เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

ขอขอบคุณมากๆค่า มีประโยชน์สำหรับผู้อ่านมากเลย ในที่สุดก็ตามทัน(อิ อิ)

 

กราบอนุโมทนากับความรู้เพิ่มเติม...สาธุค่ะ ^_^

รออ่านต่อค่ะ...ท่านอาจารย์สามตา...

 

หากใครที่รู้จัก และเคยดูหนังกลางแปลง พออยู่ ๆ ฟิลม์หนังเกิดขาดขึ้นมา จะเห็นคนดู ส่งเสียง

โห่ร้อง ดังฮิ้ว ๆ ๆ ด้วยความไม่พอใจ แบบที่ว่า...หนังกำลังฉายถึงฉากสำคัญ จะอย่างไรก็ตาม

คนที่นั่งดู นั่งอ่าน ก็ไม่ลุกไปไหน ยังคงเฝ้าติดตาม ด้วยอยากรู้ว่า เรื่องราวต่อไป จะเป็นอย่างไร

การโฆษณาจึงเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้คนฉายหนังและแผ่นฟิลม์ ได้พักเครื่องบ้าง เพื่อการฉายต่อที่ดี


เมื่อเช้านี้ตอนใกล้ตื่น ได้ฝันถึงอาจารย์ ว่ามาแนะนำสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเองยังไม่เข้าใจ พอตะเกียกกายลุกขึ้น

มองเห็นแผ่นพับอาบมัน ที่ทบไปมาหลายชั้น สวยมาก ทำเหมือนกับใบลาน ที่พระใช้แสดงธรรมเทศนา

จึงหยิบขึ้นมาอ่าน เพราะรู้ว่าลูกสาวเป็นผู้นำมาวาง...ในแผ่นพับนั้น เห็นเป็นบทสวดมนต์ ชัยมงคลคาถา

และอื่น ๆ หลายบท แต่มาสะดุดใจตรงบทที่ว่า "อิติปิโส เท่าอายุ" ผมก็เลยตาสว่าง รีบอาบน้ำ นุ่งชุดขาว


ไปควานในกล่องเก็บเศษสตางค์ ใจต้องการหาเหรียญบาท ก็บังเอิญที่มีครบ 50 เหรียญ เท่าอายุพอดี

แต่เขาให้ใช้เกิน 1 เหรียญ คือเกินอายุ 1 ปี เลยไปหยิบในลิ้นชักรถมา จึงครบตามต้องการ


ขึ้นไปกราบ และกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย จนถึงบทสวดไตรสรณคมณ์ พอจบ...จึงเริ่มเปล่งเสียง

ออกจากปาก ด้วยบทอิติปิโส (บทพุทธคุณ) สวดครบ 1 จบ วางเหรียญลงไป 1 อัน...และต้องสวด

จนกว่าจะได้ 51 จบ...............................การสวดครั้งนี้ สวดไปมีหยุด และสะดุดหลายระยะ

เนื่องจากมีบางอย่าง ที่รู้สึกตื้นตันใจ ซาบซึ้งใจ ไหลลงมาในคอ และอาบไปทั่ว 2 แก้ม...น้ำตา


องค์พระสัพพัญญู สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.......................(แค่นี้ครับ)

 

พ่อ ลุก คู่ นี้ ช่าง น่ารัก จัง ..... .... 55

ลูก ตื่น ไป ทำงาน แล้ว... พ่อ ยังหลับอยู่

ยังอุตสาห์ วางบทสวดมนต์ ไว้ ให้พ่อ ได้ สวดมนต์.....

............. ฉลาดดี แท้ หลาน คนนี้...

