ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เหยื่อแผ่นดินไหวพุ่ง 1,500 คน สถิติชี้ จีนเสี่ยงวิกฤติมากขึ้น</TD><TD vAlign=baseline align=right width=85></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 เมษายน 2553 10:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ผู้รอดชีวิตนั่งร่วมพิธีเผาศพหมู่ เมื่อวันที่ 17 เมษายน​

    [​IMG]
    ชาวทิเบตผู้รอดชีวิต ยังคงอยู่ในสภาพชีวิตที่ลำบากยิ่งขึ้นจากอากาศอันหนาวเย็น​

    [​IMG]
    ภาพถ่ายดาวเทียมพื้นที่แนวบายัน ฮาร์ ที่เกิดแผ่นดินไหว​

    [​IMG]
    ครอบครัวที่เหลืออยู่ของเหยื่อแผ่นดินไหว ร่ำไห้ขณะร่วมพิธีศพผู้เสียชีวิตทั้งหมด​

    [​IMG]
    ความช่วยเหลือที่เร่งระดมจากทุกภาคส่วนของจีน​

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ลามะรูปหนึ่ง กำลังเดินค้นหาญาติของตนท่ามกลางศพซึ่งเรียงรายในวัด​

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ชาวฮั่นและชาวทิเบตร่วมแบ่งปันอาหารให้แก่กัน​

    [​IMG]
    เวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ขณะให้คำมั่นกับเด็กชายถึงความพยายามค้นหาครอบครัวของเขา ​

    [​IMG]
    แม่และลูก​

    [​IMG]
    สามีและภรรยา​

    [​IMG]
    พ่อกำลังนั่งกอดลูกสาวซึ่งรอดตายหน้าซากบ้านของตน​

    [​IMG]
    เวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนขณะรุดเยี่ยมผู้รอดชีวิต เมื่อวันที่ 15 เม.ย. (ภาพเอเยนซี) ​

    [​IMG]

    เอเยนซี-ล่าสุด (17 เม.ย.) ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในมณฑลชิงไห่ของจีน เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 1,500 คน และสูญหายอีกอย่างน้อย 300 คน ขณะที่มีผู้บาดเจ็บ 11,744 คน บ้านเรือนกว่า 15,000 หลังพังถล่ม ส่งผลให้ผู้ประสบภัยหลายหมื่นคนยังคงต้องอาศัยอยู่กลางแจ้ง ท่ามกลางอุณหภูมิที่ลดลงต่ำกว่าจุดเยือกแข็งในเวลากลางคืน

    ทางด้าน ผู้เชี่ยวชาญธรณีพิบัติฮ่องกง ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ ว่าโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวยังคงมีอีกหลายระลอกตลอดแนวเปลือกโลกหลักๆ ซึ่งได้มีการบันทึกสถิติอาฟเตอร์ช็อคว่ามีมากกว่าเมื่อครั้งแผ่นดินไหวที่เสฉวน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2551

    โดย จาง หยวนจี่ จากสถาบันธรณีวิทยา ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวว่าการเกิดแผ่นดินไหวทั้งที่เหวินฉวน มณฑลเสฉวนซึ่งมีขนาดความรุนแรง 8 ริกเตอร์ และที่ชิงไห่ ซึ่งมีขนาดความรุนแรง 7.1 ริกเตอร์ ล้วนเกิดขึ้นบนแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่เรียกว่า บายัน ฮา และจากข้อมูลที่มีตั้งแต่ปี 2539 ถึง 2551 ก็ชี้ว่า แนวบายัน ฮาร์ นี้ มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงหลายครั้ง โดยมีถึง 5 ครั้ง ที่วัดความรุนแรงได้มากกว่า 7.0 ริกเตอร์

    สอดคล้องกับคำกล่าวของจาง ปรากฎว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ ก็ได้มีแผ่นดินไหวระดับ 4.7 ริกเตอร์เกิดขึ้น ไล่ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อคอย่างรุนแรงอีกหลายครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่เริ่มถี่มากขึ้นกว่าครั้งในปี 2551

    สื่อต่างประเทศยังรายงานว่า เหยา หมิง ซูปเปอร์สตาร์นักบาสจีนจากทีมฮุสตัน ร็อกเก็ต ในสหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายการเดินทางให้กับครอบครัวของเหยื่อแผ่นดินไหว ซึ่งมาทำงานอยู่ในสหรัฐฯ ให้สามารถเดินทางกลับไปอยู่ช่วยเหลือครอบครัวของเขาได้ทันที

    เหยา หมิงกล่าวว่า ในอนาคต ยังมีคนอีกมากที่รอการช่วยเหลือที่จำเป็น และจะติดตามพวกเขาว่าผมพอจะช่วยอะไรได้บ้าง

    ก่อนหน้านี้ นักบาสเก็ตบอล รางวัลเอ็นบีเอ ออลสตาร์ 7 สมัย ก็ได้เคยให้เงินช่วยเหลือ 2 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงเรียนให้กับเด็กๆ เมื่อครั้งแผ่นดินไหวที่เสฉวน ครั้งนี้ เช่นกัน เหยา ให้คำมั่นว่ากองทุนที่เขาตั้งขึ้นจะช่วยเหลือในทุกทางที่เขาจะทำได้ในสถานะของตน

    ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า ซึ่งยกเลิกกำหนดการเยือนต่างประเทศ ได้เดินทางไปอยู่กับผู้ประสบภัยตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กล่าวว่า ความทุกข์ของผู้ประสบภัยก็เหมือนความทุกข์ของคนจีนทุกคน เราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสมาชิกของครอบครัวเหล่านั้น ก็คือครอบครัวของแผ่นดินจีน

    เวิน ปีนขึ้นไปบนเศษซากบ้านเรือนเพื่อพูดคุยกับผู้อยู่อาศัยชาวทิเบต ในแถบเทือกเขามณฑลชิงไห่ ทางตะวันตกของจีนว่า

    "ตราบที่เรายังมีความหวังอยู่ อย่าเพิ่งเสียกำลังใจ เราจำเป็นต้องร่วมมือกัน ทำงานค้นหาอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน ผมขอรับรองกับทุกคนว่า เราจะสร้างชีวิตที่ดีที่นี่อีกครั้ง"

    ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000052657
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2010
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ทหารไทย” ปะทะเดือด“ทหารเขมร”ชายแดนสุรินทร์ -เหิมตั้งหมู่บ้านรุกล้ำเขตแดนไทย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 เมษายน 2553 17:01 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]
    ทหารพราน เตรียมพร้อมปกป้องอธิปไตยไทยอย่างเต็มที่

    สุรินทร์ - เกิดเหตุ “ทหารไทย” ปะทะเดือด “ทหารเขมร” เหิมรุกล้ำตั้งหมู่บ้านในเขตแดนไทย ระหว่างหลักเขตแดนที่ 13-14 อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เผยยิงถล่มกันด้วยอาวุธสงคราม เอเค 47 , เอ็ม 16 จรวดอาร์พีจี และเอ็ม 79 นานกว่า 30 นาที เบื้องต้นทหารพรานสูญหาย 1 นาย ส่วนเขมรบาดเจ็บอื้อ ขณะด่านช่องจอม จนท. - ปชช.ชาวไทยและกัมพูชาแตกตื่นได้ยินเสียงปืนสู้รบ ล่าสุดสถานการณ์ยังตึงเครียดเขมรไม่ยอมถอนกำลังจากหมู่บ้านรุกล้ำแผ่นดินไทย

    วันนี้ (17 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.40 น.ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่าง กำลังทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 2608 ฐานปฎิบัติการช้างดำ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี ฝ่ายไทย นำโดย ร.อ.อุทิศ สุขมาก ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2608 กับ กำลังทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่ 402 ประเทศกัมพูชา ที่บริเวณ หลักเขตแดนที่ 13-14 จุดผ่อนปรนช่องโชกและช่องปลิง ชายแดนไทย-กัมพูชา เขตพื้นที่ ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ อยู่ตรงข้ามกับ หมู่บ้าน จ็อมกาเจก ต.โอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย กัมพูชา​

    โดยทหารทั้ง 2 ฝ่าย ได้เปิดฉากปะทะยิงถล่มกันด้วยอาวุธสงคราม เอเค 47 , เอ็ม 16 ,จรวดอาร์พีจี และ เอ็ม 79 ปืน เป็นเวลา 15 นาที เสียงปืนต่อสู้จึงได้หยุดลงชั่วคราว ต่อมาในเวลา 09.10 น. ทหารไทย และทหารกัมพูชา ได้เปิดฉากยิงต่อสู้กันอีกครั้งเป็นเวลา อีก 15 นาที ก่อนยุติลง หลังมีการโทรศัพท์ประสานกันระหว่างทหารพรานไทย และทหารกัมพูชาเพื่อให้ยุติการยิงต่อสู้กัน​

    ส่วนสาเหตุการปะทะกันนั้นเบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ทหารพรานของไทย จำนวน 5 นาย ได้ออกปฏิบัติหน้าที่เดินเท้าลาดตระเวนเพื่อป้องกันอธิปไตยไทยตามแนวชายแดนไทย ไปยังบริเวณหลักเขตแดนที่ 14 ช่องปลิง ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้พบกับกำลังทหารและ ตำรวจตระเวนชายแดนของกัมพูชา ปลุกสร้างที่พักเป็นหมู่บ้าน ชื่อว่า หมู่บ้านจ็องกาเจก รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย​

    ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทหารพรานไทยจึงได้แจ้งให้ทราบถึงข้อตกลงร่วมกรณีห้ามไม่ให้ทำการปลุกสร้างที่พักถาวรในพื้นที่ชายแดนที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างชัดเจน ทำให้ทหารกัมพูชาไม่พอใจ และทหารกัมพูชาได้ใช้ปืน เอเค 47 ยิงขึ้นท้องฟ้าหลายนัด ทหารพรานของไทยได้ใช้ปืน เอเค 47 ยิงตอบโต้กลับไป จึงทำให้เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือด ทหารทั้ง 2 ฝ่าย ยิงถล่มกันด้วยอาวุธปืนสงคราม เอเค 47 , เอ็ม 16 จรวดอาร์พีจี และ เอ็ม 79 เป็นระยะๆ รวมเป็นเวลานานกว่า 30 นาที ดังกล่าว​

    ทั้งนี้เสียงปืนการยิงต่อสู้กันดังกล่าว ได้ยินไกลมาถึงบริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดปะทะกันประมาณ 8 กิโลเมตร(กม.) ทำให้ เจ้าหน้าที่ไทยประจำด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด และประชาชนชาวไทย ชาวกัมพูชาต่างแตกตื่นกับเสียงปืนการสู้รบ ซึ่งด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ยังเปิดให้บริการและมีพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านแดนเข้า-ออก ซื้อขายสินค้ากันตามปกติ แต่บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงาและเต็มไปด้วยความตึงเครียด​

    ขณะนี้ กำลังทหาร กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) และทหารพราน จากฐานปฏิบัติการภูหลวง ทหารพรานที่ 26 ที่บริเวณทางเข้าด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ได้เดินทางเข้าเคลียร์พื้นที่ในจุดเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารกับทหารกัมพูชา ดังกล่าว เพื่อสำรวจความเสียหาย​

