เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

ดีจังเลยนะครับ นานๆทีจะได้เห็นอาจารย์ปู่กับอาจารย์ฉายคู่กัน
เห็นแล้วคิดถึงวันเก่าๆจังเลยนะครับ...
ว่าแต่ภาพนี้อาจารย์ปู่กำลังทำอารายอยู่อ่ะครับ..เหอ เหอ




ภาพนี้ก็อบอุ่นดีจังเลยนะครับ 3 คุรุแห่งชมรมคนตาทิพย์

 

ว่าจะไม่ไปแล้วเชียว ทั้งที่ว่าง แต่พอใกล้เวลา ก้นร้อนลุกเป็นไฟ เผ่นเลย



ตามหลังพระห่างกันไม่ถึงนาที เจอะคุณเม้าท์-ตา-อิน ท่านดาวทะเล ท่านเจ้าภาพชยา และสมาชิกกลุ่มเขากะลา

ไม่รู้ว่าท่านชยา นิมนต์พระที่วัดไหน พระท่านสำรวมมาก สมาธิดี เสียงสวดมนต์พร้อมเพรียง หนักแน่น ทรงพลัง

ได้ยินเสียงพระเจริญพุทธมนต์ ชัยมงคลคาถา ได้ร่วมทำบุญ รับศีล รับพร พอใจแล้ว





หันไปหันมาเจอะอาจารย์สามตา เลยบอกท่่านดาวทะเล เพ่! ขอทางหน่อยเด่ะ อิอิ จากนั้นจึงค่อยกระดึ๊บ กระดิ๊บ

เข้าไปกราบสวัสดีอาจารย์...พออาจารย์มองหน้า อ้าวอย่างงี้ ช่ายเลย! กิ้งกือบูรพา โฮะ โฮะ และเลยไปสวัสดี

น้อมคารวะ ท่านพี่โคมฉาย อาจารย์เจได

 

ที่หน้าบ้านท่านชยา ก็มีการอวดโชว์พระเครื่องไปตามประสา แบบทำนอง "ของข้าเจ๋งป่าวอ่ะ"

พออาจารย์หนีมายืดเส้นสาย ก็โดนช่างภาพ วีไอพี่ คือพี่โคมฉาย จับเรียงแถวหน้ากระดาน แล้วบ่นพึม ๆ

แรง...แรง...ทั้งน้าน อาจารย์เลยสำทับว่า เออ เออ แล้วโพสท์บอกด้วยนะว่า ใครเป็นใคร จะได้รู้จัก


ซ้ายสุดเสื้อยืดลาย คืออาวเอี๊ยงฮง ฉายาพิษปักฉิม ท่านดาวทะเลทราย...ถัดมา เสื้อซาฟารี คืออั๊งชิกกง

ฉายามังกรตะวันออก ตัวผมเองครับ...เสื้อเชิ๊ต ไม่ใช่ใครที่ไหน คือท่านปรมาจารย์ตาที่สาม หรือ The Third Eyes

นั่นเอง...ขวาสุดเสื้อแขนยาว คือกุนซือแม่ทัพ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขากะลา ท่านพี่ เม้าท์-ตา-อิน

 

พี่เม้าส์น่ารักจังเรยๆ :z1
ส่วนพี่ดาว ปิดตาถ่ายรูปตลอด ๆๆ อิอิ จามองเหนป่าวเนี่ยๆๆๆๆๆๆๆ

 

อย่างกับ The star รอบ 4 คนสุดท้ายเลย อิอิ

 

หลังถ่ายรูปเสร็จ พระทำพิธีเรียบร้อย เลยฉลองศรัทธาเจ้าภาพ ด้วยอาหารแบบไทย ๆ โดยเฉพาะ

น้ำพริกกะปิ ถึงขนาดแย่งตักกับพี่โคมฉาย โดยมีท่านดาวทะเล นั่งคั่นเป็นกรรมการ


จากนั้นจึงนำพระ 1 องค์ เพื่อฝากให้น้องบาส (visnu) อาจารย์ได้เช็คพลังแล้วว่า "ชัวร์" เก็บใส่เป่าเสื้อไป

ผมก็เลยหยิบพระอีกองค์ บอกว่าอันนี้ของมังกร อาจารย์เช็คพลัง ก็บอกว่าดี ดี ชัวร์ หยิบใส่เป๋าเสื้อ เฉยเลย!


