ถาม-ตอบปัญหา เรื่องดูจิต โดยธรรมภูต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 29 พฤศจิกายน 2009.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คำถาม ดูจิตยังไง ถึงจะไม่ติดอาการของจิต ?

    คำตอบ โดย ธรรมภูต

    การดูจิตที่ถูกต้องนั้น
    เราต้องผ่านการปฏิบัติภาวนาอานาปานสติกรรมฐาน
    จนกระทั่งรู้จักสภาวะจิตที่สงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหวที่แท้จริงเสียก่อน
    อันเป็นจิตที่อ่อนควรแก่การงาน (กมฺมนิโย จิตฺตํ)
    ซึ่งขณะนั้นเราจะพิจารณาอะไรก็เป็นธรรมไปหมด

    เพราะโดยธรรมชาติแล้วจิตชอบออกไปรู้รับอารมณ์
    จิตเมื่อกระทบกับอารมณ์แล้ว ที่จะไม่ยึดเป็นไม่มี
    จิตจะมีแต่ความสับสนวุ่นวายปรุงแต่งไปตามอารมณ์
    อารมณ์แล้วอารมณ์เล่า สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปมาตลอดเวลา

    ในขณะที่เรายังไม่รู้จักจิตที่แท้จริงนั้น
    เมื่อเราดูจิต เราจะรู้สึกตัวก็ต่อเมื่อจิตรู้รับอารมณ์
    และปรุงแต่งไปตามอารมณ์นั้นๆ เรียบร้อยแล้ว(เผลอสติ)

    เมื่อเราเกิดระลึกรู้ขึ้นแล้ว แทนที่เราจะรีบละวางอารมณ์
    เพื่อหยุดการปรุงแต่งของจิตไปตามอารมณ์
    เรากลับเปลี่ยนไปสู่อารมณ์จิตอื่นที่ยังมีการปรุงแต่งอยู่นั่นเอง
    เพราะเราไม่เคยรู้จักวิธีปล่อยวางอารมณ์และอาการของจิต

    โดยเราจะเปลี่ยนอารมณ์จิต
    ไประลึกรู้อยู่ที่อาการวางเฉยที่เราตั้งเจตนาไว้แต่ตอนต้น
    ว่าต้องรู้เฉยๆเท่านั้น ไม่ต้องทำอะไร (ภาษาธรรมเรียกว่าเฉยโง่)

    ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว
    อารมณ์เฉยที่เราไประลึกรู้นั้น ก็คืออาการของจิตอย่างหนึ่ง ซึ่งก็มักตั้งอยู่ได้ไม่นาน
    จะมีอารมณ์และอาการของจิตอื่นๆสอดแทรกเข้ามาตลอดเวลา โดยไม่รู้ตัว

    เมื่ออารมณ์เฉยนั้นดับไปอารมณ์ใหม่ก็เกิดขึ้นมา(เผลอสติ)อีก
    เมื่อระลึกรู้ก็วนมาสู่อารมณ์รู้เฉยๆเช่นเคย
    อันเป็นการติดอยู่ในอารมณ์และอาการของจิตจนเป็นวัฏฏะ
    ไม่เคยสามารถแยกจิตออกจากอารมณ์ได้เลย

    ส่วนผู้ที่ฝึกฝนอบรมภาวนาอานาปานสติกรรมฐานมาจนชำนาญนั้น
    เมื่อจิตกระทบกับอารมณ์เข้า ก็จะรีบยกจิตออกจากอารมณ์เหล่านั้น
    ก่อนที่อารมณ์เหล่านั้น จะปรุงแต่งจิตให้สับสนวุ่นวายไปตามอารมณ์
    มาตั้งไว้ที่ฐานที่ตั้งของสติที่เป็นกรรมฐานของเรา(ฐานเดิม)
    เป็นฐานที่ตั้งของจิตที่สงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์

    จิตก็จะพิจารณาเห็นอาการของจิตที่หวั่นไหวไปตามอารมณ์
    กับขณะที่จิตสงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ว่าแตกต่างกันยังไง

    เมื่อฝึกฝนอบรมภาวนาบ่อยๆเข้า จะทำให้จิตมีกำลังสติมากพอ
    ในการรีบยกจิตกลับมาตั้งที่ฐานที่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
    ก่อนที่จิตจะปรุงแต่งไปตามอารมณ์ต่อไป.....


    ธรรมภูต

    ;aa24
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คำถาม ดูจิตยังไง ถึงจะไม่ติดอาการของจิต ?

