เวทนา โดยสมเด็จองค์ปฐม

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ชนะ สิริไพโรจน์, 2 เมษายน 2010.

  1. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงเครื่องพระเจ้าจักรพรรดิ ศูนย์พุทธศรัทธา




    เรื่อง เวทนา
    เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ มิ.ย. ๒๕๓๖ สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาสอนให้ มีความสำคัญดังนี้<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ๑. "จงทำจิตให้ยอมรับเวทนาที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ว่าเป็นของธรรมดา (โดยปกติเวทนาของร่างกายต้องกำหนดจึงจะรู้ หากเราไม่กำหนดก็ไม่รู้ หากเป็นเวทนาที่ไม่มาก) แล้วพยายามลดการยึดเกาะในเวทนานั้นด้วยการระงับอาการของสังขาร คือ ไม่ปรุงแต่งธรรมนั้น ๆ นี้คือสัจธรรมของการมีร่างกาย เมื่อเกิดมาแล้ว ย่อมมีเจ็บ มีแก่ มีตาย เป็นธรรมดา"<O:p></O:p>
    ๒. "จงวางอารมณ์ให้สงบ ยอมรับธรรมที่ไม่ปรุงแต่งนี้ เพราะเป็นสิ่งที่หลีกหนีกันไม่พ้น เมื่อมีการเกิดของร่างกายแล้ว"<O:p></O:p>
    ๓. "จงกำหนดรู้เอาไว้ว่า เห็นทุกข์ของการมีร่างกายอยู่เนื่อง ๆ พยายามทำจิตให้ยอมรับนับถือกฎของธรรมดา แยกจิตออกมาอย่าให้ทุกข์ตามไปด้วย พยายามทรงอารมณ์จิตไว้ให้ เป็นสังรุเบกขาญาณ แม้จักเป็นอ่อน ๆ ก็ควรจักพยายามซักซ้อมกันเอาไว้ อย่าให้จิตมีอารมณ์บ่น แม้แต่ในใจก็ใช้ไม่ได้ เพราะนั่นคือการเกิดอารมณ์ปฏิฆะ และเป็นการคัดค้านสัจธรรมที่ฝืนความเป็นจริงของร่างกาย"<O:p></O:p>
    ๔. ตั้งแต่นี้ต่อไปอาการสุขหรือทุกขเวทนา อันสืบเนื่องมาจากร่างกาย จักเป็นครูเข้ามาทดสอบจิตของเจ้าอยู่เนื่อง ๆ ขอให้เตรียมใจสอบกันให้ดี ๆ ถ้าลงธรรมดาไม่ได้ พอใจหรือไม่พอใจก็ใช้ไม่ได้ ต้องลงอุเบกขาญาณเข้าไว้ อาการสุขหรือทุกขเวทนานี้ ต้องนับเนื่องไปหมดทางอายตนะ ๖ ขอให้ดูอารมณ์ของจิตเข้าไว้ให้ดี ๆ<O:p></O:p>
    ๕. "อนึ่ง การทบทวนธรรม (ธัมมวิจยะ) ก็จงทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และให้สังเกตอารมณ์ของจิต ในขณะทบทวนธรรมะนั้นไปด้วย จักได้รู้จุดที่ทำให้อารมณ์ของจิตนั้นเคลื่อนไหวไปได้อย่างไรบ้าง"<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>




