บันทึกประหลาด

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย omio, 13 กุมภาพันธ์ 2010.

  1. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    แหม คุณ kultida อะ อรแอบหวาน นิสสสสสสสสสสสสสส นึงเอง อิอิ


    ^_^

    นี่ก็มารออ่าน เหมือนเพื่อนๆเลยจ้า อิอิ ระหว่างรออ่านเราก็ เม้าท์กัน แซวกัน ไปพลางๆ เนอะ อิอิ
     
  2. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    ขำ ๆๆๆๆๆๆๆ
     
  3. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    แต่แล้ววันหนึ่งฉันได้รับจดหมายลงทะเบียน ซึ่งจำได้ไม่ผิดว่าเป็นของนวลน้อยสาวคนรักของฉัน จึงเกิดความตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่เมื่อเปิดออกมาก็พบเช็คใบสั่งจ่ายเงินให้ในนามของนวลน้อย ซึ่งมอบให้นายอนันท์ไปให้นั้นกลับคืนมาให้ ความหวังที่จะถามธนาคารถึงตำบลที่อยู่ของนวลน้อย เมื่อนำเข้าบัญชีก็เป็นอันล้มเหลวลงอีก เพราะได้ถูกคืนมาทั้งจดหมายบางตอนที่ถูกคัดมานี้ ก็ได้แสดงแจ่มแจ้งถึงเหตุการณ์ต่อไปได้ดี

    คุณเมฆหรือคุณอัมพรที่ดิฉันเคารพบูชาด้วยดวงใจอันบริสุทธิ์


    เมื่อดิฉันได้ทราบจากปากคำของพี่อนันท์ ทำให้ฉันต้องเสียน้ำตา เพราะตื้นตันใจในความเป็นสุภาพบุรุษเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมอันสูง ผู้มีจิตใจแน่วแน่หนักแน่น หากดิฉันเป็นเด็กสาวคนเดิม ดิฉันจะเข้าไปกราบเท้าแล้วมอบกายมอบชีวิตจิตใจที่บริสุทธิ์ให้อยู่ในวงแขนอันอบอุ่น จิตใจอันเข้มแข็งสมเป็นลูกผู้ชายของคุณตราบเท่าดินฟ้าสลาย

    ดิฉันคิดว่าคงมีความสุขยากที่หญิงใดจะเท่าเทียมได้ เพราะผู้ชายได้บากบั่นสร้างตัวขึ้นมาเทียมหน้าเทียมตาของสังคม ต้องมีจิตใจเข้มแข็งอดทนจิตใจสูง หากหญิงใดได้มีโอกาสอยู่ในวงแขนชายเช่นนี้ ย่อมจะเกิดสุขทางกายและใจเหมือนเทพนิยาย นับว่าเป็นบุญกุศลอันสูงส่ง ดิฉันไม่ใช่เป็นคนที่บูชาเงิน บูชาเกียรติและอำนาจ แต่ดิฉันบูชาความดีความอดทนซื่อสัตย์

    แต่บัดนี้ดิฉันเสียใจที่ไม่มีคุณสมบัติเด็กสาวที่คุณเคยพบนั้นเหลืออยู่ในตัวดิฉันอีกเลย และเป็นหญิงที่ไม่มีความสาวติดอยู่ในตัว เป็นหญิงที่มีราคีคาวไม่ควรกับคุณผู้สูงด้วยจิตใจ ดิฉันเขียนจดหมายถึงคุณฉบับนี้ ดิฉันต้องเสียน้ำตาและต้องหยุดหลายครั้งหลายคราว กว่าจะเขียนได้แต่ละคำต้องสะอื้นในทรวงอกต้องกลืนน้ำตายั้งจิตใจ

    เมื่อได้ทราบว่าคุณได้รับซื้อตึกและที่ดินเครื่องใช้ในบ้านทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรอคอยหญิงในดวงใจของคุณ เพื่อครองรักที่บ้านซึ่งดิฉันได้เติบโตมาแต่อ้อนแต่ออก อยู่ด้วยความสุขสบายแต่เล็กจนเติบใหญ่ หากดิฉันยังเป็นเด็กสาวที่คุณพบครั้งแรกแล้ว ดิฉันจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในชีวิต

