**______** นี่ไง หลักฐานที่ว่าตายแล้วเกิดใหม่หรือผีวิญาณไม่มีจริงเนี่ยมันมีหลักฐานนะ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย fafara, 27 กุมภาพันธ์ 2010.

  1. fafara

    fafara สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +16
    นี่ไง หลักฐานที่ว่าตายแล้วเกิดใหม่หรือผีวิญาณไม่มีจริงเนี่ยมันมีหลักฐานนะ

    จริงๆเมื่อ ห้าปีก่อนฉันเคยอธิบายให้คนเข้าใจเรื่องตายแล้วเกิดใหม่ วิญาณทำงานยังไงมาแล้วยาวกว่า 5 หน้า เช่น คนเราตายไปแล้ววิญาณจะไปอยู่ในที่รอเกิด และอาจจะอวตาลแตกเป็นวิญาณหลายๆดวง เพื่อไปเกิดได้เป็นคนหลายๆคนหลายๆภพ นี่จึงเป็นเหตุว่าสมัยก่อนมนุษย์ ในโลก มีไม่กี่หมื่นคน แต่ปัจจุบัน มนุษย์ในโลกตอนี้มีหลายพันล้าน ถามว่าเอาวิณาณที่ไหนมาเกิด นั้นก็คือวิญาณมันอวตาลแตกออกมามาเป็นหลายๆดวง มันจึงมาเกิดเป็นคนได้มากไม่จำกัด ในเมื่อวิณาณมีจริง ทำไม เกิดมาแล้วจำอดีตชาติไม่ได้
    คำตอบ ก็คือวินยาน แรกที่มาเกิดเป็นทารกจะจำ อดีตชาติได้ทุกคน แต่เนื่องจากสมองของทารกยังไม่สมบูรณ์กว่าสมองจะพัทนาระบบความจำก็ต่อเมื่ออายุ 3 ปีแล้ว ดังนั้น วิญาณ กับสมองในช่วงแรกจึงเชื่อมกันไม่ได้ทำให้ความจำในอดีตชาติ ทั้งหมดหายไป




    แต่ สรุปมันเจอข้อขัดแย้งที่สำคัญ
    ยกตัวอย่าง สมองของคน เจ๊กตี๋เกาหลีญี่ปุ่นและคนขาวต่างจากสมองของ nigga โดยทั่วไป เจ๊กตี๋เกาหลีญี่ปุ่นและคนขาว สมองนั้นคิดแบบมีกระบวนการ
    หลายๆอย่างได้ อย่างละนิดอย่างละหน่อยแบ่งกันไป ดังนั้นเวลาพูดอะไร เจ๊กตี๋เกาหลีญี่ปุ่นและคนขาว จะเข้าใจ ครั้งเดียว
    แต่สมอง nigga เนี่ยคิดแบบสลับสวิท หมายถึงว่าเช่น อธิบายอะไรให้ nigga ฟังเนี่ย nigga ฟังไม่รู้เรื่องหลอก เจ๊กตี๋เกาหลีญี่ปุ่นและคนขาว จะรู้เรื่องทันที แต่ nigga ใช้วิธีจำแล้ว บอกขอไปคิดก่อนนั่นคือคิดจริงๆกำลังทวนว่า เมื่อกี่เขาพูดว่า อะไรนะ ไลไปทีละ แล้วใช้สมองอย่างมากจนมึนหนักตึบ สักพักถึงจะเข้าใจว่า พูดว่าอะไรค่อยมา จัดการอีกที