เอาแล้วมั๊ยล่ะ ทำไงดี สะกิดหน้าตักอาจารย์ซ้ำ ซ้ำ บอกว่า "พระครับจารย์...พระครับ"


อาจารย์ก็ยังวางอุเบกขา เลยมองไปที่พี่โคมฉาย ที่ไหนได้ เล่นจ้องตาเป็นมันวาว เหมือนจะบอกว่า

"มาฝากพี่ ดีกั่วน้อง" สุดท้ายต้องงัดไม้เด็ด โดยนำกล่องใส่พระ แล้วเปิดฝา เหมือนรออะไรสักอย่าง

ได้ผลครับ พระกลับคืนมา





เหรียญพรหมสี่หน้า (เนื้อพิเศษแจกกรรมการ)

เหรียญ อาร์ม พรหมสี่หน้า (เสกร่วมกับ อ.เฮง ไพรวัลย์)

ลป.ดู่ วัดสะแก จ.อยุธยา (มีรอยจารทั้งสององค์)


พระในรูปที่เห็น ได้รับอภินันทนาการจาก คุณดาวจรัสแสง

แห่งเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ขอให้เจริญในธรรม...

 

หน้าบ้าน อาจารย์ชยา มารุติ วันงาน

​

​

ป้ายนี้ฝากให้ จอมยุทธมังกรวังบูรพา ด้วยครับ ( ฝากแทนจอมยุทธดาวทะเลทราย)​

 

อาจารย์วิรุฬ ผู้ที่ อาจารย์ชยา เคยกล่าวถึงในเรื่องเล่า
และเป็นผู้นำแม่นางนุ่น มาให้ ก็แวะมางานทำบุญบ้านด้วยครับ
ผมจะนำเรื่องที่ได้ฟังจากอาจารย์วิรุฬ มาเล่าให้ฟัง ดังนี้ครับ



เมื่ออาจารย์วิรุฬ มาถึงในเวลาบ่ายสามโมงเศษ ได้นั่งสนทนากับ เพื่อนพ้องน้องพี่ที่มาร่วมงาน
พร้อมๆกับ หันมามองดูการสแกนกรรม ของ เม้าเท่น และ อาจารย์ไก่
ซึ่งตรงนี้ อาจารย์วิรุฬ บอกว่า เป็นช่วยเหลือได้จริง
แต่ก็ต้องคำนึงถึงเจ้ากรรมนายเวรบางประเภท ที่เขาอาจไม่ยินยอม
และมีผลตอบกลับมายังผู้ดูกรรม ในทางไม่ดีได้

วิธีแก้ คือ ให้สแกนตัวผู้ดูเอง ว่า มีเจ้ากรรมนายเวรของผู้ใด เข้ามาเกี่ยวข้อง
และพร้อมจะให้โทษ ก็ให้ทำวิธีขอขมา ขออโหสิกรรมกับเขา เช่นกัน
แล้วทำบุญไปให้เขา เหมือนกับที่เราแนะนำผู้มาดูกรรม นั่นเอง