    แต่บัดนี้ดิฉันไม่บริสุทธิ์สมควรแก่คุณเหมือนก่อน ซ้ำยังมีบุตรชายหญิงอีก ๒ คน กำลังจะเติบโตภายหน้า ทั้งดิฉันยังเป็นหม้ายสามีถึงแก่กรรม และต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างเป็นครูสอนหนังสือ มีชีวิตหาความสุขแม่ ๆ ลูกๆ ไปวันหนึ่งๆ ในสภาพของหญิงที่ต้องเลี้ยงตนเองและลูกน้อย แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของฉันหรือของใคร มันเป็นกรรมของเรา จึงได้พาชะตาชีวิตมาสวนทาง ฝ่ายหนึ่งขึ้นไปสู่ความมั่งคั่ง อีกฝ่ายหนึ่งลงไปสู่ความตกต่ำ ไม่มีอะไรแน่นอน เมื่อดิฉันได้รับจดหมายของคุณฉบับแรก ดิฉันรู้สึกเห็นอกเห็นใจคุณมาก และเมื่อทราบว่าพี่อนันท์ได้ไปแสดงกิริยาหยาบคายตามนิสัยของแก แต่คุณมีความอดทนนิ่งฟังไม่โต้ตอบ ทำให้ดิฉันแสนจะสงสารคุณจนพูดไม่ถูก

    ทั้งที่เวลานั้นดิฉันไม่มีอิสระในตัวเองเพราะผู้ปกครองท่านได้หมั้นดิฉันไว้กับชายผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นลูกชายเพื่อนรักของท่าน ทั้ง ๆ ที่ดิฉันก็ไม่เคยรู้จักเห็นหน้าตาของชายผู้นั้นมาก่อน ผู้ใหญ่ย่อมจะเห็นว่าความรักใคร่ไม่เป็นสิ่งสำคัญ เมื่ออยู่กันไปก็คงจะรักใคร่กันเอง ท่านไม่รู้ว่ามันขมขื่นทรมานทางจิตใจเพียงไร ที่มีชีวิตเหมือนวัตถุเดินได้ เหมือนตนเองไม่มีสิทธิ์ในตัวเอง เมื่อดิฉันได้รับจดหมายของคุณก็เกิดความสงสารว่าเป็นผู้ที่ซื่อตรง จะบอกความจริงว่าตัวเองหมดอิสระทางร่างกาย ก็กลัวคุณจะเสียกำลังน้ำใจอาจทำลายอนาคตของคุณลงได้ และก็มิได้หลอกลวงให้คุณเข้าใจผิด เพียงแต่ส่งเสริมให้คุณเมื่อมีกำลังใจที่จะอดทนสร้างฐานะให้มั่นคงต่อไป แต่ส่วนจิตใจยังมีอิสระอยู่ ก็ได้มอบให้คุณหมดสิ้นไม่มีสิ่งใดเหลือ

    ฉะนั้น ดิฉันจึงแยกร่างกายกับจิตใจคนละส่วน ร่างกายนั้นเป็นสิ่งจะทดแทนบุญคุณปฏิบัติตามความประสงค์ของพ่อแม่ผู้มีพระคุณ ส่วนวิญญาณและชีวิตจิตใจเป็นของตัวเองโดยอิสระจึงมอบไว้แก่คุณ เราจึงมีจิตใจเดียวกันในความนึกฝันถึงความอยู่รวมกัน แต่ในความรู้สึกโดยไม่ต้องมีตัวตน ดังจดหมายฉบับแรกของคุณครั้งหลังพี่อนันท์ได้มาบอกเรื่องราวของคุณ ซ้ำได้มอบเช็คจ่ายเงินจำนวนมากมาให้ในนามดิฉัน ทำให้นึกถึงพระคุณอันสูงยิ่ง แต่ได้มาคิดดูว่า ดิฉันแม้จะได้แยกชีวิตของร่างกายจากกันแล้วเป็นคนละส่วน ก็ไม่ควรจะมีสิทธิ์รับเงินจำนวนนี้มาทะนุบำรุงความสุขทางร่างกาย เพราะจะทำให้เกิดความเศร้าหมองเกิดราคีทางจิตใจ

