มีใครเป็นลูกหลานเสด็จปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราชบ้างครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วรุณบุตร, 9 ตุลาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. watwa-aram

    watwa-aram เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +974
    สาธุคะพี่นาคา...เร็ว ๆ นี้วัชอาจได้ไปอินเดีย...ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
     
  2. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    เรื่องแบบนี้พี่อุ้มเก่งมาตั้งแต่เกิดอะจ๊ะ 5555555 :cool:รู้หลบเป็นป่ีก
     
  3. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    จาตุมหาราชิกา

    เป็นชื่อสวรรค์ชั้นที่ 1 ในฉกามาพจรสวรรค์ 6 ชั้น เรียกสั้น ๆ ว่า ชั้นจาตุม ก็มี

    จาตุมหาราชิกา แปลว่า แดนเป็นที่อยู่ของท้าวมหาราชทั้งสี่, อาณาจักรของท้าวมหาราช 4 องค์ คือดินแดนที่จอมเทพ 4 องค์ผู้รักษาคุ้มครองโลกใน 4 ทิศ ซึ่งเรียกว่า ท้าวโลกบาล ท้าวจตุโลกบาล หรือ ท้าวจาตุมหาราช ปกครองอยู่องค์ละทิศ

    ท้าวจาตุมหาราช 4 คือ

    1. ท้าวธตรฐ รักษาโลกด้านทิศตะวันออก ทำหน้าที่ปกครองเทวดา 3 จำพวกได้แก่ กุมภัณฑ์ วิทยาธร คนธรรพ์
    2. ท้าววิรุฬหก รักษาโลกด้านทิศใต้ ทำหน้าที่ปกครอง ครุฑ
    3. ท้าววิรูปักษ์ รักษาโลกด้านทิศตะวันตก ทำหน้าที่ปกครอง นาค
    4. ท้าวกุเวร รักษาโลกด้านทิศเหนือ ทำหน้าที่ปกครอง ยักษ์ ท้าวกุเวรมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ท้าวเวสวัณ หรือท้าวเวสสุวรรณ

    เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกามีอายุ 500 ปีทิพย์ (30 วันเป็น 1 เดือน 12 เดือนเป็น 1 ปี) โดย 1 วันและ 1 คืนของสวรรค์ชั้นนี้ เท่ากับ 50 ปีของโลกมนุษย์[1]

    ---------------------------------------------------

    1. ^ อุโปสถสูตร หน้า 195 เล่มที่ 20 พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย

    * พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548


    พญานาค คือ ใคร ?

    *พญานาค เป็น ราชาแห่งงู จัดเป็นเดรัจฉานด้วย เพราะมีลำตัวไปทางขวางและไม่สามารถบรรลุธรรมได้ แต่ก็จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา นาคแบ่งออกเป็น 4ตระกูลใหญ่ คือ

    ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
    ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว
    ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง
    ตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ

    **พญานาคเกิดได้ทั้ง 4แบบ คือ
    แบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที
    แบบชลาพุชะ เกิดจากครรภ์
    แบบอัณฑชะ เกิดจากฟองไข่
    แบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม

    พญานาคชั้นสูงเกิดแบบโอปปาติกะ เป็นชนชั้นปกครอง ที่อยู่ของพญานาคมีตั้งแต่ในแม่น้ำ หนอง คลอง บึงต่างๆ ในอากาศ จนไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พวกพญานาคอยู่ในการปกครองของ ท้าววิรูปักษ์ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันตก เหตุที่มาเกิดเป็นพญานาคเพราะทำบุญเจือด้วยราคะ


    ---------------------------------------------------
    * มก. ขุททกวัตถุขันธกะ เล่ม 9 หน้า 11
    ** มก. นาคสังยุต เล่ม 27 หน้า 556
     
  4. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    พญานาคในพระไตรปิฎก (นาคสังยุต)

    เปิดโลกของนาค (นาคสังยุต)

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 556




    ๘. นาคสังยุต




    ๑. สุทธกสูตร



    [๕๑๙] กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้ ๔ จำพวกเป็นไฉน ? คือ



    นาคที่เป็นอัณฑชะ เกิดในไข่ ๑
    นาคที่เป็นชลาพุชะ เกิดในครรภ์ ๑
    นาคที่เป็นสังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล ๑
    นาคที่เป็นอุปปติกะ เกิดผุดขึ้น ๑


    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้แล.