    ต่อมาในช่วงสายวันเดียวกันนี้ ( 17 เม.ย.) พ.อ.อดุล บุญธรรมเจริญ ผู้บังคับการกรมทหารพรานเฉพาะกิจที่ 26 (ผบ.ฉก.ทพ.26) กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางข้ามแดนที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด เข้าไปยังบ่อนกาสิโน รอยัลฮิลล์ รีสอร์ท เจรจากับ พ.อ.จุม สะไรย์ รองหัวหน้าสำนักงาน กิจการชายแดนภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา เพื่อให้ทหารทั้งสองฝ่ายยุติการยิงต่อสู้และถอนกำลังออกห่างจากจุดปะทะ ซึ่งการเจรจาเป็นไปอย่างตึงเครียด ก่อนได้ข้อยุติให้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงต่อสู้กัน​

    แต่อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดในพื้นที่จุดปะทะ ยังไม่คลี่คลาย เนื่องจากทหารกัมพูชา ไม่ยอมถอนกำลังออกจากพื้นที่หมู่บ้านจ็องกาเจก ซึ่งปลุกสร้างรุกล้ำเข้ามายังเขตแดนไทยในจุดที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างชัดเจน และกัมพูชายังคงเสริมกำลังทหารเข้ามากว่า 50 นาย ทำให้ กรมทหารราบเฉพาะกิจที่ 23 กองกำลังสุรนารี ได้ส่ง กำลังทหาร กองพันทหารราบที่ 23 เข้าตรึงพื้นที่ชายแดนใกล้จุดปะทะเช่นกัน​

    แหล่งข่าวระดับสูงทางทหาร แจ้งว่า ทหารกัมพูชาและตำรวจตระเวนชายแดนกัมพูชา จำนวนกว่า 20 นาย ได้นำกำลังพร้อมอาวุธหนัก เข้าประจำพื้นที่บ้านจ็อมกาเจก หลังทราบว่าทหารพรานกองร้อยทหารพราน ที่ 2608 จะส่งกำลังทหารพรานขึ้นมาลาดตระเวนพื้นที่บ้านจ็อกกาเจก อย่างแน่นอน และเตรียมพร้อมที่จะเปิดฉากยิงทหารพรานไทยทันทีที่เดินทางเข้ามายังหมู่บ้าน ซึ่งเมื่อทหารกัมพูชาเห็นทหารพรานไทย เดินลาดตระเวนเข้าไปยังหมู่บ้านจ็อมกาเจก จึงเปิดฉากก่อกวนและยิงปืนข่มขู่ทหารไทยจนเกิดการปะทะกันขึ้นดังกล่าว​

    นอกจากนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ทหารกัมพูชายืนยันไม่ถอนกำลังทหารออกจากหมู่บ้านจ็อกกาเจก ดังกล่าว เพราะอ้างว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นดินแดนของประเทศกัมพูชา และยังทำการส่งกำลังเพื่อโอบล้อมทหารไทย ซึ่งพร้อมจะจับกุมตัวหรือจับตาย ทหารไทย เพื่อหวังที่จะนำไปสู่การฟ้องศาลโลกกล่าวหาว่าทหารไทยรุกล้ำเขตแดนประเทศกัมพูชา​

    ล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดปะทะกับทหารกัมพูชา จำนวน 5 นาย นั้น ปลอดภัยแล้ว 4 นาย ส่วนอีก 1 นาย ยังตามหาตัวไม่พบ คาดว่าอาจหลงทางหรืออาจได้รับอันตรายจากการปะทะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 2608 และ กองพันทหารราบที่ 23 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กำลังเร่งเข้าเคลียร์พื้นที่อยู่ในขณะนี้ ส่วนฝ่ายทหารกัมพูชาทราบว่า ได้รับบาดเจ็บจากปะทะในครั้งนี้จำนวนหลายนาย​

    ขณะที่บรรดาพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชา ที่บริเวณตลาดโอร์เสม็ดใหม่ ฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ใกล้จุดปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เพียง 2 กิโลเมตร(กม.) ต่างวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ปิดร้านและเตรียมเก็บสินค้า เพื่ออพยพเข้าไปยังพื้นที่ชั้นในของ จ.อุดรมีชัยเพราะเกรงจะถูกปล้นสินค้าและทรัพย์สินสิ่งของมีค่าต่างๆ เช่นทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์สู้รบขึ้นตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2010
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระราชินีทรงรับสั่งกองทัพช่วยเหลือภัยแล้งเต็มที่

    [​IMG]

    แม่ทัพภาค 2 เผยอีสานประสบภัยแล้งทุกจังหวัด สั่งการหน่วยทหารในสังกัดเร่งระดมรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อน เผยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงรับสั่งดูแลอย่าขาดตกบกพร่อง..

    เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 17 เม.ย. พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ พื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งได้แพร่ขยายเป็นวงกว้าง ครอบคลุมเกือบทุกจังหวัด ทางกองทัพภาคที่ 2 จึงได้สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของจังหวัดทหารบกและมณฑลทหารบก ประสานกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ( กอ.รมน.) ทุกจังหวัด ดำเนินโครงการราษฎร์ร่วมใจช่วยภัยแล้ง ปี 2553 ออกแจกจ่ายน้ำอุปโภค-บริโภค เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ประสบภัยแล้งทุก พื้นที่ ขณะนี้ได้มีการดำเนินการในการช่วยเหลือไปบางส่วนแล้ว ซึ่งครอบคลุมทุกจังหวัดแล้ว

    แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ความเดือดร้อนจากภัยแล้งของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีความห่วงใยเหล่าราษฎรอย่างล้นพ้น ทรงรับสั่งให้ทางกองทัพดูแลช่วยเหลือราษฎรของพระองค์อย่างเต็มที่ และนอกจากปัญหาภัยแล้งในหลายพื้นที่ที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้แล้ว ยังมีเรื่องของพายุฤดูร้อนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน อย่างเช่น จ.มุกดาหาร ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 2 ก็ได้ส่งกำลังเข้าไปร่วมกับทางจังหวัดเพื่อเข้าไปช่วยเหลือและคลี่คลายความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่แล้ว

    "ซึ่งในการนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทราบถึงความเดือดร้อนนั้นและได้ทรงมีรับสั่งให้สำนักราชเลขาฯ ประสานผ่านมายังกองทัพภาคที่ 2 เพื่อให้ดำเนินการเข้าไปช่วยเหลือทุกๆส่วน พร้อมกับพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ลงไปช่วยเหลือแก่ราษฎรที่กำลังเดือดร้อนในทุกๆ พื้นที่ด้วย" พล.ท.วีร์วลิต กล่าว

    ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.thairath.co.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. LnWLnW

    LnWLnW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +936
    ^
    ^
    ^
    ^

    เสียวสันหลังวาบๆ มันชักกลับไปเป็นเหมือนยุคก่อนๆ โอ้วว
    ประเทศพัฒนากันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่จิตใจมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง
    เหมือนตอนที่คอมมิวนิสต์เขมรบุกสุรินทร์ตอนนั้นเลยอ่ะคะ
    นอนๆอยู่ก็แผ่นดินสั่น เสียงระเบิดดังตู้มต้าม คนตายกันเป็นเบือ
    ชาวบ้านไม่มีใครกล้าหลับเลย มีพวกโจรเขมรเข้ามาฉุดคร่าทำร้ายคนไทยมาปล้นสะดม
    ตอนนั้นคุณตาเป็นกำนัน(กำนันที่ให้เกษียณอายุตอนอายุ 60 ปี)
    ก็มีปัญหากันเรื่องชายแดนเหมือนตอนนี้
    จะมีพวกคอมมิวนิสต์ พวกโจร ขึ้นมาในไทย ก็จะเป็นแถบๆสังขะ กาบเชิงที่โดน
    แล้วคุณตาก็ไปจับพวกคอมมิวนิสต์ที่มาโขมยจักรยานชาวบ้าน แล้วส่งให้ตำรวจ
    พวกมันโกรธมาก เลยกลับมาแก้แค้น ในคืนนั้นเลย
    มันพาพวกมาประมาณ 50 คน เอาระเบิด ปืน อาวุธสงครามพร้อมสรรพ์ถล่มบ้านคุณตาอย่างเมามัน
    คุณตาก็ให้ลูกๆไปหลบใต้เตียงกันก่อน
    แต่ว่าบ้านคุณตาเป็นใต้ถุน มันยิงปืนจากใต้ถุนขึ้นมาบนบ้าน
    ยิงซะพรุนยิ่งกว่าหนังเรื่องแรมโบ้
    ตอนนั้นมีลูกบ้านมาปรึกษาหารือกับตา คุณยาย น้า แม่ อา รวมแล้ว 6 คน
    พวกมันขังทุกคนไว้ในบ้านแล้วกำลังวางเพลิง แต่ว่าตาพยายามดันประตูออกไป
    ช่วยลูกๆออกจากบ้าน ในระหว่างต่อสู้ก็เกิดอุบัติเหตุปืนลั่น
    ทำให้คุณตาต้องเสียนิ้วไป 3 นิ้ว และลูกชายไป
    ตอนหนีออกมาก็นับว่าครบ คือคุณตานับลูกบ้านที่มาปรึกษา ว่าคือลูกตัวเอง



    เหตุการณ์ครั้งนั้น มีคนตายประมาณ 30 คน ซึ่งเยอะมากๆในสมัยนั้นๆ
    แม่บอกว่า ตอนเช้ากลับไปดูบ้านตัวเอง บ้านไหม้หมดไม่เหลืออะไรสักอย่าง
    แต่เห็นศพคุณอาซึ่งตอนนั้นคุณอาอายุแค่ 8 ขวบเองคะ
    แม่บอกว่าเห็นรอยกระสุนในตัวคุณอาถึง 18 นัด


    มันยังเป็นความทรงจำที่โหดร้ายจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2010
  5. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    "พายุงวงช้าง" โผล่สมุทรสงคราม <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">18 เมษายน 2553 03:30 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="492"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="492"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ภาพ"พายุงวงช้าง" หรือ "พญานาคเล่นน้ำ" ที่เกิดขึ้นในจังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากสภาอากาศแปรปรวน จากการที่มวลอากาศเย็นพัดผ่านอากาศร้อนที่อยู่เหนือผิวน้ำ ทำให้อากาศที่ร้อนเคลื่อนตัวขึ้นไปหาจุดที่เย็นกว่าอย่างรวดเร็ว และดูดเอาน้ำขึ้นด้วย

    ปรากฏดังกล่าวไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักในประเทศไทย แต่ในปี 2551 ที่ผ่านมา พบ"พายุงวงช้าง"เกิดขึ้นในทะเลอันดามัน ที่ จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ต่อมา วันที่ 9 ก.ย.เกิดที่บึงบรเพ็ด จ.นครสวรรค์ และวันที่ 12 ก.ย.เกิดที่บริเวณเกาะล้าน พัทยา

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="427"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="427"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="492"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="492"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="406"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="406"> [​IMG]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  6. kowmoo

    kowmoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,896
    คืนวันที่15เช้าวันที่16ฝันว่าไปรพ.ศิริราช เงยหน้าไปที่ประทับ ได้เห็นพระองค์ชัดมาก แต่พระพักตร์เศร้ามาก ตื่นมายังงงว่าฝันได้ไง ขอให้เทพเทวา 16 ชั้นฟ้า พระสยามเทวา บุรพกษัตร์ยไทยทุกพระองค์ ได้โปรดคุ้มครองพระองค์ให้มีพระเกษมสำราญ พระพลานามัยแข็งแรง ประเทศไทยสงบสุขโดยเร็ววันด้วยเถิด สาธุ
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ศิริประสุประตินาถ

    [​IMG]

