ถามคนที่ไม่มีศาสนา

เห็นแห่กันไปใหว้พระพรมกันลกๆ

 

มเองก็นับถือคริส แต่ก็ความสุขดีเนอะ

 

CONGRATULATION

CONGRATULATION

Thy way art dark no more.
Follow thy heart to glory.
Thou art righteousness.

Keep go on thy jouney



Thy friend.

Bye, With Love

 

ผมเห็นว่า คนมีหลายประเภทนะครับ บางคนที่มีศาสนาแต่ทำตัวต่ำก็มีถมไป

คนที่ไม่มีศาสนาที่ทำตัวดีก็มีถมไป

ส่วนตัวผม มีเพื่อนที่ไม่มีศาสนาครับ เค้าไม่เชื่ออะไรเลย ซึ้งผิดกับผม ที่นับถือพระพุทธเจ้าและเทพทางฮินดูด้วย เพราะผมต้องการมีที่พึงทางจิตใจ

แต่ผมคิดว่าคนที่ไม่มีศาสนาจะมีความหยาบกระด่างอยู่ในตัว คือเรื่องความคับแคบทางจิตใจ คือ เพื่อนผมค่อนข้างเห็นแก่ตัวครับ เพราะเค้าไม่ได้นับถือศาสนา ไม่เชื่อเรื่องบุญกรรม ผมเลยไม่เคยเห็นเค้าทำบุญเท่าไหร่ ไม่ไหว้พระ เค้ายึดตัวเป็นเป็นหลักไม่เปิดกว้างทางความคิด ไม่รับฟังคนอืน เพราะเค้าคิดว่าจักรวาลหมุนรอบตัวเค้าครับ เหมือนฮิตเลอร์มาก

แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนไม่มีศาสนาจะเป็นแบบนี้ทุกคนนะครับ

 

ขอแสดงความเห็นบ้างนะครับ

นิยามของคำว่า ศาสนา นั้น ประกอบไปด้วย ความเชื่อและความศัทธา พิธีกรรม พระคัมภีร์ (หลักธรรมคำสอน) และวันสำคัญทางศาสนา ที่ได้หล่อหลอมจิตใจมนุษย์ให้มีคุณธรรมและใฝ่สูงมากยิ่งขึ้น

ทุกศาสนามุ่งเน้นให้คนเป็นคนดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ คิดดี ทำดี พูดดี แต่จะดีระดับไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของตน บางคนอาจดีระดับตัวเอง และครอบครัว แต่อาจเลวระดับสังคม หรือระดับชาติ ก็เป็นได้

สาเหตุหนึ่งของการไม่นับถือศาสนาใดๆ ก็เพราะอดีตที่ผ่านมา เรามักจะไปยึดคตินิยม เช่น คติพุทธนิยม คริสนิยม ฮินดูนิยม เต๋านิยม จนกลายเป็นเครื่องมือของการแบ่งแยก

อดีตที่ผ่านมา สงครามศาสนาก็ดี การแบ่งชนชั้นก็ดี การรังสรรค์หรือปรุงแต่งศาสนาของตนให้สูงส่ง ดีกว่า เหนือกว่า เพื่อหวังเรียกศรัทธาให้มานับถือศาสนาตน

สุดท้ายก็ใช้เป็นเครื่องมือกล่อมเกลาจิตใจของชนชั้นนักปกครองระดับสูง ที่ต้องการไม่ให้เหิมเกริมหรือคนต่อต้านตน จนเกิดการแย่งชิงและก่อเกิดสงครามขึ้นมานับไม่ถ้วน

ปัจจุบัน ไม่ต้องไปดูให้ไกลตัว ทุกวันนี้เรามีแต่การสร้างวัตถุนิยมมากกว่าที่จะเจริญจิตใจ เรามักจะบอกว่า เรานับถือศาสนาโน้น ศาสนานี้ ก็แค่ปรากฎในทะเบียนราษฎร์เท่านั้น แต่จิตใจนับวันยิ่งหากไกลจากศาสนาเข้าไปทุกที สิ่งเหล่านี้ บ้างก็ใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว แต่เมื่อยิ่งยึดก็ยิ่งปรากฎชัดของปัญหามากขึ้นๆ เข้าไปทุกที