    ถ้า สมมุตติว่า ฉันเป็น nigga ฉันคิดแต่ละครั้งใช้พลังสมองในการคำนวนมาก
    มันเสียเวลา ถ้า ชาติที่แล้วฉันเป็นอัจฉริยะ วิญาณก็ควรจะ มีความสามารถบ้าง
    เช่น สมอง ฉันไม่เข้าใจ วิญาณน่าจะรับช่วงมาประมาณผลต่อและสื่อสารกลับให้สมองเข้าใจ แต่ไม่ สมองไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องเลย มันไม่มีตัวช่วย
    และอีกอย่างเวลาคนฉลาด สมองเสียหายทำให้ปัญญาอ่อน ไม่รู้อะไรถึงขั้นกินขี้ หรือเดินแก้ผ้าออกนอกบ้าน ในเมื่อสมองป่วย ถ้าวิญาณในตัวคนมีจริง
    วิญาณต้องเข้ามาทำหน้าที่เสริมเช่น เฮ้ยนี่ขี้ กินไม่ได้ แก้ผ้าออกนอกบ้านไม่ได้ วิญาณ ก็อาจไปช่วยระงับร่างกายไม่ให้กินขี้ และเตือนอีกครั้งว่าแก้ผ้าออกนอกบ้านไม่ได้ ถ้าอย่างนี้เป็นการพิสูจน์ว่าวิญาณมีจริง

    ล่าสุดมีการ พบหลักฐานสำคัญ คือมีชายคนนึงเป็นนักพลังจิตเขาเก่งสมาธิเก่งเรื่องพลังจิตและถอดจิตได้ จริง เขามี จิตที่แข็งแกร่งมาก มีอานุภาพหลายประการ พร้อมปาติหาร จู่ๆ เขา ตกบันได และกลายเป็นปัญญาอ่อนอัมพฤตติ เพาะสมองเสียหาย ชาย ยอดนักพลังจิตผู้นั้นกลับเป็นคนโง่ กินขี้ละเลงอึ
    ไม่รู้ตนเอง เอ๋อ สรุป ถ้าวิญาณคนนั้นมีจริง วิญาณมีอำนาจพลังจิต น่าจะต้องจัดการกับอะไรสักอย่าง
    กับร่างกายละ เช่นถอดจิตออกมาขอความช่วยเหลือหรือพยายามใช้พลังจิตคงบคุมร่างกายในขณะที่สมองทำไม่ได้
    สรุป ทำไม่ได้ชายผู้ นั่นก็เคเร้อๆๆๆๆๆ ปัญาญาอ่อนตลอดถาวรนี่ไงละ
    เป็นการชี้ชัดว่าวิญาณไม่มีจริง
     
  2. fafara

    fafara สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +16
    [​IMG]







    เนี่ย ถ้า วิญาณมีจิต มันต้อง เป็นสิ่งมีชิวิตอย่างนึงจริง ก็น่าจะพัทนาการมาตั่งแต่สมัยสร้างจักรวาลแรกๆ และวิญญาณก็น่าจะ
    มีเหตุผลกว่านี้คือต้องมีเมมโมรี่สำรองของตนเอง และทำงานร่วมกับสมองได้
    เพื่อป้องกันร่างกายเสียหายในขณะที่สมองหลงผิด

    สรุป ถ้าเราเป็น คนจีนเกาหลีญี่ปุ่นที่ถูกเมียตีจนต้องไปร้องปวีนาให้ช่วยเนี่ย
    แล้วปวีนาบอกเป็นกรรมเก่า ให้อดทน เราเป็น ชาบชาวจีนเกาหลีญี่ปุ่น เป็นเพที่อ่อนแอ ย่อมเป็นธรรมชาติที่จะถูกภรรยาทุบตี แล้วเราจะไม่มีทางสู้ ต้องทำบุญรอชาติหน้าจะได้ไปเกิดเป็น nigga ผู้เข้มแข็งและเท่หล่อมีเงิน
    เราจะพ้นทุก พ้นกรรม ได้ คนก็จะมีความหวัง ที่ดี ว่าชาติหน้าขอแก้ตัวใหม่ฉันจะเป็น nigga แล้ว ฉันจะเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งและยอดนิยม มีเงิน เมียฉันจะเป็นคนรวยและดี






