ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,700
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** สัจจะธรรม ****

    ความจริง พูดอย่างไรก็เป็นความจริง
    เราทุกคน น่าจะยอมรับความจริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  2. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    ไฟไหม้ตึกเมืองปูซานนักท่องเที่ยวดับ10ศพ
    [​IMG]
    สยอง ไฟไหม้ตึกหรูที่เมืองปูซาน ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยว เสียชีวิต10 ศพ ส่วนอีก 4 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ...

    เอพีรายงานเมื่อวันเสาร์ 14 พ.ย.2552 เกิดเหตุอัคคีภัยบนชั้น 2 ภายในตัวอาคารสูง 5 ชั้น ที่เมืองท่าปูซาน ห่างจากกรุงโซลไปทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ราว 200 กม. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 10 ศพ เป็นชาวเกาหลีใต้ 2 ราย นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่่นอย่างน้อย 2 ราย ส่วนอีกรายยังระบุสัญชาติไม่ได้ อีก 3 รายคาดว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาติเดียวกัน ขณะที่บางคนวิ่งพล่านออกมาทั้งที่ถูกไฟคลอกอย่างน่าสยดสยอง ส่วน 4 รายถูกนำตัวแยกส่งระหว่างศูนย์การแพทย์ ของมหาวิทยาลัยด็อง-เอกับโรงพยาบาล ฮานา ในเมืองปูซาน อาการล้วนขั้นตรีทูตด้วยสภาพร่างกายถูกไฟคลอกเกิน 50-90 % แล้วยังสูดควันแก๊ซพิษเข้าไปมาก ทำให้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจกับเครื่องพยุงชีวิตอยู่ในห้องไอ.ซี.ยู.

    ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบระบุจำนวนคนที่อยู่ภายในอาคารอย่างแน่ชัด นอกจากมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่่น 9 คนกับไกด์ชาวเกาหลีใต้ 1 คน รวมถึงสาเหตุของไฟไหม้ที่ลุกลามอย่างหนักจนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลาสกัดราว 40 นาที อีกทั้งต้องใช้เวลาหลายวันในการพิสูจน์ทางดีเอ็นเอเพื่อระบุเอกลักษณ์ของศพเหยืื่อแต่ละรายที่ไหม้เกรียมจนแทบจำเค้าโครงเดิมไม่ได้

    อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี ชุง อุน-ชาน ได้สั่งการแนะให้กระทรวงบริหารชุมชนและความมั่นคงลงไปเยี่ยมตรวจพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมเตรียมแผนช่วยเหลือครอบครัวของเหยื่อที่เสียชีวิตจากโศกนาฎกรรมครั้งนี้ ทั้งนี้ เมืองปูซานถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น และเมื่อปีกลายก็เคยเกิดเหตุไฟไหม้รุนแรงจนระเบิดโกดังห้องแช่ในเมืองแห่งหนึ่ง ทางตอนใต้ของกรุงโซล มีผู้เสียชีวิต 40 ศพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A18.JPG
      A18.JPG
      ขนาดไฟล์:
      50.6 KB
      เปิดดู:
      2,195
  3. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A17.JPG
      A17.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.8 KB
      เปิดดู:
      1,757
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>จนท.นครเซี่ยงไฮ้ ยังพยายามย้ายซากวาฬยักษ์ออกจากชายหาด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เซี่ยงไฮ้ 16 พ.ย.-เจ้าหน้าที่นครเซี่ยงไฮ้ของจีนยังคงพยายามเคลื่อนย้ายซากวาฬขนาดยักษ์ ที่เกยฝั่งตายบนชายหาดตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา

    สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีนรายงานว่า วาฬตัวดังกล่าว ซึ่งมีน้ำหนักกว่า 10 ตัน ขึ้นมาเกยฝั่งบนหาดนอกนครเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว

    แม้เจ้าหน้าที่ยามฝั่งและชาวประมงในพื้นที่จะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถช่วยนำวาฬกลับไปยังท้องทะเลได้ ก่อนที่มันจะตายลงในค่ำวันต่อมา ขณะนี้หลายฝ่ายกำลังหาทางเคลื่อนย้ายซากของมันออกจากชายหาด โดยอาจต้องใช้รถยกขนาดใหญ่มานำมันออกไป


    ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านประมงทางทะเลจากมหาวิทยาลัยนครเซี่ยงไฮ้บอกว่า มีโครงการสร้างเขื่อนริมชายฝั่งอยู่หลายแห่ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้วาฬหลงทิศจนขึ้นมาเกยฝั่งและตายลง.-สำนักข่าวไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พายุหิมะยังพัดถล่มจีน คร่าอย่างน้อย 40 ชีวิต</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top>จีน 16 พ.ย.-พายุหิมะยังคงพัดถล่มภาคเหนือและภาคกลางตอนเหนือของจีน คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 40 ศพ บ้านพังหลายหลัง พืชไร่เสียหายกว่า 1.5 ล้านไร่

    กระทรวงกิจการพลเรือนของจีนรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่เกิดขึ้นจากหิมะตกหนักในภาคเหนือและภาคกลางตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

    จนถึงขณะนี้ และอุบัติเหตุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหิมะตกหนักรวมแล้ว 40 ราย และสร้างความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าถึง 4,500 ล้านหยวน


    สำหรับพื้นที่ซึ่งถูกหิมะถล่มหนัก ได้แก่ มณฑลเหอเป่ย์ ชานซี ฉ่านซี ชานตง และเหอหนาน

    โดยหิมะตกหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์เท่าที่ได้มีการบันทึกเอาไว้ โดยเมืองฉือเจียจวง เมืองเอกของมณฑลเหอเป่ย์ ตกหนักที่สุดวัดได้ถึง 3.7 นิ้ว เทียบกับกรุงปักกิ่ง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องฤดูหนาวอันยาวนานหิมะตกหนักเพียง 1 นิ้วเท่านั้น คาดว่าพายุหิมะจะยังพัดถล่มจีนต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3-4 วัน.-สำนักข่าวไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>"เจ้าสร้อยมาลา"ขายมรดกโบราณ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่เฮือนไหมเจ้าสร้อย เลขที่ 102 หมู่ 3 ซอย 4 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

    เจ้าสร้อยมาลา อินทร์เอี่ยม ณ จำปาสัก อายุ 65 ปี อดีตเจ้าลาวผู้สืบสายโลหิต เจ้าผู้ครองเมืองหลวงพระบางชั้นที่ 6 ได้เปิดบ้านแถลงข่าว โดยนำทรัพย์สมบัติโบราณ ทั้งเครื่องเพชร พลอย ผ้าไหมยกทอง ผ้าซิ่นโบราณ ผ้าไหมอายุ 200 ปี รวมถึงโครตพลอยหายาก มาจำหน่ายเพื่อนำรายได้มอบให้การกุศลช่วยเหลือทุกศาสนาทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม รวมถึงทอดผ้าป่าถวาย 9 วัดเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีบรรดาผู้มีชื่อเสียงในจ.เชียงใหม่ รวมทั้งผู้ค้าอัญมณีมากันจำนวนมาก

    เจ้าสร้อยมาลา เปิดเผยว่า

    การนำทรัพย์สมบัติทั้งสร้อย แหวน เงิน ทอง เพชร พลอย ผ้าไหม ที่เป็นของเจ้าลาวในอดีตมาเปิดจำหน่ายและนำเงินมาช่วยเหลือการกุศลนี้ เนื่องจากในชีวิต ผ่านเรื่องราวมามากมายทั้งสุขและทุกข์ จากนี้ไปคิดว่าควรทำกุศลให้มาก เพราะของเหล่านี้เมื่อตายไปก็นำไปไม่ได้ สู้นำสมบัติตกทอดออกขาย นำเงินมาช่วยบำรุงศาสนาดีกว่า

    สำหรับทรัพย์สินที่นำมาขายครั้งนี้มีทั้งสร้อย แหวน เพชร ผ้าไหม ของโบราณในอดีต

    รวมถึงพลอยขนาด 206 กะรัต ราคา 1.5 ล้านบาท พลอยขนาด 152 กะรัต ราคา 1.2 ล้านบาท พลอยขนาด 111 กะรัต ราคา 5 แสนบาท นอกจากนั้นยังมีชุดเครื่องทรงเจ้าเชียงตุงในอดีต ประดับด้วยทองคำ พลอย เปิดขายทุกวันตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. ที่เฮือนไหมเจ้าสร้อย โดยรายได้จะนำไปจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือศาสนาสากล สร้างวัด สุเหร่า บูรณะศาสนสถานต่างๆ ให้ทุนการศึกษาพระ และทอดผ้าป่า 9 วัดเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

    สำหรับเจ้าสร้อยมาลาเคยเป็นข่าวฮือฮามาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะนำมรดกที่ได้รับตกทอดมา เปิดประมูลเพื่อมอบรายได้เป็นการกุศล จัดเป็นทุนการศึกษาช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ที่ข้ามลำน้ำโขงมาศึกษาในประเทศไทย จนได้รับฉายาว่าเป็น "แม่พระแห่งลุ่มแม่น้ำโขง"

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    โลกร้อนดันน้ำทะเลเซาะหาดฮาวายหายอื้อ
    [​IMG]
    ชายหาดรอบเกาะไปกว่า 25% เนื่องจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น อันเป็นผลกระทบของภาวะโลกร้อน ขณะที่ชายหาดบนเกาะเคาไอทางตะวันตก สูญเสียพื้นที่ไปแล้วกว่า 70 % ...

    สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 15 พ.ย. อ้างการเปิดเผยของนักวิจัยบนเกาะฮาวายของสหรัฐฯว่า จากการสำรวจสภาพชายหาดรอบๆเกาะ ทางทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาวายพบว่า เกาะโออาฮู ที่ตั้งของเมืองเอกโฮโนลูลู สูญเสียชายหาดรอบเกาะไปกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น อันเป็นผลกระทบของภาวะโลกร้อน ขณะที่ชายหาดบนเกาะเคาไอทางตะวันตก สูญเสียพื้นที่ไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์

    กลุ่มนักวิจัยด้านธรณีวิทยาเปิดเผยว่า ระดับน้ำทะเลได้สูงขึ้นเรื่อยๆในอัตราที่รวดเร็ว ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่ได้คำนวณว่าน้ำสูงขึ้นเท่าไรและเร็วเท่าใด แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไปอีก 10 ปี เราอาจจะรักษาชายหาดไว้ได้เพียง 2-3 แห่งเท่านั้น ส่วนที่เหลืออาจถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนไม่เหลือสภาพหาดอีกต่อไป ทั้งนี้ จากการคาดคะเนเบื้องต้น พบว่าน้ำทะเลจะสูงขึ้นถึง ><?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:metricconverter>1 เมตร ในระยะเวลา 100 ปี

    นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพชายหาดที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะ ยังส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและพืชอีกหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวน้ำมังก์ซีลและเต่าตนุ สัตว์สงวน 2 ชนิด ซึ่งใช้ชายหาดเป็นสถานที่หลักในการขยายพันธุ์

    อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่รัฐระบุว่า ทางหน่วยงานพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะรักษาชายหาดไว้ โดยล่าสุดได้มีการร่วมมือกับหน่วยงานเอกชน เช่น เจ้าของโรงแรมและรีสอร์ต ในการวางแผนที่จะไปดูดทรายมาจากก้นทะเลนอกชายฝั่งเพื่อมาถมหาดใหม่ คาดใช้งบประมาณ 2-3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    แต่ทั้งนี้ สำหรับบางหาดอาจไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว เนื่องจากถูกน้ำกัดเซาะเสียหายหนัก ทั้งนี้ ชายหาดถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้หลักให้แก่ฮาวายถึงปีละ 11,400 ล้านดอลลาร์ฯ.<O:p</O:p
    ไทยรัฐออนไลน์
    ----------------------------------------------------------------------------------------------
    พบศพนักไต่เขา คาหิมาลัย ผู้สร้างชื่อกึกก้อง
    [​IMG]

    โทมาซ ฮูมาร์

    จนท.หน่วยกู้ภัยในเนปาล พบศพนักไต่เขาชื่อลั่น นามว่า "โทมาซ ฮูมาร์" แล้ว ที่บริเวณยอดเขาหิมาลัย โดยเขาได้รับการยอมรับไปทั่วโลกถึงความอัจฉริยะที่เชี่ยวชาญในการไต่เขาตามยอดเขาสูงๆ ...

    เอพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ซึ่งอาศัยเชอร์ปาในกรุงกาฎมัณฑุ ประเทศเนปาล พบร่างไร้วิญญาณของนาย<st1:personName w:st="on" ProductID="โทมาซ ฮูมาร์">โทมาซ ฮูมาร์</st1:personName> นักปีนเขาชาวสโลวาเนียผู้กล้าเสี่ยงตาย สร้างชื่อระบือไปทั่วโลก บนยอดเขาหิมาลัยบนความสูง <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="7,227 เมตร">7,227 เมตร</st1:metricconverter> เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 14 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) สโลวาเนีย หลังฮูมาร์ติดต่อกลับลงมาเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันจันทร์ที่ 9 พ.ย. ที่ฐานพักของฮูมาร์ว่าได้รับบาดเจ็บขาหักช่วงที่ปีนเขาแถวลังตัง ลิรุง ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก จากนั้นก็เริ่มช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และติดค้างอยู่บนยอดเขาอย่างโดดเดี่ยว จนเสียชีวิต สร้างความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้งให้กับชาวสโลวาเนียทั้งประเทศ รวมถึงนายกรัฐมนตรี โบรุต พาฮอร์ ที่ส่งสาส์นแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของฮูมาร์ที่มีลูกยังเล็ก 2 คน

    ทั้งนี้ นาย<st1:personName w:st="on" ProductID="วิกิ กรอเซลจ์">วิกิ กรอเซลจ์</st1:personName> เพื่อนนักปีนเขาที่สนิทชิดเชื้อกับฮูมาร์เผยถึงความสามารถของฮูมาร์ว่า เป็นอัจฉริยะที่เชี่ยวชาญกับปีนไต่เขาตามยอดเขาสูงต่างๆ จนประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับทั่วโลก นอกจากนี้ ฮูมาร์ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าทุกสิ่งเป็นไปได้

    นาย<st1:personName w:st="on" ProductID="มาติจา กราห์">มาติจา กราห์</st1:personName> ผู้สื่อข่าวที่เคยนำเสนอเรื่องราวชีวิตของฮูมาร์ตีพิมพ์ชื่นชมว่า ฮูมาร์กล้าทำในสิ่งที่นักปีนเขาคนอื่นไม่อยากเสี่ยง อีกทั้งเมื่อ ปี 2542 ฮูมาร์กลายเป็นนักปีนเขาคนแรกที่สามารถลุยเดี่ยวขึ้นไปถึงยอดเขาดาอูลากิรี ของฝรั่งเศส และยังพิชิตยอดเขาอะมา<O:p</O:p
    ไทยรัฐออนไลน์<O:p</O:p

    <O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • E16.jpg
      E16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.5 KB
      เปิดดู:
      1,507
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2009
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พบผู้ป่วยไข้หวัด 2009 ที่บุรีรัมย์มีกว่า 300 ราย เสียชีวิตแล้ว 4 ราย

    [​IMG]

    บุรีรัมย์ 15 พ.ย.-สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ จ.บุรีรัมย์ล่าสุด ตรวจพบผู้ติดเชื้อ กว่า 300 ราย เสียชีวิต 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีภาวะเสี่ยงมีโรคประจำตัวและน้ำหนักมาก ขณะสาธารณสุขแจ้งเตือน ประชาชนเฝ้าระวังการกลับมาแพร่ระบาดอีกระลอกฤดูหนาว

    นพ.สงพงษ์ จรุงจิตตานุสนธิ์ สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่าสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ล่าสุดที่จังหวัดบุรีรัมย์พบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 300 ราย เสียชีวิต 4 ราย ส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีภาวะเสี่ยงมีโรคประจำตัวและน้ำหนักมากกว่า 120 กิโลกรัม ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแจ้งให้โรงพยาบาลทุกแห่งเตรียมห้องควบคุมโรค แยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อออกจากผู้ป่วยทั่วไป อีกทั้งยังให้ อสม.ที่มีอยู่ตามหมู่บ้านชุมชนต่างๆ ทั้งจังหวัดกว่า 30,000 คน ออกให้คำแนะนำวิธีดูแลป้องกันให้กับประชาชน หากพบผู้ป่วยผิดปกติหรือผู้เสียชีวิตที่ต้องสงสัย ให้รายงานสาธารณสุขอำเภอและสาธารณสุขจังหวัดทราบ เพื่อจะได้เข้าไปดำเนินการควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดออกไปเป็นวงกว้าง

    สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ยังแจ้งเตือนประชาชนได้เฝ้าระมัดระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เกรงว่าจะกลับมาแพร่ระบาดอีกระลอกในช่วงฤดูหนาว จึงขอให้ประชาชนดูแลรักสุขภาพ ควรออกกำลังกาย และทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะเสี่ยง ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เพราะจะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-15 12:18:13

    เตือนรัฐเร่งเตรียมวัคซีนรับมือไข้หวัด 2009 รอบ 2 ให้เพียงพอ

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 15 พ.ย.- ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการเตรียมการรับมือการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่าอยากเตือนรัฐบาลในขณะนี้ให้เร่งเตรียมวัคซีนป้องกันโรคให้เพียงพอ เพราะวัคซีนที่รัฐบาลสั่งซื้อจากต่างประเทศ จำนวน 3 ล้านโดส ไม่เพียงพอสำหรับประชากรกว่า 60 ล้านคน ในขณะนี้ ที่มีกลุ่มเสี่ยงประมาณ 30 ล้านคน พร้อมให้กำลังใจการผลิตวัคซีนชนิดพ่นเพื่อใช้ในประเทศ แต่ทั้งนี้ต้องทำงานวิจัยอย่างรอบคอบและทำให้ประชาชนมั่นใจในประสิทธิผลและความปลอดภัยเมื่อได้รับวัคซีน

    นอกจากนี้ ยังเสนอแนะให้ สธ.เร่งสร้างระบบเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่จะเกิดจากการฉีดวัคซีนในทุกระดับทั่วประเทศ โดยแจ้งเตือนไปยังอายุรแพทย์ทั่วประเทศ ให้ช่วยสังเกตอาการของผู้ได้รับวัคซีน เช่น อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต หรือเสียชีวิต เนื่องจากวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ฯ มีระยะเวลาในการผลิตและทดสอบไม่ถึงปี ขณะที่วัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี โดยล่าสุดมีข่าวว่าผู้ได้รับวัคซีนที่ผลิตในประเทศจีนเสียชีวิตแล้ว 2 ราย รวมถึงเสนอแนะให้วางแผนป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในรอบที่ 2 ด้วยการจำกัดวงจรการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุด เช่น การกักบริเวณผู้ป่วย อย่าปล่อยให้การแพร่ระบาดไกลจนเกินป้องกันเหมือนการระบาดครั้งที่ผ่านมา.- สำนักข่าวไทย

    2009-11-15 16:01:04

    หนอนผีเสื้อบุกกัดต้นแสมป่าชายเลนสมุทรสาครตายนับหมื่นต้น

    [​IMG]

    สมุทรสาคร 16 พ.ย.- นายนรินทร์ บุญร่วม แกนนำเครือข่ายอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลมหาชัย ฝั่งตะวันออก เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาพป่าชายเลนของศูนย์อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 จังหวัดสมุทรสาคร หมู่ 3 ต.โคกขาม อำเภอเมือง มีหนอนผีเสื้อระบาดอย่างหนัก ลักษณะตัวยาวประมาณ 1- 2 นิ้ว กัดกินต้นแสมจนเหี่ยวเฉาและใกล้ตายแล้วกว่า 10,000 ต้น โดย 1 ต้น มีไม่น้อยกว่า 100 ตัว ซึ่งระบาดมาแล้ว 3 วัน และรวดเร็วมาก หากไม่เร่งกำจัดต้นแสมจะเสียหายหมดทั้งป่า

    จึงอยากให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือกำจัดหนอนผีเสื้อ ซึ่งวิธีการนั้นต้องไม่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติและระบบนิเวศน์ เพราะป่าชายเลนแห่งนี้มีนกอยู่จำนวนมาก มีสัตว์น้ำในแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่นอยู่หลากหลายชนิด อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงเป็นพื้นที่ทำกินของเกษตรกร จึงไม่สามารถใช้สารเคมีได้.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-16 12:04:34

    เกษตรเตรียมใช้งบ 60 ล้านบาท แก้ปัญหาเพลี้ยแป้งระบาดในไร่มันฯ

    [​IMG]