    ฉะนั้น ดิฉันจึงได้จัดมอบส่งคืนมายังคุณดิฉันไม่ต้องการใช้เงินจำนวนนี้ ถ้าหากสงสารดิฉันอย่าให้จิตใจมีราคีแล้ว ก็โปรดรับเงินจำนวนนี้คืนด้วย แม้ดิฉันร่างกายจะต้องเหน็ดเหนื่อยหาเลี้ยงชีพโดยสุจริต เพื่อทะนุบำรุงให้บุตรทั้งสองไปตามสภาพของผู้เป็นแม่พึงทำ เพราะต้องใช้หนี้กรรม แต่จิตใจนั้นเกิดความสุขประหลาด เพราะยังบริสุทธิ์และจะฝันถึงความสุขตลอดไปจนกว่าจะสิ้นเวร

    พี่อนันท์ผู้เป็นพี่ชายคนเดียวของดิฉัน เขาก็ได้จบชีวิตจากโลกนี้ไปตามกรรมที่เขาได้สร้างขึ้นเอง เพราะได้เที่ยวไปแสดงความเป็นนักเลงเบ่งข่มเหงคนไม่เลือก ตามนิสัยคนพาล คบค้ากับคนจิตชั่วใจทรามพาตัวและจิตใจให้มัวหมอง และที่สุดก็ดับลงด้วยคนพาล เป็นการใช้หนี้ชีวิตตามกฎแห่งกรรม

    แต่เป็นที่น่าเสียดาย ครั้งหลังนี้เมื่อเขาได้พบกับคุณแล้วได้เห็นความดีไม่เย่อหยิ่งจองหอง ไม่ถือตัว ซ้ำยังไม่ถือโทษโกรธเขาเมื่อครั้งแสดงกิริยาหยาบคายท่าทางนักเลง เขากลับมายกย่องสรรเสริญคุณมากมายเหมือนพระมาโปรดเห็นตัวอย่างที่ดี เขารู้สึกตัวจึงมีความละอายใจมาก นึกถึงที่ได้ประพฤติตนไปในทางชั่วต่ำช้าจนทรัพย์สินมากมายต้องถูกทำลายลงหมด เนื้อหมดตัว ตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กลับเนื้อกลับตัวประพฤติตนเป็นคนดีมีศีลธรรมเอาแบบอย่างคุณ แต่ไม่ทันได้ปฏิบัติ กรรมก็ตามมาทันกรรมที่เคยข่มเหงคนอื่น เคยทำลายชีวิตผู้อื่นที่สุดตัวเองก็หนีไม่พ้นกรรม จบชีวิตลงอย่างน่าเสียดายไม่ทันสร้างความดี


    สุดท้ายนี้ ดิฉันขอวิงวอนคุณอย่าได้ติดตามค้นหาดิฉันเลย เพราะจิตใจของดิฉันได้ติดตามอยู่กับตัวคุณแล้ว ไม่มีใครแย่งจิตใจของดิฉันไปจากคุณได้ ส่วนร่างกายนั้นไม่ใช่ของคุณ ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับคุณ ถ้าคุณยังรักและเห็นใจดิฉันโปรดมีความเมตตาเถิด เพราะคุณก็เคยประกาศว่า หญิงที่มีสามีแล้วหรือแม่หม้ายลูกติดไม่อยู่ในความสนใจ
     
  4. โอมธนกฤต

    โอมธนกฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2009
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +3,984
    มารอตอนต่อไป
     
  5. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    อรว่า คุณเมฆ ต้องไม่เคยคิดว่า คุณนวลน้อย จะมีครอบครัวแล้วอย่างแน่นอน T_T


