อย่าส่งเสริม 'สังคมชูชก'

ผมเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการบูชาทุกประเภท ไหว้แต่พระ แต่ก็คิดว่า จริงๆแล้ว การบูชาอะไรนั้นขึ้นอยู่กับ ศัทธาของผู้บูชา
เมื่อเค้าทำแล้วเค้ามีความสุขก็เป็นกุศลทางจิตเค้าแล้ว (ตราบใดที่ยังมีทำให้ใครเดือดร้อน)เราต่างหากมิใช่หรือ ที่เกิดทุกข์ในใจ เกิดอคติ เกิดพลังที่เป็นลบ เกิดมาร
ถ้าเรามองผู้ที่กราบไหว้สิ่งที่เราไม่นับถือว่า งมงายไร้สารระ แล้วคนศาสนาอื่น ถ้าเค้าจะมองแพ่งโทษเรา ก็คงคิดเช่นเดียวกันกับที่เราคิดที่เราเห็นอยู่นี่กระมัง

 

http://palungjit.org/threads/ชูชกรวยขั้นเทพ-หลวงปู่ผาด-จ-อ่างทอง.228478/page-2#post3014925


ชูชก เฒ่าตัณหากลับ
ขี้เหนียว งก เห็นแก่ได้ เป็นเศรษฐี แต่ทำตัวเป็นขอทานเพื่อที่จะได้ขอเงินคนอื่นได้..
เอาเงินฝากเพื่อนไว้ พอเพื่อนไม่มีคืน ก็เอาลูกสาวมาแทน
แทนที่จะเอามาเลี้ยงเป็นลูกหลาน หรือทาสรับใช้ กลับเอามาเป็นเมีย...

นางอมิตตตา ก็สั่งให้ชูชก ไปขอกัณหา ชาลี มาจากพระเวสสันดร
เพราะรู้ว่าถ้าไปขอ จะต้องได้ยังแน่นอน

ชูชก ก็ยอมลำบาก ทั้งแก่ ไม่มีแรง ก็ยังต้องไป เพราะกลัวเมียเด็กทิ้ง

ที่ไปขอ กัณหา ชาลี มาจากพระเวสสันดร ก็เพราะ เห็นแก่เมียสาว..

ก็เหมือนกับขุนแผน ตอนบวช
สึกกับต้นไม้ เพื่อเสพเมถุน กับนางพิม
แล้วกับมาบวชกับต้นไม้ ...
แถมยังฆ่าบัวคลี่ เมียตัวเองที่ท้องอยู่
แล้วผ่าเอาลูกตัวเองมาทำเป็นลูกกรอกกุมารทอง
...สมควรยกย่องบูชา หรือเปล่า...


อนาคต ชูชกหรือผู้ใด จะเกิดเป็นอะไรก็ตาม
แต่ชาติปัจจุบันนั้น ทำสิ่งเลวร้าย สมควรยกย่องแล้วหรือ...

เช่น...คนข่มขืนแล้วฆ่า แต่อีก 1 แสนกัลป์ข้างหน้า จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
ณ ชาติปัจจุบัน เราสมควรยกย่องเขารึ...

ผมเห็นด้วยกับการทำวัตถุมงคล แต่ต้องดูด้วยว่า สมควรบูชาใคร


ขอให้เจริญในธรรมครับ...

 

ที่ทราบมาว่าทำไมต้องบูชาชูชกเขาบอกว่า ชูชกขออะไรได้หมด และเปนคนที่ทำให้พระเวชสันดรได้สร้างบารมี สุดท้ายแล้วชูชกกินจนท้องแตกตาย มันสะท้อนถึงอะไร ของแบบนี้ไม่ว่ากัน ใครใคร่บูชาไรก็บูชาไปถ้าไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น..แต่อย่าลืมว่าเราเป็นชาวพุทธ แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออะไร ผู้หลักผู้ใหญ่ควรดูแลอย่าให้สังคมมันเน่าในแบบนี้ต่อไปเลย

 

เพราะสังคมประกอบด้วย ผู้คนมากมาย หลากหลาย คล้ายดัง"บัว 4 เหล่า" เราท่านทั้งหลาย จึงควรช่วยกันขัดเกลาสังคม ไม่ให้งมงายในสิ่งที่ผิด หรือ หลงผิดๆ เข้าใจผิดๆ โดยหวังให้ผู้ได้รับข่าวสาร ใช้วิจารณญานกันเอง แล้วบัวเหล่าล่างๆ เด็กๆ เยาวชน จะเป็นอย่างไร???สังคมส่วนใหญ่จะเป็นเช่นไร???