    กระทรวงเกษตรฯ 2 พ.ย.- กระทรวงเกษตรฯ เตรียมของบ 60 ล้านบาท จากคณะกรรมการมันสำปะหลังเพื่อจัดการกับปัญหาเพลี้ยแป้งที่ระบาดรุนแรงในพื้นที่ 6 แสนไร่

    นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหานี้รวมถึงปัญหาการขาดแคลนท่อนพันธุ์คุณภาพและการประมาณการผลผลิตมันสำปะหลัง ทั้งนี้โครงการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังจะดำเนินในพื้นที่ 45 จังหวัด รวม 7.7 ล้านไร่ โดยเน้นมาตรการเร่งด่วนในพื้นที่ระบาดรุนแรง 18 จังหวัดโดยส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 21 หน่วย รณรงค์กำจัดด้วยการตัดยอด ใส่ถุงดำ เผาทำลายและพ่นสารเคมีก่อนเก็บเกี่ยว และมาตรการเฝ้าระวังในพื้นที่ที่เหลือ โดยการส่งเสริมท่อนพันธุ์ปลอดเพลี้ยแป้ง การใช้ศัตรูธรรมชาติ เช่น ตัวห้ำ ตัวเบียน และตั้งศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ไปยังเกษตรกร. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 16:16:34

    ชิคุนกุนยาระบาดระยองมากสุดใน 4 จังหวัดตะวันออก

    [​IMG]

    ระยอง 15 พ.ย.- นพ.ปรเมศร์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคชิคุนกุนยา หรือโรคไข้ปวดข้อยุงลายว่า ปีนี้จังหวัดระยองพบผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยา สะสมถึง 1,342 ราย ระบาดใน 8 อำเภอ ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งจำนวนผู้ป่วยดังกล่าวถือว่ามากเป็นอันดับหนึ่งของเขต 9 ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคตะวันออก ส่วนจังหวัดจันทบุรี ตราด และชลบุรี มีอัตราผู้ป่วยลดหลั่นลงมา

    สำหรับพื้นที่พบการระบาดอย่างต่อเนื่องตลอด 4 สัปดาห์ ของจังหวัดระยอง คือ อ.วังจันทร์ บ้านค่าย เขาชะเมา และนิคมพัฒนา โดยเฉพาะอำเภอที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ อ.วังจันทร์ อัตราป่วย 1,500 ต่อแสนประชากร และผู้ป่วยจะกระจายอยู่ในทุกกลุ่มอายุ มากสุดเป็นกลุ่มอายุ 15–44 ปี ทั้งนี้ แนวทางป้องกันเบื้องต้นที่ดีที่สุด คือต้องกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายที่เป็นพาหะของโรคอย่างจริงจังทุก 7 วัน และควรป้องกันยุงลายกัด.- สำนักข่าวไทย

    2009-11-15 11:22:17

    สุราษฎร์ธานีเตือนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ 5-6 วันนี้

    [​IMG]

    สุราษฎร์ธานี 15 พ.ย.- นายสมศักดิ์ จังตระกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประกาศแจ้งเตือนภัย เรื่องคลื่นลมแรงในอ่าวไทย ความสูงของคลื่นประมาณ 2-3 เมตร โดยขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณที่ลาดลุ่มเชิงเขา ให้ระวังอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ส่วนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมชายฝั่งให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์คลื่นซัดชายฝั่ง

    สำหรับชาวประมงเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ในระหว่างวันที่ 15–20 พฤศจิกายนนี้ โดยเฉพาะเรือสปีดโบ๊ตรับส่งนักท่องเที่ยวระหว่างเกาะต่าง ๆ สำหรับเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยและมิสเตอร์เตือนภัย ในพื้นที่ต่างๆ ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อพร้อมที่จะรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น.- สำนักข่าวไทย

    2009-11-15 10:21:49

    ที่มา http://news.mcot.net/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    สู้ตายกั๊บ

    เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ทําเอาพ่อแม่และหมอที่โรงพยาบาลโรยัล เพรสตัน เมืองแอชตัน ในอังกฤษ ฮากันกลิ้ง

    เมื่ออัลตราซาวด์ท้องช่วงอายุครรภ์ 27 สัปดาห์ ดั๊นเห็นเจ้าหนู โอเว่น สเคฟฟิงตัน ชูสองนิ้วสู้ตายอยู่ในท้อง

    ขำกันทั้งโรงพยาบาล จนหมอขออัดรูปแปะข้างฝาไว้ให้คนไข้คนอื่นได้ฮาด้วย

    ขนาดไม่ลืมตาดูโลก ยังซ่าขนาดนี้ คลอดออกมาไม่รู้หนูน้อยจะซ่าขนาดไหน เนอะ ฮ่าๆ

    โอบามาขอพม่าซึ่งหน้าปล่อยซูจี



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    โต๊ะกลม - ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ ร่วมประชุมพร้อมกับผู้นำชาติอาเซียน ซึ่งมีพล.ท.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีพม่า เข้าร่วมด้วย ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ที่สิงคโปร์ ซึ่งโอบามาขอผู้นำพม่าให้ปล่อยนางซู จี (ภาพเล็ก) เมื่อ 15 พ.ย. (เอพี)


    </TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพีรายงานวันที่ 15 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐอเมริกา ถือโอกาสที่พบหน้าพล.ท.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีพม่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐ บนเวทีการประชุมกลุ่มเอเปกที่สิงคโปร์ ขอให้พม่าปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี ผู้นำประชาธิปไตยพม่าที่ถูกกักบริเวณมานานรวมกันกว่า 14 ปี

    โอบามากล่าวในงานแถลงข่าวว่า "ผมย้ำถึงนโยบายที่เปิดประเด็นเกี่ยวกับพม่า ระหว่างเยือนกรุงโตเกียวเมื่อวันก่อน" ขณะที่นายเบน โรดส์ โฆษกทำเนียบขาว อธิบายเพิ่มเติมว่า คือสุนทรพจน์ที่โอบามาเรียกร้องให้ผู้นำทหารพม่าปล่อยนางซู จี และนักโทษการเมืองคนอื่นๆ หากทหารพม่าตกลงที่จะปฏิรูป ก็จะได้ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับสหรัฐเป็นการตอบแทน และนั่นคือหนทางที่จะทำให้พม่ามั่นคงและมั่งคั่งอย่างแท้จริง

    "โดยส่วนตัวแล้ว ท่านก็ทำเหมือนกับที่กล่าวในที่สาธารณะ ถึงการแจกแจงขั้นตอนต่างๆ ที่รัฐบาลทหารพม่าควรดำเนินการ ได้แก่ การปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหมด ปล่อยนางออง ซาน ซู จี ยุติการใช้ความรุนแรงต่อชนกลุ่มน้อย เดินหน้าเจรจากับกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย" โฆษกสหรัฐกล่าวถึงเป้าหมายของโอบามา

    ด้านเจ้าหน้าที่ในงานประชุมกล่าวว่า พล.ท.เต็ง เส่ง ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เมื่อเจอ โอบามาขอเรื่องนี้ตรงๆ อย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน เพียงกล่าวขอบคุณที่รัฐบาลสหรัฐริเริ่มนโยบายใหม่ในการติดต่อสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารพม่า

    ในการประชุมโต๊ะกลมระหว่างผู้นำสหรัฐกับผู้นำชาติต่างๆ ของอาเซียน โอบามานั่งอยู่ตำแหน่งเกือบตรงข้ามกับพล.ท.เต็ง เส่ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐในรอบ 32 ปี ส่วนแถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ไม่มีเนื้อหาเอ่ยถึงนาง ซู จี แต่ระบุให้พม่าเตรียมจัดการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้าอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรมและโปร่งใส

    บัวแก้วเรียกทูตยูเออี ย้ำทักษิณอยู่ในดูไบ

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    เวลา 14.30 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายพนิช วิกิตเศรษฐ ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตนเชิญนายมูฮัมมัต อาลี ฮะห์เมด อัล ชามซี เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ประจำประเทศไทย เพื่อมอบข้อมูลเป็นเอกสารการให้สัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในไทมส์ออนไลน์ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2552 ซึ่งระบุชัดให้สัมภาษณ์ที่บ้านในนครรัฐดูไบ ยูเออี อีกทั้งยังระบุมีการพูดคุยทางการเมืองและต้อนรับนักการเมืองที่มาจากประเทศไทย

    นายพนิช กล่าวว่า พร้อมกันนี้ยังมอบเอกสารอีก 2-3 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น เอกสารคำให้สัมภาษณ์ของนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุชัดว่าอดีตนายกฯเดินทางกลับไปดูไบ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปดูไบจริงๆ กระทรวงการต่างประเทศจึงแจ้งให้รัฐบาลยูเออีทราบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ดูไบเป็นที่ขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญและหวังเป็นอย่างยิ่งว่ายูเออี จะให้ความร่วมมือดำเนินการตามหมายศาลที่ออกให้รัฐบาลยูเออี ไปแล้วโดยทูตยูเออี ตอบรับและรับทราบถึงปัญหาเป็นอย่างดี
    นายพนิช กล่าวอีกว่า เอกอัครราชทูตยูเออีเข้าใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งสุดท้ายทราบว่าสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวที่บ้านในดูไบ พร้อมย้ำว่ายูเออีไม่ต้องการให้ใช้ยูเออี เป็นฐานขับเคลื่อนทางการเมือง และยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือตามที่เคยตกลงกับรัฐบาลไทยไว้ รับจะไปประสานและส่งเอกสารดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศยูเออีกด้วย

    นายพนิชกล่าวว่า หวังว่าทูตจะรายงานตามความจริง เพราะเอกอัครราชทูตยูเออีติดตามสถานการณ์มาตลอด 2 สัปดาห์ ซึ่งเอกอัครราชทูตคงจะแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศยูเออีทราบต่อไป ส่วนท่าทีของยูเออีนั้น นายพนิช กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นหลักฐานชัดเจน กล่าวถึงสถาบัน องคมนตรีและหลายบุคคล รวมถึงการดำเนินชีวิตของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูไบและหวังว่ารัฐบาลยูเออีจะให้ความสำคัญ

    เมื่อถามว่าไทยไม่มีสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับยูเออีจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ นายพนิชกล่าวว่า เรื่องสนธิสัญญากำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งสนธิสัญญาป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งที่ดำเนินการได้คือการแลกเปลี่ยนตัว ถ้ายูเออีคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม ดำเนินการได้ซึ่งอัยการสูงสุดทราบความเคลื่อนไหวต่างๆดี ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศสั่งการให้กงสุลใหญ่ ณ นครรัฐดูไบ รายงานความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯให้ทราบเป็นระยะ เท่าที่ทราบมีคณะนักการเมืองที่เข้าพบอยู่

    ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์การช่วยเหลือวิศวกรไทยที่ถูกจับกุมในประเทศกัมพูชาว่า ทางกระทรวงต่างประเทศได้ติดต่อประสานเพื่อขอเข้าไปดูแลเช่นเดียวกับกรณีที่คนไทยในต่างแดนถูกดำเนินคดี และได้ส่งสิ่งของที่จำเป็นให้กับคนไทยแล้ว ขณะนี้ทางฝ่ายกฎหมายขอรอดูข้อกล่าวหาที่ชัดเจนก่อนว่าเป็นอย่างไร เพราะถือเป็นกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาซึ่งเราต้องเคารพ และเชื่อว่าจะเป็นข้อกล่าวหาที่เราต่อสู้ได้ รวมทั้งมีช่องทางทางกฎหมายหลายทางที่จะดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและอำนวยความสะดวกให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่น่ากังวล


    "ปลา"หมดโลก

    หมุนก่อนโลก

    วิทยา ผาสุก wittayapasuk@hotmail.com



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>อีกประมาณ 39-40 ปีนับจากนี้..

    อุตสาหกรรมประมงทั่วโลกจะถึงวันล่มสลาย

    สาเหตุเพราะในท้องทะเล-มหาสมุทร ไม่มี "ปลา" หลงเหลือพอให้จับมาบำรุงบำเรอกระเพาะมนุษย์อีกต่อไป!

    คนออกมาประกาศคำทำนายดังกล่าว ก็คือ

    "บอริส เวิร์ม" นักชีววิทยาทางทะเล แห่งมหาวิทยาลัยดาลฮูซี่ สถาบันการศึกษาเก่าแก่ของประเทศแคนาดา

    เวิร์ม บอกว่า จากการศึกษาและสำรวจทางสถิติ พบว่า 3 ปัจจัยหลัก ที่ทำให้ประชากรสัตว์ทะเล โดยเฉพาะปลา ลดน้อยถอยลงไปทุกวัน ได้แก่

    1. ภาวะโลกร้อน

    2. มลพิษในท้องทะเล

    3. รูปแบบการทำประมงแบบอุตสาหกรรม ซึ่งจับปลามาขายและบริโภคมากเกินกว่าเหตุ

    ถ้าภัยคุกคามข้างต้นยังไม่หมดไป คาดว่าภายในปีค.ศ.2048 หรือ พ.ศ.2599 พันธุ์ปลาสำคัญๆ สำหรับการบริโภคจะหายสาบสูญจากทะเล!

    อย่างไรก็ตาม เวิร์มชี้ว่า มีหลายประเทศที่ตระหนักและพยายามแก้ไขปัญหานี้ ด้วยการออกมาตรการป้องกันการจับปลา ซึ่งผลลัพธ์พบว่า

    ช่วยฟื้นฟูจำนวน "ประชากรปลา" ให้กลับมาแหวกว่ายในท้องทะเลอย่างเห็นได้ชัด

    อาทิ มาตรการจำกัดพื้นที่หาปลา

    มาตรการควบคุมเครื่องมือ-เครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมประมง

    และออกกฎหมายห้ามใช้อวน-ตาข่ายบางชนิด

    "ขณะนี้เราจำเป็นต้องเปลี่ยนความคิดโดยด่วน จากเดิมที่เคยคิดว่าจะหาประโยชน์จากท้องทะเลให้มากที่สุดได้อย่างไร มาเป็นเราจะช่วยฟื้นฟูทะเลด้วยวิธีไหน น่าดีใจที่ประเทศต่างๆ เพิ่มพื้นที่สงวนเพื่อคุ้มครองสัตว์น้ำมากขึ้น และอีกหลายประเทศควรเริ่มดำเนินการตาม เพราะสิ่งใดส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมก็ย่อมดีกับมนุษย์เช่นกัน" เวิร์ม กล่าว

    "ทรัพยากรธรรมชาติ" ทุกชนิดนั้นมีวันหมดสิ้นไปจากโลก

    ถ้าคนยุคปัจจุบันยังตะบี้ตะบันล้างผลาญสนองตัณหาลูกเดียว สุดท้ายคงไม่มีอะไรเหลือให้ลูกหลาน!

    เปิดเว็บ"ฤาษีดัดตนดิจิตอล" สอนท่ากายบริหารไทยทั่วโลก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>"เนคเทค" เปิดเว็บไซต์ "ฤาษีดัดตนฉบับดิจิตอล" สอนวิธีการทำท่ากายบริหารแบบไทยเป็นครั้งแรกของโลก

    เมื่อเร็วๆ นี้ ที่อุทยานการเรียนรู้ "ทีเคปาร์ค" ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) พร้อมด้วยนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชต พงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอ นิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมแถลงข่าวการเปิดตัวเว็บไซต์ www.rusiedotton.thai.net

    คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า หลังจากเนคเทคได้รับประสานจากคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลกของประเทศไทย เพื่อพัฒนาท่ากายบริหาร "ฤาษีดัดตนฉบับดิจิตอล" ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า คณะกรรมการองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ "ยูเนสโก" ได้มีมติรับรองศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราช วรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ขึ้นทะเบียนเป็นเอกสารมรดกความทรงจำของโลก ซึ่งการจารึกโคลงประกอบรูปฤๅษีดัดตน ถือเป็นส่วนหนึ่งของศิลาจารึกดังกล่าวด้วย ดังนั้นนอกจากจะเป็นการเผยแพร่ท่าฤาษีดัดตนไปทั่วโลกแล้ว ยังช่วยอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาของไทยไว้ในรูปแบบดิจิตอลออนไลน์เป็นครั้งแรกของโลก <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดร.พันธ์ศักดิ์ ผอ.เนคเทค กล่าวว่า ในการวิจัยและพัฒนาฤาษีดัดตนฉบับดิจิตอล แบ่งวิธีการออกเป็น 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 ใช้ซอฟต์แวร์สามมิติขึ้นรูปฤาษีจำลองตามแบบ การขึ้นรูปจะใช้ลักษณะโครงสร้างแบบไวร์เฟรม และใช้เทคนิคการปั้นโพลีกอนในการสร้างโมเดลฤาษีสามมิติ คำนึงถึงการสร้างโพลีกอน 2 ประเภทหลัก คือ 1.ใช้ Face แบบ 3 จุด (Triangle) 2.ใช้ Face แบบ 4 จุด (Quad) ซึ่งทั้ง 2 แบบจะให้ผลที่ดีในการทำโมเดลสามมิติให้มีความโค้งมนนุ่มนวล

    ส่วนขั้นตอนที่ 2 เทคนิคในการสร้างภาพเคลื่อนไหวใช้วิธีเลียนแบบวิดีโอที่เรียบเหมือนการเคลื่อนไหวของมนุษย์ทำให้ได้ภาพที่เหมือนจริงมากกว่า และขั้นตอนที่ 3 ใช้เทคนิคการ Rendering ด้วย Grid Computing ในการทำ Render เป็นการคำนวณแสงเงาตกกระทบวัตถุในโมเดลสามมิติ ซึ่งอยู่ในรูปโพลีกอน หรือ NURBS ภายในโปรแกรมสามมิติต่างๆ โดยแปรผันการใช้เวลา Render มากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของ Model,Texture,Shading,Light และคุณภาพของการกำหนดค่า Render โดยจำเป็นต้องอาศัยศักยภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถสูงในด้านความเร็วประมวลผลและความเสถียรของระบบ ได้รับความร่วมมือให้ใช้คอมพิวเตอร์กริด ของศูนย์ไทย กริดแห่งชาติในการทำ Render ทั้งหมด

    "ฤาษีดัดตนในรูปแบบดิจิตอล เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการนำวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศของกระทรวงวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเก็บรักษามรดกทางปัญญาของชาติไว้ และเพื่อเผยแพร่ให้คนทั่วโลกนำไปใช้เป็นท่ากายบริหารได้ด้วย" ดร.พันธ์ศักดิ์กล่าว

    "ไทย"ร่วมประชุมสภานิวเคลียร์เอเชีย ถกแผนสิ่งแวดล้อม-โรงไฟฟ้า



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>นายสมพร จองคำ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. กระ ทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) แถลงว่า คณะผู้บริหารระดับสูงของ สทน. เตรียมเดินทางเข้าร่วมประชุม "สภาความร่วมมือทางด้านนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชีย" (Forum for Nuclear Cooperation in Asia : FNCA) ครั้งที่ 10 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 ธันวาคม ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

    การประชุมดังกล่าว คณะกรรมการพลังงานปรมาณูแห่งประเทศญี่ปุ่น กับรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในประเทศภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะมีประเทศสมาชิกเข้าร่วม 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย บังกลาเทศ จีน สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และญี่ปุ่น

    ทั้งนี้ ประเด็นการหารือจะพูดคุยใน 12 ประเด็น ในการนำนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การแพทย์ เกษตร และสิ่งแวดล้อม รวมถึงก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยเฉพาะประเด็นสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุด และประเทศญี่ปุ่นจะเน้นเป็นพิเศษ เนื่องจากเห็นว่า ช่วยลดปัญหาการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้ ซึ่งในการประชุมจะเปิดประเด็นนโยบายทางด้านนิวเคลียร์ของแต่ละประเทศ

    "สำหรับประเทศไทยเรา คงจะนำเสนอเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้พลังงานนิวเคลียร์ การประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสในการเรียนรู้กับเรามากขึ้น เนื่องจากประเทศญี่ปุ่น มีความชำนาญเรื่องนี้มาก ขณะเดียวกันเราจะนำเสนอจุดเด่นด้านการเกษตร ที่กรมวิชาการเกษตรได้ร่วมกับสทน. ในการนำรังสีแกมม่าช่วยคัดเลือกพันธุ์ยีสต์ที่เหมาะสมเพื่อผลิตปุ๋ยชีวภาพ ซึ่งองค์ความรู้ดังกล่าว สทน. เรียนรู้มาจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา โดยได้นำเทคนิค "ไบโอเฟอร์ติไลเซอร์" จากประเทศจีน ซึ่งเป็นการนำรังสีนิวเคลียร์มาช่วยฆ่าเชื้อโรคปุ๋ยและทำให้พืชเกิดการกลายพันธุ์ เป็นชนิดที่ต้องการได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรมหรือจีเอ็มโอ" นายสมพร กล่าว

    สุขภาพจิตคนกทม.

