ปริศนาจากเด็กม่อฮ่อม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย hatcheryorn, 5 กุมภาพันธ์ 2010.

  1. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    เจอกันครั้งแรก>>>


    คืนนั้นเราต้องนอนบ้านเฮียที่สระบุรีอีกหลังนึงที่เป็นตึกพาณิชย์ ๒ ชั้น ซึ่งไม่ได้มานอนบ่อยๆ ความฝันก็เริ่มขึ้น เด็กผู้ชาย ๘ - ๙ ขวบ ทรงผมตัดเกรียนแบบเด็กประถม หน้าตาจิ้มลิ้มแบบผู้หญิงดูเพลินตาดี ยืนมองหน้าเรา


    พอเราพิจารณาดู ก็เห็นเด็กผู้ชาย คนนี้ใส่ชุดม่อฮ่อม เสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินเข้มแขนสั้น กางเกงก็ม่อฮ่อมสีน้ำเงินเข้ม เด็กคนนี้มองหน้าเราไม่วางตาเลย แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะไม้ยาว ที่ศาลาริมน้ำ (ที่ไหนไม่รู้) พร้อมกับยกขาข้างนึง ขึ้นมากอดเข่าไว้



    เราว่า "เป็นเด็กเป็นเล็ก เอาขายกขึ้นมาแบบนั้น ไม่เหมาะนะลูก"
    (เราเรียกอย่างเอ็นดู)

    เด็กม่อฮ่อม ได้แต่ยิ้ม ยังนั่งกอดเข่าเหมือนเดิม และ แกว่งขาอีกข้างที่ห้อยอยู่ไปมา ทุกอย่างเลือนลางลง



    เราตื่น เล่าให้คนบ้านนั่นฟัง เพราะหน้าตาเด็กดันไปเหมือนรูปภาพเด็ก ๘ - ๙ ขวบที่ตั้งไว้ที่บ้านนั้นซึ่งเหมือนแค่หน้าตาแต่ต่างกันทีเพศ เด็กม่อฮ่อมเป็นเด็กผู้ชาย แต่เด็กในภาพเป็นเด็กผู้หญิง เล่าแล้วก็ผ่านไปไม่ติดใจไร


    เจอกันครั้งที่ ๒ >>>>>

    ผ่านมา ๓ เดือนก็ได้ ไปนอนบ้านนั่นอีกครั้ง เราไหว้พระแล้วก็นอน
    ฝันอีกแล้วซิ


    เราในฝันกำลังนอนอยู่ในห้องนอนของบ้านหลังนั่น ประตูถูกเปิดออก เด็กม่อฮ่อมยืนอยู่ที่ตรงนั้น

    เด็กม่อฮ่อมกลับมาหาเราแล้ว เค้าส่งยิ้มให้ กึ่งเดิน กึ่งวิ่ง เข้ามาหา อย่างดีใจ ที่ได้กลับมาเจอกันอีก เค้าเดินอ้อมมายืนค้ำหัวเรา จ้องมองเราแป้บนึง แล้วอ้อมลงมานั่งใกล้ๆ ไหล่ซ้ายของเรา

    เรายังนอนอยู่บนที่นอนตามเดิม ไม่ได้ขยับตัวไปไหน มองดูพฤติกรรมที่เด็กม่อฮ่อมทำ พอเด็กมานั่งที่เหนือไหล่ซ้ายเรา เราก็คุยกันแบบนั่นเลย เราแค่เงยหน้าขึ้นคุยกะเค้า เด็กม่อฮ่อมนั่งลงปุบ ก็ชันเข่าขึ้นมากอดไว้ข้างนึงเหมือนเดิมเปี๊ยบ เรา ๒ คนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม



    เด็กม่อฮ่อมเอ่ยขึ้น "สรุปว่าจะไปทำกรรมฐานไหม ไปวันไหน วางแผนลงตัวหรือยัง?"


