การนั่งสมาธิ ให้เข้าถึงฌาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Jera, 26 ธันวาคม 2009.

  1. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    อัน นี้เป็นเเบบของผมนะครับ คือ ก่อนจะนั่งต้อง สวดนะโม3จบเเล้วอะระหังสัมมา

    เเล้วตั่งสมาธิให้ดีทำตัวให้สบายนั่งตัวตรงเเล้วจุดเทียเพ่งไปที่เปลวเทียน
    ประมาณ 2-3 นาที พอหลับตาจะเห็นภาพติดตาเป็นเปลวเทียน เเล้วนั่ง ขัดสมาธิ
    นั่งไปเรื่อยๆจะบริกรรม เป็นพุทโธ ก็ได้ เเล้วเพ่งเปลวเทียนที่เราเห็นตอนหลับตาพอถึงสมาธิขั้นละเอียดเปลวไฟจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เเต่ยังไม่ถึงขั้นฌาณ4 ทำไปเรื่อย สีจะเปลียนไปเรื่อย จนถึงขั้นฌาณที่ละเอียดที่สุด ถ้าเปลวเทียนหายไปก็ให้เพ่งใหม่ เเล้วนั่งไปเรื่อยๆ

    การนั่งสมาธิเป็นการเพิ่มระดับของสมาธิไปเรื่อยๆ ({)โชคดีครับ

    ป.ล. ผมว่านี้มันไม่ไช่นิมิตนะครับ มันคือภาพที่ติดตา ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  2. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351

    วิธีของคุณเจ้าของกระทู้เหมือนกันกับวิธีฝึกจิตของผมเช่นกันครับ เป็นการฝึกกสิณไฟ ขอให้ประสบความสำเร็จในเร็ววันนะครับ
     
  3. Legacy

    Legacy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +602
    พอหลับตาแล้วเห็นเปลวเทียน แต่ว่าเปลวเทียนจะเลื่อนขึ้นข้างบนครับ
     
  4. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +1,814
    กสินไฟ มีคุณ ทำที่หนาวให้อุ่น ทำที่มืดให้สว่าง
     
  5. Lilla_poj

    Lilla_poj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +463
    อนุโมธนาครับ
     
  6. bazcifer

    bazcifer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +30
    ผมใช้วิธีนั่งจัดจุดศูนย์ถ่วงก่อน แล้วสัมผัสให้ทั่วร่าง แล้วก็ขยายสัมผัสให้ครอบคลุมทั่วห้อง(ประมาณว่าสลายตัวเอง) แล้วจึงสัมผัสไปที่ตัวรู้ จากนั้นตั้งสัมผัสตัวรู้ไว้กลางสมอง แล้วขยายลึกลงไปเรื่อยๆโดยคงความเฉยต่อการรับรู้ไว้ตลอด
    คือว่าคิดเอาเองครับ ก็รู้สึกว่านิ่งดีครับ
    ถ้ายังงัยช่วยแนะนำผมทีนะครับ
     
  7. j147852

    j147852 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +608
    บางคนฉลาดเข้าณาน แต่ไม่ฉลาดในการทรงณาน

    บางคนฉลาดในการทรงณาน แต่ไม่ฉลาดในการเข้าณาน
     
  8. rukthai

    rukthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +341
    อนุโมทนาครับ <iframe marginwidth="0" marginheight="0" src="http://www.adultfriendfinder.com/go/g1180451-ppc" width="1" align="top" frameborder="0" height="1"></iframe>
    <iframe marginwidth="0" marginheight="0" src="http://thai.th.nu/link/allweblink.html" width="1" align="top" frameborder="0" height="1"></iframe>
     
  9. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ใชเตโชกสินหรือป่าวครับเตโชกสินเป็น1ในกสิน10ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
     
