดไม่เชื่อ หรือมีอารมณ์ คัดค้าน ควรวางอุเบกขารมณ์ ให้เป็นกลาง และขอขมา พระรัตนตรัย
    [​IMG]

    A.M.P

    ลุง เมื่อคืนลองฝึก กสิณ คือ พอจำภาพไฟ ปุ๊ป หลับตา ไฟมันก็เปลี่ยนเป็นสีขาวประกายพฤกษ์ เอง เลยอ่าลุง แบบว่า เร็วมาก แล้วหนูก็ทำให้ ไฟ ขยายมาล้อมรอบตัวหนู แล้วก็ ทำให้มันรวมกลับไปอยู่ที่ เปลวเทียนที่เดิมแล้ว ก็ ทำให้มันล้อมรอบตัวหนูอีก และ ก็ ทำให้มันกลับไปรวมอยู่ที่เดิม และ ก็ ทำให้ มันเป้น บ่วงบาศล้อมรอบตัว และ ก็ ทำให้ ไฟ มัน หมุนๆๆๆๆ หนูจะทำให้ไฟ ไปซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ ขึ้น ลงหมุนรอบตัว หรือ หนูหมุนรอบมันก็ได้ลุง แต่ ไฟ เป็น สีขาวประกายพฤกษ์นะลุง

    เรียกว่า ปฏิภาคนิมิต นะ อารมณ์อยู่ในปฐมฌาน เก่ง แบบเจ้ เลย นะ

    ที่เคยอ่าน ฝึก เตโชกสิณ เค้าบอกว่า เพ่งไปนานๆ ไฟจะเป็นเปนสีขาวประกายพฤกษ์ แต่หนู ไม่เห็นนานเลยลุง หลับตาจำภาพไฟ ก็เปลี่ยนเลย มันเปลี่ยนของมันเองด้วย
    แล้วหนูเพิ่งลองฝึก เตโชกสิณ แบบจิงจัง ครั้งนี้ ครั้งแรก
    เท่าที่ไปอ่าน มา มันต้องใช้เวลาไม่ใช่เหรอลุง ทำไมหนูแปปเดียว -*- งง ฝึกผิดป่าวเนี่ยลุง

    ความลังเลสงสัย ก็เป็นนิวรณ์ นะ ถ้าหนู ทำตามครูบาอาจารย์ ไม่ผิดนะ คนที่มีของเก่ามา น่ะ มันก็เหมือน คนที่เป็นฝีสุกงอม พอโดนเข็ม สะกิดนิดเดียว หนองก็ทะลัก แล้ว นะ


    พอฝึก เตโชกสิณ เสร็จ หนู ก็ฝึก มโน แปปนึงอ่าลุง ไปดู ภพภูมิ ของเปรต
    เห็น แบบว่า คล้ายๆป่า อยู่กันเยอะมาก แต่ก็ไม่มีคัยสนใจคัย บางตัวก็ผอมแห้ง มือใหญ่ ยาวลากพื้น เดินไปเรื่อยๆ บางตัวก็จิกเนื้อตัวเองกิน ควักไส้ ควักพุงตัวเองมากิน บางตัวก็มีบ่วงไฟ อยู่บนหัว กรีดร้องทุรน ทุราย อันนี้หนูเห็นถูกมั้ยลุง

    ถูก แล้วนะ

    ต่อไปหนูก็ขอไปดู ภพภูมิ ของ อสูรกาย ก็เห็น เป้นแบบว่า บางตัว ก้มี กระบองหนามๆ ใหญ่ๆ ถือไว้ บ้างก็ ตัวเป็นมนุษย์ หัว เป็น สัตว์ บ้างก็มี บ้าง ก็ ตัวเล็ก แต่ เล็บ ยาว และคมกริบ เลย ลุง อะไรประมานนี้ อันนี้หนูก็ไม่รุ้ว่าหนูเห้นถูกรึเปล่า