    แต่
    ถ้า การเกิดใหม่ไม่ได้ เป็น จริง ตายแล้วตายเลยไม่มีทางแก้ตัวใหม่ อีกครั้ง มันจะเป็นการทำลายการดับฝันความหวังของคนเราอย่างมาก ที่วาดฝันว่าชาตินี้ลำบากตากตรรม แต่ต้องสะสมบุญ เพื่อชาติหน้า หน้าฉันจะขอเกิดเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันจบหมดทุกอย่าง หมดอนาคตนะ ฉนั้นเรื่องนี้ควรรีบหาข้อพิสูจน์ ด่วน
     
  3. manganiss

    manganiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +636
    [​IMG]
     
  4. 1.6e

    1.6e Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +42
    [​IMG]






    คนที่ usa เขาเครียดเรื่องนี้นะขนาดที่ตั้งกองทุน ว่าจ้างทีมวิจัยเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้วเขาเชิญพระจากประเทศไทยไปช่วยกันด้วย มากมาย พระไทย บางท่านไป เมริกาทุกอาทิตย์ไปเข้าโครงการวิจัย เรื่องตายแล้วเกิดใหม่ถึงขั้นไป เอาเด็กที่ระลึกชาติได้มา
    ตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่พอยังเอาศพคนตายและศพทารกมาผ่ากันละเอียดเพื่อดูร่องรอยว่าวิญาณน่าจะอยู่ตรงไหน ในร่างคน ชี้จุดให้ได้ชัดๆ แต่สรุป เหมือนเดิมคือ ไม่ชัวร์ ตอนนี้ล่าสุดชักจะเจอทางตันมากขึ้น









    เขาเลยคิดว่าคนที่มีเงินถ้าตายแล้วควรจะผ่าสมองเก็บแช่ไว้เผื่ออนาคตเทคโนก้าวหน้า เขาจะชุปชีวิตจากสมองให้มาเป็นคนใหม่ได้
     
  5. ป้องเกียรติ

    ป้องเกียรติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +29
    ผมเชื่อว่าวิญญาณมีจริงแน่นอนครับ

    ตอนเด็กผมนอนเตียงเดียวกับแม่ วันหนึ่งผมนอนอยู่ที่เตียง แม่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดิน

    มานั่งบนเตียง ทันใดนั้นผมก็เห็นหอยทากเกาะอยู่ที่แขนของแม่ผม แปลกที่มันมีสีเนื้อ

    เหมือนผิวของแม่เลย แล้วมันก็ยังขยับได้ ผมก็พูดว่า "แม่!" แม่ก็ถามผมว่าอะไรเหรอลูก

    แล้วหอยทากมันก็หายแวบไปเลย ผมก็ไม่ได้ตอบแม่ว่าเห็นอะไร แล้วพอวันต่อมาก็เห็นแม่

    เก็บเปลือกหอยทากใส่ถุงก๊อบแก๊บเต็มเลย เพราะได้ใช้ยาเบื่อหอยทากไปเมื่อวาน

    สรุปก็อยากจะบอกว่าวิญญาณมีอยู่จริงครับ แต่เราจะสามรถเห็นได้รึเปล่าเท่านั้นเอง :cool:
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เรามีความเห็นอย่างนี้นะ วิญญาณนะมีจริง แต่กายภาพต้องเอื้อด้วย คือ
    ต้องมีกายภาพที่สามารถเอื้อให้วิญญาณทำงานได้ วิญญาณก็เปรียบเหมือน
    กระแสไฟฟ้า มันจะแสดงตัวตนเมื่อมีอุปกรณ์ที่สมบูรณ์

    ยกตัวอย่างของใช้งานเช่น เตารีดถ้าปกติดีเสียบ
    ปลั๊กไฟมีกระแสไฟไหลเข้าก็เกิดเป็นความร้อน เตารีดก็ใช้งานได้ แต่ถ้า
    เตารีดนั้นมีวงจรพังบางส่วนเสียบปลั๊กไฟที่มีกระแสมันก็ทำงานไม่ได้
    ไม่เกิดความร้อน