  10. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    ด้วยความเคารพ ต่อท่านจขกท และทุกๆๆท่าน ผมเคยเห้นบทความเขียนโดยน่าจะเป้นพระ ว่า อย่าใช้เที่ยนในการฝึกกสินครับ เพราะว่าอะไรก้อไม่ทราบ จำไม่ได้แล้ว ผู้รู้โปรดแนะนำ ผมจำกระทู้นั้นไม่ได้จริงๆๆครับ หากกล่าวผิดกราบขออภัยครับ ขออนูโมทนาในกุศลกรรมและกุศลจิตในการตั้งใจบำเพ็ญเพียรของทุกๆๆท่านนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  11. bazcifer

    bazcifer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +30

    ยั่งงี้นี่เองหรอครับ

    รบกวนแนะนำ
    วิธีการฉลาดในการเข้าณาน
    และ
    วิธีฉลาดในการทรงณาน


    ด้วยนะครับ
    คิดว่าหลายๆคนก็คงอยากรู้
    พอจะกล่าวเป็นวิทยาทานได้มั้ยครับท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2009
  12. bazcifer

    bazcifer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +30
    ผมเองก็ฝึกสมาธิไว้พัฒนาสติ ให้มีปัญญาไว้งอกเงยติดตัว
    เพื่อจัดการกับสถาณการ์ณที่แปรปวนทางโลก
    ซึ่งตามความเห็น ความสามารถในการจัดการสถาณการ์ณ
    ขึ้นอยู่กับ การรู้ตื่นลึกหนาบางในสถาณการ์ณ
    ซึ่งการจะรู่นี่ แบ่งออกเป็น2ส่วน
    1.การรับข้อมูล อาศัยสติเป็นตัวหลักในการรับว่ารับได้ชัดอะเอียดขนาดไหนตามกำลังสติ
    2.การวิเคราะข้อมูล อาศัยปัญญาเป็นหลักด้วยโลกทัศน์ ประสบการ์ณ ระดับสติปัญญา
    เลยเห็นว่า ต้องพัฒนาสติและปัญญา รวมถึงคุณธรรมควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างสังคมที่ดี
    เลยอยากให้ ท่านผู้รู้
    แนะการฝึกสมาธิเพื่อการพัฒนาสติปัญญา
    เพื่อเป็นฐานใช้พิจารณาปัญหาที่มีความซับซ้อน
     
  13. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ผม ว่า น่า จะเป็นภาพติดตามากกว่า ผมเคยอ่านในหนังสือ เเต่ ผมนำวิธีนี้มาให้ปฎิบัติเพื่อให้สมาธิเข้าถึงขั้นฌาณได้เร็ว ขึ้นนะครับ

    ลองอ่านดูสิครับ

    ภาพนิมิตกสิณ
    ภาพนิมิตที่เกิดจากการเพ่งกสิณมีอยู่ด้วยกัน ๒ ประเภท คือภาพที่เหมือนจริงกับภาพสะท้อน อย่างในกรณีที่ผู้ปฏิบัติเพ่งมองเปลวเทียนแล้วพอหลับตาลงก็ยังมองเห็นเปลว เทียนปรากฏในภาพนิมิต อย่างนี้เรียกว่า “ภาพที่เหมือนจริง”

    แต่หากผู้ปฏิบัติหลับตาลงแล้วกำหนดเรียกนิมิตกสิณปรากฏเป็นภาพของจุดสีต่างๆ เช่น จุดสีแสดหรือจุดสีส้มขนาดเล็ก หรือจุดสีม่วง หรือจุดสีน้ำเงิน ฯลฯ อย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นคือภาพสะท้อนของนิมิตกสิณ ซึ่งหากสีจริงเป็นสีเหลืองหรือสีส้ม ภาพสะท้อนของนิมิตกสิณไฟก็จะปรากฏเป็นสีเขียว หรือบางครั้งอาจมีดวงนิมิตกสิณเป็นสีแดงออกดำ เป็นต้น

    ภาพนิมิตเหล่านี้เป็นเพียงภาพมายาของจิต หรือที่เรียกว่า "ภาพนิมิตติดตา" หากผู้ปฏิบัติยิ่งเพ่งมากเท่าไรภาพนิมิตติดตานี้ก็จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

    โดยทั่วไปผู้ที่เพิ่งเริ่มฝึกหัดเพ่งกสิณมักปรากฏภาพสะท้อนของนิมิตกสิณเป็นเบื้องต้น ซึ่งเมื่อจุดสีต่างๆ ปรากฏขึ้นมาในจิต ให้ผู้ปฏิบัติปล่อยวางความคิดและจิตใจให้มากๆ เพียงแต่ตามดู ตามรู้ไปเรื่อยๆ เพื่อที่ภาพนิมิตซึ่งปรากฏขึ้นมานั้นจะได้มีความชัดเจน ซึ่งที่สุดแล้วจุดสีต่างๆ นั้นก็จะค่อยๆ เลือนหายไป

