ชมภาพและความรู้อิทธิพลังของโป่งข่าม-หินแก้วกายสิทธิ์

เท่าที่ผมจำได้ เห็นคุณนพ
กำหนดราคา องค์เล็กสุด 50-100.-
แล้วก็ 300,500,700.- ตามลำดับ

ลองโทรสอบถามคุณนพ อีกที นะครับ

 

เท่าที่ผมถามคุณนพ เขาบอกว่าองค์ใหญ่นั้นหินหายากมากๆ ผมก็สั่งไว้หน้าตักประมาณ 5-9 นิ้วคับ แต่ยังไม่ทราบราคา แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไปบูชามาหลายองค์ครับผม มีองค์ยืนปางถวายเนตร ก็ประมาณ เจ็ดแปดร้อยครับผม องค์เล็กๆ ก็ประมาณสองร้อยคับผม

 

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมถ่ายรูปแหวนโป่งข่าม
ร้านคุณนพ ไว้หลายภาพ นำมาลงให้ชมกัน
รูปนี้ มีทับทิมแอฟริกา ปนอยู่ด้วย

 

หนังสือพิมพ์ถ้องถิ่น
<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>

 

สวยจริงๆ โอ๊ย ชักจะอดใจไม่ไหว

 

เดี๋ยวถ้ากลับมาจากอบรมแล้วจะเล่าเกี่ยวกับพวกธาตุกายสิทธิ์และสิ่งที่ได้สัมผัสครับ แล้วจะมาเล่าละกัน

 

พวกแก้วโป่งข่ามนี่ผมต้องไปเลือกด้วยตัวเองครับ จะได้ในสิ่งที่เราต้องการและเราพอใจ ผมจะเลือกชิ้นที่ดีที่สุดมาให้สำหรับคนที่จองครับ

 

แก้วโป่งข่าม และอัญมณีต่างๆ ของภาคเหนือ
และตำนานรัตนศาสตร์ แก้วแก่นไท้ ๒๔ ดวง

คำว่า แก้ว หมายถึงหินธรรมชาติ ที่ใส โปร่งแสง
ทั้งใสขาวและใสมีสีต่างๆ วาวแก้ว ที่เป็นผลึกๆ
เรียก แก้วลิ่ม ภาษาตำนานว่า แก้วผลิกกะ
ที่เป็นก้อนๆ เรียกว่า แก้วก้อน หมายถึงสิ่งมีค่าหาได้ยาก
ในภาษาอินเดีย ใช้คำว่า รัตน และ มณี

คำว่าแร่ หมายถึงแร่โลหะ แร่แก้ว แร่หินอื่นๆ
ที่ไม่มีวาวโลหะ ภาษาตำนานไม่นิยมคำว่าแร่

คำว่าแสง หมายถึงแก้วและหินสีต่างๆ
มีรูปร่างแปลกๆ ตามลักษณะที่เป็นมงคล
ไม่อาจจะเรียกเป็นแก้ว หรือแร่ ชนิดใดอื่นที่มีในภาษาถิ่นได้
รวมทั้ง อุลกะมณี หรือแร่เท็กซ์ไทด์ ที่ให้ลักษณะต่างๆ
ดั่งอิฐ ดั่งรูปสัตว์ต่างๆ ดั่งรูปโยนี ดั่งศิวลึงค์ ฯลฯ ก็จัดอยู่ในพวกแสง

คำว่าเป๊ก หมายถึงแร่ทรงผลึกโตน ที่เข้าตำหรับระบบทรงผลึกโลหะเป๊ก
เช่น พวกแร่ไพไรท์ คือ เป๊กหน้าทั่ง เป๊กหลังหีบข่ายพันชั้น
ยังมีพวกแร่แมงกานีส ที่เรียกว่าแร่เหล็กไหล มีปุ่มรอบตัว มีชื่อในตำนานว่า
เป๊กซุ้มน้ำคำ และแร่อุลกะมณีรูปสะบ้า เรียกว่า เป๊กมะบ้าผีแป๋ง

 

แก้วปทัมราค มหานิล และบุษบราค
ในรัตนชาติ ๓ ประการ จัดเป็นต้นกำเนิด วรรณชาติ
มีคติในเรื่องสี เป็นมูลกำเนิดสำคัญ