    คอลัมน์ แยกประชาชื่น

    ล็อกล้อ



    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิต ร่วมกับสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) ออกมาเปิดเผย "ผลสำรวจสุขภาพจิตคนไทยปี 2552"

    โดยสำรวจจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 35,700 คน ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าคนไทยมีสุขภาพจิตดีขึ้นจากปีที่แล้ว

    ในปี 2551 ผู้ที่มีสุขภาพจิตดี ร้อยละ 33.7 เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 35.1 ในปี 2552

    ขณะที่ผู้ที่เสี่ยงต่อการมีปัญหาสุขภาพจิตลดลงจาก ร้อยละ 17.8 ในปี 2551 เหลือเพียง ร้อยละ 14.7 ในปี 2552 และทุกภาคเสี่ยงลดลง

    ยกเว้นคนกรุงเทพฯ ที่พบว่าเสี่ยงมีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 15.5 เป็น 17.5 ซึ่งอาจเป็นเพราะผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองในช่วงปีที่ผ่านมา

    กรมสุขภาพจิตประเมินว่า สิ่งที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพจิตของคน ในกรุงเทพฯ คือ เรื่องเศรษฐกิจ และข้อมูลข่าวสาร

    เพราะคนในเมืองใช้เวลาในการรับรู้และแปรปรวนกับการรับรู้ข่าวสารมาก เช่น ข่าวความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาและการชุมนุมทางการเมือง เป็นต้น

    ในภาพรวมของการสำรวจสุขภาพจิต พบว่า เพศชาย ยังคงมีสุขภาพจิตดีกว่าเพศหญิง โดยกลุ่มวัยรุ่น อายุ 15-24 ปี เสี่ยงมีปัญหาสุขภาพจิตมากที่สุด ส่วนกลุ่มที่มีสุขภาพจิตดีที่สุด คือ กลุ่มอายุ 40-59 ปี

    นอกจากนี้ ยังพบว่า กลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป มีสุขภาพจิตดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว

    โดยกรมสุขภาพจิตสรุปผลสำรวจว่า คนอายุมากขึ้นจะมีความพอใจในชีวิตมากขึ้น มีความสามารถในการควบ คุมอารมณ์ในสถานการณ์คับขันดีขึ้น มีความสุขในการช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น แต่มีความเชื่อมั่นว่าครอบครัวจะดูแลตนหากป่วยหนักลดลง

    การดูแลสุขภาพจิตคนแต่ละวัยจึงต้องการนโยบายที่แตกต่างกัน ในคนอายุน้อยควรมุ่งเน้นที่การพัฒนาความสามารถด้านจิตใจ และการมีจิตสาธารณะ ส่วนผู้สูงอายุควรสนับสนุนปัจจัยด้านความเป็นอยู่และการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว

    ก็ไม่รู้ว่ามาถึงวันนี้ปัญหาการรุกเร้าทางการเมืองในช่วงนี้ จะทำให้สภาพจิตของคนกรุงเทพฯ เปลี่ยนไปอีกหรือไม่

    เปลี่ยนแบบเขื่อนบางขุนเทียน-รอสนช.ชี้ขาด



    นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนสลายกำลังคลื่นแบบถาวรเพื่อป้องกันปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งบางขุนเทียน ภายหลังจากรัฐบาลอนุมัติงบประมาณมูลค่า 380 ล้านบาทตามโครงการ "ไทยเข้มแข็ง" ให้กับกทม.เพื่อดำเนินการว่า ขณะนี้กทม.ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องรูปแบบโครงการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้สำนักการระบายน้ำ (สนน.) สรุปจะใช้รูปแบบเขื่อนที่ทำจากวัสดุธรรมชาติอัดหรือซีออส ซึ่งเสนอโดยสถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) แต่ยังมีข้อกังวลถึงความคงทนของวัสดุที่จะนำมาใช้ อีกทั้งมีผู้เสนอรูปแบบใหม่มาให้พิจารณาด้วย จึงจำเป็นต้องใช้เวลาพิจารณาอีกระยะหนึ่ง คาดว่ายังไม่สามารถประกาศประกวดราคาเพื่อหาผู้รับเหมาได้ทันสิ้นปีนี้

    ด้านนายธนดล สัตตบงกช นักวิจัยประจำสถาบันนวัตกรรมฯ และอาจารย์ม.เกษตรศาสตร์ เจ้าของผลงานวิจัยซีออส เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมข้อมูลเพิ่มเติมทางด้านวิศวกรรมเพื่อส่งให้กทม.ตามที่ได้รับการร้องขอ คาดว่าจะสามารถเสนอรายละเอียดให้กทม.ได้ช่วงต้นธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าเขื่อนแบบซีออสมีอายุใช้งาน 10-15 ปีเป็นอย่างต่ำ และะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    เสนอห้ามคนไทยเข้าบ่อนเขมร ชาวบ้านภูมิซรอลเตรียมอพยพหนีหากมีภัย



    ศรีสะเกษ - จากกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาขับไล่เจ้าหน้าที่ทูตไทยออกจากสถานทูตไทย ประเทศกัมพูชาภายใน 48 ช.ม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การกระทำของรัฐบาลกัมพูชาดังกล่าว ทำให้เกิดผลกระทบต่อชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าทำให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่รอบเขาพระวิหารต่างเตรียมพร้อมสู้รบอย่างเต็มที่ ขณะที่ฝ่ายทหารกัมพูชาก็ได้มีการเคลื่อนไหวทางทหาร เพื่อเตรียมพร้อมสู้รบเช่นกัน โดยนายทหารระดับสูงทั้งสองฝ่ายก็มีการพยายามสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันอย่างเต็มที่แล้วและไปมาหาสู่กัน เพื่อรักษาระดับความสัมพันธ์ไม่ให้แย่ลงไปยิ่งขึ้นกว่าเดิม

    นายทิวา รุ้งแก้ว ระธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนา จ.ศรีสะเกษ (คปส.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลกัมพูชาขับเจ้าหน้าที่ทูตไทยออกจากประเทศกัมพูชาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการหยามประเทศไทยเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เนื่องจากว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่รับความช่วยเหลือจากไทยในทุกด้านมาโดยตลอด แต่เพราะเพียงคนๆ เดียวที่เป็นนักโทษหนีคดีการรับโทษทางอาญาเข้าไปอยู่ในประเทศกัมพูชา ทำให้รัฐบาลกัมพูชากล้าที่จะกระทำการหยามประเทศไทย ซึ่งเป็นมิตรประเทศติดกันเช่นนี้ ดังนั้น จึงขอเสนอแนะให้รัฐบาลไทยตอบโต้รัฐบาลกัมพูชาอย่างเด็ดขาด โดยการวางมาตรการเข้ม ห้ามคนไทยเข้าไปเล่นบ่อนการพนันในเขตประเทศกัมพูชาทุกแห่ง และบ่อนทุกแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นแหล่งหาเงินจากคนไทย เพื่อไปใช้ในการพัฒนาประเทศกัมพูชานั่นเอง ทั้งนี้เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ประจำทุกด่านจะทราบดีอยู่แล้วว่าใครบ้างที่ข้ามพรมแดนเข้าไปเล่นการพนัน

    ขณะเดียวกัน ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ปรากฏว่า ขณะนี้ชาวบ้านภูมิซรอลและชาวบ้านทุกหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลายครอบครัว มีการเตรียมเก็บข้าวของ ทรัพย์สินของมีค่าต่างๆ ไว้แล้ว ทั้งนี้เนื่องจากว่า หากมีการสู้รบกันขึ้นมาระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาก็จะสามารถอพยพเคลื่อนย้ายได้อย่างทันท่วงที นายอนุสรณ์ แก้วลอย ชาวบ้าน กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เลวร้ายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงเตรียมข้าวของ เก็บทรัพย์สินของมีค่าต่างๆ ไว้ให้พร้อมเรียบร้อยแล้ว หากว่ามีการสู้รบกันขึ้นมาระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตนและครอบครัว ญาติพี่น้องก็พร้อมที่จะอพยพหนีภัยสงครามได้ทันที

    ปฏิบัติการกู้โลกร้อน

    คอลัมน์ บุ๊กสโตร์




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หนังสือเล่มใหม่ของ อัล กอร์ อดีตรองประ ธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

    อัล กอร์ แถลงถึงที่มาของหนัง สือเล่มนี้ว่า ในช่วง 3 ปีครึ่ง หลังพิมพ์เผยแพร่หนังสือ "โลกร้อน ความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง" ได้จัดและเป็นประธานงานสัมมนาหาทาง ออกที่ยาวนานและเข้มข้นกว่า 30 ครั้ง ในแต่ละครั้งผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากทั่วโลกมาหารือและแบ่งปันความรู้ประสบการณ์ในหัวข้อเกี่ยวกับการกำหนดแผนแก้วิกฤต

    นอกเหนือจากเป็นเจ้าภาพการประชุมกลุ่มเหล่านี้ ยังพยายามอย่างหนักเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาอันมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการหารือแบบตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำท่านอื่นๆ ทั่วโลกอีกหลายต่อหลายครั้ง

    ผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าระดับโลกในความรู้สาขาต่างๆ ตั้งแต่ประสาทวิทยาถึงเศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศถึงเกษตรกรรม ที่เกี่ยวข้องกับความพยายามทำความเข้าใจและสร้างพิมพ์เขียววิธีแก้ปัญหาให้ประสบความสำเร็จระดับโลก อธิบายเนื้อหาของสาขานั้นๆ ให้ฟังอย่างใจกว้างและอดทนยิ่ง

    หนังสือเล่มนี้เป็นผลของความเข้าใจอย่างลึกซึ้งที่เกิดจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในบทสนทนาตลอดหลายต่อหลายปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ทำให้เป็นไปได้ที่จะกำหนดวิธีการอันแปลกใหม่เฉพาะตัวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    "นั่นคือเหตุผลที่ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ เลือกภาพถ่าย และสั่งทำภาพประกอบ เพื่อรวบรวมทุกทางออกอันทรงประสิทธิภาพสูงสุดที่มีอยู่ในปัจจุบันมาไว้ในที่เดียวกัน และหากนำไปใช้ร่วมกันจะช่วยให้แก้วิกฤตได้

    หนังสือเล่มนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้ลงมือช่วยโลก ไม่เพียงในฐานะปัจเจกบุคคล แต่ในฐานะผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมือง เมื่อทุกประเทศและโลกทั้งใบตัดสินใจเลือกทางออกที่มีอยู่ต่อหน้าเราแล้ว"

    "ปฏิบัติการกู้โลกร้อน" หรือ "OUR CHOICE" เล่มนี้ อัล กอร์ มิได้มุ่งอธิบายหรือชี้ให้เห็นถึงปัญหาอย่างในเล่มแรก แต่เสนอแผนปฏิบัติการสำหรับการแก้ไขปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง

    "หากเราไม่ลงมือแก้ไขอย่างจริงจัง ผลกระทบเลวร้ายที่สุดจากวิกฤตสภาพอากาศจะปรากฏกับคนรุ่นต่อๆ ไป พลังทำลายล้างจะรุน แรงขึ้นในทุกศตวรรษที่ผ่านพ้น แต่เราไม่อาจรอให้ความรุนแรงเต็มเปี่ยมของวิกฤตครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนจึงหาทางรับมือ เพราะเมื่อถึงตอนนั้นก็สายเกินกว่าจะหยุดยั้งกระบวนการทำลายล้างที่เราเป็นผู้จุดชนวนได้"
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ทีมผู้แปลปฏิบัติกู้โลกร้อน ประกอบด้วย บัณฑิต คงอินทร์, ดร.พงศาล มีคุณสมบัติ, ศิริธาดา กองภา, พลอยแสง เอกญาติ, ทวีศักดิ์ บุตรตัน, ดร.ศิริรัตน์ จิตการค้า, ภาวินีย์ สังขรัตน์, ไพรัตน์ พงศ์พาณิชย์ ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์ บรรณาธิการ

    วางแผงแล้วพร้อมกันทั่วโลก


    แนะย้ายเมืองหลวงหนีน้ำท่วม



    จากกรณีองค์การกองทุนสัตว์ป่าสากล (World Wildlife Fund) เปิดเผยผลการศึกษาสภาพภูมิอากาศของเมืองใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่ง กทม.ติดโผเมืองใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูงระดับ 5 ที่จะเกิดภัยธรรมชาติเนื่องจากภาวะโลกร้อน กลุ่มเดียวกับนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม และเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนนั้น เมื่อวันที่ 13 พ.ย. นายพิจิตต รัตตกุล ผอ.ศูนย์ป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center-adpc) กล่าวว่า ภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นใน กทม. มี 2 อย่าง คือ ปริมาณน้ำทะเล น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นดิน และกระแสลมที่รุนแรงมากขึ้น กทม.เป็นพื้นที่ต่ำ ขณะนี้ระดับพื้นดินสูงเพียง 40 เซนติเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำทะเลหนุนสูง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหรือคลองเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่มากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมามีสัญญาณเตือนคือแผ่นดินในเขตบางขุนเทียน ถูกกระแสลมและคลื่นซัดแผ่นดินหายไป ระยะเวลา 1 ปีถูกกระแสลมและคลื่นกัดเซาะหายไปประมาณ 6-7 เมตร วิธีที่ตนเคยเสนอคือการสร้างเขื่อน สร้างคันกั้นน้ำในพื้นที่เสี่ยงของกทม. และจังหวัดรอบข้าง ถือเป็นวิธีแก้ไขเฉพาะหน้าที่ต้องเร่งทำ

    ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยธรรม ชาติ เนื่องจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ จนในอนาคตกรุงเทพฯ จะอยู่ใต้ทะเล รวมถึงจังหวัดอื่นๆ จากนี้ไม่เกิน 10 ปีจะเริ่มเห็นชัดเจน ดังนั้น กทม.ควรเตรียมความพร้อมย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่อื่น สถานที่เหมาะสมที่สุด คือ อีสานใต้ เพราะสูงจากระดับน้ำทะเลเกินกว่า 100 เมตร และไม่มีรอยร้าวในแผ่นดิน หากไม่ย้ายควรวางแผนสร้างเขื่อนในอ่าวไทย ความสูง 30 เมตร ตั้งแต่สัตหีบ จ.ชลบุรี ถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสูบน้ำออกไปข้างนอก จึงจะป้อง กันไม่ให้น้ำทะเลทะลักเข้ามา ทั้งนี้ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญและเร่งศึกษาโดยเร็ว หากไม่ดำเนินการน้ำเค็มจะเริ่มเข้ามาในพื้นที่ กทม. เข้าสู่ระบบประปา ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2009
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,700
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** อีกไม่นาน ****

    ปีเถาะ พ.ศ.๒๕๕๔ - ปีกุล พ.ศ.๒๕๖๒
    คำสอนสัจจะทำพระพุทธเจ้า จะย้อนกลับมา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    ยอดตายพายุถล่มเอลซัลวาดอร์พุ่งเกือบ200

    วันจันทร์ ที่ 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา 11:26 น


    [​IMG]
    ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
    ทางการเอลซัลวาดอร์ระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากพายุพัดกระหน่ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มพุ่งขึ้นเป็น 192 ศพจากเดิม 184 ศพ นอกจากนี้ มีรายงานผู้สูญหายอีก 80 ราย ขณะที่ รายงานข่าวแจ้งว่า ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของพายุกว่า 14,000 คนยังคงพักอาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราว 117 หลังที่ทางการจัดเตรียมไว้ให้ ทั้งนี้ พายุได้ซัดถล่มบ้านเรือนประชาชน ทำลายพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตร และสะพาน รวมไปถึงถนนสายต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย

    ด้านประธานาธิบดีมัวริซิโอ ฟูเนส แห่งเอลซัลวาดอร์ สั่งให้กองทัพเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติครั้งนี้แล้ว ขณะที่ กองทัพเรือส่งเรือรบหลายลำออกค้นหาศพผู้เสียชีวิตนอกชายฝั่งทางใต้ของประเทศ.
     
  10. goldbell

    goldbell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,340
    ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์? โดยท่านพุทธทาสภิกขุ
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>[​IMG]