    เรา " อืม.. กะว่า จะต้องรอให้ได้ขายกุ้งก่อน ถึงจะรู้วันแน่นอน "

    (ทั้งที่ในความจริง เราวางแผนไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้กำลังลังเลใจ หรือ กำลัง ชั่งใจว่าจะไปดี หรือไม่ไปดี แต่ในฝันเรากลับลังเลอยู่)


    เด็กม่อฮ่อม " ก็เอาแบบนี้ซิ .......... ............." .


    จำคำพูดไม่ได้แล้ว แต่เค้าพูดประมาณว่า จะช่วย คิดวางแผนการเดินทางให้

    เราจำได้แค่คำพูดทิ้งท้ายที่เด็กม่อฮ่อมพูดไว้ ว่า

    " ขายกุ้งเสร็จก็ไปทำกรรมฐานที่วัดเลย แล้วค่อยไปไหว้พระธาตุพนม"


    พอดี ช่วงนั้น มีโครงการจะพาพ่อแม่ไปไหว้พระธาตุพนม ซึ่งเราไม่ได้ไปเอง แต่วานเฮียขับรถพาพ่อแม่ไปแทน


    เราตกลงตามที่เด็กม่อฮ่อมแนะนำ

    เราพูดว่า "ได้ เอาตามนั่นนะ" ตรงคำว่า "นะ"

    เรารู้สึกว่ามีคนมาแตะไหล่ขวา เพราะประตูอยู่ทางขวา ด้านซ้ายที่เด็กม่อฮ่อมนั่งอยู่มันเป็นผนังห้อง เราลืมตาขึ้น เฮียนั่นเองเดินเข้ามาปลุกเราให้ตื่น เพราะเราต้องขับรถกลับไปทำงานที่เพชรบุรีแต่เช้า


    เราหันไปตอบเฮียว่า " ค่ะ" ให้เห็นว่าเราตื่นแล้ว

    เราหันหน้าขึ้นมองเด็กม่อฮ่อมที่นั่งอยู่ทางไหล่ซ้าย เพื่อจะคุยกันต่อ อ้าวไปไหนแล้ว รวบรวมสติ ก็ อ้าว........เมื่อกี้ฝันหรอกเหรอ ยังไม่กล้าเล่าให้เฮียฟัง จนขับรถกลับมาถึงเพชรบุรี ก็โทรไปเล่า ว่าเด็กม่อฮ่อมมาหาอีกแล้ว



    ปริศนาที่เด็กม่อฮ่อมบอกไม่หมด >>>>


    ก่อนวันไปทำกรรมฐาน ประมาณ อาทิตย์นึง เราเกิดอาการลังเล จะไปไม่ไป เหมือนที่เด็กม่อฮ่อมบอกไว้จริงๆ เราโทรคุยกับแม่

    แม่บอก ว่า
    "เด็กคนนั้นนั่งกอดเข่าข้างเดียว โบราณเค้าถือ เค้าว่า มันแปลว่า เด็กคนนั้นกังวล ไม่สบายใจนะลูก" เราก็เลยตัดสินใจไป



    การไปปฏิบัติธรรมครั้งที่ ๑๒ ของเรา วันที่ ๒๕ ถึง ๒๗ มกราคม ๒๕๕๒ เป็นไปตามที่ได้ตกลงกะเด็กม่อฮ่อมไว้ในการเจอกันในฝันครั้งที่ ๒ คือ ขายกุ้งเสร็จก็ไปทำกรรมฐานที่วัด แล้วค่อยไปไหว้พระธาตุพนม


    ขายกุ้งเสร็จตอนเย็น เก็บกระเป๋าขับรถกลับสระบุรีทันที เพราะเช้าจะไปตักบาตรที่วัดแพะโคกเนื่องจากเป็นวันพระ ตักบาตรเสร็จ กลับมาเก็บของที่บ้านหลังเดิม ค่อยเดินทางไปทำกรรมฐานที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี


    ก่อนออกเดินทาง กำลังจะขับรถออกไป มีผู้ชายท่าทางขี้ยา ออกอาการเมาๆ (แถวนั้นรู้ว่า ผู้ชายคนนี้ติดยาจนมีอาการทางสมองนิดหน่อย เป็นภัยเวลาเมา) เค้าเดินมาที่รถ แล้วจับประตูรถไว้ไม่ให้ปิดลง

    ผู้ชายขี้ยา " พี่ไปว่าป้าผมเหรอ " ป้าที่ว่า คือป้าข้างบ้านที่เฮียมีเรื่องด้วยเล็กน้อย

    เฮีย "ผมเคลียร์กับป้าแล้วนะ ไปถามป้าดู" แปลกที่เฮียนิ่งน่ะ
    ผู้ชายขี้ยา ยังพูดคำเดิมซ้ำ แต่เฮียก็ปิดประตูรถได้

    เราโมโหนิดๆล่ะ เราบอกผู้ชายคนนั้นว่า "เอามือออกจากรถเดี๋ยวนี้ !"
    เฮียบอกให้เราขึ้นรถไปก่อน แล้วเฮียก็ปิดประตูรถขับออกมาจนได้

    เฮียพูดในรถว่า "น้องบอกเฮียเสมอว่า ถ้าจะไปทำกรรมฐาน จะมีมารมาขวาง เฮียพยายามเฉย เพื่อไม่ให้มีเรื่อง คิดว่าถ้ามีเรื่อง คงไม่ได้ไปทำกรรมฐานแน่ๆ "

    เราคิด เออ........ ทำไมเราไปบ้าบอโมโหไปได้ ไม่มีสติซะเลย คือว่า ถ้าเฮียมีเรื่อง ผู้ชายขี้ยามีโอกาสถึงกับสลบได้ ด้วยอาวุธในบ้านครบมือ แหะแหะ มะด้ายขู่จริงๆ เฮียเค้านักเลงเก่า


    ครั้งนี้เป็นการไปทำกรรมฐานครั้งที่ ๒ ของเฮีย ตอนแรกเฮียเฉยๆ ไม่ศรัทธา ครั้งแรกที่ไป ยังไม่สร่างเมาด้วยซ้ำ แต่พอเจอของดีในพระกรรมฐานก็เลย อยากมาอีก เฮียเป็นคนตั้งใจมากๆ เราแนะเรื่องการเดินจงกรมให้นิดเดียว ระลึกกรรมได้ทันที



    ในสามวัน มีวันที่ ๒๖ ช่วงเช้า เราทำไม่ได้ ใจไม่สงบเลย เพราะ ช่วงลงนั่งสมาธิ เรามองเห็นผู้ชายขี้ยา ที่มาหาเรื่องเฮียที่บ้าน ก่อนขับรถออกมาวัด


    เจ้านี้โดนจ้างวานให้มาหาเรื่องน่ะ เพราะเฮียมีเรื่องกะคนข้างบ้าน ก่อนหน้าจะไปวัด ๒ - ๓ วัน เถียงกันนิดหน่อย แต่ข้างบ้านแค้นจัด


    พอเราเห็นผู้ชายขี้ยานี่ ในกรรมฐาน ใจเราโกรธมาก ในใจคิดเลย " เกลียดมัน มันทำบาปกะคนทำกรรมฐาน มันไม่เจริญแน่ "


    พอคิดแบบนี้ อาฆาตแบบนี้ ก็กำหนด โกรธหนอ ช่างมันหนอ แล้วสงสัยตัวเอง ทำไมต้องโมโหมากมายขนาดนี้ ใจเริ่มไม่สงบ พยายามกลับมากำหนด พองยุบต่อ แต่ไม่เกิน ๕ นาที หน้าผู้ชายขี้ยาคนนี้กลับมาใหม่ กำลังยืนอยู่หน้าบ้าน ความโกรธขอเรากลับมาอีก พยายามกำหนดรู้เท่าทันปัจจุบัน จนครบ ๓ ชม.


