ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. cat-asagit@hotmail.com

    cat-asagit@hotmail.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +453
    ขออนุโมทนากับทริปถ้ำวัวแดงด้วยคนค่ะขอให้บุญที่พวกท่านทำในครั้งนี้จะส่งผลให้ทุกท่านประสบพบเจอแต่เรื่องที่ดีงามในชีวิตนะค่ะ
     
  2. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    มาแล้วค่ะ รู้สึกว่าสมาชิกตั้งหน้าตั้งตาคอยอย่างใจจดใจจ่อกันทีเดียวเชียวนะคะ คนอื่นๆก็ยังไม่ยอมมาเล่าเรื่องกัน ต้องรอให้ดิฉันมาเล่าก่อนทุกทีซีน่า เดี๋ยวเถอะได้มีรายการแฉ เผากันซึ่งๆหน้า งานนี้มีเฮค่ะพี่น้องทั้งหลาย

    เช้าวันที่ 28 พ.ย. 52 คุณหนิงกับพี่ลีนั่งรถตู้มารับดิฉัน/คุณนัถ/น้องตู่ แล้วก็ได้แวะจอดตรงปั้มเพื่อถ่ายเอาสัมภาระพวกคอมพิวเตอร์และอื่นๆไปไว้ที่รถกระบะ จากนั้นก็ไปรับน้องอ้อย/น้องเล้ง/น้องเบนกัน เจอคุณกบกับน้องสาวแล้วก็แฟนคุณกบมารอพบพวกเราด้วยค่ะ คุณกบหอบเสบียงมาให้พวกเราเยอะเลย แล้วคุณกบก็ได้มอบพระธาตุข้าวบิณฑ์ หมวกไหมพรม ฯ ให้พวกเรานำไปถวายที่วัดด้วย ขออนุโมทนากับคุณกบในบุญครั้งนี้ด้วยนะคะ ขอให้คุณกบและครอบครัวเจริญยิ่งๆขึ้นไปทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ

    จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางไปวัดกันค่ะ แววหลงมันเริ่มส่อเค้าตั้งแต่ตอนนี้แล้วค่ะ เพราะว่าพอออกจากบ้านน้องเบน น้องเบนก็มัวแต่โม้เพลินลืมบอกทางให้คนขับ ก็เลยขับรถวนกลับไปกลับมา รถกระบะก็ขับตามมาติดๆ ดิฉันคิดว่าเขาคงคิดนะว่า มันจะขับวนไปมาอยู่ที่เดิมทำไมเนี่ย (ฮา)

    พวกเราถามทางกับน้องตู่แล้วก็พี่ลีว่าจะไปทางไหน เข้าทางไหนซึ่งทั้งสองคนก็ถามกันไปถามกันมา สรุปแล้วจำไม่ได้ทั้งสองคนเลย...เอวัง (ไม่รู้ว่าเคยมากันก่อนแล้วจริงหรือเปล่าเนี่ย ฮาฮา)

    พวกเราก็ไปแวะจอดกินข้าวเช้ากันก่อน แต่รถกระบะเขาไม่ทันเห็นก็เลยเลยไป พอออกจากร้าน ก็เลยได้โทรถามหากันว่าอยู่ตรงไหน ขับๆไปน้องตู่ก็ถามว่า "เออ..รถกระบะอยู่หน้าหรือหลังเรานี่" มีบางคนตอบว่า "วิ่งผ่านหน้าเราไปอ่ะ ใช่คันนั้นหรือเปล่า" ก็เถียงกันอยู่นั่นแหละ ดิฉันใช้มโนฯ ตรวจดูก็รู้ว่าอยู่ข้างหลังก็บอกว่า "อยู่ข้างหลัง" น้องตู่กับรถกระบะโทรตามกันไม่รู้กี่รอบ อิอิ

    ระหว่างทางพวกเราก็ได้สอบถามกันว่ายอดทั้งหมดเท่าไหร่ หักรายจ่ายแล้วเหลือเท่าไหร่ ปรากฏว่ายอดคงเหลือมีจำนวนมากอยู่ ขนาดแบ่งให้สองวัดแล้วก็ยังยอดเป็นหมื่น เลยตกลงกันว่างั้นจะถวายเป็นผ้าป่าเลยดีกว่าได้กุศลมากขึ้น ก็เลยให้รถแวะร้านสังฆภัณฑ์จัดการซื้อสบง 2 ผืนเพื่อจัดทำเป็นผ้าป่า

    และแล้วรายการหาทางลัดไปวัดถ้ำวัวแดงก็เริ่มดำเนินการขึ้น ทางลัดจริงๆค่ะ ลัดไปลัดมาจนไม่รู้ว่าไปออกไหน หาทางกันให้หัวปั่นไปหมด เนวิเกเตอร์ (คุณหนิง) ทั้งกางแผนที่ ทั้งถามชาวบ้าน แล้วก็ถามกันเองกับน้องตู่บ้าง เล่นเอาสนุกปนงงล่ะค่ะ ดิฉันเองเริ่มปวดหัวมากขึ้นๆเลยไม่ค่อยได้สนใจอะไร แต่ก็คอยฟังๆอยู่ เพราะทริปนี้เป็นงานบุญของน้องตู่ริเริ่มก็เลยปล่อยให้น้องๆจัดการกันไป อีกทั้งก่อนหน้านั้นไปวัดท่าซุงกันมา อาจารย์ชนะก็บอกแล้วว่าพวกเราสอบตกกันทั้งคณะเพราะไม่รู้จักใช้มโนฯ ให้เป็นประโยชน์ และพวกเราก็เตือนกันแล้วว่าทริปนี้กรุณาใช้มโนฯด้วย

    แต่ตลอดเส้นทาง ดิฉันไม่เห็นมีใครใช้มโนฯในการเช็คเส้นทางกันเลยสักคน ดิฉันเองยังคอยเช็คอยู่ แต่ก็ปล่อยผ่านเพราะก็จะลองดูว่ามีใครทำกันไหม ขนาดจะไปเติมน้ำมันที่ปั้ม ปตท ซึ่งน้องตู่บอกว่ามีปั้มนี้ คนขับก็เลยกลับรถไปปั้มเพราะอยู่ฝั่งตรงข้าม พอตอนจะผ่านปั้มน้องตู่บอกว่า "ไม่ใช่หรอกพี่ ปั้มมันเก่าๆ ต้องอีกปั้ม ต้องไปอีก" ซึ่งดิฉันก็คิดในใจ "ก็ปั้มนี้แหละ" คนขับก็เลยเลี้ยวกลับรถ ทันใดนั้นน้องตู่ก็บอกว่า "เออ..พี่ๆ ปั้มนี้แหละ ขอโทษที ผมจำห้องน้ำได้" (ฮา) ไม่ใช่รู้เพราะมโนฯนะ รู้เพราะจำห้องน้ำได้ ฮาฮา

    เราก็ต้องไปกลับรถมากันอีกรอบ ซึ่งรถกระบะที่ขับตามหลังมานี่ก็ขับตามเรามาติดๆเหมือนกัน คนขับนี่ก็สุดยอดค่ะ ตามติดไม่หลุดเลย ขนาดรถเลี้ยว หรือ วกกลับกระทันหัน เขาก็ตามไปทันค่ะ แต่ก็เล่นเอาคนขับงงไปหลายรอบเหมือนกัน อิ อิ

    ออกจากปั้มก็ไปกันต่อ ทีนี้น้องตู่ก็คอยบอกเส้นทาง เพราะว่าป้ายบอกทางไม่ค่อยมีค่ะ ถึงมีก็เล็กนิดเดียว ต้องอาศัยตาไวมากๆ ก่อนถึงทางแยกซ้าย ดิฉันเห็นป้ายบอกทางแล้วค่ะ แต่ไม่มีใครสังเกตุ พอจะถึงทางแยก รถเกือบจะเลยไป น้องตู่ก็บอกว่า "นี่ๆๆๆๆ" เล่นเอาคนขับงงว่า นี่ๆๆๆอะไร คือน้องตู่จะบอกว่าเลี้ยวซ้าย แต่ดันไปบอกนี่ๆๆๆ เล่นเอาเลี้ยวกันแบบเส้นยาแดงผ่าสามสิบสอง ฮากันทั้งรถ