ข้อมูลคำแนะนำของอาจารย์วิรุฬ เกิดขึ้นหลังจาการสแกนกรรมครบจำนวนคนที่มาขอสแกนแล้ว

และข้อมูลทีเด็ด ที่พวกเราอยากรู้กันมานาน คือ เรื่องราวของการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว
ที่อาจารย์วิรุฬ เคยเล่าเกริ่นให้อาจารย์ชยา ฟัง มาแล้ว แต่ยังหารายละเอียดไม่ได้
วันนี้เป็นโอกาสอันดี เราจะได้รู้กันว่า
มนุษย์ต่างดาวที่มาติดต่อกับอาจารย์วิรุฬ
เขาทำอะไรกับอาจารย์ จนทำให้ อาจารย์เกิดภูมิปัญญา ในการคิดประดิษฐ์ อุปกรณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกมนุษย์
และเรื่องที่น่าสนใจที่สุดคือ ทำไม หน้าตาของอาจารย์ดูแล้ว เหมือนอายุเพียง ๔๐ แต่ในความเป็นจริง อายุ ๗๒ แล้ว
เรื่องเล็บครุฑ มีจริงหรือไม่
อุโมงค์มิติ เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อเข้าไปในอุโมงค์มิติแล้ว ความรู้สึกเป็นอย่างไร
มนุษย์ต่างดาวยิงชิป เข้าไปในลูกนัยน์ตาของอาจารย์ทำไม
ทำไม อาจารย์วิรุฬ ถูกเลือกให้เป็น ๑ ใน ๘ บุคคล ที่มีภูมิปัญญาของมนุษย์ต่างดาว สามารถทำอภิญญาได้ มีความสามารถเหนือมนุษย์
ทำไม อาจารย์วิรุฬ จึงต้องอยู่แบบหลีกเร้นห่างจากผู้คน
ทำไมอาจารย์วิรุฬ ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมของมนุษย์
คำทำนายของมนุษย์ต่างดาวที่มาติดต่อกับอาจารย์วิรุฬ ได้บอกปีที่จะเกิดหายนะโลกไว้แล้ว แบบฟันธง

 

อาจารย์วิรุฬ มีถิ่นพำนักอยู่ที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
ได้ร่ำเรียนศาสตร์ทางไสยเวทย์ มามากมายหลายแขนง
จนกระทั่งถูกเลือกจากมนุษย์ต่างดาว ที่มีลักษณะตัวเล็กสูงเพียง ๓-๔ ฟุต
(ดูจากการกะขนาดด้วยมือ) มีสีเขียวทั้งตัว ให้เป็นหนึ่งใน ๘ ของบุคคลที่ถูกเลือกทั่วโลก
ให้ติดตั้งอุปกรณ์ และระบุให้มีความสามารถพิเศษทางหมอดู

มนุษย์ต่างดาวสีเขียวนี้ อาจารย์วิรุฬ ได้รับสื่อสนทนามาว่า
เป็นมนุษย์ต่างดาวที่เรียกตัวเองว่า พยุหะ
เป็นผู้มีเทคโนโลยี่สูง ทิ้งห่างจากเทคโนโลยีของมนุษย์ถึง ๑๐ ล้านปี
ดังนั้น มนุษย์จึงไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีให้เท่าเทียมกับมนุษย์ต่างดาวได้

ด้วยความรู้ในเทคโนโลยีที่สูงส่งของมนุษย์ต่างดาวชาวพยุหะ นี้เอง
ที่ทำให้อาจารย์วิรุฬ สามารถสร้างคลื่นความถี่ต่ำ ยิงตรงไปยังกระจกที่ขวางอยู่ให้แตกละเอียดได้
เทคโนโลยีตัวนี้ ได้จดลิขสิทธิ์ทางปัญญา และส่งมอบให้กับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ไปแล้ว

