เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

หลวงปู่เณรคำกลางและหลวงปู่เณรคำน้อย ท่านก็ยืนยันเหมือนเดิมว่า หลวงพ่อฤษีลิงดำท่านต้องละไปเนื่องจากการเปิดเผยเรื่องของเบื้องบน และก็เหตุส่วนหนึ่งมาจากของวิเศษ 4 อย่างจากภูเขาควายที่หลวงพ่อฤาลิงดำท่านยืมมาใช้เพื่อการสร้างบารมี แล้วลูกศิษย์ท่านโบกปูนทับเอาไว้ ไม่ได้นำไปคืนเขาน่ะ แต่ปัจจุบันนี้กลับสู่ภูเขาควายหมดแล้วล่ะ ถ้าศิษย์น้อยสงสัย ก็ลองสอบถามผู้รู้เอานะ หาผู้ที่รู้จริงๆเกี่ยวกับการทำบารมีน่ะ

ก็ทำนองเดียวกันกับที่หลวงพ่อฤษีลิงดำท่านให้ปัญญาธรรมกล่าวไว้ว่าจะเกิดภัยพิบัติต่างๆ เมื่อหลายปีที่ผ่านมานั่นแหละ แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้นใช่ไม๊ นั้นเป็นเพราะอะไร ถ้าตอบง่ายๆก็เพราะกรรมมนุษย์เปลี่ยน แต่ถ้าถามพ่อพระอินทร์ ท่านก็จะบอกว่าขึ้นอยู่กับพระสงฆ์รูปเดียว ว่าท่านจะให้เกิดขึ้นหรือไม่ให้เกิดขึ้น หรือจะให้เกิดขึ้นเมื่อใด เพราะเป็นสิทธิ์ของท่าน ผ่านปี 2552 ไปแล้วถ้าศิษย์น้อยยังมีชีวิตอยู่ก็จะได้รับรู้ด้วยตัวเองว่าบุคคลที่ผมกล่าวถึงนั้นคือใคร

ว่าแต่เรื่องของ การทำทาน ศีล ภาวนา อยู่เนื่องๆ ------> ทรงอารมโสดาบันให้เป็นปกติ ----> ตอนใกล้ตายจิตเกาะพระนิพพาน ตัดร่างกาย ตั้งใจให้แน่วแน่ไปเลยว่า สวรรค์หรือพรหม เราไม่ต้องการน่ะ ถ้าหากคิดว่าง่ายนั้นในความเป็นจริงแล้วศิษย์น้อยปฏิบัติได้ไปถึงไหนแล้วล่ะ ได้โสดาบันหรือกายทิพย์เป็นทองคำแล้วเหรอ

อย่างไรก็อย่าพยายามตัดการเกิดด้วยความคิดนะ ให้ตัดด้วยการปฏิบัติธรรมให้ได้จริงๆซะก่อน ถ้าปฏิบัติได้แล้วก็นำเอาผลของการปฏิบัติมาบอกเล่ากันนะ

หากได้ยินได้ฟังบางเรื่องเกี่ยวกับครูบาอาจารย์แล้วจิตเราตกนั้น ถือว่าปฎิบัติจิตยังไม่มั่นคงและเป็นลูกศิษย์ที่ยังใช้ไม่ได้นะ

จากนี้คงจะไม่ได้เข้ามาล้อเล่นกับศิษย์น้อย 1-2 วัน เพราะต้องไปรับเครื่องทำศาสน์ศิลป์ในการสร้างพระแก้วมรกต ที่หลวงปู่ใหญ่ท่านนำลงมาฝากไว้ให้ที่หลวงปู่เณรคำน้อย

 

ที่จริงผมก็ไม่อยากรู้เรื่องของท่านอื่นหรอกครับ แต่เพื่อความเข้าใจที่กว้างขึ้น อยากถามคุณอัญญาศิษย์ว่า
หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
หลวงพ่อธัมชโย ธรรมกาย
หลวงปู่ปาน
หลวงพ่อภาวนาพุทธโธ (ที่เคยถูกกล่าวหาเรื่องอื้อฉาว)
อ.ยันตระ (ที่เคยถูกกล่าวหาเรื่องอื้อฉาว)
ท่านเหล่านี้มีวิสัยการเป็นพุทธภูมิทั้งหมดไหมครับ

อีกคำถามครับ คุณอัญญาศิษย์เคยกล่าวว่า พระศรีฯ ท่านจะมีอัครสาวกซ้าย ขวา แปดองค์ คุณอัญญาศิษย์พอเปิดเผยได้ไหมว่า เป็นใครบ้างอย่างไรที่มาสร้างบารมีในปัจจุบันชาติ

 

ขออนุญาติแจมครับพี่

ทุกท่านเป็นวิสัยพุทธภูมิทั้งหมด
แต่หลวงปู่สด ท่านลาพุทธภูมิเป็นพระอรหันต์เข้าพระนิพพานไปนานแล้วครับ

พระอัครสาวกของพระศรีอาริยเมตไตรยองค์ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้
มี 2 องค์ครับ รวมพระอัครสาวิกาขวา ซ้ายด้วยเป็น 4 องค์
ที่บอกมีพระอัครสาวก ขวา ซ้าย แปดองค์ คงเป็น พระศรีอารย์ในศาสนาอื่นน่ะครับ
ถ้าศาสนาของพระพุทธเจ้า ทุกยุคทุกสมัยจะมีคู่พระอัครสาวกขวา ซ้าย ได้ 2 องค์เท่านั้น