    จบ สุทธกสูตรที่ ๑


    ๘. อรรถกถานาคสังยุต
    ๑. อรรถกถาสุทธกสูตร



    พึงทราบวินิจฉัยในนาคสังยุต สูตรที่ ๑ ดังต่อไปนี้ :-
    บทว่า อณฺฑชา แปลว่า เกิดในฟอง.
    บทว่า ชลาพุชา แปลว่า เกิดในมดลูก.
    บทว่า สํเสทชา แปลว่า เกิดในที่ชื้นแฉะ.
    บทว่า อุปปาติกา แปลว่า เกิด (เร็ว) เหมือนผุดขึ้น



    ก็แลสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ เพราะเป็นเหตุเกิดของเรื่อง. เพราะว่าภิกษุทั้งหลายสนทนากันว่า กำเนิดนาคมีเท่าไรหนอแล?
    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงอธิบายกำเนิดนาคให้แจ่มแจ้ง จึงตรัสสูตรนี้ เพื่อให้บุคคลทั้งหลายเบื่อหน่ายกำเนิดนาค




    จบ อรรถกถาสุทธกสูตรที่ ๑

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 557






    ๒. ปณีตตรสูตร


    [๕๒๐] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้ ๔ จำพวกเป็นไฉน ? คือ



    นาคที่เป็นอัณฑชะ ๑

    นาคที่เป็นชลาพุชะ ๑
    นาคที่เป็นสังเสทชะ ๑
    นาคที่เป็นอุปปาติกะ ๑



    ในนาค ๔ จำพวกนั้น นาคที่เป็นชลาพุชะ สังเสทชะ และอุปปาติกะ ประณีตกว่า
    นาคที่เป็นอัณฑชะ นาคที่เป็นสังเสทชะและอุปปาติกะ ประณีตกว่า
    นาคที่เป็นอัณฑชะและชลาพุชะ นาคที่เป็นอุปปาติกะ ประณีตกว่านาค
    ที่เป็นอัณฑชะ ชลาพุชะและสังเสทชะ


    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้แล.


    จบ ปณีตตสูตรที่ ๒


    ๓. อุโปสถสูตรที่ ๑

    [๕๒๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเครษฐี กรุงสาวัตถี.


    ครั้ง นั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นอัณฑชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?


    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นอัณฑชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกเรานั้น กระทำ



    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 558


    กรรม ทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็น สหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้
    เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจเสียในบัดนี้เถิด ดูก่อนภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้นาคที่เป็นอัณฑชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและ สละกายได้.



    จบ อุโปสถสูตรที่ ๑


    ๔. อุโปสถสูตรที่ ๒

    [๕๒๒] กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นชลาพุชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโปสถและสละกายได้ ?


    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นชลาพุชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกเรานั้น กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ


    เมื่อ ตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไปพวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด ดูก่อนภิกษุ ข้อนี้แล

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 559


    เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นชลาพุชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้.




    จบ อุโปสถสูตรที่ ๒




    ๕. อุโปสถสูตรที่ ๓


    [๕๒๓] กรุงสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นสังเสทชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?


    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นสังเสทชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกเรานั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ


    เมื่อ ตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไปพวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด ดูก่อนภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นสังเสทชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้.


    จบ อุโปสถสูตรที่ ๓


    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 560




    ๖. อุโปสถสูตรที่ ๔

    [๕๒๔] กรุงสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้รักษาอุโบสถ และสละกายได้ ?


    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นอุปปาติกะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราได้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกเรานั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ


    เมื่อ ตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริตด้วยกายด้วยวาจา ด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด ดูก่อนภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้นาคที่เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้.


    จบ อุโปสถสูตรที่ ๔




    ๗. สุตสูตรที่ ๑

    [๕๒๕] กรุงสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ทุลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไปเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า ?