    จบการปฏิบัติช่วงเช้า ได้แต่ถอนหายใจ ทำไมเช้านี้ปฏิบัติไม่ได้

    ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ปฏิบัติได้ ครบ ๓ ชม. แล้ว ระหว่างที่พักดื่มน้ำปานะ ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติในช่วงค่ำ เรานั่งคุยกะเฮีย

    เรา "เป็นยังไงบ้าง ปฏิบัติได้ไหม"

    เฮียบอกว่า "เฮียเห็นไอ้คนที่มาหาเรื่องนั่นในกรรมฐานช่วงบ่าย "

    เราก็แปลกใจ บอกว่า "อรก็เห็นเหมือนกันแต่ช่วงเช้า ใจอรไม่สงบเลย ไม่รู้ทำไมถึงได้ไปโมโหมันนักหนา ทั้งที่เห็นผู้ชายขี้ยา ยืนอยู่หน้าบ้านเฉยๆ "


    เฮีย " น้องจำได้ไหม พอปฏิบัติจบรอบบ่าย ได้ยินที่แม่ชีพรรณทิพย์ ท่านบอกว่า คนทำกรรมฐาน อย่าไปอาฆาตใครนะ เฮียก็เลยอโหสิกรรม เห็นมันก็คิดว่า จะไม่อาฆาตแค้น ถ้าเป็นสมัยก่อน มันคงได้โดนกระทืบตายไปแล้ว"


    เรา "อ๋อ ตอนที่ท่านพูดตอนนั้น นั่นเอง ท่านคงเตือนเราล่ะเฮีย ดีจังเลยเนอะ อรยังเผลอไปโมโห เกือบแช่งแล้วไหมล่ะ "


    แม่ชีพรรณทิพย์ มักจะตอบคำถามอะไรที่เรากำลังคิดอยู่ในหัวพอดีเลย แบบนี้ประจำ เรานับถือท่านมาก ท่านเป็นคนสอนพระกรรมฐานในเรา สมัยเมื่อหลายปีโน้น แทบจะตัวต่อตัวเลย


    ออกศีล กลับไปสระบุรี ตอนบ่าย แวะไปบ้านเฮีย ซึ่งเป็นหลังเดียวกันที่เราเจอเด็กม่อฮ่อม และผู้ชายขี้ยามาหาเรื่อง จอดรถปุบ เฮียเดินลงมาเปิดประตู ปรากฏว่า มีเศษแก้วสีชา แบบขวดเบียร์ หล่นให้เห็นเล็กน้อย ในร่องประตู และบางส่วนกระเด็นรอดมาทางช่องประตู เข้ามาอยู่ในบ้าน แต่มีการเก็บกวาดเท่าที่สามารถเก็บกวาดได้ เอาละซิ งานเข้า ใครล่ะมันเอาขวดมาปาใส่บ้านเรา


    เฮียเดินไปหาคู่กรณี ซึ่งเฮียเคยเอ่ย ว่า เฮียไม่ได้อยากมีเรื่อง อะไรที่ผ่านมา ก็ขอโทษเค้าไปแล้ว


    ป้าคู่กรณี ออกมาโวยวาย เชิง ป้าไม่รู้ไม่เห็น " มีคืนนึง ป้าได้ยินเสียงของแตก คิดว่า หนุ่มเป็นคนทำแตก"


    ด้วยความที่อ่านนิยายแปลสืบสวน สอบสวนเป็นชีวิตจิตใจ สันชาติญาณโฮมส์ก็เข้าสิงเราทันที อิอิ


    ก็ตอนขับรถออกไปทำกรรมฐาน ก็ยังบอกป้านี่ว่า เราจะไม่อยู่กันหลายวัน ไปนอนวัด ยังมีหน้ามาโกหกว่า คิดว่าอยู่ ตึกพาณิชย์ชิดกัน ขนาดพูดกระซิบข้างบ้านยังได้ยินเนี้ยนะ จะไม่รู้เลยว่า บ้านเราไม่มีคนอยู่


