จุดนัดพบศิษย์กรรมฐานแพงสายเลือดที่ ๔ สายตรง "ผู้ครอบครูรับดวงธรรม"

ท่านมาเร็วนะครับ พระศรี ฯ (เพิ่งจะกึ่งพุทธกาลเอง อิอิ)
แต่ผมชอบแกนะ แกคุย มีรสชาติดี ครอบครัวนี้ มีอะไรแปลกๆ ทุกคน รึปล่าวครับ

 

ขออ้างอิง จากน้องหญิงท่านหนึ่งครับ / แล้ว ก็อ้างอิง จากยาย ด้วยเช่นกัน

เข้าใจส่งภาพนี้มาให้ดูที่บ้านนะคะท่านพจน์....

รู้สึกสะดุดตรงพลอยสีใส กลางฝ่ามือ... โดยที่ยังไม่ได้คลิกมาอ่านตามลิ้งค์ที่ท่านมาแปะไว้ให้ ผู้ดูแลพลอย 2 เม็ดนี้ เปน ญ หรือเปล่าคะ (อายุหลักร้อยปี.. มีมงกุฏประดับที่ศรีษะ บ่งบอกถึงสถานะเจ้าของเมือง....)
ปีหน้า.. คงได้ลงภูเก็ตค่ะ ไม่นานเกินรอ สร้างบ้านทรงไทยเสร็จให้ทันหล่ะ

ท่านพ่อหมู ก็ ส่งกระแส มาเหมือนกัน ครับ ปีหน้า ภูเก็ต พร้อมทั้งแม่ และ ลูกหมู ( พ่อหมู นาคา ส่ง เบอร์โทร หลาน ให้แล้วครับ ใน ข้อความ ส่วนตัว (visiter messages )

คราวนี้ มาว่า ที่ เมื่อคืนวาน มี น้องสาว ท่านนี้ ตามภาพ ยายที่โพสส์ใว้ นานแล้ว

ให้เจอ พลอยสี 2 องค์นั้น ซึ่งธรรมดา ทั่วไป แต่ เมื่อใว้ห้องพระที่บ้าน กลับกลาย ว่า พลอย 2 องค์นั้น ดิ้นใด้ ตาม ที่ นาคา โพสส์ใว้

นาคา เจอ น้องสาว ท่านนี้ หน้าบันได ถ้ำเขาทะลุ คราว พรรษา 2550 ครับ ตามที่เคยเล่าใว้ ...เหตุที่มาเจอ ญาติธรรม ถ้ำเขาทะลุ ...
แต่ น้องนาคี เธอสวยกว่ามาก ..เพราะเจ้านาง เนรมิต ใด้ดังใจ แต่ คงใว้ ในภาวะ ที่ ... หน้าผากมี มงกุฏ นาคราช ต้นแขน กำไลทอง นาคราช ประดับเพชร และ มุก อัญมณี สะไปพาดไหล่ พองาม ผมเกล้ามงกุฏ 3 ชั้น




ขอบคุณ คุณ nut1663 ที่ นำ link แปะใว้ครับ

http://palungjit.org/threads/ประสบก...่า-ในรายการ-tv-เต้าหู้ยี้-ช่วงมัน-หลอน.47422/

 

นมัสเตทุกท่านเจ้าค่ะ อ้า...ท่านพี่นาคาก็มาปะกันพอดีเจ้าค่ะ แต่ขอตัวขึ้นห้องพระอีก ๕ นาทีนะคะ

ไปถวายพระพรแด่แผ่นดินของเราเจ้าค่ะ

 

สวัสดีครับ คุณ นาคา ขอโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลครับ สาธุ

 

โมทนาสาธุเจ้าค่ะคุณพี่ นาคา พลอยสีใสงามจริงๆเจ้าค่ะ
และยิ่งอัญมนีเก่าก็ดูขลังมาก ท่านผู้เฝ้ารักษาคงจะตะบะแก่กล้านะเจ้าคะ
สาธุบุญด้วยเจ้าค่ะ

 

ขอโมทนาบุญกับคุณร่มบุญ ในทุกๆงานบุญเจ้าค่ะ

 

