ปัญหาภาพกสินหายไปขณะลืมตาเพ่ง?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย BiMode, 15 กันยายน 2006.

  1. BiMode

    BiMode เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +2,322
    คือหมายถึงตอนที่ลืมตาเพ่งกสินแล้วที่นี้ภาพที่ขณะเราเพ่งอยู่นั้นมันดันหายไปเหมือนเห็นแต่แบล็คกราวด์
    ด้านหลังทำให้อารมณ์นั้นขาดช่วงไปเพราะต้องหลับตา-ลืมตาไวขึ้น (ทำให้นิมิตนั้นคงสภาพได้ลำบาก). บางที่
    ถ้าอย่างไวก็ 1 วินาที่ภาพก็เริ่มหายแล้วถ้าทำกรรมฐานกองนี้หล้งสวดมนต์แต่ถ้าเพ่งเลยก็ประมาณ 5 - 7
    วินาที. ถามผู้รู้ท่านนึงก็บอกว่าจิตนิ่งไว (เกินไป?) แต่ความเพียรย่อหย่อนคือไม่สมดุลกันล่ะว่าง่ายๆถ้าเพ่งไป
    เรื่อยๆจะทำให้ง่วงนอนมันก็เป็นอย่างที่เขาบอกจริงๆ.

    ทีนี้อยากจะถาม guru ในที่นี้ทั้งหลายว่าทำอย่างไรดีที่จะทำให้ผมเหมือนกับชาวบ้านเวลาเขาเพ่งกัน?
    หรือว่าผมตั้งอารมณ์เข้มไปหน่อยเวลาเพ่งเลยทำให้มันหาย?

    [เอาแค่นี้ก่อนนึกยังไม่ค่อยออก]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2006
  2. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,983
    เค้าใช้ใจ

    ดังนั้นการใช้ตากระพริบ แล้วสมาธิหาย แสดงว่า..สติหลุดจากการระลึกในใจนั้นไปแล้ว..

    การใช้ใจ ไม่ว่ากายจะเป็นอย่างไร..ถ้าเราสนแต่ใจ กายมันก็ไม่เกี่ยว (แต่ผมยังทำได้ไม่นาน)
     
  3. Raindrops

    Raindrops เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,147
    ฝึกกสิณเหรอ เราก็ไม่รู้อะไรมากน่ะค่ะ
    แต่ว่าเวลาฝึกกำหนดรูปนิมิตกสิณ ไว้ข้างใน เหมือนเวลาเราจดจำภาพสิ่งของ กำหนดให้มันอยู่อย่างนั้น ถ้าเราลืมลักษณะของดวงกสิณ ก็ลืมตาขึ้นมาจำใหม่ ใช้จิตจดจ่ออยู่กับดวงกสิณ จนเกิดเป็นสมาธิ สนใจอย่างจริงจังในดวงกสิณนั้น จนสามารถที่จะนึกดวงกสิณขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้
    ลืมตาจดจ้องใช้สมาธิจดจำจนภาพกสิณติดอยู่ในจิต เมื่อดวงกสิณติดอยู่ในจิตเราจะเรียกมาเพ่งให้เกิดสมาธิในจิตเราเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ค่ะ
    สู้สู้น่ะค่ะ
     
  4. seattle

    seattle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +87
    ผมเคยเป็นครับเพราะตอนนี้ผมฝึกกสิณสีแดงอยู่ครับ...
    อาการแบบที่คุณว่านี้...หมายความว่าจิตกำลังเป็นสมาธิแต่เพ่งนานไปหน่อย...แผ่นกสิณจึงหายไปกลืนกับผนังด้านหลัง...แล้วจะรู้สึกง่วงจริงๆ
    ฉะนั้นจะต้องเพ่งแบบวิธีใหม่ ซึ่งใช้เวลาในการเพ่งและหลับตาสลับกันอย่างรวดเร็วเช่น เพ่ง 3 วินาที หลับ 3 วินาทีสลับไปเรื่อยๆจะช่วยคลายอาการง่วงนอนได้...พอหายง่วงก็ค่อยกลับมาเพ่งแผ่นกสิณให้นานขึ้นและหลับตาดูนิมิตให้นานขึ้นเหมือนเดิมครับ...วิธีนี้เป็นการกระตุ้นจิตให้ตื่นตัวตลอด
    หรืออีกวิธีหนึ่งถ้าภาพกสิณหายไปกับผนังให้คุณมองออกไปที่ผนังแวบหนึ่งจะเห็นแสงเงาแผ่นกสิณสีเดียวกับอุคคหนิมิต.(ถ้าเพ่งแผ่นกสิณสีแดง เมื่อมองออกที่ผนังข้างๆไปก็จะเห็นเงาแสงสีเขียว...)แล้วให้มองกลับมาที่แผ่นกสิณเหมือนเดิม..ก็จะทำให้แผ่นกสิณกลับคืนมาจากการหายกลืนไปกับผนังได้...
    ....ฝึกทุกวันเลยครับ..แล้วอุคคหนิมิตจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นปฏิภาคนิมิตในที่สุด.....ผมเอาใจช่วยครับ.....(verygood)
     