    จ้า ถูกต้อง แล้ว นะ

    ต่อไปก็ ขอไปดู อเวจีมหานรก เห็นเป็นคล้าย ๆ ห้อง สี่เหลี่ยมกว้างๆ ผนังทำจากเหล็ก มีไฟพุ่งออกมาทุกด้าน สัตว์นรกที่อยู่ในนั้น ขยับไม่ได้ เพราะโดนหอกตรึงไว้ทุกส่วนของร่างกาย

    แล้วหนูเลยขอเห็นสภาพ นรกทั้งหมด ก็ เห็น บางคน โดน คล้ายๆ หมุด อ่ะลุง ตอก ตรึง ขา แขน บางคนก็ โดน ตัดลิ้น บางคนก็โดน เอาจอบมาถากที่ร่าง
    บางคนก็ โดน โยนลงทะเลกรด บางคน ก็ ดิ้นรนกระเสือก กระสนอยู่ในกระทะทองแดง บางคน ทนไม่ไหว พอตายปุ๊ป ก็ เกิดใหม่ แล้วก็โดนจับ ลงโทษอีก

    ทีนี้ หนู ก็เลยขอ ดู คล้ายๆ เป็นภาพ มุม บนของ นรก มันเหมือน เป็น หลุมอ่ะลุง ที่แบ่งชั้นเป็นแต่ล่ะชั้น ลึกลงไปมาก เป็นคล้ายๆ ห้องสี่เหลี่ยม แต่ จะมี ไฟ พุ่ง ออกมาตลอด เวลา บางขุมก็เป็นคล้ายๆ เปลวไฟ แต่ไม่ใช่ มีแต่แสงสว่าง แต่ แสงสว่างนั้นอ่ะ ร้อนบรรลัยเลยลุง ไม่รู้ว่าเห็นถูกป่าวอ่ะลุง

    ล่อ นอกพระสูตร เลย นะ ดีแล้ว จ้า ลุงรับรอง นะ ไอ้ทีพาไป อยากจะกลับ ที่นี้ทะลึ่ง ไปเอง เลยนะ 555+ การท่องเที่ยว ถ้ากำลัง ยังไม่แข็ง ควรขึ้นไปข้างบน ก่อนนะ ไปไหว้ องค์สมเด็จ ท่านก่อน ที่พระจุฬามณี และค่อยขอบารมี อย่าใช้กำลังใจ ตัวเอง นะ

    การได้แห่งมโนมยิทธิ ยังจัดว่าเป็นฌานโลกีย์ พระเทวทัต ท่านได้ถึง ๕ ในอภิญญา ๖ ยังลง อเวจีมหานรกเลย ฉะนั้นถ้ายังไม่เป็น พระอริยเจ้า เพียงใด ก็ยังมีสิทธิ์ ลงอบายภูมิ ได้นะ

    จงนำสิ่งที่เรารู้ เราเห็น มาพิจารณา ให้เห็นทุกข์ เห็นโทษ ของวัฏสงสาร ทั้ง ๓๑ ภพภูมิ จนเกิด นิพพิทานญาน คือความเบื่อหน่าย และ สังขารุเปกขาญาน การวางเฉย กับกองสังขารทั้งหลาย อารมณ์ ก็จะย่างสู่ โคตภูญาน เพื่อ อริยมรรค อริยผล สืบต่อไป

    พยายามหาทุกข์ ให้เจอ นะ
     
  10. pinya

    pinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +842
    55555555555555555 ลุงนะลุงทำกันได้ 5555555555555555
    ว่าแต่ว่าเพ่แกงามจริงๆๆนะ หุหุ(สังขารนี้ไม่เที่ยงหน่อ)
     
  11. noolegza

    noolegza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +3,844
    หนูแอม เก่งจริงๆ กราพ้ม ยังต้วมเตี้ยมๆ อยู่เลย อิอิ



    ----------------------------------------------------------
    " ปิดทองหลังพระไปเรื่อยๆ วันหนึ่งทองก็จะล้นมาข้างหน้าเอง "
     
  12. chuenjaijang

    chuenjaijang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +136
    คุณลุง ตอบหนูด้วย