แก้วปทัมราค ถือกำเนิดวรรณชาติแดง เป็นสำคัญ
มิได้เจาะจงถึงแร่ชนิดใดชนิดหนึ่ง

แก้วบุษบราค คือพวกบุษราคัม หมายถึงแก้วที่มีวรรณเหลือง
หรือ โทปาส ชาวจันทบุรี เรียก นิลน้ำบุษร์ ตรงกับภาษาฝรั่งที่เรียก
แร่โครันดัม

มหานิล ตามความหมายที่ใช้อยู่ปัจจุบัน กำหนดเป็นสีดำ
แร่อุลกะมณี หรือเท็กไตท์ ลูกกลมๆ คนทางเหนือเรียก
มหานิล ตามคติที่ว่า มหานิลคือลูกตาพระฤาษี
แก้วทรายทอง เรียกมหานิลทรายคำ

 

ฟ้าแลต้องเป็นของเถินเท่านั้น รึเปล่าครับพี่เม้าขอถามหน่อย

 

กำเนิดรุ้งสตาร์(รุ้งขาหรือรุ้งสาแหรกในพลอย)
และวิธีทำเทียม

พลอยใดที่มีเส้นไหม Silk line เมื่อเส้นไหมทำมุม
กับแสงที่ส่องมาทางหน้าแก้ว ก็จะเกิดรุ้งสตาร์ขึ้น
เช่นรุ้งสตาร์ ๖ ขา จากพลอยสาแหรกเขียว สาแหรกดำ
ซึ่งมีเส้นไหมในพลอย ถ้าน้ำพลอยทึบ ก็จะเจียระไนย
ทรงหลังเบี้ย เพื่อให้รุ้งสตาร์นั้นเกิดขึ้น เป็นจุดเด่นของพลอยนั้น

มีวิธีทำรุ้งเทียม ด้วยการเฉือนเอาพลอยสาแหรกดำ ที่ทึบๆ
ทึมๆ ไปประกอบก้นพลอยสีใสโปร่งแสงอื่นๆ
ก็จะเกิดรุ้งสตาร์สาแหรกเทียมขึ้นในหน้าพลอยที่ไม่มีเส้นไหม
รุ้งสตาร์ ๖ ขา อาจจะเพิ่มเป็น ๑๒ ขา โดยนำเอา
เนื้อพลอยสาแหรกดำประกบไว้สองชั้น ทำมุมรุ้งขาเหลื่อมกัน
ก็จะเกิดรุ้ง ๑๒ ขาขึ้น
วิธีทำรุ้งเทียมนี้ เคยมีผู้ทำได้ถึง ๒๔ ขา

ฉะนั้น จะเห็นว่า พลอยสตาร์รุ้งขา หรือพลอยที่มีธนู
ย่อมมีคุณค่าต่ำกว่าพลอยที่มีเส้นไหมของตัวเอง

แก้วธรรมชาติที่ให้รุ้ง ๑๒ ขา เป็นสิ่งที่มีได้โดยธรรมชาติ
จากแก้วที่มีสายไหมทำมุมตัดกัน รวมทั้งการเกิดแก้วชนิด
พรหมสามหน้า คือเส้นไหมแพรสีต่างๆ ถักสานกันทำมุมข้างละสี

รุ้งขา หรือที่เรียกว่าธนู อาจจะมีในแก้ววิตูล
ทั้งที่เป็นแก้วน้ำนิลและแก้วผลึก คือ หินแก้วเขี้ยวหนุมาน
เช่น แก้วผลึกสีชมพูที่มีรุ้งขา เรียกว่า สตาร์ควอตซ์ เป็นต้น

 

ฟ้าแร ที่เป็นที่นิยม และศักดิ์สิทธิ์
มีประสบการณ์ ต้องของ เถิน ครับ
แต่หายากมาก พบเห็นที่ไหน
ถ้าชัวร์ โดดใส่เลยครับ

 

ภูมิกำเนิดแก้วโป่งข่าม


แก้วผลิกกะ พวกลิ่ม


พวกก้อน


ลักษณะสำคัญสองประการ
๑. พวกที่เป็นลิ่ม เรียกแก้วลิ่ม (แก้วผลิกกะ หรือแก้วผลึก)
๒.พวกที่เป็นก้อน เรียกแก้วก้อน

 

พวกแก้วลิ่ม ได้แก่

๑. หินแก้วเขี้ยวหนุมานผลึก ๖ เหลี่ยม
มีสีขาว ใสบริสุทธิ์ มีใยแพร มีสีฟ้า
มีประกายแร มีปวก กาบ เป๊ก และช่อแร่สีต่างๆ
นานาชนิด เทียบตามตำนานจะมีชื่อว่า แก้ววิตูล
(เทียบชนิดแร่ คือ ควอตซ์ วาวแก้ว ความแข็ง ๗ ระบบ
ทรงผลึก เฮกซาโกนาล)