จึงไม่แปลกที่มีใครจะบอกว่า ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้ไม่มีปัญญาในการพิจารณา แต่กลับตรงกันข้าม เขามีมุมมองและทัศนะคติที่ดีกว่าเราเสียด้วยซ้ำ ดังเช่น การปรากฏของนักแสดงชื่อดังหรือผู้มีชื่อเสียงระดับโลก หลายๆ คนที่ประกาศออกมากชัดเจนว่า เขาไม่มีศาสนา หรือไม่นับถือศาสนาใดๆ เลย

แต่หากมุมมองของ มหาตะมะ คานธี ได้ทำให้ฉุกคิดได้เช่นกัน ดังวลีที่ลึกซึ้ง...

หลายศาสนาก็เหมือนกับถนนหลายสาย
ที่มุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน
ตราบใดที่เราไปสู่จุดหมายเดียวกันได้
เรื่องถนนไม่ใช่เรื่องสำคัญมิใช่หรือ?
ที่จริงโลกใบนี้ มีหลายศาสนาเท่ากับจำนวนคนด้วยซ้ำไป

ขอความสุข ความเจริญ จงมีแก่ทุกๆ ท่าน
ขอความสันติภาพ และภราดรภาพ จงมีแก่โลกใบนี้

 

ถ้ามีศาสนาไว้เพื่อแบ่งแยกจะมีไว้ทำใม...
สงครามศาสนา...
ทุกวันนี้คิดว่าไม่มีอยู่หรือ หลายกระทู้ออกแนวดูแคลน
ผิดชอบชั่วดี ไม่ยากเกินวิสัยมนุษย์ที่จะแยกแยะ
พระพุทธเจ้าก่อนหน้าที่จะตรัสรู้นับถือศาสนาอะไรหรือ
พระเยซูก่อนจะกลายเป็นพระศาสดานับถือศาสนาอะไร
ถ้าเพียงพอแล้ว เข้าใจตัวเองดีแล้ว ไม่ยึดติดแล้ว
ศาสนาไม่ศาสนาไม่เห็นความต่าง ไม่เบียดเบียนอยู่ตามวิถี
สุขก็รู้ว่าสุข ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์ เดินทางสายกลาง ตายก็คือจบ...

 

ผมว่าสิ่งนี้อยู่ที่ตัวเราเองมากกกว่าครับว่าจะเลือกปฎิบัติอย่างไร

ไม่ว่าจะสงครามศาสนา หรืออะไรก็ตาม

เกิดจากมนุษย์ทั้งสิ้นครับ

มนุษย์คือผู้ปรุงแต่ง แม้แต่ธรรมชาติ

แต่ศาสนาทุกศานาสอนให้เป็นคนดี

แล้วการจะเป็นคนดีได้นั้น เป็นอย่างไรทำอย่างไร คิดอย่างไร

เราต้องคิดถึงตรงนี้ให้มากครับ

ถึงแม้คนที่ไม่ศาสนาเองก็ตาม

ควรคิดถึงคำที่ว่า ไม่เบียดเบียน ซึ้งกันและกัน และเป็นคนดีของสังคม

การที่มีศาสนา คือการคิดหลักธรรมขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์มีหลักดำรงชีวิต

หรือแม้บางคนที่ไม่มีศาสนาก็ยังมีหลักดำรงค์ชีวิต

เรียกว่าหลักธรรม ดีกว่าครับ ถ้าคงไม่มีหลักธรรม(คือหลักปฎิบัติที่ดี) สังคมก็จะแย่

แล้วเมื่อหลายพันปีก่อน มนุษย์เรายังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มีห้างไม่มีผับ