เรื่องเล่าจากในวัง- อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ

ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดทีจังหวัดตาก
เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า 'ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ'
แม่ค้าตอบว่า 'ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ'
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
---------------------------------------
เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
นางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์
นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
แต่พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ............ ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง
------------------------------------
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน
เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
'ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้า..'
มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว'
เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
-------------------------------------
เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า 'ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์'
--------------------------------------
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
ว่า 'ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ'
เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
'เออ ดี เราชื่อเดียวกัน...'
ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
-----------------------------------
มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย
ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า 'ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า'
ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า
'เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก'
------------------------------------
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
อยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
'ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์'
ในหลวงทรงตรัสว่า 'ขอเดชะ พระหมดแล้ว '
------------------------------------
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด
ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า
'ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง'
แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย
แต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่
แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น
ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
'เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ
ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก'
-------------------
ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา

คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
ก็กราบบังคมทูลว่า 'เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ
อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ'
พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า 'ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง'
แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
------------------------------

เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ
ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
'เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว'
และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ...
ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอพระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
​

​

 

ช่วยกันถวายพระพรให้ในหลวงหายป่วยเร็วๆ ภาวนาอธิษฐานจิตส่งพลังจิตอันบริสุทธิ์ถึงท่านตลอดเวลาเลยนะพวกเรา

.....................................................

เมื่อคืนมีกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นญาติผู้น้องทิดเก๋มานั่งที่โต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้ปากทางเข้าบ้าน เพราะเขามาคุยกับน้องชายทิดเก๋ มีเบียร์มาดื่ม เราก็ออกไปบอกว่า เออ...นี่รู้ไหม ว่าเขาขอร้องให้ทำดีถวายในหลวงกัน ควรงดดื่มเหล้า เบียร์ เลิกทำเชี่ยๆ กันสักสามวันได้ไหม มีวันนี้ พรุ่งนี้ และเมื่อวานก่อน

ไอ้เด็กแปลกหน้า(มากับคนคุ้นหน้าไงคะ) มันตัวเล็กกว้าน้องเอิร์ทเสียอีก มันกระดกเบียร์ แล้วมาตีรวนว่า "เอ้า สามวัน วันนี้ พรุ่งนี้ กับมะรืนนี้ไม่ใช่เหรอ

ยายผีป่าเลยบอกว่า "ตูพูดผิดตรงไหน วันนี้ พรุ่งนี้และเมื่อวาน มันรวมกันได้กี่วัน พวกเอ็งสมองไม่ไหวกันเลยนะ"

.........................

แล้วยายผีป่าก็เดินเข้าบ้านไป

มันยังกินและส่งเสียงคุยกันจนดึก เราลงจากภาวนาและล้มตัวนอนแล้ว จนตีสอง ทิดเก๋มาบ้านเพราะไปรอตำรวจมาดูรถชนกัน นานกว่าตำรวจจะมา คนในบ้านนอนกันหมดแล้ว แต่แขกยังสนุกอยู่

เออหนอ...วัยรุ่นสมัยนี้มันมาไวจริงๆ ยังขอเงินพ่อแม่อยู่เลย เรียนอยู่ และไม่รู้จะเรียนเพื่อรอการติดคุก รอการตายโหง หรือเรียนเพื่อได้ดีก็ไม่รู้สิ

..........................................................................

ก่อนเข้าบ้าน ยังพูดว่า อย่าทิ้งซากไว้ที่นี่ให้ตามเก็บนะ แก้วเบียร์ล้างให้สะอาดด้วย ใครกินก็รับผิดชอบด้วย

....................................

พอเช้ามานะคะ เรากำลังจะไปตั้งเสาเอก "เรือนโลกอุดร"

เห็น้องชายทิดเก๋กำลังตามเก็บเศษขยะจากพวกมัน

ยายผีป่าก็ทำพิธีก่อนกำหนด คือ ตั้ง ๙.๒๙ น.

โดยไม่ได้มีขั้นตอนอะไรมากมาย เพราะปู่ ครูทิพย์ท่านบอกก่อนออกไปตั้งเสาว่า

"รอในหลวงท่านออกจากโรงพยาบาลในอีกไม่กี่วันนี้ก่อน ค่อยบูชาใหญ่พร้อมกันไปเลย"

.........................................................

เมื่อตั้งจิตเรียบร้อย ทีนี้ก็ได้เวลาแม่นางมารนรกแตกออกฤทธิ์

หันไปโวยทิดเก๋อันดับแรก

.....................................