และอีกสิ่งหนึ่ง ที่อาจารย์วิรุฬ ได้รับถ่ายทอดจากมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้ คือ จักรยานที่มีใบพัดข้างหน้า
สามารถขับเคลื่อนด้วยแรงปั่นของขา ครั้งแรกเท่านั้น จากนั้น ใบพัดก็จะหมุนปั่นไปเองโดยอัตโนมัติ
ไม่ต้องใช้กำลังในการปั่นจักรยานอีกต่อไป ได้ทั้งความเร็ว และประหยัดแรงมนุษย์
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ ได้รับการจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาแล้วเช่นกัน แต่เป็นที่น่าเสียดาย
ที่ถูกพ่อค้าเล่นเล่ห์หลอกล่อ ลอกเลียนลิขสิทธิ์ไปแล้ว ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติ ที่มีเงินทุนมหาศาล
แต่กลับมีจิตคิดคดเอาเปรียบกันได้ถึงเพียงนี้


http://ufokaokala.com/index.php?topic=364.15


--------------------------

 

มนุษย์ต่างดาวอีกตนหนึ่ง มีขนาดพอๆกับ ชาวพยุหะ
แต่ที่แตกต่างคือสี เขาจะมีสีแดง
อาจารย์วิรุฬ เรียกว่ามนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้ว่า ชาวศิวะ หรือ สุริยะ
พวกนี้ มีนิสัย ชอบใช้ความรุนแรง

แต่กับชาวพยุหะ เขาไม่ทำร้ายกัน



ตั้งแต่อาจารย์วิรุฬ ได้ติดต่อรู้จักกับมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้
มีอะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่สามารถหาคำอธิบายแบบมนุษย์ธรรมดาได้
จึงทำให้อาจารย์วิรุฬ ถูกกล่าวหาว่าเพี้ยน หรือบ้า ซึ่งไม่แตกต่างกับกลุ่มเขากะลา ที่เคยถูกกล่าวหามาแล้ว


http://ufokaokala.com/index.php?topic=364.15


-----------------

 

อาจารย์วิรุฬ ได้เล่าให้ฟังตอนหนึ่งว่า
หลวงปู่เกรียน (หรือที่ใครๆบอกว่าเป็นหลวงปู่โลกอุดร)
ได้เคยพาอาจารย์และเพื่อน ไปยังดินแดนเร้นลับ ที่ไม่ใช่มิติบนโลกใบนี้
ลักษณะของสถานที่ เป็นป่า เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ก็ปรากฏสิ่งมหัศจรรย์ ให้เห็นด้วยตา ในขณะนั้น

สิ่งที่มาปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้า คือ พญาครุฑ ๒ ตน
กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งขน ทั้งเล็บกระจุยกระจาย
ตกลงมายังพื้นดิน ตรงที่อาจารย์และเพื่อนยืนอยู่
เพื่อนของอาจารย์ เห็นเล็บของครุฑ ตกลงมาจึงรีบเก็บไว้ เพื่อเป็นหลักฐานว่า
ได้มาถึงดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักแห่งนี้จริง

เล็บครุฑที่เก็บมามีลักษณะใหญ่ประมาณฝ่ามือ ยาวจากปลายนิ้วก้อย ถึงข้อมือ
เมื่อกลับมาถึงโลกมนุษย์ ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติสุข จนกระทั่ง
เพื่อนของอาจารย์ ถึงแก่กรรม
เล็บครุฑ ที่เก็บได้จึงตกทอดมายังลูกหลาน
และมีการจำหน่ายออกไปให้แก่ ชาวอเมริกัน ในราคา ๓ ล้านบาท
โดยชาวอเมริกันได้นำไปวิเคราะห์แล้ว บอกว่า เป็นเล็บไดโนเสาร์


http://ufokaokala.com/index.php?topic=364.15



----------------

 

อายุของอาจารย์วิรุฬ เมื่อมองดูจากกายเนื้อแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอายุถึง ๗๒ ปี
พวกเราได้พิจารณาแล้ว น่าจะประมาณสัก ๔๐ ปี
สาเหตุที่ทำให้อายุไม่สอดคล้องกับกายสังขาร อาจารย์วิรุฬ อธิบายว่า