คนเราก็ไปหาศาสนา ไปเข้าวัด ไปโบสถ์ เพื่อจรรโลงใจให้เป็นคนดี

แต่สมัยนี้ คนเราไปจรรโลงใจกันในผับในบาร์ในบ่อน จิตมันก็ตกต่ำลง เพราะกิเลศ

บางคนบอกว่าตนเองนับถือศาสนา แต่ไม่ได้ปฎิบัติตามที่องค์ศาสดาของศาสนานั้นๆสั่งสอน

ก็เปรียบเหมือนคนไม่มีศาสนา จริงไหมละครับ

ส่วนคนที่ไม่มีศาสนา ยกตัวอย่างว่า คนเราต้องมีพ่อมีแม่ และพ่อแม่ก็ต้องสอนให้เป็นคนดี

ถ้าหากพ่อแม่ไม่ดีแล้วยังไร้ศาสนาก็ทำให้คนๆนั้นไร้จริยธรรมอันดี

ถึงคนเราจะไม่มีศาสนา แต่คนเราก็มีคำสอน

ที่นี้ก็อยู่ที่ตัวบุลคลครับ ว่าจะเลือกปฎิบัติตนอย่างไร

เพราะคำว่าศาสนาเราไม่สามารถรู้ได้เรยว่า คนนี้มีหรือไม่มี ถึงแม้จะบอกในสำเนาทะเบียนบ้านบัตรประชาชนก็ไม่สามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงได้

จริงไหมครับ

งุงิ

 

Thou art handle a right map.

Have a good journey.




Love & Wisdom with thee always.

Thy friend
Bye

 

ยึดติด​

 

ผมนับถือ พุทธศาสนา ครับ

แต่ผมก็เลือกแต่สิ่งที่สมเหตุสมผล มาปฏิบัติ

เพราะ มีหลายอย่างที่ถูกบิดเบือน

แต่สิ่งนึงที่ผมเชื่อก็คือ กรรม
เมื่อจิตคิดดีทำดี ก็จะเจอแต่สิ่งดี
เมื่อจิตคิดร้ายทำร้าย ก็จะเจอสิ่งร้าย
ทุกสิ่ง ตัวเรากำหนดเอง ไม่สามารถพึ่งสิ่งใดๆได้

แต่ หากหลุดจากบ่วงกรรมได้ ก็คือ นิพพาน

 

เคยได้ยินมาว่า

ไม่มีคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาหรืออื่นๆ

เพราะอย่างน้อยยังนับถือตัวเองอยู่

 

ยุคไหนหรอครับ กรุณาแจงรายละเอียดด้วย

แล้วที่บอกว่าทุกศาสนามาจากศาสดาองค์เดียวกัน ศาสดาคนนั้นคือใครครับ พุดให้จบครับไม่ใช่ยกมาลอยๆ

 

คนที่ไม่เห็นด้วยกับข้อควมนี้ โปรดมาแสดงความเห็นด้วยครับ

ผมว่ายังไม่เห็นเค้าพิมพ์อะไรผิดตรงไหนเลย

 

ขอตอบในฐานะที่เป็นคนไม่มีศาสนาคนนึงนะครับ

ผมบอกเพื่อนๆทุกคนว่าผมเป็นคนไม่มีศาสนา เพราะผมคิดว่าตัวผมเองไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะทำตามบทบัญญัติของแต่ละศาสนาได้ และผมจะรู้สึกโกรธมากถ้ามีใครมาทำให้ศาสนามัวหมอง ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม

ถามว่าแล้วผมดำเนินชีวิตยังไง ผมก็ใช้ชีวิตปรกติครับเหมือนคนอื่นๆครับ แค่ไม่มีเรื่องความเชื่อหรือพิธีกรรมทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องก็เท่านั้นเอง ทำให้ค่อนข้างมีอิสระมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย

ส่วนเรื่องความดีความชั่ว ผมก็คงเน้นเอากฏหมายเข้าว่าละครับ >_< แต่เรื่องความรู้สึกทางจิตใจนี้จะเน้นไม่ทำร้ายจิตใจคนอื่น เพราะผมเป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