    หรือคนพิการทางตา ก็มองเห็นไม่ได้ จักขุวิญญาณก็ไม่เกิด
    ถ้ารักษาตาหายแล้วมองเห็นได้ จักขุวิญญาณก็เกิดได้ทำงานเป็นปกติ

    จิตวิญญาณก็เหมือนเมล็ดพืช พร้อมจะแตกหน่อทำงาน เมื่อมีสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม
    ถ้าสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมติดอยู่ในเมล็ด ก็เป็นสภาวะจำศีลไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2010
  7. Rasputin

    Rasputin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +95
    จงมึนงง จงไร้สติ รัสปูตินใช้เจ้าต้องทำ

    ข้าก้อเชื่อเช่นกันแหละขอรับ สมันข้ายังมีชีวิต ข้าก็ใช้เวทย์มนดำ เกี่ยวกับพวกวิญญาณบ่อยน่ะ
     
  8. 1.6e

    1.6e Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +42
  9. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,437
    ค่าพลัง:
    +1,770
    ต้องไปถามคนนี้




    เห็นมีแค่คนดำเลยเอาบ้าง[​IMG]
     
  10. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    นึกว่าคนไทยดำๆไม่มีเรอะ 5555 เงาะเงอะเยอะแยะ
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ
    เห็นป่าว หัวใจถูกอารมณ์สิง
    เอ... หรือว่าแสดงละครเก่ง ไม่ได้โดน...สิง แต่ทำเหมือนโดน...สิง ก็มีนะ
     
  12. mib8gdviNz

    mib8gdviNz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ไม่เห็นจะมีหลักฐาน อะไรเลย

    มั่วว่ะ..
     
  13. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    เธอต้องพูดว่าsoul แบบที่ฝรั่งมันเชื่อไม่มีจริง
    และวิญญาณในทางพุทธไม่ใช่soul
    เป็น consciousness
    ความรับรู้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    รู้ทางตาเรียกจักขุวิญญาณ and so forth
    ความรับรู้ทางอยนตนะ6 ฝรั่งเรียก six sense
    เราเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น ก็เพราะความยึดมั่นถือมั่น นี่แหละว่ามีsoul
    จริงๆแล้ว ชีวิต ประกอบด้วย รูป และ นาม
    รูปไม่ใช่ตน เพราะ มันเป็นเซลๆประกอบกันขี้นมา เซลตาย เกิด ตาย เกิด ตลอด
    นาม ไม่ใช่ ตน เพราะมันเกิด ดับ เกิด ดับ ตลอดเวลา จิต1ดวง ดำรงอยู่ 16ขณะจิต ซึ่งเร็วมากๆ ก่อนเกิดใหม่เป็นจิตดวงใหม่ ที่สืบอารมณ์ และกรรมมาจากจิตดวงก่อน
    พระอภิธรรมบอกไว้ชัดเจนว่า พอตาย จิตมันไปเกิดต่อเลยด้วยอำนาจกรรม
    ที่เห็นเป็นผีมาเดินท่อมๆ เพราะจิตมันยึดอารมณ์แรง มันไม่รู้ หรือไม่ยอมรับว่ามันตาย
    เลยพยายามยึดสภาพไว้ ส่วนใหญ่คือเปรตนั่นแหละ
    แต่เราไปเข้าใจว่าเปรตต้องสูง ใหญ่ ปากเท่ารูเข็ม
    เปรตคือผู้หิวโหย ผีที่เห็นมันคือเปรต
    พูดตามที่รู้นะ พิจารณาดู
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อ่า...นะ คุณมีแปบเดียว บอกว่า
    วิญญาณในทางพุทธไม่ใช่soul
    เป็น consciousness