    แล้วคุณเมฆ รับหญิงเคยมีสามีแล้ว หรือแม่หม้าย ได้ไหมหนอ?
    เมื่อ ถูกจี้ใจดำ ลงไปในคำพูดตนเอง ที่คุณเมฆประกาศไว้เลยเนอะ

    เงอะ แงแง แงแง T_T

    ข้อคิดชัดๆ ของคนยุคสมัยนั้น ที่อรได้ นะค่ะ คือ สาวบริสุทธิ์ กะ คลุมถุงชน อะค่ะ
     
  6. ตะเกียงพลอย

    ตะเกียงพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +134
    รออ่านค่ะ

    ชอบมาก

    ภาษาที่ใช้ในสมัยนั้นไพเราะมากๆเลยค่ะ

    ฟังแล้วนุ่มหู สบายใจพิลึก

    ^^

    ปูเสื่อรอค่ะ
     
  7. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    เมื่อฉันได้อ่านจบแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจ สงสารที่ได้ทราบถึงจิตใจอันแท้จริงของหล่อน ฉันเฝ้าแต่คิด เฝ้าแต่นึกถึงความรู้สึกในทางกระแสจิตไปสู่หล่อน เหมือนต่างคนต่างฝันถึงกัน

    นับแต่ฉันกลับมาอยู่ในกรุงเทพฯ ฉันก็ไม่เคยลืมที่จะไปคลุกคลีอยู่ที่บ้านนายฝรั่งสองสามีภรรยาเหมือนเดิม และฉันยังไปนอนห้องเก่าที่เคยอาศัยอยู่ เหมือนเมื่อครั้งที่ฉันยังไม่ได้ไปทำงานภาคใต้ และยังพยายามช่วยเหลืองานสิ่งใดที่ของนายฝรั่งสองสามีภรรยาเท่าที่จะช่วยเหลือได้อย่างเดิมมิได้ผิดแผก แม้นายฝรั่งทั้งสองจะไม่ยอมให้ทำก็ดี แต่ฉันกับแม่ก็ไม่มีความรังเกียจ นายฝรั่งทั้งสองเคยพูดกับแม่ว่า

    “แอนนา ลูกก็เป็นคนมั่งมีมากแล้ว จะหยุดทำงานกับฉันแล้วไปอยู่ตึกหลังใหญ่ทั้งแม่ลูกจะได้มีความสุขสบาย แม้ฉันจะรักจะอาลัยนายแม็กกับแอนนามากเพียงไร เพื่อความสุขของคนที่ฉันรักฉันชอบ ฉันก็ยินดี แม่ได้ยินนายพูดเช่นนั้นก็ตอบว่า “ความสุขของอิฉันไม่ได้อยู่ที่ตึกใหญ่หรือมั่งมีเงินทอง แต่หากความประสงค์ของดิฉันอยากอยู่ใกล้ชิดนายทั้งสอง ได้รับใช้นั่นแหละคือความสุขที่อิฉันต้องการในชีวิต”

    นายแหม่มเข้ากอดแม่ แสดงความรักใคร่อย่างจริงใจ แล้วพูดว่า “แอนนาดีกับเราเหลือเกิน ดีจนฉันพูดอะไรไม่ออก พูดไม่ถูก ฉันน้ำตาไหลเมื่อได้ยินแอนนาพูดเช่นนี้เพราะตื้นตันใจ เธอดีทั้งแม่ทั้งลูก ฉันไม่รู้จะขอบใจอย่างไรดี เธอเป็นเจ้าของตึกใหญ่โอ่โถง แต่นายแม็กก็ยังมานอนห้องเก่าและรับใช้เราเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ ฉันไม่คิดว่าจะมีคนอย่างนี้ หายาก แต่โอ ! นี่เป็นเมืองไทย เมืองไทยอาจมีอะไรมากกว่าที่ฉันเข้าใจ”