 

ขอบคุณท่านดาวฯ ที่ชมลูกสาว

แต่...ไม่ขอบใจ ที่ว่าพ่อมันตื่นสาย

อืม! เคยเล่าไปยังหว่า ที่ว่า ลูกสาวเขาไปปฎิบัติธรรม

คือนอนค้างที่วัด 2 วันบ้าง 3 วันก็เคย เพราะคุณนายที่บ้าน

เขาเป็นครูสมาธิ รู้สึกจะของวัดหลวงพ่อ วิริยังค์ แถวสุขุมวิทย์

ลูกสาวก็เลย ถูกคุณนายพาไป ทิ้งไว้แต่พ่อ...ที่น่าสงสาร..ที่สุด

 

ภายหลังการฝึก น่าจะมีอาการปวดหัว มึน อ่อนเพลีย ร่วมด้วย

หากเป็นเช่นที่ผมบอก แล้วปล่อยให้เป็นทุกครั้ง เส้นประสาทต่าง ๆ

จะค่อย ๆ ถูกทำลาย อันตรายมากครับ เพราะไม่ใช่สัมมาสมาธิ

แต่เหมือนการข่มจิต หรือการสะกดตนเอง ที่มุ่งหวังผลมากเกิน

วางอารมณ์ให้สบาย ดูสิครับ

 

มาคั่นรายการด้วยคน

เมื่อคืนก่อนนอนอธิษฐาน ขอฝันถึงอดีตชาติ

แล้วก็ฝันได้เหมือนจริงมาก ฝันว่าเหาะได้ เหาะพุ่งขึ้นข้างบน

รู้สึกได้ถึงความเร็ว ความเย็นจากลมที่ปะทะ

แล้วก็ยังสงสัยว่า เหาะแบบไปข้างๆ ได้ไหม แล้วจะเหาะยังไงไปข้าง

ก็ลองเบี่ยงๆดู ก็ไปได้ หุ หุ เหมือนจริงม๊าก มาก

----------------------------------
จบข่าว ก็แค่เพียงความฝันเท่านั้น

 

ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำของคุณอามังกรบูรพานะครับ
แต่กระผมมิได้เป็นอะไรหรอกนะครับ ยังสบายดี
ยิ่งนั่งสมาธิ ยิ่งทำให้จิตใจปลอดโปร่งมากขึ้น
มิได้มีอาการใดๆ อย่างที่คุณอามังกรบูรพากล่าวสักนิด
เพราะตัวผมเองนั่งสมาธิมาหลายปีแล้ว
จุดประสงค์ที่นั่งสมาธิก็เพื่อสร้างบุญสร้างบารมี
และก็พิจารณาถึงการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ว่ามีทุกข์อย่างไร
และทำอย่างไรถึงจะหลุดจากสังสารวัฎให้ได้น่ะครับ

 

ทุกวันนี้ก็พยายามกู้จิตกลับคืนมา ก็ ประมาณ 60%
อาการของเราเหมือนติดว่าง จนไม่เอาเส้นประสาทเป็นอารมณ์ เมื่อสมัยนั้น
มันโปร่ง โล่ง สบาย ในความนิ่งสบายนั้น มีความทุกข์
คือ นิ่งเกินไป ไม่ประกอบด้วยปัญญา เมื่อสัมผัสองค์ในตัวเองได้
ก็ถูกมันหลอก ไม่คิดแล้วกู ไม่มีไรให้คิด มิจฉาสมาธิ
ดูๆๆๆๆ กู้ๆๆ จิตไป ก็ หาคำอธิบายให้ตนเองได้ว่า จิต มันอยากเรียนรู้
หากดูๆๆๆ ผ่านๆๆๆ ก็เป็นธรรมดา ไม่มีความผิด ไม่มีความถูกต้อง
มันเป็นเรื่องสนุก เห็นความทุกข์ที่เกิดจากมิจฉาสมาธิ มิจฉาทิฎฐิ
เห็นความเปลี่ยนแปลงทุกจุด .... แล้วมันจะเหลืออะไรอีก

การปะทะ ชนกับกิเลสตัณหา เป็นอะไรที่ท้าทายจิตตนเอง
เมื่อกำลังสติ สมาธิมาก ก็จะเล่นเป็น หลังจากนั้น จะเบื่อมาก
การดับเครื่องชน กิเลสตัณหา ให้จิตพังไปเลย มันก็ไม่พัง
ยังเหลือซากความโง่ให้ดูอยู่ .. หุหุ
ฆ่าตัวตายทางอ้อม และ กระชากหน้ากากเทวมาร

Never Die ไม่ตายจริงทั้งคู่

เริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้น

 

จริง มันโปร่ง โล่ง สบาย กิเลสลดน้อยลง อยากโน้นอย่างนี่น้อยลง
แต่ปัญญาไม่เกิด ...........ใช่เลย เป็นอยู่ค่ะ
สงสัยต้องฝึกอีกเยอะ

 

เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ (ต่อ)
บนเส้นทางสู่พระธาตุนาดูน
.........................................................