 

บางคนมัวแต่ทำมาหากินอย่าคิดถึงเลยเรื่องไหว้พระสวดมนต์ พระเดินผ่านมาในตลาดยกมือสาธุ ไม่ค่อยมีเวลาแม้แต่จะทำบุญ ............

มองลงไปในตะกร้าใส่เงินเห็นท่อนไม้ทาสีแดง ๆ ตัวใหญ่ ๆ อันหนึ่งคล้าย ๆ กับสมบัติส่วนตัวของเรา ก็ให้คิดน่าเห็นใจ มัวแต่ทำมาหากินงก ๆ เวลาจะหยุดไปเที่ยวที่ไหนคงไม่มี...

การศึกษาไม่ต้องพูดถึง ......มีแต่ไหว้ ไม่มีความรู้เรื่องธรรมะอะไรหรอก มีโอกาสไปทำบุญที่วัด ถวายเสร็จก็ยถา..สัพพี กลับบ้าน ............แล้วจะเอาไง ไม่เคยมีโอกาสโกง ปล้นจี้ก็ไม่คิดทำ วัน ๆ ได้ทำมาหากินมีเงินเข้ากระเป๋าวัน ๆ มีความสุขแล้ว............

ร้านข้าง ๆ ไปทำบุญได้ชูชกกลับมา ค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ตัวเองนั่งมองตาปริบ ๆ เลยต้องไปหาเอามาบ้าง จะได้ขายของดีเหมือนเขา .......... ก็แค่นี้ปัญญาชาวบ้าน

นักบวชอย่างท่าน ว. จะมีสักกี่รูปที่ชอบสอน บ้านนอกที่บวช ๆ ก็ไม่เห็นเทศน์ ไม่เห็นสอน ทำบุญแล้วก็ให้พร ก็เท่านั้น ........แล้วจะมานินทาอะไรชาวบ้าน นับถือชูชกผิดตรงไหน? ปลัดขิกก็ยังยกมือไหว้ นับประสาอะไร บวชแล้วกินอย่างเดียว ไม่มาสอนให้เข้าใจ เมื่อไร จะหายโง่........

นี่แหละตัวชี้วัดของบรรดานักบวชที่ไม่ทำหน้าที่ชี้นำจิตวิญญาณให้คนในสังคมได้รู้จัก อะไรคืออะไร ...........งานนี้อายเขาไหมล่ะ ไม่ใช่แค่ชูชกหรอก มีอีกเยอะสำรวจดูเถอะ ห้ามสร้างพระ ฉันก็สร้างอย่างอื่นก็ได้..........มีไรป่าว.

 

ชูชกจะโลภก็ยังอยู่ในกรอบของศีลธรรม

ชูชก เป็นคนโลภ หรือ ?
น่าจะใช่
แล้วชูชกทำอย่างไร ?
ขอ
ผิดศีลธรรมมั้ย ?
ไม่ผิด
ถึงชูชกจะโลภก็ยังอยู่ในกรอบของศีลธรรม

สังคมในปัจจุบันเป็นสังคมแห่งความโลภหรือ ?
น่าจะใช่
เมื่อคนในสังคมปัจจุบันเกิดความโลภขึ้นทำอย่างไร ?
บางคน โกง ฉ้อ ลัก ขโมย ปล้น
ผิดศีลธรรมมั๊ย ?
ผิด
พวกนี้เลวกว่าชูชก