๒.หินแก้วฟันม้า ผลึก สี่เหลี่ยมผืนผ้า มีสีขาวนวลใส
มีเส้นแรเหลือบใน ออกสีชา และสีมุกดา
เทียบตามตำนาน จะมีชื่อว่า จิรประภา,จันทรประภา,
ประภามุกดา ชื่อทั่วไปคือ มุกดาหาร , จันทรกานต์ ,
มณีจักร (เทียบชนิดแร่ คือ แร่เฟลสปาร์ มูนสโตน วาวแก้ว ความแข็ง
๖.๕ ระบบทรงผลึก โมโนคลีนิค)

 

พวกแก้วหินก้อน ได้แก่

๑. หินทรายแก้ว มีสีต่างๆ เป็นก้อนๆ(เทียบชนิดแร่ คือ ชาลสิโดนี
วาวแก้ว ความแข็ง ๗ ระบบ เฮกซาโกนาล)

๒. หินโมรา มีสีต่างๆ เป็นก้อนๆ (เทียบชนิดแร่ คือ อาเก็ท วาวไข
ความแข็ง ๗ ระบบทรงผลึกเฮกซาโกนาล)

๓. หินโอปอล มีสีต่างๆ เป็นก้อนๆ (เทียบชนิดแร่ คือ แร่โอปอล วาวแก้ว และไขแก้ว ความแข็ง ๕.๕-๖.๕ ระบบทรงผลึก อมอรฟอส)

๔. หินแก้วฟลูออไรท์ มีสีต่างๆ เป็นก้อนๆ(เทียบชนิดแร่ คือ แร่ฟลูออไรท์ วาวแก้วฯ ความแข็ง ๔ ทรงผลึกไอโซเมตริกก็มี ระบบอื่นก็มี

หินแก้วและหินสี ประเภทก้อนทั้งสี่ประเภท ที่กล่าว มีชื่อตามตำนานว่า แก้วประภา แก้วเผือก แต่โดยชื่อที่นิยมเรียกในบ่อแก้วโป่งข่ามคือ แก้วก้อน แก้วสี แก้วลาย และวิตูลหนามเหี้ยง คือ ในบ่อแก้วหนามเหี้ยง มีแก้วชนิดที่เรียกกันว่า วิตูลน้ำผึ้ง วิตูลสามสี ฯ

 

สกุลแก้วโป่งข่าม

แก้วสามกษัตริย์ (มีเป๊ก ๑ สกุล) รัศมีในแก้วสลักช่อ
หรือปวกคำเข้าเป๊กแมงเหนี่ยง..........................................ค่าสูงสุด

(แมงปีกแข็ง ๖ เท้า) งำรัง คือแร่โตนแฝด
รูปแมงเหนี่ยง เรียก แก้วสุวรรณมณีคำ.................................ค่าสูงสุด

แก้วเข้าเง่า แก้วเข้าปวก ไรแก้ว......................................ค่ารองมา
แก้วสอดสี(ปวก ๓ สี ๕ สี ๗ สี ๙ สี) "

แก้วสีฟ้าแพรแรใน "
แก้วสีฟ้าควัน หมอกแพร "
แก้วสีฟ้าแพรแรนอก "
แก้วสีฟ้าเส้นลายฝนแสนห่า "
แก้วสีฟ้าเส้นลายเปลวปล่องฟ้า "
แก้วฟ้าหมอก-แก้วเนื้อลำไย "
แก้วขนเหล็กฝนแสนห่า "
แก้วขนเหล็กเส้นพุ่มขนบ้ง "
แก้วขนเหล็กขนทะลาย "
แก้วเหลือบสีประภาพรหมสามหน้า "
แก้วแรมุกดาเหลือบสี "
แก้วประกาย (แก้วรุ้งเพชร) "
แก้วน้ำตันพรหมสามหน้า "
ฯลฯ
แก้วน้ำหาย "
แก้วน้ำขุ่น น้ำตัน สีเดียว ชนิดต่างๆ............................. ราคาถูกที่สุด

 