    จะทำอย่างไร เมื่อเป็นฝ่ายถูกกระทำ
    อย่าตอบหนูแค่ว่า ทำใจ นะคะ
    หนูอ่านกระทู้บางส่วนแล้วค่ะ...หนู เข้าไม่ถึง
     
  13. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191

    บคุณมากจ้ะ ยังไงถ้ามีโอกาสหาเวลามาปฏิบัติธรรมกันนะกุล นี่เจ้าโก้ก้อเริ่มอยากไปแร่ะ แต่โอกาสยังไม่เอื้อ เรื่องหลังไมค์ยังไม่ได้เล่าเลยนะ คุนชายโก้คิวยังไม่ว่าง ไว้วันไหนออนเอ็มพร้อมกันแล้วเจ๊เล่าทีเดียวเลยดีป่ะ

    กุลวัน/2วันนี้ จิตตกอะไรรึปล่าวคะ เจ้เห็นชื่อที่ขึ้นMSN แล้วสยองง่ะ ไม่กล้าทักไป กลัวนกเอี้ยงเกาะไหล่ 55555555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2010
  14. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    หนูเอ้ย ลุงเป็นนักปฏิบัติ นะ ไม่ใช่หมอดู เรื่องอย่างนี้ ลุงไม่เป็น นะ หนูต้องเล่า ให้ลุงฟัง โดยละเอียด ว่าเรื่องอะไร แต่ อย่าถามเรื่องหมอดู ล่ะ ให้มาแนวทาง ปฏิบัติ นะ หนู


    .
    http://palungjit.org/posts/3298168
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤษภาคม 2010
  15. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    มาอนุโมทนาบุญ กับเจ้ และแอมอีกครั้ง

    ภาพที่เจ้เอามาให้ชม สงบ ร่มเย็นอะไรขนาดนี้

    ดูสวยและสะอาดมากจังเลยครับ

    ลิงก็ น่ารักสุดๆ-*-

    แอมก็เคยเตือนแล้ว แต่แค่พูดว่าลิงใจก็คิดไปแล้ว ว่ามันน่ารัก


    คห. 534 ที่คุณลุงช่วยตอบแอม ช่วยได้มากเลยครับ

    อารมณ์แบบเนือยๆขี้เกียจๆ ถูกกระตุ้นให้อยากพยายามฝึกต่อทันที

    น่ากลัวมากๆ ตอนที่แอมบอกว่า เอาจอบมาถากที่ร่าง กลัวมาก ไม่ไหวๆ -*-
     
  16. pinya

    pinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +842
    555555 เจ้เป็นอาการของคนตัด รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ได้คะเจ้แต่ก็ดีมีคนบ้างคนมาสะกิดอารมณ์ตอนนั้นทำให้เรียกสติกลับคืนมาได้ ว่า อย่ายึดมั่นถือมั่นคะและให้เอาอุกเบกขามาใช้กับสถานะการตอนนั้น ตอนนี้ i'm get well ka . เจ้จะกลัวอะไรกับนกเอี้ยงอะที่เจ้ต้องกลัวอะคือโก้ โน้น 5555
     
  17. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    ตะแรกหาทางเข้าไม่เจออ่ะ เจ้าแอมเปลี่ยนชื่อบ้าน หาตั้งนานนึกว่า "โดนซะแล้ว" หุๆๆๆๆ

    อ่ะจ่ะ...เพิ่งรู้ว่าเจ้าโก้เป็นคนเลี้ยงนกเอี้ยง555555555

     
  18. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    ขอบคุณจ้ะ, เซิ่นหาโอกาสไปนะ เจ๊เชื่อว่าเซิ่นน่าจะได้อะไรดีๆกลับมา เหมือนที่เจ๊ได้รับ

    อารมณ์แบบเนือยๆขี้เกียจๆ ถูกกระตุ้นให้อยากพยายามฝึกต่อทันที
    เจ๊เอาใจช่วยนะ ขอให้เซิ่นตั้งใจ เหมือนอย่างที่หลวงพ่อคงท่านบอกกะเจ๊ ท่านว่า "อย่าหน่าย อย่าละความเพียร ขอให้มีวิริยะ อุตสาหะ"
    :VO สู้ๆ ทาเคชิ
     
