ศึกชิงจ้าวหมอดูครั้งแรกในโลก

ยินดีด้วยครับ ขอให้ช่วยเหลือผู้คนต่อไปนะครับ

 

ยินดีด้วยค่ะ เสียดายไม่ได้ไปร่วมงานได้แต่เอาใจช่วย

 

ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ด้วยนะจ๊ะ..

น้องแบงค์ ...จาก พี่วั้ง

 

ภาพบรรยากาศงาน ศึกชิงจ้าวหมอดู (คลิ๊กที่ภาพเลยครับ)

<< ภาพในเว็บไซต์ thailandexhibition.com​

ภาพในเว็บไซต์แบงค์สเกทช์กรรม <คลิ๊ก<CLICK<CLICK< font>​

ภาพในเว็บไซต์อ.สะพานเดินเรือ(อ.ยักษ์) <คลิ๊ก<CLICK<CLICK< font>​

 

เขาจะอยากดังหรือเปล่ามันก็ไม่น่าจะใช่ประเด็นสำคัญนะคะ
แต่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคุณมากกว่าว่าต้องการจะสื่ออะไร
ต้องการการแตกแยกในเวปบอร์ดนี้ หรือว่าเหตุผลไหน
เพราะเห็นคุณไปป่วนไปว่าคนนั้น คนนี้เขาไปทั่วหมด
แบบนี้น่าจะพิจารณาตัวเองนะคะ ว่าที่ทำถูกต้องแล้วหรือเปล่า

 

ยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ด้วยนะจ๊ะน้องแบงค์

 

ขอแสดงความยินดีกับอ.แบงค์ ด้วยค่ะ

 

เอ...เขาแข่งกันยังไงอะคับ...แล้วตัดสินกันยังไงอะครับ..อยากรู้จังคับ

 

งานนี้ไม่ได้หาหมอดูที่แม่นที่สุด หรือเก่งที่สุด แต่ต้องการให้มีหมอดูที่มีจรรยาบรรณมากที่สุดครับ คือสิ่งที่ทางงานต้องการสื่อ

 

ตัดสินกันยังไงว่าแม่นไม่แม่น

 

อยากไปเชียร์ก็ติดพวกเสื้อแดงเลยไม่ได้ไปเชียร์ แต่ก็ดีใจที่น้องแบงค์ได้ที่2ขอแสดงความยินดีด้วย
พี่ภัค

 

กรรมการที่รับเชิญมาให้ตัดสินจะเป็นผู้ดูดวงกับหมอดูที่แข่ง แบบเวียนโต๊ะกันดู พอดูหมอคนนี้เสร็จ พอใจไม่พอใจ แม่นไม่แม่นก็กรอกคะแนนลงไปในใบเลย และเปลี่ยนโต๊ะไปดูกับหมอคนอื่นต่อจนครบ คะแนนแม่นหรือไม่แม่นกรรมการที่ดู ย่อมรู้อยู่แก่ใจ บางกรรมการนั่งเงียบๆ ไม่มีถามตอบ ปล่อยให้หมอดูพูดไปฝ่ายเดียว เพื่อไม่เปิดช่องให้รู้ว่าที่ทายไปถูกหรือไม่ บางกรรมการก็ลองใจ ลองของ ทักท้วงกันไปว่าไม่แม่น เพื่อพิสูจน์ความมั่นใจ หมอดูคนไหนเขว หลงทาง หรือหน้าเสีย คะแนนก็ลด หมอดูคนไหนยังมั่นใจทำนายต่อ ก็อาจได้คะแนนเพิ่ม (ซึ่งไม่มีใครรู้หรอกว่าที่บอกว่าไม่แม่น อาจจะแม่นโดนใจก็ได้ แต่กรรมการต้องการลองใจหมอดู พวกที่กรรมการพยักหัวบ่อยๆ อาจจะไม่แม่นก็ได้) มีบททดสอบความเป็นของจริงของปลอม มากมาย ศาสตร์อื่นๆ อาจไม่โดนทดสอบมากเท่าผม ผมเป็นแบบระบบญาณสัมผัส เลยเจอเมคชัวร์เยอะหน่อย ผ่านมาได้รอบลึกๆ ก็ยืนยันญาณที่ผมมีได้ดีแล้วครับ
เพราะไม่มีเส้นไม่สาย ไม่ได้รู้จักกรรมการแต่ละคนว่าเป็นใคร กรรมการก็ไม่เคยรู้จักผมมาก่อน เพราะฉะนั้นไม่มีการช่วยเหลืออะไรกันแน่นอน ไม่มีประโยชน์ที่จะลำเอียงช่วยใครเป็นพิเศษ กรรมการไม่ได้มีส่วนได้เสียกับการแข่งขันอยู่แล้ว