    ข้าพเจ้าได้พบหนังสือแผ่นนี้เข้าด้วยเหตุบังเอิญ เมื่ออ่านดูแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธาจริง ได้พิมพ์แจกเป็นกุศลทานซึ่งในใจความหนังสือมีอยู่ว่า วันหนึ่งในโบสถ์ของวัดศิริประสุประตินาถ ได้มีหลวงพระองค์หนึ่งได้นั่งสวดมนต์อยู่ในโบสถ์ของวัด เวลานั้นก็ได้มีงูตัวหนึ่งได้เลื้อยออก จากหน้าพระพุทธรูปในโบสถ์ หลวงพ่อเมื่อได้เห็นงูตัวนั้นก็เกิดอาการกลัว หลังจากนั้นงูก็กลายเป็นมนุษย์ในรูปของพราหมณ์แล้วก็พูดกับหลวงพ่อว่า ​

    เจ้าไม่ต้องกลัวและตกใจเจ้าจงฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคือพญานาคราชได้มาจุติ ณ วัดแห่งหนึ่งเพื่อบำบัดปัดเป่าความชั่วร้ายและคนทำบาป คนที่ทำกรรมไว้มากจะได้พินาศตายจากโลกนี้ และเจ้าจงประกาศให้คนได้รู้ว่าผู้ใดนำเรื่องของข้าพเจ้าไปพิมพ์ 1,000 ใบ ภายใน 15 - 30 วัน ผู้นั้นจะมีโชคลาภมีความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดก็สมปรารถนาทุกประการ และผู้ใดได้รู้อ่านอย่าคิดว่าเป็นการหลอกลวงหรือไม่เชื่อ และผู้ที่คิดจะพิมพ์แจกใน 15 - 30 วัน หรือแจกต่อ ๆ กันไป (เก็บไว้สวดเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว)​

    สุภาษิตอีสาน(สามร่มโพธิ์ศรี)

    ฟังเอาท่อนคำสอนโลกใหม่ ไผยังบ่ฮู้เขิงแก้วสิฮ่อนคนฟังเอาเด้อ พี่น้องเพิ่นสิฮ่อนหาคนดีไผผู้มีศีลธรรมอยู่เขิงคาค้าง ไผเดินทางผิด เส้นทำตนเป็นคนชั่ว มันสิลอดกระด้งบ่มีค้างแผ่นเขิงเขิงแผ่นนี้ได้ชื่อว่าเขิงคำ เป็นคำสอนพระพุธโธเฮาตั้ง เพิ่นได้วางเอาไว้โพธิ์ศรีห่มใหญ่ สิเอาคนอยู่ซ้น โพธิ์กว้างสิอยู่เย็น โพธิ์นี้บ่ได้ปลูกตามดินเป็นโพธิ์ศีลโพธิ์ธรรมหว่านมาแต่เมืองฟ้าเว้านำธรรมคงฮู้ครูเฮาสอนสั่งคำพระสังฆเจ้าโปราณเฒ่าว่ามา พระศรีอาริยะ

    เพิ่นสร้างโพธิ์ศรีสามห่มเอาคนเข้าอยู่ซ่นโพธิ์สิอยู่เย็นนี้หาหกแม่นคำสอนบ่อนพระองค์นำทางชี้ เอาว่าโพธิ์ศรีสามต้นคนเฮาสิได้เพิ่งตกมาฮอดเขิงข่อนตอนท้ายศาสนา พระศรีอารย์เพิ่นสิลงมาค้นเอาผู้ประเสริฐเลือกแต่ผู้ล้ำเลิศกระทำสร้างแต่บ่อนดีอันว่าพวกปล้นจี้เรื่องโหดสามารย์ ยมพิบาลมาจับเข้าสู่อเวจีกว้างให้ทำดีเอาไว้ เพื่อเอาตนเข้าฮ่ม มนุษสาโลกกว้างคนสิล้มท่าวตาย เพิ่นสิมาเลือกเอาไว้สามร่มโพธิ์ศรีให้พอดีเขิงแก้ว

    มันหากเถิงคาวแล้ว คนเฮาอย่านอนอยู่ ให้พากันตื่นถ้อนอย่านอนนิ่งสิเพิงไผ เดียวนี้แสงธรรมจ้าองค์พุทโธกำลังส่องมองไปไสก็เจิดจ้าแสงธรรมเจ้าส่องมาหวังให้โลกนี้กว้างปวงประชาชาวโลกพ้นจากมารหมู่ฮ้าใจเจ้าสิอยู่เย็น อย่าพากันเกียจคร้านเด้อท่านผู้ถือศิ่นถ้าไปกินนำพระผู้เพิ่นมีบุญล้นไผผู้ทนเอาไว้มีใจมั่นเที่ยงกะสิเถิงแห่งห้องวิมานแก้วอยู่เย็นทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนแต่อนิจจังวะคะสังขาราบ่เที่ยงตรงเด้อฟ้า ให้ทำดีเอาไว้เอาคนเข้าฮ่มให้พากันสร้างทางสิเข้าร่มโพธิ์ อย่าทำตนเป็นคนโก้หากินนำคนโง่ ฮู่ว่าโง่แล้วอย่าไปซ้ำตื่มแถม กรรมสิแนบนำก้นบ่ทันคนสิเห็นดอกไผผู้ทำชั่วช้ากรรมฮ้ายหากสิเห็นมันสิลอนกระด้งบ่ค้างว่างตาเขิง

    อย่าพากันเลวทรามให้จำจื่อเอาไว้ หากแม่นคำสอนเจ้าองค์พุทโธสอนสั่งขอให้ชาวพี่น้องฟังแล้วให้จื่อเอาจังสิเห็นทางเข้า โพธิ์ศรีสามห่มสู่อันมีทางลมภัยน้ำทั้งสามสิไหวหวั่นเฮงสิมาเตงตื่มซ้ำทำให้หมุ่นมะลายคนจะตายไปพร้อมนๆ นับบ่กัน ปีกุนผ่านเข้าไปแล้วสิแพวขึ้นกว่าแต่หลัง ไผผู้ยังอยู่เหลือค้างสิเห็นทางบุญบาป นอกจากกรรมหมู่ฮ้ายใจเจ้าสิชื่นบาน อย่าพากันเกียจคร้านให้ตั่งต่อถือศีลธรรม จังสิมีอันสูงอยู่สบายหายฮ้อน

    องค์พระธรรมเจ้าสิลงมาครองโลก หากสิเห็นเที่ยงแท้ไผทำสร้างบุญทันนั้น พระองค์เนาอยู่ยังเมืองใหญ่กรุงศรีปัจจุบัน อยู่เมืองล้านช้าง เพิ่นสิมาถึงแท้เดือนสิบเอ็ดมื้อแปดค่ำ พ.ศ. สองพันห้าร้อยปีกุนแท้แน่นอน พ.ศ. ล่วงมาถึงห้าโลกากว้างเมืองหลวงสิฮอดแฮ่งมนุษย์สิประสบเดือดฮ้อนทางสิพ้นแม่นบ่มี คันไผทำชั่วฮ้ายเมืองฟ้าสิบ่เห็น มีแต่จมลงพื้นอเวจีหม้อใหญ่ ท่านพระศรีเพิ่นสิกอดบ่ได้ อันนี้หากมีในห้องครองธรรม โลกใบนี้เป็นโลกใหม่ภัยมหันต์ศาสนาสองพันล่วงมาถึงแล้วคนเขาแซว ๆ เว้าโลกาบ่เก่าบางผองเจ็บป่วยไข้ตายเกินวัยเกินขนาดโรคประหลาดก็หากมาใหม่เรื่อยยาแก้ก็บ่ทัน

    อัศจรรย์น้อฟ้าโลกามันเปลี่ยนบ่เคยเห็นกะซ่างพ้อน้อนี้จังแม้นกรรม อันว่าทางฝนโลกาบ่คือเก่าคั่นว่าตกก็หากตกมาล้นจนท่วมทั่วแดนดินว่าแล้งจนแผ่นดินแดงคันว่าหนาวก็หนาวพาโลต่างหลังเหลือล้น คนเขาแซวๆ เว้าเป็นไปหมดทุกอย่างภัยพิบัติต่างๆก็หากบังเกิดขึ้นตายได้ง่าย พระเจ้ากล่าว ขอให้ชางพี่น้องฟังแล้วให้จื่อเอาท่านเอย

    ที่มา http://poem.meemodel.com/etc/40732.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2010
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ปี ค.ศ.2018 เริ่มต้นยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์
    (ตามปฏิทินเวลาในคัมภีร์ไบเบิ้ลของศาสนาคริสต์)

    [​IMG]
    [​IMG]

    ช่องที่ 10+ 4 หมายถึงช่วงเวลา 1,000 ปี ของพระเจ้าจักรพรรดิ์(พระศรีอาริย์ king of kings) ตามรหัสเวลาจากคัมภีร์ใบเบิ้ล

    พระเจ้าจักรพรรดิ์ ตามความหมายที่แท้จริงหมายถึง ผู้ที่มีบุญญาธิการมากที่สุดในโลก เป็นผู้ที่สามารถปกครองคนได้ทั้งโลก โดยไม่ต้องใช้กำลังทหารหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆทั้งสิ้น ทรงใช้แต่หลักแห่งคุณธรรมและเมตตาธรรม ปกครองคนทั้งโลกนี้ให้ร่มเย็นเป็นสุข เป็นผู้เดียวที่สามารถรวมทุกศาสนาในโลกนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ ไม่มีการแบ่งแยกเป็นศาสนาต่างๆ อีกต่อไป เพราะจะเหลืออยู่เพียงศาสนาเดียวที่คนนับถือเหมือนกันทั้งโลก ก็คือพระพุทธศาสนานี้นั่นเอง

    เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ทุกศาสนาต่างก็เชื่อว่าพระเจ้าจักรพรรดิ์(พระศรีอาริย์) คือบุคคลคนเดียวกับที่พวกเขารอคอยอยู่ เช่นในศาสนาคริสต์ก็เชื่อว่าเป็นพระเยซูเสด็จกลับมาเป็นครั้งที่ 2 เพื่อปกครองโลกนี้ ศาสนาอิสลามก็เชื่อว่าเป็นพระมะฮุดีย์ที่พวกเขารอคอยอยู่ ศาสนาฮินดูก็เชื่อว่าเป็นพระกัลกีย์ ที่จะมาปราบอธรรมให้หมดไปจากโลกใบนี้ ศาสนาพุทธก็เชื่อว่าเป็นพญาธัมมิกราชองค์ที่ 3 ตามพุทธทำนายในศิลาจารึกที่ประเทศอินเดีย ทุกศาสนาจึงพร้อมใจกันรับฟังคำสอนจากพระเจ้าจักรพรรดิ์(พระศรีอาริย์)ท่านนี้ ทุกคนบนโลกนี้จึงสามารถหลอมรวมศรัทธาให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆอีกต่อไป ก็เพราะพระเจ้าจักรพรรดิ์(พระศรีอาริย์)ท่านนี้นี่เอง ​

    หมายเหตุ

    องค์พระธรรมเจ้าสิลงมาครองโลก หากสิเห็นเที่ยงแท้ไผทำสร้างบุญทันนั้น พระองค์เนาอยู่ยังเมืองใหญ่กรุงศรีปัจจุบัน อยู่เมืองล้านช้าง เพิ่นสิมาถึงแท้เดือนสิบเอ็ดมื้อแปดค่ำ พ.ศ. สองพันห้าร้อยปีกุนแท้แน่นอน