    เราก็อ่านไบเบิลมาบ้างนะ พอดีชอบศึกษา สอดรู้สอดเห็น เรื่องที่มีคนบันทึกไว้
    เราเข้าใจเอาเองว่า soul คือ จิตวิญญาณ ส่วน consciousness คือ สติสัมปชัญญะ
    ไบเบิลก็เป็นบันทึกของความจริง เป็นพระวัจนะของพระเจ้าของพระศาสดาของเขา
    เหมือนๆพระไตรปิฎกก็เป็นบันทึกพระวัจนะของพระพุทธเจ้า

    เราว่าบันทึกที่ผ่านกาลเวลามาได้ ย่อมไม่ธรรมดา ก็ต้องมีส่วนถูกอยู่บ้าง
    ถ้ามองเห็นความจริงได้ บางทีมันคือสิ่งเดียวกันแต่เรียกไม่เหมือนกัน แล้วความเข้าใจ
    ถึงความจริงของธรรมชาติก็อาจจะต่างระดับกัน ก็บอกได้ตามภูมิธรรมของคนนั้น
    บางคนสายตามองเห็นได้แค่ 500 เมตร แต่อีกคนมองเห็นไม่มีประมาณ มันก็ต่างกัน
    ภูมิธรรมของศาสดาของศาสนาใหญ่ๆในโลก ก็ไม่ใช่ธรรมดานะ เราคิดว่างั้น

    แต่อย่างว่าแหละ ขนาดคนศาสนาเดียวกัน อ่านคัมภีร์เล่มเดียวกัน ยังคิดไม่เหมือนกัน
    เข้าใจไม่เหมือนกันเลย ใครจะรู้จริงตามจริงได้จริงๆ...หนอ (ไม่ใช่เราหรอกนะ เรายังไม่รู้อะไรเลย)
     
  15. TeachMe

    TeachMe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +117
    Nigga Please...
    ur still far frm the truth nigga
     
  16. ratercracker

    ratercracker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +729
    เหอะๆ นึกว่าอะไร อีตาแบบนี้ผมก็เคยคิด เคยสงสัย

    ขอเดานะ

    ร่างกายยังไม่ดับ สังขารยังอยู่ จิตมันก็ยังยึดติดอยู่กับกายนั่นแหละ
    กับการตายมันคนละเรื่องกันนะฮับ

    อีกอย่างพลังงานมันไม่หายไปไหน มันต้องเวียนว่ายในวัฎสงสารนี้ ทั้งมนุษ ทั้งสัตว์ ทั้งต้นไม้ก็คือสิ่งมีชีวิต คนเพิ่มมากขึ้น แต่ต้นไม้ กับสัตว์ลดลง หายไป สูญพันธ์
    มันก็สมดุลแล้วนี่ครับ
     
  17. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    คนที่ไม่เชื่อว่าวิญญาณมีจริง แต่เข้ามาดูเวปนี้

    ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องมาสนใจ ทำงานตามหน้าที่ของตนต่อไป ไม่ต้องทำบุญทำทานสะสม

    ไว้ชาติหน้า มีชีวิตไปวันๆ ดำรงชีวิตตามมีตามเกิดของตนไป



    จบ.. ไม่ต้องมาคิดมาก
     
  18. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    งานวิจัยวิทยาศาสตร์ต้องการความใหม่


    ทำให้พวกหัวการเงิน การตลาด เข้ามาช่วยทีมวิจัยหาเงิน
    ก็หาประเด็นแปลกๆ ที่คาดว่าทำเงินได้ เรียกทุนสนับสนุนได้
    แบบนี้มีเยอะ เลยกลายเป็นการสร้างความเชื่อขึ้นก่อน ผล
    งานวิจัยจริงหรือเท็จมาทีหลัง
     
  19. surapon007

    surapon007 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +26
    ไม่พอยังเอาศพคนตายและศพทารกมาผ่ากันละเอียดเพื่อดูร่องรอยว่าวิญาณน่าจะอยู่ตรงไหน ในร่างคน ชี้จุดให้ได้ชัดๆ