๑. ทำไมเอาเสาที่เตรียมไว้ไปให้คนอื่น เสานั้นยาวพอดีกับแบบที่ทำไว้

๒. ก่อนตั้งเสาทำไมไม่เดินเข้ามาถามว่า จะตั้งเสาต้นไหน มีปากถามไหม ไม่ใช่ว่าสักแต่จะเอาเสาลงหลุม เสาไหนก็ได้ ต้องเลือกต้องดูลักษณะต้นเสา ทิดเก๋กบอกว่า ก็เธอบอกว่า ตั้งเสาเอกไว้รอ ก่อสร้างทีหลัง เงินยังไม่พอ ก็ตั้งเอาไว้ พอเป็นพิธี รอเธอออกมาทำพิธีแค่นั้นมีปัญหามากหรืออย่างไร ยายผีป่าก็เริ่มปัญหาต่อมาคือ นี่เสาเตี้ยไป ต้องต่อเสา "ปู่ข้างบนท่านคงขี้เกียจยายผีป่าด่าผัวจนผัวระอา เลยสั่งว่า ปู่ทำดินให้แล้ว เดี๋ยวบวงสรวงใหม่หลังวันในหลวงออกจากโรงพยาบาล อีกไม่กี่วัน ท่านย้ำ"

ยายผีป่าเลยพูดดังๆ กับเบื้องบนว่า

"จะไม่ให้ลูกด่ากราดได้อย่างไร ดูสิ...มันก็รู้ๆ อยู่ว่า สามวันนี่ขอเหอะ เรื่องตามใจญาติๆ มันยังทำเฉย ให้เด็กวัยยังไม่ทันพ้นสิบห้ามากินเหล้าเบียร์ ไอ้ที่พ้นก็ไม่ได้เรื่อง ทำเหมือนบ้านฉันนี่เป็นที่ทำอะไรก็ได้ ทำไมไม่พูดบอกให้ไปกินที่อื่น จะให้ฉันพูด เธอก็จะหาว่าฉันไม่ไว้หน้าญาติเธอ วันนี้แทนที่เราจะได้ทำอะไรมงคล กลับต้องมาทำให้หงุดหงิด

ไอ้ที่ให้ทำไม่ทำ ไอ้ที่ไม่ให้ทำไปทำ มันได้อะไร ไม่ตรงประเด็น

..........................................

เมื่อเริ่มด่ามากๆ ท่านพี่สมิงทองก็มาตบหัวว่า "เจ้าด่าไปก็ไม่ได้ประโยชน์ เพราะว่าพวกเขาไม่รู้จริงๆ ว่า สิ่งที่ควรทำนั้นทำอย่างไร เจ้าด่าไปทำให้กำลังใจเจ้าเสีย จงโทษตัวเองเถิดที่ไม่สามารถทำเองได้ไปหมดทุกอย่าง อันการใดที่ทำเองไม่ได้ทั้งหมด หากต้องจ้าง ต้องสั่งคน ขอให้เตรียมการอย่างมั่นเหมาะ อันผัวเจ้ามันหาได้รู้ทันเจ้าไม่ (ท่านหมายถึงสมองเขาไม่มาทางนี้ หรือเฉยเมยปนเฉื่อยชานั่นเอง) ค่อยๆ ทำไปตามขั้นตอน แล้วจะดีเอง"

ยายผีป่าเลยตอบท่านพี่ว่า "อันที่จริงเรารู้นะว่ามันจะต้องเป็นเยี่ยงนี้ แต่เราต้องการสอน(ด่า) เพื่อให้จำและทำได้ถูกต้องเวลาที่ไม่มีเรานั่นเอง"

ถามว่าหงุดหงิดไหม

เราเอาอารมณ์นั้นมาใช้แล้ววาง เราไม่ติดใจเจ้าค่ะ

.......................................

ส่วนใครจะติดใจก็อีกเรื่องของเขา

..........................ขอตัวนะ อาจารย์มืดมา ตามแรงอธิษฐานว่า

"โฮ้ย...มาช่วยตูหน่อย" (มาโดยไม่มีการตามเพราะอาจารย์มืดอยู่ป่าจ้า ไม่มีสื่อที่ติดต่อได้"

 

สวัสดีเจ้าค่ะยาย และเพื่อนๆพี่น้องร่วมรุ่นทุกท่าน วันนี้ข้าเจ้านำภาพประทับใจวันสุดท้ายของงานมาฝากเจ้าค่ะ

ดูทีไรก็ชื่นใจทุกที หวังว่าคงชอบกันนะเจ้าคะ

(ส่วนรูปข้างล่างนี้เป็นรูปน่ารักๆของคุณน้าคุณยาย) ขออนุญาตนะคะยายอยากให้ยายได้เห็นด้วย ว่าแกน่ารักขนาดไหนเจ้าค่ะ เห็นภาพแล้วต้องแอบอมยิ้มตามเจ้าค่ะ เป็นรูปที่ก่อนจากกับคุณยาย ยายพาแวะไปเที่ยวสถานที่ถ่ายทำหนังพระนเรศวรฯเจ้าค่ะ

ไปชมพร้อมกันนะเจ้าคะ น่ารักมากกกก ........