รายชื่อของพระที่พี่อัญญาสิทธิ์บอกว่าจะมาเป็นอัครสาวกของพระศรีอาริย์
โอ้โฮ แต่ละองค์นี่สุดๆ ลองย้อนกลับไปอ่านหน้าเก่าๆ ซิครับ
พี่อัญญาสิทธิ์บอกไว้แล้ว 2-3 องค์
บางองค์อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุหมดแล้ว
บางองค์สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อยมีพระธาตุขึ้นเต็มไปหมด ชานหมากก็กลายเป็นพระธาตุ
พระเครื่องที่ท่านสร้างพระธาตุเสด็จเต็มยึบยับไปหมด
ตอนที่ท่านยังไม่สิ้น ท่านก็บอกอยู่ตลอดว่า ท่านลาพุทธภูมิแล้ว ท่านจะไปพระนิพพาน
ไม่เคยมีพูดแม้แต่ครั้งเดียวว่าจะไปเป็นอัครสาวกของใคร

งงจริงๆ

 

หุๆๆ เข้ามาในกระทู้นี้เพื่อที่จะบอกว่า พระธรรมมิกราชหรือพระมหาจักรพรรดิได้บังเกิดขึ้นเป็นมนุษย์แล้วบนโลกใบนี้ ท่านเป็นไครตอนนี้ ผมให้ทุกท่านทาย

 

บอกมาเลยดีกว่าครับท่าน หุๆๆ

 

ขอโทษครับรู้ได้ไงว่าหลวงปู่สด เข้านิพพานไปแล้ว ??

 

พระมงคลเทพมุนี หลวงปู่สด จันทสโร
หลวงพ่อธัมมชโย วัดพระธรรมกาย
มีมโนปณิธานที่ต้องการปราบมารประหารกิเลศ รื้อสัตว์ขนสัตว์ทั้งหมดนี้ไปจากภพ 3นี้ ไปนิพพาน แล้วท่านก็จะเข้าไปเป็นคนสุดท้ายครับ

 

นิพพาน

มีคนกล่าวหาว่า.. นิพพาน ชาตินี้ เป็นเรื่อง "ประมาท" ....

กระผมขอนำเรื่อง "หลวงพ่อไปพบลูกศิษย์ตายแล้วไปอยู่ที่นิพพาน"
จากหนังสือ "ตายแล้วไม่สูญ" มามาเล่าสู่กันฟัง

---------------------------------------------


"...วันหนึ่งไปที่วิมานบนพระนิพพาน พอไปถึงก็นั่งเล่นนอนเล่นตามสบาย นึกว่าไม่มีใครมาปกติท่านไปทุกวัน วันละหลายๆ เที่ยว ถ้าว่างเมื่อใดก็ไปเพราะจิตเป็นสุข วันนั้นพอไปแล้วก็มีคนเกิน 200 คน มาหา แต่งตัวแพรวพราวระยับเต็มอัตราพระนิพพาน ก็สงสัยว่าพวกนี้มาได้อย่างไร ก็เลยถามว่า

"ในสภาพที่เป็นมนุษย์มีรูปร่างแบบไหน ทำให้ดูซิ"

ท่านก็ทำให้ดูสมัยเป็นมนุษย์นุ่งโสร่งก็ขาด ใส่เสื้อก็แสนเก่ามีผ้าขาวม้าพาดไหล่ ผอมๆ สูงๆ อาตมาจำได้เคยไปที่วัดบ่อยๆ ถามว่า

"โยม มานิพพานได้อย่างไร การมานิพพานได้ต้องเป็นพระอรหันต์"

โยมตอบว่า "อรหันต์ไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า อยู่ที่ใจ"
ถามว่า " โยมฝึกพระกรรมฐานถึงขั้นไหน"

ตอบว่า " ผมฝึกไม่มากครับ ไปฝึก มโนมยิทธิได้ 2 ครั้ง แต่ไปพระนิพพานได้ และอาตมาบอกว่าทุกวันให้ไปพระนิพพาน ตั้งใจว่าถ้าตายเมื่อใดขอไปพระนิพพาน ผมก็กำลังป่วยหนักเห็นพระนิพพานใสชัดเจนมาก วิมานก็สวย คนก็สวย อยู่ใกล้ๆ แค่มือเอื้อม เมื่อจิตออกจากร่างเลยเข้าวิมานไปเลย แล้ววิมานก็พาลอยไป"

เป็นอันว่าการจะไปพระนิพพานได้ ไม่ใช่มีความรู้มาก ต้องจิตสะอาดมาก ควาสำคัญ ขณะที่ป่วยหนักหรือป่วยไม่หนักก็ตาม พอเริ่มป่วยถ้าคนมีจิตเป็นกุศลแล้ว เขาก็จับนิพพานแล้ว...."

-------------------------------------------------

ขอท่านทั้งหลายโปรดเข้าใจเถิดว่า การเข้าพระนิพพาน มิ...ต้องรู้ ต้องเก่ง ต้องมีฤทธิ์เดชอันเกินคนทั่วไป....