เมื่อ เยี่ยมชม และคารวะจนครบถ้วนแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อ
จากป้ายตามทาง บอกว่า พระธาตุนาดูน อยู่ห่างออกไป อีก 5 กม.
เราจึงเดินทางอย่างสะบาย ไม่รีบน้อนนัก
พอเข้ามาใกล้ ก็มองเห็น ยอด เจดีย์ พระธาตู อยู่สุงตระหง่าน เหนือ ยอดไม้
..................................................................................
ทางเข้าสู่บริเวณ พระธาตุ..อยู่ทางขวามือ..จึงต้องเลี้ยวรถไปทางขวา
ถนนทางเข้าค่อนข้างดี...ตลอดข้างทาง มีต้นไม้ใหญ่ แบบป่าโปร่ง
มองเห็น เต้นท์แผงค้า...เป็นแนวยาว แต่ไกล..สุกลูกหูลูกตา
สองข้างทางที่เป็นต้นไม้ใหญ่..มีรถนานาชนิด เข้าไปซุกจอด กระจาย
แปลว่า..มีรถมาที่ งานนี้ ค่อนข้างมาก..ตามเทศกาล
.............................................................................
พอดี มี รถเพิ่งถอย ออก...เราจึงรอ และเข้าจอดเสียบแทน
หลังจอดรถ..ก็ลงมาเดิน...โอ้ โฮ...ยังไกลกว่า 800 เมตร
จึงจะถึงองต์ พระธาตุ....เดินไป ตากแดดหัวแดงไป
สองข้างทาง...มีแต่แผงค้า แบบตลาดนัด..เรียงราย
.................................................................
พอเดินเข้าไปไกล้...ก็สัมผัสได้ กับ พลัง แห่ง องค์พระธาตุ
ที่เป็น พุทธบารมี...ตือ อุ่นๆๆ เย็นๆๆ...ทำให้ใจสบาย
พลังแห่งพุทธ เย็นๆๆสบาย....ไม่ทำให้ สัมผัสที่ มากระทบตัว
ไม่ตื่นเต้น ซาบซ่า เหมือนสัมผัส ที่ มาจากปราสาท
และ จากเทพ/เทวดา ที่ เป็น เจ้าที่
...................................................................
เดินมาจนถึงด้านหน้า ของ องค์พระธาตุ
องค์พระธาตุ มีขนาด สูง ใหญ่พอสมควร
ฐานล่างเป็นรูปเหลี่ยม.ยอดบนเป็น ทรงเจดีย์
โดยรอบเป็นลานคอนกรีตกว้างขวาง
แบบเดียวกับถนนที่ วนรอบ อนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ.ดินแดง กทม
เป็นลานคอนกรีตที่ร้อน...การเดินด้วยเท้า เปล่า น่า จะเป็นการทรมาน
แต่ก็มี ผู้คน พากันเดิน วนทักษิณาวัตร 3 รอบ กันมาก
....................................................................
ดูจากโครงสร้างแล้ว..คาดว่า ที่ ฐาน น่าจะโปร่งเป็นห้อง
แต่ ไม่เปิดให้ คนเข้าไป...ได้ แต่เดินวน.โดยรอบ

................................................................