เรื่องบุญ-บาป แน่นอนครับว่าไม่เหมือนชาวบ้านเค้า เหตุนี้คนแบบพวกผมเลยไม่ค่อยได้ทำบุญ (ตามที่คนทั่วไปคิดว่าใช่) เท่าไหร่นัก (ผมคิดว่าเอาเงินไปเลี้ยงข้าวกลางวันเด็กยากจนดีกว่าเอาไปให้พระชื่อดังอีกครับ เพราะเด็กนะยังขาด แต่พระนี้ใครๆก็เอาไปให้ ไม่รู้จะเอาไปให้เพิ่มทำไม) เราทำสิ่งที่ทำให้เราและคนอื่นสบายใจครับ แค่นั้นก็พอครับ ไม่ได้หวังว่าตายไปจะได้เป็นเทวดา

เหตุหนึ่งที่ผมคิดว่าผมเลือกเดินมาถูกทาง (สำหรับผม) แล้ว เพราะผมได้ยินชาวพุทธเที่ยวไปวิพากวิจารณ์มุสลิมแบบเสียๆหายๆ ประมาณว่า เชื่อเข้าไปได้ยังไง ทำไมห้ามนู้นห้ามนี่เยอะจัง ฯลฯ ต้องศาสนาพุทธสิ ดีหยั่งนู้นดีหยั่งนี้ ทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างคนพุทธกับมุสลิม (นี่ขนาดในชั้นเรียนของผมนะครับ) ผมเลยเห็นว่าบางทีความเชื่อทางศาสนานี้แหละที่ทำให้เกิดสงคราม

ตายแล้วไปไหน ผมก็ขออยู่กับธรรมชาติละกันครับ ไม่อยากเกิดแล้ว เบื่อ!!!

 

อ่านข้อความดีๆ ที่คุณบรรยายจากใจจริง ทำให้ผมย้อนนึกถึงตนเอง ที่มัวแต่ทำบุญสร้างกุศลโดยปราศจากการไตร่ตรอง เพราะมัวหลงและยึดติดกับคำว่า บุญ จากเดิมที่เคยแต่สร้างๆๆๆๆๆ แต่วัตถุ ที่ไหนว่าดี ที่ไหนว่าดัง ไปหมด ทำให้ได้เห็น ได้รู้และเข้าใจถึงสภาวะนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะพวกที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือหากินและก็มีเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

ประเด็นของความขัดแย้งทางศาสนา ก็คงไม่พ้นพวกที่ยึดติดและคิดว่าของตนดีแล้ว ประเสริฐแล้ว เลิศแล้ว เหนือกว่าแล้ว พวกนี้เป็นพวกที่สิ้นคิด

แต่ตอนนี้ผมขอมาเป็นจิตอาสาเพื่อสาธารณะกุศล และขอเป็นผู้ให้ ตามกำลังบารมีและสติปัญญา มากกว่าที่จะเป็นผู้รับ

เรารอพวกคุณอยู่ ด้วยจิตอาสา

จาก...ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์ กับโครงการจิตอาสา เร็วๆ นี้

 

แหม ผมอ่านคำโพส ของท่าน aonwit เล่นเอาผมเคลิ้มเลยนะ

คุณ aonwit บอกเลย โกรธมาก ถ้าใครมาทำไห้ศาสนามัวหมอง จะเป็นศาสนาใดก็ตาม พูดลักษณะว่า ถ้ามาโจมตี ไห้ร้ายกัน แบบว่า เจอคนดี สีสังคม เข้าไห้แล้ว ช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้ แต่ พออ่านไป อ้าว! พี่แก

บอกคนพุทธชอบโจมตี วิพากวิจารษ์ต่างๆนาๆ ว่าอิสลามแบบเสียๆหายๆ แหมกำงเคลิ้มเลย

เล่นเอาตาแจ้งเลยนะตู ไม่มีใครที่ไหนโจมตี เรื่องศาสนากันหรอกครับ (แถวบ้านผมเรียกว่าจวก กันเลย) พี่aonwit แกเอาเองเลย!!แกเล่นเอง จับได้คาหนัง คาเขาจะจะ ที่นี่เลยนะเนียะ ว่าแต่คนอื่น ลืมมองตัวเอง ฮ่วย!!อีลีแท้น้อ
แหม น่ากลัวนะ คนแบบนี้ อะนะ ภาคใต้มีเยอะแบบนี้