มันมีอุโมงค์ หรือประตูมิติ นี่แหละ ที่เป็นต้นเหตุ
อุโมงค์มิตินี้ จะเคลื่อนที่ ไม่ได้อยู่เป็นที่เป็นทาง
เวลามันเคลื่อนที่ผ่านมาถึงตัวเรา มันจะดูดเราเข้าไป
ความรู้สึกขณะถูกดูดเข้าไป เหมือนถูกอะไรมาช๊อต
ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ หยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อผ่านพ้นสภาวะนี้ไปได้สักพัก เราก็มาโผล่ในสถานที่หนึ่ง
เหมือนกับบ้านเมืองทั่วไป แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ซึ่งเราไม่สามารถอธิบายได้
ระยะเวลาที่เราอยู่ ๑๓ ปี มีลูกสองคนแล้ว
แต่พอออกมาจากเมืองในมิติดังกล่าว
มาสู่บ้านเมืองที่เป็นปัจจุบัน มีสภาพเวลาที่ผ่านไปแค่ ๘ เดือน เท่านั้น

บางทีนั่งๆอยู่ เจ้าอุโมงค์มิติ ก็เคลื่อนผ่านมา
ผลจากการผ่านอุโมงค์มิติ
ทำให้ร่างกายของเรา คงสภาพไม่เสื่อมโทรม หรือแก่ชราไปตามอายุที่เป็นไปตามธรรมชาติของโลก

สิ่งเหล่านี้ อาจารย์วิรุฬ พยายามอธิบายให้หลายๆคนเข้าใจ
แต่กลับได้รับผลตอบรับมาว่า เป็นบ้าไปแล้วบ้าง เพี้ยนเพ้อเจ้อบ้าง
อาจารย์จึงไม่ค่อยอยากจะยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกมากนัก
และมักเก็บตัว ประกอบอาชีพไปอย่างเงียบๆเรียบง่าย
คือวิชาอาชีพ หมอดู ที่เขากำหนดให้มา เป็นหนึ่งอาชีพของ ๘ บุคคลทั่วโลกที่ถูกเลือก

พูดถึง ๘ บุคคลที่ถูกเลือก อาจารย์วิรุฬ ได้กล่าวถึง
ฤๅษี ประเทศลาว ก็เป็นอีก ๑ ใน ๘ บุคคลที่ถูกเลือก
ฤๅษีตนนี้ ผมจะยาวถึงพื้น แล้วคงที่ไม่ยาวมากกว่านั้น
ปีหนึ่งจะตัดออก ในช่วงเข้าพรรษา
พอออกพรรษา ผมก็จะงอกยาวออกมาเอง จนจรดพื้น แล้วหยุดแค่นั้น
เป็นที่มหัศจรรย์ สำหรับมนุษย์โลกอย่างเราๆ
(ศัพท์ทางเขากะลา เรียกว่า จริงตาปลิ้น)

http://ufokaokala.com/index.php?topic=364.15


-------------------

 

อนุโมทนาสาธุ ชุมชน ชาวมีพลัง ขณะนั่งอ่าน นั่งดูอยู่นี่ ขนหัวลุกซู่ๆ ไม่ธรรมดา

 

ขอบคุณ "คุณ เม้า-ตา-อิน ที่เอารายละเอียด เรื่อง แปลก และสำคัญ
มาเล่าให้ เหล่า สมาชิก ฟัง ประดับ ความรู้...
กลายเป็นเรื่องเล่า ก่อนนอน ตอนเที่ยง..ไป