เพชรพลอยต่างๆ มีมูลค่าสูงต่ำตามลักษณะสีประจำสกุล
เช่น โครันดุม มีสีแดง เป็นสีสำคัญ แร่เบอริล มีสีเขียว ส่วนโทปาส บุษราคัม มีสีเหลืองประจำสกุล ปัจจุบันนิยมสีเหลืองขมิ้นเน่า เพราะ
ในวงเพชรพลอย ถือว่า สีดังกล่าวล้อมเพชรได้ดีเด่น

สีม่วงของแร่เขี้ยวหนุมาน เป็นแร่ที่มีมากที่สุด กลับเป็นสิ่งมีค่าประดับเรือนมงกุฏในพระราชบัลลังก์อังกฤษ เป็นสร้อยพระศอพระราชินีชาร์ล้อตตา ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ มีราคาเท่าเพชร

แหวนโปปแห่งกรุงโรม พระราชาคณะ ใช้แก้วสีม่วง(อเมทิสต์) แร่โทปาสเหลืองซีด ราคาถูกลง เพราะมีการปลอมแปลงได้ง่าย โดยเอาพวกเขี้ยวหนุมานสีม่วง ไปทำเป็นซิตรินโทปาส ด้วยการย่างไฟให้ร้อน

แก้วไพฑูรย์ตาแมว แม้ในต่างประเทศก็ยังมีความเห็นและยอมรับนับถือต่างกัน บ้างถือว่า แก้วตาแมว มาจากแร่หินเขี้ยวหนุมาน บ้างถือว่าต้องเป็นแร่ในสกุลเบอริล สูงขึ้นไปอีก แต่ลักษณะที่เรียกว่าแก้วตาแมว ย่อมอาศัยสีสันและสังวาลย์ใน ชาวอินเดียถือว่าแก้วตาแมวกันผีและมีเสน่ห์

แก้วที่มีมากกว่าแก้วตาแมวคือ แก้วตาเสือ ในสกุลแร่หินเขี้ยวหนุมาน
เป็นสินค้าเข้าของประเทศไทยมาก จึงมีราคาถูกลง มีผู้นำไปย่างไฟเปลี่ยนสีให้จางลง หลอกขายเป็นแก้วตาแมว

 

แก้วขนเหล็กต่างๆ ในต่างประเทศนิยมกันมาก เช่นในประเทศออสเตรเลีย ชนิดแร่ทัวร์มาลีน ถูกกว่าแร่รูไทล์ เพราะเส้นทัวร์มาลีน
หยาบกว่าเส้นรูไทล์ มีสีดำ และสีทึมๆ ส่วนเส้นรูไทล์ มีทั้งสีดำ สีเขียว สีน้ำตาล สีทอง

ในลำปางเอง มีแก้วขนเหล็กชนิดแร่รูไทล์ ที่ตำบลแม่ถอด เขตที่เรียกว่า โป่งข่าม บ่อผาแดง อำเภอเถิน ส่วนแก้วขนเหล็ก ชนิดแร่ทัวร์มาลีน มีมากที่เจตเมืองเสริม อำเภอเกาะคา เพราะแร่ชนิดนี้มักอยู่ใกล้แหล่งแร่ดีบุก ซึ่งตำบลดังกล่าวเป็นตำบลที่มีแร่ดีบุกชั้นดี

แก้วสีฟ้ามีเส้นแพรแก้วต่างๆ ในขุมแก้วโป่งข่าม นับเป็นแก้วที่หายาก ยังไม่เคยพบแพร่หลายในต่างประเทศ ซึ่งนักวิชาการฝ่ายไทยกำลังค้นคว้ากันอยู่ มีสีสวยลายแพรงาม ลายพริ้วริ้วสบัด ให้ประกายแรใน ต่างจากสังวาลย์สายธรรมดา หรือรุ้งขาธรรมดา ซึ่งตำหรับโบราณ วัดคุณค่าเพชรพลอยสาแหรกต่างๆเพียงธนูนอก รัศมีนอก ฯลฯ
แก้วสีฟ้ามีอยู่ไม่มากพอที่จะเป็นสินค้าโลก และยังไม่มีแหล่งแร่ควอตซ์
แห่งใดในโลก ที่สามารถให้สินค้าออกกับแก้วชนิดนี้ เพียงตลาดโลก ทราบกิติศัพท์ของแก้วสีฟ้าบ่อโป่งข่ามนี้ ราคาอาจจะเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นได้อีก

 

แถวบนหยกพม่า ทับทิมอาฟริกา
ถัดลงมาหินแก้วโป่งข่าม
ล่างสุด หินแก้วสีม่วง (แก้วจอมขวัญ)