    เราพูด " เฮีย ทำไมมีรอยเก็บกวาดล่ะ เศษแก้วเหลือน้อย แต่ก็เหลือมากพอให้ดูออกว่ามีคนปาขวดเบียร์ใส่บ้านเราอย่างชัดเจนนะ"


    ยัยป้ามหาภัย " เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะ ป้าจะเล่าให้ฟัง "
    แล้วก็พูดอะไรซ้ำเดิม ร้อนรนชัดเจน

    ตบท้ายว่า " ถ้าเป็นไอ้คนไม่เต็ม นั้นทำ อย่าไปเอาเรื่องมันเลยนะ"


    เฮียสั่งให้เราขึ้นไปนอนพักข้างบนก่อน เพราะเห็นเราใจเสียน่ะ เฮียบอกเดี๋ยวจะขอทำงานข้างล่างก่อน เราพยายามนอนเล่น ดูทีวีไปเรื่อย ก็นอนไม่หลับ เดินลงมาหาเฮียที่ทำงานอยู่ข้างล่าง (แต่ที่จริงเฮียกำลังโทรคุยกะตำรวจที่ เพื่อนของเฮีย)


    เราบอกเฮียว่า ทำไมป้ามหาภัย ไม่ต้องการให้เราไปเอาเรื่องผู้ชายขี้ยาคนนั้น ทั้งที่เราไม่รู้ว่าใครกันแน่เป็นคนปาขวดใส่ เพราะถ้าเป็นมันจริง ป้าจะร้อนรนทำไม


    คำตอบ "กลัวการซัดทอดน่ะซิ" เมื่อเราคิดได้แบบนั่น เราก็เดินไปหน้าประตูร้าน ค่อยๆ ก้มหัวลงหน้าเกือบแนบพื้น เรามองเห็นเศษแก้วเป็นชิ้นเล็กๆ ส่องประกายอยู่ ที่ข้างประตูฝั่งติดกะบ้านป้ามหาภัย บ่งบอกชัดเจนว่า เคยมีเศษแก้วตกอยู่ตรงนั้น แต่มีรอยเก็บกวาดไปแล้ว


    เฮียเดินไปคุยกะป้ามหาภัย ว่าป้าสั่งให้ผู้ชายขี้ยานั่นมาหาเรื่องผมใช่ไหม ผมบอกแล้วนะว่าผมไม่ได้มีอะไร เคลียร์แล้วก็จบ


    ป้ารีบเดินออกมา แว้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ว่า โอ๊ย ป้าแค่บอกมันว่า บ้านนี้มากล่าวหาป้า ไม่ได้สั่งให้ทำไรมากกว่านั่น มันไม่เต็มเต็ง อย่าไม่เอาเรื่องมันเลย


    เรา " ถ้ามีตำรวจมาสอบปากคำป้า ก็อย่าตกใจนะค่ะ เพราะ เมื่อกี้ก้มดูเห็นประกายเศษแก้วตกอยู่ตรงริมประตูด้านติดกะบ้านป้าเยอะ แต่มีรอยกวาดไปแล้ว บางทีเศษแก้วที่หน้าบ้านอาจจะเยอะกว่านี้ "(พร้อมชี้นิ้วกวาดให้เห็น)



    ป้า " โอ้ยยยยยยยยยยยยยย ลูกสาวป้าเป็นคนกวาดให้เอง แล้วก็ บลาๆๆ อะนะ


    เรา คิดในใจ ตอนแรกที่ถามป้า ว่าเราเห็นรอยเก็บกวาดหลักฐานออก บอกไม่รู้ไม่เห็น ได้ยินแต่เสียง แก้วอะไรที่ไหน คราวนี้ หางโผล่จนได้ ดั๊นบอกออกมาเองว่า ลูกสาว กวาด เศษแก้วให้


    เรา " งั้นป้าก็เห็นคนปา ซิค่ะ"

    ป้า " ไม่เห็นหรอก"

    เรา " แบบนี้มีการปิดบังหลักฐาน คงต้องรีบไปแจ้งความไว้ก่อน"