 

ส่วนรูปนี้แถมเจ้าค่ะ ให้ได้ชมบารมีกันเอาเองนะเจ้าคะ ว่าท่านนี้น่าเกรงขามขนาดไหน

 

กลับมาแล้วจ้า..นำบุญมาฝากพี่น้องร่วมอนุโมทนานะคะ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
ออกเดินทาง 21.00 วันที่ 4 ถึงเชียงใหม่เกือบ 7 โมงเช้าแวะตลาดซื้ออาหาร ดอกไม้ ไปใส่บาตรและเข้ากราบหลวงพ่อประสิทธิ์-วัดป่าหมู่ใหม่ ระหว่างทางเห็นพี่น้องชาวไทยจัดกิจกรรมใส่บาตรถวายพ่อหลวงไปตลอดทาง ไปถวายอาหารพระที่วัดอรัญวิเวกต่อ ตั้งใจจะเข้ากราบพระอาจารย์เปลี่ยน แต่ไม่พบ ลูกทัวร์เลยถือโอกาสอาบน้ำล้างหน้าที่นี่เลยแถมอาหารเช้าหนึ่งมื้อ พระอุโบสถที่นี่สวยมากเพิ่งจะสร้างเสร็จ<o></o>
แล้วต่อไปที่วัดพระพุทธบาทสี่รอย ทางขึ้นเป็นถนนคอนกรีต แต่มีช่วงชันมากหลายจุดรถคันที่นำหน้าเป็นเกียร์ออโต้ขึ้นไม่ไหวเครื่องร้อนมากต้องจอดพักเครื่องเป็นพักๆ(ขบวนของเราเป็นรถตู้ 2 คัน) บางช่วงถ้ามีรถสวนมาต้องจอดหลีก ข้างทางเป็นเหวค่อนข้างลึกอยู่เหมือนกัน ขึ้นไปถึงประมาณบ่ายอากาศยังหนาวพอสมควร ต้องใส่เสื้อกันหนาว<o></o>
ที่พระพุทธบาทสี่รอย..รู้สึกแปลก อยากกอดพญานาคที่บันได เดินเข้าไปกอดทั้งสององค์ ขณะเดินขึ้นบันไดก็สัมผัสลำตัวของท่านไปด้วย แล้วอธิษฐานขอให้บารมีที่ท่านทั้งสองได้บำเพ็ญเพียร ปกปักรักษารอยพระพุทธบาทนี้เป็นผลบุญเกื้อหนุนให้ท่านได้จุติในภพภูมิที่สูงยิ่งๆขึ้นตามที่ปรารถนาไว้เถิด ระหว่างจุดพักขึ้นรอยพระพุทธบาทแวะกราบอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย พ่อปู่ฤาษี แม่พระธรณี แล้งจึงขึ้นไปกราบพระพุทธบาท สวดอิติปิโสบูชารอยพระพุทธบาท จากนั้นไปชมโบสถ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของวัด ปิดทองลูกนิมิต เข้าไปในโบสถ์มีคนกำลังให้พระสวดสะเดาะเคราะห์ เสียงสวดเป็นภาษาไทยพื้นเมืองนานมากทำนองแปลกดี กลับลงมาเสียวๆอยู่ถ้าเกิดรถเบรคแตกมีสิทธิ์อำลาพี่น้องแน่ ต่อไปที่สำนักปฏิบัต<o></o>
ธรรมพุทธพรหมปัญโญ เป็นที่ซึ่งคุณพินิจเจ้าของร้านข้าวขาหมูชื่อดังของเชียงใหม่(เค้าเล่าว่าสมเด็จพระเทพทรงโปรดข้าวขาหมูร้านนี้มากเสด็จเป็นการส่วนพระองค์หลายครั้ง) ซื้อถวายหลวงตาม้าแห่งวัดถ้ำเมืองนะ หลวงตาจึงดำริสร้างสถานปฏิบัติธรรมและสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกสูงที่สุดในโลก(59 เมตร)ไว้ที่ยอดเขาด้านหลังเป็นทิวเขาเชียงดาว(?)สูงมาก ที่ยอดเขาลูกหนึ่งมีธงธรรมปักอยู่เขาเล่าว่าจะมีพระขึ้นไปเปลี่ยนธงนี้ทุกปี..อุตสาหะจริงๆ
เราพักค้างคืนกันที่นี่ ตอนทุ่มตรงร่วมกันจุดโคมยี่เป็ง 83 ลูก(ระหว่างปล่อยโคม ร่วมกันสวดบทมหาจักรพรรดิ์) จากนั้นหลวงตาม้านำสวดมนต์ถวายพระพรพ่อหลวงและบูรพกษัตริย์ แล้วก็ช่วยกันจัดเตรียมงานสำหรับวันรุ่งขึ้น ตอนดึกอากาศหนาวมากๆนอนไม่หลับ ลุกมานั่งภาวนาก็ไม่ได้เลย ด้วยมีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งกรนแบบนันสตอปตลอดคืน ตีห้าครึ่งเลยลุกไปล้างหน้า(ห้องน้ำอยู่เนินเขา-ศาลาปฏิบัติอยู่บนเนินเขาเล็กๆ แต่ก็เดินสะดวกมีไฟส่องทาง ขนาดยังไม่มีแม่คะนิ้ง ข้าเจ้าก็ใส่เสื้อสามตัวแล้ว ออกไปเดินข้างๆเตาหลอมค่อยยังชั่วหน่อย(นึกถึงยาย ที่ทองผาภูมิ ครอบครัวหมูเล็ก ที่โคราช จะหนาวขนาดไหนหนอ) เดินสำรวจเห็นพระนั่งภาวนาอยู่เป็นจุดๆ ท่านทนความเย็นได้อย่างไรหนอ<o></o>
เก้าโมงอากาศยังหนาวอยู่หมอกลงเห็นเป็นคล้ายละอองฝนเล็กๆ ไปยืนข้างเตาหลอมดีที่สุด พระฉันจังหันเช้าแล้ว เริ่มพิธีอันเชิญเทพเทวดา เขาจัดนางรำมารำถวายด้วย สวยงามอ่อนช้อยมากเลยเป็นรำทางล้านนา ต่อจากนั้นหลวงตาทำพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป ระหว่างพิธี หลวงตาก็ให้พวกเราสวดมนต์บทพระมหาจักรพรรดิ์(มีหนังสือแจก)ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเสร็จพิธีเราก็สวดไปขนลุกไป
พระฉันเพลอีกครั้งแล้วจึงทอดผ้าป่าสามัคคีถวายหลวงตา เสร็จพิธีก็เดินทางกลับเลยไม่ได้ไปที่วัดถ้ำเมืองนะ เพราะพระและแม่ชีมาอยู่ที่พิธีทั้งหมด ถึงกรุงเทพ เที่ยงคืน ถึงบ้านเที่ยงครึ่ง ได้เจอน้ำอุ่นแสนดีใจเป็นหนักหนา มาเปิดกระทู้อ่านและรายงานตัวเลยค่ะ<o></o>
<o></o>
คุณนัท1663 บอกให้ถ่ายรูปมาให้ดูด้วย แต่ขอแสดงความเสียใจนะเจ้าคะ..ข้าเจ้าลืมกล้องถ่ายรูป ไว้รอเพื่อนร่วมทางเขาโพสต์ลงเว็บก่อนนะคะ
<o></o>
สำหรับวันนี้บ๊าย..บาย ง่วงนอนแล้วค่ะ