และ "นิพพาน ชาตินี้" ไม่ใช่ เรื่องประมาทเกินไป....ดังที่มีคนกล่าวหา

พระเดชพระคุณหลวงพ่อเทศน์ไว้อย่างชัดเจน...ดังนี้แล้ว

 

เรียนคุณอัญสิษฐ์ ขอที่อยู่ หลวงปู่เณรคำน้อย ที่หนองคาย
และที่ มุกดาหาร ครูบาลุ่น วัดปากดุก เปนศิยฐ์ หลวงปู่โลกอุดรหรือเปล่าคับ
อยากทราบมาก

 

ผมได้อ่านกระทู้ข้อความ Aunyasit แล้วรู้สึกสงสารคุณจริงๆนะครับ เพราะว่าในกัปนี้จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสอีก 6 องค์ คุณจะได้มาเกิดทันซักองค์หรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่โทษหนักมากๆ ที่คุณอ้างเรื่องการปฏิบัติของตัวคุณ ว่าถึงขั้นไหน หรือสามารถติดต่อกับครูบาอาจารย์ที่เป็นกายทิพย์ได้ ผมว่าคุณอย่าเอามาอ้างหรือว่าเอามาเล่นเพื่อความสนุกหรือสะใจในตัวคุณเลย เพราะพระที่คุณเอามาอ้างเอามาโจมตีท่านไม่มาใส่ใจในตัวคุณหรอก มีแต่คุณเองเท่านั้นแหละที่จะได้รับในสิ่งที่คุณกระทำอยู่ในเวลานี้ นักปฏิบัติที่แท้จริงเค้าไม่มาประกาศตัวถึงความรอบรู้ชั้นเลิศของตัวเอง ถึงความเก่งกาจกล้าหาญของตัวเองว่าเป็นผู้ปฏิบัติชั้นสูงมีความรอบรู้มีครูบาอาจารย์ที่ดี และมาโจมตีสำนักอื่น ขอบอกว่านักปฏิบัติหรือคนดีเค้าไม่ทำกันหรอกนะครับ กลับตัวเสียใหม่ และขอขมาพระรัตนตรัยซะเถอะครับ ยังพอมีเวลากลับเนื้อกลับตัวครับ สวัสดีครับ

 

ขอโทษทีครับภัทรกัปนี้ครับ

 

ขอโทษอีกทีครับคุณAunyasit ครับคุณอย่าพยายามสร้างความสับสนให้กับนักปฏิบัติใหม่ๆเลยครับ หรือนำเรื่องราวที่คุณไม่รู้จริงเกี่ยวกับหลวงพ่อฤาษีมีแสดงความคิดเห็นหรือบอกเล่าเลยครับเพราะว่ามันไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย ประโยชน์ที่จะได้รับจากการปฏิบัติจริงๆ คือพยายามทางตามรอยครูบาอาจารย์ทั้งหลายอย่างมั่นคง เพื่อหลุดพ้นในวัฏฏะนี้อย่างแท้จริงจะมีประโยชน์มากกว่ามาทำเป็นคนปั่นป่วนพระศาสนานะครับ ขอบคุณครับ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 290609" vAlign=top><TD class=alt1 align=middle width=125>ศิษย์น้อย</TD><TD class=alt2>คุญอัญสิทธิ์.. คงเข้าใจผิดกระมัง.. หากบอกว่าหลวงพ่อละสังขารไปก่อน...

จริงๆ .. สมเด็จฯ พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงต่ออายุให้หลวงพ่อ.. ให้อยู่ต่อหลายครา ทั้งๆ ที่หลวงพ่อหมดอายุขัยแล้ว

หลวงพ่อเทศน์เองกับปากนะครับ..

และหลวงพ่อพูดตอนที่ท่านยังทรงสังขารอยู่ บันทึกเทป และหนังสือกันไว้มากมายหลายเล่ม....



------> ผมยังไม่ได้คำตอบเลยนะครับ


ที่เล่ามานี้ก็ด้วยความเมตตาธรรมหรอกนะคุณศิษย์น้อย ต้องการให้เป็นนักปฏิบัติที่เข้มแข็งทั้งภายในและภายนอก เพราะต้องเกิดตายกันอีกมาก การที่คิดว่าจะหลุดพ้นง่ายๆนั้น ประมาทเกินไปครับ

------> ขอบพระคุณครับที่เมตตา.... การหลุดพ้นเป็นเรื่องยาก แต่มันไม่ยากเกินไป.. และเราก็ไม่ต้องรอชาติหน้าหรอก.. ชาตินี้...และชาตินี้เท่านั้น.. อาจจะ "ประมาทเกินไป"......

แต่ถ้าเราคิดว่า ชาตินี้หลุดพ้นไม่ได้ ... กำลังใจมันก็จะด้อย... และมันก็จะหลุดพ้นไม่ได้จริงๆ.....

ทาน ศีล ภาวนา อยู่เนื่องๆ ------> ทรงอารมโสดาบันให้เป็นปกติ ----> ตอนใกล้ตายจิตเกาะพระนิพพาน ตัดร่างกาย ตั้งใจให้แน่วแน่ไปเลยว่า สวรรค์หรือพรหม เราไม่ต้องการ ---->มันยากตรงไหนหว่า....