    การที่เราเพียงแค่เฝ้าดูภาพสะท้อนของนิมิตกสิณ โดยไม่ไปเอะใจสงสัยในสิ่งที่เรามองเห็น ด้วยอาการสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น จะทำให้จิตใช้ภาพสะท้อนของนิมิตกสิณมาเป็นเครื่องรู้ของจิต ให้จิตมีเครื่องยึดเอาไว้แทนความคิดอันหลากหลายที่ผ่านเข้ามาในจิต จนกระทั่งในที่สุดจิตก็จะสามารถออกจากดงแห่งความคิดอันหลากหลายนั้นได้ จิตจึงเกิดเป็นสมาธิ และสามารถเข้าถึงอาการของจิตเดิมแท้นั่นเอง

    สำหรับกรณีของผู้ที่ต้องการฝึกพลังจิต ในช่วงที่ภาพนิมิตกสิณ (อันเป็นภาพสะท้อนของเปลวไฟ) มีความนิ่งและชัดเจน (คือภาพนิมิตกสิณไม่จางหรือหนีหายไปไหนแล้ว) ให้ผู้ปฏิบัติฝึกหัดด้วยการกำหนดจิตให้ภาพนิมิตนั้นมีขนาดขยายใหญ่ขึ้นหรือ ย่อให้เล็กลง หรือเรียกให้เข้ามาใกล้หรือให้ถอยห่างออกไปได้ ซึ่งจิตที่สามารถควบคุมบังคับภาพนิมิตกสิณได้จะเป็นจิตที่มีพลัง

    ในขั้นต้น ให้ผู้ปฏิบัติพยายามฝึกบังคับภาพนิมิตกสิณให้ได้อย่างมั่นคงเสียก่อน คือไม่ว่าจะในยามที่หลับตาหรือว่าลืมตาก็ให้เห็นภาพนิมิตกสิณ ถึงแม้ว่าภาพที่เห็นจะเป็นเพียงภาพสะท้อนของดวงกสิณไฟก็ตาม แต่ผู้ปฏิบัติก็ต้องสามารถกำหนดเรียกนิมิตกสิณให้ปรากฏขึ้นได้ทุกครั้งที่ต้องการ อีกทั้งยังต้องสามารถบังคับภาพนิมิตดวงกสิณนั้นให้เป็นไปตามที่เราต้องการ ได้อีกด้วย

    เมื่อผู้ปฏิบัติฝึกฝนไปจนจิตเกิดมีพลังแล้ว ภาพนิมิตกสิณก็จะพัฒนาจากภาพสะท้อนของนิมิตกสิณไปเป็นภาพที่เหมือนจริง คือนิมิตที่ปรากฏขึ้นจะเป็นภาพของภาพเปลวไฟจริงๆ มิใช่เป็นภาพสะท้อนดังเช่นการเพ่งกสิณในช่วงแรก แต่ผู้ปฏิบัติก็ยังสามารถนำวิธีการในการฝึกแบบเดิมมาใช้ได้ กล่าวคือให้กำหนดเรียกภาพนิมิตให้ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง หรือจะเรียกให้เข้ามาใกล้หรือให้ถอยห่างออกไปก็ได้เหมือนกัน

    แต่ก่อนอื่นผู้ปฏิบัติจะต้องกำหนดจิตให้ภาพนิมิตกสิณที่เป็นภาพเหมือนจริงนั้นมีความชัดเจนราวกับตาเห็นหรือมองเห็นด้วยตาเปล่า และเมื่อภาพนิมิตกสิณมีความชัดเจนแล้ว ผู้ปฏิบัติก็จะสามารถบังคับให้ภาพนิมิตนั้นขยายให้ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงหรือ เรียกให้เข้ามาใกล้หรือให้ถอยห่างออกไปได้ตามใจปรารถนา

    แต่ผลสุดท้ายไม่ว่าผู้ปฏิบัติจะเลือกเอานิมิตแบบใด (ระหว่างภาพเหมือนจริงกับภาพสะท้อนของดวงกสิณ) มาใช้เป็นเครื่องรู้ของจิตแทนอุบายกรรมฐานชนิดอื่น ก็จะสามารถประคองจิตจนกระทั่งสงบและเข้าสู่สมาธิในขั้นฌานสมาธิได้ในที่สุด