    หากเรานำคำทำนายในศาสนาคริสต์ มาเทียบเคียงเวลาตามคำทำนายใน ศิริประสุประตินาถ แล้วก็จะเห็นได้ว่าตรงกันพอดี เพราะปี ค.ศ. 2018 ก็จะตรงกับปีจอในปีนักษัตรของไทย ซึ่งจะคาบเกี่ยวไปถึงปี ค.ศ.2019 ซึ่งเป็นปีกุนด้วย เพราะปีนักษัตรไทย จะเริ่มต้นจากเดือนเมษายน(วันสงกรานต์)ไปสิ้นสุดในเดือนเมษายน ก่อนวันสงกรานต์ของปีถัดไป และปีพุทธศักราชก็คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปประมาณ 50 ปี จึงพอจะอนุมานได้ว่า พ.ศ.สองพันห้าร้อยปีกุน จึงน่าจะหมายถึงปี ค.ศ.2018-2019 นี้นั่นเอง<!-- google_ad_section_end -->​
     
  9. chartz

    chartz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +223
    น่ากลัวๆๆๆ

    ยังไงก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

    จะได้ไม่เสียใจภายหลัง
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทหารไทย-กัมพูชาเจรจายุติปะทะเดือด-เขมรถอนกำลังพ้นเขตแดนไทย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 เมษายน 2553 10:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ทหารไทยเชิญ พ.อ.จุม สะไรย์ รองหัวหน้าสำนักงานกิจการชายแดนภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา เข้าเจราจายุติการยิงต่อสู้กัน ที่ฐานปฏิบัติการภูหลวง ชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26

    สุรินทร์- ทหารไทย-กัมพูชา รุดเจรจายุติเหตุปะทะเดือดชายแดนสุรินทร์ราบรื่น ย้ำทั้ง 2 ฝ่ายห้ามเกิดเหตุการณ์ยิงปะทะกันเกิดขึ้นอีก ขณะทหารเขมรยอมถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาทและไม่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตแดนไทย ส่วนทหารพรานหายตัวไป 1 นาย ระหว่างการยิงสู้รบกับทหารกัมพูชา ล่าสุดพบตัวแล้วในสภาพปลอดภัย

    วันนี้ (18 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่าง ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 2608 ฐานปฏิบัติการช้างดำ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 ฝ่ายไทย กับ กองกำลังทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่ 402 กัมพูชา ที่บริเวณหลักเขตแดนที่ 13-14 ช่องโชกและช่องปลิง ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ตรงข้ามกับหมู่บ้านจ็อมกาเจก (เป็นหมู่บ้านกันชนชายแดนก่อตั้งใหม่) ต.โอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย กัมพูชา ช่วงเช้าวันที่ 17 เม.ย. เนื่องจากทหารกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยและปลูกสร้างบ้านเรือนในพื้นที่ชายแดน ที่ไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างชัดเจน พร้อมยืนยันไม่ยอมถอนกำลังทหารออกไป นั้น

    ล่าสุด ช่วงเย็นวานนี้ ( 17 เม.ย.) พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) พร้อมด้วย พ.อ.สายยัญ ทัดศรี หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา , พ.อ.อดุล บุญธรรมเจริญ ผู้บังคับการกรมทหารพรานเฉพาะกิจ ที่ 26 และ พ.อ.กิตติศักดิ์ บุญพระธรรมชัย รองผู้บังคับการกรมทหารราบเฉพาะกิจที่ 23 ได้เชิญ พ.อ.จุม สะไรย์ รองหัวหน้าสำนักงานกิจการชายแดนภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา และคณะ เข้ามายังฐานปฏิบัติการภูหลวง ชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 บ.ด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อเจราจายุติการยิงต่อสู้กันของทหารทั้ง 2 ฝ่าย

    ทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมประชุมสรุปความเสียหาย พร้อมทั้งให้ถอนกำลังออกนอกพื้นที่พิพาทและไม่ให้ฝ่ายกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเข้ามายังเขตแดนไทย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความราบรื่น และทางฝ่ายกัมพูชายินดีปฏิบัติตามข้อตกลง ขณะที่ ผบ.กกล.สุรนารี ได้ย้ำให้ทหารในพื้นที่ ทั้ง 2 ฝ่าย ห้ามมีเหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2

    จากนั้น หัวหน้าคณะหน่วยทหารของไทย ได้จับมือกับ พ.อ.จุม สไรย์ หัวหน้าทหารฝ่ายกัมพูชา เพื่อแสดงไมตรีที่ดีต่อกัน ก่อนเดินทางไปรับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งการเจรจาร่วมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ทหารพรานพยายามไม่ให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ และไม่ให้เข้าไปใกล้ห้องประชุมที่ทำการเจรจาแต่อย่างใด พร้อมทั้งบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิดระหว่างกันและจากนี้ไปเมื่อทั้ง 2 ฝ่าย ทำความเข้าใจกันแล้ว บรรยากาศก็จะดีขึ้น

    ภายหลังจากเจรจาร่วมกับทหารฝ่ายกัมพูชา พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผบ.กกล.สุรนารี ได้ออกจากห้องประชุมมาขึ้นรถตู้สีขาวเดินทางออกไปจากฐานปฏิบัติการภูหลวงเพื่อไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่จอดอยู่บริเวณสำนักงานพัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด

    ขณะที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 2608 ที่หายตัวไประหว่างการสู้รบกับทหารกัมพูชาจำนวน 1 นาย นั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทหารไทยชุดเข้าเคลียร์พื้นที่การสู้รบ พบตัว ทหารพรานคนดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเดินทางหลงป่า ขณะทำการสู้รบอยู่ในเขตแดนไทย ด้วยสภาพร่างกายที่ปลอดภัย

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้(18 เม.ย.) ผู้นำทหารในพื้นที่ชายแดนทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ได้นัดเจรจาหารือและรับประทานอาหารร่วมกันอีกครั้ง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ลดความตึงเครียดตามพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมสร้างความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวต่อกัน โดยเฉพาะที่บริเวณ ตลาดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ต่อไป

    ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000052953
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** หลักตนพึ่งตน เร่งสร้างการกระทำเที่ยง ****

    สัจจะ มีผลตอบแทนกับ ผู้ทำได้แน่นอน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ขออนุญาตเอาคำเตือนเรื่องภัยพิบัติมาพูดใหม่ เตือนไว้เมื่อสองปีที่แล้ว

    หลวงพ่อในป่า...(ท่านไม่ให้เเปิดเผยชื่อและที่อยู่ของท่าน)....ท่านได้มาสงเคราะห์ลูกศิษย์ของท่านจำนวนหนึ่ง...แถบจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อ 20 ปีมาแล้ว ท่านได้สอนให้ลูกศิษย์ให้ปฏิบัติธรรมและเตรียมตัวรับภัยพิบัติจากน้ำท่วมครั้งใหญ่

    ท่านบอกว่า...โลกจะเสียสมดุลย์เนื่องจากน้ำแข็งละลาย ทำให้ก้มหัวเข้าหาดวงอาทิตย์ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย จากนั้นจึงพลิกคว่ำ น้ำกระชอกจากขั้วโลกมาในลักษณะหน้ากระดาน (ไม่เฉพาะแนวแม่น้ำโขงเท่านั้น) ไหลทะลักมาเป็นเวลา 7 วัน จากนั้น...น้ำทะเลจะเดือด (อาจเพราะความร้อนใต้ผิวโลก)

    น้ำจากขั้วโลกและเทือกเขาหิมาลัย ทั้งหมดจะไหลลงมา ผ่านจีน มายังประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ที่อยู่ต่ำลงมา เขื่อน 3 สโตรกของจีนจะรับน้ำปริมาณมหาศาลไว้ไม่ได้ ต้องปล่อยน้ำออกมา เมื่อไม่สามารถต้านทานน้ำจากขั้วโลกและเทือกเขาหิมาลัยได้...เขื่อนก็จะพัง...ในที่สุด

    น้ำทั้งหมดจะกวาดล้างประเทศจีน คลังอาวุธต่างๆ ของเสียจากอุตสาหกรรมต่างๆ สิ่งสกปรกต่างๆ จะมากับน้ำปริมาณมหาศาล ความเร็วของน้ำประมาณ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ..จะมาถึงเพชรบูรณ์ใน 3 ชม. อีก 1 ชม.ถึงกรุงเทพฯ

    น้ำส่วนใหญ่จะไปในแนวเชียงรายลงมาผ่านทางพิจิตร,นครสวรรค์ (คืออีกด้านหนึ่งของเทือกเขาเพชรบูรณ์... ในด้านเพชรบูรณ์ยังน้อยกว่า) เมื่อน้ำสงบนิ่งแล้วในระหว่างช่องเขาทั้งสองด้าน (ดังรูป) ระยะ 50 กม.น้ำเต็มหมด

    จากแผนที่เทือกเขาทางจังหวัดเลย ภูมิประเทศจะเป็นร่องน้ำ...ทำให้ความเร็วของน้ำเพิ่มขึ้นไปอีก...ระดับน้ำที่ถาโถมเข้ามา มีความสูง 200 เมตร ทำลายทุกอย่างที่อยู่ต่ำกว่า 200 เมตร ภูเขาบางลูกถูกความแรงของน้ำพัดหายไป น้ำจะเข้าเพชรบูรณ์ และภาคกลาง กรุงเทพจะถูกน้ำถล่มจนไม่เหลืออะไรเลยประเทศออสเตรเลีย...เหลือไม่ถึงครึ่ง

    น้ำจะท่วมอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาหลายปี...น้ำจึงจะลดระดับลง สิ่งที่ตามมากับน้ำท่วมครั้งนี้คือ...โรคระบาดขนานใหญ่...ซึ่งเป็นโรคที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค (เหตุเนื่องจากสิ่งสกปรกที่น้ำกวาดลงมานั่นเอง)...เรียกว่า...โรคไส้บิด...คนเป็นโรคจะตายภัยใน 24 ชั่วโมง...ผีจะดุมากเพราะหวงสมบัติ

    เป็นกรรมที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

    ดังสุภาษิตพราหมณ์...ที่ว่า

    ลูกไฟจะตกจากฟ้า....ปลาจะกินดาว....เลือดนองถึงหลังช้าง....หนูจะลอยตามน้ำ

    สัญญาณในการอพยพ...ก่อนการเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่...คือ

    1. ประเทศไทยจะเกิดคลื่นยักษ์เข้าถล่มทุกทิศทาง (เข้าใจว่าทางใต้ทั้งหมด)...คลื่นยักษ์เข้ามาทุกซอกมุมที่สามารถเข้ามาได้...ความสูงของคลื่นจะเท่ากับครึ่งหนึ่งของความสูงของภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดภูเก็ต คนที่อยู่ต่ำกว่านั้นจะถูกคลื่นยักษ์กวาดหมด ณ วันนี้...หลวงพ่อท่านได้เรียกให้ลูกศิษย์ของท่าน...
    ที่อยู่ทางใต้....ให้ขึ้นมาทางเหนือหมดแล้ว

    2. จะเกิดสงครามประชาชน...ในประเทศ...เมื่อถึงเวลานั้น....จะเข่นฆ่ากัน...ประเทศแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย....การอพยพจะทำได้ลำบากแล้ว

    3. หลวงพ่อท่านบอกว่า..การเตรียมการอาจทำได้...ในระยะกระชั้นชิดมาก...เวลาเหลือน้อยมาก
     
  13. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ทางศาสนาอิสลาม ทางธรณีวิทยา มีกล่าวถึง


    เมื่อทะเลลุกเป็นไฟ


    บทความโดยอาจารย์บรรจง บินกาซัน ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน


    [​IMG]


    จักรวาลและโลกใบนี้เกิดขึ้นมาอย่างไร ยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทายสติปัญญาของมนุษย์ในปัจจุบัน ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดที่มนุษย์ยอมรับกันอยู่ในปัจจุบันนี้คือ ทฤษฎีบิ๊กแบง (Big Bang) หรือการเกิดระเบิดครั้งใหญ่ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล

    แต่สำหรับผู้ศรัทธาในพระเจ้า แค่เพียงพระองค์ทรงบัญชาว่า “จงบังเกิดขึ้น” จักรวาลและทุกสรรพสิ่งก็จะเกิดขึ้นมาในบัดดลตามพระประสงค์ของพระองค์ พระเจ้าจึงเป็นต้นกำเนิดของสาเหตุโดยไม่มีข้อสงสัย คัมภีร์ทางศาสนาที่มีมาก่อนตำราทางวิทยาศาสตร์กล่าวไว้เช่นนั้น

    ส่วนสภาพอวสานของโลกจะเป็นอย่างไร พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกได้ให้ข้อมูลไว้ในคัมภีร์ของพระองค์อย่างน่าสนใจ ในคัมภีร์กุรอานที่ถูกประทานแก่นบีมุฮัมมัดเมื่อประมาณ 1,400 ปีก่อนหน้านี้ มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงสภาพของวันก่อนโลกอวสานว่า “เมื่อทะเลจะร้อนระอุและเอ่อท้น” (กุรอาน 82.3) และ “เมื่อทะเลลุกเป็นไฟ” (กุรอาน 81.6)

    สองปรากฏการณ์ดังกล่าวของท้องทะเลไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่จะอธิบายในทางวิทยาศาสตร์

    ถ้อยคำที่ว่า “ทะเลร้อนระอุและเอ่อท้น” อาจอธิบายได้หลายทาง

    ประการแรก อาจอธิบายได้ว่าเนื่องมาจากอุณหภูมิของโลกร้อนขึ้น เพราะการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น หรือเป็นเพราะการที่โลกโคจรเข้าใกล้ด้วยอาทิตย์มากขึ้นจนโลกเริ่มสูญเสียบรรยากาศ ทำให้น้ำทะเลดูดซับความร้อนไว้มากขึ้นและมีผลต่อความร้อนของน้ำทะเล

    หรืออาจเป็นไปได้ว่าด้วยสภาวะอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ผืนทะเลส่วนที่เป็นน้ำแข็งหรือภูเขาน้ำแข็งในขั้วโลกอาจละลายและทำให้น้ำทะเลเอ่อท้นท่วมแผ่นดินก็เป็นได้ การเฝ้าสังเกตทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ผ่านมาได้พบแล้วว่า ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นประมาณ 2-3 เซนติเมตรในทุกปี

    ส่วนข้อความที่ว่า “เมื่อทะเลจะลุกเป็นไฟ” นั้น หลายคนอาจสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรที่น้ำทะเลจะลุกเป็นไฟ

    ถ้าหากมองจากข้างบนผิวน้ำ เราก็คงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปถึงใต้ทะเลหรือมหาสมุทร ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจ เพราะใต้ทะเลนั้นยังมีภูเขาไฟที่คุกรุ่นอยู่

    อย่าลืมว่าโลกกลมๆเหมือนผลส้มใบนี้ มีลักษณะไม่ต่างไปจากทอฟฟี่ที่ด้านนอกเป็นเปลือกแข็ง แต่ภายในเป็นช็อกโกแลต หรือคาราเมลเหลวๆอยู่

    เรารู้ว่าแม้โลกใบนี้จะถูกสร้างมานานหลายล้านปี แต่โลกใบนี้ก็ยังเย็นไม่สนิท ใจกลางของโลกยังมีหินละลาย หรือลาวาอุณหภูมิสูงหลายพันองศาจำนวนมหาศาลที่พร้อมจะปล่อยพลังของมันออกมาบนผืนโลกเมื่อใดก็ได้

    แผ่นดินที่เราอาศัยอยู่เป็นแค่เพียงเปลือกโลกบางๆไม่กี่แผ่นที่ห่อหุ้มหินหลอมละลายเหล่านี้ไว้ ก้นทะเลก็เป็นแค่เพียงเปลือกโลกส่วนหนึ่งที่ลึกลงไปเท่านั้น ยิ่งทะเลหรือมหาสมุทรลึกเท่าใด เปลือกโลกตรงท้องทะเลก็ยิ่งบางเท่านั้น

    ถ้าภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิด เปลือกโลกใต้ท้องทะเลก็จะแตกออก ลาวาจำนวนมหาศาลที่ทะลักออกมาไม่เพียงแต่จะทำให้ทะเลเดือดเท่านั้น แต่มันยังอาจทำให้ทะเลลุกเป็นไฟได้ไม่ยาก เพราะภายใต้ท้องทะเลมีเชื้อเพลิงประเภทไฮโดรคาร์บอนมากมายมหาศาลที่พร้อมจะจุดไฟได้ทุกเมื่อ

    คนรุ่นปู่ของเรารู้ดีถึงความรุนแรงจากการระเบิดของภูเขาไฟการากาตัวในหมู่เกาะชวาเมื่อหลายสิบปีก่อน และคนรุ่นเราก็ได้เห็นหายนภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิกันมาแล้ว

    ถ้าลาวาหรือหินหลอมละลายอุณหภูมิหลายพันองศาปลดปล่อยพลังงานของมันออกมาอย่างเต็มที่ในขณะที่น้ำทะเลกำลังเดือดและดันแผ่นเปลือกโลกใต้ท้องทะเลขึ้นมาสักนิดหนึ่ง เปลือกโลกก็จะยกน้ำทะเลจำนวนมหาศาลให้สูงขึ้นอย่างฉับพลัน สิ่งที่ตามมาก็คือการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิที่มีอุณหภูมิสูงซัดเข้าหาชายฝั่ง

    ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่า ภาพวันนั้นจะสยดสยองเพียงใด นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คนกลุ่มหนึ่งซึ่งเชื่อในวันอวสานของโลกไปรวมกันฆ่าตัวตาย เพราะไม่อาจทนรับหรือทนเห็นสภาพความน่าสะพรึงกลัวของวันนั้นได้

    เมื่อเร็วๆนี้ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแผ่นดินไหวของไทย 2-3 คนได้ออกมาเตือนว่า แผ่นดินไหวใต้เกาะสุมาตราซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 นั้นยังไม่สิ้นสุด และมันเป็นเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น

    ถ้าการสูบน้ำใต้ดินไปใช้อย่างไม่บันยะบันยังเป็นสาเหตุทำให้แผ่นดินยุบตัวในหลายจังหวัดของไทยฉันใด การไหลของลาวาออกจากปล่องภูเขาไฟก็เป็นสาเหตุทำให้แผ่นเปลือกโลกทรุดตัวฉันนั้น

    แผ่นดินไหวทำให้แผ่นเปลือกโลกทรุดตัวอยู่ในสภาพแผ่นไม้ที่กองทับถมกันอยู่ระเกะระกะและยันกันอยู่อย่างไม่มั่นคง แค่แมวกระโจนเข้าไปหรือหนูตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากกองไม้ แรงกระเทือนเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้กองไม้นั้นทรุดตัวลงอีกครั้งอย่างง่ายดาย

    แต่เหตุการณ์สยดสยองดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นไม่มีใครรู้ พระผู้เป็นเจ้าทรงไม่เปิดเผยเพื่อดูว่าใครจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างไร




    [​IMG]


    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%">นักวิจัยพบโคลนภูเขาไฟ 4 ลูก ใต้ทะเลอันดามัน ห่างภูเก็ต 200 กม.

    เชื่อ อันดามันไทย เคยมีภูเขาไฟใต้น้ำ

    เผย อนาคต พื้นที่สำรวจอาจเป็นแหล่งน้ำมัน-แหล่งชุมนุมสัตว์ทะเลแปลกๆ

    เตรียมขอยานสำรวจใต้น้ำ ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง

    นับเป็นเรื่องที่ทำให้วงการวิทยาศาสตร์ไทยต้องตื่นตะลึงอีกครั้ง เมื่อทีมนักวิจัยไทย และผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยาทางทะเลแห่งชาติ ได้ค้นพบโคลนภูเขาไฟ 4 ลูก บริเวณใต้ทะเลลึกฝั่งอันดามันของไทย ห่างเกาะภูเก็ตเพียง 200 กิโลเมตร ซึ่งการค้นพบครั้งนี้ทำให้เชื่อได้ว่า พื้นที่ดังกล่าวเคยมีภูเขาไฟใต้น้ำมาก่อนอย่างแน่นอน

    เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยการเปลี่ยนแปลงและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฐานะหัวหน้าโครงการศึกษาเสถียรภาพของชั้นตะกอนการเกิดแผ่นดินถล่มใต้ทะเล บริเวณขอบทวีปในทะเลอันดามัน กล่าวว่า ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ถึงวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยไทยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันทางธรณีวิทยาทางทะเลแห่งชาติ เมืองคีธ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้ออกสำรวจใต้ท้องทะเลลึกของไทยเป็นครั้งแรก ที่ระดับความลึกตั้งแต่ 1,000-2,800 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดที่เรียกว่า สะดือทะเล อยู่บริเวณแถบไหล่ทวีปมะริด ห่างจากเกาะภูเก็ตราว 300 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ศึกษา 1,500 เมตร

    ดร.อานนท์ กล่าวต่อว่า การสำรวจดังกล่าวใช้เวลาลงทะเลประมาณ 16 วัน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจะเก็บตะกอนไหล่ทวีปมาศึกษาหาความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินถล่มใต้น้ำ หลังเหตุการณ์คลื่นสึนามิถล่มทะเลอันดามันเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ที่ผ่านมา ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ทำให้นักวิจัยต้องตื่นตะลึง เพราะทีมนักสำรวจพบข้อมูลที่สร้างความตื่นเต้นและไม่คาดคิดมาก่อนในวงการวิทยาศาสตร์ไทย เนื่องจากพบว่ามีโคลนภูเขาไฟใต้ทะเล (Mud Volcano) กระจายอยู่ในจุดที่สำรวจรวม 4 ลูกด้วยกัน โดยลูกแรกมีฐานความกว้างถึง 1 กิโลเมตร สูง 100 เมตร มีลักษณะเหมือนรูปเจดีย์คว่ำ เจอที่ความลึก 650 เมตร ห่างจากภูเก็ต 200 กิโลเมตร

    ดร.อานนท์ กล่าวว่า ภูเขาไฟใต้ทะเลลูกที่ 2 อยู่ห่างจากจุดแรกไปทางตะวันตกอีก 50 กิโลเมตร ที่ระดับความลึก 1,000 เมตร และลูกที่ 3 และ 4 ห่างจากจุดที่ 2 ราว 60 กิโลเมตร ไปทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ มีฐานกว้างประมาณ 500 เมตร สูง 60-70 เมตรที่ระดับความลึก 700-800 เมตร ซึ่งการค้นพบครั้งนี้สร้างความแปลกใจค่อนข้างมากแก่คณะนักสำรวจ และค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นภูเขาไฟใต้น้ำ เพราะจากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือหยั่งน้ำแบบหลายความถี่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะสร้างความสั่นสะเทือนและสะท้อนคลื่นลักษณะพื้นท้องน้ำ พบว่าในจุดที่เป็นตะกอนโคลนสามารถสะท้อนคลื่นกลับมาได้ไม่ดี เนื่องจากเป็นตะกอนโคลนที่มีความนิ่ม และคลื่นจะสะท้อนไม่แรงมากนัก จึงไม่ใช่แค่กองโขดหินธรรมดาๆ