  19. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    ลมจะใส่ ..
    แอม ทำไมเปลี่ยนชื่อกระทู้ เป็นเชิง ชักชวน ลุงตอบไม่ไหว นา ลุงเองก็ไม่มีเวลา น่ะ และ ผิดห้องด้วย เอาแค่ คุยสนทนา ก็พอ นะ

    ลองดูซื่ออื่น ดิ อะไรก็ได้



    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->A.M.P<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3310254", true); </SCRIPT>

    ลุง สมาบัติ 8 คืออะไร
    เป็นชื่อของ ลักษณะการเข้าฌาน

    แล้ว นิโรธสมาบัติ คืออะไร
    คือการเข้าฌาน ใน อรูปฌาน โดยมีกสินเป็นบาทใหญ่ ของ พระอริยะ ตั้งแต่พระอนาคามี ขึ้นไป

    ถ้าเป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี เรียกว่า พลสมาบัติ
    ถ้ายังไม่เป็นพระอริยะ เรียกว่า สมาบัติ เฉย ๆ

    แล้ว ฌาน 5-8 คืออะไร มีอการ มีลักษณะ ยังไง มีไว้เพื่ออะไร
    เป็นเครื่องมือ อย่างหนึ่ง สำหรับ ทำให้แจ้ง ซึ่งพระนิพพาน เป็น ๔ ในกรรมฐาน ๔๐
    ประกอบด้วย รูปฌาน ๔ มี ฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ และ ฌาน ๔
    และ อรูปฌานอีก ๔ โดยเริ่มจากกสิน ในรูปฌาน

    อรูปฌาณ ๔
    เป็นการปล่อยอารมณ์ ไม่ยึดถืออะไร มีผลทำให้จิตว่าง มีอารมณ์เป็นสุขประณีต ในฌานที่ได้ ผู้จะเจริญอรูปฌาณ ๔ ต้องเจริญฌานในกสินให้ได้ฌาณ ๔ เสียก่อน แล้วจึงเจริญอรูปฌาณจนจิตเป็นอุเบกขา

    ๑. อากาสานัญจายตนะ ถือ อากาศเป็นอารมณ์ จนวงอากาศเกิดเป็นนิมิตย่อใหญ่เล็กได้ ทรงจิตรักษาอากาศไว้ กำหนดใจว่าอากาศหาที่สุดมิได้ จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์

    ๒. วิญญาณัญจายตนะ กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้ ทิ้งอากาศและรูปทั้งหมด ต้องการจิตเท่านั้น จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์

    ๓. อากิญจัญญายตนะ กำหนดความไม่มีอะไรเลย อากาศไม่มี วิญญาณก็ไม่มี ถ้ามีอะไรสักหน่อยหนึ่งก็เป็นเหตุของภยันตราย ไม่ยึดถืออะไรจนจิตตั้งเป็นอุเบกขารมณ์

    ๔. เนวสัญญานาสัญญายตนะ ทำความรู้สึกตัวเสมอว่า ทั้งที่มีสัญญาอยู่ก็ทำเหมือนไม่มี ไม่รับอารมณ์ใด ๆ จะหนาว ร้อนก็รู้แต่ไม่ดิ้นรนกระวนกระวาย ปล่อยตามเรื่อง เปลื้องความสนใจใด ๆ ออกจนสิ้น จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์

    เฮ้อ แล้วจะเข้าใจ มั้ยเนี่ย

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.966618/[/MUSIC]

    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤษภาคม 2010
  20. pinya

    pinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +842
    :cool:โดนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆลุงเป็นดีเจที่จัดเพลงได้โดนม๊ากๆๆคะ
    เพราะอยากฟังเพลงนี้อยู่พอดีคะฟังแล้วอยากบอกว่านู๋อยู่สี ศีรษะนี้มอบแด่พระเจ้าแผ่นดินคะ
    เจ้าแอมเปลี่ยนชื่อกระทู้หายกันเกือบตาย....อิอิ...สงสารลุงแกอะจะเป็นลม^_^ ลุงขาๆๆมียาดมยังคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...