    ข้อคิดพิจารณาธรรม
    ท่านพุทธทาสภิกขุแห่งสวนโมกข์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์?
    เพราะเป็นการปฏิบัติเพื่อยึดเอาประโยชน์ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม การไม่กินเนื้อสัตว์เป็นทางก้าวหน้าของสัมมาปฏิบัติอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ผลมาก โดยลงทุนทางวัตถุน้อยที่สุดแต่ให้ผลมากทางใจ
    ประโยชน์ทางฝ่ายธรรม
    ข้อที่ ๑ เป็นการเลี้ยงง่ายยิ่งขึ้น
    เพราะพวกพืชผัก เป็นของหาง่ายในหมู่คนยากจนเข็ญใจ ซึ่งมีการปรุงอาหารด้วยผักเป็นพื้น นักกินผักย่อมไม่มีเวลาไปกระวนกระวายเพราะอาหารไม่ค่อยจะถูกปากถูกลิ้นนักเลย ในขณะที่นักกินเนื้อมักต้องเลียบๆ เคียงๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งภัตตาหารเนื้อบ่อยๆ ญาติโยมเสียไม่ได้ในท่าทีก็พยายามหามาถวายศรัทธาญาติโยมที่มีใจเป็นกลาง เคยปรารภกับข้าพเจ้าหลายต่อหลายครั้งว่า เขาสามารถจะเลี้ยงพระได้ถึง ๕๐ รูป โดยไม่รู้สึกลำบากอะไรเลย หากเป็นอาหารที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อกับปลา แต่ที่ผ่านมาต้องฝืนใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างมากๆ ไม่ใช่ว่าจะคิดว่า เนื้อมีราคาแพงกว่าผักแต่เป็นเพราะรู้ว่าสัตว์ถูกฆ่าตาย เพื่อการทำบุญเลี้ยงพระของเรามีอีกหลายคน ที่ทีแรกค้านว่าการทำอาหารมังสวิรัติวุ่นวายลำบาก แต่เมื่อได้ทดลองทำไป ๒-๓ ครั้ง กลับสารภาพว่าเป็นการง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย เพราะบางคราวไม่ต้องไปติดไฟเลยก็มี ตัณหาของนักกินผักกับกินเนื้อมีความแตกต่างกันอย่างไร จะกล่าวในข้อหลังเฉพาะข้อนี้ขอจงทราบไว้ว่า
    “คนกินเนื้อสัตว์ เพราะแพ้รสตัณหา
    กินเพราะตัณหา ไม่ใช่เพราะเลี้ยงง่าย”
    ข้อที่ ๒. เป็นการฝึกในส่วน “สัจธรรม”
    คนเราห่างไกลจากความพ้นทุกข์ก็เพราะมีนิสัยเหลวไหลต่อตัวเอง สัจจะในการกินผักนั้นเป็นแบบฝึกหัดที่น่าเพลินบริสุทธิ์ ได้ผลสูงเกินกว่าที่คนไม่เคยทดลองจะคาดถึง พืชผักเป็นอาหารที่จะหล่อเลี้ยง “ดวงธรรมแห่งสัจจะ”ในใจของเราให้สมบูรณ์แข็งแรงดังนั้นการฝึกกินผัก อาหารพืชผักจึงเป็นแบบฝึกหัดสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ที่ยอดเยี่ยมกว่าแบบฝึกหัดอย่างอื่นๆ เพราะแบบฝึกหัดบางอย่างค่อนข้างง่าย แต่บางอย่างก็ยากเกินจะฝึกทำให้ไม่สามารถนำมาเป็นเกมฝึกหัดประจำทุกๆวัน แต่เราผู้ปฏิบัติธรรมต้องฝึกทุกวันจึงจะได้ผลเร็ว เหตุฉะนี้การฝึกใจด้วยเรื่องอาหารอันเป็นสิ่งที่เราต้องบริโภคอยู่ทุกวันจึงเหมาะมาก อย่าลืมพระพุทธภาษิตที่มีใจความว่า
    “สัจจะเป็นคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์”
    ข้อที่ ๓.เป็นการฝึกในส่วน“ทมะ”ธรรม
    “ทมะ” คือ การข่มใจให้อยู่ในอำนาจ คนเราเป็นทุกข์เพราะตัณหาอันได้แก่ ความอยากที่ข่มใจไว้ไม่อยู่ มีข้อพิสูจน์เฉพาะเรื่องผักกับเนื้อง่ายๆ เช่นข้าพเจ้าเคยเห็นชาวบ้านที่มาจากป่าดอนสูงๆ อุตสาห์หาบเอาพวกพืชผักลงมาแลกปลาแห้งๆ จากชาวบ้านแถบริมทะเลขึ้นไปกินทั้งๆ ที่ต้องเสียเวลาเป็นวันๆ ในขณะที่กลางบ้านของเขาก็มีอาหารพวกพืชผัก เผือก มัน ฟัก มะพร้าวฯลฯ อย่างอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งอาหารเหล่านี้ยังเป็นของสด สามารถบำรุงร่างกายได้มากกว่าปลาแห้งๆ และขึ้นราที่พวกเขาสู้อุตส่าห์ลงมาหามหิ้วขึ้นไปเก็บไว้กินเป็นไหนๆดังนั้น… ผู้ที่ไม่มีการข่มรสตัณหาจักต้องเป็นทาสของความทุกข์ และถอยหลังต่อการปฏิบัติธรรม เหตุนี้การข่มจิตด้วยเรื่องอาหารการกินจึงเหมาะมาก เพราะจะมีการข่มได้ทุกวันการข่มจิตอยู่เสมอเป็นของคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์เช่นกัน
    โปรดทราบ! ว่ามันเป็นการยากยิ่งที่คนแพ้ลิ้นจะข่มตัณหา โดยพยายามเลือกกินแต่ผักจากจานอาหารที่เขาปรุงด้วยเนื้อ และผักปนกันมาจงยึดเอาเกมกีฬาฝึกข่มจิต ที่เป็นเครื่องชนะตนอันนี้เถิดการเลี้ยงพระในงานต่างๆ ข้าพเจ้าเคยเห็นเคยได้ยินเสียงเอ็ดตะโร เรียกเอาแต่อาหารเนื้อส่วนอาหารผักล้วนดูเหมือนว่าเป็นการยากที่จะถูกเลือกกับเขา มิหนำซ้ำยังเหลือกลับไปอีก แมกระทั่งอาหารที่ปรุงระคนกันมาก็หายไปแต่ชิ้นเนื้อคงเหลือแต่ผักติดจานกลับไป และยิ่งไปกว่านั้น ก็คือควรรู้ไว้ด้วยว่าบรรดาพ่อครัวแม่ครัวและเจ้าภาพเขารู้ตัวก่อนด้วยซ้ำไป จึงปรุงอาหารเนื้อสัตว์เอาไว้ให้มากกว่าอาหารผักหลายเท่านัก ทั้งนี้ก็เพราะตัณหาทั้งของฝ่ายแขกเหรื่อชาวบ้าน และฝ่ายบรรพชิตทั้งหลายร่วมมือกัน “แบ่งอิทธิพล”
    ข้อที่ ๔. เป็นการฝึกในส่วน “สันโดษ”
    สันโดษ คือ ความพอใจเฉพาะสิ่งที่มีอยู่ตามฐานะของตน โดยทั่วไปชีวิตของผู้ออกบวชย่อมดำรงอยู่ด้วยอาหารชั้นเลว ทว่าข้าพเจ้าเคยเห็นบรรพชิตบางรูป เว้นไม่ยอมรับอาหารจากคนจนเพราะเห็นว่าเลวเกินไป คือเป็นเพียงผักหรือผลไม้ชั้นต่ำ และถึงแม้จะรับมาก็เพื่อทิ้ง นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่เคยมีความสันโดษหรือถ่อมตนดังนั้น… การฝึกเป็นนักกินผัก กินอาหารอย่างง่ายๆ จะแก้ได้หมด “สันโดษเป็นทรัพย์อย่างเอกของบรรพชิต”
    ข้อที่ ๕. เป็นการฝึกในส่วน “จาคะ”
    จาคะ คือ การสละสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อความสงบหรือความพ้นทุกข์ นักกินผักที่แท้จริงมีดวงจิตบริสุทธิ์ผ่องใส เกินกว่าที่จะมีใจนึกอยากในเรื่องจะบริโภคอาหารที่มีรสหลากหลาย เพราะผักไม่ยั่วในการบริโภคมากไปกว่ากินเพื่ออย่าให้ตาย ซึ่งต่างไปจากเนื้อสัตว์ที่ยั่วให้ติดรสและมัวเมาอยู่เสมอ
    ความอยากในรสที่เกินจำเป็นของชีวิตความหลงใหลในรส ความหงุดหงิด เมื่อไม่มีเนื้อที่อร่อยมาเป็นอาหาร ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้ารับรองได้ว่า ไม่มีดวงจิตของนักกินผักเลย ส่วนนักกินเนื้อนั้น ท่านจะทราบของท่านได้เองเป็นปัจจัตตัง เช่นเดียวกับธรรมะอย่างอื่นๆ
    ข้อที่ ๖. เป็นการฝึกในส่วน “ปัญญา”
    ปัญญา คือ ความรู้เท่าทันดวงจิตที่กลับกลอก การใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นโทษของการยึดมั่น และให้ใจละวางความยึดมั่นในการกินอาหาร แบบฝึกหัดที่ยากและเป็นก้าวที่ใหญ่ของการปฏิบัติธรรมเช่นนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการฝึกบริโภคอาหารผัก ที่จะเป็นอารมณ์อันบังคับให้ท่าน ต้องใช้พิจารณาตัวเองอยู่เสมอทุกมื้อเพราะเนื้อทำให้หลงในรส ส่วนผักทำให้ยกใจขึ้นไป ซึ่งเหมาะแก่สันดานของสัตว์ผู้มีกิเลสย้อมใจจนจับแน่นเป็นน้ำฝาดมาแต่เดิมปัญญาของท่านต้องรู้อยู่เสมอว่า ไม่ใช่จะไปนิพพานได้เพราะกินผัก เป็นแต่การกินผักจะช่วยขัดเกลากิเลสทุกๆ วัน
    แท้จริงแล้วข้าพเจ้าไม่ได้มีความเห็นว่าฝ่ายที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจต้องเป็นผักความจริงอาจจะถือว่า ผักเป็นอาหารชั้นเลวหรือไม่ประณีตก็พอแล้ว แต่เมื่อมาพิจารณาใคร่ครวญให้ดีแล้วมันมาตรงกับอาหารผัก เพราะจะทำอย่างไร เนื้อก็เป็นของชวนกินเพียงแต่ต้มเฉย ๆ พอได้กลิ่นมันก็ยั่วตัณหาอยู่ดี!เพราะฉะนั้นฝ่ายที่จะปราบตัณหา จึงกลายเป็นเกียรติยศของผักไป อาหารผักเป็นอาหารที่ข่มตัณหาได้และมีแต่ความบริสุทธิ์จึงเหมาะสม สำหรับผู้ที่ระแวงภัย และตั้งอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ
    ผลดีในฝ่ายโลก อาหารผักมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายยิ่งกว่าเนื้อสัตว์หรือไม่? เรื่องนี้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ก็บอกแก่เราชัดแจ้งอยู่แล้วว่าอาหารผัก จะทำให้ผู้บริโภคมีกำลังแข็งแรงโรคน้อย ดวงจิตสงบ ช่วยให้ความกระหาย ในความอยาก ความโกรธ ความมัวเมา บรรเทาลงเป็นอันมาก



    คัดลอกมาจาก http://www.mindcyber.com/?p=384


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พุทธทำนายจากพระโอษฐ์...จากหนังสือผูกอีสาน

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้อความที่โพสต์

    …บัดนี้จักกล่าวภาคพื้นติดต่อตามประวัติ ตามแต่เฮามองเห็น หากสิจาไปหน้า อันว่าแนวนามเชื้อผิวเหลืองชนะเลิศ พวกพระสังฆเจ้าประจำไว้สู่เมือง จำพวกผิวขาวเผี้ยงสิพากันแพ้พ่าย พญาครุฑราชเจ้าสิบินเข้าสู่สถาน อันนรานอรินเดินจรก็สิได้กลับต่าว สิได้ไหลหลั่งเข้ากรุงกว้างดั่งเดิม

    ยูท่างบำเพ็ญสร้างศีลทานบ่ได้ขาด ศาสนาของเฮาจังสิฮูงเหลื่อมเสมอแก้วหน่วยพิฑูรย์ ไผผู้มาเพียรสู้ตามพระธรรมเฮาชี้ช่องมานั้น สิบ่ขำเขือกฮ้อนคาถานั้นให้ฮ่ำเฮียน หรือสิเขียนใส่ผ้าพันหัวกันเสนียด หรือเอาไปกราบไหว้แลงเซ้าก่อนเข้านอนอานนท์เอ่ย อานนท์เป็นศิษย์แก้วเพียรเฮาบ่ได้ห่าง เฮาสงสารมากล้นภายหน้าศาสนา ฝูงหมู่อุบาสกอุบาสิกาคณาญาติ ให้พร่ำเพียรต่อสู้อย่าคร้านเศิกยาม เฮาแนะซ่องให้ยากง่ายตามความจริง อันความชั่วให้ละทิ้งเพียรไว้ตั้งแต่ดี ทางไกลก็สิเป็นทางใกล้ คนเฮาไปบ่ได้หย่อน ควรหมั่นสีของหม่นเศร้าให้ใสแจ้งอยู่เฮิ่ง

    ไผผู้บ่เกียจคร้านเพียรหมั่นภาวนา ก็จักมีอายุยืนอยู่เสถียรหายฮ้อน องค์พระยาธรรมเจ้าสิลงมาครองโลก หากสิเห็นเที่ยงแท้ให้เพียรสร้างส่วนบุญ หัวทีนั้นพระองค์ทรงยั้งอยู่เมืองใหญ่สีปาด เป็นปัจจุบันเป็นเมืองลานช้างเฮาแท้เที่ยงจริง เผินจักมาเถิงแท้เดือน ๑๑ ขึ้น ๘ ค่ำ

    ครั้น พ.ศ. ไปเถิงสองพันห้าฮ้อยแล้วปีกุนหน้าเที่ยงจริง ลูกแก่นต้นสิตามพ่อโดยเสด็จ กับทั้งหลานสององค์สิเหล่าเทียมมาพร้อม ตามแต่มาศะเกณฑ์ตั้งในระหว่างปีเถาะ ก็จักมีมหาสองยักษ์ยกพลมากล้นมาแต่ทางหนห้องทางปัจฉิมเอ้าอูด มากินสะมะณะพราหมณ์ทั้งหลายให้ตายประมาณได้เจ็ดล้านสามแสนห้าหมื่น บ่ใส่แต่ทอนั้นทวีเท่าทั่วแดน จนว่ามาเถิงปีมะโรงจังสิได้โค้งอ่วย
    ครั้นผู้ใดอยากพบหน้าพระธรรมเจ้าให้หมั่นเพียร เต็มใจสู้ทำศีลทานเททอด ให้พากันอุปฐากพ่อแม่เจ้าสองเฒ่าให้อยู่เย็น ลุเถิงเข้าเขตปีมะเสง แม่น้ำมหาสมุทรไหลเซาะออกมาพังม้าง ฝูงหมู่สังโฆเจ้ามัวหมองปองหาลาภ ธุดงคะคุณมีแต่ละน้อยเพียรสู้ก็บ่หลาย

    พอมาเถิงห้องปีมะเมียแถมถ่าย คนจักละถิ่นบ้านเดินดั้นเทียวขอ ฝูงลูกเต้าสิพรากแม่มารดา กับทั้งบิดาพลัดพรากกันคนก้ำในระหว่างคราวนั้น มันจักเกิดเป็นหนามเสี้ยนคันคายอยู่ในบ่อน เพราะว่าผีป่าในบ้านอืดเสียงผีเมืองดั้นหนีภัยเข้าป่า เมืองกรุงศรีอยุธยาก็จักเกิดเดือดร้อนการเขี้ยวขุ่นมัว อันว่านารีสร้อยฝูงผู้หญิงสิลำบาก จักเกิดเข็ญยากยุ่งเสมอด้ามดั่งกัน วันคืนมื้อกังวนไหวหวั่น
    อานนท์เอ๋ยหากสิเนเที่ยงแท้ภายสร้อยศาสนา พอมาเถิงห้องพระยาลิงปีวอก คนสิออกจากบ้านเดินเข้าสู่ทะเล

    ถัดจากนั้นมาจวบปีระกา กรรมของพวกชาวมนุษย์มันสิบันดาลให้มีมืดควันคุงฟ้า ดูประมาณได้เจ็ดวันเป็นเขต ในเวลามืดนั้นเทวดาเฮียกเอิ้นเอาผีเสื้อยักษ์หลวง นับอ่านได้เถิงโกฏิเป็นประมาณมากินฝูงหญิงชายหมู่กรรมเหลือล้น กับทั้งฝูงผีเสื้ออีกแสนตัวแข็งขนาด ฝูงคนบุญอย่าได้ประมาทแท้คุณแก้วให้ฮำเพิง ให้พากันบำเพ็ญสร้างบำเพ็ญบำเพ็ญบุญอย่าได้หย่อน ลางเทื่อบุญช่วยยู้เวรฮ้ายสิแล่นหนีแท้แล้ว

    จำจากนี้สิเข้าเขตปีจอ พระยาอินทร์เผิ่นสิแปลงสารทิพย์หว่านโปรยลงพื้น สาส์นนั้นอินตาใช้ตัวทองเขียนขีด เพราะว่าบอกล่วงหน้าพระธรรมเจ้าสิล่วงลง บ่นานแท้ปีเดียวเสด็จด่วน ลงมาเที่ยวตรวจค้นตามบ้านหมู่คน ถ้าบ่ได้พบพ้อคำแห่งพระคาถา อันพระสงฆ์ทำนายคำสอนสั่งมาจริงแจ้ง กับทั้งเป็นคนฮ้ายประมาทธรรมหีนะโหด บอกว่าโทษผู้นั้นเห็นแท้สิเกิดกรรม เลยสิบรรดาลให้ตายโหงลงเลือด เพราะว่าเขาบ่ฮู้จำข้อแห่งพระธรรม ในคราวนั้นคนสิเกิดเหลือหลาย ทั้งหญิงชายบ่คัณนาได้ ฝูงหมู่อาหารเข้าบ่พอกินสิเขินขาด ความอดอยากก็จะบังเกิดขึ้นทั้งเฝ้าฮบเฮ็วแท้แล้ว

    ครั้นผู้ใดได้ฟังแล้วให้เว้าต่อกันฟังแด่เดอ ก็จักมีอานิสงส์อายุยืนยาวมั่น กับทั้งหวังเห็นหน้าพระยาธรรมิกราช เผินสิขึ้นผ่านแผ้วครองคุ้มให้อยู่เย็น ครั้นไผบ่บอกเล่าจาต่อกันไปมัวแต่ปิดบังเสียสิเกิดโภยภายซ้อย ทั้งบ่หวังเห็นห้องความเจริญดั่งเฮาบอก พระยาธรรมิกราชเจ้าเลยจ้อยแม่นบ่เห็น

    ...ข้อหนึ่งนั้นยังมีสามพี่น้องประสงค์แข่งแดงฤทธิ์ กำหนดกาลเวลาแข่งดีให้เห็นแจ้ง เจ้าผู้พี่ขานไขตามใจเฮารบสิบห้าวันจิงเซายั้ง องค์กลางนั้นเจ็ดวันหักเที่ยง พระองค์น้อยผู้หลังว่าสามมื้อบ่ให้กลายไผสิดีก็ดีหั้น ไผสิตายก็ตามช่าง บ่ให้๙กว่านั้นสิฮามมื้อเศิกคราว แต่นั้นมีมหาเถรเฒ่ากายงามเฮืองฮุ่ง ท่านนั้นเสด็จออกมาจากสามทวีปซ้ำมากั้นบ่ให้เฮ็ว ท่านนั้นโฉมสีเหลื่อมปุนเปรียบพระอาทิตย์ ฮองๆ ใสดั่งมณีโชติแก้ว ยังจักมาแถมซ้ำหกสิบองค์โดยด่วน เผิ่นประสงค์สิมาบอกห้ามภัยฮ้ายแห่งพระยา

    …เวลาเข้าเถิงปีกุลจำจือเอาเนอเดือนสิบเอ็ดข้างขึ้นจำไว้อย่าสิลืม ให้พวกท่านทั้งหลายพร้อมหญิงชายชาวโลกเฮาเฮ๋ย ฮีบหากันก่อสร้างกุศลไว้ฮับพระองค์ ครั้นผู้ใดโมโหฮ้ายโลภาโลภมาก ศีลบ่เข้าพระธรรมเจ้าบ่เหลียว มีแต่เมาทางได้บ่ตรึกตรองทางชอบ เห็นแต่ทางหม่อตื้นตัวได้แม่นเอา อันว่าในหนห้วงศีลธรรมพระเจ้าเทศน์มานี้ เขาบ่ตั้งต่อสร้างให้เห็นแจ้งแก่ใจ คนผู้นั้นสิบ่ได้พบพ้อองค์เอกพระยาธรรม สิเกิดมีโภยภัยเบียดเบียนให้ตายเมี้ยน เพราะว่ายุคกุลีขึ้นนำภัยนับบ่ข่วย เมตตานับมื้อน้อยโมโหหุ้มห่อใจ

    ตามกระบิลเบื้ององค์พุทโธเผิ่นกล่าวมานั้น เผิ่นว่า พ.ศ. ๒๕๐๐ กลางปีมาแถมถ่ายมานั้น อุบาทฮ้ายโฮมฮ้อนสิเกิดเป็น มีแต่กุมกันวุ้นถกเถียงหาเหตุ เหลียวเห็นกันมีแต่คิดอยากฆ่าก็ทำได้ดั่งใจ บ่ว่าแต่ไกลและใกล้จีนจามแขกฝรั่ง เกิดรบเร็วอยู่บ่มั้วยั้งเขี้ยวเขาใส่กัน จนว่าโลหิตห้งเสมอธารแม่น้ำใหญ่ เลือดสิท่วมเล็บช้างหนูน้อยได้ล่องลอยพุ้นแล้ว เผิ่นจึ่งซ้ำแล้วซ้ำให้เฮาหน่ำทำบุญ ใ ห้พากันบำเพ็ญจิตใจให้อ่อนโอนหายกระด้าง ลางเทือพอไขได้กันคะดีให้เบาห่าง หรือเพื่อตัดขาดเว้นให้หายเสี้ยงหมู่เวร องค์ก็จึ่งตรัสเผือไว้เสมือนตืมเต็มปัญญา เถิงคราวหน้าปัญญาเฮานับมื้ออ่อน อวิชาตัณหานับมื้อแก่กล้า ธรรมสิเศร้าหม่นหมอง ความจริงธรรมหากรักษาไว้โลกาจิงบ่แตก โลกของเฮานี้หากจักยังอยู่ได้พระธรรมเจ้าจ่องดึง

    …อันคราวไปหน้า ความโมหังนับมื้อแผ่ ความมืดใจนั้นนับมื้อห่อหุ้มขังไว้บ่ให้เห็น พอปานเอาฟืนมาอ่อยไว้ทางเย็นนั้นแม่นบ่มี ความดีเผิ่นว่าได้ขันตีธรรมให้เพียรฮำเอาท่อญ หากสิเห็นทางดับมอดเชื้อไฟได้บ่หล่ายความ องค์นั้นมาเป็นกำแพงแก้วกันไฟกองใหญ่เอาความอีดู เมตตากรุณานั้นเป็นน้ำบ่แก้วเทเข้ามอดไฟโลกของเฮา จังสิเย็นอยู่ได้หายกังวลแสนแสบ หัวทีนั้นหัดให้ฮักใกล้ๆ คือพ่อแม่เป็นประถม หักให้สงสารกันตลอดทั้งลุงป้า หัดให้ดีไปเรื่อยๆ ญาติกาชั้นใกล้ก่อน ต่อจากหั้นขอให้รักเพื่อนบ้านบ่มีขั้นต่อไป จนตลอดสัตว์สองเท้าทุบบาทพระหุบท ทั้งอยู่ในดินแดนหมู่ปลาในน้ำ

    ครั้นว่าเฮาฮักกันแล้ว ความชังก็เลยผ่าย ครั้นความชังหนีจากแล้วความอยากฆ่าแม่นบ่มี ความอยากหักง้าวปืนกระสุนก็อิ๊ดอ่อน มีแต่ฮักฮ่วมห้องเสมอน้องพี่กัน ยู่ถ่างทำการสร้างหากินโดยทางชอบ ประกอบอาชีพล้นชาวเผี้ยงโทษบ่ดี อินทรีพรหมฟ้าเทวดาก็ยินม่วนนำแล้ว เหตุว่าอานิสงส์เมตตานั้น เป็นเสน่หาจ่องน้าวจิตใจนั้นให้ชื่นชม ก็จิงบรรดาลให้ชลธาไหลหลั่ง ข้าวในนาและหมากไม้หวานส้มก็มากมูล ครั้นแม่นมันแข็งกล้าหมดโลกาบ่มีอ่อน ดั่งนั้นก็จักเกิดเดือดร้อนคุงฟ้าดั่งกัน อินตาเจ้าจึ่งหลิงโลกโลกา เผิ่นก็ยินระอาเมืองมนุษย์บาปหนาเหลือล้น

    อันว่าธรณีเจ้าพระสุธาก็อกแตก เกิดระแหงแผ่ม้างดังขึ้นทั่วไป ฝูงหมู่คนกลัวย้านขวัญหายอกสั่น ย้านแต่ภัยห่อหุ้มสิตายเมี้ยนบ่นาน มันหากบรรดาลขึ้นเพราะเข็ญกรรมที่สัตว์ก่อ พร้อมทั้งฝนขาดฟ้าน้ำขาดห้วยอึดล้นยิ่งทวี ตามทีเผิ่นกล่าวไว้ในปีจอคนสิเข้ามามาก แต่ว่ามันสิลดน้อยเพราะฝนฟ้าบ่ซุ่มเลิ่งแท้แล้ว แต่ว่าราคาข้าวเกวียนเดียวหกร้อยชั่งพุ้นแล้ว นับเงินใส่เม็ดข้าวเสมอเท่าพอกันนั่นแล้ว แต่นั้นอานนท์ต้านขานตอบองค์พุทโธ ครั้นแม่นเป็นจั่งซั้นไผหนอสิค้างโลกพระองค์เอ๋ย แต่นั้นพระองค์แย้มไขวาจาแล้วตรัสบอก

    อานนท์เอ๋ยโชคไผมีจิงสิได้พ้นคือความดั่งกล่าวมานั้น อันนี้เผิ่นกล่าวไว้ตามแห่งสรญาณ ตามความมีแต่ประถมประเหียนได้ ครั้นบ่เป็นจริงแท้สาธุการเป็นจังโชค ขอให้มนุสสาโลกกว้างเจริญขึ้นอย่าเสื่อมถอย อันนี้องค์พุทโธเจ้าหลิงโลกาสอดส่อง เผิ่นก็รู้เหตุฮ้อนดีแล้วจิงเผย เผิ่นเทศนาเอาไว้อาจารย์เฮาจำจื่อจึงดาย เผิ่นได้จารึกไว้เสาหินหน้าวัดใหญ่ เผิ่นบอกให้ฮอดห้องคราวนี้ให้ฮินตรองนั่นท่อญ ไผผู้ได้ฟังแล้วให้พยายามเพียรเอาแน่อีเฮียมเอ๋ย.