 

รอบบริเวณลานกว้าง..เป็น เต้นท์ ยาว ทั้งสี่ ด้าน.
กิจกรรม ที่ เห็น คือ การทำบุญ เป็นหลัก
ในแต่ละเต้นท์ มีการจัด บาตรพระ วางกระจายเป็น แถว
ใ้ผู้คน ทำบุญ โดย บริจาคเงิน แล้ว แลกได้ เศษ สตางค์ เล็กๆๆ
มาหยอดเงินนั้น ในบาตร ที่ วางเรียงกันไว้..ได้ยินแต่เสียง.กรุ๋ง กริ๋ง
........................................................................
ในแต่ละมุม..มีอุปกรณ์กล ทำเป็น องค์ พระปัญจวคี เดินวนออกมา..
พอมาถึงด้านหน้า..ฝาบาตรก็เปิด ให้ คนใส่บาตร (ใส่เศษ เงินที่ แลกมา)
พอเ้ดินเข้า ด้านใน..ฝาบาตรก็ปิด.....เป็นความติดที่ใช้ได้
.............................................................................
เราก็ตั้งใจ จะเอาเงินที่ ผู้คน มีจิตศรัทรา บริจากไว้ ที่ บู๊ธ 042
มาทำบุญที่ วัด นี้...มองหาตู้จะหยอด เงิน ก็ไม่เห็น
เลยเอาแบงค์ ร้อย ใส่บาตร ของ ปัญจวัคคีนั่นแหละ
ผู้คนเขาใส่เศษสตางค์ ที่แลกมา...เราใส่แบงค์ ร้อยลงไป
จะเป็นไร ..ไป...ทำบุญ เหมือนกัน
...............................................................
เราสองตน คือ ผม กับ อรัญไชย..ขาไม่ค่อยดี
จึงขอเดินวนองค์พระธาตุ เพียงรอบเดียว
ให้ คนหนุ่ม แข็ง แรง อย่า่ง คุณ เห็กหอม
เดินวนจนตรบ สามรอบ ตามศรัทรา
....................................................................
ขณะที่ รอคุณ เห็ดกอม เดินให้ครบสามรอบ
เราก็มีเวลาพักว่าง...ก็มององค์พระธาตุ อย่างละะเอียด
พระธาตุนาดูนนั้น แต่เดิม เป็น วัด หรือ ชุมชนโบราณ
มีการสร้า่ง วัตถุมงคล ที่ ศักดิ์สิทธิ์..ขนาด พระบูชาและห้อยคอได้
กระจายมานาน..จนชุมชนนั้น จมดิน...เมื่อมีการทำเกษตร ไถนา
ก็พบ วัตุมงคลที่ ว่า..และพบว่ามีำพลังกฤษติยาสูง
........................................................................
และในท้ายที่สุด...จึงมีการสร้าง องค์พระธาตุขนาดใหญ่...กลางพื้นที่ นั้น
มีการก่อสร้างเพิ่มเติม จนใหญ่โต...ดังที่เห็นในปัจจุบัน
.............................................................................

 

เมื่อเพ่งไปที่องค์พระธาตุ...ก็สัมผัสได้ พลังแบบพุทธบารมี
แต่ ตามผนังด้านนอก ทั้งสี่ด้าน..มีการสร้่งปูนปั้น เป็น รูปพระเครื่อง
เป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ ประมาณ 2.5-3.00 เมตร..เรียงกันสี่แบบ
เป็นแบบพิมพ์นิยม..ที่ มีพลังแรง
........................................................................
เราพบว่า เมื่อ เพ่ง เพื่อ วัดขนาดพลัง พระเครื่อง ที่ ปั้นอยู่บนผนัง องค์พระธาตุ
ก็พบว่า พลัง นั้น...ก็พอๆๆ กับ พระเครื่อง ขนาดเล็กที่ใข้ ห้อยคอ นั่นเอง
เป็นการบอกให้้รู้ว่า พลัง แห่ง องค์ พระ ไม่ได้ ผันแปร..ไปตามขนาดองค์ พระ
พระเครื่องเล็กๆๆขนาด จิ๋วๆๆ ขนาด เม็ด ข้าวเม่า.. กับจะแรงเสียกว่า
.......................................................................................
สักพักใหญ่ๆๆ คุณ เห็ดหอม ที่เดินจนครบ สามรอบ ก็ มารวมกัน
เป็นอันว่า การมากราบไหว้ บูชา องค์ พระธาตุนาดูนก็ สมบูรณ์แบบ
เราจึงพากันเดินนย้อนกลับออกไป เพื่อ ไปที่รถที่ จอดอยู่
จะได้ ไป ยัง อีก สองแปห่ง ที่ ตั้งใจไว้
กู่ สวนแตง และกู่ปางสีดา
............................................................
(มีต่อ)

 

ขอบคุณครับที่เล่าสิ่งดีๆให้ฟัง...