คุณมีความโลภมั๊ย ?
มีซิจ๊ะ ไม่ใช่พระอรหันต์นี่
แล้วคุณโลภแล้วคุณทำอย่างไร ?
?????
ผิดศีลธรรมมั๊ย ?
?????
ก็อย่าให้เลวกว่าชูชกก็แล้วกัน

คุณจะเวียนว่ายตายเกิดอีกนานมั้ย ?
คงจะอีกนานแสนสาน เพราะไม่ได้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา เลยจ้ะ
ในชาติสุดท้ายของชูชกท่านจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านะ
เพราะท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว
เป็นเหมือนพระจันทร์ข้างขึ้นที่มีแต่จะสว่างขึ้นเรื่อยๆ

ชีวิตของคนเราเริ่มต้นก็ด้วยการขอ อยู่ด้วยการขอ
เด็กร้องไห้ขอนมแม่กิน
ขอเงินค่าขนม ขอความช่วยเหลือ
ขอความร่วมมือ ขอกำลังใจ
ขอเงินเดือนขึ้น ขอทาง ขอความรัก
ขอให้เธอรักฉันคนเดียว ขอให้เธอรักฉันนานๆ
ขอแต่งงาน ขอสินสอดทองหมั้น
ขอหย่า ขอให้เธอไปจากฉันซะทีเถอะ
ฯลฯ

อย่าไปรังเกียจการขอนักเลย
ใครหนอเกิดมาไม่เคยขออะไรใครเลย

ที่เขาบูชาชูชกก็เพราะเขาขอร้อยครั้ง ได้ร้อยครา
ที่เป็นเช่นนั้นชูชกต้องสร้างบารมีในการให้มาก่อนแน่
ไม่งั้นขอแล้วคงจะไม่ได้เพราะไม่ได้สร้างเหตุไว้
เรียกว่าชูชกก็มีดีของเขาเหมือนกัน

คนที่บูชาคงอยากจะขอได้อย่างนั้นบ้าง
เรียกว่าขอพึ่งบารมีพึ่งข้อดีคือการขอของชูชก
คงไม่ได้หวังพึ่งชูชกเป็นสรณะในการพ้นทุกข์
หรือให้เป็นไอด้อลแห่งซูเปอร์ขอทาน
ด้วยอยากจะมีอาชีพขอทานหรอก

ใครๆก็รู้ว่าจะร่ำรวยน่ะต้องทำอย่างไร
ชูชกน่ะแค่กองหนุนไม่ใช่กองหน้า
กองหน้ามันก็คือตัวเอง
ต้องขยัน ประหยัด เพื่อนดี ใช้จ่ายพอเหมาะ นั่นแหละ


สรุปว่า ชูชกมีเมียเด็ก ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย

 

เห็นด้วยกับ ท่าน ว.วชิรเมธีค่ะ

 

ถ้าคิดแบบนี้แสดงว่าละเลยจุดมุ่งหมายของศาสนาพุทธ
คือความหลุดพ้น
การบูชาวัตถุมงคลเพื่อความรวยเพื่อเสริมต่างๆนั้น
เป็นเพราะ มนุษย์ โลกเรานั้น หลงในกามคุณทั้ง5
รูป รส สัมผัส กลิ่น เสียง
เมื่อไม่ได้อย่างที่ใจหวังตั้งไว้
ก็เกิดทุกข์ ก็ไปหาสิ่งบูชา
กลายเป็นอวิชาแปลว่าความไม่รู้
แล้วเมื่อไหร จะพบทางนิพพาน

 

ชูชกโกหกอะ ไม่ผิดศีลตรงไหน

โกหก นายพราน

โกหก ฤาษี

เพื่อที่จะเข้าไปขอ ลูก

ก็เข้าข่ายหลายอย่างนะ โขมยก็มีนะ

 