    ทีนี้ไปถึงทางแยกวงเวียน น้องตู่ก็บอกให้ตรงไป น้องอ้อยบอกว่าให้เลี้ยวขวา เถียงกันใหญ่แบบงงๆ ดิฉันดูแล้วก็ว่าเลี้ยวขวาตามที่น้องอ้อยบอกอ่ะถูกแล้ว ก็เลยว่า "ตรงไปทางนี้แหละถูกแล้ว ทำไมไม่ใช้มโนฯ ให้มันเป็นประโยชน์ ตั้งแต่ปั้มเมื่อกี้ก็ทีนึงแล้ว" ดิฉันไม่ค่อยจะได้พูดอะไร เพราะว่าปวดหัวอย่างมาก อยากให้ถึงเร็วๆ ได้แต่นั่งกำหนดจิตไปเรื่อยๆ แต่เห็นน้องๆถกกันแล้วปวดหัวหนักกว่าเดิมอีก ก็ได้แต่ขอบารมีหลวงปู่ใหญ่ เพราะว่าแทบจะอ้วกแล้ว ปวดหัวแทบระเบิด ท่านก็ว่าให้อดทนหน่อย ใกล้ถึงแล้ว

    พอเข้าเขตหมู่บ้าน คราวนี้น้องตู่ก็เริ่มงงเป็นรอบที่ร้อยแปดค่ะ จำไม่ได้ บอกว่า"เมื่อก่อนที่ผมมา มันไม่มีบ้านคนนี่นา เอ..หรือว่าผมหลับ" (ฮา) คนอื่นๆเลยว่า "แหม..บ้านมันขึ้นภายในหนึ่งปีหรือไง" เพราะว่าบ้านแต่ละหลังดูแล้วมันอยู่มานานนมแล้วน้องเอ๊ย พวกเขาก็นั่งถกกันไปอีก ดิฉันเลยรำคาญค่ะ ก็เลยว่า "ไปอีก ตรงไปข้างหน้านี่แหละ ยังไม่ถึง แหม..บอกว่าให้ใช้มโนฯกัน อาจารย์ชนะยิ่งว่าสอบตกกันอยู่ นี่ก็สอบตกอีกแล้ว" หลังๆน้องอ้อยก็เลยเริ่มจะใช้มโนตรวจดูบ้าง ก็เลยได้บอกทางไป จนเราไปถึงวัดปราสาทดิน

    สรุปด่านนี้ทุกคนตายน้ำตื้น มีมโนฯแต่ไม่รู้จักใช้ จริงๆน้องๆทุกคนได้มโนฯแจ่มชัดกว่าดิฉันทุกคนเลย แต่มักใช้มโนฯไปสำรวจในสิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็น ไอ้พวกเรื่องไร้สาระอยากรู้อยากเห็นอ่ะ ใช้กันจัง แต่ไอ้เรื่องที่สมควรใช้กลับไม่ใช้ สรุปให้ตกทุกคน ไม่ผ่าน น้องอ้อยก็เพิ่งมาใช้ทีหลัง หลังจากที่ดิฉันพูดไปหลายครั้งแล้ว ก็ถือว่าไม่ผ่านเหมือนกัน

    -----------------------------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 ธันวาคม 2009
  3. ปัญจ์ธน

    ปัญจ์ธน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +855
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 พย. ได้ทำบุญทอดผ้าป่า ถวายพระพุทธรูปพร้อมผ้าไตรจีวร ที่วัดดอนไชย ต.กลางเวียง อ.เวียงสา่ จ.น่าน

    การสร้างพระพุทธรูปและถวายพระไตรจีวรนี้ผมทำตามคำแนะนำของกับตัน เอารูปขึ้นไม่ได้ กำลังขอความช่วยเหลือจากทีมงานกับตันเรือธรรมลำนี้อยู่



    ธรรมะไม่กลับมา โลกาวินาส
     
  4. ปัญจ์ธน

    ปัญจ์ธน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +855
    รูปถวายผ้าป่าและพระพุทธรูป ตั้งกองผ้าป่าที่บ้านผมเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB290334.JPG
      PB290334.JPG
      ขนาดไฟล์:
      770.9 KB
      เปิดดู:
      68
    • PB290340.JPG
      PB290340.JPG
      ขนาดไฟล์:
      767.7 KB
      เปิดดู:
      70
    • PB290343.JPG
      PB290343.JPG
      ขนาดไฟล์:
      772 KB
      เปิดดู:
      69
    • PB290344.JPG
      PB290344.JPG
      ขนาดไฟล์:
      768.3 KB
      เปิดดู:
      67
  5. ปัญจ์ธน

    ปัญจ์ธน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +855
    รูปชุดที่สอง ขอขอบคุณคุณเจ๋วะรัฐถะที่ให้คำแนะนำในการนำรูปลงกระทู้


    ธรรมะไม่กลับมา โลกาวินาส
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB290342.JPG
      PB290342.JPG
      ขนาดไฟล์:
      788.2 KB
      เปิดดู:
      69
    • PB290346.JPG
      PB290346.JPG
      ขนาดไฟล์:
      769.8 KB
      เปิดดู:
      68
    • PB290353.JPG
      PB290353.JPG
      ขนาดไฟล์:
      788.6 KB
      เปิดดู:
      69
    • PB290354.JPG
      PB290354.JPG
      ขนาดไฟล์:
      779 KB
      เปิดดู:
      70
    • PB290361.JPG
      PB290361.JPG
      ขนาดไฟล์:
      348.8 KB
      เปิดดู:
      55
    • PB290370.JPG
      PB290370.JPG
      ขนาดไฟล์:
      786.5 KB
      เปิดดู:
      75
  6. konkangwad

    konkangwad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +5,910
    อนุโมทนาสาธุกับคณะที่ไปทำบุญวัดถ้ำวัวแดงและบุญจากท่านอื่นๆด้วยครับ
     
  7. ปัญจ์ธน

    ปัญจ์ธน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +855
    รูปชุดที่ ๓




    ธรรมะไม่กลับมา โลกาวินาส
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB290376.JPG
      PB290376.JPG
      ขนาดไฟล์:
      774.9 KB
      เปิดดู:
      59
    • PB290378.JPG
      PB290378.JPG
      ขนาดไฟล์:
      776.5 KB
      เปิดดู:
      62
    • PB290379.JPG
      PB290379.JPG
      ขนาดไฟล์:
      786.3 KB
      เปิดดู:
      73
    • PB290440.JPG
      PB290440.JPG
      ขนาดไฟล์:
      772.1 KB
      เปิดดู:
      65
    • PB290455.JPG
      PB290455.JPG
      ขนาดไฟล์:
      780.5 KB
      เปิดดู:
      65
  8. assume

    assume เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +1,931
     
  9. ปัญจ์ธน

    ปัญจ์ธน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +855
    วัดที่ไปทำบุญเป็นวัดเก่าแก่ในหมู่บ้าน สร้างมาแล้วประมาณ 200 กว่าปี 4-5 ปีมานี้ไม่มีกฐิณเลย ปีหน้าตั้งใจว่าจะหากฐินไปถวาย จะขอบอกบุญมายังกัลยามิตรในกระทู้นี้ ร่วมทอดกฐินที่วัดดอนไชย ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน ในปี 2553



    ธรรมะไม่กลับมา โลกาวินาส
     
  10. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ก่อนที่จะถึงวัดปราสาทดิน ดิฉันซึ่งปวดหัวมากๆก็เลยได้นั่งกำหนดจิตไปเรื่อยๆ ตอนหลังหลังจากที่บอกทางไปแล้วก็มานั่งกำหนดจิตต่อ ก็เห็นพวกพ่อเฒ่าแม่เฒ่าจำนวนนึงขึ้นมาในจิต ก็เลยได้ถามไปว่า พวกท่านเป็นใคร ท่านก็ว่าท่านก็อยู่ที่ถ้ำวัวแดงกันนั่นแหละ ตอนนี้มารอรับส่วนบุญส่วนกุศล ซึ่งดิฉันก็ว่ารออีกหน่อย ท่านก็ว่าให้ดิฉันอดทนเหมือนกัน เพราะรู้ว่าดิฉันปวดหัวอยู่