    นอกจากนี้ยังพบว่า อุณหภูมิของน้ำทะเลตรงภูเขาไฟจะสูงถึง 100 องศาเซลเซียส แต่บริเวณพื้นที่ข้างๆ กันวัดอุณหภูมิได้แค่ 5 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า พื้นที่ดังกล่าวน่าจะเคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน ขณะที่ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานว่า พบภูเขาไฟใต้ทะเลในแถบทะเลอันดามันของประเทศอื่นๆ รวมทั้งหลักฐานว่า หลังเหตุการณ์สึนามิมีรายงานชัดเจนว่าโคลนภูเขาไฟที่อยู่บนเกาะอันดามันของอินเดียมีการแอ็คทีฟมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า โคลนภูเขาไฟที่เจอใต้ทะเลอันดามันของไทย น่าจะมีลักษณะใกล้เคียงกับโคลนภูเขาไฟใต้ทะเลของอ่าวเม็กซิโก ซึ่งแหล่งความร้อนที่เกิดขึ้นนั้น อาจเกิดจากตะกอนถูกบีบอัดโดยการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก แต่ไม่ได้หมายความว่ามีรอยแยกของเปลือกโลกในบริเวณนั้น และที่สำคัญไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนกกับสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เจอมา โดยเฉพาะข้อกังวลที่ว่าอาจเป็นภูเขาไฟที่จะปะทุในอนาคต

    ส่วนที่มองกันว่า สิ่งที่ค้นพบจะเป็นสาเหตุของการเกิดคลื่นสึนามินั้น ดร.อานนท์ กล่าวว่า ยังมองไม่เห็นความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าว แต่ถ้ามองในแง่ดี ค่อนข้างมั่นใจว่าบริเวณนั้นเป็นแหล่งที่มีศักยภาพของแอ่งน้ำมันเหมือนกับอ่าวเม็กซิโกก็ได้ นอกจากนี้ อาจเป็นแหล่งชุมนุมของสัตว์ทะเลแปลกๆ อย่างแน่นอน เนื่องจากมีการยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวจะมีแร่ธาตุ และสัตว์สามารถอยู่โดยการใช้วิธีการผลิตขั้นต้นทางเคมี โดยไม่ต้องพึ่งแสงอาทิตย์ก็ได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าหากสำรวจเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าวน่าจะพบตะกอนโคลนภูเขาไฟอีกหลายลูกแน่นอน

    ดร.อานนท์ กล่าวต่อว่า หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ แล้วเสร็จ จะต้องสำรวจข้อมูลเชิงลึกของโคลนภูเขาไป โดยจะต้องใช้ยานไร้คนขับ หรืออาร์โอวี ลงไปเก็บข้อมูล เพื่อนำตะกอนโคลนมาศึกษารายละเอียดให้ชัดเจน รวมทั้งดูในเรื่องแหล่งความร้อน หรือศักยภาพของการเป็นแหล่งน้ำมัน และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มสำรวจในช่วงเดือนเมษายน 2550

    "ยอมรับว่าการทำงานครั้งนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะบริเวณที่เจอน้ำลึกมาก และคลื่นใต้น้ำค่อนข้างแรง การเก็บตัวอย่างต้องใช้เครื่องมือที่มีศักยภาพสูง และต้องใช้ความระวังมากเป็นพิเศษ แต่ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นเพราะความร่วมมือจากนักวิจัยที่มาจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรธรณี นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบูรพา และจุฬาฯ และจากเยอรมนี ซึ่งได้ลงนามความร่วมมือทำโครงการสำรวจทะเลสะดือ และไหล่ทวีปร่วมกันตั้งแต่ปี 2549-51" ดร.อานนท์ กล่าว

    คม ชัด ลึก
    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD id=modified_230 class=smalltext vAlign=bottom></TD><TD class=smalltext vAlign=bottom align=right> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พายุลูกเห็บถล่มเชียงราย บ้านพังกว่า 500 หลัง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เชียงราย 19 เม.ย. - เกิดพายุลูกเห็บพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนใน จ.เชียงราย ได้รับความเสียหายกว่า 500 หลังคาเรือน

    พายุลูกเห็บที่มีขนาดเท่าไข่ไก่ พัดกระหน่ำนานกว่า 20 นาที ในพื้นที่ ต.เวียงพางคำ และ ต.แม่สาย จ.เชียงราย

    ลูกเห็บที่มีขนาดใหญ่ทำให้หลังคาบ้านเรือนประชาชนกว่า 500 หลังคาเรือน และรถยนต์ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังเกิดกระแสไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ทรัพย์สิน เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องนอน เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ชาวบ้านระบุว่า พายุลูกเห็บมีขนาดใหญ่สุดในรอบหลายสิบปี และใน อ.แม่สาย ไม่เคยเกิดลูกเห็บตกใหญ่ขนาดเท่าไข่ไก่มาก่อน

    หลังพายุสงบ จ.เชียงราย ได้สั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งออกสำรวจความเสียหาย แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากกระแสไฟฟ้าดับ และบางพื้นที่ฝนยังตกต่อเนื่อง. - สำนักข่าวไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    เหตุการณ์ รถแก๊สระเบิดบนถนนเพชรบุรี 24 กันยายน 2533

    <SCRIPT type=text/javascript> var id=472442; </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="topic.js"></SCRIPT>

    หลายคนคงจำเหตุการณ์รถแก๊สซึ่งแล่นลงมาจากทางด่วนเพื่อเข้าสู่ถนนเพชรบุรี พลิกคว่ำและเกิดการระเบิด ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ในวันจันทร์ที่ 24 กันยายน 2533 เวลาประมาณ 22.00 น.

    ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น เกิดจากความประมาทของผู้ขับรถ และบริษัท สยามแก๊ส ซึ่งเป็นเจ้าของรถ และมีการดัดแปลงสภาพรถเพื่อนำมาบรรทุกแก๊ส LPG โดยผิดกฏหมาย
    [​IMG]

    เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อนายสุทัศน์ ฟักแคเล็ก คนขับรถบรรทุกแก๊สของบริษัท อุตสาหกรรมแก๊ส-สยาม จำกัด ได้พยายามขับลงจากทางด่วนเพชรบุรีตัดใหม่ด้วยความเร็วเพียงเพื่อที่จะข้าม ผ่านให้พ้นไฟแดง แต่รถกลับเกิดอุบัติเหตุจนพลิกคว่ำไถลไปกับพื้นถนน ทำให้ถังบรรจุแก๊สขนาด 20,000 ลิตร จำนวน 2 ถัง หลุดออกจากตัวรถและปริแตก

    แก๊ส ที่บรรจุอยู่ภายในพวยพุ่งออกมาทั่วทั้งถนน แล้วเมื่อไหลไปเจอกับประกายไฟก็เกิดระเบิดขึ้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหวหลายครั้ง ลูกไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจนกลายเป็นสีแดงฉาน ทำให้บริเวณถนนเพชรบุรตัดใหม่และละแวกใกล้เคียงกลายเป็นทะเลเพลิงไปในพริบตา และลุกลามไปอย่างรวดเร็วจนเป็นวงกว้าง พร้อมกับครอกผู้คนที่อยู่ในรถยนต์บนถนนเส้นนั้น ทำให้หลายรายเสียชีวิตในทันที บางคนที่พอจะตั้งหลักได้ก็พากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมาจากกองเพลิง แต่ส่วนมากอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส จากเปลวไฟทั้งสิ้น
    [​IMG]

    จำได้ว่าในขณะนั้นได้นั่งชมภาพเหตการณ์ ดังกล่าวผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งได้ทำการติดตามข่าวและถ่ายถอดเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่เป็นเวลาหลายวัน ภาพถนนเพชรบุรีลุกโชนด้วยแสงไฟ ราวกับไฟนรกก็ไม่ปาน ภาพการช่วยเหลือ การหนีเอาตัวรอด การกู้สถานการณ์ รวมไปถึงการลำเลียงศพผู้เคราะห์ร้ายออกจากที่เกิดเหตุ ทั้งที่ติดอยู่ในรถ และที่ติดอยู่ในที่พักซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณนั้น

    ภาพเจ้าหน้าที่ เก็บกู้ศพแบกร่างไร้วิญญาณซึ่งส่วนใหญ่ดำเป็นตอตะโก และคาดบางคนแ๗บไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองเสียชีวิตเนื่องมาจากเหตุใด ความรุนแรงและรวดเร็วของความเสียหายที่เกิดจากแก๊สระเบิดในครั้งนี้ กินอาณาบริเวณกว้างมากกว่าที่ใคร ๆ จะคาดไว้ สร้างความสลดใจให้กับผู้ที่ได้พบเหตุภาพเหตุการณ์ดังกล่าว

    นอกจาก ความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินแล้ว ความเสียหายที่ประเมินค่ามิได้ ได้เกิดขึ้นกับร่างกาย ชีวิต และจิตใจของผู้ที่ประสบเหตุ เพียงเพราะสาเหตุ "ความมักง่ายและประมาทเลินเล่อ" ของคนเพียงไม่กี่คน
    [​IMG]

    จากการสืบค้นข้อมูลของผู้ที่เกียวข้อง เกี่ยวกับกรณีนี้ ได้พบบทสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ ๆ มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับผู้สื่อข่าวของ Manager Online เมื่อครั้งครบรอบ 17 ปีโศกนาฏกรรมดังกล่าว จึงขอนำมาประกอบเป็นกรณีศึกษา ณ โอกาสนี้

    พ.ต.อ.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผกก.ฝอ.สลก.ตร. (พ.ศ. 2550) ซึ่งในขณะนั้น (ก.ย. พ.ศ. 2533) ดำรงตำแหน่งเป็น รอง สว.สส.สน.พญาไท รับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุ เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเหมือนยังจำได้ขึ้นใจว่า ขณะเกิดเหตุกำลังพักผ่อนอยู่ที่แฟลตใกล้กับ สน.พญาไท น้องชายได้มาเรียกให้ดูข่าวทางโทรทัศน์ซึ่งรายงานเหตุการณ์น่าตกตะลึงที่ เกิดขึ้น จึงรีบเดินทางมาที่ สน.พญาไท และพยายามขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจเข้าไปยังจุดเกิดเหตุแต่ไม่สามารถเข้าไป ได้เนื่องจากเพลิงยังคงโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง จึงกลับมาประชุมพร้อมกับตำรวจในพื้นที่ ซึ่งตอนนั้นเป็นของกองกำกับการ 3 ประกอบด้วย สน.พญาไท, สน.ดินแดง, สน.ดุสิต, สน.สามเสน และสน.มักกะสัน โดยได้แบ่งงานกันออกไปรวบรวมรายชื่อผู้บาดเจ็บที่ส่งไปรักษายังโรงพยาบาล ใกล้เคียง

    “ผมได้รับมอบหมายให้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลตำรวจ ผมไปถึงตอนประมาณตี 3 สถานการณ์ในโรงพยาบาลกำลังชุลมุนวุ่นวายเนื่องจากมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก แพทย์และพยาบาลต้องทำงานอย่างหนัก เราทำได้แค่เพียงรวบรวมรายชื่อและสอบปากคำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่มาก และผู้ที่ได้รับการรักษาแล้ว จากนั้นก็ไปที่สถาบันนิติเวชเพื่อไปดูศพ จำได้อย่างติดตาเพราะสภาพศพแต่ละศพถูกไฟเผาจนไหม้ตำเป็นตอตะโก ศพที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ก็จะถูกนำมาวางเรียงรายเต็มไปหมด ภาพที่เห็นแม้ว่าผมจะเป็นตำรวจและเคยเห็นศพมาก่อนก็ยังรู้สึกหดหู่ใจ” พ.ต.อ.ทนัย กล่าว