ประเด็นมิใช่อยู่ที่ ชูชก ชูชกเป็นเพียง ตำนาน เรื่องเล่าขาน
แต่ผมสนใจตรงที่ว่า ทำใม เมื่อมีคนเห็นต่าง จึงถูกแบ่งแยก ถูกมองว่าเป็นเขา เป็นเรา
เช่น หัวข้อ กระทู้ ใช้คำว่า สังคมชูชก นี่ถึงขนาดแยกสังคมกันเชียวหรือนี่ ความรู้ ความเข้าใจของคนเราไม่เท่ากัน บัวสี่เหล่าได้เรียนรู้กันมา เราเปรียบผู้ด้อยปัญญาเป็นบัวใต้โคลนตม แต่ๆๆๆๆๆ
มันก็ไม่ใช่ความผิดของบัว มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นเรื่องของกรรม
เจริญในธรรมกันสุดๆไปเลยละกันพี่น้อง

 

บุคคลที่ท่านเปรียบเทียบด้วยบัว 4 เหล่า แต่ละระดับก็มี....

ปัญญาไม่เท่ากัน
เข้าใจธรรมไม่เท่ากันในขณะที่ฟังธรรม
มีระดับของตัณหาที่สั่งสมในจิตใจที่มากน้อยไม่เท่ากัน
และความรู้ที่อยู่ในสมองที่ประมวลผล....ทำให้เกิดความคิดรวบยอดไม่เท่ากันอีกด้วย....

ถ้าเราจะวัดกัน ว่าใครคิดอย่างไร? กับเรื่องวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมาให้บูชา เช่าซื้อ ก็ต้องหาหลักการสำคัญมาก่อน อย่าเพิ่งสรุปว่า ใครบูชาชูชกเป็นพวกกิเลสหนา ขี้โกหก งก โลภมาก เดี๋ยวจะเป็นอย่าง จตุคาม ......ใครมีกู ไม่จน

เอาแค่สนุก ๆ อย่าซีเรียส จริงจัง เดี๋ยวตัวตนที่แท้จริงโผล่ออกมา..........อายเขา.

 

เวลาที่เราเห็นด้วยกับสิ่งใด
สิ่งนั้นมันก็เข้าสู่ใจสะสม เป็นความเห็น เป็นทิฏฐิ
สะสมความเห็นผิดไว้มาก อวิชชาก็หนามาก
สะสมความเห็นถูกไว้มาก วิชชาก็เกิดมาก

คนไม่รู้เป็นเหยื่อของคนฉลาด ถ้ารู้แล้วไม่ทักท้วง สังคมมันก็เดินไปได้เรื่อยๆ
จนวันหนึ่งมันสะดุดขาตัวเองล้มไปเอง ถ้าผู้ใหญ่ยังไม่รู้ถูกผิด
เวลาสอนเด็ก มันจะลักลั่น พ่อแม่บูชาชูชก เด็กไป รร.เรียนเรื่องพุทธประวัติ
ไปเจอเรื่องพระเวสสันดร แล้วเกลียดกลัวชูชกเพราะโหดร้ายเฆี่ยนตี พระกัณหาชาลี
เวลากลับมาบ้าน ช่วยพ่อแม่ขายของ กราบไหว้ชูกชก จะเป็นไง อ่า.... ดูไม่จืด

สมกับเป็นกลียุค แล้วล่ะ ชาวบ้านตาดำๆ ก็เป็นเหยื่อไปแหละ
ผู้นำคนมีวิชาชาวบ้านให้ความเชื่อถือ บอกว่าอันนี้ดี ชาวบ้านเขาก็เอา
ชาวบ้านคงไม่ได้เป็นคนต้นคิดหรอก เขาขาดปัญญาอยู่แล้ว
แค่โชคร้ายมาเจอคนฉลาดเอาแต่ได้ขาดจริยธรรม จะเอาลาภ เอาเงินทอง กันอย่างเดียว
ก็เสนอ แล้วสนอง กันเต็มที่