    แล้วแม่เฒ่าคนหนึ่งท่านก็พูดบอกมาว่า "ลูกเอ๊ย..ลูกเป็นคนดีเน้อ บุญบารมีเยอะอยู่ ตั้งใจทำความดีให้มากๆนะ ช่วยเหลือคนไปเรื่อยๆ..ส่วนไอ้คนนั้นนะ ไอ้หนุ่มนั่นน่ะ (หมายถึงน้องตู่) มันก็ดีนะ บุญเยอะ อีกหน่อยมันจะต้องได้บวช..ส่วนเจ้าอ้อยนั่นก็มีดีเหมือนกัน แต่ขี้โมโหไปหน่อย..เจ้าตัวเล็ก (หมายถึงน้องเบน) นี่ยังเด็กๆ ยังต้องฝึกอีกเยอะ..ส่วนเจ้าเล้งนี่ยังขี้สงสัยอยากรู้อยากเห็น นี่ก็ยังต้องฝึกอีกเยอะ...ผู้หญิงคนนั้น (คุณหนิง) ก็ดีนะ เก่งด้วย ไม่นานจะได้ดี..ตานัถนี่ชอบถือตัวถือตน ส่วนนังหนูลีนี่อีกไม่นานก็ได้มโนฯ"

    เออ..อันนี้ก็ไปพิจารณากันเอาเองนะคะ พวกสมาชิกทัวร์ถ้ำวัวแดงทั้งหลาย เพราะว่าดิฉันก็บอกเล่าตามที่ท่านแม่เฒ่าท่านพูดมา ดิฉันมิได้พูดเองนะคะ หากว่าไม่ถูกต้องประการใดก็ต้องไปสอบถามกับท่านแม่เฒ่าเอาเองเน้อ ซึ่งท่านแม่เฒ่านั้นก็คือเทพกายทิพย์ที่อยู่ที่ถ้ำวัวแดงนะคะ

    พอรถไปถึงวัดปราสาทดิน ดิฉันก็ลงไปยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ก่อน ไม่ไหวมันจะอ้วกแล้ว ยืนอยู่สักพักรู้สึกว่าดีขึ้นก็เลยเตรียมขนของเข้าไปในข้างในกัน เพื่อจะได้ทำการถวายให้ทางวัด จากนั้นหลวงพ่อท่านก็มาแล้วก็เริ่มสอนธรรมะพวกเรานิดหน่อย แต่พอท่านพูดๆไปธรรมะกลับไหลลื่น หลวงพ่อแทนตัวเองว่าหลวงปู่ ท่านว่านี่ที่พูดอยู่นี่ หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านมาบอกว่าให้พูดนะ ไม่ได้พูดเอง ธรรมะที่หลวงปู่สอนมานี่ โดนใจดิฉันสุดๆเพราะว่าเป็นเรื่องที่ยังข้องใจ ยังไม่แจ่มแจ้งเท่าที่ควร จากที่อธิษฐานมามันก็มาได้สมความปรารถนาจริงๆ ดิฉันจะนำมาเล่าย่อๆแล้วกันนะคะ เพราะว่าไม่ได้มีเทปไปอัด อาศัยสมองจำเอาเท่านั้นเอง หลวงปู่มีเมตตาสอนว่า

    "ทุกคนเกิดมามีทุกข์ ทุกข์เพราะอะไรรู้ไหม ไม่ใช่ว่าทุกข์เพราะไม่มีเงินจะใช้(อ๊ะจ๊ากกกกก โดนไปแล้วดอกนึง) ไอ้ทุกข์แบบนี้มันเป็นทุกข์ทั่วๆไป เป็นปกติธรรมดา มันต้องนึกถึงทุกข์ที่ต้องเกิดมานี่ต่างหาก ใช่ไหม เกิดกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว แล้วเราได้คิดไหม ร่างกายเราอ่ะมันเป็นอะไร มันก็เป็นแค่ธาตุทั้งสี่ของโลก เราไม่มีตัวตน ตัวตนเรามีไหม ไหนลองจับดูซิ ตัวเราอยู่ที่ไหน อย่างหลวงปู่จับลงไปตรงนี้ มันใช่ตัวเราไหม มันก็ไม่ใช่ใช่ไหม เป็นจีวรใช่ไหม เราไม่มีตัวตน ไหนใครว่าเรามี ลองจับให้หลวงปู่ดูหน่อยซิว่าตัวอยู่ตรงไหน (ตอนนี้คุณหนิงก็จับไปที่แขนก็ว่าตัว ซึ่งหลวงปู่ก็บอกว่าไหนตัว นั่นมันเป็นหนัง) ใช่ไหม เราไม่มีตัว จับลงไปตรงไหนก็ไม่ใช่ตัว แต่เป็นพวกธาตุทั้งสี่ประกอบขึ้นมา ไม่นานมันก็ดับสลายไป ให้เราดูจิตเรา ไม่ต้องไปดูที่อื่น ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต้องไปสนใจ ดูที่จิตเราอย่างเดียว ดูให้รู้ ทำสมาธิ การนั่งก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปนั่งเป็นสามสี่ชั่วโมงหรอก นั่งแค่สิบนาที สามสิบนาทีก็ใช้ได้ ถ้าเราได้ดูจิตเราจริงพิจารณาได้จริงๆ (อันนี้ก็โดนอีกดอกนึง) จะนั่งเท่าไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเยอะ อันนี้หลวงปู่เคยลองมาก่อนแล้ว นั่งแบบสามสี่ชั่วโมงนี่แหละ แต่บางทีมันก็ไม่ได้อะไรเลย ฉะนั้นไม่ต้องไปกำหนดมัน แล้วที่พวกลูกๆทำนี่ก็ดีแล้ว ปิดทางลงอบายภูมิแล้ว หลวงปู่ไม่ได้ให้ลูกๆต้องมาเป็นแบบหลวงปู่หรอก (ตั้งแต่ท่านเทศน์ ท่านนั่งมองหน้าดิฉันนิ่งเลย ไม่ได้มองไปที่คนอื่นเลย ถ้าใครดูจากรูปจะเห็นว่าดิฉันอ่ะ นั่งอยู่แถวหลัง ข้างหน้าเป็นน้องตู่ แต่ท่านก็เทศน์เหมือนจะเจาะจงมาที่ดิฉันเลย เพราะท่านนั่งมองหน้าตลอด) ไม่จำเป็นจะต้องมาอยู่วัด อยู่บ้านก็ทำได้ เป็นพระโสดาบัน ดูอย่างนางวิสาขาซี เป็นโสดาบันแต่ก็มีครอบครัวใช้ชีวิตเป็นปกติได้ ไม่จำเป็นต้องมาบวช (อันนี้ก็โดนไปอีกหนึ่งดอก เพราะว่าดิฉันเองก็ยังมีกรรมเรื่องคู่อยู่) พยายามละสังโยชน์กันไปเรื่อยๆ เอาแค่สามข้อก็ได้เป็นพระโสดาบันแล้ว แค่นี้ก็รับรองว่าไม่มีทางลงอบายภูมิแล้ว ถ้าเราไม่ได้ไปนิพพาน อย่างน้อยเราก็ได้ไปสวรรค์ ไปพรหมกัน (ฟังท่านเทศน์ไปเรื่อยๆ ดิฉันก็น้ำตาซึมค่ะ ร้องไห้ออกมาเอง) ให้รู้อยู่กับปัจจุบัน อย่าไปคิดถึงอะไร ทำปัจจุบันให้มันดี ทำอย่างที่พวกเราทำๆกันอยู่นี่แหละ หลวงปู่ก็ฝากไว้นะ เอาไปทำกัน ดูจิตตัวเองนี่แหละ ไม่ต้องดูอะไรอื่นไกล"