    ป้า เดินใส่ชุดกระโจมอก มาผลักอกเรา จิกนิ้วใส่คอเราจนเรารู้สึกเจ็บ
    พร้อมพูดว่า " ใจเย็นซินู๋" มันแสดงออกชัดเจนว่า จะไม่ให้เราไปแจ้งความ



    เฮียกะเราขับรถไปข้างนอก เรื่องงาน พอกลับมา ป้าก็รีบฉายหนังม้วนเดิมอีก ว่า ลูกสาวกวาดให้ ราวๆ ๓ รอบ

    พอตำรวจมาตอนเย็น ซึ่งก็คือเพื่อนเฮียนั่นเอง


    คุณตำรวจเดินไปถามป้ามหาภัยว่า บ้านไอ้คนที่ปาอยู่ไหน ป้าก็เริ่มฉายหนังอีก แล้วก็พูดว่าเป็นญาติกะตำรวจคนโน้นนี่ไปเรื่อย แต่ตำรวจก็บอกว่า คนที่ป้าพูดถึงเค้าเองก็รู้จักกันเป็นรุ่นพี่น่ะ สนิทกันดี


    เป็นเรา พอเค้าถามว่า บ้านคนปา เราจะตอบก่อน ยังไม่รู้เลยใครปา แต่ป้าแกชัดเจนมาก ว่า ยอมรับว่าผู้ชายขี้ยานั่นปา ทั้งที่ ปฏิเสธตลอดว่า ไม่รู้ไม่เห็น แถม ช๊อตเด็ด ป้าแกเพิ่มอีกว่า


    "ลูกสาว กะลูกชาย เป็นคนกวาดเศษแก้วให้ ด้วยน้ำตาเลย กลัวจะเข้าใจว่าเราทำ "

    เราก็โห เพิ่มลูกชายเข้าไปอีก ถ้าป้ามหาภัยฉายหนังต่อเรื่องนี้ มันอาจบอกว่า

    " ป้าเกณฑ์ คนทั้งครอบครัวมากวาดก็ว่าได้"


    เราคุยกะเฮีย>>>

    เรา " รู้มะว่ามันปาขวดใส่บ้านวันไหน "


    เฮีย " วันที่เราเห็นมันในกรรมฐาน ที่อรเห็นมันช่วงเช้า เฮียเห็นมันช่วงบ่าย"


    เรา " ใช่ คิดเหมือนกันเลย มิน่า ล่ะ อรถึงได้โกรธจัดมาก จนอยากจะสาปแช่งมัน"


    ย้อนกลับไป >>>

    ถ้าเรากะเฮียไม่ได้ไปทำกรรมฐาน ตามที่เด็กม่อฮ่อมบอกไว้ ว่า

    " ขายกุ้งเสร็จก็ไปทำกรรมฐานที่วัดเลย แล้วค่อยไปไหว้พระธาตุพนม"


    เฮียคงมีเรื่องกะผู้ชายขี้ยานั่นแน่ และไม่รู้จะรุนแรงแค่ไหน เด็กม่อฮ่อมคงรู้แล้วว่าจะเกิดเรื่องที่บ้านนี้ เค้าคงเป็นห่วงเฮีย ถึงมาบอกผ่านเราแทน


    เรานึกถึงคำที่แม่เราบอก ว่า เด็กคนนั้นนั่งกอดเข่าข้างเดียว โบราณเค้าถือ เค้าว่า มันแปลว่า เด็กคนนั้นกังวล ไม่สบายใจ


    ตรงนี้เอง ที่ทำให้เราเข้าใจเด็กม่อฮ่อมแล้ว เค้าหาทางให้ไม่ต้องอยู่บ้านซะ

    แล้วตอนอยู่วัด จำไม่ได้ว่า ทำกรรมฐานช่วงเวลาไหน ก็เห็นเด็กม่อฮ่อม ยืนอยู่

    เราบอกออกไปด้วยจิตว่า มารออยู่ใกล้ๆนะ จะแผ่บุญกุศลไปให้ ...........