ใครๆ ก็รู้ว่า อยากรวย ต้องขยันทำงาน แล้วเก็บออม ไม่ใช้เงินอย่างขาดสติ
ต้องมีจิตใจเข้มแข็งไม่วอกแวก ไม่ท้อถอย แต่ถ้าจะเอาง่ายเข้าว่า
เริ่มแรกเป็นจาตุคาม พอมีเยอะแล้วปล่อยไม่ออกก็เสื่อมความนิยม ไปพระพิฆคเณศต่อ
แล้วก็อื่นๆ อีกสารพัด แล้วก็มาถึงชูชกเป็นตัวช่วย อะไรจุดกระแสติด ขายดี ก็บูมไปเป็นพักๆ
พอชูชกไม่ขลังแล้วก็ต้องไปหาอย่างอื่น หนักข้อมากขึ้น สุดท้ายก็คงยอมให้ซาตาน
ทุกอย่างแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ อะไรอะไรก็เกิดขึ้นได้ สมัยปู่ย่าตายายยังหนุ่มยังสาว
เขาเข้าวัดฟังเทศน์มหาชาติ ไม่เห็นมีใครสรรเสริญชูชกเลย มีแต่ทำเป็นอุทาหรณ์สอนใจ
เรื่องพฤติกรรมเยี่ยงชูชก อย่าเอาอย่างชูชก

สัญญาณวันสิ้นโลก ด้วยรึป่าวเนี่ย บูชาชูชก โลกกลียุค

เมื่อวานไปเที่ยวงานวัดซื้อของกิน พ่อค้าเขาวางชูชกไว้ต้อนรับลูกค้า ฮิตจริงๆ
ก็ว่าจะไม่ซื้อของแระ แต่ว่ามันเลือกไม่ได้ มันมีกันซะเกือบทุกร้านเลย
ไม่รู้ว่าขายของได้เพราะชูชก หรือขายของได้เพราะรสมือดีทำอร่อยถูกปากลูกค้า
ถ้าของไม่ดี ไม่อร่อย ไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้า อัธยาสัยไม่ดี
ตัวช่วยที่ไหนก็คงช่วยไม่ได้หรอกมั้ง

จะหาขวัญหากำลังใจ ก็ต้องมีสติ ด้วยมั้ง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อใคร

 