    ก็จำมาได้เท่านี้แหละค่ะ เผื่อท่านอื่นจำอะไรได้อีกก็มาช่วยเสริมหน่อยก็ดีนะคะ หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ถวายผ้าป่ากัน แล้วท่านก็ว่า "เมื่อกี้ถ้าใครมีตาใน ตอนถวายก็คงจะเห็นนะว่ามีอะไรบ้าง (คือ มีหลายท่านเสด็จมาค่ะ)" ตอนกรวดน้ำท่านให้เอาที่กรวดน้ำมาให้ทุกคน ซึ่งตอนแรกพวกเราก็ว่าไม่เป็นไร จับต่อๆกันไปก็ได้ ท่านก็ว่าให้มีครบทุกคนนั่นแหละ ของใครของมัน เพราะหากว่าชาติหน้าฉันใดเกิดมาอีก จะได้เป็นเอกเทศไม่ต้องไปพึ่งใคร อันนี้พวกเราก็รับไว้พิจารณาค่ะ ก็เลยต่างคนต่างกรวดของตัวเอง พอกรวดน้ำเสร็จ ท่านก็ว่า "มา..หลวงปู่จะแจกสายสิญจ์ อันนี้ดีนะ ช่วยเหลือได้จริง เคยมีคนใส่ไว้แล้วขับรถไปเกิดอุบัติเหตุ รถพังยับแต่คนไม่เป็นอะไรเลย ก็แค่เล่าให้ฟัง แต่ว่าให้ใส่ไว้ทุกคน จำเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไร ห้ามถอดออกจากตัวเด็ดขาด" ท่านย้ำนักย้ำหนาว่า ห้ามถอดออกจากตัว ย้ำอยู่หลายรอบมาก จนดิฉันก็ยังแปลกใจ เพราะปกติเวลาเราไปทำบุญที่วัดไหน ก็เคยได้พระหรือได้สายสิญจ์มา เขาก็ไม่ได้บังคับให้เราใส่ แต่นี่หลวงปู่ท่านให้พวกเราใส่คอไว้เดี๋ยวนั้นเลย สำหรับผู้ชายท่านสวมหัวให้เลย แต่สำหรับผู้หญิงท่านโยนใส่หัวพวกเราแล้วให้เรามาใส่เอง พวกเราก็ใส่ไว้ทันทีตามที่ท่านสั่ง หลังจากนั้นท่านก็พรมน้ำมนต์ให้พวกเรา แล้วท่านก็บอกว่า "หลวงปุ่ขอแรงให้พวกเราขึ้นไปที่ชั้นเจ็ดก่อน ไปไหว้สมเด็จองค์ปฐม ส่วนชั้นที่หกสงวนไว้สำหรับพระอริยสงฆ์สี่ภาค ดังเช่น หลวงปู่โต (อริยสงฆ์ด้านพระธรรมเทศนา) ครูบาศรีวิชัย (อริยสงฆ์ด้านวิริยะ) หลวงปู่ทวด (อริยสงฆ์ด้านเมตตากรุณา) หลวงปู่มั่น (อริยสงฆ์ด้านการปฏิบัติ) อริยสงฆ์ก็คืออริยสัจนั่นเอง เมื่อก่อนหลวงปู่ก็ไม่รู้นะ พอมาศึกษา เอ..อริยสงฆ์ก็คืออริยสัจ 4 นั่นเอง เอาละขึ้นไปข้างบนก่อนนะ ไปตีระฆังให้มันดังกังวานทีซิ"

    พวกเราก็เลยเดินขึ้นบันไดไปข้างบนกัน บันไดเป็นเหล็ก มีร่องโปร่งๆให้เห็นเลย เดินไม่ดีมีหวังตกร่องบันได ต้องค่อยๆเดินกันอย่างระมัดระวัง ขึ้นไปชั้นสองมีรูปปั้นปู่นาคาอยู่ พอน้องเบนมาเห็นเท่านั้นแหละ ทำนบน้ำตาพัง เขื่อนแตก ร้องไห้โฮเลย ก็เลยปล่อยให้น้องนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ตรงนั้นก่อน น้องตู่กับดิฉันก็เดินขึ้นไปต่อ พอไปถึงชั้นเจ็ด เปิดประตูไปเป็นดาดฟ้า มีทางเดินเล็กๆ แต่ข้างขวามือเป็นห้องๆหนึ่ง แรกๆดิฉันไม่ทันเห็นห้อง ก็เลยเดินไปตามทางข้างนอกรอบห้องเพื่อมองหาระฆัง เพราะหลวงปู่สั่งให้มาตีระฆัง ก็ไม่เห็นระฆังสักใบเลย น้องตู่ก็ว่า ไปพี่กลับเถอะ น้องตู่ก็เดินกลับมาก่อน ดิฉันก็ยังคงมองหาระฆังอยู่ แล้วก็เดินตามน้องตู่กลับมาตรงประตู แต่ตรงประตูมีน้องอ้อยยืนอยู่ ดิฉันก็เลยได้หยุดยืนอยู่ตรงทางเดิน แล้วทันใดนั้นดิฉันก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นสามที "ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง" แล้วก็หยุดสักพัก ก็ดังขึ้นมาอีกสามที "ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง" ดิฉันยิ้มขึ้นมาทันที ชะโงกไปดูตรงยอดฉัตรก็เห็นว่ามีระฆังเล็กๆหลายอันห้อยอยู่บนยอดฉัตร ใช้มโนฯตรวจดูเลยเห็นว่า เทวดามาตีระฆังให้ เพราะระฆังดังแปลกๆ ดังขึ้นครั้งละสามที แล้วก็ไม่ใช่ว่าเสียงปกติด้วย เป็นเสียงจากระฆังใบเดียวไม่ใช่หลายใบ เสียงนี้ดิฉันจำได้ดี เพราะว่าเสียงเหมือนกับใบต้นโพธิ์ที่อยู่บนวิมานดิฉันนั่นเอง ดิฉันลองไปถามคนอื่นๆดูว่า ได้ยินเสียงระฆังไหม ซึ่งน้องตู่กับคุณหนิงก็บอกว่าได้ยิน ยังคิดกันเลยว่า คุณสาวไปตีระฆัง (บ้าแล้ว ขืนดิฉันไปตีก็เป็นแม่นาคละค่ะ เพราะต้องยื่นมือยาวๆลงไปตีที่ยอดฉัตร)

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB280006-tile.jpg
      PB280006-tile.jpg
      ขนาดไฟล์:
      221.3 KB
      เปิดดู:
      142
    • PB280012A.jpg
      PB280012A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.1 KB
      เปิดดู:
      103
    • PB280014A.jpg
      PB280014A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      134.9 KB
      เปิดดู:
      101
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 ธันวาคม 2009
  11. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    แอบมาบอกว่า มีเรื่องตื่นเต้นที่บนถ้ำด้วยค่ะ เดี๋ยวรอพี่สาวมาเล่าต่อนะคะ มีหลายเรื่องค่ะ ^_^

    มาบอกให้อยาก แล้วก็จากไป 555
     
  12. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    สาธุ สาธุ สาธุ ..... สมพรปากพี่สาวนะคะ (^_^)
    หนูดีใจเป็นปลื้มมากเลยค่ะพี่ ที่พี่เมตตาอวยพรให้ ..ยิ้มแทบไม่หุบเลยเนี่ย

    ขอพรพี่ส่งถึงน้องๆ กลุ่มภัยพิบัติด้วยนะคะ เพราะน้องๆเป็นคนมอบ
    พระธาตุข้าวบิณฑ์ทั้งหมด และหมวกไหมพรมอีก 9 ใบให้น่ะค่ะ (รวมของหนูอีก 2 เป็น 11 ใบ)
    โอกาสหน้าคงได้ร่วมบุญกันอีกนะคะ ...อย่าลืมบอกกันนะคะ...สาธุค่ะ

    ;41 -Happy Smile_ (kiss) (f)
     
  13. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขอขอบคุณและอนุโมทนาเป็นอย่างสูง ที่ท่านกัปตันได้นำธรรมะดีๆ มาฝาก
    และขออนุโมทนาในบุญกุศลทั้งหลายทั้งปวง ที่ทุกๆ ท่านได้บำเพ็ญไว้ดีแล้ว
    ขอบุญทั้งหมดนี้จงเป็นปัจจัยให้ทุกๆ ท่านเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้ เทอญ.
     