แบ่งการแข่งหลายรอบมาก สรุปต้องนั่งดูดวงกรรมการนับสิบกว่าคนแบบ นันสตอป ตาลายกันไปข้าง แต่ที่น่าสงสารสุดไม่ใช่หมอ แต่กรรมการเองนั่นแหละ ที่เปลี่ยนไปดูหมอทุกโต๊ะเลย คนแข่งมียี่สิบคน กรรมการดูยี่สิบหมอรวด

เพราะฉะนั้นหากจะให้กรรมการทึ่ง และจดจำคำทำนายเราได้ เราต้องแม่น เด่น และแปลกกว่าใคร เพราะกรรมการดูจนตาลายไปหมด หากไม่แม่น หรือโดนใจน้อย อาจส่งผลให้คะแนนน้อยลงด้วย

บางคนอาจไม่แม่นแต่โดนใจกรรมการในเรื่องคำพูด ความมั่นใจ ความสุภาพ ความเก๋า ก็อาจมีสิทธิ์เข้ารอบได้ เพราะมีคะแนนหลายด้านครับ ไม่ใช่คะแนนแม่นอย่างเดียว

อ้อ... มีคะแนนด้าน จรรญาบรรณหมอดูด้วย
กรรมการพยายามตั้งคำถามที่เสี่ยงให้เราตอบแบบผิดจรรยาบรรณ
เช่นถามว่าจะตายเมื่อไหร่ จะแย่งของเขามาจะชนะไหม จะเล่นการพนันจะได้เยอะหรือเปล่า ลูกคนไหนดีกว่ากัน อะไรแบบนี้ หากหมอดูหลงกลตอบคำถามเอาใจกรรมการ อาจเสียคะแนนข้อนี้ได้ครับ เพราะเรื่องการถามผัวเมีย การทายอายุขัย การทายสิ่งที่ผิดศีลธรรมกฎหมาย และทายลูกว่าคนนั้นดีคนนั้นไม่ดี เป็นการผิดจรรยาบรรณครับผม

เห็นได้ว่ากรรมการมีทั้งหลอกมีทั้งล่อ ให้หมอดูสติแตก มีทั้งสบประมาทต่างๆ นานา เป็นการทดสอบอารมณ์หมอดูที่แข่ง และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไรหากเจอลูกค้ามาแบบนี้

ใครจะระเบิดอารมณ์ใส่ ใครจะนิ่งกว่ากัน พวกนี้เป็นคะแนนทั้งสิ้นครับ
ไม่ได้เหมือนการดูดวงทั่วไป ที่สักแต่ว่าพูดๆๆ บางคนบอกร้ายอย่างเดียวไม่มีทางแก้ให้ ก็คะแนนตกเสีย... มีปัญหา ต้องมีทางออกด้วย มีด้านร้ายต้องมีด้านดีด้วยครับ ใครจะร้ายทั้งหมด ดีหมดแบบทำนายเอาใจกรรมการไปทุกเรื่อง ก็ใช่ว่าจะได้คะแนนครับ

ทดสอบกันหลายด้านเลย สติ ปัญญาไหวพริบ
ตอนตอบคำถามรอบสุดท้ายที่เหลือสองคน กรรมการก็จะไม่ให้ดูดวงใครแล้ว จะถามคำถามเกี่ยวกับจรรยาบรรณเช่นกัน จะดูไหวพริบในการตอบคำถาม เหมือนประกวดนางงาม

จะเห็นได้ว่างานนี้ไม่ได้จัดมาเพื่อให้คนงมงาย แต่จัดมาเพื่อเลือกเฟ้นหมอดูที่ดี และมีจรรยาบรรณมากกว่าคำว่าแม่นครับ

ข้อคิดที่ได้จากงานนี้คือ เลือกเชื่ออย่างมีสติ อย่างมงาย ไตร่ตรองปัญหาด้วยปัญญาของตัวเองก่อน หมอดูเป็นเพียงผู้ชี้แนะแนวทางเท่านั้น


รีวิวงานให้ฟัง สำหรับใครที่ไม่ได้ไปร่วมงาน
และเผื่อมีซีซั่นสองอีกจะได้เป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวมาสมัครแข่งกับเขาบ้าง หมอดูคนไหนสนใจ อยากพิสูจน์ความสามารถ ของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ เตรียมรอซีซั่นสองได้เลยครับ คงไม่นานเกินรอ

ดูภาพบรรยากาศงานได้ตามลิ้งค์ที่ให้มาแล้วด้านบนครับ

 

ตอบข้อโต้แย้ง

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมามากในเว็บบอร์ดต่างเว็บ ถึงการที่คุณแบงค์ได้รองชนะเลิศ และได้ออกรายการวีไอพี...