ไม่โจมตีอย่างเดียว ฆ่าตัดคอไทยพุทธเลย ขนาดพระเดินบิณทบาต

มันยังฆ่า ได้อย่างโหดเหี้ยมเลย

แหม เกือบจะเคลิ้มอยู่แล้วเชียะ ตอนนี้ นึกถึงรายการตาสว่างและ คิคิ

 

สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจเรานี้แหละครับ ไม่ต้องไปกังวล

ว่าใครมี หรือไม่มีศาสนา ดูที่ตัวเรานี้แหละครับ

ศาสนาพุทธ เราปฏิบัติดี ปฎิบัติชอบ จิตใจเราสบาย

ก็พอแล้ว อย่าไปมองนอกตัวเรา ให้มากเลยครับ

คนที่เขาไม่มีศาสนา เขามีความสุขแบบของเขา

เขาชอบแบบนั้น เขาเป็นคนดี เขาชอบแล้ว ก็ดีแล้ว

คนที่นับถือศาสนาอื่น เขาศรัทธาในศาสนาเขา

เขาปฏิบัติดี เป็นคนดีตามที่เขาชอบ ก็ดีแล้ว

ต่างคนต่างก็คิดว่า มีดีในมุมมองของตนเอง

ดูตัวเราตอนนี้ เราดีพร้อมแล้วหรือยัง

ผู้โพสก็ยังไม่ดีสมบูรณ์พอ ยังต้องพัฒนาตัวเองอยู่อีก

ด้วยการเฝ้าดูตัวเราเอง(ภาวนาดู กาย,ใจ)

ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ของตนเอง ......เพื่อ


เพื่อที่วันหนึ่งจะได้เป็นคนดีที่สมบูรณ์......

 

ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องสามจังหวัดภาคใต้ซักหน่อย -*-

สามจังหวัดภาคใต้นั้นผมไม่รู้หรอกครับว่าเป็นเรื่องศาสนารึเปล่า แต่สงครามศาสนาที่เคยเกิดขึ้นแน่ๆครั้งหนึ่ง นั่นก็คือ สงครามครูเสด

ผมโกรธ เพราะผมคิดว่าไม่ว่าศาสนาไหนก็พยายามสอนคนให้เป็นคนดี แต่มันจะมีคนกลุ่มหนึ่งเอาความเชื่อทางศาสนามาเป็นเครื่องมือหากิน ซึ่งความเชื่อเนี่ยผมถือว่าเป็นสิ่งที่คนเราควรให้ความเคารพ ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาดูถูกหรือหลอกหากินกับคนอื่น เพราะมันเป็นสิ่งที่ผสมไปกับจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ถ้าถูกทำลายลงเมื่อไหร่ มันยอมส่งผลต่อความคิดของมนุษย์อย่างแน่นอน

คนเรามีสิทธิเชื่ออะไรก็ได้ครับ ขออย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนพอ

เรื่องการโจมตีทางศาสนา ผมอาจจะใช้คำแรงไปหน่อย แต่ก็อย่างที่บอกละครับ ผมให้ความสำคัญกับเรื่องความเชื่อมาก เอาเริ่มที่เพื่อนผมผู้หญิงเลยละกัน เค้าไปว่ามุสลิมผู้ชายว่า ศาสนาอิสลามสอนให้ผู้ชายเจ้าชู้ มีเมียได้ 4 คน ไม่ละอายใจบ้างเหรอ หรือเรื่องที่ต้องไปละหมาดช่วงบ่ายก่อนเข้าเรียน บางครั้งมาช้านิดนึงอาจารย์ก็จะเช็คเป็นเข้าเรียนสายแล้วก็หักคะแนน ทั้งๆที่เพื่อนบอกแล้วว่าไปละหมาด เรื่องแบบนี้มีให้เห็นอยู่บ่อยๆครับในสังคมมหาวิทยาลัย (และมหาลัยผมมุสลิมเยอะซะด้วยสิ) รวมทั่งผมที่ต้องเรียนวิชาวารีบำบัด แต่ผู้หญิงมุสลิมเค้าลงสระร่วมกับผู้ชายไม่ได้ ก็โดนอาจารย์เรียกไปด่า บอกว่าถ้าลงสระไม่ได้ก็ให้ลาออกไปซะ (เรื่องจริงล้าน% ครับ สาบานกับพระเจ้าศาสนาไหนก็ได้) แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ชาวพุทธฝั่งเดียวหรอกครับ มุสลิมก็น่าจะมีเหมือนกัน เพียงแต่ผมฟังภาษามลายูไม่ออกแค่นั้นแหละ บางทีอาจจะแรงกว่าคนพุทธก็ได้ -*- สิ่งเดียวที่ผมเห็นจากมุสลิมก็คือ เค้าจะพยายามเบียดเบียนคนพุทธเท่าที่จะทำได้เหมือนกันครับ เช่น แซงคิวซื้อข้าว (บางที่ผมก็ไปกินร้านมุสลิม) แต่เรื่องตัดคอนี่ คงไม่มีในมหาลัย (และก็ไม่แน่ว่าจะเป็นมุสลิมที่ตัดคอพระนะครับ)

มันเหมือนน้ำหยดลงหินครับ รอยแยกก่อขึ้นในช่วงวัยรุ่นซึ่งกำลังจะก้าวไปสู่วัยผู้ใหญ่ (เป็นเด็กมหาลัยใช่ว่าจะมีวุฒิภาวะกันทุกคน) วันละนิดๆ ทุกวัน ยังไงมันก็ต้องแตกเอาซักวันนึง

ทั้งหมดนี้เพราะความเชื่อที่แตกต่างกันนั่นเอง

ท่านอยู่ที่ไหนผมไม่รู้หรอกครับ แต่ที่ที่ผมอยู่ เป็นที่ที่วันรุ่นไทยกับมุสลิมแทบจะปนกันครึ่งต่อครึ่งด้วยซ้ำ และวัยรุ่นมันหน้าไหว้หลังหลอกได้ไม่เก่งเท่าผู้ใหญ่หรอกครับ เชื่อผมเถอะ

ขออภัยที่ว่าคนพุทธนะครับ พอดีคลุกคลีกับคนพุทธมากกว่าเลยมีข้อมูลเยอะกว่า (และโดนแฉเยอะกว่า >_<)

นี่ก็เป็นเหตุขัดแย้งทางความเชื่ออีกอย่างนึงครับ ^^

ขอบคุณที่ชี้แนะ

 

เราจะดำรงตนอยู่ในสถานะไหน สภาวะใด
ขอให้จิตมีความสะอาด บริสุทธิ์ เป็นกลาง
อันนี้ก็สมควรต่อการเกิดเป็นมนุษย์แล้วครับ

 

"ตายแล้วไปไหน ผมก็ขออยู่กับธรรมชาติละกันครับ ไม่อยากเกิดแล้ว เบื่อ!!!"

ของคุณ aonwit

ผมก็ไม่อยากเหมือนกันครับ มันมีความทุกข์ใจมากกว่าสุข

แต่อะไรจะยืนยันให้มั่นใจได้บ้างล่ะครับ

ว่าตายแล้วคือจบ จะไม่ต้องมาทุกข์แบบนี้อีก

ถ้าศาสนาพุทธคือของจริง ถ้าทำบาปไว้ชาติหน้าเกิดมาก็ต้องทนทุกข์ต่อไปอีกไม่สิ้นสุด

ถ้าศาสนาคริสต์จริง ตายแล้วก็คือการจบสิ้นทุกสิ่งใช่มั้ยครับ

แล้วศาสนาอิสลามก็บอกว่า ตายแล้วจะมุ่งไปสู่โลกหน้าเลยที่เป็นโลกที่มีความสุข

ผมเกิดมาผมก็นับถือพุทธแล้วแต่อะไรหลายๆอย่างทำให้สับสน

คงต้องรอพิสูจน์ด้วยตัวเอง