  14. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    จากนั้นก็ได้เข้าไปในห้องเพื่อไหว้พระขอพร อ้อ..ลืมบอกไปว่า ตอนเดินขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดปุ๊ป เจอหลวงปู่ใหญ่ข้างบนเลย ท่านเอาไม้เท้าเคาะหัวแล้วบอกว่า "ขึ้นมาถึงจนได้นะ" ในห้องมีฆ้องอันใหญ่ตั้งอยู่ด้วย ก็เลยได้ลูบฆ้องเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเอง จากนั้นคนอื่นๆก็ลูบตามกันไป ดิฉันเดินออกมารอตรงทางเดินด้านนอก สักพักน้องอ้อยออกมาบอกว่า "แม่ๆ ขออีกรอบ" "อะไรอีกรอบ" "ให้ลูบฆ้องอีกรอบนึง" "ลูบทำไมหลายรอบอ่ะ" แต่ก็ไปลูบจนได้เหมือนกัน อิอิ

    แล้วเราก็กลับลงมาเพื่อเดินทางต่อไปยังวัดถ้ำวัวแดง ไปถึงก็ขนของลงมาจัดตั้งไว้เพื่อทำการถวายให้กับทางวัด ตอนที่ถวายของเสร็จก่อนจะกรวดน้ำ หลวงพ่อขอให้เราอุทิศบุญกุศลให้กับพระเจ้าอยู่หัวแล้วก็ราชวงศ์ก่อน แล้วค่อยกรวดให้กับผู้อื่นต่อไป

    ทางวัดได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้พวกเราเรียบร้อยแล้ว ก็เลยได้ทานอาหารเย็นกันก่อนขึ้นไปข้างบน พอทานอาหารเย็นกันเสร็จก็เตรียมตัวเดินขึ้นข้างบนกัน จัดเตรียมสัมภาระขึ้นใส่หลัง และหิ้วของต่างๆ ตอนที่เราจะขึ้นไปข้างบนกัน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณหกโมงเย็นแล้ว เริ่มจะมืดก็เลยได้เตรียมไฟฉายสำหรับส่องทางกันด้วย ก่อนขึ้นได้ไปจุดธูปไหว้พระตรงทางขึ้นก่อนเพื่อขอพรพระและขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เมื่อไหว้พระกันเสร็จก็เริ่มเดินขึ้นข้างบน มีหลวงพี่องค์หนึ่งท่านพาเดินนำขึ้นไป เดินขึ้นไปก็ทรงภาพพระไปด้วย นึกถึงพระศาสดาแล้วก็หลวงปู่ใหญ่ ไม่เคยคิดที่จะนับว่าบันไดมันได้กี่ขั้นแล้ว กลัวว่ากำลังใจจะตก (ฮา) เดินไปก็หยุดพักไปเป็นระยะๆ แรกๆยังไม่เท่าไหร่ พอไปได้สักพัก โห..มันเหนื่อยเหมือนกันนะ ก็พยายามหยุดให้ใจมันเต้นช้าลงหน่อย พอมันหายเหนื่อยแล้วค่อยเดินต่อ จนไปถึงจุดพักที่แรกก็เลยได้นั่งพักกันสักครู่ก็เดินขึ้นไปใหม่

    เดินขึ้นไปก่อนถึงช่วงทางโค้ง แล้วก็บันไดชันๆนั้น พวกเราก็หยุดรอคนข้างหลัง รู้สึกว่าจะเป็นคุณหนิงหรือน้องเบนเพราะอยู่ไกลๆโน่น ส่วนดิฉันเองตอนนั้นเริ่มจุกแล้วเหมือนกัน อยากจะอ้วกแล้ว เนื่องจากเพิ่งกินข้าวกันมาแล้วก็เดินขึ้นเลย คิดอยู่เหมือนกันว่า อาจจะจุกจนอ้วกได้ สุดท้ายก็เกิดอาการจริงๆ แทบจะทนไม่ไหวแล้ว ใจก็เต้นยังกับจะออกมานอกอก ทนไม่ไหวเลยได้ขอบารมีหลวงปู่ใหญ่ท่านให้ช่วยเหลือ ก็เลยดีขึ้น รอจนคุณหนิงกับน้องเบนเดินมาถึงที่พวกเรารออยู่ แล้วให้ทั้งสองคนพักสักครู่ ค่อยพากันเดินขึ้นไปใหม่ ทางก็ชันมากๆ เดินไปจนถึงจุดพักแห่งที่สองก็เลยได้นั่งพักกัน

    พักกันสักครู่ใหญ่ๆ ก็เริ่มเดินขึ้นกันต่อ ซึ่งตอนนี้ดิฉันก็ได้เอาจิตเดินคุยกับพวกท่านพ่อเฒ่าและแม่เฒ่าไปเรื่อยๆ ทำให้เพลินดีเหมือนกัน ไม่รู้สึกว่ามันเหนื่อยแต่อย่างใด เดินไปจนเห็นพี่ลีเดินมาที่น้องอ้อย บอกว่าพี่ช่วยถือของให้ น้องอ้อยบอกว่าไม่เป็นไรพี่ พี่ลีก็บอกว่า พี่ถึงแล้ว เราได้ยินก็นึกในใจว่า อ้าวถึงแล้วเหรอ ทำไมไวจัง กำลังคุยกับเทพเพลินๆเลย จากนั้นก็เอาของไปวางไว้แล้วก็นั่งพัก บางคนก็เดินขึ้นไปอีกนิดบนถ้ำว่ามีที่ให้พวกเราพักหรือเปล่า เพราะหลวงพี่บอกว่ามีอีกคณะหนึ่งมาถึงก่อนหน้าเรา เข้าไปพักก่อนแล้ว ส่วนบางคนก็เริ่มไปอาบน้ำกัน ไม่นานพวกที่เดินไปดูที่พักก็กลับมาบอกว่า พักได้ก็ตกลงจะไปพักในถ้ำกัน เพราะอุ่นดี ข้างนอกจะหนาว ก็เลยอาบน้ำก่อนขึ้นไปพัก เหมือนอาบน้ำแช่น้ำแข็ง ฮา เย็นดีจริงๆ เย็นมากมาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB280036A.jpg
      PB280036A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      160 KB
      เปิดดู:
      116
    • PB280039A.jpg
      PB280039A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      153.3 KB
      เปิดดู:
      119
    • PB280043A.jpg
      PB280043A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      117.2 KB
      เปิดดู:
      137
    • PB280044A.jpg
      PB280044A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      157.4 KB
      เปิดดู:
      119
    • PB280048A.jpg
      PB280048A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.8 KB
      เปิดดู:
      108
  15. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อาบน้ำกันเสร็จก็เดินขึ้นไปข้างบนเพื่อเข้าไปพักในถ้ำ ตอนเข้าไปในถ้ำ คูหาแรกมีอีกคณะหนึ่งพักอยู่ เราต้องเดินผ่านเข้าไปที่คูหาข้างในซึ่งกว้างกว่า กว้างพอให้พวกเราทั้งคณะนอนพักกันได้ทั้งหมด พอจับจองที่นอนกันได้แล้ว ก็จัดแจงเครื่องนอนของแต่ละคน น้องตู่ น้องเล้ง คุณนัถ นอนอยู่ด้านในติดกับพระพุทธรูป ถัดจากคุณนัถมาก็เป็นน้องเบน คุณหนิง น้องอ้อย ดิฉัน แล้วก็พี่ลีรั้งท้าย