    ใครที่มีความเห็นต่าง เชิญเลยนะครับ

    หรือใครมีคำถามอื่น ฝากคำถามไว้ได้นะครับ แล้วจะมาตอบ

    ;aa24
     
  3. tinnakornten

    tinnakornten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +494
    ถ้าได้สมาธิด้วยก็เหมือนติดปีก หัดทำสมาธิ ไปด้วย หัดเจริญสติไปด้วย
    จะทำให้สติมีกำลังมากครับ รับรอง
     
  4. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อาการคุณธรรมภูติคือพยามหน่วงนามขันธ์ไว้ที่ อทุกสุขเวทนา และอยู่ที่อพยากตาธรรม โดยพยามครองใจไว้ไม่ให้เปลี่ยนไปแล้วเรียกการเปลี่ยนแปลงของการกระทบว่า เผลอสติ จริงๆแล้วการทรงอารม หากทรงอยู่ในอานาปานสติกรรมฐานสามารถเลือกทรงฌาณในการรักษาใจโดยมีสติละลึกรู้เวทนาและสังขารธรรมที่อพยากตาและอทุกสุขเวทนาได้ และสามารถทำให้ระดับอารมสูงขึ้นไปได้ด้วยตามกำลังของอานาปานสติกรรมฐาน แต่จริงๆแล้วเราสามารถเลือทรงอารมสุข อทุขสุข หรือทุข ก้ได้ สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาหากยึดไว้หรือพยามจับไว้ที่ตัวใดตัวหนึ่งจะทำให้เกิดทุข ด้วยกำลังของฌาณที่ข่มกิเลสไว้ทำให้ทรงอารมในอทุขสุขเวทนาได้นานนั้นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป การเปลี่ยนแปลงต่างหากคือเรื่องจริงไม่มีสิ่งใดคงทน จริงๆแล้วจะไม่เลือกทรงอทุขสุขเวทนาเป็นฐานของใจก้ได้จะทรงเมตตาพรหมวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่แทนก้ได้ก้จะอยู่ในสุขเวทนาเป็นฐาน เมื่อกระทบก้ไม่ไหลตามเช่นกันเป็น กุศลสังขารธรรม ไม่ใช่อพยากตาธรรม เราตั้งฐานของใจไว้ก้ได้แต่อย่ายึดควรมองเห็นการเปลี่ยนแปลงเพียงแต่ใจมีความปกติในการเกาะเก่ยวอารมเราจึงเลือกอารมที่เป็นกุศลหรืออพยากตาธรรมไว้เป็นฐานได้
    ฐานอานาปานสติจัดว่าเป็นฐานที่ดีมากเพราะพัทนาได้ง่ายไปได้หลากหลายทำให้เจริญได้ทั้งรูปและอรูป และยังเจริญวิปัสนาคู่กรรมฐานได้ด้วย อันว่ากระจกที่เช็ดขัดดีแล้วย่อมสามารถมองเห็นฝุ่นควันที่เกาะได้อย่างง่าย

    แต่ทรงคุณธรรมขั้นนี้คงต้องฝึกกันมาอย่างดีถึงจะไม่หลง และวางได้อย่างแท้จริง อนุโมทนา
     
  5. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คำถาม ดูจิตยังไง ถึงจะไม่ติดอาการของจิต ?

    คำถามดีมาก เหมือนถามว่าละวางนามขันธ์ หรือละวางขันธ์ ได้อย่างไร
    ตอบคงยาวเหมือนคุน ธรรมภูติตอบแน่ๆรอท่านอื่นมาตอบก่อนดีกว่า
     
  6. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    รู้จักอารมณ์ รู้จักผู้ยึดอารมณ์ ผู้ปล่อยอารมณ์ วิตกวิจารอยู่กับลมหายใจ ยกสังขารขึ้นมาวิตกวิจาร ไม่รำคาญรู้จักกับมัน ปฏิบัติด้วยความปล่อยวาง



    คนรู้จักแต่น้ำไหล กับ น้ำนิ่ง น้ำไหลนิ่งคนไม่รู้จัก "น้ำไหลนิ่ง"ปัญญาเกิดได้
    หลวงพ่อชาสุภัทโท
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ การทำสัมมาสมาธิ ก็คือการเจริญสติปัฏฐานอยู่แล้ว...สติย่อมเจริญ

    ;aa24
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ อารมณ์เวทนาต่างๆมีไว้ให้ละ
    ไม่ใช่ให้ทรงอารมณ์เหล่านั้น ยิ่งทรงอารมณ์เหล่านั้น ก็ยิ่งทุกช์
    เวทนาไม่ใช่เรา เวทนาไม่เป็นเรา เวทนาไม่ใช่ตัวตนของเรา...