    สิ่งใดในโลกนี้ ย่อมจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เรื่องชีวิตของคนเราก็เช่นกัน ต่อมานายฝรั่งสองสามีภรรยาผู้มีพระคุณต่อเราสองแม่ลูก เกิดจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับเมืองซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอน เมื่อได้ข่าวว่านายฝรั่งทั้งสองจะเดินทางกลับเท่านั้นคนในบ้านทุกคนก็พากันเศร้าใจอาลัยอย่างที่สุด โดยเฉพาะตัวฉันซึ่งนายฝรั่งทั้งสองให้การเลี้ยงดูเล่าเรียนศึกษาเติบโตขึ้นมาในบ้าน ย่อมจะมีความผูกพันทางจิตใจ ในความรู้สึกของฉันอยู่ในความกตัญญูกตเวทีเหมือนบิดามารดาบังเกิดเกล้าที่ฉันรักและเคารพอันสูงยิ่ง

    เมื่อยิ่งใกล้วันที่จะออกเดินทางจากประเทศไทย ทุกคนที่อยู่ในบ้านต่างก็มีหน้าเศร้าหมอง ไม่มีใครในบ้านมีจิตใจสบายเลยต่างก็มีความอาลัยรักใคร่นายฝรั่งทั้งสอง หน้านองด้วยน้ำตา แม่ของฉันกับแหม่มนั้นต่างก็หลั่งน้ำตาด้วยกันอย่างไม่มีครั้งใดที่จะมีความเศร้าโศกเหมือนครั้งนี้หลังจากพ่อตาย

    นายและแหม่มพูดกันว่า หากว่าไม่จำเป็นแล้วจะไม่ยอมจากเมืองไทยไปเป็นอันขาด เมืองไทยให้ความร่มเย็นเป็นสุขในชีวิตของท่านทั้งสองเกือบยี่สิบปี รักเมืองไทยเหมือนบ้านเกิดเมืองนอนของท่านเอง ทั้งได้พบแต่คนดี ๆ เพื่อนฝูงที่ใจดีทั่วไป เมื่ออยู่ในท่ามกลางของคนไทยได้รับความอบอุ่นเหมือนอยู่ในวงศ์ญาติอันสนิท คิดว่าจะหาความสุขเช่นนี้ต่อไปในชีวิตไม่ได้อีก

    ก่อนไปได้นำเครื่องใช้ในบ้านแจกจ่ายไปให้คนในบ้านทั่วกัน แล้วแต่ความเหมาะสม และได้แจกเงินให้เป็นการตอบแทนความดี ผู้ใดอยากจะทำงานก็ฝากให้ทำงานกับพวกฝรั่งเพื่อน ๆ ของนายทั้งสอง และผู้ใดไม่อยากไปฉันก็รับเข้าไปอยู่ในบ้านเลี้ยงดูให้เหมือนอยู่กับนายฝรั่ง

    ฉันกับแม่ได้พยายามทำทุกสิ่งเพื่อตอบแทนด้วยความกตัญญูกตเวที การเดินทางของนายได้ขึ้นรถไฟไปลงที่ปีนังแล้วลงเรือเดินทะเลเป็นเรือโดยสารชั้นหนึ่งขนาดใหญ่ต่อไป ฉันได้เดินทางไปส่งนายถึงปีนัง จนนายลงเรือโดยสาร

    เรือออกเดินทางฉันจึงกลับ ได้เห็นเรือใหญ่เป็นหมื่น ๆ ตัน มีความสะดวกสบายสะอาดสำหรับผู้โดยสาร ทุกอย่างที่ทางเรือจะจัดหาให้ความสุขความสบายแก่ผู้โดยสารได้ กลางคืนมีหนังฉายให้ชม มีร้านขายของและบ่ออาบน้ำมีร้านตัดผม และมีผู้คนโดยสารกันมาก ทำให้ฉันนึกอยากจะเดินทางไปท่องเที่ยว นายว่าจะให้ความสะดวกทุกอย่างขณะเมื่ออยู่เมืองนอก
     