    ขอบคุณในน้ำใจของนู๋ม่อฮ่อมมากจ้า

    อย่างไรซะ เราคิดว่า ความอาฆาต พยาบาท มันไม่ดีหรอก อโหสิกรรมให้ เจ้าผู้ชายขี้ยาคนนั้น
     
  2. ตะเกียงพลอย

    ตะเกียงพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +134
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขอให้จิตสงบด้วยเถิดค่ะ
    บางทีก็อาฆาต บางทีก็รัก

    เฮ้อ

    บุญรักษาทุกท่านค่ะ
     
  3. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    อิอิ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เนอะ ^_^

    ค่อยลดความอาฆาตลง เพิ่มความเมตตาขึ้น กรุงโรมก็ยังไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียวนี่น๊า สู้ๆ เป็นกำลังใจ จ้า
     
  4. charat1967

    charat1967 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +21
    เรื่องเกิดที่บ้านใครหนอ หุหุ
     
  5. Honey~

    Honey~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +435
    ง่า~~ติดใจตรงนี้มากคร่าา "แต่พอเจอของดีในพระกรรมฐานก็เลย อยากมาอีก เฮียเป็นคนตั้งใจมากๆ เราแนะเรื่องการเดินจงกรมให้นิดเดียว ระลึกกรรมได้ทันที"

    อนุโมทนาสาธุค่ะ~~
     
  6. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    เจอดีในกรรมฐาน คือการเข้าใจในการปฏิบัติกรรมฐานน่ะค่ะ

    ตอนแรกไม่ค่อยศรัทธา มาแล้วสร่างเมาใหม่ๆ แต่พอทำไปทำมา ก็ค้นพบความสงบ แล้วมีความตั้งใจเพิ่มขึ้น


    ส่วน แนะนิดเดียว แล้วระลึกกรรมได้

    นี่คือ แอบเหลียวมอง การเดินจงกรมของเฮีย ผิดพลาดไปนิดนึง น่ะค่ะ รวมถึงความไม่อดทนต่อการมีเวทนา มีอาการปวดขามาก ขยับขาให้หายปวด


    พอปฏิบัติครบเวลา ช่วงพัก

    ก็แนะนำว่า เดินจงกรมต้องเท้าก้าวอย่างไร

    และถามว่า อดทนเวทนาได้ไหม
    เฮียบอก เจ้าหน้าที่ว่า ไม่ไหวอย่าฝืน ก็คลายเท้าได้

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ น่าจะหวังดีสำหรับผู้ไปปฏิบัติครั้งแรก

    อรบอกว่า ให้อดทน ลองดูซิ เฮียก็นึกถึงคำหลวงพ่อเลย ตายเป็นตาย



    รอบบ่าย เฮียก็ออกปฏิบัติตามเดิม ปวดขามาก เหงื่อแตก ตัวสั่น ปวดลงไปกลางหลัง แต่ก็ นึกในใจเรียกหลวงพ่อช่วยลูกด้วย ไปเรื่อยๆ นึกถึงหน้าหลวงพ่อ ในช่วงที่ปวดสุดๆ จนตัวสั่น นี้ละ

    เฮียก็ระลึกกรรม ได้เลยค่ะ
     
  7. Honey~

    Honey~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +435
    โอ้แม่จ้าว แม้อาการปวดของผึ้งก็มีเวลานั่งนะคะ
    แต่ก็ปวดไปจนกว่าจะนั่งเสร็จเครบเวลาเลยอ่ะค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
    สงกะสัยว่าจะต้องนั่งจนกว่าจะหายปวดให้ได้สักกะที
    ขอบคุณในน้ำใจที่มีน้าค้าพี่อร ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  8. fay10

    fay10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,760
    อโหสิกรรมให้ด้วยป้าเขาคงจิตหยาบมากเลยหลอกได้แม้กระทั่งคนขี้ยาน่าสงสาร
     

แชร์หน้านี้

Loading...