  5. boydd

    boydd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +1,773
    ผมใช้วิธี จำให้ภาพติดตาติดใจคับ
    พอเพ่ง ให้ติดตาติดใจแล้วหลับตาลง
    คิดเหมือนกับว่ากำลังจะวาดภาพอะไรซักภาพ อ่ะคับ จะ
    มองเห็นภาพนั้น ตลอด แล้วก้อ ค่อยๆ เริ่ม ใช้ความรู้สึกสัมผัสเอาคับ
    ผมบอกได้เท่านี้คับ เพราะยังไม่ได้ฝึกไปถึงไหนเลย
    และตอนนี้ ผมหยุดเพ่งกสิณ คับ กลับมานั่ง อานาฯ
    อยู่ เพราะว่า ส่วนตัว มองว่า ผมควรเริ่มที่พื้นฐานอ่ะคับ
    แต่ว่า พอนึกถึง ลูกแก้วแสง ของกสิณ (ผมฝึกกสิณแสงสว่างคับ)
    มันก้อออกมา ทุกที ในสมาธิ แต่ความรู้สึกไม่เข้มข้น
    เท่ากับตอนฝึกกสิณ
     
  6. BiMode

    BiMode เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +2,322
    ขอบคุณทุกคนครับ, แล้วผมจะพยายามครับ.
     
  7. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +1,295
    เรียนท่านเจ้าของกระทู้
    ........................


    เพ่งให้เห็น เพื่อให้เข้าใจสัจธรรม ว่าจิตเรานี้ เมื่อหยิบสังขารเก่ามาปรุงแล้ว
    ยึดไว้ด้วยพลังสมาธิ มันก้อยู่ให้เราเห็นได้ เช่น เพ่งแก้วจำไว้พักหนึ่ง แล้ว
    หลับตาใช้จิตระลึก จิตจะดึงความจำเก่า (สังขาร) ออกมา แต่ภาพนั้น ไม่ชัด
    จิตจะปรุงต่อ ด้วยความจำใหม่ (สัญญา) กับจิตเองไว้ว่า ไอ้ที่เห็นเป็นแก้ว
    ให้เรานึกถึงแก้วๆๆๆๆ มันก็ค่อยๆ โผล่ออกมา คงสมาธิไว้มันก็อยู่ต่อได้ เมื่อ
    ขาดเหตุปัจจัยแห่งการเกิดภาพกษิณนั้น มันก็ย่อมดับไปเป็นธรรมดา

    อนิจจัง นั่นเอง

    ผู้ฝึกถูกวิธีจะเข้าใจสัจธรรมตอนนี้ได้ รู้ว่า จิตหลอกเราอย่างไร ไม่หลงกลจิต
    รู้ว่าภาพเกิดได้อย่างไร และดับลงได้อย่างไร จึงไม่ยึดมั่นทุกขัง คือ ไม่เวทนา


    การฝึกกษิณที่ดี คือ การสร้างภาพกษิณเพื่อฝึกฝนจิตตน ธรรมดาผู้ฝึกจิต หาก
    บวชพระไม่ค่อยได้ยุ่งเรื่องทางโลก คิดว่าตนสงบ เผลอคิดไปว่าหลุดพ้นแล้ว
    นั่นคือ ความประมาท กษิณนี้ จะเป็นตัวทดสอบเราได้ ถ้าใช้มันเป็น และเป็นตัว
    รั้งการฝึกจิตเราได้ ถ้าใช้ไม่เป็น วิธีใช้แบบถุกวิธี ยกตัวอย่างเช่น


    ถ้าจะทดสอบว่าตนไม่อยากในกามแล้วใช่ใหม ลองเพ่งกษิณสร้างภาพกษิณ
    เป็นสาวงามสามคนแก้ผ้ายั่วยวนต่อหน้า กลับเห็นเป็นเสมือนผงฝุ่นที่รวมตัว
    ชั่วคราว เป็นอนัตตา มิใช่ตัวตนแบบอัตตา

    ทดสอบว่ามีความกลัวอยู่ไหม ก็เพ่งกษิณ ให้เป็นพญามาร แห่มาทั้งกองทัพก็
    ยังได้ แล้วดูว่าจิตตนยังหวั่นไหวหรือไม่ ถ้าเห็นการเกิดดับ เป็น อนิจจัง จิต
    ไม่เวทนา จิตไม่กลัว ก็ผ่านขั้นนี้ได้


    ลองกลับไปอ่านพุทธประวัติที่เขียนภาพตอนพระแม่ทรณีบีบมวยผมดู บางที
    อาจสะกิดใจ เตือนสติอะไรบางอย่าง ว่าฝึกกษิณไปเพื่ออะไร?




    เดินหลงทาง ชั่วชีวิต มิอาจพบทางออก
    เดินถูกทาง อย่างเร็ว 7 วัน อย่างช้า 7 ปี บรรลุอรหันต์


    สาธุ..............................................
     
  8. เถรี

    เถรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +6,511
    สาธุค่ะ....การปฏิบัตินั้นไม่ยาก แต่มันยากสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติ
     
  9. Sinderking

    Sinderking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +673
    อาจารย์ที่วัดยานนาวาบอกว่า แรกๆเพ่งจะปกติ หลังๆพอลืมตาแล้ว ภาพกสิณจากกลืนไปกับฉากหลังกสิณ ถ้าเป็นดังนั้นแสดงว่าจิตพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว อนุโมทนากับความเพียรของเจ้าของกระทู้และผู้ปฏิบัติทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...