จุดยาก.. มันก็อยู่ที่จิตของคนนั่นหล่ะ ที่ปรารถนาอยากเกิดเป็นโน่นเป็นนี่... มันตัดการเกิดไม่ขาดสักที.... มันก็เลยได้เกิดอยู่ร่ำไป...</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 290371" vAlign=top><TD class=alt1 align=middle width=125>ศิษย์น้อย</TD><TD class=alt2>อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อมตะ
ผมสงสัยที่คุณอัญญาสิทธ์บอกว่าหลวงปู่เณรคำน้อยตู่ว่าหลวงพ่อฤาษีท่านละสังขารไปก่อนเพราะเปิดเผยความลับสวรรค์มาก คุณมั่วหรือเปล่า พูดเองเออเองระวังนะครับ ท่านเป็นพระโพธิ์สัตว์บารมีมากล้นและบรรลุอรหันต์ชาตินี้ ระวังปรามาสพระรัตนตรัยนะคร้บโทษหนักขั้นอเวจีนะจะบอกให้ ถ้าหลวงปู่เณรคำน้อยท่านเห็นกายทิพย์ขององค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำจริงท่านจะตกตะลึงหงายหลังไปเลยละ ต่อไปพูดอะไรให้ระวังกว่านี้
</TD></TR></TBODY></TABLE>


ที่กระผมเคารพพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี มากๆ นั้น ก็ด้วยที่ข้อธรรมที่ท่านสอน ท่านพูดเสมอๆ ว่า .. ทุกอย่างที่ท่านรู้ ทุกเรื่องที่สมเด็จฯ และพระพุทธเจ้าทรงสอน.. หลวงพ่อฯ จะเทศน์สอนจนหมดสิ้น .....

ใครที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ฯ จะรู้ว่า หลวงพ่อท่านต้องตายกี่ครั้ง...
และแต่ละครั้งมีการต่ออายุกันอย่างไร.....

คุญอัญสิทธิ์.. คงเข้าใจผิดกระมัง.. หากบอกว่าหลวงพ่อละสังขารไปก่อน...

จริงๆ .. สมเด็จฯ พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงต่ออายุให้หลวงพ่อ.. ให้อยู่ต่อหลายครา ทั้งๆ ที่หลวงพ่อหมดอายุขัยแล้ว

หลวงพ่อเทศน์เองกับปากนะครับ..

และหลวงพ่อพูดตอนที่ท่านยังทรงสังขารอยู่ บันทึกเ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 289599" vAlign=top><TD class=alt1 align=middle width=125>อมตะ</TD><TD class=alt2>เรียนคุณอัญญสิทธ์ หลวงพ่อฤาษีท่านเป็นพระโพธิ์สัตว์พอบารมีเต็ม (ขาดอีก 7 ชาติแต่ถ้าอยู่จนอายุ 60 ปี บารมีจะเต็มขั้น )ท่านก็ลาพุทธภูมิมาเป็นสาวกภูมิเพื่อเป็นกำลังของพระศาสนาให้ครบ 5000 ปี และก็บรรลุเป็นพระอรหันต์(แต่มาจากบารมีพุทธภูมิ 16 อสงไขยกำไลแสนกัป ) ผมว่าคุณนั้นแหละรู้จริงป่าว พูดมาได้อย่างไรว่าท่านมาจากสาวกภูมิ และท่านยังเขียนเล่าไว้ว่าวิมานของท่านก็เรียงอยู่ในระดับพระพุทธเจ้าด้วยแต่แสงสว่างไม่เท่าพระพุทธเจ้า ท่านมีวิมานบริวาร 37 สายแต่ละสายยาว 2 แสนโยชน์ของพระนิพพาน คุณไปอ่านมาให้ครบก่อนดีกว่า
ผมไม่รู้หรอกว่าคำว่า เคารพยึดถือ กับ เคารพนับถือ นั้นอะไรเป็นอะไรเพราะศึกษาทางโลกมาน้อย แต่ผมบอกตรงๆแบบไม่อายใครว่าสำหรับองค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้นผมทั้งเคารพยึดถือและเคารพนับถือมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆคุณจะพูดจะทำอะไรที่มั่วๆๆเกี่ยวกับท่านผมต้องขอติง
สุดท้ายขออนุโมทนาบุญที่คุณไปบำเพ็ญมาตามวัดต่างๆด้วย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 289966" vAlign=top><TD class=alt1 align=middle width=125>kasin84000</TD><TD class=alt2>อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อมตะ
เรียนคุณอัญญสิทธ์ หลวงพ่อฤาษีท่านเป็นพระโพธิ์สัตว์พอบารมีเต็ม (ขาดอีก 7 ชาติแต่ถ้าอยู่จนอายุ 60 ปี บารมีจะเต็มขั้น )ท่านก็ลาพุทธภูมิมาเป็นสาวกภูมิเพื่อเป็นกำลังของพระศาสนาให้ครบ 5000 ปี และก็บรรลุเป็นพระอรหันต์(แต่มาจากบารมีพุทธภูมิ 16 อสงไขยกำไลแสนกัป ) ผมว่าคุณนั้นแหละรู้จริงป่าว พูดมาได้อย่างไรว่าท่านมาจากสาวกภูมิ และท่านยังเขียนเล่าไว้ว่าวิมานของท่านก็เรียงอยู่ในระดับพระพุทธเจ้าด้วยแต่แสงสว่างไม่เท่าพระพุทธเจ้า ท่านมีวิมานบริวาร 37 สายแต่ละสายยาว 2 แสนโยชน์ของพระนิพพาน คุณไปอ่านมาให้ครบก่อนดีกว่า
ผมไม่รู้หรอกว่าคำว่า เคารพยึดถือ กับ เคารพนับถือ นั้นอะไรเป็นอะไรเพราะศึกษาทางโลกมาน้อย แต่ผมบอกตรงๆแบบไม่อายใครว่าสำหรับองค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้นผมทั้งเคารพยึดถือและเคารพนับถือมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆคุณจะพูดจะทำอะไรที่มั่วๆๆเกี่ยวกับท่านผมต้องขอติง
สุดท้ายขออนุโมทนาบุญที่คุณไปบำเพ็ญมาตามวัดต่างๆด้วย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