    (คัดจาก “พุทธทำนายจากพระโอษฐ์ และพระปฐมสมโพธิ์ ภาคอีสานฉบับสมบูรณ์” พิมพ์ที่โรงพิมพ์ ลูก ส.ธรรมภักดี พ.ศ. ๒๕๒๙)

    โดย เอกอิสโร วรุณศรี

    ที่มา http://scratchpad.wikia.com

    " ในระหว่างปีเถาะ ก็จักมีมหาสองยักษ์ยกพลมากล้น มาแต่ทางหนห้องทางปัจฉิมเอ้าอูด มากินสะมะณะพราหมณ์ทั้งหลาย ให้ตายประมาณได้เจ็ดล้านสามแสนห้าหมื่น "

    ถ้าปีเถาะในพุทธทำนายนี้ หมายถึงตั้งแต่เดือน เมษายน พ.ศ.2554 ถึงเดือน มีนาคม พ.ศ.2555 แล้วละก็ ย่อมหมายถึงจะมีสองประเทศมหาอำนาจ ยกกองทัพมาทำสงครามใหญ่กันในประเทศไทย จนทำให้สมณะชีพราหมณ์และพลเมืองทั้งหลาย ต้องล้มตายไปมากถึง 7,350,000 กว่าคน -เกษม-

    คำทำนายปี พ.ศ.2553 ของโหรโสรัจจะ นวลอยู่

    ดาวบาปเคราะห์ใหญ่ จะกระจายกันเข้าตรึง 4 ทวาร 4 มุม โดยมีดาวเสาร์เดินนำหน้า มันเป็นจุดคับขันที่สุดของโลก เป็นปีที่จะเกิดสงครามล้างผลาญโลกครั้งใหญ่ ทำลายล้างกันอย่างย่อยยับยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่เป็นมาในประวัติศาสตร์ของชาติมนุษย์

    ช่วงปลายปี พ.ศ.2553 โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ และตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากแข็งกร้าวขึ้น อาวุธปรมาณู อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมีร้ายแรง อาวุธมหาประลัย ถูกนำมาใช้กัน ทำให้เกิดจุดวิกฤตการณ์ของโลกที่เขม็งเกลียวที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และเมื่อนั้น ปีขาลหฤโหดจะสำแดงฤทธิ์ อาณาบริเวณที่จะเกิดจุดฆาตคือ สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล กลุ่มประเทศปาเลสไตน์ และจีน ส่วนสหรัฐแน่นอนละ ฐานทัพนอกประเทศจะถูกทำลายสิ้นไม่มีเหลือ ส่วนประเทศไทยเรา จะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วย สงครามยืดเยื้อไปถึงปี พ.ศ.2554 จนอาจจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ในที่สุด

    ที่มา http://webboard.kapook.com/viewthread.php?tid=9881
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    [​IMG]
    ตรงกับเวลา 07.39 ของประเทศไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A.jpg
      A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.9 KB
      เปิดดู:
      1,382
  13. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <OBJECT codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=407 height=342>
























    <embed type="application/x-shockwave-flash" width="407.6" height="342" src="http://video.mthai.com/Flash_player/player.swf?idMovie=6M1258369134M0" allowfullscreen="true"></embed></OBJECT>
    หนุ่มระยองทะเลาะกับพระซิ่งรถชนยับ</P>เจ้า ของนวดแผนโบราณชื่อดังอารมณ์ร้อนทะเลาะกับพระ ขับรถไล่ชนลากร่างพระไปไกลกว่า 400 เมตร อาการสาหัส พร้อมลูกศิษย์ นอกจากนั้นยังมีเด็กนักเรียนเคราะห์รายเจ็บอีก 3
    (16พ.ย.) เวลา 8.00 น. ร.ต.ท.บัณฑิต เหล่าสุทธิวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยอง รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า มีรถเฉี่ยวชนพระ ก่อนจะลากร่างของพระไป ที่บริเวณหน้าร้าน ข้าวมันไก่ ถนนทุ่งชายกระต่าย ห่างจากที่เกิดเหตุ ประมาณ 400 เมตร มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ถูกส่งโรงพยาบาลระยอง ขอให้ไปสอบสวน
    หลังรับแจ้งจึงไปที่เกิดเหตุถนนทุ่งชายกระต่าย หน้าร้านอุดมวิทยุ พบรถยนต์ซีอาร์วี สีขาว ทะเบียน ก 5422 ชลบุรี ป้ายแดง จอดอยู่ ด้านหน้ารถ ไฟหน้าแตก กันชนขวาบุบ ไม่พบคนขับ โดยมีผู้บาดเจ็บเป็นพระชื่อ พระสมเจต ศิริปัญโญ อายุ 30 ปี พระวัดโขดทิมธาราม ได้รับบาดเจ็บ ขาขวาหัก ตามเนื้อตัวมีแผลถลอก
    นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกคน ชื่อนายฐานิต เฟื่องเกษม อายุ 28 ปี เป็นน้องชายพระสมเจต ที่เดินตามพระ เวลาบิณฑบาต ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง ถูกนำส่ง รพ.ระยอง
    หลังจากที่ ร.ต.ท. บัณฑิต เหล่าสุทธิวงศ์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองระยอง เดินทางไปจุดเกิดเหตุ ที่ศูนย์การค้าสายสี่ หน้าสำนักงานก้อยการพิมพ์ พบ จยย. ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน ขพ713 ระยอง และ รถ จยย ฮฮนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน กล 883 ระยอง ถูกชนมากองรวมกัน อยู่ริมถนน และยังมีรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน กจ 9822 ระยอง และ กระบะ อีซูซุ ทะเบียน ขย.4444 ระยอง ถูกชน ได้รับความเสียหายด้านหน้า กันชนหลุดทั้งสองคัน
    นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน ชื่อ นายธนาคม วงศ์พิทักษ์ อายุ 15 ปี ศรีษะแตก หลังถลอกเป็นแผลลึก และนายรุ่งโรจน์ วิริยะมัติ อายุ 19 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา ทั้งสองเป็นนักเรียน โรงเรียนวัดลุ่ม
    สอบสวนนายฐานิต เฟื่องเกษม อายุ 28 ปี เป็นน้องชายพระสมเจต ให้การว่า ขณะพระสมเจต บิณฑบาต มาถึงหน้าบ้านเลขที่ 8/6-7 ศูนย์การค้าสาย 4 ต.ท่าประดู่ อ.เมือง ระยอง พบนายสมชาย จุติกิตเดชา อายุ 45 ปี เจ้าของคาราโอเกะ นวดแผนโบราณ ฟอริดา และเป็นเจ้าของบ้านดังกล่าว ยืนอยู่หน้าบ้าน พูดว่า “พระไม่รู้จักทำมาหากิน “พระสมเจต จึงพูดสวนไปว่า “แล้วมันไปหนักหัวโยมหรือ โยมไม่บวชเรียน โยมไม่รู้หรอก”
    เมื่อนายสมชาย ได้ยินก็เกิดอารมณ์โกรธ คว้าไม้ถูพื้นไล่ตีพระจนบาตรหลุดมือ พระสมเจตวิ่งหนีมาขึ้นจยย.ที่ตนจอดรออยู่ แต่นายสมชาย ไม่หยุดอารมณ์โกรธ กลับวิ่ง ไปขึ้นรถ ยนต์เก๋ง ฮอนด้า ซีอาร์วี ที่จอดอยู่หน้าบ้าน สตาร์ดเครื่อง ขับพุ่งชนจยย.ที่มี นายธนาคม วงศ์พิทักษ์ และนายรุ่งโรจน์ วิริยะมัต อายุ 19 ปี นักเรียน ที่กำลังจะไปโรงเรียน ซึ่งขับสวนมาพอดีล้มลง จนได้รับบาดเจ็บ
    จากนั้นรถของนายสมชาย ยังพุ่งเข้าชนจยย.ของตน ที่กำลังขี่หลบหนี โดยรถของนายสมชาย ลากเอาร่างของพระสมเจต จน จีวร พันเข้าไปอยู่ ที่แหนบรถ แล้วลากร่างพระสมเจต ติดไปตามถนน ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 400 เมตร ท่ามกลางสายตาประชาชนที่เห็นเหตุ การณ์
    เนื่องจากบริเวณดังกล่าว เป็นย่านชุมชน ตลาด ศูนย์การค้า และสถานีขนส่ง ขณะเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เห็นเหตุการ์ณ จึงขับรถเข้าดักขวางไม่ให้ขับต่อไป ทำให้รถนายสมชาย หยุด ก่อนที่จะหลบหนีไป
    • ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
    • [​IMG]
    MThai SMS News : ข่าวด่วนถึงมือคุณ ทันทุกเหตุการณ์ ไม่พลาดทุกข่าวร้อน
    สนใจรับข่าวกด *48259080066 แล้วโทรออก ทดลองใช้ฟรี 15 วัน
    สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-1007000


    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ลอบทุบองค์ทวดหลักเขตตรัง-พัทลุงเสียหายซ้ำ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 พ.ย. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีผู้ลอบทำลาย องค์ทวดหลักเขต ตรัง-พัทลุง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ตำบลช่อง อำเภอนาโยง โดยเป็นเขตรอยต่อระหว่าง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง กับ อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบ องค์ทวดเพชร ซึ่งเป็นองค์ทวดหลักเขต ตรัง-พัทลุง ที่มีผู้คนให้ความเลื่อมใสศรัทธา และนับถือเป็นองค์ทวดศักดิ์สิทธ์สูงสุด โดนถูกทุบตีจนแตกเสียหายบริเวณจมูก หนวด ใบหู แขน และ นิ้วมือ อย่างชัดเจน
    สำหรับ ทวดหลักเขต ตรัง-พัทลุง เคยถูกคนสติไม่ดีทุบทำลายและตัดศรีษะ จนพังหมดทั้งองค์มาแล้ว เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา จากนั้น นายสิทธิพร ณ พัทลุง นายอำเภอนาโยง ร่วมกับ ชาวบ้านอำเภอนาโยง และผู้เลื่อมใสศรัทธาทั้งจากจังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง และจังหวัดใกล้เคียงในพื้นที่ภาคใต้ ได้ร่วมกันบูรณะขึ้นมาใหม่หมดทั้งองค์ พร้อมมีการประกอบพิธีอย่างยิ่งใหญ่ แต่เวลาผ่านไปยังไม่ครบถึง 2 ปีเต็ม ทวดหลักเขต ตรัง-พัทลุง ก็มาถูกทุบทำลายอีกครั้ง แม้ครั้งนี้จะดูแล้วไม่มากมายนัก แต่ก็ทำให้ผู้ศรัทธาที่แวะสักการะต้องใจหายเมื่อมาพบเห็น จึงเรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งมาบูรณะซ่อมแซมให้มีความสมบูรณ์อีกครั้ง

    ทั้งนี้ เนื่องจาก ทวดหลักเขต ตรัง-พัทลุง ถือเป็นองค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนชาวตรัง พัทลุง และทุกจังหวัดทั่วภาคใต้ ให้ความเคารพและศรัทธา โดยเฉพาะผู้ใช้เส้นทางเขาพับผ้า หากขับขี่ยวดยานผ่านถนนเส้นนี้ เมื่อมาถึงองค์ทวดหลักเขต ตรัง-พัทลุง ก็จะมีการบีบแตรรถเพื่อแสดงความเคารพ เพื่อขอพรให้องค์ทวดหลักเขตคุ้มครองให้เดินทางปลอดภัยไปตลอดเส้นทาง รวมทั้งผู้ศรัทธาหลายท่านที่มีความเชื่อในเรื่องของการบนบานศาลกล่าว ก็จะมาขอให้ตนเองประสบความสำเร็จดังที่ใจปรารถนา ในแต่ละวันจะมีผู้มาเซ่นไหว้เพื่อแก้บนเป็นจำนวนมาก

    อย่างไรก็ตาม สภ.นาโยง ระบุว่า ตามปกติจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เดินทางมาลาดตระเวนความปลอดภัยเป็นประจำทุกวัน โดยสังเกตพบว่า ที่ศาลทวดหลักเขต ตรัง-พัทลุง มักจะมีคนสติไม่ดีมาหลบพักอาศัยอยู่บ่อยครั้ง ฉะนั้น การที่องค์ท่านถูกทุบทำลายในครั้งนี้ อาจจะเป็นไปได้ว่าเกิดจากฝีมือของคนสติไม่ดี ที่มาพักหลบร้อนเช่นเดียวกับครั้งที่ผ่านก็เป็นได้


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แห่ไหว้พระเก่า ตักดื่ม"น้ำพันปี"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ชาวบ้านแห่รองน้ำศักดิ์สิทธิ์จากอุโมงค์ใต้พระอุโบสถวัดบางจาก วัดดังย่านปากเกร็ด กราบไหว้พระพุทธรูป "พระโมคคัลลานะ-พระสารีบุตร"ที่ขุดพบโดยบังเอิญ คาดมีอายุกว่า 200 ปี พร้อมปิดทองหลังพระเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

    เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากวัดบางจาก อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ขุดพบ พระอัครสาวก พระโมคคัลลานะ-พระสารีบุตร


    ตั้งประดิษฐานอยู่ใต้พระอุโบสถ 2 องค์ ลักษณะ เป็นองค์พระ สูงราว 1 เมตร หน้าตัก 50 ซ.ม. ที่ค้ำฐานของอุโบสถ มีข้อความว่าพระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้าย (พระหนุนดวง) กับพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา (พระค้ำดวง) บริเวณใกล้กัน มีลูกนิมิตโบราณขนาดใหญ่ สีดำ ประดิษฐานอยู่บนโขดหิน หลังจากทราบข่าว มีประชาชนจำนวนมากจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมากราบไหว้พระพุทธรูปทั้ง 2 องค์ จนลานจอดรถของวัดแน่นไปด้วยรถยนต์ นอกจากนี้ ชาวบ้านจำนวนมากเดินลอดอุโมงค์ใต้พระอุโบสถ พร้อมทั้งนำทองคำเปลวที่ทางวัดจัดเตรียมไว้มาปิดตามองค์ของพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร

    นอกจากนี้ พบว่าบริเวณใต้ฐานพระอุโบสถ มีน้ำใสไหลออกมาจำนวนมาก ทางวัดต้องนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งเพื่อระบายน้ำออก และกั้นเป็นบ่อขนาดเล็ก พร้อมเขียนข้อความว่า "บ่อ น้ำพันปี" มีชาวบ้านนำภาชนะ-ขวดน้ำมาใส่กลับไปบ้านเพื่อใช้ดื่ม ใช้อาบเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

    ด้านพระครูกิตตินนทคุณ เจ้าอาวาสวัดบาง จาก กล่าวว่า อุโบสถดังกล่าวถูกน้ำท่วมขังตลอด ทุกปี

    ก่อนหน้านี้อาตมาร่วมกับคณะกรรมการวัดเตรียมยกเป็นอุโบสถ 2 ชั้น โดยชั้นที่ 1 ทำเป็นที่ฝึกกรรมฐาน ส่วนชั้นที่ 2 ใช้เป็นที่ประกอบพิธีสังฆกรรม หลังจากลงมือขุดเจาะใต้ฐานพระอุโบสถลงไปได้เพียงไม่กี่วัน เครื่องขุดเจาะไปขุดเจาะถูกวัตถุที่มีลักษณะแข็งผิดปกติ เมื่อช่วยกันขุดดินทรายออก พบองค์พระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตร แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ องค์พระโมคคัลลานะนั้นได้รับความเสียหายที่บริเวณใบหน้าและแขนขวา อีกทั้งในอุโมงค์ ดังกล่าวยังมีน้ำใสไหลออกมาตลอดเวลา สร้างความประหลาดใจอย่างมาก ต่อมาชาวบ้านที่พักอยู่ใกล้วัดต่างพากันมาดู พร้อมกราบไหว้ตามหลักศาสนา เบื้องต้นเชื่อว่าพระทั้ง 2 องค์น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามประชาชนที่เดินทางมาที่วัดดังกล่าว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเรื่องประหลาดที่พบพระพุทธรูปอยู่ใต้ฐานพระอุโบสถ ที่เดินทางมากราบไหว้ครั้งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อิหร่านชี้สิทธิครอบครองนิวเคลียร์ไม่ใช่เรื่องที่จะต่อรองได้

    [​IMG]

    เตหะราน 16 พ.ย.- สำนักข่าวอิสนาของอิหร่าน รายงานอ้างคำพูดของประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด แห่งอิหร่านว่า สิทธิในการครอบครองนิวเคลียร์ของอิหร่าน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเจรจาต่อรองได้

    ประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจัด เปิดเผยในวันนี้ว่า สิทธิในการครอบครองนิวเคลียร์ของอิหร่าน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้ โดยยืนยันว่าอิหร่านจะให้ความร่วมมือด้านนิวเคลียร์ภายใต้กรอบของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ และการร่วมมือด้านนิวเคลียร์กับอิหร่านจะเป็นผลดีต่อชาติตะวันตก

    ผู้นำอิหร่านกล่าวเรื่องนี้หลังจากเมื่อวานนี้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐกล่าวว่า ใกล้หมดเวลาทางการทูตต่อประเด็นความขัดแย้งเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านแล้ว ซึ่งเป็นโครงการที่ชาติตะวันตกวิตกว่าบังหน้าการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ แต่อิหร่านยืนยันว่า ต้องการเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเท่านั้น ร่างข้อตกลงที่มีไอเออีเอเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยระบุให้อิหร่านส่งยูเรเนียมสมรรถนะต่ำ 3 ใน 4 ของที่มีอยู่ทั้งหมด ไปเพิ่มสมรรถนะที่รัสเซียและฝรั่งเศส เพื่อส่งกลับมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับใช้ในเครื่องปฏิกรณ์เพื่อวิจัยทางการแพทย์ของอิหร่าน แต่ทางการอิหร่านโต้ว่า ยอมซื้อเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปฏิกรณ์จากต่างชาติดีกว่าส่งยูเรเนียมสมรรถนะต่ำไปเสริมสมรรถนะในต่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-16 16:31:59