    <CENTER>เรื่องกายทำงานทางโลก แต่จิตทำงานทางธรรม</CENTER>เสาร์ที่ ๑๒ มิ.ย. ๒๕๓๖ ทรงพระเมตตามาสอนเรื่อง กายทำงานทางโลก แต่จิตทำงานทางธรรม มีความสำคัญดังนี้<O:p></O:p>
    ๑. "ขอให้มั่นใจในธรรมที่ปฏิบัติอยู่ เดินมรรคด้วยจิตอย่างไม่หยุดยั้ง ร่างกายจักทำอะไรอยู่ก็ตาม จงกำหนดจิตให้อยู่ในอารมณ์พระกรรมฐานตลอดเวลา จักเป็นสมถะหรือวิปัสสนาก็ได้"<O:p></O:p>
    ๒. จงกำหนดรู้อยู่ให้เกิดความเคยชินอยู่เสมอ เผลอบ้าง ฟุ้งซ่านบ้าง มันก็ต้องมีอยู่บ้างเป็นธรรมดา อย่าเพิ่งตำหนิตนว่าเลว จักทำให้จิตเสียกำลังใจ เผลอบ้าง ฟุ้งบ้าง ง่วงนอนบ้างก็ลงตัวธรรมดา ตั้งใจใหม่เมื่อระลึกได้ ทำบ่อย ๆ ก็เหมือนตักน้ำใส่ตุ่ม เก็บเล็กเก็บน้อยทำให้น้ำเต็มตุ่มได้ฉันใด การปฏิบัติธรรมก็สามารถเป็นสันตติเต็มจิตได้ฉันนั้น<O:p></O:p>
    ๓. แต่ควรจักระมัดระวังอารมณ์โมหะ-โทสะ-ราคะ ระงับเข้าไว้ไม่ให้มันมีกำลังแรงกล้า ความร้อนจากแสงอาทิตย์ทำให้น้ำในตุ่มเหือดแห้งได้ฉันใด ไฟอารมณ์ก็สามารถทำจิตให้แห้งจากความดีได้ฉันนั้น ขึ้นชื่อว่าความร้อนใจ พยายามระงับให้มันดับไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จักเร็วได้"<O:p></O:p>
    ๔. "ให้กระทำตามขั้นตอนที่ให้ไว้ แยกแยะอารมณ์ให้ถูกต้องก็แล้วกัน"<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>



    <CENTER>เรื่อง มรณานุสสติ กับอย่ากลัวกิเลสมารและขันธมาร</CENTER>"วันเสาร์ที่ ๑๓ มิ.ย. ๒๕๓๖ สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตามาสอนเรื่อง มรณานุสสธมาร มีความสำคัญดังนี้"<O:p></O:p>
    ๑. "เจ้าจงหมั่นจำอารมณ์ตัดตายนั้นไว้ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติครั้งต่อๆ ไป ทางที่ดีอย่าเลือกตั้งอารมณ์นี้เฉพาะเวลา ควรตั้งไว้ให้จิตพร้อมอยู่เสมอตลอดเวลา เพราะเป็นอารมณ์สละร่างกาย คลายความเกาะเวทนาลงไปได้เด็ดขาด"<O:p></O:p>
    ๒. "จิตกำหนดรู้ลมหายใจอยู่ตลอดเวลา อย่าพึงคิดว่าทำไม่ได้ จักต้องคิดว่าทำได้ ทุกอย่าสำเร็จลงได้ด้วยความเพียร"<O:p></O:p>
    ๓. "อย่ากลัวการประจันหน้ากับขันธมาร และกิเลสมาร เพราะนั่นคือครูที่จัก ทดสอบอารมณ์จิตของพวกเจ้า ว่าจักผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปได้หรือไม่ ขันธมาร และกิเลสมารเป็นของจริงที่นักปฏิบัติพระกรรมฐานจักต้องลุยผ่านทุกคน ได้ก็ถึงพระนิพพาน แต่ถ้าแพ้ก็ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป อย่าหนีความจริง ขันกับกิเลสมารเป็นของคู่มากับร่างกาย ซึ่งมันได้ผูกจิตจองจำ กักขังเรามานานนับอสงไขยกัปไม่ถ้วน อดทนต่อสู้เข้าไว้"<O:p></O:p>
    ๔. ถ้าชาตินี้ยอมพ่ายแพ้แก่มัน ชาติต่อ ๆ ไป ก็ไม่มีทางชนะมันได้ ทำกำลังใจให้เต็ม เมื่อรู้แล้วว่าร่างกายนี้มีแต่ทุกข์หาสุขไม่ได้ เป็นเหยื่อของกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน และอกุศลกรรม เราโง่หลงผูกติดกับร่างกายนี้มานาน หลงอารมณ์ที่เพลินไปกับกิเลสมาร ชาติแล้วชาติเล่า อย่างไม่รู้เท่าทันความทุกข์อันเกิดจาก ขันธมาร และกิเลสมารนั้น<O:p></O:p>
    ๕. บัดนี้พวกเจ้ารู้ทุกข์ อันเกิดจากกิเลสมาร และขันธมารพอสมควรแล้ว จงรักษาอารมณ์ตัดตาย สละร่างกายนี้ทิ้งไป เพื่อเป็นฐานกำลังของจิต ควบคู่กับอานาปานัสติให้ทรงอยู่เสมอ ๆ จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่จักทำให้การเจริญสมถะธรรมของพวกเจ้า มีผลเจริญขึ้นตามลำดับ จงจำเอาไว้ให้ดี<O:p></O:p>
    ๖. ถ้าคราวใดขึ้นต้นตั้งอารมณ์นี้ไม่ถูก ก็ให้พิจารณาร่างกาย ไม่ว่าภายในหรือภายนอก วัตถุธาตุใด ทรัพย์สินต่าง ๆ พังสลายไปหมด กล่าวคือพิจารณาไตรลักษณ์ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างพังหมด ไม่มีอะไรเหลือ (อารมณ์อากิญจัญญาตยนะฌาน) จนในที่สุด หาสิ่งยึดถือมาเป็นสาระแก่นสารไม่ได้ โลกและ ขันธโลก มีความเสื่อมสลายไปในที่สุด ค่อย ๆ คิดพิจารณาจนจิตยอมรับ แล้วจึงจับลมหายใจเข้าออก จนจิตเข้าถึงฌาน (หมายความว่าเริ่มต้นให้พิจารณาก่อนจนจิตสงบ แล้วจึงจับลมหายใจเข้าออก) ให้จิตทรงตัวอยู่ระยะหนึ่ง จึงหวนกลับมาจับวิปัสสนาญาณตามความต้องการต่อไป<O:p></O:p>
    ๗. อย่าลืมทำกรรมฐานทุกครั้ง ให้แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาลก่อน เป็นการทำอารมณ์จิตให้เยือกเย็นอยู่ในพรหมวิหาร ๔ จนเกิดวิสัยเคยชิน ฝึกได้เมื่อไหร่ แผ่เมตตาไปเมื่อนั้น มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาให้แก่จิตและกายของตนเอง และพร้อมกันนั้นมีให้แก่จิตและกายของบุคคลอื่นด้วย<O:p></O:p>
    ๘. อารมณ์พรหมวิหาร ๔ นี้ จะลดไฟโมหะ-โทสะ-ราคะให้เจือจางไปจากจิตได้ และในบางขณะที่ระลึกได้ ก็ควรจักนำพรหมวิหาร ๔ ขึ้นมาพิจารณาเพื่อให้เป็นคุณแก่อารมณ์ของจิตอย่างอเนกอนันต์ด้วย
    <O:p></O:p>
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p< O:p< font>
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p< O:p< font>
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่