เรียนคุณอมตะ
เราไปปฏิบัติตามแนวทางที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้สอนไว้อย่างสุดยอดหาที่เปรียบมิได้แล้ว
ที่ทุกคำสั่งทุกคำสอนทั้งหมดล้วนสรุปที่การตัดกิเลสเพื่อความเป็นพระอริยเจ้า มุ่งตรงสู่พระนิพพานดีกว่าครับ
ส่วนพี่อัญญาสิทธิ์ ให้ท่านไปรับศาสตร์ศิลป์ จากศีลธรรมต่างๆ ของท่านเถิดครับ</TD></TR></TBODY></TABLE>เรื่องราวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้นผมก็รู้มาคล้ายกับที่คณะลูกหลานของหลวงพ่อทุกๆคนรู้นั่นแหละคำแนะนำสั่งสอนของท่านสอาดหมดจดงดงามเปิดเผยตรงไปตรงมาเป็นสาธารณะประโยชน์ทุกคำพูดของท่านล้ำค่ากว่าแก้วมณีใดๆ พวกเรามีสมบัติที่พ่อให้อันสูงสุดประเสริฐอยู่แล้ว สำหรับผมแล้วผมก็มีความเคารพรักนับถือ และยึดถือท่านเป็นแบบอย่างทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ บุญญาธิการของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้นสุดที่จะพรรณาได้ผมก็ยังนึกเสียดายไม่หายว่าถ้าพ่อไม่ลาพุทธภูมินี่ในสมัยของท่านนี่มันจะเป็นอย่างไรบ้างนะอยากรู้เหมือนกันว่าการบำเพ็ญของท่านที่ยาวนานตั้งแต่สมัยสมเด็จองค์ปฐมนี่จะเป็นไง คิดแล้วชักจะกลุ้มใจที่พวกเราทั้งหลายนั้นติดตามท่านมาอย่างเลวๆก็เกินกว่า16อสงไขย กำไลย แสนกัปเรื่องของการทำบุญให้ทานเจริญสมาธิกรรมฐานกันก็ในระดับไม่ต้องตั้งท่าพวกเราก็ทำกันเป็นปกติและแต่ละอย่างที่พ่อพาทำนั้นแต่ละอย่างอานิสงค์ไม่เป็นสองรองใครเลย ฉะนั้น คุณศิษย์น้อย คุณอมตะ คุณกสิณ และพี่ๆน้องๆคณะลูกหลานหลวงพ่อและทุกๆท่านที่มีความเคารพเลื่อมใสในองค์ท่านทุกคนก็จงเงยหน้ารับบุญกันไปตามประสาคนที่ทำบุญกันมาดีแล้วทุกรูปแบบเวลาตายก็ขอให้ตายกันตามประสาคนมีบุญเราก็ไปตามทางของเรากันเถอะครับ ส่วนความรู้พิเศษด้านมโนมยิทธิคณะวัดท่านซุงทำกันได้เกือบจะร้อยเปอร์เซ็น ยกเว้นผม เรารู้กันครับว่าของจริงมันเป็นอย่างไร
กลับเข้าบ้านไปกินกาแฟกันดีกว่าผมเป็นเจ้าภาพเอง 2 สิงหาคม 2549

 

คุณ sahadham

หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ กับหลวงพ่อปาน นั้นท่านเป็นพุทธภูมิครับ

ส่วนท่านที่เหลือไม่ขอออกความเห็นครับ เพราะไม่เคยเห็นท่านปรากฏอยู่ในโลกภายใน

อัครสาวกของพระศรีฯ นั้นนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วอีกรูปนึงคือ หลวงปู่ยี วัดดงตาก้อนทอง ครับ ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ท่านอยู่ในโลกลี้ลับครับ