    ในคืนนั้น...เจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยดับเพลิง ต้องทำงานอย่างหนัก กว่าเพลิงจะสงบลงก็ใช้เวลาถึง 1 วันเต็มๆ หลังจากเพลิงสงบเมื่อเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ก็ยังคงปรากฏภาพ ที่น่าโศกสลด เมื่อพบศพที่ถูกเผาทั้งเป็นติดอยู่กับรถโดยไม่ทันตั้งตัว อุบัติเหตุครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปทั้งสิ้น 59 ศพ บาดเจ็บอีก 89 ราย อาคารพาณิชย์และบ้านเรือนประชาชนในละแวกนั้นได้รับความเสียหาย ไปเกือบ 40 คูหา รวมไปถึงชุมชนแออัดอีก 100 หลังคาเรือน ส่วนนายสุทัศน์คนขับเสียชีวิตคาที่นั่ง แต่สิ่งที่ตอกย้ำความเจ็บช้ำของผู้ที่สูญเสียคือผลจากการตรวจพิสูจน์ที่พบ ว่าสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนั้นเกิดจากรถบรรทุกแก๊ส ไม่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด
    [​IMG]

    พ.ต.อ.ทนัย เล่าถึงเหตุการณ์ในเช้าวันถัดมาว่า หลังจากที่ได้รวบรวมรายชื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้วจากโรงพยาบาลต่างๆ ตำรวจในทุก สน.ในพื้นที่ก็ได้นำรายชื่อมาส่งให้ตนพิมพ์ลงคอมพิวเตอร์ซึ่งสมัยนั้นตำรวจ เพิ่งเริ่มมีการนำใช้ โปรแกรมที่มีก็ยังเป็นโปรแกรมแบบเก่าจึงไม่ค่อยมีใครใช้งานเป็น จึงต้องใช้เวลานานจนเกือบรุ่งเช้า จากนั้นได้นำไปติดไว้ที่บอร์ดหน้า สน. แล้วกลับมาพักผ่อนที่ห้อง แต่เพียงไม่นานสารวัตรใหญ่ก็ให้ลูกน้องมาตามให้ไปพิมพ์รายชื่อเพิ่ม เมื่อออกมาดูที่หน้า สน.ก็ตกใจกับภาพที่ปรากฏเพราะว่ามีประชาชนจำนวนมากมาออกันอยู่เต็มหน้า สน.จนมืดฟ้ามัวดิน เพราะประชาชนจากหลายที่ต่างมาดูรายชื่อญาติที่คิดว่าอาจจะอยู่ในที่เกิดเหตุ

    พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปะวณิช ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็นอีกผู้หนึ่งซึ่งดำรงตำแหน่งสารวัตรใหญ่ สน.พญาไทในขณะนั้น กล่าวถึงการทำงานของตำรวจหลังเกิดเหตุการณ์รถแก๊สระเบิดว่า เมื่อเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามประสานทุกหน่วยงานเพื่อเข้าไปช่วยเหลือ แต่เนื่องจากเหตุรุนแรงมาก เหมือนพื้นที่ถูกระเบิดลงจึงกลายเป็นพื้นที่ปิด จึงทำให้การทำงานของตำรวจยากลำบาก การทำงานจึงเริ่มหลังจากเกิดเหตุไปแล้ว โดยได้เน้นที่งานสอบสวน พยายามที่จะย้ำให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุให้มากที่สุด โดยประสานงานกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานให้ทำงานอย่างเป็นระบบ เพราะท้ายที่สุดก็ต้องดำเนินคดีกับบริษัทที่รับผิดชอบให้ได้ โดยชี้ให้เห็นว่าเกิดจากความประมาทไม่ใช่อุบัติเหตุ
    [​IMG]

    ในวันนี้...แม้ว่าโศกนาฏกรรมรถแก๊ส ระเบิดบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จะผ่านมาจนครบ 17 ปีแล้ว แต่ความเจ็บปวดในครั้งนั้นก็ยังฝังใจทุกครั้งเมื่อมีข่าวคราวของรถแก๊สพลิก คว่ำ ซึ่งยังมีให้เห็นอยู่เสมอจนเกิดคำถามขึ้นในใจว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ เรียนรู้และแก้ไขอะไรบ้างจากเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น

    “สิ่งที่ตำรวจได้ เรียนรู้จากเหตุการณ์ในลักษณะที่เกิดขึ้น เรื่องแรกคือด้านงานสอบสวน การรวบรวมหลักฐาน เพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินคดี ส่วนที่เกิดขึ้นแล้วเราคงจะไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่การทำหน้าที่ของตำรวจอย่างเต็มที่ในครั้งนั้นเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของ บริษัทแก๊สสยาม และกระแสสังคมที่เกิดขึ้น ส่งแรงผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการมาดูแลเข้มงวดยิ่งขึ้นแม้ จะดูเหมือนวัวหายล้อมคอกก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนั้นนับเป็นบทเรียนสำคัญของคนไทยที่เราไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิด ขึ้น แต่ในอนาคตต่อไปจะทำให้เราได้ตระหนักถึงภัยพิบัติในรูปแบบอื่นที่อาจจะเกิด ตามมาซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เชื่อว่าในยามคับขันชาวไทยทุกคนจะออกมาช่วยเหลือกัน” พล.ต.ต.มณเฑียร กล่าว
    [​IMG]

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะถือว่าเป็นบนเรียนครั้งสำคัญสำหรับประเทศไทย แต่เมื่อวันเวลาเคลื่อนผ่านไป มาตรการการป้องกันต่างๆ อย่างเข้มงวดก็ถูกลืมเลือนที่จะนำมาปฏิบัติใช้ด้วย อันนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมในรูปแบบอื่นที่ต่าง ๆ กันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ โรงแรม รอยัลคลิฟบิช ที่พัทยา เหตุการณ์โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ถล่มา หรือจะต้องให้โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เหล่านี้เกิดขึ้นต่อไป และต่อไป โดยที่เรามิได้ตระหนักถึงคุณค่าของความปลอดภัยใด ๆ จนกว่ามันจะมาอยู่ตรงหน้าคุณ !!!
    [​IMG]

    ขอไว้อาลัยให้แก่เหยื่อผู้เสียชีวิตจาก เหตุการณ์นี้ และขอแสดงความเสียใจแก่บรรดาญาติผู้สูญเสีย ชีวิต ร่างกาย และจิตใจทุกท่าน โดยหวังว่าเหตุการณ์นี้จะช่วยเตือนใจให้คนไทยไม่ตั้งอยู่ในความประมาท
     
  16. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    19 เม.ย. 53


    ถังแก็สในครัวเรือน ------มิบังควรนำออกไป
    เอ๊าทไซด์อากาศร้อน-----ยากปกป้องอัคคีภัย
    ผู้ใช้ไม่ระวัง-------------ถ้าตูมตามไปกันใหญ่
    ชีวิตก็บรรลัย-------------ไม่ได้ใช้เงินหามา




    องค์อินทร์ - ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>
     
  17. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    ข้อความต่อไปนี้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

    สาส์นฉบับที่ ๑

    ปู่จักรวาล ให้แจ้งว่า หากมนุษย์ยังไม่เร่งขวนขวายปฏิบัติตน ให้เป็นผู้นิ่งสงบ ไม่ไปกระทบ
    กระทั่งผู้อื่นเรียนรู้ในตนให้ถ่องแท้ให้ได้เสียก่อน ดาวโลก ก็จะมีแต่ความวุ่นวายไม่เลิกรา
    หาสันติสุขอันใดมิได้เป็นภัยในตัวที่กำลังกัดกินหัวใจที่เคยประเสริฐ ให้เป็นหัวใจที่ถดถอย
    ด้อยค่า แม้ภัยธรรมชาติบังเกิดเราจะมีใจไปช่วยใครได้ กระทั่งตัวเอง ก็ยังช่วยไม่ได้เลย

    สาส์นฉบับที่ ๒

    ขอให้มนุษย์จงหยุดทำร้ายทำลายธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตัดไม้ทำลายป่า
    ในประเทศไทย จากปี ๒๕๔๑ ป่าไม้มีอยู่ ๕๑ % แต่มาปี ๒๕๕๒ ป่าไม้เหลือเพียง ๒๕ %
    ไม่น่าเชื่อว่า จะมีประสิทธิภาพทำได้เร็วถึงเพียงนี้ แล้วสมดุลธรรมชาติจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
    ภัยทั้งหลายที่เกิดจากธรรมชาติ ท่านจะโทษธรรมชาติไม่ได้ ตัวท่านเองนั่นแหละเป็น
    ผู้กระทำขอให้หยุดให้ได้ โดยหยุดที่ใจใคร่คิดใคร่กระทำให้ได้ก่อน

    สาส์นฉบับที่ ๓


    ปู่จักรวาล เน้นข้อนี้เป็นพิเศษ ท่านให้แจ้งว่าการฝึกผู้อาสาช่วยเหลือภัยพิบัติ มีกระจาย
    ไปทั่วทุกมุมโลกในแต่ละจุดของการฝึก จะเน้นด้านการชำระจิตใจ การไม่สำคัญผิดคิดว่า
    เป็นตัวตนมิฉะนั้น ผลการช่วยเหลือจะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ การฝึกเช่นนี้ ย่อมต้องอาศัย
    ความสลับซับซ้อน มีการทดสอบ ทดลองและทดแทน สลับกันไป เพื่อกลั่นกรองให้ได้ซึ่ง
    ผู้มีปัญญา สามารถนำพาชีวิตมนุษย์ให้หลุดรอดพ้นจากภัยพิบัติได้

    ผู้เข้ารับการฝึก ต้องแยกพฤติกรรมจากตัวตนที่อิงรหัสกรรมมาเกิดกับสภาวะจิตใจที่
    เกิด-ดับอยู่ ทุกขณะปัจจุบัน ให้ได้ พฤติกรรมจากตัวตนที่อิงรหัสกรรมมาเกิดของเขา
    เราไปบังคับให้เป็นดั่งใจเราไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่เรา รหัสกรรมที่นำมาเกิด ก็คนละรหัส
    ดังนั้น อย่าให้พฤติกรรมของผู้อื่น มาทำลาย สภาวะจิตที่เริ่มใสบริสุทธ์และพร้อมที่จะ
    ทำงานของเรา โดยเด็ดขาดเขาก็คือเขา จะทำให้เหมือนอย่างเรานั้น เป็นไปไม่ได้

    สาส์นฉบับที่ ๔

    เหตุผลที่ต้องฝึกที่ใจ ก่อนภัยพิบัติจะมาถึงเมื่อภัยพิบัติมาถึง แม้คนรวยมีเงินทองมากมาย
    สามารถเตรียมเสบียงอาหาร กักเก็บไว้ในที่ที่ทำไว้หลบภัย เพื่อบริโภคในยามฉุกเฉิน
    แต่ก็ไม่พ้นสายตาของพวกที่อดอยากพวกเขาย่อมกระทำการสิ่งใดก็ได้ เพื่อให้ได้มาซึ่ง
    อาหารสำหรับประทังชีวิต โดยไม่ฟังใครทั้งสิ้นความโกลาหล วุ่นวาย
    จะเกิดไปทั่วทุกหย่อมหญ้า

    คนรวย มีอาหารไว้เก็บกิน ก็อาจตายเพราะภัยจากผู้หิวโหยผู้หิวโหย ก็อาจตาย
    จากผู้หิวโหยด้วยกัน ดังนั้นจะหาความปลอดภัยได้จากที่ไหน บนความทุกข์
    ความเดือดร้อน ที่เข้ามากระทบอายตนภายใน หากเราสามารถฝึกแยกแยะ
    ปล่อยวาง และเข้าใจในสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นเราย่อมเป็นผู้พบ
    และเป็นผู้พ้นจากทุกข์ทั้งปวง