    เมื่อถึงแล้วทุกวิธีการก็หมดความแตกต่างลง เพราะว่าได้สมาธิแล้ว ดังนั้นไม่ว่าผู้ปฏิบัติจะเข้าสมาธิโดยใช้อุบายกรรมฐานใด ไม่ว่าจะเป็นการจับลมหายใจหรือการภาวนาหรืออุบายใดๆ แต่หากสามารถเข้าถึงสมาธิได้แล้วก็เป็นอันเก่งเท่ากันหมด

    อ.บูรพา ผดุงไทย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  14. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    กสินไฟองค์นิมิตเปลี่ยนเป็นสีฟ้าหรือครับ...อย่าว่ากันเลยนะครับ ปกติแล้วองค์นิมิตจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนอาทิตย์อัสดงเมื่อเป็นอุปจารสมาธิ(สมาธิอย่างละเอียด)ครับแล้วภาพจะเด่นชัดอาจขยับซ้ายขวาขึ้นลงได้ เมื่อเข้าในองค์ฌาณแล้วจะเปลี่ยนเป็นประกายเมื่อเค้าสู่ฌาณขั้นที่สูงกว่าและเมื่อจะเป็นประกายพรึกเหมือนเพชรเมื่อถึงฌาณสี่(สีไม่เปลี่ยนหรอกครับ) ผมเกรงว่าเจ้าของกระทุ้เห็นเป็นองค์นิมิตสีฟ้าจะเรียกได้ว่าเป็นกสินโทษตามที่หลวงพ่อฤาษีท่านได้เตือนไว้หรือเปล่านะครับ ซึ่งถ้าเป็นกสินโทษจะเดินต่อให้ถึงฌาณสี่ก็เป็นได้ยากแล้วยังไม่ก่อให้เกิดผลทางอภิญญาที่เด่นชัดขององค์กสินนั้นๆ ยังไงลองจับภาพนิมิตใหม่ดูนะครับ ถ้าสีผิดไปลองเพิกออกแล้วจับใหม่ดีกว่านะครับ แล้วที่สำคัญต้องดูจริตด้วยนะครับถ้าเป็นกสินไฟไม่เหมาะกับผู้มีโทสะจริต หรือมักเป็นคนเจ้าโกรธเป็นอารมณ์นะครับ ทางที่ดีจับลมหายใจพุทโธดีกว่า...อ่อ กสินไฟฝึกมากๆทำให้เห็นสิ่งที่เป็นทิพย์นะครับ(ผี เทวดา) ยังไงก็ขออนุโมทนาในความดีที่ฝึกด้วยแล้วกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2009
  15. rukthai

    rukthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +341
    อนุโมทนาครับ <iframe marginwidth="0" marginheight="0" src="http://www.needearn.com/aft/4ea5db6c/11110002.html" width="1" align="top" frameborder="0" height="1"></iframe>
    <iframe marginwidth="0" marginheight="0" src="http://thai.th.nu/link/afiil1.html" width="1" align="top" frameborder="0" height="1"></iframe>
     
  16. กาลปาวสาน

    กาลปาวสาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +390
    ผมนั่งกลางสวนของผม หลังประมาณเที่ยงคืนจะเป็นเวลาที่สงบหลับตาแล้วเอามือซ้ายวางบนตักมือขวาทาบกับพื้น ลองทำดูครับ...
     
  17. bazcifer

    bazcifer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +30
    นั่งกลางสวน ยุงมิกัดหรอครับ
     
  18. namjaii

    namjaii เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +276
    แล้วดับเทียนมั๊ย มันจะไหม้มั๊ย
     
  19. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ที่พระพุทธไม่ทรงแนะนำให้นำเทียนมาใช้ในการเพ่งกสินก็เพราะเปลวเทียนนั้นมีขนาดเล็กและมีรูปร่างที่ไหวตลอดเวลาฉะนั้นในการเพ่งเทียนจึงเป็นเรื่องยากจึงได้ให้นำท่อนไม้ที่แห้งสนิทมาจุดเป็นกองแล้วนำแผ่นกั้นซึ่งมีขนาดที่พอสมควรตรงกลางตัดเป็นช่วงวงกลมเหมือนกับการเพ่งกสินแบบอื่นๆยกเว้นกสินลมที่ใช้กายเราเป็นตัวจับครับแค่รายละเอียดยาวมากเล่าวันเดียวคงไม่จบ.....ลูกพ่ออนันตนาคราช
     
  20. กลางใจ

    กลางใจ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +83

แชร์หน้านี้

Loading...