  8. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    เมื่อนายฝรั่งไปแล้ว บ้านตึกที่นายฝรั่งเช่าก็ได้คืนให้เจ้าของและเขาให้ผู้อื่นเช่าต่อไป คนที่อยู่ในบ้านก็ย้ายเข้ามาอยู่ในตึกของฉัน อันชีวิตของคนเราอย่านึกว่าทรัพย์สมบัติความมั่นคงนั้นจะมีความสุขเช่นตัวฉันเองก็เป็นผู้ที่หาความสุขไม่ได้ เงินทองไม่สามารถจะชื้ออะไรได้ทุกสิ่ง และก็ไม่มีอะไรแน่นอน คนยากจนมีความประพฤติอดทน เข้มแข็ง มีสติปัญญา ขยัน มีความรู้ก็สามารถจะมั่งมีขึ้นมาได้ และคนมั่งมีก็อาจกลายเป็นคนยากจนลงได้ เมื่อประพฤติตัวไม่ดี เช่นเดียวกันหลงใหลในการพนันท่องเที่ยวคบเพื่อนที่ชั่วเป็นคนพาล

    ฉันได้นำเงินที่จะมอบให้หญิงที่รักเมื่อได้ถูกคืนกลับมา ฉันได้นำเงินนี้ไปบริจาคการกุศล เช่น เข้าสมทบทุนสร้างโรงพยาบาล และสมทบทุนสร้างโรงเรียน และสร้างทางสร้างโบสถ์ สร้างถนน และขออธิษฐานให้แก่หญิงที่รัก หากเราได้สิ้นชีพลงแล้ว ขอให้เราจงไปพบกันในแดนสุขาวดีในสัมปรายภพ หากมี


    ต่อมาฉันเองก็รู้สึกว่า ตัวเองนั้นไม่มีความสบาย ร่างกายยังไม่เคยเจ็บป่วยหนักมาก่อน ก็รู้สึกเปลี่ยนแปลงไป เกิดรู้สึกร่างกายกำลังเริ่มผิดปกติอ่อนเพลีย แต่ก็ไม่ถึงล้มหมอนนอนเสื่อ ยังไปไหนตามปกติ ความทุกข์ทางยากจนขาดทรัพย์สินเงินทองนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นในครอบครัวของฉัน แต่ทุกข์อื่นที่จะเข้ามาแทรกแซงเกิดขึ้นมาก็คือ การเจ็บไข้ได้ป่วย
     
  9. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144


    โอ๊ย.......................... คำนี้ซึ้ง กินใจดวงน้อยๆ ของอรเล๊ยย ^_^
     
  10. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    อันนี้อ่านแล้วกินใจอรอีกแล้ว ง่าค่ะ แหะแหะ

    ทำให้นึกถึง น้องผู้หญิงคนนึง ที่เค้าเคยทำงานที่เดียวกัน

    น้องโทรมาหาอร บอกว่า

    "เจ้ หนูซื้อรถยนต์แล้วนะ แต่เมื่อซื้อมาแล้ว กลับไม่เห็นมีความสุข อย่างที่คิด ตอนยังไม่มีรถเลยคิดเลยว่า ซื้อรถแล้วจะต้องมีความสุขแน่ๆ"

    อร " เครียดตรง จ่ายงวดรถหรือเปล่า อิอิ" เราเอาฮา

    น้อง "ป่าวหรอกเจ้ แต่หนูต้องการค้นหาความสุขที่แท้จริง หนูเห็นเจ้ปฏิบัติกรรมฐาน มานานแล้ว หนูอยากลองทำดูบ้าง ว่าหนูจะหาความสุขที่แท้จริงเจอไหม"


    แล้วเราก็ตกลงกันไปปฏิบัติที่วัดด้วยกัน

    ปรากฏว่า น้องคนนี้ได้ค้นพบ สิ่งที่เธอตามหาแล้วน่ะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2010
  11. kulthida

    kulthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    527
    ค่าพลัง:
    +4,622
    วันนี้ได้อ่านเร็วคนในยุคนั้นใช้คำพูดได้เพราะมาก วันนี้อ่านแล้วคำที่ว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ นั้นจริงแท้แน่นอน ป่านนี้คนทั้งคู่ได้พบกันในแดนสุขาวดีหรือยังหนอ
     