ว่า ไม่น่าได้ และไม่ได้ร่วมแข่งขัน เพราะไม่ใช่วิชาการ ไม่มีหลักวิชา ไม่มีเหตุผลอ้างอิง เป็นความงมงาย ไม่มีครูอาจารย์สอน ไร้สาระ

ผมขอตอบแทนตรงนี้เลยนะครับว่า
คุณแบงค์ เป็นเจ้าของศาสตร์นี้เอง ไม่มีใครสอน ไม่มีครูบาอาจารย์ คุณแบงค์ได้มาจากการฝึกสมาธิจิต ภาวนา ครูบาอาจารย์ของคุณแบงค์คือ พระพุทธเจ้า และองค์พระพิฆเณศที่ชี้นำแนวทางให้ครับ

และการขยำกระดาษ ไม่ใช่การไร้หลักการ หากใครได้ดูรายการวีไอพี ก็จะรู้ว่าเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับพลังงานตกค้างในร่างกายมนุษย์ที่ตกไปที่วัตถุ และกระดาษก็ทำมาจากธรรมชาติ ย่อมดึงดูดพลังงานได้ดี

กระดาษในทางโหราศาสตร์นั้น หมายถึงดาวพุธ ดาวพุธนั่นหมายถึงการติดต่อสื่อสาร การสื่อจิต การเจราจา การขีดเขียน เอกสาร และการมีสัมผัสพิเศษ

นี่เป็นเหตุที่ทำไมต้องใช้กระดาษ มีหลักการครับ ไม่ใช่เลื่อนลอย และหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ แต่ใครบางล่ะที่จะมีพลังจิตดูพลังงานตกค้างได้อย่างคุณแบงค์


ผมจึงออกมาชี้แจงแถลงไขให้ทุกท่านที่เข้าใจผิด เข้าใจเสียใหม่ครับ

ส่วนใครจะว่า การดูกรรม การดูอดีตชาติ เป็นเรื่อง งมงาย ใครๆ ก็แอบอ้างได้ ไม่เห็นจริง เป็นกระแสนิยม เป็นมุข ที่ใครก็จับผิดไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือไม่ ทำไมไม่ทายปัจจุบัน ทายอนาคตล่ะ บอกให้หมดว่ามีลูกกี่คน เมียกี่คน พ่อตายหรืออยู่ ใส่เสื้อสีอะไร รูปร่างอย่างไร ดีกว่าจะไปทายอดีตชาติที่มองไม่เห็น...

ผมขอตอบแทนคุณแบงค์นะครับว่า
คุณก็พูดถูก... แต่สิ่งที่คุณแบงค์พยายามจะสอน จะบอกทุกท่านคือ เรื่องของกฏแห่งกรรม ใครก่ออะไรไว้ย่อมได้ผลกรรมนั้น แม้จะพิสูจน์ไม่ได้ เพราะไม่รู้อย่างคุณแบงค์ หรือคิดว่าเป็นการแอบอ้าง คุณแบงค์ไม่เหนื่อยในการอธิบายให้เชื่อหรอกครับ... ไม่จำเป็นและไร้สาระยิ่งกว่าคนตั้งคำถาม

คุณสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองว่า คุณไปก่อกรรมเช่นนั้นมาจริงๆ หรือไม่
จากเหตุการณ์ที่คุณกำลังเผชิญอยู่ หรือเคยเกิดขึ้นกับชีวิต เรื่องพวกนี้คุณก็จะยืนยันได้ว่าคุณแบงค์เห็นจริงหรือไม่ครับ... เพราะคุณแบงค์จะเล่าอดีตชาติให้ฟัง และจะบอกถึงผลที่ได้รับในชาตินี้ นี่ไงคือการทำนายปัจจุบัน ที่นำเอาเรื่องราวอดีตชาติ กรรมเก่ามาเชื่อมต่อให้เห็นภาพ...