    ;aa24
     
  9. tinnakornten

    tinnakornten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +494
    ละเอียดอ่อนนะครับ เรื่องแบบนี้ เพราะจิตแต่ละคนไม่เหมือนกันอะครับ บอกได้แต่แนวทาง เป็นปัจจัตตัง ทำแล้วรู้เอง แต่ดีครับเป็นกัลยาณิมิตร ที่ดี

    ถึงอยากให้คนไม่เคยทำ ได้ลองนั้งทำสมาธิ เล่นๆ นะครับจะเข้าใจได้ิยิ่งขึ้น
     
  10. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ดูจิตยังไง ถึงจะไม่ติดอาการของจิต ?

    คิดว่า ก่อนอื่นควรทำความเข้าใจก่อนว่าที่เราดูๆอยู่นี้ที่คิดว่าเห็นจิตนี่เห็นจิตจริงหรือ

    หรือว่า ที่คิดว่าเห็นจิตเป็นเพียงเห็นสัญญาเกิดขึ้นที่จิต แล้วจิตไปรู้จิตที่ดับไปแล้วนั้น
    เป็นการเห็น สัญญาที่เป็นเวทนา(ความรู้สึก)บ้าง เห็นสัญญาที่เป็นสังขาร(ปรุงแต่ง)บ้าง

    แล้วเวลาดูจิตอย่างน้อยก็ควรกำหนดรู้ ว่า นี่เวทนาเกิด ดับ นี่สัญญา เกิดดับ นี่สังขารเกิดดับ (แต่มันคงยากไปมั๊ง สู้ดูแล้วรู้เฉยๆไม่ได้ )

    ถาม อาจารณ์สอนดูจิต ที่ควรศึกษา ควรฟังที่สุด มีท่านใดบ้าง
     
  11. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021

    ตอบ

    หลวงพ่อชา สุภัทโท องค์หนึ่งครับ เทิดทูนเหนือเศียรเกล้า
     
  12. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ไม่อยากถามเลย แต่ขอถาม เคยได้ยินบ้างหรือไม่ว่าอาจารณ์สอนดูจิตท่านนี้ เคยมีการห้ามลูกศิษ ไปศึกษา หรือ สนทนากับสำนักปฏิบัติอื่นๆบ้างหรือไม่
    ถ้าห้าม ในกรณีใดบ้าง หรือ ไม่ห้ามเลย...
     
  13. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ตอบ

    แบงค์พันแท้นำไปชำระหนี้ได้ตามกฏหมายครับ ใช้จับจ่ายใช้สอยได้ทุกที่ทุกเวลา
     
  14. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    สัญญาขันมีอาการอย่างไร เกิดอย่างไรดับอย่างไร อดีต ปัจจุบัน อนาคตสัญญา ยึดสิ่งใดและสานสิ่งใด ส่งสิ่งใด * * ถามเล่นๆ
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายในสายปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา
    ล้วนควรน่าศึกษาทั้งสิ้น เพราะท่านทั้งหลายเหล่านั้น ท่านสอนให้ดำเนินการดูจิตที่ถูกต้อง

    โดยให้เริ่มต้นที่กายคตาสติ มีองค์ภาวนากำกับลมหายใจเข้าออก เพื่อผูกจิตให้รู้อยู่ที่กายสังขาร(ลมหายใจ)
    เนื่องจากจิตไม่มีรูปร่างให้แลเห็นๆได้ ฉะนั้นการจะดูจิต โดยไม่มีฐานที่ตั้งแห่งการงานทางจิต
    ย่อมทำให้ผู้ดูจิตใหม่ๆ มักติดอยู่ที่อาการของจิต เมื่อรู้รับอารมณ์ไปแล้ว โดยรู้สึกตัวเมื่อเหตุเกิดขึ้น

    ต่างกับผู้ที่ได้เคยฝึกฝนอบรมทางจิตด้วยการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา
    เมื่อจิตไหวตัว ก็ย่อมระลึกรู้ได้เร็วว่า จิตกำลังไหวตัวเพราะอารมณ์ที่กำลังกระทบอยู่
    และเพียรประคองจิตให้ตั้งมั่นไม่หวั่นไปกับอารมณ์(ปล่อยวาง) เป็นการสร้างสัญญาในฝ่ายปล่อยวางอารมณ์....

    ;aa24
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ถาม-ตอบปัญหา เรื่องดูจิต โดยธรรมภูต (ต่อ)

    คำถาม เมื่อจิตยังไม่เคยสงบตั้งมั่น จะใช้เจริญสติได้มั้ย ?