คุณ ronny

เรื่องที่อยู่ของหลวงปู่เณรคำน้อยที่หนองคายนั้น ท่านไม่ต้องการพบเจอผู้คนโดยไม่จำเป็นครับ ท่านบอกว่าท่านปู่ท่านย่าให้สิทธิ์ท่านว่าไปอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ แม้แต่จะเป็นที่ที่ไม่มีคนก็จะมีข้าวกิน และครูบาอาจารย์ของท่านล้วนแล้วแต่ลงมากายเนื้อจากนภากาศทั้งสิ้น ท่านเลยไม่ได้สนใจใคร ท่านบอกว่าหากบุพกรรมไม่เกี่ยวข้องกันมา คุยกันก็เสียเวลาเปล่า ท่านเคยออกปากกับลูกศิษย์หลวงพ่อฤษีลิงดำส่วนหนึ่งที่เคยใกล้ชิดหลวงพ่อฤษีลิงดำสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่า "โยมมาทางไหน โยมก็กลับไปทางนั้นนะ ไม้ซุงต้องอยู่กับไม้ซุง อาตมาเป็นด้ายเส้นเล็กๆ แต่อาจจะสามารถพันไม้ซุงได้นะ" ท่านบอกว่าเพราะเขาพกพาทิฐิมาเยอะเกินไป เสียเวลาเปล่า
ที่อยู่ของหลวงปู่เณรคำน้อยที่มุกดาหาร ผมจำไม่ได้ครับ แล้วจะหาให้ทีหลัง ส่วนครูบาลุ่ม วัดปากดุกนั้น ไม่แน่ใจว่าอยู่ในระบบของโลกอุดรที่ผมเกี่ยวข้องอยู่หรือไม่

คุณ ศิษย์หลวงพ่อ

กัปป์นี้เรียกว่า ภัทรกัปป์ มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์เท่านั้นนะ

คุณ kasin84000
หลวงพ่อฤษีลิงดำท่านลาพุทธภูมิแล้ว ท่านจะไปพระนิพพาน
ดังนั้นการที่ท่านจะไปเป็นอัครสาวกของใครก็ไม่แปลก ลองพิจารณาดูว่าท่านเล่าเรื่องของพระศรีฯไว้เยอะ

หลวงปู่เณรคำน้อยท่านเล่าว่าหลวงพ่อฤษีลิงดำท่านก็เป็นพระสำคัญรูปนึงนะ หลวงปู่เณรคำน้อยท่านเคยไปดูที่วัดท่าซุงหลายครั้ง หลวงพ่อฤษีลิงดำท่านสร้างรอยพระพุทธบาทไว้แห่งหนึ่งตรงกลางเป็นกงจักร แต่ทำไม่สำเร็จเพราะบารมีไม่ถึงพุทธภูมิ ท่านก็ปิดไว้ หลวงปู่เณรคำน้อยบอกว่าสิ่งที่หลวงพ่อฤษีลิงดำทำไว้เมื่อถึงเวลาจะใช้งานได้แต่ตอนนี้ยังก่อนในกาลอนาคตจักรจะหมุนได้ หลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่หลวงพ่อฤษีลิงดำรู้ ท่านไม่สามารถบอกเป็นสาธารณะได้ แม้แต่ลูกศิษย์ท่านก็ไม่รู้ อย่างเรื่องของด้ายแดง รูปของท่านปู่ท่านย่า ก็มีคนรู้น้อยมาก ท่านบอกว่าท่านปู่ท่านย่าเคยถามท่านว่า น้อยๆจะให้ปู่กับย่าลงไปอยู่ด้วยไม๊ ท่านบอกว่า ไม่เอาๆ ผมไม่ต้องการ ท่านบอกว่ามาคิดดูตอนนี้ก็ดีเหมือนกันที่ไม่ให้ท่านลงมาเพราะไม่งั้นยุคนี้จะมีคนตายกันมาก ท่านบอกว่าเจ้าของด้วยแดงเขาก็ลงมาเกิดแล้วนะ คนที่ฝ่าเท้ามีกงจักรสีแดงไง อีกหน่อยพวกเราก็จะได้เจอ สนุกกว่านี้อีก

ท่านบอกว่าพระครูเทพโลกอุดร ให้ท่านเรียนรู้อะไรก็ไม่รู้ มากมายเหลือเกิน ให้เรียนตั้งตั้งแต่โลกเท่ากำปั้น ต้นไม้เท่านิ้วมือ จนถึงทุกภพภูมิเบื้องบนเบื้องล่าง ศึกษามาทุกรูปแบบทุกแขนงแหละ ศึกษามาสิบกว่าปีจนถึง 2 ปีหลังนี่ท่านบอกว่า น้อยๆต่อไปพ่อจะอยู่ข้างหลังแล้วนะลูกสามารถเดินตามลำพังได้แล้ว แต่ที่จริงท่านก็ยังอยู่แต่อยู่ข้างหลังต้องการท่านเมื่อไหร่ท่านก็มา ที่จริงถ้าท่านไม่มาทางนภากาศ ไม่มากายเนื้ออาตมาก็ไม่เรียนหรอก คิดๆดูเป็นพระอินทร์ก็สนุกดีนะ แปลงเป็นอะไรก็ได้ จะไปทำบุญกับใครก็ได้ ท่านมาให้ดูหมดน่ะทั้ง 32 ร่าง บนผืนปฐพีนี่ถ้าท่านไม่อนุญาตพวกนาคนี่ขึ้นมาไม่ได้เลย เรื่องไปเที่ยวนรกสวรรค์นี่จิตกำหนดมันก็ไปได้แล้ว ถ้าจะให้สนุกต้องไปกับพวกยมทูตเขา ใครจะเกิดจะตายที่ไหนเขาจะแจ้งให้ทราบ บางทีก็ใช้ช่วยคนได้นะ