เมื่อคืนส่งข้อความไม่ได้ บ่ฮู้เป็นหยัง หรือข้าเจ้าง่วงนอนก็ไม่รู้ซิคงกดผิด
...ส่งใหม่นะเจ้าคะ<o></o>

 

ได้เห็นรูปนี้แล้วรู้สึกวูบวาบ ขนลุกทั้งตัวเลย โดยเฉพาะพลอยสีฟ้าทั้งสองเหมือนมีภาพผู้เป็นเจ้าของอยู่ด้วยเลยค่ะ


โมทนาบุญ กับคุณร่มบุญ ครับ ในการสร้างวาระกระแสธารา พลังบุญกุศล

..ก็ตอนนี้พยายามวิ่งตามกระแสบุญอยู่น่ะค่ะ อยู่ในที่มืดมานานแล้ว ต้องขอพลังบุญของคุณนาคาและยายช่วยพยุงให้หน่อยละค่ะ คงไม่ได้นิพพานในชาตินี้ด้วยกรรมที่ทำมา แต่อย่างน้อยก็จะได้เป็นทุนไว้ต่อยอดในชาติภพต่อๆไป ถ้าไม่เริ่มต้นก็จะไม่พบวันที่สิ้นสุดใช่มั้ยคะ..<!-- google_ad_section_end -->