  12. tong5959

    tong5959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +6,083
  13. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    จริงค่ะ ความสุขใด ๆ จะหรือจะสุขเท่ากับความพอแล้ว และความสงบเมื่อเกิดอุปสรรคหลายระดับมาทดสอบ

    ตอนนี้ คุณปู่กำลังโคม่าอยู่ในห้องซีซียู อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจและสายพ่วงเต็มไปหมด

    ถ้าใครเคยเข้าไปในห้องซีซียู มองเข้าไปในห้องที่มีคนไข้อาการหนักนอนรักษาตัวอยู่ โรคภัยไข้เจ็บเกิดกับคนไม่จำกัดอายุ ตั้งแต่แรกเกิดอายุไม่กี่เดือน จนถึงเกือบร้อย
    ต้องเจาะคอ ใส่ท่อช่วยหายใจ พูดไม่ได้ บางทีสื่อกันได้ด้วยตัวหนังสือ หลายทีสื่อกันไม่ได้




     
  14. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213

    อ้าว หนูอร หลับแล้วหรือ สงสัยคุยเพลินไปหน่อย:boo::boo:
     
  15. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    เคยเข้าไปเยี่ยมลูกน้อง ในห้อง ICU ครั้งนึง ยังจำภาพติดตาเลยค่ะ ต้องใส่ชุดกราวเขียวๆ ที่หมอจัดไว้ให้ ก่อนเข้าไปด้วย เนอะ รู้สึกถึงนาทีชีวิต ที่พยายามดิ้นรนหายใจอะค่ะ

    ขอคุณพระรักษา คุณปู่ นะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2010
  16. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144


    แหมแหม แซวน้องอีกแย้วนะค่ะ อิอิ

    เก๊กจะรูปปั้นนิดนึงเองค่ะ

    เดี๋ยววันนี้จะมาแอบหลับ รออ่านนะค่ะ
     
  17. fay10

    fay10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,760
    มาอ่านเช่นเดิมค่ะคนสมัยก่อนเขามีเมตตากันจัง
     
  18. momodomee

    momodomee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2010
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +32
    สนุกมากเลยค่ะ นี่เรื่องจริงรึป่าวค่ะ

    แล้วจะติดตามอ่านอีกนะคะ มาอัพไวๆนะคะ ^^
     
  19. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    ถ้าเป็นเรื่องกฏแห่งกรรมที่คุณท.เลียงพิบูลย์ เขียนไว้ ทุกเรื่องมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นค่ะ
     
  20. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    คืนหนึ่งจวนรุ่งแจ้ง ฉันได้ฝันเห็นสิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์ว่า ฉันได้เข้าไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งคล้ายกับเป็นยานใหญ่โตมหึมา กำลังเคลื่อนที่เดินทางจะเป็นทางอากาศหรือพื้นดินหรือทางน้ำ ก็ไม่สามารถจะทราบได้ เพราะไม่มีโอกาสเห็นภายนอก

    ฉันเห็นฝรั่งนั่งสนทนากันเป็นหมู่ นอกนั้นยังมีพวกแขกอยู่กันเป็นหมู่ จะเป็นพวกแขกชาติไหนก็ไม่สามารถจะทราบได้ นอกนั้นยังมีพวกเอเซียจะเป็นจีนหรือเป็นญวนหรือภาษาใด ฉันเห็นแต่ก็ไม่สนใจ ทางยาวเป็นแถว ตรงกลางเป็นทางเดินสุดสายตาไม่สามารถประมาณได้ยาวเพียงไร ตลอดทางมีความสว่างไสว เสียงคุยกันเป็นพวกๆ ชาติใดก็รวมหมู่ชาตินั้น ข้าง ๆ มีห้องและทุกห้องปิดหมด นอกจากห้องตรงที่ฉันยืนดูพวกชาติต่างๆ กำลังสนทนากันนั้นเปิดแง้มอยู่ห้องเดียวตลอดทั้งแถว สัญชาตญาณทำให้ฉันรู้ว่า