ท่านเล่าว่าอาตมานี่มีอะไรแปลกๆนะ ไปงานปริวาสกรรมที่ จ. นครพนม มีพระเกจิอาจารย์ผู้เฒ่าอายุเจ็ดสิบกว่าแล้วเข้ามาหาบอกว่า อาจารย์ๆไปอยู่ที่ไหนมา ผมตามหามาเจ็ดชาติแล้วเพิ่งมาเจอที่นี่ ขอให้ผมกราบหน่อยเถอะ หลวงปู่เณรคำน้อยท่านว่า หลวงพ่ออย่าๆ ผมอายุยังน้อย พระผู้เฒ่าท่านก็ไม่ฟังท่านก็ก้มลงกราบท่าเดียว ขณะอยู่ปริวาสกรรม ก็มีพระผู้เฒ่าอีกรูปนึงท่านมาบอกว่า น้อยๆอาตมาอยากฟังเทศน์โพชงค์เจ็ด เทศน์ให้อาตมาฟังที หลวงปู่เณรคำน้อยท่านก็ว่าอาตมาอายุยังน้อย ไม่อยากแสดงอะไรมาก แต่สุดท้ายก็ต้องทำ

ดังนั้นการที่ผมกล่าวถึงหลวงพ่อฤษีลิงดำ ในแง่มุมต่างๆนั้น เจตนาแห่งจิตนั้นไม่ได้ลบหลู่หรือโจมตีท่านแต่อย่างใด จิตตนเองเป็นอย่างไรตนเองย่อมรู้ดี ถ้าครูบาอาจารย์ท่านไม่เอ่ยชื่อหลวงพ่อฤษีลิงดำไว้และจิตไม่สัมผัส ผมก็คงจะไม่มายุ่งเกี่ยวด้วยเลย แต่เมื่อครูบาอาจารย์เอ่ยชื่อไว้และจิตสัมผัสให้รู้ ก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องไปทำศาสน์ศิลป์ให้ท่าน ท่านมีดีหรือเก่งอย่างไร บางทีผมอาจจะเข้าใจ เรื่องบางเรื่องของท่านได้ไม่น้อยไปกว่าลูกศิษย์หลายๆคนของท่านก็อาจจะเป็นได้ ตำราของท่านใครๆก็หาอ่านได้ แต่เบื้องหลังของบางเรื่องในตำราของท่านนั้นก็ไม่แน่ว่าจะเข้าใจกันได้ง่ายๆ
แล้วหลวงปู่เณรคำน้อยท่านก็แนะนำว่าที่นั่นทำศาสน์ศิลป์ให้หลวงพ่อฤษีลิงดำรูปเดียวก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจ ส่วนยุคหลังๆนั้นก็ช่างเขาเถอะ อาตมาพิจารณาแล้วว่าจะเหลือไปยุคนั้นได้ไม่กี่คนหรอก

จากเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้รู้ว่า "ผู้ที่มีคุณสมบัติความเป็นสาวกนั้นมีลักษณะอย่างไร"

 

ถอดจิตนั่งดูร่างตนเองได้หรือเปล่า เห็นคนอื่นเคลื่อนไหว แต่ไม่เห็นตัวเราได้ไหม (ภพมนุษย์)การไปภพภูมือื่นกลัวจะเป็นภพที่เกิดในใจมากกว่า ใจหลอกใจ คุณอัญช่วยบอกผมที เพราะผมเริ่มสับสนเมื่อได้อ่านธรรมของท่าน เพราะถ้าเห็นแบบท่นนี้มันง่ายและไปเรื่อย ๆ มันจะจริงหรือครับคิดอย่างไรก็ไปอย่างนั้น อย่างนี้ภพใครภพมันหรือเปล่าครับ

 

ประเภทคุณ อัญนี่หลงอย่างหนัก ไม่รู้เท่าทันใจตนเอง ใครพูดหรือเจอเรื่องที่ขัดมักจะมีอุบายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหรือไม่ก็แก้ตัวในใจตนเอง(เช่น เฮ้อ คนไม่รู้เรื่อง ทั้ง ๆที่ตัวคุณแหละไม่รู้) ให้ตนมีความเชื่อว่ากำลังทำศาส ศิลหรืออะไรอยู่เสมอ ลองไปหาครูบาอาจารย์ที่ขัดกับท่านเคยมีบ้างไหมครับ ท่านเล่าว่าอย่างไรบ้างลองเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังหน่อยสิไม่เห็นเคยเล่า เช่นหลวงปู่ หรือ หลวงตา สายปฏิบัติต่าง ๆ ดูสิท่านจะว่าอย่างไร ผมล่ะจะได้เข้าใจ หรือกรรมมันไม่หมด ก็หลงอย่างนี้ต่อไปนะ อิๆ (จะเข้าหาพระจริง ๆในยุคนี้มันเลยหลอกเราตลอดเลยใจนะใจ)

 

wawa

คนเรามีคุณสมบัติต่างกันก็เพราะสั่งสมบารมีมาต่างกัน สำหรับคนที่อยากรู้จริงๆแล้วจะเล่าให้ฟัง แต่สำหรับ wawa ดูท่าว่าจะไม่อยากรู้จริงๆ และความอยากที่มันมีมากเกินไป มันจะทำให้ไม่รู้นะ และผู้ที่มีความอยากรู้จากเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์นี่ก็ไม่สมควรที่จะรับรู้ผลการปฏิบัติของคนอื่นมากนัก เพราะเมื่อตนเองปฏิบัติไม่ได้เหมือนเขาแล้วจะสงสัยอยู่ร่ำไป แล้วจะมีคำถามไม่จบไม่สิ้น