    ผู้นำสหรัฐ-รัสเซีย เตือนอิหร่านหมดเวลาเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์

    [​IMG]

    สิงคโปร์ 15 พ.ย.-ผู้นำสหรัฐและรัสเซียเตือนเวลาของอิหร่านในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งประเด็นนิวเคลียร์ได้หมดลงแล้ว

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ และประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย พบหารือนอกรอบในการประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ที่สิงคโปร์ ก่อนเผยว่า เป็นที่น่าเสียใจที่ขณะนี้ อิหร่านไม่ได้ตอบสนองต่อข้อตกลงของชาติมหาอำนาจตะวันตก ที่ต้องการให้อิหร่านส่งยูเรเนียมที่ผ่านการเสริมสมรรถนะบางส่วนไปเสริมสมรรถนะต่อยังต่างประเทศ และว่าถึงเวลาแล้วที่จะใช้มาตรการอื่นในการกดดันอิหร่าน แทนการเจรจาที่ดูเหมือนจะไร้ผล ซึ่งอาจเป็นการคว่ำบาตรอิหร่านให้หนักขึ้น

    ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐและรัสเซียยังได้เจรจากันในประเด็นข้อตกลงฉบับใหม่ที่จะใช้แทนสนธิสัญญาลดอาวุธสตาร์ท-วัน ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าการหารือรายละเอียดสนธิสัญญาลดอาวุธในครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างราบรื่น.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-16 00:30:11

    อิหร่านจะสร้างระบบขีปนาวุธป้องกันชั้นสูงเองถ้ารัสเซียไม่ส่งให้

    [​IMG]

    เตหะราน 15 พ.ย.- ส.ส.อิหร่านเตือนว่าอิหร่านจะสร้างระบบขีปนาวุธป้องกันชั้นสูงเองในเร็ว ๆ นี้ หากรัสเซียไม่จัดส่งระบบดังกล่าวให้อิหร่าน เป็นการแสดงท่าทีไม่พอใจล่าสุดของอิหร่านที่เห็นว่ารัสเซียยังไม่ทำตามข้อเสนอจำหน่ายขีปนาวุธป้องกันเอส 300 จนถึงขณะนี้

    หนังสือพิมพ์อิหร่าน อ้างคำกล่าวของ นายอะเลเอ็ดดิน โบราวเจอร์ดี ประธานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติและนโยบายต่างประเทศในรัฐสภาอิหร่านว่า อิหร่านไม่ใช่ประเทศที่จะหยุดนิ่งหากเผชิญหน้ากับประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือ หากพิจารณาถึงศักยภาพที่มีอยู่อิหร่านสามารถสร้างระบบขีปนาวุธป้องกันจำนวนมากได้ในเวลาไม่นาน เขาไม่ได้ระบุชัดเจนแต่ขีปนาวุธที่พูดถึงคล้ายกับขีปนาวุธป้องกันเอส 300 ก่อนหน้านี้ 2 วัน เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของอิหร่านคนหนึ่งแสดงความไม่พอใจอย่างเปิดเผยต่อการที่รัสเซียยังไม่ยอมจำหน่ายระบบดังกล่าว ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์อีกฉบับอ้างคำกล่าวของผู้บัญชาการกองทัพอากาศอิหร่านว่า จะผลิตขีปนาวุธตรวจจับความร้อนจากอากาศสู่อากาศแบบใหม่

    ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานเอส 300 หรือที่เรียกในชาติตะวันตกว่าเอสเอ 200 ติดตั้งอยู่บนรถบรรทุก สามารถยิงขีปนาวุธนำวิถีและอากาศยาน มีพิสัยยิงไกลถึง 150 กิโลเมตร.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-15 16:11:55

    โอบามา ระบุสหรัฐไม่พยายามจำกัดความก้าวหน้าของจีน

    [​IMG]

    เซี่ยงไฮ้ 16 พ.ย.- ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ กล่าววันนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ได้พยายามจำกัดความก้าวหน้าของจีน แต่ชี้ว่าการค้าระหว่าง 2 ประเทศจำต้องมีความสมดุลมากกว่านี้

    ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวสุนทรพจน์ต่อนักเรียน นักศึกษาจีนในนครเซี่ยงไฮ้ ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนจีนอย่างเป็นทางการในวันแรก โดยระบุว่า สหรัฐไม่ได้พยายามจำกัดความเจริญก้าวหน้าของจีน และไม่พยายามใช้ระบบของรัฐบาลต่อประเทศอื่น แต่ในทางกลับกัน สหรัฐยอมรับจีนในฐานะสมาชิกประชาคมโลกที่มีความแข็งแกร่ง รุ่งเรือง และประสบความสำเร็จ

    ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า ในสมัยที่รัฐบาลสหรัฐสถาปนาความสัมพันธ์กับจีนในปี 2522 นั้น สองประเทศมีมูลค่าการค้าระหว่างกันเพียงไม่กี่พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัจจุบันมีมากกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13 ล้านล้านบาท) และการค้าระหว่างกันสามารถช่วยสร้างงานให้จีน และสหรัฐมากกว่านี้ หากอุปสงค์มีความสมดุลกันยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่งคั่งมากกว่านี้

    ประธานาธิบดีโอบามา ยังกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐ และจีนต้องย่างก้าวครั้งสำคัญในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะประเทศอื่นกำลังรอดูว่า สหรัฐ และจีนจะดำเนินการอย่างไรก่อนที่จะมีการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งสำคัญที่กรุงโคเปนเฮเกน ของเดนมาร์ก ในเดือนหน้า

    จีนถือเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รายใหญ่ที่สุดในโลก แต่จีนระบุว่า ประเทศกำลังพัฒนาไม่ควรต้องรับข้อผูกมัดระหว่างประเทศที่กำหนดเพดานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในขณะที่กำลังมุ่งเน้นไปที่การทำให้เศรษฐกิจขยายตัว และการหลุดพ้นจากความยากจน

    จีนได้ดุลการค้าสหรัฐมูลค่ามหาศาล ทั้งยังเป็นต่างชาติที่ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุด ขณะที่สหรัฐขาดดุลการค้าจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 ในเดือน ก.ย. ไปอยู่ที่ 22,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 729,300 ล้านบาท) เป็นการขาดดุลการค้าสูงสุดนับแต่เดือน พ.ย. 2551. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-16 14:44:06

    กองกำลังฝรั่งเศสยิงปะทะตอลีบาน บริเวณหุบเขาในอัฟกานิสถาน

    [​IMG]

    อัฟกานิสถาน 16 พ.ย. - สถานการณ์การสู้รบในอัฟกานิสถานยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด โดยกองกำลังของฝรั่งเศสเกิดยิงปะทะกับกลุ่มตอลีบาน บริเวณหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานความสูญเสีย

    กองกำลังของฝรั่งเศสราว 700 นาย และทหารอัฟกันราว 100 นาย เกิดปะทะกับกองกำลังตอลีบาน 60 นาย ที่บริเวณหุบเขาทากับ โดยกลุ่มตอลีบานได้ยิงจรวด 2 ลูก ถล่มทหารฝรั่งเศสและกองกำลังอัฟกันที่ตอบโต้ด้วยปืนใหญ่และขีปนาวุธ ขณะทหารฝรั่งเศสและอัฟกันกำลังลาดตระเวนบริเวณหุบเขาที่เป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มตอลีบาน ทั้งนี้ แม้นาโตจะมีฐานทัพประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ โดยเมื่อปีที่แล้วกลุ่มตอลีบานสามารถสังหารทหารฝรั่งเศสเสียชีวิตไป 10 นาย

    ขณะเดียวกัน นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ แห่งอัฟกานิสถาน เร่งปฏิรูปประเทศ ขณะที่ประธานาธิบดีโอบามากำลังพิจารณาว่าจะส่งทหารเข้าไปในอัฟกานิสถานอีกหรือไม่ โดยนายคาร์ไซ จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาวอัฟกัน และบริหารประเทศอย่างโปร่งใส. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-16 12:42:07

    ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุในเอลซัลวาดอร์เพิ่มเป็น 192 คน

    [​IMG]

    ซันซัลวาดอร์ 16 พ.ย. – เจ้าหน้าที่พิทักษ์พลเรือนของเอลซัลวาดอร์เปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมและโคลนถล่มในสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้นเป็น 192 คนแล้ว จาก 184 คน หลังพบศพเพิ่มขึ้นในพื้นที่ประสบภัย ขณะที่มีรายงานประชาชนอีก 80 คนยังคงสูญหาย

    รายงานระบุ พบผู้เสียชีวิต 89 คนในจังหวัดซานวีเซนเต ตอนกลางของประเทศ นอกจากนี้ ยังพบผู้เสียชีวิต64 คน ในกรุงซันซัลวาดอร์ 14 คน ในจังหวัดลาปาซ และ 11 คน ในจังหวัดกุสกัตลัง และประชาชนอีก 80 คน ยังคงสูญหายจากพายุดังกล่าว ขณะที่ผู้ประสบภัยพายุมากกว่า 14,000 คน ยังคงอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวจำนวน 117 แห่งทั่วประเทศ พายุฝนซึ่งกระหน่ำเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ทำลายบ้านเรือนหลายหลัง รวมทั้งผลผลิตทางการเกษตรสะพาน และระบบถนนส่วนใหญ่ของประเทศ

    ประธานาธิบดีเมาริซิโอ ฟูเนส ได้ออกคำสั่งให้กองทัพเริ่มปฏิบัติการขนส่งอาหารไปให้แก่ชุมชนจำนวนมาก ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ ขณะที่กองทัพเรือยังคงออกค้นหาศพของผู้ประสบภัยนอกชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งคาดว่าถูกกระแสน้ำในแม่น้ำเลมปาพัดพาออกสู่ทะเล. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-16 12:01:57

    ไต้หวันเสริมระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว

    [​IMG]

    ไทเป 15 พ.ย. – ไต้หวันจะสร้างสถานีตรวจจับแรงสั่นสะเทือนใต้ทะเลแห่งแรกตามแผนเสริมระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า

    เจ้าหน้าศูนย์แผ่นดินไหววิทยาของไต้หวันชี้ว่าสถานีใต้ทะเลสามารถส่งสัญญาณเตือนก่อนเกิดแผ่นดินไหวราว 10 วินาที และเตือนผลกระทบจากคลื่นสึนามิล่วงหน้าได้ 10 นาที พอจะช่วยให้ประชาชนมีเวลาหาที่หลบภัยหรืออพยพจากชายฝั่งกรณีที่เกิดสึนามิ และว่าสถานีตรวจแผ่นดินไหวใต้ทะเลจะตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 45 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่มักเกิดแผ่นดินไหว โครงการนี้ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 423 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 429 ล้านบาท)

    สถานีตรวจจับแรงสั่นสะเทือนใต้ทะเลมีกำหนดเปิดใช้งานในปี 2554 และคาดว่าจะช่วยลดความคลาดเคลื่อนในการตรวจจับการสั่นไหวใต้ทะเล พร้อมกับสนับสนุนการทำงานของสถานีตรวจจับแผ่นดินไหวภาคพื้นดินซึ่งปัจจุบันสามารถร่นระยะเวลาการตรวจจับแผ่นดินไหวจาก 3 นาทีเหลือประมาณ 35 วินาที

    ไต้หวันตั้งอยู่ใกล้กับรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น ทำให้เกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง รวมทั้งเหตุแผ่นดินไหว 7.6 ริกเตอร์ เมื่อปี 2542 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตราว 2,400 ราย.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-15 14:45:09

    ภาคธุรกิจประชุมหาทางช่วยแก้ปัญหาอดอยาก

    [​IMG]

    มิลาน 15 พ.ย.-บริษัทใหญ่ด้านอาหารและบริษัทที่เกี่ยวข้องประชุมหารือถึงบทบาทในการช่วยแก้ปัญหาความอดอยาก ขณะที่องค์กรนอกภาครัฐกล่าวหาบริษัทข้ามชาติว่า เร่งหาทางครอบครองภาคเกษตรกรรมในประเทศกำลังพัฒนา

    บริษัทใหญ่ประชุมกันที่เมืองมิลานของอิตาลี ก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดว่าด้วยความมั่นคงด้านอาหารของสหประชาชาติตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุธนี้ นายฌากส์ ดิอุฟ ผู้อำนวยการองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) กล่าวว่า ภาคเอกชนเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาความอดอยาก ไม่เพียงแต่ผลิตอาหารเท่านั้นแต่ยังรวมถึงความรู้และความเชี่ยวชาญ การที่ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันขจัดความอดอยากจะเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย เพราะผู้อดอยาก 1,000 ล้านคน จะกลายเป็นลูกค้ารายใหม่ของภาคธุรกิจ

    ยารา บริษัทปุ๋ยในนอร์เวย์ เรียกร้องให้เปลี่ยนความช่วยเหลือไปเป็นการลงทุนเพื่อแก้ปัญหาความอดอยาก ยาราจะลงทุน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,700 ล้านบาท) สร้างโกดังปุ๋ยในโมซัมบิกและแทนซาเนีย ขณะที่เนสต์เล่ บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ เผยว่า จะทำงานร่วมกับเกษตรกรมากกว่า 600,000 คนในแอฟริกาตะวันตกปรับปรุงคุณภาพการผลิตโกโก้ด้วยงบประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,400 ล้านบาท) ในช่วงทศวรรษหน้า ส่วนครอปไลฟ์ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์พืชพันธุ์โต้เสียงวิจารณ์เรื่องพืชตัดแต่งพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) ว่า มีคนอดอยากมากมาย เหตุใดจึงคิดจะจำกัดเทคโนโลยีในการผลิตอาหารเลี้ยงโลก ในอนาคตแอฟริกาอาจเป็นตลาดใหญ่สำหรับพืชจีเอ็มก็ได้

    ด้านออกซ์แฟมในฝรั่งเศสชี้ว่า บริษัทข้ามชาติเร่งผลิตเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยเคมี และพืชจีเอ็ม เป็นการใหญ่ตั้งแต่เกิดวิกฤติด้านอาหาร ขณะที่กลุ่มเกรนระบุว่า บริษัทข้ามชาติตั้งเป้าพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรที่ใช้พืชจีเอ็มและยาฆ่าแมลง ทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในอาร์เจนตินาและบราซิล แม้การเพิ่มผลผลิตเป็นสิ่งจำเป็น แต่การใช้ปุ๋ยเคมีไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-15 23:29:12

    ญี่ปุ่นเร่งให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่เด็กใน 5 จังหวัด

    [​IMG]

    ญี่ปุ่น 17 พ.ย. - ญี่ปุ่นเร่งให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แก่เด็กใน 5 จังหวัด เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ป่วยเด็กที่เพิ่มมากขึ้น

    กรุงโตเกียวและอีก 3 จังหวัดของญี่ปุ่นได้เริ่มให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แก่เด็กๆ ที่ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นการให้วัคซีนก่อนกำหนดถึงกว่า 2 สัปดาห์ ส่วนที่จังหวัดโอซากาก็เริ่มให้วัคซีนกับเด็กๆ เช่นกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นเริ่มให้วัคซีนกับเด็กก่อนกำหนดที่วางไว้ เนื่องจากเด็กเล็กจำนวนมากมีการติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ จนทำให้มีอาการป่วยหนักและบางรายถึงกับเสียชีวิต. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-17 09:33:29

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    " ในระหว่างปีเถาะ ก็จักมีมหาสองยักษ์ยกพลมากล้น มาแต่ทางหนห้องทางปัจฉิมเอ้าอูด มากินสะมะณะพราหมณ์ทั้งหลาย ให้ตายประมาณได้เจ็ดล้านสามแสนห้าหมื่น "

    (ข้อความต่อไปนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณของท่านให้ดี ก่อนที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ)

    คนสองกลุ่ม กับ สองประเทศมหาอำนาจ

    กลุ่มหนึ่ง มีคนไทยเชื้อสายหมีแพนด้า ที่เข้ามาตั้งรกรากมานาน สมัย นายควง เก็บหัวละ ๔๐๐ บาท ได้รับการสนับสนุนจากแพนด้า กำลังคิดจะครอบครองเมืองไทย.... ทุกวันนี้สังเกตให้ดี...ทีวี มีแต่หน้าคนจีน...(ไม่ได้ว่าและรังเกียจคนจีนนะ) ...ทุกวันนี้มีคนเหล่านี้ที่คิดไม่ซื่อทรยศประเทศชาติ แฝงตัวทำงานอยู่ทุกวงการ ... หากปล่อยตามแผน...เขาจะครอบครองไทยได้ต่อไป โดยเปลี่ยนตัวผู้นำ ผู้บริหารทั้งหมด...

    ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ผู้อยากเป็นแบบ ปธน.ผู้นำอันดับหนึ่งในประเทศ กับพวกพ้องที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะการกระทำจากความโลภ เมื่อครั้งมีอำนาจ แต่เขาไปขอการสนับสนุนจาก ประธาน คาวบอย ที่เมืองอินเดียนแดง...พวกนี้จึงมีทั้งทุนมาก โดยเฉพาะชาวเขาเผ่าคนเหลี่ยม รู้จักพ่อของ คาวบอยคนนั้นดี จึงมีบริวารคอยให้การช่วยเหลือ เช่น สิงโต นินจา กีเหลาใต้ รวมถึงมีสื่อยักษ์ใหญ่ ZenEE ที่คอยเป็นกระบอกเสียงสนับสนุน และหนังสือชั้นนำของโลก ที่เริ่มทุบตี เศษสะกิดพอดี ของเรา...

    ปัญหาภาคใต้...มีผู้สนับสนุน คือ แพนด้ายักษ์ ที่แอบสนับสนุน บริวารภัยคือ พวกยักษ์หน้าแขก ที่ทำสิ่งผิดกฎหมายมากมาย ยักษ์กับยักษ์คุยกัน ยักษ์แรกบอก เธอตีด้ามขวาน เธอเอาด้ามขวาน ฉันจะสนับสนุนทุน และคอยช่วยเหลือ ส่วนฉันจะเอาตัวขวานเอง....

    เมื่อสงครามด้ามขวานเกิด ทหารจากสยามจะสูญเสียหนัก เพราะข้าศึกที่รบด้วยมีทุนมหาศาล...สุดท้ายด้ามขวานจะหักตามแผนของเหล่ายักษ์หลายฝ่าย...จากนั้นชนต่างๆ รอบขวานทอง ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนและอาวุธจากยักษ์เช่นกัน จะรุมกินโต๊ะดินแดนบ้านเรา....ขอม อยากบุกมาปักธงถึงบางประกง....แถวติดอ้ายน้องก็จะบุกเข้ามาอีสาน...ถิ่นชายแดนเหนือชนเขาเก่าแก่ ก็อยากได้...แถบตากตะวันตก ก็มีอีกพวกหนึ่ง...สยามจะมีแต่น้ำตากับคราบน้ำตา....