    เมื่อจัดแจงที่นอนเสร็จก็เลยได้นั่งสมาธิ ตอนแรกคิดว่าจะไปกราบพระศาสดาก่อน แต่ว่าพอเข้ามโนฯปุ๊ป ก็เจอหลวงปู่ใหญ่มาดักรออยู่ก่อนแล้ว ท่านเลยพาไปที่ถ้ำน้ำแล้วก็นั่งสนทนาธรรมกับหลวงปู่ใหญ่อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ระหว่างที่นั่งสมาธิ ก็ได้ยินเสียงคนของอีกคณะหนึ่งดังมาเป็นระยะ ส่งเสียงรบกวนตลอดเวลา คณะนั้นมีพระมาด้วยองค์หนึ่ง ท่านก็นำสวดมนต์ แผ่เมตตา พอท่านเริ่มสวดก็ได้ยินเสียงคนหาวเสียงดัง หาวเรื่อยๆ จนตอนหลังก็เริ่มได้ยินเหมือนอาการอ้วก หลวงปู่ท่านก็พยายามบอกว่าอย่าไปสนใจ ก็นั่งสนทนากับท่านต่อ จนคณะนั้นสวดมนต์เสร็จ ตอนหลังมาก็ได้ยินเสียงคนในคณะนั้นพูด แต่เป็นภาษาแขก รบกวนสมาธิอีก ทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ก็เลยลาท่านออกจากสมาธิ แล้วก็แปลกมากปกติเวลานั่งสมาธิ จิตจะนิ่งใจจะสงบ แต่นี่ตั้งแต่เข้าไปในถ้ำจนนั่งสมาธิก็แล้ว ใจมันเต้นแรงน่าดู ไม่สงบเลย ก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะอากาศไม่ค่อยผ่านมั้งเลยทำให้อึดอัด

    พอออกจากสมาธิมาก็เห็นคนอื่นๆ เขานั่งสมาธิกันอยู่ บางคนก็นั่งสนทนาอยู่กับหลวงพี่ ดิฉันก็เลยสวดมนต์ แล้วก็แผ่เมตตา แล้วก็มาสวดคาถาชินบัญชรเพื่อคุ้มครองตัวเอง พอเริ่มสวดคาถาชินบัญชร เสียงเทพแขกด้านนอกก็เริ่มส่งเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ ดิฉันเริ่มจุกอกหายใจไม่ออก ก็พยายามสวดมนต์เสียงดังขึ้นกว่าเดิม เอาจิตตั้งมั่นนึกถึงพระศาสดา หลวงปู่ใหญ่ แล้วก็สวดจนจบ อาการจุกอกหายใจไม่ออกจึงได้หายไป ตอนหลังพอพวกน้องๆออกมาจากสมาธิก็มาคุยกันถึงเรื่องนี้ เพราะแต่ละคนมีอาการแตกต่างกันออกไป แต่ว่าเป็นกันเกือบทุกคน ต้องให้แต่ละคนมาเล่าให้ฟังเองว่า เจออะไรมาบ้าง พอคุยๆกันพี่ลีก็ว่า "สาว พี่ขอกำแพงแก้วครอบมาถึงพี่ด้วยนะ" ก็เลยบอกพี่ลีว่า "อ๋อ..พี่ลี เขาเข้าไม่ได้หรอกค่ะ ปิดตั้งแต่ทางเข้าตรงองค์พระแล้วค่ะ พี่ลีสบายใจได้"

    จากนั้นพวกเราก็นั่งคุยกันสักพัก ก็พากันเข้านอน แต่ดิฉันกลับยังนอนไม่หลับ ก็นอนฟังพวกคนอื่นๆนอนกรนกันดังสนั่นหวั่นไหว (ฮา) สุดท้ายเลยนอนสมาธิไปนั่งสนทนาธรรมกับหลวงปู่ใหญ่ต่อ ดิฉันไม่ได้เข้ามโนฯไปเที่ยวเมืองบาดาลหรือไปดูพญานาคเหมือนคนอื่นๆเขา เพราะว่าเคยไปมาแล้ว แล้วก็รับรู้แล้วว่าพญานาคน่ะมีอยู่จริง ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร คงไปหาแต่หลวงปู่ใหญ่เท่านั้น สนทนากับหลวงปู่ใหญ่จนนานพอดูก็กลับออกมาว่าจะนอนหลับ ก็ให้ได้ยินเสียงคนคณะนอก เริ่มหาวอีกแล้ว แล้วก็อ้วก จากนั้นได้ยินเสียงเทพแขกอีก ดิฉันเลยภาวนาบทสวดอิติปิโสจนหลับไป รู้สึกตัวตื่นมาเป็นระยะๆ แต่พอตื่นมาก็สวดอิติปิโสโดยอัตโนมัติ เป็นอย่างนี้ตลอดจนเช้า

    -----------------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB280050A.jpg
      PB280050A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      190 KB
      เปิดดู:
      114
    • PB280052A.jpg
      PB280052A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      143.1 KB
      เปิดดู:
      120
    • PB280054A.jpg
      PB280054A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.9 KB
      เปิดดู:
      122
    • PB290057A.jpg
      PB290057A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      140.4 KB
      เปิดดู:
      122
  16. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อันนี้ฟ้องด้วยภาพ

    คุณนัถนี่เป็นโรคประหลาด ถ้ายังไม่หลับจะหิวทุกสี่ชั่วโมง (ทำยังกับกินยาแก้ปวด ทุกสี่ชั่วโมง) นี่เลยภาพนี้ แกเล่นพกข้าวห่อขึ้นมากินบนถ้ำด้วยแบบไม่เกรงใจใคร ก็เลยได้มีพวกกายทิพย์มานั่งจ้องดูแกกิน ดูได้จากวงกลมที่วงไว้นะคะ

    --------------------------------------------------------------

    โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการดูและอ่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB280054A.jpg
      PB280054A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.9 KB
      เปิดดู:
      283
  17. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ทริปนี้ที่ไปเราก็ถ่ายติดกายทิพย์กันมาทั่วหน้าค่ะ รูปคุณหนิงก็มีติดมาค่ะ

    -----------------------------------------------------------------------

    โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการดูและอ่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB280050A.jpg
      PB280050A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      177.3 KB
      เปิดดู:
      246
  18. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พวกเราตื่นมาตอนตีสี่สิบนาที จากนั้นต่างคนต่างก็นั่งสมาธิกัน พอออกจากสมาธิมา ทุกคนก็เริ่มถ่ายภาพตามมุมต่างๆของถ้ำ ตอนแรกไม่มีใครถ่ายรูปกายทิพย์ติด ต้องขออนุญาตก่อนถึงจะถ่ายติด กลับกันกับของดิฉัน ถ่ายติดตั้งแต่แรก แต่พอเราลองขออนุญาตถ่ายบ้าง กลายเป็นว่าถ่ายไม่ติดกายทิพย์เลย ก็แปลกดี จนพอใกล้หกโมงเช้าก็แพ๊คของเก็บใส่กระเป๋ากัน แล้วลงมาข้างล่างเพื่อมาทำอาหารเช้าเตรียมถวายพระ

    งานนี้แม่ครัวหัวป่าทั้งหลายก็ช่วยกันหุงหาอาหารละค่ะ เราทำข้าวต้มถวายพระแต่ว่าก็หุงข้าวสวยด้วย เผื่อว่าพระท่านอยากทานข้าวสวย อาหารก็มีหัวไชโป๊ผัดไข่ ยำผักกาดดอง ปลาสลิด ปลาเค็ม หมูแดดเดียว หมูหยอง ฯ พวกเราถวายเป็นสังฆทานนะคะ เพราะได้อานิสงค์มากกว่า ถวายเสร็จพระท่านก็ให้พรแล้วเราก็กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลกัน หลังจากที่พระท่านฉันเสร็จแล้ว พวกเราก็ได้กินอาหารนั้นต่อจากพระท่าน ระหว่างที่กำลังนั่งกินกันอยู่ ดิฉันไม่เห็นน้องตู่กับน้องเล้ง เลยถามว่าไปไหน คนอื่นๆเลยว่าอยู่นั่น คุยกับหลวงตาอยู่ สักพักทั้งสองคนก็เดินกลับมากินข้าว ดิฉันก็เลยว่า