..เช้าวันนี้(ไม่เชิงเช้าค่ะ เก้าโมงกว่าแล้ว) เข้าออฟฟิศ มีกล่องพัสดุวางอยู่ที่โต๊ะทำงาน ดูจ่าหน้า เป็นพัสดุส่งมาจากท่านนาคา รีบเปิดดู เป็นคุณนาคาส่งพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตข้าวบิณฑ์มาให้ และเหรียญทำน้ำมนต์ เป็นเหรียญทองแดง 9 เหรียญ เนื้อว่าน 15 เหรียญ ขออนุญาติเก็บเหรียญทองแดงไว้ที่ตัวเอง 1 เหรียญ(ตามที่ได้ขอคุณนาคาไว้) กับอีก 1 เหรียญและเนื้อว่าน 1 เหรียญไว้ให้คุณหยกจักรพรรดิ์นะคะ(น่าจะจัดส่งให้คุณหยกจักรพรรดิ์พร้อมใบเซอร์นะคะ เดี๋ยวขอประสานกับคุณนัทก่อน แต่ยังไงถ้าคุณดาวเข้ามาอ่าน ช่วย pm ชื่อกับที่อยู่ไว้ด้วยนะคะ)
ก็จะเหลืออยู่ที่ข้าเจ้า เป็นเหรียญทองแดง 7 และเนื้อว่าน 14 ท่านผู้ใดต้องการแจ้งชื่อที่อยู่ทาง pm นะคะจะจัดส่งให้ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับคุณนาคาอีกครั้งค่ะ จะคอยติดตามข่าวเรือนธรรมของคุณนาคานะคะ เสร็จเมื่อไรคงได้ชักชวนเพื่อนธรรมไปเยือนเรือนคุณนาคา และแสวงบุญด้วยกันค่ะ

ขอขอบคุณครอบครัวหมูเล็ก(พ่อหมูกลับมาหรือยังจ๊ะ) คุณนัท คุณหยกจักรพรรดิ์และทุกท่านที่ร่วมส่งจิตอนุโมทนาบุญกับข้าเจ้า ขอบุญกุศลนั้นน้อมนำทุกท่านเข้าสู่นิพพานในปัจจุบันชาตินี้เทอญ

เสาร์นี้จะไปร่วมหล่อพระเจ้าองค์แสนกับสมเด็จองค์ปฐมอีก 2 องค์ ที่วัดท่าซุง แต่คงไม่ได้เจอยายแล้วเพราะยายเปลี่ยโปรแกรมคงไปตามหามวลสารมงคล มาให้พวกเราบูชาเนาะ ขอเชิญทุกท่านไปร่วมบุญกันนะคะ ถ้าไปไม่ได้ก็ส่งจิตอธิษฐานร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันค่ะ

 

เห็นคุณร่มบุญตะเวนเดินสายทัวร์สายธรรมแล้วยิ่งคิดถึงบ้าน อยากกลับไปอยู่บ้านเร็วๆเจ้าค่ะ บางครั้งคิดถึงมากๆนั่งร้องไห้ต่อหน้าหิ้งพระเลย บอกว่าลูกอยากกลับไปอยู่บ้านแล้ว อยากกลับไปวัดไปทำบุญไปทำในสิ่งที่อยากทำ แต่เนื่องจากตอนนี้เวลามันยังมาไม่ถึง ก็คงต้องอยู่รับผิดชอบหน้าที่ทางโลกให้แล้วเสร็จเสียก่อน
....................

ขอบพระคุณคุณร่มบุญหรือพี่จิ๋มเป็นอย่างมากที่ได้บอกเล่ารายละเอียดถึงบุญที่ได้ไปทำในครั้งนี้ ทำให้มโนภาพตามแล้วรู้สึกถึงความหนาวตามไปด้วย แฮะๆ เพราะว่าข้าเจ้านั่งอยู่ในที่ๆหนาวจับใจเช่นกัน กราบขอบพระคุณทั้งคุณพี่นาคาที่เมตตาส่งเหรียญทำน้ำมนต์มาให้คุณร่มบุญได้ส่งบุญมาเผื่อน้องๆด้วย ถ้าอย่างไรดาวจะให้ที่อยู่น้องสาวไว้นะเจ้าคะ เพราะตอนนี้ของทุกอย่างได้ถูกส่งไปเก็บไว้ที่บ้านน้องสาวก่อนค่ะ เวลากลับบ้านทีก็แวะไปเอาทีเจ้าค่ะ
......................