    ก็มันคงเจอให้อยู่หรอกนะ มันคงเป็นก้อนๆ เหมือนเนื้อร้ายสักแห่งมั้ง

    แล้วที่ว่าคนเพิ่มขึ้นวิญญาณมาจากไหน แล้วไม่คิดเล่นๆ บ้างเหรอครับว่าทำไมสัตว์ลดลงจะสูญพันธุ์จะหมด เอ...หลายๆ ศาสนาที่เชื่อตายแล้วเกิดมันก็ไปเกิดเป็นนั่นเป็นนี่ได้นี่ ไม่เกิดเป็นคนทุกครั้งไป ความจริงโดยรวมอาจจะมีทั้งคนทั้งสัตว์เท่าเดิมก็ได้ แต่สัดส่วนสัตว์น้อยลง เรากดลูกโป่งด้านนึง มันก็พองอีกด้านนึง แต่โดยรวมปริมาตรก็เท่าเดิม คิดตื้นๆ ไป อ่านดูรวมๆ ก็ตลกดี เรื่องข้างบนสามารถอธิบายได้ด้วยเรื่องกรรมอันซับซ้อนได้ หากแต่ต้องทำถ้วยชาให้ว่างพอ...
     
  20. Hikikomori

    Hikikomori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +326
    คิดว่ามีมันก็มี คิดว่าไม่มีมันก็ไม่มี วิญญาณเป็นเรื่องละเอียดซับซ้อน เหมือนกับมิติที่มีการซ้อนทับกันอยู่มากมาย แต่มิติที่เราอยู่ที่มองด้วยตาเนื้อได้นี่น่าจะเป็น 3 มิติ ส่วนมิติอื่นๆก็เป็นพลังงาน คลื่น ที่มนุษย์มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น นอกจากลองนั่งสมาธิแล้วนิมิตรดู หรือจากการฝันต่างๆ ทำให้ทราบถึงความมีตัวตนของจิตวิญญาณ บางทีก็เป็นการอวตารได้ คนเรามีหลายจิตได้(ตามแต่ใจนึกคิด และการเรียกร้อง) แต่วิญญาณมีได้ดวงเดียวเท่านั้น มีแต่มนุษย์ละมั้งที่คิดแต่เรื่องพวกนี้ สัตว์ป่าต่างๆก็คงมีไปตามมีตามเกิดแหละ มาคิดเรื่องทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า ถ้าชาติหน้ามีจริงเราก็คงได้สบายกันบ้างละ นี่แหละเรียกว่าการสะสมบุญละมั้ง
    ไม่ก็คุณเชื่อในพระเจ้ารึเปล่าละ นั่นก็เป็นอีกเรื่องเลย อันนี้อธิบายยากครับ มีมาร มีซาตานอะไรอีก กลุ้ม เกิดเป็นมนุษย์ทำไมลำบากยังงี้ เรื่องเวรกรรมนี่เป็นปัญหาเรื้อรังจริงๆ นอกจากจะมีการนิพพานกันให้หมดโลกนั่นแหละน่าจะเป็นวิธีแก้ที่ชัดเจนที่สุดแต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะกิเลศมนุษย์ไม่ยอมแน่ หรือเพราะมนุษย์แอบกินผลแห่งปัญญาจึงทำให้สมองมีการรับรู้ต่างๆมากเกินไม่น่าเลย เพราะความอยากรู้นี่เองเป็นตัวการให้มนุษย์เราเป็นดังเช่นทุกวันนี้ต้องรับรู้ในสุข ทุกข์ กรรมต่างๆ หรือกิเลศนั่นเอง ทางแก้ก็ให้เชื่อในพระเจ้าต่อไป แหงละเพราะเกินอำนาจที่คนธรรมดาจะแก้ได้แล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...