    ดิฉัน - เอ๊า..ว่ายังไง ได้ธรรมะอะไรมา เอามาบอกกันบ้าง อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว

    น้องตู่ - อ๋อ..หลวงตาบอกว่า ที่มาถวายตู้พระไตรปิฏกนี่ดีนะ

    พวกเรา - ดียังไง

    น้องตู่ - ก็แบบว่า ยังไงดีละ แบบว่ามันได้เต็มเลย ครบทั้งหมด

    ดิฉัน - อะไรละ งง

    น้องตู่ - ก็คือเราตั้งใจถวาย แล้ว ก็ของที่ถวายก็ยังไงดีละ ผมอธิบายไม่ถูก

    พวกเรา - เอ๊า..เล้ง ไปฟังด้วยกัน อธิบายหน่อยซิ

    ดิฉัน - อย่าเลย พอกันแหละ ครั้งก่อนไปวัดมา ยังเอาธรรมะมาบอกเพี้ยนเลย ไอ้เราก็ดันไปแปลของเล้งออกด้วยนะ ต้องมาขยายความให้ฟังกันใหม่

    น้องตู่ - เออ..ผมอ่ะ คุยกับเล้งสองคนเข้าใจนะ แต่ว่าบอกให้คนอื่นฟัง มันอธิบายไม่ได้

    ดิฉัน - แล้วตกลงมันยังไงละ

    น้องตู่ - ผมก็ยังงงๆ อธิบายไม่ถูก

    ดิฉัน - คือที่หลวงตาพูดน่ะ ท่านหมายถึงว่า การที่เราถวายของนี้ให้วัดน่ะ พวกเราก็มีความตั้งใจที่จะถวายใช่ไหม แล้วของที่ถวายให้วัดก็เป็นของที่ดีที่บริสุทธิ์ แล้ววัดเองก็มีความต้องการใช้พอดีใช่ไหม อย่างนี้ใช่ไหม เพราะทุกอย่างมันพอดีกันก็เลยได้ครบองค์

    น้องตู่ - เออ..อย่างงั้นแหละพี่

    พวกเรา - โอ้ววว

    น้องตู่ - สงสัยชาติก่อนผมคงต้องแอบไปถวายกับเจ้าเล้งสองคนแน่ๆ ถึงคุยกันรู้เรื่องอยู่สองคน

    พวกเราก็หัวเราะฮากันไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB290061A.jpg
      PB290061A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      204.6 KB
      เปิดดู:
      99
    • PB290078A.jpg
      PB290078A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      245.1 KB
      เปิดดู:
      92
    • PB290080A.jpg
      PB290080A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      127.4 KB
      เปิดดู:
      113
    • PB290095A.jpg
      PB290095A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      165 KB
      เปิดดู:
      108
    • PB290096A.jpg
      PB290096A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      164.6 KB
      เปิดดู:
      111
  19. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    กินข้าวกันเสร็จ พวกเราก็ลงไปที่ถ้ำน้ำกัน ก่อนเข้าถ้ำก็ได้กราบไหว้ขอพรต่อหลวงปู่ใหญ่แล้วก็ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขออนุญาตลงไปในถ้ำ จากนั้นพวกเราก็เดินเรียงแถวกันลงไป ข้างในถ้ำก็มีองค์สมเด็จท่านอยู่ พวกเราได้จุดธูปไหว้ท่าน จากนั้นก็ไปที่แอ่งน้ำ ใช้มโนตรวจดูก็เห็นเหล่าพญานาคพากันขึ้นมาเยอะแยะเลย ถ่ายรูปติดเป็นดวงๆ ระหว่างที่ดิฉันกำลังถ่ายรูปแอ่งน้ำอยู่นั้น ดิฉันได้เห็นแสงไฟสว่างวาบเป็นพักๆ ตรงช่องระหว่างหินด้านข้างถ้ำ ตอนแรกนึกว่าแสงแฟรชจากกล้องของคนอื่น แต่ดูแล้วก็ไม่เห็นมีใครยืนอยู่ใกล้ๆดิฉันสักคน อีกอย่างช่องตรงนั้นมันก็อยู่ตรงแอ่งน้ำด้วย ใครจะไปถ่ายรูปใต้น้ำได้ เพราะแสงไฟพุ่งมาจากด้านล่าง ดิฉันเห็นอยู่สองสามครั้งก็หันไปเห็นคุณหนิงกับน้องเบนยืนออกไปไม่ไกล ระยะเหมือนแสงแฟรชจะส่องไปได้ ก็เลยเดินไปถามคุณหนิงว่า เห็นแสงสว่างไหม หรือว่าใครถ่ายรูป ซึ่งคุณหนิงก็บอกว่า นี่แหละกำลังคุยกับน้องเบนอยู่ว่าเห็นแสงสว่าง ตอนหลังดิฉันเลยได้ใช้มโนฯเช็คดู ถึงรู้ว่าพญานาคกำลังพ่นไฟ

    จากนั้นดิฉันก็เห็นพวกน้องๆก้มๆเงยๆหาอะไรกันตามพื้นดินบ้าง ผนังถ้ำบ้าง ตอนหลังถึงมารู้ว่าน้องๆเขาหามณีนาคากันนั่นเอง จากนั้นทั้งน้องอ้อย คุณหนิง น้องเบนก็ปีนขึ้นไปบนพื้นหินชั้นบนกัน ไปส่องๆหามณีนาคากัน คุณหนิงก็ไปนั่งก้มๆเงยๆตรงพื้น แล้วก็บอกว่า "เจอแล้วของหนิง แต่ยังไม่ได้ตอนนี้" น้องเบนก็ว่า "ของเบนก็เจอแล้วอยู่ตรงนี้ ยังไม่ได้เหมือนกัน" ตอนหลังตู่ก็บอกว่า "ผมว่ายังไม่ได้หรอก เพราะว่ายังไม่ถึงเวลา" ดิฉันก็รู้เหมือนกันก็เลยบอกว่า "ใช่ ยังไม่ถึงเวลา เพราะว่าถ้าได้อ่ะ จะมีความรู้สึกบอกชัดเจนเลย" แต่สักพักก็ได้ยินเสียงแม่นาคีบอกว่า ให้ดิฉันขึ้นไปข้างบนตามพวกนั้น เพราะว่ามณีของดิฉันก็อยู่บนนั้น ก็เลยได้ปีนตามขึ้นไป พอไปส่องไฟหาดู ใช้มโนฯสื่อว่าตรงไหนที่จะเป็นของเรา สักพักก็เดินไปใกล้น้องเล้ง แล้วน้องเล้งก็ส่องไฟให้ดูข้างบนแล้วพูดว่า "มันสูงไปไหมอ่ะ ของใคร" พอเราเห็นก็ว่า "เออ..ใช่สูงจริงๆด้วย" แต่ในใจก็คิดของตรูแน่เลย ก็ยังทำไม่สนใจ ไปดูๆตรงอื่นต่อ มันก็ไม่ใช่ ต้องกลับมาที่เดิม แล้วก็ส่องไฟขึ้นไปดูแบบยืนปลงอนิจจัง "มันสูงไปไหมเนี่ย ทำไมมันไม่อยู่เตี้ยๆเหมือนคนอื่นๆเขาละเนี่ย" พวกน้องๆได้ยินเลยเดินมาดูกัน แล้วก็ถามว่า "ของใครอ่ะ ของพี่สาวเหรอ" แล้วทันใดนั้นน้องอ้อยก็พูดขึ้นมาว่า "พระธาตุนี่ พระธาตุของสมเด็จองค์ปฐม" แล้วพวกเราก็มองดูกัน เห็นเป็นแสงสว่างสวยงามสะท้อนแสงแวววาวเหมือนเพชรอยู่ข้างบน ท่านมาให้เห็นแค่พักเดียวแล้วก็หายไป รู้สึกว่าคุณหนิงจะถ่ายรูปติดด้วย ดิฉันก็ถ่ายติดมารูปหนึ่ง แต่ว่าไกลมากไม่ได้ซูมเลยมองไม่ชัด