สุดท้ายนี้กราบขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยโดยมีองค์สมเด็จองค์ปฐมเป็นที่ตั้งพระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ทั้งครูเทพและครูธรรมทุกท่าน จงคุ้มครองทั้งคุณร่มบุญ ครอบครัวคุณยายท่านพี่นาคาและครอบครัวเพื่อนพี่น้องนักธรรมทุกท่าน ให้มีแต่ความสุขและความเจริญ จงคล่องตัวในทุกๆเรื่องเทอญ สาธุ

 

ยายครับ
ร้านแว่นที่บอกว่าจะเปิด ได้เปิดเรียบร้อยแล้ว เปิดวันที่ 6/12/52 เวลา 11 นาฬิกาครับ

 

ขอบคุณคุณหยกจักรพรรดิ์ค่ะ ขอให้พรนั้นสนองกลับคุณดาวและเพื่อนธรรมทุกท่านร้อยเท่าพันทวีเช่นกันค่ะ

ยินดีกับร้านใหม่ของคุณ w.สุรพล ค่ะ ขอให้กิจการเจริญก้าวหน้าเงินไหลเข้าไม่ขาดสาย ขยายสาขาไปทั่วประเทศ เลยนะคะ


อ้างอิงจากคุณนาคา...ท่านพ่อหมู ก็ ส่งกระแส มาเหมือนกัน ครับ ปีหน้า ภูเก็ต พร้อมทั้งแม่ และ ลูกหมู ...
พ่อหมู-แม่หมู ไปเมื่อไหร่แวะรับพี่ไปด้วยนะค้า...นั่งกระบะหลังก็ล่าย...

 

ขอให้ธุรกิจแว่นคุณพี่สุรพลเจริญรุ่งเรือง มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนมากๆ ทุกอย่างขอให้คล่องตัวนะเจ้าคะคุณพี่ :VO
ลูกชายน้อยคงขยันกวักลูกค้าเข้าร้านให้เสมอล่ะเจ้าค่ะ สาธุ....

 

ขอให้เจริญ รุ่งเรือง ทั้งกลางวัน และกลางคืนครับ

 

กางร่มไป นิ๊ดส์ นะครับพี่ กลัวแดด เผา.... อิอิ

 

คาถาดวงแก้ววิเศษ

เมื่อคราวที่ ผมนาคา ใด้บวช เมื่อ เดือน เมษา 2548 ใด้มีโอกาส เดินทาง เข้าปลีกวิเวก ที่ศาลากลางน้ำ วัดคอนสวรรค์ บ้านค้อเขียว จ.สกลนคร และเนื่องจาก ในขณะนั้น หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา ลูก หลาน ที่ มาตุภูมิ ของท่าน ที่ บ้านค้อเขียว ผมเลยใด้ปฏิบัติ หลวงปู่ ท่านเล็กน้อยครับ ...

คราวก่อนที่ ลาสิกขา มาทำหน้าที่ ทางโลก หลวงพี่ ....ที่ท่านบวช มา 17 พรรษา ( หลวงปู่สุภา ท่านให้หลวงพี่ ท่านนี้ เดินธุดงส์จาก ลาว มาถึง บ้านค้อเขียว ให้ใด้... ) หลวงพี่ ท่าน ใด้ให้ พระคาถา แก่ ผม มา ....

คาถาดวงแก้ววิเศษ (ตำราของหลวงปู่สมเด็จลุน )

ดาว ดาว นายกองผีน้ำไหลนอง ล้มท่าวผีเฮย ลูกกูนี้ชื่ิอว่าโคดม อินทร์ พรหม ใด้มาน้อม ใต้ผืนแผ่นนางไม้ ชะนีมีความยินดี โสนายมาไส้ไหว้ถวายพรพระพุทธ แก่เหง้าจึงไขปาก เจ้าวาจาพระจึงอ่านคาถาดวงแก้ว จึง เพียงพร้อมในธรรมะ วะ อิงสาวะ วัง สะโลกัง วะตันติ ติภู สาวะปะ ตันปิติ กายะ สะวะโวหัง ปะตันปิ ติกายะ สะวะโวหัง ปะตันติ ติกายะ พันธะนัง ปะตันติ สาจิตตัง วะ อุกาวะ อิจิติ สุระวะ จิตัวละอุ ยา ระยะ มะยะวะ ทังจิติ