    สาส์นฉบับที่ ๕

    เตรียมตัวตายกันได้แล้ว
    ท่านปู่จักรวาล กล่าวด้วยสีหน้าแสดงแววเมตตาและห่วงใย ว่า มนุษย์โลก ต้องเรียนรู้
    และเข้าใจ ในเรื่องของชีวิตใหม่ กันได้แล้วขณะนี้ความตายกำลังจ่ออยู่ตรงหน้า
    สิ่งที่จะนำมาถึงซึ่งความตายนั้น มีอยู่มากมายซึ่งมนุษย์มีความเข้าใจ และรับรู้
    ได้ดีอยู่แล้วแต่จะหาใครได้สักกี่คน ที่จะเข้าใจ ในเรื่องของความตายซึ่งเป็นความตาย
    ที่ปราศจากทุกข์ทรมาณตายด้วยความสุข เห็นอนิจจัง เป็นของไม่เที่ยงแท้ ได้จริงไม่ยึดติด
    ในกายรูปสังขาร ที่หล่อหลอมรวมตัวขึ้นมาจากธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

    คนที่ยังยึดติดในตัวตน ยังรักห่วงใย ทนุถนอมรักใคร่ในตัวตน ไม่ยอมทิ้งอัตตา
    ตัวตนเมื่อถึงคราวประสบชะตากรรม ภัยร้ายเล่นงานจนจวนเจียนใกล้ตาย
    แต่ก็ยังไม่ยอมตาย เพราะความห่วงใยในตัวตนย่อมยึดไว้จนถึงที่สุด
    ปล่อยให้ทุกข์กัดกินรุมเร้า จนจิตวิญญาณต้องรับรหัสกรรมแห่งทุกข์หลุดลอย
    ลงสู่อเวจีมหานรกหรือภูมิสัตว์เดรัจฉาน คนแล้วคนเล่า

    เป็นที่น่าอเน็จอนาถ แก่บรรดาเหล่าเทพพรหม พระโพธิสัตว์ ทั้งหลายซึ่งพระองค์ได้
    พยายามช่วยมนุษย์เท่าที่ช่วยได้บัวเหล่าใด ยังจมมิดโคลนอยู่ ก็คงต้องปล่อยไปตาม
    ยถากรรม แม้พระพุทธองค์ ก็ยังมิอาจโปรด บัวเหล่านั้นได้ เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้ว
    ใยทุกคนยังตั้งตนอยู่ในความประมาทอีกเล่า

    ที่มา จากจักรวาลสู่ดาวโลก
    « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 มกราคม 2553 16:47:34 โดย AVATAR »
     
  18. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    วันสุดท้ายสงกรานต์ ปี 53 ผู้เสียชีวิต 55 คน รวม 7 วัน ผู้เสียชีวิต 361 คน

    ข่าวทั่วไป ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 19 เมษายน 2553 14:34:18 น.
    <STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--ปภ.

    วันสุดท้ายสงกรานต์ ปี 53 ผู้เสียชีวิต 55 คน รวม 7 วัน ผู้เสียชีวิต 361 คน ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2553 กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 18 เม.ย. 53 เกิดอุบัติเหตุทางถนน 298 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 55 คน ผู้บาดเจ็บ 300 คน รวม 7 วัน (วันที่ 12 — 18 เม.ย. 53) เกิดอุบัติเหตุทางถนน 3,516 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 361 คน ผู้บาดเจ็บ 3,802 คน ทั้งนี้ ศปถ. จะมุ่งเน้นมาตรการบังคับใช้กฎหมายจราจรควบคู่กับการรณรงค์สร้างจิตสำนึก ความปลอดภัยทางถนน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน รวมถึงผลักดันการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับ
    <!--/* OpenX Javascript Tag v2.8.2 */--><SCRIPT type=text/javascript><!--//<![CDATA[ var m3_u = (location.protocol=='https:'?'https://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php':'http://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php'); var m3_r = Math.floor(Math.random()*99999999999); if (!document.MAX_used) document.MAX_used = ','; document.write ("<scr"+"ipt type='text/javascript' src='"+m3_u); document.write ("?zoneid=5"); document.write ('&cb=' + m3_r); if (document.MAX_used != ',') document.write ("&exclude=" + document.MAX_used); document.write (document.charset ? '&charset='+document.charset : (document.characterSet ? '&charset='+document.characterSet : '')); document.write ("&loc=" + escape(window.location)); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); if (document.context) document.write ("&context=" + escape(document.context)); if (document.mmm_fo) document.write ("&mmm_fo=1"); document.write ("'><\/scr"+"ipt>");//]]>--></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php?zoneid=5&cb=8154984275&charset=utf-8&loc=http%3A//www.ryt9.com/s/prg/884165&referer=http%3A//www.google.co.th/search%3Fsourceid%3Dnavclient%26aq%3D0h%26oq%3D%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%259c%25e0%25b8%25b9%25e0%25b9%2589%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%258a%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2595%26ie%3DUTF-8%26rlz%3D1T4SHCN_enTH330TH330%26q%3D%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%259c%25e0%25b8%25b9%25e0%25b9%2589%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%258a%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2595%25e0%25b8%2588%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%2595%25e0%25b9%258c%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25b52553"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript><!--// <![CDATA[/* openads=http://a.ryt9.com/www/delivery bannerid=10 zoneid=5 source= */// ]]> --></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1994271288564323";/* Ryt9-Center 336x280, created 12/22/08 */google_ad_slot = "4617559094";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://a.ryt9.com/www/delivery/ag.php"></SCRIPT>[​IMG]
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=google_ads_frame1 height=280 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1994271288564323&output=html&h=280&slotname=4617559094&w=336&lmt=1271673868&flash=10.0.45.2&url=http%3A%2F%2Fwww.ryt9.com%2Fs%2Fprg%2F884165&dt=1271673868968&shv=r20100407&correlator=1271673868984&frm=0&ga_vid=1061781519.1242804753&ga_sid=1271673869&ga_hid=350906107&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=0&u_java=1&u_h=800&u_w=1280&u_ah=766&u_aw=1280&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=609&bih=239&ref=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2Fsearch%3Fsourceid%3Dnavclient%26aq%3D0h%26oq%3D%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%259c%25e0%25b8%25b9%25e0%25b9%2589%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%258a%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2595%26ie%3DUTF-8%26rlz%3D1T4SHCN_enTH330TH330%26q%3D%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%259c%25e0%25b8%25b9%25e0%25b9%2589%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%258a%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2595%25e0%25b8%2588%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%2595%25e0%25b9%258c%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25b52553&fu=0&ifi=1&dtd=78&xpc=bt8kA59QYw&p=http%3A//www.ryt9.com" frameBorder=0 width=336 allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS><NOSCRIPT></NOSCRIPT>
    นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2553 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 18 เม.ย. 53 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ “สงกรานต์นี้ ขับขี่ปลอดภัย คนไทยรักกัน” เกิดอุบัติเหตุ 298 ครั้ง ลดลงจากปี 2552 (343 ครั้ง) 45 ครั้ง ร้อยละ 13.12 ผู้เสียชีวิต 55 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 (52 คน) 3 คน ร้อยละ 5.77 ผู้บาดเจ็บ 300 คน ลดลงจากปี 2552 (371 คน) 71 คน ร้อยละ 19.14 สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 29.53 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 17.11 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.61 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 59.06 บนถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.92 ทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 27.52 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ 16.01 — 20.00 น. ร้อยละ 31.21 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงานร้อยละ 54.08 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี
    18 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ จันทบุรี 5 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี 18 คน ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,546 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 67,358 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 593,987 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 78,440 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.21 ของการเรียกตรวจ โดยมีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัยมากที่สุด 24,526 ราย รองลงมา ไม่มีใบขับขี่ 21,915 ราย
    สรุปอุบัติเหตุทางถนนรวม 7 วัน (วันที่ 12 — 18 เม.ย. 53) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,516 ครั้ง ลดลงจากปี 2552 (3,977 ครั้ง) 461ครั้ง ร้อยละ 11.59 ผู้เสียชีวิตรวม 361 คน ลดลงจากปี 2552 (373 คน) 12 คน ร้อยละ 3.22 ผู้บาดเจ็บรวม 3,802 คน ลดลงจากปี 2552 (4,332 คน) 530 คน ร้อยละ 12.23 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 142 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา 18 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บมากที่สุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 159 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วง 7 วัน มี 8 จังหวัด ได้แก่ ตราด พังงา แม่ฮ่องสอน ระนอง ลำพูน สมุทรสงคราม สุโขทัย และยะลา
    นายบุญจง กล่าวต่อไปว่า ในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2553 ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยในการเดินทางให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างเต็มที่ โดยมุ่งเน้นมาตรการบังคับใช้กฎหมายจราจร แต่ก็สามารถป้องปรามผู้กระทำผิดได้เพียงระดับหนึ่ง เพราะสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุทางถนนส่วนใหญ่เกิดจากความประมาทและการขาดทักษะในการขับขี่อย่างปลอดภัยของผู้ขับขี่ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยให้ความรู้ด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนทั้งในระดับครอบครัว โรงเรียน ชุมชน เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในสังคมไทยอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ต้องเร่งผลักดันการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพทุกระดับ โดยให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นรูปธรรม
    นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้จำนวนครั้ง ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2553 ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันดำเนินการตามแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2553 และการรายงานสรุปสถานการณ์โดยมีการสั่งการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในแต่ละวัน รวมถึงการรณรงค์สร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการรณรงค์สร้างวินัยจราจรในกลุ่มเด็กและเยาวชน การสนับสนุนให้ท้องถิ่นร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน การควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ ความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจะได้เสนอแนวทางการป้องกันและ ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์นำเรียนคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินไหวใกล้เมืองหลวงอัฟกัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>19 เมษายน 2553 14:46 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอเจนซี - แผ่นดินไหว 5.3 ริกเตอร์ เขย่าพื้นที่ภูเขาทางเหนือของเมืองหลวงอัฟกานิสถานในช่วงเช้าวันจันทร์(19) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย และบาดเจ็บ 30 เจ้าหน้าที่ระบุ

    เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ในจังหวัดซามันกัน ตั้งอยู่ครึ่งทางระหว่างกรุงคาบูลกับเมืองมาซาร์ อิ ชารีฟ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเผย พร้อมระบุว่าแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสามารถรับรู้ได้ถึงกรุงคาบูล เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านอย่างอุซเบกิสถาน และทาจิกิสถาน

    ถนนหลายสายถูกตัดขาดและการโทรคมนาคมขัดข้องในพื้นที่ประสบภัย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นเพียงรายงานในเบื้องต้น และคาดว่าน่าจะพุ่งสูงกว่านี้

    รองผู้ว่าราชการจังหวัดระบุว่าหมู่บ้านหลายแห่งในพื้นที่ 3 ตำบล ซึ่งปลูกสร้างด้วยกำแพงอิฐได้รับผลกระทบ โดยมีบ้านเรือนกว่า 300 หลัง ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ดินถล่มที่เกิดจากแผ่นดินไหวยังปิดกั้นถนนสายต่างๆ รวมทั้งก่อความยากลำบากแก่การสัญจรที่ปกติก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว

    “สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้รุนแรงขึ้นตามภูเขาต่างๆ” รองผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมบอกต่อว่าศูนย์ป้องกันภัยพลเรือน 3 หน่วยงาน ได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบความเสียหาย ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว

    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000053586
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    คืนนี้สวดมนต์แผ่เมตตากันนะคะ
    คนกรุงเทพ รีบๆกลับบ้านกันนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...