    แต่ต่อไป...ทั้งสองกลุ่มใหญ่คนละฝ่าย แต่ใจตรงกัน จะสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองวุ่นวาย...เพื่อให้เกิดความชุลมุน...จะได้ก่อการเลวได้ง่าย... แต่สุดท้าย ทุกกลุ่มทุกฝ่ายจะรวมเป็นพวกเดียวกัน คือ ไม่เอาระบบปกครองแบบสยาม....การลอบปลง ชพน คนในครอบครัวท่าน จะทำได้ง่าย...คาวบอย จึงอยากจับตัวท่านที่คนสยามนับถือไป...โดยอ้างว่าไม่ปลอดภัย...เมื่อท่านมีบารมีสูงไม่อยู่บ้าน สยามเมืองยิ้มไม่ออก ....จากนั้น สงคราม คาวบอย กับ ประเทศในเครือแพนด้า จะรบกันหนัก...อาวุธนำวิถี จะตกผิดพลาดราพณาสูญ...รวมทั้งเมืองอมรมหินท์ จะหลงมาตก ๔ ลูก....แผ่นดินจะพัง...เมื่ออ๊ะพงท่านกลับมา...บทเพลงล้างโลกจะเริ่มโหมโรง...เพราะมีคนฝ่าฝืน โองการของโลกุตตระ ที่ได้ประกาศไว้แล้ว (คือห้ามเอาท้องฟ้าของไทยมาเป็นสนามรบ)

    - "หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
    05-02-2007, 05:55 AM

    *** ประเทศบริวารเล็กๆ...แต่ ไม่กลัวใคร ****

    หลายประเทศเล็ก...มีอาวุธร้ายนำวิถี....ไม่กลัวใคร...ไม่กลัวตำรวจโลก
    เพราะ...มีพี่ใหญ่หนุนหลัง ......หวังครองโลก
    ก่อนเกิด...สงคราม ทุกฝ่ายอยากได้...ครัวของโลก...ทำอาหารให้กิน

    หาก...ผู้บริหารไทย...ทรยศ "สัจจะ" ที่ปฏิญาณที่ให้ไว้....
    ท่านทั้งหลาย...จะกลายเป็นผู้ขายชาติทันที !!!
    ชีวิตต่อไป...จะวิบัติเจ็บทุกข์ทรมานถึงที่สุด
    หาก...ท่านทั้งหลาย...มั่นคงใน "คำสัตย์ปฏิญาณ" !!!
    ชีวิตของท่าน...จะเจริญ อย่างที่สุด

    เพราะ...คำสัตย์ ปฏิญาณ สาบานตน...คือ สัจจะ ที่ห้ามล่วงเกิน
    จึง เป็นได้ทั้ง "พร" และ "คำสาป" จาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์

    ชีวิตอนาคตของท่านทั้งหลาย
    ขึ้นกับ "การกระทำ" ของตัวเองทั้งสิ้น
    ขอให้คิดถึงใจเขาใจเรา ... เมตตา ... เสียสละให้มาก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
    05-02-2007, 06:07 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ไฟใต้-จะเยียวยาความเกลียดชังต่อกันได้อย่างไร.67594/

    คำทำนายจากพระเกจิอาจารย์

    เพื่อนธรรมคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า พระเกจิอาจารย์ของเขาเล่าให้ฟัง เหตุการณ์ปี พ.ศ. 2552 ถึงปี พ.ศ. 2555 ยังไม่ต้องเชื่อนะครับจับตาดูกันต่อไป

    เรื่องราว จากนี้ไป ไม่ง่ายนัก การเมืองจัก วุ่นวาย ไม่หน่ายหนี
    เศรษฐกิจ การเงินซ้ำ กระหน่ำอีกที ประชาชี สิหนีพราก ลำบากลำบน

    ต่อๆไป ไทยอาจแตก เป็นเสี่ยงๆ เพราะคนเอียง เลี่ยงหลับ จนสับสน
    แผ่นดินเรา เขาเข้ายึด เป็นของตน ประชาชน ต้องหลบลี้ เพราะมีภัย

    เสือขาวเหลือง เข้ามาหา กระยาหาร เข้ารุกราน เราตายเป็นเบือ จะเชื่อไหม
    ส่วนที่เหลือ จะอยู่รอด กันอย่างไร คิดๆไป ใจก็เศร้า ไฟเผาทรวง

    วิบากกรรม นำชักพา ให้มาเกิด ในยุคนี้ ที่เปิดกรรม อันใหญ่หลวง
    กระแทกคน ที่ไร้ศีล ที่หลอกลวง ไม่พ้นบ่วง ต้องรับหมด ตามกฏแห่งกรรม

    ทางรอด ดั่งยอดดอย มีน้อยนิด ทุกคนคิด หยุดแตกแยก หยุดถลำ
    ถึงจะหยุด ฉุดกระชาก วิบากกรรม ชาวสยาม จะกลับยิ้ม อิ่มเอมใจ<!-- google_ad_section_end -->


    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->tossapornk<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1796578", true); </SCRIPT> สมาชิก
    14-01-2009, 02:06 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ประเทศไทย-เป็น-ครัวโลก-แต่ทำไมยัง-จน.60871/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2009
  16. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    จาก ฟอรเวิด เมล์ ที่ส่ง ต่อๆ กันมาครับ
    โปรดใช้พิจารณญาณ ในการชม อิอิ


    [​IMG]
    Image._2_0C7CF7240C7CF4D000116246472574D511.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7CED240C7CEAFC00116246472574D510.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0D064FE80D064D9400116246472574D525.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7D15200C7D12CC00116246472574D514.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7D0B1C0C7D08C800116246472574D513.jpg
    [​IMG]
    Image._2_054EDD78054EDB2400116246472574D54.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0D063C2C0D0639D800116246472574D523.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0D0663D80D06618400116246472574D527.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0D0628580C7D592C00116246472574D521.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7D3D500C7D3AFC00116246472574D518.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0D0631E40D062FBC00116246472574D522.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7CE044054F0E3400116246472574D59.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7D51540C7D4F0000116246472574D520.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0D066E3C0D066BE800116246472574D528.jpg
    [​IMG]
    Image._2_054EE87C054EE62800116246472574D55.jpg
    [​IMG]
    Image._2_054EC378054EC12400116246472574D52.jpg
    [​IMG]
    Image._2_054EF264054EF01000116246472574D56.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7D47240C7D44D000116246472574D519.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0D0645E40D06439000116246472574D524.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7D016C0C7CFF1800116246472574D512.jpg
    [​IMG]
    Image._2_054ED0E8054ECE9400116246472574D53.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7D337C0C7D312800116246472574D517.jpg
    [​IMG]
    Image._2_054EB8D4054EB68000116246472574D51.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7D29180C7D26C400116246472574D516.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0D0659FC0D0657A800116246472574D526.jpg
    [​IMG]
    Image._2_054EFC64054EFA1000116246472574D57.jpg
    [​IMG]
    Image._2_0C7D1EF40C7D1CA000116246472574D515.jpg
    [​IMG]
    Image._2_054F0650054F03FC00116246472574D58.jpg

    <IFRAME id=downloadFrame class=AttachmentDownloadIframe frameSpacing=0 marginHeight=0 frameBorder=0 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สธ.เตือนนักเที่ยวป่าไรอ่อนกัดถึงแก่ชีวิต

    <TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD class=news2006_graylight height=10>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=4></TD><TD width=575>สธ.เตือนนักท่องป่านอนเต็นท์ เสี่ยงเป็นโรค สครับไทฟัส จากตัวไรอ่อนกัดในร่มผ้าและโรคไข้ป่าจากยุงก้นปล่อง อันตรายถึงตาย แนะหากป่วยหลังเที่ยวป่า 10-12 วัน ควรพบแพทย์

    น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงหน้าหนาวมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นิยมไปกางเต็นท์เที่ยวป่า ให้ระมัดระวังตนเองจากตัวไรอ่อน ซึ่งเป็นพาหะนำโรคสครับไทฟัส และโรคไข้จับสั่นหรือไข้มาลาเรีย ซึ่งเกิดจากยุงก้นปล่องกัดตอนกลางคืน

    ทั้งสองโรคนี้มีอันตรายทำให้เสียชีวิต เพราะขณะนี้พบคนป่วยแล้ว 24,199 ราย เสียชีวิต 40 ราย ส่วนโรคสครับไทฟัสมี 2,379 ราย เสียชีวิต 3 ราย จึงขอให้นักท่องเที่ยว ประชาชน ระมัดระวัง ควรใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด ใส่กางเกงขายาว เสื้อแขนยาวป้องกัน เพราะสองโรคนี้ไม่มียากินป้องกัน และไม่มีวัคซีนป้องกัน

    น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคสครัปไทฟัส เกิดจากตัวไรอ่อนกัด ซึ่งในตัวไรอ่อนจะมีเชื้อริกเกทเซีย เชื้อชนิดนี้อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหารของไรหลายชนิด บริเวณที่ไรอ่อนอยู่มักอยู่ตามทุ่งหญ้า ตามพุ่มไม้เตี้ยๆ หรือพื้นที่ป่าละเมาะป่าทึบ ไรอ่อนชอบกัดบริเวณร่มผ้า เช่น ที่อวัยวะสืบพันธุ์ ขาหนีบ เอว ลำตัว รักแร้และคอ ผู้ที่ถูกไรอ่อนกัดจะมีแผลไหม้ คล้ายกับโดนบุหรี่จี้ หลังถูกกัด 10-12 วัน จะมีไข้สูง ปวดศีรษะมาก ปวดเมื่อยตามตัว ตาแดง ควรรีบไปพบแพทย์และต้องแจ้งประวัติการไปเที่ยวป่าให้แพทย์ทราบด้วย

    โดย คม ชัด ลึก<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน อาทิตย์ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 10:36 น.

    ที่มาhttp://news.sanook.com/social/social_52927.php

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 070.jpg
      070.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65 KB
      เปิดดู:
      1,633
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2009
  18. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ใช่ตัวคุ่นที่เคยโพสหรือเปล่า
     
  19. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6928 ข่าวสดรายวัน


    ไขปริศนา"โลกาวินาศ2012" โลกแตกจริงหรือแค่กระแสตื่นตูม!




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>กระแสข่าวลือในโลก "อินเตอร์เน็ต" ผ่าน "อีเมล์ลูกโซ่" ถึงวันโลกาวินาศ หรือวันโลกแตก เดือนธันวาคม ปีค.ศ.2012 หรือพ.ศ.2555 ตามคำทำนาย "ปฏิทินมายา" และการคาดคะเนถึงปรากฏการณ์วิปริตผิดธรรมชาติต่างๆ หวนกลับมาแพร่สะพัดไปทั่วโลกอีกครั้ง รวมถึงในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "2012" ของฮอลลีวู้ดลงโรงฉาย และค่ายโซนี่พิคเจอร์ส ในฐานะผู้สร้าง จัดทำเว็บไซต์ปลุกกระแสดังกล่าวขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการตลาดจนคนในองค์กร "นาซ่า" ต้องทักท้วงว่าเป็นแผนการตลาดที่ไม่เหมาะสม ส่วนข้อเท็จจริงว่าโลกจะแตกจริงตามคำพยากรณ์หรือไม่ วันนี้มาฟังข้อมูลจากนักวิชาการผู้มีความรู้โดยตรงดีกว่า

    เริ่มจาก ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า

    เหตุที่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำทำนายโลกแตก ปี 2012 กันมากขึ้น อาจเป็นเพราะอิทธิพลของการโฆษณาภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่กำลังฉายอยู่ทั่วโลกขณะนี้

    นอกจากนั้น การที่มี "โหร" ออกมาทำนายถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็อาจจะทำให้มีการพูดถึงกันไปใหญ่ จนกลายเป็นประเด็นที่หลายคนเริ่มตื่นตระหนก

    ส่วนตัวแล้วคิดว่า ถ้าจะพูดในแง่หลักฐานที่นักวิทยาศาสตร์ นักธรณีวิทยา และนักฟิสิกส์ รวมทั้งนักดาราศาสตร์ รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดนั้น ยังมีหลักฐานอ่อนเกินไป หรือแทบจะไม่มีอะไรที่จะมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวได้เลย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อย่างไรก็ตาม อาจจะมีอีกหลายข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้ หรือยังหาไม่เจอ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะเปิดรับฟังข้อมูล รวมทั้งเร่งศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น แล้วจึงไตร่ตรองอย่างรอบคอบว่าควรจะเชื่อดีหรือไม่

    แต่ทางที่ดีที่สุด ก็คือ การทำความเข้าใจกับสภาพของโลกที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และช่วยกันทำให้ดีขึ้นจะดีกว่า

    "ในฐานะนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ผมว่าเราควรเปิดกว้างสำหรับการรับฟังข้อมูลจากทุกด้าน และไตร่ตรองกับข้อมูลเหล่านั้นอย่างรอบคอบ เช่น นักวิทยาศาสตร์เขาเชื่อว่า ปี 2012 โลกยังไม่แตก เพราะเขาศึกษามา มีหลักฐานที่สามารถอ้างอิงและพิสูจน์ได้ ในขณะที่โหรคนหนึ่งบอกว่า ปีดังกล่าวโลกจะแตก เพราะเขานั่งทางในเห็น เหตุผลแบบนี้ผมก็ฟัง และทุกคนก็ฟัง แต่ก็ต้องมาคิดแล้วว่าเราจะเชื่อใครดี" ดร.อานนท์กล่าว

    ด้าน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แสดงทรรศนะในเรื่องเดียวกันว่า

    เรื่องปี 2012 นี้เป็นสิ่งที่หลายคนกำลังกังวลอยู่ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นกับโลกของเราบ้าง เพราะปัจจุบันเรามีความรู้เกี่ยวกับโลกยังไม่มากพอ

    ดังนั้น สิ่งสำคัญจึงควรที่จะหาข้อมูลให้มากขึ้น โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์จะต้องช่วยกันทำงานเพื่อจะช่วยกันเผยแพร่ความรู้ต่อประชาชนทั่วไป ให้เกิดความตระหนัก แต่ไม่ควรตระหนกจนเกินไป <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่ผ่านมา ตนได้ยินเหมือนกันว่ามีเด็กๆ เยาวชน แม้กระทั่งเด็กในโรงเรียนอนุบาล ประถม มาพูดถึงเรื่องน้ำท่วมโลก โลกจะแตก ทำให้ตื่นกลัวกันไปใหญ่ จึงไม่อยากให้ตื่นตระหนกกันมากไป ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยในอดีต จะเคยคาดการณ์เอาไว้ว่า โลกมีโอกาสล่มสลายไปได้ แต่ก็เป็นระยะเวลาอีกนับร้อยปีข้างหน้า แต่คงจะไม่ใช่การล่มสลายไปในปีสองปีนี้แน่นอน และเป็นเพียงการทำนายเท่านั้น

    วิธีการป้องกัน ก็คือ ทุกคนต้องช่วยกันดูแลรักษาโลก เพราะขณะที่ทั่วโลกตื่นตัวเรื่องของ "สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป" อันเกิดจากน้ำมือมนุษย์ที่ปล่อย "ก๊าซเรือนกระจก" ออกสู่ชั้นบรรยากาศของโลกจำนวนมาก ทำให้โลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น พื้นที่ชายฝั่งหลายแห่งถูกน้ำท่วม เช่น ที่ จ.สมุทร ปราการ เป็นตัวอย่างชัดเจน

    "เรื่องของระดับน้ำที่สูงขึ้น จนทำให้พื้นที่หลายแห่งของโลกจะถูกจมลงในทะเลก็อาจเป็นไปได้ เพราะในอดีตนักวิทยาศาสตร์เคยวาดภาพแผนที่โลกไว้ซึ่งก็ไม่ใช่แผนที่โลกในปัจจุบันนี้ หลายทวีปเกิดขึ้นใหม่หลายทวีปก็จมลงทะเลไปแล้ว ดังนั้นการบอกว่าโลกจะจมน้ำก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ถ้าบอกว่าโลกจะแตกในปีนั้นปีนี้อย่างรวดเร็วคงจะเป็นเพียงการจินตนาการในภาพยนตร์ ไม่อยากให้ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนแตกตื่นกันไป..

    ขณะนี้ในส่วนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เอง ก็พยายามที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโลกเก็บไว้เพื่อทำการศึกษา รวมทั้งเผยแพร่ความรู้ให้กับประชาชนโดยทั่วไป หากอยากไขข้อสงสัยอะไรก็สามารถติดต่อขอทราบข้อมูลได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้น" คุณหญิงกัลยากล่าว

    ขณะที่ ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวว่า

    คงไม่มีใครบอกได้ว่าโลกจะแตกจริงหรือไม่

    และโลกจะแตกเมื่อไหร่

    เพราะคงไม่มีใครรู้ได้ชัดเจน

    การที่ตอนนี้มีประเด็นทำให้มีคนออกมาพูดวิพากษ์วิจารณ์กันอาจจะเป็นเพราะคำทำนายต่างๆ ที่เกิดขึ้น

    ไม่ว่าจะเป็นการทำนายของ "นอสตราดามุส" หรือการทำนายของคนอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นการจูงใจทำให้คนหันมาให้ความสนอกสนใจเรื่องนี้มากขึ้น รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกได้

    อย่างไรก็ตาม ในส่วนตัวคิดว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่โลกจะแตก หรือล่มสลายไป

    นอกเสียจากว่าจะมี "อุกกาบาต" วิ่งเข้ามาชนโลกฉับพลัน

    ขณะนี้นักดาราศาสตร์ หรือนักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องก็กำลังจับตามองอยู่ และยังไม่เห็นว่าโลกเราจะอยู่ในภาวะอันตราย

    "เรื่องของโลกจะแตก หรือเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้ ส่วนตัวผมว่าเป็นไปได้น้อยมาก หรือหากจะเกิดขึ้นจริงๆ คิดว่าอาจจะเกิดเพียงจุดใดจุดหนึ่งของโลกเท่านั้น ไม่ได้ทำให้โลกนี้แตกสลายไปได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน อย่างน้อยเชื่อว่าคนรุ่นเราๆ ไม่น่าจะเห็น" ดร.พันธ์ศักดิ์ กล่าว

    เปิด"อีเมล์ลูกโซ่" พยากรณ์โลกแตก2012



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เนื้อหาในอีเมล์ลูกโซ่ ที่ปลุกกระ แสข่าววันโลกาวินาศ ค.ศ.2012 (พ.ศ.2555) อ้างรายละเอียดไว้ดังนี้

    วันที่ 22 ธันวา คม พ.ศ. 2555 คือ วันวิปโยค วินาศสันตะโร วันสุดท้ายของมนุษย์ สาเหตุเพราะ

    (1) นักวิทยาศาสตร์ค้นพบดาวดวงที่ 12 ในกาแล็กซีของเราตั้งแต่ปีค.ศ.1982 ตั้งชื่อว่าดาว "นิบิรุ" มีขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัสฯ 2 เท่า

    ดาวดวงนี้มีเส้นทางโคจรทับเส้นเดียวกับ "โลกมนุษย์"

    สำนักงานอวกาศสหรัฐ (นาซ่า) รู้ข้อมูลนี้ดี แต่ปิดข่าว ไม่ยอมเปิดเผยว่านิบิรุจะชนโลกภายในปีค.ศ.2012

    (2) "นาซ่า" ประกาศว่า วันที่ 22 ธันวาคม 2012 แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว คือ ขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้น โลกของเราจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็ก เพื่อป้องกันตัวเองจากสนามพลังแม่เหล็ก และรังสีต่างๆ จากอวกาศ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วันดังกล่าวยังเป็นวันเดียวกับที่ดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้ว เพราะดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วทุกๆ 11 ปี ปีล่าสุดคือปี พ.ศ.2544 ถ้ามาถึงวันนี้ก็ 11 ปีพอดี (2544 + 11 = 2555) ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังพลิกกลับขั้วนั้น ดวงอาทิตย์จะแผ่สนามแม่เหล็กและรังสีความร้อนสูงมายังโลก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โลกไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัวเอง ผลคือ น้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน น้ำท่วมโลกฉับพลัน ไม่มีทางหนีได้ทัน ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ.2012

    (3) ชาวมายาแห่งอเมริกากลางทำปฏิทินใช้เองตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ชนเผ่ามายานี้มีความสามารถในการคำนวณการโคจรการเกิดดับของดวงดาว สามารถคำนวณว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์โดยใช้เวลา 365 วัน ตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับปฏิทินที่ชาวโลกปัจจุบันใช้ แล้วยังคำนวณเกี่ยวกับระบบสุริยจักรวาลได้แม่นยำ

    ชาวมายายังกำหนดวันสุดท้ายของปฏิทินของพวกเขาคือ วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ.2012 พวกเขาบอกด้วยว่า วันนั้นโลกจะถึงจุดสิ้นสุด (โดยบอกไว้เมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว) น่าแปลกมาก ทำไมมาตรงกับองค์การนาซ่า

    (4) นายกอร์ดอน ไมเคิล สคัลเลียน เป็นผู้หยั่งรู้อนาคต มี "ญาณทัศนะ" มองเห็นอนาคตด้วยญาณแม่นยำ เขาทำนายว่าน้ำกำลังจะท่วมโลก จนหลายประเทศหายไปจากแผนที่ ประเทศที่เป็นเกาะจะจมน้ำทั้งหมด ประชากรโลกที่รอดตายมีเพียง 10% เขาเชื่อว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012 (พ.ศ.2541-พ.ศ.2555) และเขาได้สร้างแผนที่โลกใหม่หลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อ Future Map Of The World ซึ่งประเทศไทยเหลือแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

    สมาคมดาราศาสตร์ไทย แจงข้อสงสัยมหันตภัย2012



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>จากเนื้อหาในอีเมล์โลกแตก 2012 ที่แพร่สะพัด ทำให้สมาคมดารา ศาสตร์ โดย นายวิมุติ วสะหลาย ได้เขียนชี้แจงข้อเท็จจริงว่า

    (1) ปฏิทินมายาทำนายว่า ปีค.ศ. 2012 เป็นวาระสุดท้ายของโลกจริงหรือ?