    ห้องนั้นเขาจัดไว้สำหรับฉันทั้งที่ไม่มีใครบอก ฉันได้เดินเข้าไปในห้อง ก็มองเห็นภายในห้องมีแสงสว่าง ในห้องนั้นตบแต่งอย่างสวยงามเกินกว่ามนุษย์สามัญจะทำได้ มองเห็นเตียงนั้นอยู่มุมหนึ่ง มีหญิงสาวรูปร่างสวยงามกำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้ เสียงค่อยๆ ซิกๆ อยู่ที่เตียงคนเดียวเห็นจะเกรงคนนอนหลับจะตื่น แต่ฉันมองดูหน้าไม่ถนัดนัก รู้ว่าหล่อนสวยงามมาก นอกนั้นมีคนนอนอยู่ตามพื้น ๔ - ๕ คนรู้สึกว่าล้วนแต่เป็นหญิงสาวๆ ทำให้ฉันมีจิตใจสงสารหญิงผู้นั่งร้องไห้ และเกิดความรักอย่างจับใจต่อสาวผู้นั้น

    ความรักความสงสารดึงดูดทำให้ฉันเดินเข้าไปหาหล่อนอย่างไม่รู้สึกตัว แล้วก็ก้มลงตะแคงหน้าจูบแก้มและผมหล่อนอย่างทะนุถนอม หล่อนมิได้สนใจ ฉันสูดรสรักอย่างดูดดื่ม สดชื่นที่สุดในชีวิตของฉัน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทำให้ฉันรู้สึกหลงใหลอย่างงงงวย ซาบซึ้งอิ่มเอิบทางจิตใจพลางกระซิบข้างหูหล่อนว่า

    “ฉันมาแล้ว หยุดร้องไห้เถิด เราจะหมดกรรมกันอยู่แล้ว”


    ฉันเองไม่รู้ความหมายคำพูดถึงอะไร พูดออกไปโดยไม่ได้นึก เห็นจะพูดด้วยอำนาจตามสัญชาตญาณ เหมือนหล่อนกับฉันเคยรักใคร่กันมาก่อนอย่างแยกไม่ออกว่าเคยพบหล่อนที่ใดมาก่อน แต่หล่อนก็มิได้แสดงกิริยาผิดปกติ คล้ายๆ กับว่าไม่รู้สึกผิดแปลกไปกว่าธรรมดา แต่ความรู้สึกของฉันนั้น แสนรักแสนสงสารเกาะหัวใจแน่น แต่แล้วฉันก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาที่มาแอบจูบหล่อน นึกว่านี่เราทำผิดอะไรในศีลธรรมหรือเปล่า ที่แอบไปจูบหล่อนกำลังเศร้าโศกร้องไห้อยู่เช่นนี้ ฉันจึงรีบออกจากห้องมานั่งอยู่หน้าห้องอย่างหัวใจปั่นป่วน

    ทันใดนั้นฉันได้เห็น ชายหมู่หนึ่งประมาณ ๔ - ๕ คน หัวหน้าแต่งตัวรุ่มร่ามใส่เสื้อสักหลาดดำยาว ใส่หมวกแบนกลมสีน้ำตาลแปะไว้บนหัว ส่วนพวกติดตามนั้นไม่มีหมวกใส่ เมื่อเขาเดินมาถึงหมู่ฝรั่ง เขาก็ถามชื่อเสียงและจดลงไปในสมุดแล้วถามถึงการถือศาสนา และทุกคนได้ลงชื่อลงนามในสมุดนั้น ไม่ว่าแขก เจ๊ก เขาก็จดลงในสมุดทุกคน แต่เมื่อเขาเดินผ่านฉันเขายิ้มและก้มหัวให้อย่างเป็นมิตร ฉันจึงย้อนตอบแล้วบอกว่า

    “ผมจะต้องลงบัญชีเหมือนคนอื่นหรือเปล่า”

    เขายิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “สำหรับคุณยังไม่ถึงกำหนดเวลา นี้คุณเป็นผู้รับเชิญของเราให้ดูเหตุการณ์ล่วงหน้า”
     

แชร์หน้านี้

Loading...