    จากนั้นก็ดูกันรอบๆอีกนิดหน่อย ก็พากันกลับขึ้นไปข้างบน ซึ่งตอนอยู่ในถ้ำนั้นแต่ละคนจะเจอเหตุการณ์แตกต่างกันออกไป ก็รอให้แต่ละคนมาเล่าก็แล้วกันค่ะ กลับขึ้นมาก็มาล้างห้องน้ำกัน แล้วหลวงพี่ก็มาบอกว่าให้ถวายเพลด้วยเลยก็เอาอาหารที่มีอยู่นั่นแหละ ไม่เป็นไร พวกเราก็เลยได้ถวายอาหารเพลพระท่านอีกรอบนึง พอล้างห้องน้ำเสร็จหลวงพี่บอกว่าให้มารับพรที่ล้างห้องน้ำด้วย ทริปนี้ดิฉันได้ยินคุณหนิงกับน้องเบนว่าจะซื้อตะเกียงไปถวายวัดด้วย ดิฉันไปเจอตะเกียงแก้วแฮนด์เมดที่ใช้ใส่เทียน ไม่ได้ใช้น้ำมันก็เลยซื้อมาสองอัน เพราะคิดว่าเผื่อคุณหนิงซื้อไว้บ้างแล้ว ตอนแรกก็เอาไปใช้ในถ้ำกัน พอจะกลับก็เลยได้ถวายให้หลวงพี่กับหลวงตาไว้ใช้ พร้อมทั้งถวายถุงขยะไปด้วย ซึ่งจริงๆคิดว่าจะเอาถุงขยะมาปูพื้นถ้ำเวลานอน แต่ที่วัดมีเสื่อก็เลยไม่ได้ใช้

    หลวงพี่ก็ว่า ดีจริงๆเลยกำลังอยากได้ตะเกียงไว้ใช้เพราะว่ากลางคืนต้องใช้ไฟฉาย บางทีก็ถ่านหมด บางทีก็ให้คนที่มาปฏิบัติธรรมแล้วไม่มีไฟฉายมา ท่านเลยว่านึกถึงตะเกียง ท่านก็ไปหาของที่มีอยู่มาทำเป็นตะเกียง ท่านว่าเอาไม้มาทำเป็นกรอบแล้วเอาพลาสติคมาหุ้มแล้วเอาเทียนวางตรงกลาง ซึ่งดิฉันก็ว่า"เกิดเทียนมันไหม้พลาสติคละคะ เพราะมันติดไฟได้" ท่านก็ว่า "ก็นั่นน่ะสิ แต่ไม่รู้จะทำยังไง ดีเลยที่โยมถวายตะเกียง จะได้มีตะเกียงใช้ แล้วก็อยากได้ถุงขยะอีก เพราะถุงขยะหมดพอดี ขยะอย่างไหนที่เผาได้ก็เผา อันนั้นที่เผาไม่ได้ก็ต้องใส่ถุงลงไปทิ้งข้างล่าง นึกถึงตะเกียง ตะเกียงก็มา นึกถึงถุงขยะ ถุงขยะก็มา พวกโยมได้อานิสงค์มากเลยนะ เพราะว่าเอามาถวายในขณะที่ทางวัดก็ต้องการด้วย" จากนั้นท่านก็ให้พรมาค่ะ ทุกท่านก็อนุโมทนาร่วมกันนะคะ

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB290104A.jpg
      PB290104A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      132.8 KB
      เปิดดู:
      159
    • PB290110A.jpg
      PB290110A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      150.9 KB
      เปิดดู:
      134
    • PB290112A.jpg
      PB290112A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      101.3 KB
      เปิดดู:
      136
    • PB290135A.jpg
      PB290135A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.3 KB
      เปิดดู:
      145
    • PB290148A.jpg
      PB290148A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      143 KB
      เปิดดู:
      151
    • PB290168A.jpg
      PB290168A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      133.4 KB
      เปิดดู:
      144
    • PB290184A.jpg
      PB290184A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      354.9 KB
      เปิดดู:
      136
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 ธันวาคม 2009
  20. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พอทุกอย่างเสร็จสิ้นพวกเราก็ได้ไปไหว้พระกันก่อนกลับ พร้อมทั้งชำระหนี้สงฆ์ด้วย แล้วก็เดินกลับลงไปข้างล่างค่ะ ระหว่างทางก็เจอพวกผู้เฒ่าผู้แก่กำลังเดินขึ้นมาอยู่หลายคน นั่งพักกันเป็นระยะๆ ก็ได้ทักทายให้กำลังใจกัน บางท่านบอกว่า "ยายถอดรองเท้าทิ้งไว้ข้างล่างโน่นแหละ เดินขึ้นมาไม่ได้"

    พวกเราขึ้นรถเพื่อที่จะไปที่ศูนย์พุทธศรัทธากันต่อก่อนกลับเข้ากรุงเทพ ระหว่างทางก็แวะกินข้าวกันก่อน อจ.ชนะ โทรเข้ามาหลายหนแต่ว่าตอนที่ดิฉันอยู่บนถ้ำไม่มีสัญญานเลยเอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า ตอนลงมาข้างล่างแล้วก็ไม่ได้เอาออกจากกระเป๋า พอ อจ.ชนะโทรมาเลยไม่ได้รับ อจ.ชนะท่านเป็นห่วงเพราะเห็นผิดเวลาแล้วพวกเรายังไม่โทรไปหาเลย กังวลว่าจะเป็นอะไร ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังสบายกันดีอยู่ พวกเราไปถึงที่ศูนย์พุทธศรัทธาก็เย็นแล้ว อาจารย์แม่ กับ อจ.ชนะ กำลังรออยู่พอดี แล้วก็พาพวกเราไปไหว้สมเด็จองค์ปฐมกัน นั่งคุยกันสักครู่ ก็ไปกินข้าวเพราะอาจารย์เตรียมอาหารไว้ให้พวกเราด้วย แล้วพวกเราก็ต้องรีบลาอาจารย์กลับเพราะว่าน้องอ้อยกับน้องเล้งต้องมาขึ้นรถทัวร์เที่ยวสามทุ่มสิบห้านาที อาจารย์แม่ได้มีเมตตาให้ซีดีกับผ้าพันคอแก่พวกเราทุกคนด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณอาจารย์แม่และอาจารย์ชนะด้วยค่ะ สำหรับความเมตตาที่มีให้แก่พวกเราค่ะ

    ขากลับพวกเราต้องใช้คาถาย่นระยะทางกันเป็นว่าเล่น ตั้งแต่ออกจากวัดมาแล้วค่ะ เพราะว่าเวลาเราช้าไปไม่ตรงตามกำหนดเลย แต่สุดท้ายน้องอ้อยกับน้องเล้งก็ได้ขึ้นรถทันเวลา แล้วคนอื่นๆก็กลับถึงบ้านกันโดยสวัสดิภาพค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB290203A.jpg
      PB290203A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      204.8 KB
      เปิดดู:
      148
    • PB290204A.jpg
      PB290204A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      222.8 KB
      เปิดดู:
      103
    • PB290205A.jpg
      PB290205A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      160.7 KB
      เปิดดู:
      114
    • PB290206A.jpg
      PB290206A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      299.4 KB
      เปิดดู:
      101
    • PB290212A.jpg
      PB290212A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      154.2 KB
      เปิดดู:
      103
    • PB290226A.jpg
      PB290226A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.3 KB
      เปิดดู:
      112
    • PB290230A.jpg
      PB290230A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      188.9 KB
      เปิดดู:
      109
    • PB290236A.jpg
      PB290236A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      154.7 KB
      เปิดดู:
      174

แชร์หน้านี้

Loading...