แล้วยังจะว่า ไม่มีเหตุผล หรือหลักการอีกหรือ

และหากคุณแก้ไขปัจจุบันได้ สำนึกผิดต่อเจ้ากรรมได้ อนาคตย่อมเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน และจะเปลี่ยนไปในรูปแบบไหน นี่แหละคือคำทำนายอนาคต

คุณแบงค์บอกได้หมดล่ะครับ อดีต ปัจจุบัน อนาคต เพียงแต่เขาจะหยิบยกอะไรมาทำนายมากกว่า ก็แล้วแต่กรณีๆ ไป คุณแบงค์ไม่ทำนายเหมือนหมอดูทั่วไปครับที่เป็น การทำนายโดยรวม เช่น นิสัย การงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ อุบัติเหตุ

แต่คุณแบงค์จะทำนายแต่ผลกรรมที่เด่นชัด และจะส่งผลร้ายแค่เป็นประเด็นหลักในชีวิต หากคุณแก้ไขเรื่องหลักในชีวิตได้ ทุกเรื่องจะดีขึ้นตามมาเองครับ

เสมือนเกาให้ถูกที่ ที่คุณคัน จะไม่ทำนายหว่านแห แบบหมอดูปกติ

คุณแบงค์ไม่ใช้คำว่าแก้กรรมครับ แต่จะใช้คำว่า สำนึกต่อเจ้ากรรมนายเวร เพราะการแก้กรรม นั้นแก้ไม่ได้ครับ เพราะผ่านพ้นไปแล้ว แต่เรานั้นย่อมสำนึกในบาปกรรมที่เคยก่อไว้ได้...

กรรมจากอดีตชาติ หรือกรรมเก่าปัจจุบัน คุณแบงค์สามารถรู้ได้

คุยทางโทรศัพท์ คุณแบงค์สามารถเห็นได้ว่ารูปลักษณะเป็นอย่างไร ใส่เสื้อสีอะไรอยู่ คนที่จะมาหาแต่งกายอย่างไร หน้าตาแบบไหน ใส่แว่นไหม คุณแบงค์นั้นก็สามารถมองเห็น หากคนๆ นั้นมีจิตใจที่ดี สวดมนต์ และเจ้ากรรมนายเวรเปิดทางให้เห็นและให้มาพบ ไม่ใช่ว่าจะเห็นทุกคน ถึงเห็นแต่ไม่ทำนาย ไม่พูด เพราะไม่ก่อเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา การที่รู้ว่าคุณรูปร่างหน้าตาอย่างไร ใส่เสื้อสีอะไรมา มันไม่ได้ทำให้คุณพ้นทุกข์ หนีกรรมพ้นเลย

กลับจะสร้างความงมงายให้กับคนอื่นอีก และไม่จำเป็นต้องไปโชว์พาวอะไรให้ใครรู้ว่า ทำได้ ไม่จำเป็นต้องท้าทายไม่ต้องใช้คำว่า ถ้าแน่จริงก็บอกมา

เพราะคุณแบงค์บอกมาว่า "ผมไม่แน่จริงครับ"
เพราะไร้ประโยชน์ กับผู้ที่มาท้าทาย

ใครวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร คุณแบงค์บอกไม่ต้องสนใจเขา
เขาไม่รู้อย่างเราด้วย ว่าเราทำงานอย่างไร เราคิดอย่างไร เขาเป็นคนนอก เขาย่อมไม่เข้าใจ อย่าไปโกรธเขาเลย

พวกเขาเรียนวิชาตามตำรามาอีกแบบหนึ่ง ศึกษากันคนละศาสตร์ คนละแขนง ย่อมไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมเห็น ผมฝึกฝนหรอก... เขาย่อมเชื่อครูบาอาจารย์ และวิชาที่เขาร่ำเรียนมาว่าแน่จริงอยู่แล้วเป็นธรรมดา หากของเขาแน่ เราก็ควรหลีกให้เขา ไม่ควรไปท้าทาย รับคำท้า เพราะเราไม่ใช่ทางเดียวกับเขา...

เขาไม่รู้ย่อมไม่ผิด เขาจะด่าจะว่า เราย่อมเสียใจเป็นธรรมดา เพราะเรายังเป็นคนมีจิตใจอยู่ แต่เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เขาไม่รู้เขาย่อมไม่ผิด

คุณแบงค์บอกมาแบบนี้ จนผมต้องรีบออกมาบอกต่อเลย
แต่ผมว่า ใครที่ยังไม่รู้จักคุณแบงค์ดีพอและออกมาวิจารณ์ คนๆ นั้นไม่ใช่คนดีครับ แฝงตัวใต้ชื่อปลอม สักแต่ว่า วิจารณ์คนอื่นที่ไม่รู้จักไม่เคยสัมผัส ไม่ใช่คนดีแน่นอนครับ คนพวกนี้คุณแบงค์ไม่อยากเสวนา หรือโต้แย้งด้วย...