หลวงปู่สมเด็จลุน วัดเวินไซ เมืองโพนทอง แขวงนครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว (ท่านไม่ใด้บอกวิธีการใช้ )

แล้วแต่ ท่าน พี่ๆน้องๆ เพื่อน จะ นำไปใช้ ครับ....ถ้าจะให้ดี ลองถาม ยาย ก่อนน่ะ ....

เมื่อเย็นนี้ สวดมนต์ทำวัตรเย็น ห้องพระ ที่บ้าน ตามปกติ นั่งภาวนา ตามปกติ มือซ้าย - ขวา อัญเชิญ ดวงแก้วมณี ...นั่งใด้นานกว่าปกติ ครับ ประมาณ 70 นาที่ ก็น้อมจิต กราบพระ....
จากนั้น น้อมจิต มองย้อน ที่บ้าน ที่กำลังจะจัดสร้าง แถวๆ บ้านคุณพ่อ ที่ พังงา จิต เห็น รายละเอียด หน่อยหนึ่ง ลานไม้ 2 ชั้นครึ่ง ประกอบ แบบบ้านเรือนไทย ห้องพระ ยกพื้นไม้ สูงกว่า พื้นไม้ชั้น 2 ประมาณ 1.80- 2.00 เมตร ใว้กลาง ลานไม้ ส่วนห้องนอน ขนาบ ทั้ง 2 ด้านซ้าย ขวา มีระเบียง ชม ลมเล่น

แฮะๆๆๆ ยินดี ทุกท่าน คุณพ่อ แม่ ลูกหมู ,คุณร่มบุญ และทุกท่าน ครับ เมื่อเพลา ที่ แวะ มาเที่ยว แสวงบุญ ทาง ใต้ หรือ ภูเก็ต ( บ้านที่ภูเก็ต อาจจะเล็กไปหน่อยครับ )
ถ้าลมไม่แรง เหมาเรือ ไปนอน ใด้ และ กราบ รอยพระพุทธบาทเกาะแก้วพิสดาร ซึ่งอยู่ห่างจาก หาดราไวย์ ประมาณ 30 นาที ( นัมทานที รอยพระพุทธบาท 5 ตามที่พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต ท่านเมตตา เล่าเรื่องมา ครับ และ จากที่ จารึก ในหลายสถานที่ ว่า นัมทานที พระพุทธบาท ที่ เมืองเกาะแก้ว ดังเช่นจารึก นิราศ ของ สุนทรภู.... (ช่องแคบผ่าน แหลม ชวา )....

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ w.สุรพล
ยายครับ ร้านแว่นที่บอกว่าจะเปิด ได้เปิดเรียบร้อยแล้ว เปิดวันที่.6/12/52 เวลา 11 นาฬิกาครับ

ยินดี ด้วยครับ ขอให้มีความคล่องตัว ทั้งทางโลก และทางธรรม นำปัจจัยสร้างสมบุญกุศล ใด้สะดวก ตามวาระที่ ท่านจัดสรรค์ ครับ ....( ไม่ใด้จัดส่ง... มงคล ในโอกาส ร้านใหม่ และ ใกล้ปีใหม่ ครับ )

 

พี่ชายยายผีป่าเป็นพระศรีอาริย์อวตารมาช่วยพยุงโลกตั้งแต่ ๑๔ ขวบ

http://palungjit.org/threads/พี่ชายยายผีป่าเป็นพระศรีอาริย์อวตารมาช่วยพยุงโลกตั้งแต่-๑๔-ขวบ.105761/

"กูนี่แหละพระศรีอาริย์ พวกมึงต้องมากาบตีนกู กูจะพาขึ้นสวรรค์!!! "


ผมได้นั่งสนทนา ปราศรัย กับ ตัวเป็นๆมาแล้ว

กว่าจะหาเจอ ต้องใช้ปัญญา ( ที่มีน้อยนิด)คิดตั้งนานว่าจะหายังไง
เกือบจะถอดใจ ซะแล้ว

เอ้า แฟนคลับ เข้ามา จ๊ะ

แฮ่...อ่านแล้ว จะอึ๊งง ขอเชิญ...

แถม สมุดคัดความคิด