    ตอบ : ปฏิทินมายามีหลายแบบ แบบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปี ค.ศ.2012 คือแบบที่เรียกกันว่า ปฏิทินรอบยาว (long count) ระบุวันด้วยชุดของตัวเลข ตัวเลขชุดนี้แทนวันที่ได้ยาวนาน 5,126 ปี เทียบกับวันที่ตามระบบปฏิทินสากลตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 3,114 ปีก่อน คริสตกาลไปจนสุดจำนวนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012

    การสิ้นสุดของตัวเลขปฏิทินมายา หรือการครบจำนวนสูงสุดที่กำหนดไว้ในระบบนับวันระบบใดระบบหนึ่ง จะแสดงถึงการสิ้นสุดของโลกเชียวหรือ

    คอมพิวเตอร์สมัยก่อนก็มีระบบปฏิทินในตัวเครื่องที่แสดงวันเดือนปีได้จนถึงสิ้นค.ศ.2000 อันเป็นที่รู้จักกันในนามของปัญหา Y2K แต่เมื่อสิ้นสุดค.ศ.2000 โลกก็ไม่ได้แตกตามระบบนับวันของคอมพิวเตอร์

    ทำนองเดียวกัน โลกก็จะไม่แตกสลายเพราะว่าสุดตัวเลขปฏิทินมายา หลังวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 ปฏิทินมายาก็จะเริ่มนับรอบใหม่

    (2) ในปีค.ศ.2012 จะเกิดพายุสุริยะโจมตีโลกจริงหรือ?

    ตอบ : จริง พายุสุริยะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลาและส่งผลกระทบถึงโลก และมีระดับความรุนแรงผันแปรเป็นคาบ คาบละประมาณ 11 ปี คาบที่ชัดเจนนี้ทำให้นักดาราศาสตร์พยากรณ์ได้ว่าช่วงสูงสุดหรือต่ำสุดของวัฏจักรสุริยะจะเกิดขึ้นเมื่อใด ช่วงสูงสุดของวัฏจักรที่จะเกิดในครั้งถัดไปคาดว่าจะอยู่ในช่วงกลางค.ศ.2013

    ช่วงสูงสุดของวัฏจักรสุริยะกินเวลายาวนานข้ามปี ดังนั้น แม้ช่วงสูงสุดจะอยู่ในค.ศ.2013 แต่พายุสุริยะก็เริ่มจะกระหน่ำโลกตั้งแต่ก่อนค.ศ.2012 แล้ว

    แม้ช่วงปี 2013 จะอยู่ในช่วงสูงสุดของวัฏจักรสุริยะ แต่พายุสุริยะที่จะเกิดขึ้นก็ไม่ได้รุนแรงมากไปกว่าที่เคยเกิดขึ้นในรอบก่อน ซึ่งเกิดในราวปี ค.ศ.2000, 1989 และก่อนหน้านั้น ความจริงมีแนวโน้มว่าช่วงสูงสุดของวัฏจักรที่จะมาถึงในปี 2013 จะอ่อนกำลังกว่าวัฏจักรก่อนหน้านี้เสียด้วยซ้ำ

    (3) ปี 2012 สนามแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนตำแหน่งจริงหรือ?

    ตอบ : จริง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่กำลังจะเกิดในค.ศ.2012 หากแต่เกิดขึ้นตลอดเวลา นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าขั้วแม่เหล็กโลกมีการเคลื่อนที่ตั้งแต่ที่ค้นพบขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเมื่อกว่าศตวรรษก่อนแล้ว การเคลื่อนที่นี้เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยอัตราเฉลี่ยประมาณ 1 องศาต่อ 1 ล้านปีหรืออาจเร็วกว่านั้น การสำรวจในช่วงไม่กี่ปีมานี้พบว่า ขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่เร็วขึ้น แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าโลกใกล้สลับขั้วหรือกำลังวิปริต เพราะอัตราการเคลื่อนที่มีขึ้นมีลงอยู่เสมอ

    (4) หากเกิดการสลับขั้วแม่เหล็กโลกจริง จะทำให้เกิดหายนะถึงขั้นผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากหรือไม่

    เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกมีบทบาทสำคัญในการเป็นเกราะคุ้มกันรังสีอันตรายจากห้วงอวกาศ ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าหากเกิดความผิดปกติของสนามแม่เหล็กโลก เช่น สนามแม่เหล็กหายไปซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีการสลับขั้วแม่เหล็ก ก็ย่อมส่งผลต่อสรรพชีวิตบนพื้นโลกอย่างแน่นอน

    ผลกระทบที่ว่านี้จะรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บล้มตายหรือเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่หรือไม่? ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

    จากการเทียบบันทึกการสลับขั้วแม่เหล็กโลกในอดีตซึ่งเกิดแล้วหลายครั้ง เราไม่พบว่ามีความสอดคล้องกับเวลาที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นบนโลก นี่น่าจะพอเบาใจได้ในระดับหนึ่งว่า หากโลกสลับขั้วแม่เหล็กในช่วงนี้ก็คงไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย

    (5) ดาวนิบิรุ มีจริงหรือไม่?

    "นิบิรุ" เป็นชื่อเทพองค์หนึ่งของบาบิโลน ส่วนดาวนิบิรุเป็นดาวตามทฤษฎีของ "เซชาเรีย ซิตชิน" ซึ่งอ้างว่าถอดความมาจากจารึกของชาวสุเมเรียน ทฤษฎีนี้กล่าวว่าดาวนิบิรุเป็นดาวที่มีสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมอาศัยอยู่และเคยมาเยือนโลกเมื่อนานมาแล้ว

    แม้เรื่องดาวนิบิรุจะได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชื่นชอบเรื่องลึกลับ เรื่องจานบิน เรื่องมนุษย์ต่างดาว แต่เนื่องจากทฤษฎีนี้มีหลักฐานอ่อนมากและตั้งอยู่บนจินตนาการมากกว่าเหตุผล จึงไม่ได้รับการยอมรับในวงกว้างในวงการวิทยา ศาสตร์ รวมถึงนักวิชาการด้านสุเมเรียนด้วย

    นาซ่าประกาศค้นพบ"น้ำ"บนดวงจันทร์ ผลบึ้ม"ขั้วใต้"-หนักกว่า100ก.ก.



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>บีบีซีรายงานว่า สำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ "นาซ่า" แถลงความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาน้ำ หรือโมเลกุลของน้ำใต้พื้นผิวดวงจันทร์ ที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนก่อนว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบน้ำในปริมาณที่มีนัยยะสำคัญ ถือว่าภารกิจครั้งนี้ประสบความสำเร็จสูงมาก

    แอนโทนี่ โคลาแพรต หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์โครงการแอลครอสส์ ซึ่งสำรวจหาแหล่งน้ำบนดวงจันทร์ เปิดเผยว่า เมื่อเดือนตุลาคมนาซ่าปล่อยจรวดเซนทอร์ น้ำหนัก 2,200 กิโลกรัม กับดาวเทียมแอลครอสส์ พุ่งชนหลุมคาเบียส บริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์ เพื่อค้นหาน้ำใต้พื้นผิว

    ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากเครื่องสเปกโตรมิเตอร์ล่าสุดจากดาวเทียมแอลครอสส์ ซึ่งส่งกลับมายังฐานนาซ่าบนพื้นโลก ประกอบกับการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากอุปกรณ์อื่นๆ ของนาซ่า พบว่า แรงระเบิดจากการพุ่งชนทำให้มองเห็นน้ำแข็งและไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากปากหลุมขนาด 20-30 เมตร เบื้องต้นเชื่อว่า น้ำตรงจุดนี้น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม

    "การพบแหล่งน้ำทำให้โอกาสที่จะนำนักบินอวกาศลงไปตั้งฐานบนดวงจันทร์มีความเป็นไปได้ และสร้างแรงจูงใจให้รัฐบาลสหรัฐหันมาสำรวจดวงจันทร์อย่างจริงจังในอนาคตอันใกล้" โคลาแพรตระบุ

    ปีเตอร์ ชูลซ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยบราวน์ และผู้ร่วมงานโครงการแอลครอสส์ กล่าวว่า "เราตื่นเต้นกับการค้นพบน้ำมาก เพราะเราเพิ่งเริ่มต้นระเบิดจุดเล็กๆ จุดหนึ่งเท่านั้น ว่าไปแล้วก็เหมือนกับเวลาขุดค้นหาน้ำมันบนพื้นโลก เมื่อไหร่ก็ตามที่พบน้ำในจุดนั้น ก็มีโอกาสสูงจะพบน้ำมันมากขึ้นอีกในจุดข้างเคียง"

    "ฝนดาวตก"ค่ำคืนนี้

    หมุนก่อนโลก

    วิทยา ผาสุก wittayapasuk@hotmail.com



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ค่ำคืนนี้ตั้งแต่ช่วงหลัง 4-5 ทุ่มเป็นต้นไป หมู่เฮาจะได้ฤกษ์แหงนหน้ามองฟ้า-ลืมตาไปทางทิศเหนือ เพื่อชมความงามของปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกลีโอนิดส์" หรือ "ฝนดาวตกจากกลุ่มดาวสิงโต" กันอีกครั้งนะครับ

    ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ฝากแจ้งข่าวบอกพี่น้องประชาชนว่า

    ดึกๆ คืนวันที่ 17 ข้ามไปรุ่งสาง 18 พฤศจิกายน แม้จะไม่ใช่รอบปีของการเกิดพายุฝนดาวตกลีโอนิดส์

    แต่เราจะมีโอกาสเห็นฝนดาวตกในอัตราความชุกมากกว่าปีก่อนๆ เนื่องจากการคำนวณของนักดารา ศาสตร์หลายสำนัก พบว่า

    "โลก" จะโคจรตัดผ่านเศษซากสายธารฝุ่นหินของ "ดาวหาง 55 พี เทมเพล-ทัดเทิล" ที่ทิ้งร่องรอยไว้ในปีค.ศ.1466 และ 1533 ถึงสองสายธารด้วยกัน

    อัตราการตกอยู่ที่ราวๆ 100-500 ดวงต่อชั่วโมง

    อย่างไรก็ตาม ที่พูดมานี้ไม่ได้หมายความว่า เราจะเห็นฝนดาวตกตลอดทั้งชั่วโมง และจำนวนฝนดาวตกที่เห็นก็อาจไม่ได้มากมายถึง 500 ดวง

    ตัวอย่างเช่น อัตราการตกที่ 400 ดวงต่อชั่วโมง เราเห็นแค่ช่วงเวลา 15 นาที

    นั่นคือ ในชั่วโมงนั้น เราจะเห็นดาวตกประมาณ 100 ดวง ซึ่งถือว่ามากแล้ว

    โดยห้วงเวลาที่นักดาราศาสตร์คำนวณกันออกมาว่า น่าจะเห็นฝนดาวตกตกชุกสุดๆ ได้แก่

    04.43 น. ของเช้าวันที่ 18 พฤศจิกายน...บวกลบเล็กน้อย!

    "ประโยชน์ของการติดตามฝนดาวตกสำหรับคนทั่วไปก็คงจะได้รับความตื่นเต้น ความสวยงาม และเป็นแรงบันดาลใจให้ไปศึกษาเรื่องปรากฏการณ์ฝนดาวตก หรือ ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์อื่นๆ ต่อไป ส่วนนักวิจัยนั้นก็จะศึกษาฝุ่นละอองรอบๆ ดวงอาทิตย์ ศึกษาวัตถุที่อยู่รอบๆ โลกว่ามีอะไรบ้าง" ดร.ศรัณย์กล่าว

    ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมชมฝนดาวตกลีโอนิดส์พร้อมกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ตามไปดูได้ตามสถานที่ต่อไปนี้

    ภาคกลาง : ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา รังสิต คลองหก จ.ปทุมธานี, ภาคตะวันออก : ร.ร.ชลราษฎรอำรุง ชลบุรี ร.ร.เบญจมราชรังสฤษฎิ์ ฉะเชิงเทรา อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ ปราจีนบุรี, ภาคเหนือ : ม.นเรศวร ม.ราชภัฏเชียงราย สนามหน้าศาลากลางจังหวัดและทุ่งนาม่อนลับแล อุตรดิตถ์

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ม.อุบลราชธานี ม.ราชภัฏอุบล ราชธานี ม.ราชภัฏอุดรธานี ม.ราชภัฏนครราชสีมา และภาคใต้ : ม.วลัยลักษณ์ ม.ราชภัฏสงขลา และ ม.ราชภัฏภูเก็ต

    หวั่นเมฆบัง"ฝนดาวตก"



    เมื่อวันที่ 16 พ.ย. นายบุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ต้องการชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิดส์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเวลาหลังเที่ยงคืนวันที่ 17 พ.ย. ต่อเนื่องจนถึงช่วงเช้ามืดของวันที่ 18 พ.ย.นี้นั้น มีคำแนะนำเบื้องต้นว่า ควรจะหาพื้นที่ท้องฟ้าโปร่งไม่มีเมฆบัง รวมทั้งห่างไกลจากบริเวณที่มีแสงสว่างมากๆ เพื่อจะทำให้การดูฝนดาวตกมีความชัดเจนมาก อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าในระยะ 2-3 วันนี้ จะมีเมฆบางส่วนในบางพื้นที่ ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการดูปรากฏการณ์ดาวลีโอนิดส์ตกบ้าง แต่ก็เชื่อในหลายพื้นที่จะสามารถมองเห็นฝนดาวตกได้อย่างชัดเจน

    นายบุญรักษา กล่าวต่อว่า สำหรับการตกของฝนดาวตกลีโอนิดส์ครั้งนี้จะยังไม่ใช่ปรากฏการณ์ฝนดาวตกครั้งสุดท้ายในปีนี้ เพราะประมาณวันที่ 13-14 ธ.ค.ก็จะมีปรากฏการณ์ฝนดาวตกเกิด ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นฝนดาวตกเจมีนิดส์ ซึ่งผู้ ที่พลาดการชมในครั้งนี้จะสามารถติดตามได้อีกครั้งหนึ่ง


    วาดเตือนภัย

    คอลัมน์ ไหลตามโลก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>วาดเส้นแล้วระบายสี

    โลกเรากลมเหมือนส้มใบหนึ่ง เห็นไหม

    เป็นดาวเคราะห์โคจรตุ๊บป่องกลางท้องนภากาศ

    เป็นบ้านหลังใหญ่ ที่อยู่ ที่โตของเรา

    แต่ตอนนี้บ้านกำลังร้อน
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เตือนภัยอีกครั้งเพื่อนเอ๋ย โลกร้อน

    ถึงที่สุด เมื่อบ้านพัง เราจะอยู่ได้อย่างไรกัน

    งั้นมาเถอะ มาช่วยลดอุณหภูมิโลก

    มากมายหลายมือลงมือแล้ว

    รวมทั้งมือเล็กมือน้อยเหล่านี้ด้วย

    กรุงกาฐมาณฑุ เนปาล

    องค์การยูเนสโกเปิดเวทีประกวดภาพวาดระบายสี

    ว่าด้วยโลกร้อน

    ให้พ่อหนูแม่หนูกระตุกเตือนผู้ใหญ่ และเราทุกคน

    ปัญหาใหญ่ ภัยอันตราย เฉยอยู่ได้อย่างไร

    ทำที่ทำได้ ลด ละ เลิก กิจกรรมอันจะรมโลกให้ร้อนเร่า

    ไม่เห็นผลทันตา แต่ใช่ว่าจะไม่เกิดผล

    ชื่นชมรูปหนู แล้วช่วยโลกเย็นกันเลย

    เตรียมตัวดูฝนดาวตกลีโอนิดส์คืนนี้!



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผอ.สถาบันวิจัยดารา ศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ แม้จะไม่ใช่รอบปีของการเกิดพายุฝนดาวตกลีโอนิดส์ แต่เราจะมีโอกาสเห็นฝนดาวตกในอัตราความชุกมากกว่าปีก่อนๆ โดยอัตราการตกราว 100-500 ดวงต่อชั่วโมง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเห็นฝนดาวตกตลอดทั้งชั่วโมง และจำนวนฝนดาวตกที่เห็นก็ไม่ได้เห็นมากถึง 500 ดวง ตัวอย่างเช่น อัตราการตกที่ 400 ดวงต่อชั่วโมง เราเห็นแค่ช่วงเวลา 15 นาที นั่นคือในช่วงชั่วโมงนั้น เราจะเห็นดาวตกประมาณ 100 ดวง ซึ่งก็ถือว่ามากแล้ว"

    สำหรับช่วงเวลาที่ประเทศไทยจะมีโอกาสเห็นฝนดาวตกสูงสุดในครั้งนี้ ดร.ศรัณย์กล่าวว่า ตั้งแต่ตีหนึ่งเป็นต้นไป แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ดาวตกลูกสวยๆ มักจะมาตอนประมาณห้าทุ่ม เป็นเวลาที่กลุ่มดาวสิงโตเพิ่งขึ้นจากขอบฟ้า คือจะเห็นเป็นไฟร์บอลล์ (ดาวตกดวงใหญ่) วิ่งพาดผ่านท้องฟ้าทิ้งร่องรอยให้เห็นเป็นลำสว่างทางยาวคล้ายรางรถไฟ สำหรับช่วงพีกสูงสุดของการตก คือประมาณ 04.43 น. ตามเวลาในบ้านเราของเช้าวันที่ 18 พ.ย. อัตราความชุกที่ 100-500 ดวงต่อชั่วโมง แต่ทั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของโอกาสด้วย

    ฝนดาวตก เกิดจากดาวหางซึ่งเป็นก้อนน้ำแข็งที่ประกอบด้วยฝุ่นหินเกาะกลุ่มกันจำนวนมาก เมื่อโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ก้อนน้ำแข็งจะเกิดการระเหิด ทิ้งแนวฝุ่นหินเป็นสายธารยาว เมื่อโลกโคจรเข้าไปตัดกับสายธารดังกล่าวนี้ เศษฝุ่นหินจะเคลื่อนตัววิ่งเข้ามาในบรรยากาศของโลกด้วยความ เร็วสูง และเกิดการเสียดสีจนลุกไหม้ปรากฏเป็นขีดแสงสว่างให้เราเห็น ที่เราเรียกว่า "ฝนดาวตก" นั่นเอง

    สำหรับชื่อของฝนดาวตกลีโอนิดส์ มาจากการอ้างอิงกับแหล่งการเกิด คือกลุ่มดาวสิงโตนั่นเอง คือแม้เราจะเห็นฝนดาวตกในทิศทางต่างๆ กัน แต่เมื่อเราลองลากเส้นย้อนกลับไปยังแหล่งการเกิดแล้ว ฝนดาวตกทุกดวงจะมาจากกลุ่มดาวสิงโต

    น้ำทะเลหนุนกระทบพื้นที่"ปากน้ำ"



    นายสัญญา ชีนิมิตร ผอ.สำนักการระบายน้ำ (สนน.) เปิดเผยว่า จากการรายงานข้อมูลของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ แจ้งว่าระหว่างวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ จะมีระดับน้ำทะเลหนุนอีกระลอกหนึ่ง โดยมีระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุดในวันที่ 18 พ.ย.นี้ จะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ที่ 1.27 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง

    อาจส่งผลกระทบในพื้นที่เจ้าพระยาฝั่งใต้บริเวณเขตบางนา และอำเภอปากน้ำ จ.สมุทร ปราการ โดยจะทำให้มีระดับน้ำสูงและอาจท่วมพื้นที่บางส่วน ทั้งนี้ จะท่วมตามระดับน้ำทะเลขึ้นลงระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนระดับน้ำเหนือนั้นไม่น่าเป็นห่วง เพราะปริมาณน้ำยังคงอยู่ที่ 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

    นายสัญญากล่าวว่า อย่างไรก็ตามส่วนที่จะมีผลกระทบบริเวณเขตบางนานั้นสถานการณ์โดยรวมไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากไม่มีน้ำเหนือมาหนุนเพิ่ม อีกทั้ง กทม.ยังดำเนินมาตรการป้องกันน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงวางกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงและบริเวณริมสองฝั่งเจ้าพระยา ส่วนการแก้ปัญหาน้ำท่วมแนว ถ.ศรีนครินทร์ ในระยะยาวนั้น สนน.จะมีมาตรการดูแลขุดลอกคลองพื้นที่ใกล้เคียง เช่น คลองเคล็ด

    นอกจากนั้นจะต้องดูแลการวางแนวท่อระบายน้ำริม ถ.ศรีนครินทร์ ที่จะดำเนินการก่อสร้างในอนาคต ในส่วนของการขอรับโอน ถ.ศรีนครินทร์ จากกรมทางหลวงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือในรายละเอียด ซึ่ง สนน.จะได้หารือร่วมกับกรมทางหลวงในการประชุมคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ในเร็วๆ นี้ ที่จะช่วยให้ทางกรมทางหลวงพิจารณาเรื่องได้เร็วขึ้น
     
  20. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11.JPG
      11.JPG
      ขนาดไฟล์:
      97.6 KB
      เปิดดู:
      1,638

แชร์หน้านี้

Loading...