 

พระธาตุนาดูน อ.นาดูน มหาสารคาม เมืองเก่าอารยธรรม นครจัมปาศรี รุ่งเรืองอยู่ 2 ยุค คือ
ทวาราวดี (พ.ศ. 1000-1200) และ ลพบุรี (พ.ศ.1600 -1800)






ถึงอารยธรรมเก่าแก่ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ พระธาตุนาดูน

 

เอารูปงานวันเสาร์ให้อาเห็ดหอมครับคือผมได้มีการจัดงาน พลังจิตพิชิตโรค มีวิทยากรเป็นอาจารย์วิเชียรอยู่เกตุ
พิธีกรเป็นคุณ ตุ๊กตา อุบลวัลย์ บุญรอด สถานที่จัดเป็น บริษัท ไอซีซี ครับอาเห็ดหอมได้ไปด้วยเลยเอารูปมาให้ดูครับ

 

ขอคั่นรายการหน่อยนะ.....


อยากชวนทำบุญถวายตู้พระไตรปิฎกชุดใหญ่และ CD เสียงอ่านพระไตรปิฎก ถวายหลวงปู่บุญญฤทธิ์...
(10 เมษายน 2553..เวลา 11.30 น.) ด้วยกัน...

อันนี้ร่วมทำกับเพื่อนๆๆ สมาชิกเวปพลังจิตค่ะ...ตั้งใจจัดขึ้นมาเอง....บุญใหญ่ บารมีมาก ทำคนหรือสองคน ไม่ดีแน่..
เลยอยากขอเชิญชวนทุกท่าน ที่ผ่านมาเห็นข้อความนี้ มาร่วมสร้าง และสะสมปัญญาบารมีร่วมกันค่ะ.......

ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้นะคะ....

บันทึกบาปและกรรมของข้าพเจ้า ห้องกฏแก่งกรรม เขียนโดย ปานโสม
http://palungjit.org/threads/%E0%B8....89898/page-90

 

คุณตัวกลมขอบคุณนะครับสำหรับภาพประกอบเรื่อง ยินดีในบุญ

นะครับและนำบุญมาฝากจากมหาสังฆทานที่ชวนแล้วไม่สะดวก

ก็ยินดีในบุญแล้วกันนะครับ

ขอบคุณครับคุณวิษณุที่นำภาพในงานบุญมหาสังฆทานมาฝาก

ยินดีในบุญนะครับ ผมต้องเดินทางไปนครสวรรค์เย็นนั้นก็เลยกลับ

ก่อนยังไม่ได้ลาอ.วิเชียรเลย

 

กราบสวัสดีทุกๆ ท่าน
แวะมาเยี่ยมค่ะ..พึ่งอ่านถึงหน้า 53..

chearrchearrchearr

 

ขอบคุณค่ะคุณvisnu ยินดีในบุญกับผู้ร่วมบุญมหาสังฆทานกับ อ.วิเชียร อยู่เกตุ
ในวันเสาร์ที่ผ่านมานะคะ
ผู้ร่วมงาน เตรียมอุปกรณ์การเรียน ถวายสามเณร พระภิกษุ และเตรียมผลไม้เลี้ยงผู้ร่วมงานด้วยกัน
เสียดายที่ไม่ได้ไป พี่เห็ดหอมอุตส่าห์แจ้งข่าว แหะๆ แต่กระชั้นนิดนึงสำหรับคนขี้หลง เวลาไปไหนไม่คุ้นนี่ มึนหัวตึ้บค่า

เห็นรูปแล้วก็เย็นๆดีนะคะ อาจารย์วิเชียร สอนกัมมัฎฐานด้วยค่ะ เดี๋ยวคุณvisnu พี่เห็ดหอมจะเป็นรุ่นพี่นำทางต่อไป