ดังนั้นจึงควรปฏิบัติของตนเองให้เกิดผลแล้วนำผลมาเปรียบเทียบกัน น่าจะดีกว่า หากไม่มีผลการปฏิบัติมาเปรียบเทียบ รู้ไปก็เท่านั้นแหละ

 

อาการหนักมาก อิอิ

 

อืมมมม ผมยอมรับว่าปัญญาผมน้อย ครับ ยอมรับว่าผมพิสูจน์คำพูดของคุณ
Aunyasit ไม่ได้เลย ว่าเป็นจริงหรือเปล่า ยกเว้นผมจะปฏิบัติจนได้ฌาน 4
อาจจะได้รู้ได้เห็นแบบคุณ Aunyasit ได้บ้าง ตอนนี้ผมได้เพียงแค่ ฟังเท่านั้น แต่ตอนนี้เท่าที่ปัญญาผมพอจะทำได้ ก้อคงแค่ขอปฏิบัติแค่นี้ก้อพอ ตาม มงคลของพระพุทธเจ้า

มงคลมี 38 ประการ

มงคลข้อที่ ๕. เคยทำบุญมาก่อน


กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก
ขึ้นชื่อว่าบุญนั้น มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้คือ
๑. ทำให้กาย วาจา และใจ สะอาดได้
๒. นำมาซึ่งความสุข
๓. ติดตามไปได้ หมายถึงบุญจะติดตัวเราไปได้ตลอดจนถึงชาติหน้า
๔. เป็นของเฉพาะตน หมายถึงขอยืม หรือแบ่งกันไม่ได้ ทำเองได้เอง
๕. เป็นที่มาของโภคทรัพย์ทั้งหลาย คือว่าผลของบุญจะบันดาลให้เกิดขึ้นได้เองโดยไม่ได้หวังผล
๖. ให้มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ และนิพพานสมบัติแก่เราได้ หมายถึงความสมบูรณ์ตั้งแต่ทางโลก จนถึงนิพพานได้เลย
๗. เป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งนิพพาน ก็คือเป็นปัจจัยในการส่งเสริมให้บรรลุถึงนิพพานได้เร็วขึ้นเมื่อปฏิบัติ
๘. เป็นเกราะป้องกันภัยในวัฏสังสาร หมายถึงในวงจรการเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือที่เรียกว่าเวียนว่ายตายเกิดนั้น
บุญจะคุ้มครองให้ผู้นั้นเกิดในที่ดี อยู่อย่างมีความสุข หรือตายอย่างไม่ทรมาน ขึ้นอยู่กับกำลังบุญที่สร้างสมมา
การทำบุญนั้นมีหลายวิธี แต่พอสรุปได้สั้นๆดังนี้คือ
๑.การทำทาน
๒.การรักษาศีล
๓.การเจริญภาวนา

ผมก้อจะพยายามปฏิบัติให้ได้มงคลทั้ง 38 ประการ
แต่มงคลข้อ 5 นี้ผมขอเน้น จะพยายามทำให้เยอะๆ โดยตั้งใจว่าจะขอบรรลุ
ไม่ชาตินี้ ก้อชาติหน้า หรือชาติต่อๆไป(สาวกภูมินะกั๊บ) ถ้าทำบุญเยอะๆ
ก้อเหมือนกับเกราะป้องกันเรา(คิดในแง่ดีนะ) จนกว่าเราจะบรรลุ
โดยอยากอธิษฐานว่า " ถ้ายังเวียนว่าย ตายเกิดอยู่ ขออย่าให้หน่ายในกุศลธรรม จนกว่าจะถึงฝั่งธรรม" ผมก้อมีข้อเสนอแนะแค่นี้ ปัญญาน้อยอย่างผม
ก้อคงทำได้แค่นี้ และก้อจะพยายามทำในโลกที่ดิ้นรน โหดร้าย และยากลำบาก
ใบนี้ ส่วนพวกพุทธภูมิ ผมคงทำอะไรให้ไม่ได้นอกจากส่งกำลังใจให้ครับ

 

คุณ lucktist

ยุคสมัยนี้มีบุคคลในตำนาน บุคคลในวรรณคดีบางเรื่อง บุคคลผู้ที่ขยันเกิดขยันตาย บุคคลผู้สั่งสมบารมีมามากๆและโดยเฉพาะบุคคลที่มีเนื้อนาบุญใหญ่ๆวนเวียนกันลงมาทำบารมีกันเยอะครับ หากมีโอกาสก็ให้แสวงหาเนื้อนาบุญดีๆเป็นแหล่งสะสมบุญกุศลของตัวเองนะครับ หากเข้าถึงท่านเหล่านั้นได้ทั้งภายนอกและภายในก็จะเป็นประโยชน์มาก การที่จะเข้าถึงภายในของท่านเหล่านั้นได้ก็อาศัยการประพฤติปฏิบัติจิตให้เข้าถึงสัมผัสที่หกครับ ขอให้มีกำลังใจในการประพฤติปฏิบัติธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