    www.tangnipparn.com<O:p< p O:p<>
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา


    [​IMG]</O:p>
    </O:p<></O:p<>
    </O:p<>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2011
  2. พอชูเดช

    พอชูเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +4,339
    สาธุครับ

    -มหาโมทนากับกุศลจิต ขอให้สำเร็จตามที่ปรารถนาครับ

    สาธุ
     
  3. รับโชค

    รับโชค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,131
    ค่าพลัง:
    +11,878
    อนุโมทนา ขอให้จิตของข้าพเจ้าสว่างไสวด้วยพุทธะ ธรรมมะ สังฆะ
     
  4. arrin123

    arrin123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +1,759
    อนุโมทนาสาธุค่ะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

    __________________________

    สุขใดเหมือนแม้นการไม่เกิดไม่มี

    จะไม่ละความเพียรถ้ายังไม่ถึงซึ่งนิพพาน
     
  5. ผู้เบิกบาน

    ผู้เบิกบาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +463
    อนุโมทนาสาธุคะ สิ้นลมหายใจร่างกายเอาไปด้วยไม่ได้มีแต่ดวงจิตเท่านั้น ที่ประกอบด้วยบุญและกรรมที่ได้ปฎิบัติมาด้วยดีแล้ว พึงมีสติอยู่ทุกเมื่อพุทธโธ ธรรมโม สังโฆ.
     
  6. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม เป็นอย่างสูง ครับ






    ------------------------------------------------------------------------------------------------
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาคท่อส่งน้ำถวาย วัดเขาชี หมู่ ๑๕ ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก<O:p</O:p
    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาคท่อส่งน้ำถวาย-วัดเขาชี-จ-พิษณุโลก.233681/ <O:p</O:p
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    "ถ้าชาตินี้ยอมพ่ายแพ้แก่มัน ชาติต่อ ๆ ไป ก็ไม่มีทางชนะมันได้ "
    [​IMG]
     
  8. icedblue

    icedblue สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    ดีมาก ๆเลยค่ะ กำลังหาข้อมูลอยู่พอดี ขอกราบอนุโมทนาด้วยนะคะ
     
  9. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,328
    อนุโมทนาค่ะ...
    .....................................
    รูปเรา...รูปเขา....พังหมด
     

แชร์หน้านี้

Loading...