จุดประสงค์ในการทำงานของคุณแบงค์คือ ต้องการให้ทุกท่านรับทราบถึงอดีตกรรมของตน และสำนึกผิดเสียเท่านั้นเอง ไม่ใช่การให้ใครงมงาย ให้ใครทึ่งในอิทธฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ไม่ใช่การแก้กรรม เหมือนกับสำนักอื่น ไม่มีการสะเดาะเคราะห์ เรียกเงินเพิ่ม...

คุณแบงค์บอกว่า หากใครไม่เชื่อเรื่อง นรก สวรรค์ เรื่องกฏแห่งกรรม เรื่องวิญญาณ ก็เท่ากับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ พุทธองค์ตรัสสอนไว้

พุทธองค์ทรงตรัสถึง เทวดา นรก สวรรค์ ภูติผี จิตวิญญาณ การดูกรรมเห็นอดีตชาติได้ สำหรับผู้ฝึกฝน การมีหูทิพย์ ตาทิพย์เกิดขึ้นได้กับผู้ปฏิบัติ

ใครที่ปฏิบัติแล้วไม่ได้ไม่เกิด ก็ย่อมคิดเห็นว่าสิ่งที่คุณแบงค์มีมันไร้สาระ หากคุณจะมาปฏิบัติเพื่อให้เกิด คุณก็ไม่เกิดแล้วครับ เพราะคุณแบงค์ฝึกสมาธิมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยความที่ไม่ได้โลภ หรืออยากมีญาณอะไร แต่ก็มีมาเอง

คนที่ไม่เคยเห็น ไม่มีญาณก็ย่อมไม่เชื่อถือศรัทธา เพราะพวกเขาทำไม่ได้ ย่อมมองว่าคนอื่นก็ไม่น่ามีไม่น่าทำได้เช่นกัน

หากจะมีใครมาแย้งว่า สิ่งที่คุณแบงค์ทำเป็นการ หลอกลวง งมงาย
ก็เท่ากับว่า ไม่เชื่อที่พุทธองค์ตรัส... และหาว่าท่านหลอกลวงเช่นกัน

เพราะในสิ่งที่คุณแบงค์บอก สอนหรือเห็น เป็นแนวทางเดียวกันกับพุทธองค์ทั้งนั้น

คุณแบงค์มั่นใจว่าสิ่งนี้คือสิ่งจริง ไม่ใช่เรื่องลวง หลังจากที่พิสูจน์ตัวเองมาในหลายๆ ครั้ง พุทธองค์ทรงรักษาสัจจะ รักษาศีล ไม่พูดปดฉันใด เรื่องที่ตรัสสอนมาทั้งหมดก็ย่อมล้วนเป็นจริงฉันนั้น...

คุณแบงค์ อาราธนา ศีลทุกวัน สวดมนต์ นั่งสมาธิทุกคืน คืนละนานๆ เพื่อแผ่เมตตาให้กับคนที่รักเขา คนที่เกลียดเขา...
หากคุณปฏิบัติไม่ได้เท่าคุณแบงค์ ก็อย่ามาท้าทายเขา หรือเข้าใจเขาผิดออกมาว่าเขา มันเท่ากับคุณว่าคนดีมีศีลคนหนึ่งเลยครับ มันจะบาปไม่รู้ตัว

ปฏิบัติใจของคุณให้บริสุทธิ์ก่อนเป็นดีครับ...

ผมพูดออกมาจากใจเอง... คุณแบงค์ไม่เกี่ยวครับ


เด... เลขา อ.แบงค์

 

เมื่อมีคนรัก ก็มีคนชัง มันเป็นสัจธรรมโลก
ไม่งั้นโลกมันคงไม่วุ่นวายกันอยู่ทุกวันนี้หรอก

จับผิดดัวเองเพื่อ แก้ไขตนเอง......
จับถูกคนอื่น เพื่อเข้าใจคนอื่น......

 

อยากไปอยู่แหละ ไม่ไกลบ้านผมซักเท่าไร แต่ไม่รู้จะได้ไปรึเปล่า อยากไป อยากไป