ได้ ลองส่งจิตไป สนทนา กับ อาจารย์ วิรุฬ
แค่คิด...อาจารย์วิรุฬ ก็มาเลย.....มาในแนวแปลก
แทนที่จิตจะมา...กลายเป็น ลูกตาสีเขียว..ยืดลอยออกมา เป็นทางยาว
มีเส้นใยแก้วใส โยงไว้..พอจะกลับก็ กลับวูบไปเลย
.........................................................................
เป็นการยืนยัน ว่า มีหลายคนที่ เวลาป่วยหนัก
เขาจะเรียก ชื่อ อาจารย์ สามตา หรือ นึกภาพ ตัว สามตา
เขาจะเห็น ดวงตา สีเขียว ลอยมาดูที่ ตัวเขาอย่างใกล้ชิด
แล้ว เอามือ ลูบหัว...แล้วเขาจะหายปลอดภัย..ห่างความตาย
โดยที่ ตัวอ.สามตา ไม่รู้เรื่องเลย..เขามาเล่าให้ ฟังที หลัง
..................................................................
การที่ดวงตาไป..ไม่เกี่ยวกับระยะทาง ว่า ใกล้ หรือ ไกล ..
หรือ อยู่ คนละซีก ฟากโลก..ก็เหมือนกัน
.........................................................................
ต่อไป เวลากลางคืนหากผู้ใดป่วยหนัก..หาหมอไม่ทัน หรือ ไม่สดวก
.ก็ลอง เรียก ชื่อ หรือ นึกถึงหน้า อ. สามตา
แล้วดูว่า...ดวงตาสีเขียว จะลอย ไป ดู..... ใหม
ขออย่างเดียว อย่า ตกใจ ว่า..ผีกระสือ มาอาละวาด ก็แล้ว กัน
......................................................................

 

ได้ลองปรึกษา กับ "เห็กหอม " แล้ว..ว่า ช่วงไหน จะไป วังนารายร์ลพบุรี/บ้าน ฟอลคอน
และ นครศรีเทพ ดี.......สรุปเบื้องต้นว่า..ช่วงท้ายสงกรานต์ วันที่ 16 เมษษยน น่า จะเหมาะ
เพราะยังเป็น วันหยุด ยาว...และตอนท้ายๆๆ..คงจะเลิก สาดน้ำ กันแล้ว..คงไม่ถูกสาดน้ำ
คั้งธงไว้อย่างนั้นก่อน...แล้วค่อย สรุปแน่ๆๆอีกที

 

มีภาพงานทำบุญบ้านเก็บตกมาฝากอีกเล็กน้อยครับ

รับประทานอาหารร่วมกัน​

​

 

รับแจกพระหลวงปู่ดู่จากท่านพระอาจารย์











​

 

​

อาจารย์สามตา กับ อาจารย์หนุ่ย(เทพบุตรชาวดิน)


​

 

ดูไปดูมา...งานนี้ กลายเป็นงาน รวม กลุ่มพลังจิต ที่ แรงและใหญ่ที่สุด
เห็นจะต้องจัด งาน มินิพลังจิต ที่ โลกทิพย์ ครั้งที่ 6...ภายในปีนี้..เชื่อว่า จะมีนักพลังจิต มาร่วมงาน นับร้อยคน...มีการแข่ง ดัน กำลังภายใน แบบบู๊ลิ้ม อีกเช่นเคย
ดูว่า ใครจะเทียบได้ เท่า กับ เอี๊ยะก้วย..และอื้งย้ง

ชอบตุณอีกครั้งที่ ลุงเม้าท์ เอารูปเก็บตกมาลงให้ สมาชิกดู...ใครเป็นใครในวงการบู๊ลิ้ม เมืองไทย..อย่าง มังกรบูรพา /ดาวทะเลทราย/โคมฉาย/ เม้า-ตา-อิน-/ เทพบุตรชาวดิน
วัน ออฟ เจได/ ...ฯลฯ
.............................................................................................

 

ถ้าจัดงานมินิฯ ครั้งที่ ๖ หากไม่ติดขัดอะไร กลุ่มพลัง เขากะลา คงได้ไปร่วมงานด้วย เพื่อเพิ่มเติม เสริมงานให้เป็นงานมหกรรมพลังจิตโลก ครั้งที่ ๑
ไปเลยนะครับอาจารย์