    คำตอบ โดย ธรรมภูต

    การที่จะเจริญสติให้เป็นสัมมาสติได้นั้น
    ควรที่จะต้องฝึกอบรมจิตให้สงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหวในที่ ๔ สถาน
    ต้องเริ่มที่กายในกายหรือกายคตาสติ เพื่อเข้าถึงเวทนา จิต ธรรม
    ระลึกรู้อยู่ที่ฐานที่ตั้งของสติ ที่เรียกว่าสติปัฏฐาน(ฐานที่ตั้งของสติอย่างต่อเนื่อง)

    เริ่มจากฝึกสร้างสติ โดยการภาวนาอานาปานสติกรรมฐาน
    จนจิตคุ้นชินกับการระลึกรู้อยู่ที่ฐานกาย ที่จุดลมกระทบ
    เมื่อฝึกฝนจนชำนาญแล้ว ย่อมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
    ให้เกิดประโยชน์ได้โดยไม่ถูกอารมณ์ครอบงำได้ง่าย

    ใหม่ๆที่ยังอยู่ในช่วงปฏิบัติภาวนาอานาปานสติกรรมฐานอยู่นั้น
    ก็ยังสามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้
    ทำให้เราเห็นสภาวะจิตที่หวั่นไหวเมื่อกระทบอารมณ์ได้รวดเร็วขึ้น

    ถึงแม้จะยกจิตกลับเข้าสู่ความสงบได้ไม่รวดเร็วเท่าที่ควรก็ตาม
    แต่ก็ช่วยให้เรารู้ทันอารมณ์ได้เร็วขึ้นและนำจิตสู่ความสงบได้
    โดยไม่ไหลไปสู่อารมณ์อื่นๆต่อไปง่ายๆ

    ในชีวิตประจำวัน เราสามารถเจริญสติได้
    โดยมาคอยระลึกรู้อยู่ที่จุดลมกระทบหายใจเข้าออกเสมอๆ
    เมื่อว่างจากการงาน ด้วยความรู้สึกตัวทั่วพร้อม

    เมื่อเราฝึกฝนอบรมบ่อยๆเนืองๆ ย่อมทำให้เรามีการสำรวมอินทรีย์ไปด้วย
    ทำให้การปฏิบัติภาวนาอานาปานสติกรรมฐาน ได้ผลดีตามไปด้วย
    และเข้าใจสภาวธรรมที่แท้จริงได้ดี ไม่หลงไปตามอาการของจิต
    เมื่อกระทบอารมณ์แล้วจิตเกิดหวั่นไหวไปตามอารมณ์
    เราก็สามารถยกจิตกลับมาสู่ความสงบได้รวดเร็วขึ้น


    ธรรมภูต

    ;aa24
     
  17. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    รู้จักผูกก็ย่อมรู้จักแก้ แต่เมื่อไม่รู้ว่าผูกไว้อย่างไรก็ย่อมแก้ไม่ได้ ผมอนุโมทนากับทุกความเห็นครับ ไม่ตอบครับแต่ชอบฟังคนอื่นตอบเพราะว่าถ้านั่งดูดีๆแล้วจับมาเรียงลำดับวิธีใหม่ก็จะได้ลำดับด้วยตัวเองเช่นกันครับ
     
  18. จิตวิสุทธิ

    จิตวิสุทธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +101
    ขออนุโมทนาทุกคำถามและทุกคำตอบ ครับ สำหรับผมการดูจิตอย่างไร ไม่ให้ติดอาการของจิต ก็เพียงแตู่ตามรู้สภาวะของจิต อยู่เนืองๆ ไม่เพ่ง กำหนด ไปเกาะหรือยึดกับอาการของจิตจึงเกิดสติและเห็นไตรลักษณ์ด้วยครับ
    ถ้าตอบไม่ตรงอย่างไรก็ขอคำตอบจากท่านผู้รู้ท่านอื่นครับ อนุโมทนา
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ ท่านกำลังพูดขัดกันเองอยู่นะ
    คำว่า "ก็เพียงแตู่ตามรู้สภาวะของจิต" ที่พูดนี่เป็นการกำหนดรู้ของจิต(ระลึกรู้)
    คำว่า "อยู่เนืองๆ" ก็เป็นการ "เพ่ง" คือรู้อยู่อย่างต่อเนื่องเนืองๆ(มีสติ)

    ท่านอย่าเพิ่งกลัว การเพ่งและการกำหนดรู้เลย
    เรายังเป็นผู้ใหม่ต่อการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาอยู่นั้น
    ก็ยังต้องอาศัยข้อธรรมเหล่านี้ในการปฏิบัติ เพื่อความเป็นวสีของจิต....

    ;aa24
     
  20. โป

    โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +256
    การยึดจิตว่าเที่ยงเป็นมิจฉาทิฐิ......

    ทิฐิเพราะไม่รู้ เฉกเดียวกับลัทธิฤาษี

    หากท่านจะสอนใคร ควรสอนเท่าที่ท่านทำได้

    อย่างไปสอนเกินความรู้
     

แชร์หน้านี้

Loading...