ลองอ่านข้อธรรมนี้ดูนะครับ เพราะเท่าที่ดูน่าจะคล้ายกันกับกรณีชูชก

ถาม : (ไม่ชัด) การที่เราไปทำทานกันมากเกินไปไม่น่าจะส่งผลดีต่อพระพุทธศาสนา (ที่เขาว่ากัน) เรื่องของทานบารมี เราตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำ เมื่อได้ฟังความเห็นที่ไม่ได้เป็นความเห็นของพระสงฆ์ในศาสนาแล้วเราควรใส่ใจ หรือไม่อย่างไร ?
ตอบ: เอาปัญญาตรองดูก็รู้ สิ่งที่เราทำไม่ว่าจะเป็น ทาน ศีล ภาวนา อย่างที่ว่าคือ หมายเอาสุขปัจจุบันอย่างหนึ่ง กับสุขในอนาคตอย่างหนึ่ง คราวนี้ทั้งสองอย่างนี่ กว่าที่คนเราจะสร้าง บารมีให้กำลังใจสูงถึงขนาดรับธรรมะแท้โดยส่วนเดียวได้น่ะมันยาก ในเมื่อไม่สามารถรับธรรมะแท้โดยส่วนเดียวได้ก็ต้องมีเครื่องยึดเหนี่ยวอย่าง อื่น ซึ่งจะออกมาในรูปของวัตถุมงคลต่าง ๆ
ส่วนใหญ่ก็ให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ว่าบางสำนักของเขาการสร้างวัตถุมงคลของเขาออกมาอาจจะมีรูปลักษณะแปลก ๆ อย่างพวกปลัดขิกบ้าง นั่นของเขา ๆ เรียนมาตามสายครูบาอาจารย์ จริง ๆ แล้วดูถูกไม่ได้เลยนะ เพราะว่าที่ทำแล้วมีผลจริง ๆ ก็เยอะแยะไป อย่างของหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ นี่หนึ่งในห้าเสือสงครามโลกเลยนั่นแหละ ปลักขิกของหลวงพ่ออี๋วายน้ำเล่นได้อย่างกับปลา ของหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก
คราวนี้คนเราตอนแรก ๆ เหมือนกับเด็กหัดเดินต้องมีที่ให้ยึดให้เกาะก่อน เราจะไปบอกให้วิ่งเลยซิร้อยเมตร เอาเหรียญโอลิมปิกมาให้ได้ มันเป็นไปได้มั้ยล่ะ ? มันก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนที่เขาว่ามาจริง ๆ เจตนาเขาดี แต่เขาไม่ได้ดูว่ากำลังของคนไม่เท่ากันถ้า หากว่าคนทุกคนเขารู้ว่าอะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษจริง ๆ ต่อให้พระไม่ทำอะไรออกมาเลย จิตของเขาก็มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่แล้ว แต่เนื่องจากว่ายังไม่มี เราจะต้องหาอุบายอะไรบางอย่างมา เพื่อให้จิตของเขามีอนุสสติมีการเกาะในด้านที่ดี ต่อให้เป็นรูปปลัดขิกก็จริงแหละ แต่เขาต้องนึกถึงคนให้ หลวงพ่ออี๋ให้ก็ต้องนึกถึงหลวงพ่ออี๋ หลวงพ่อยิดให้ก็ต้องนึกถึงหลวงพ่อยิด อย่างนี้ก็จะเป็นสังฆานุสสติ ใจเขามีส่วนของความดีเกาะอยู่ ถ้าตายตอนนั้นอย่างน้อยสุขคติก็จะเป็นของเขา
ก็น่าคิดเหมือนกัน แต่พวกนี้จริง ๆ แล้วน่าจะยังไง ? ชี้ให้ดูยอดเจดีย์แล้วเราก็รื้อเจดีย์ออกให้ฉัตรตกใส่กบาลมัน มันจะเอาแต่ยอดไม่ได้ดูฐานเลย ดูซิว่าถ้าไม่มีองค์เจดีย์นี่ฉัตรจะตั้งอยู่ได้มั้ย เอะอะจะเอาแต่เพชรยอดมงกุฏ ไม่เอาพื้นเลย พวกนี้ต้องให้เกิดในสมัยพระศรีอาริย์ สมัยพระศรีอาริย์นี่เทศน์ทีเดียวไปกันเป็นแสน ๆ เลย นี่บินแข่งกับเฮลิคอปเตอร์เลย แล้วคุณว่าเขาทำไม่ได้ผลเหรอ ? เขาก็เลยตำหนิเอาเสียตั้งแต่แรกว่าทำผิด

กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๖๔ หน้า ๓

 

โอ้ย เดี๋ยวนี้ปลุกเสกมาร, ซาตาน และอสูรเพียบ


แบบเอามารเทวทัตมาในรูปชูชก เห็นชัด
แบบเอาอสูรราหูมาแปลงเพศเป็นอวโลกิเตศวรก็มีแล้ว
บางกุฎินะ เป็นกุฎิลับ บูชาของดำ ไสยดำตรึม ขี้เกียจพูดละ


เยอะกว่านี้มากๆ เบื่อสอนแล้ว พวกอยากรวยจนไม่สนใจว่าบูชาซาตานอะไรเนี่ย

 

ปัญหา???
ค่านิยมสังคม สมัยนี้ เป็นอย่างไร???
-เห็นแก่ได้ ใคร่มี ยินดีที่จะเอา เมื่อโอกาสเอื้อ
-ยินดีที่มีผู้นำโกงบ้านกินเมือง แต่ขอให้ตัวฉันได้ด้วย
-อยากรวย แบบเร็วๆ มักง่าย เอาแต่ใจ ไม่สนใจส่วนรวม
ฯลฯ

 

วันนี้ผ่านไปเยื่ยมญาติแถวชลบุรี ก็เห็นป้ายโฆษณาให้เช่าบูชาชูชก กันมากครับอยากฝากบอกเพื่อนเป็นแค่การตลาดหาเงินของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นซึ่งจะเหมือนในสมัยจุตคามรามเทพ ที่ขายกันรวยไปหลายรายแล้ว พวกเราชาวพุทธต้องนึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เสมอครับ เป็นดีที่สุด