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 561


    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า

    พวกนาคที่เป็นอัณฑชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึง ความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ


    ครั้น ตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ ดูก่อนภิกษุข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.


    จบ สุตสูตรที่ ๑


    ๘. สุตสูตรที่ ๒


    [๕๒๖] กรุงสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหดุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ พระเจ้าข้า ?


    พระ ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่าพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมากเขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ


    ครั้น ตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ ดูก่อนภิกษุข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไปเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ.


    จบ สุตสูตรที่ ๒


    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 562


    ๙. สุตสูตรที่ ๓


    [๕๒๗] กรุงสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ พระเจ้าข้า ?


    พระ ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่าพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ


    เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ ครั้นตายไปเขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ ดูก่อนภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ.


    จบ สุตสูตรที่ ๓


    ๑๐. สุตสูตรที่ ๔


    [ ๕๒๘] กรุงสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ
    เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ พระเจ้าข้า ?


    พระ ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า



    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 563

    พวก นาคที่เป็นอุปปาติกะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ


    ครั้น ตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ ดูก่อนภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ.


    จบ สุตสูตรที่ ๔


    ๑๑-๒๐ ทานูปการสูตรที่ ๑

    [๕๒๙] กรุงสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า ?


    พระ ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่าพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ


    เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป และ อุปกรณ์แห่งประทีป ฯลฯ เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ ดูก่อนภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.


    จบ ทานูปการสูตรที่ ๑


    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 564

    ๒๑-๔๐. ทานูปการสูตรที่ ๒-๔

    [๕๓๐] กรุงสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ
    เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ... ของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ... ของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ ?

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า

    โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป และ อุปกรณ์แห่งประทีป

    เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ ดูก่อนภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ.

    จบ ทานูปการสูตรที่ ๒๑-๕๐

    (พร้อมไปยาลนี้ ขยายได้ ๑๐ สูตร ทำเป็นไวยากรณะได้๔๐ ไวยากรณะ
    ในกำเนิดทั้ง ๔ (แต่ละกำเนิดได้ถวายทานวัตถุ ๑๐ อย่าง แต่ละอย่าง ๆ) ๑๐ สูตรกับไวยากรณะ ๔๐ จึงรวมเป็น๕๐ สูตร)


    จบ นาคสังยุต


    หมายเหตุ: กรุณาเลือกแพ็คเก็ตทัวร์บาดาลด้วยการกระทำของท่านเอง การทัวร์จะเริ่มขึ้นทันทีที่ท่านหมดลมหายใจลงอย่างเป็นสุข โมทนาสาธุ
     
  5. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    ฉบับนี้เป็นฉบับสรุปอธิบาย เสริมความเข้าใจจากฉบับข้างบน

    ๘. นาคสังยุต ประมวลเรื่องพญานาค<sup>๑</sup>

    คำนำ

    พญานาค คือ สัตว์จำพวกงูอาศัยอยู่ในมหาสมุทรสีทันดร มีฤทธิ์มากสามารถจะเนรมิตตัวให้เป็นคนได้ ถึงแม้จะเนรมิตตัวให้เป็นคนได้ก็จริง แต่ลักษณะอาการ ๕ อย่างที่มีประจำตัวอยู่เสมอนั้นไม่สามารถคงร่างเนรมิตไว้ได้ ต้องปรากฏร่างเป็นนาคตามเดิมนั่นเอง คือ ในขณะปฏิสนธิ ในขณะลอกคราบอยู่ ในขณะเสพเมถุนกับนางนาค ในขณะนอนหลับ ในขณะตาย พญานาคมีอายุไม่แน่นอน บางทีก็อายุยืน บางทีก็อายุสั้น พวกที่มีอายุยืนนั้น ถึงแม้พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลกถึง ๕ องค์ก็ตาม พญานาคก็คงมีอายุอยู่ เช่น พญากาลนาค มีอายุมาตั้งแต่พระกกุสันธะจนถึงพระสมณโคดม และมีอายุยืนต่อไปอีกจนถึงพระศรีอริยเมตตรัย ในเรื่องพญานาคนี้มีข้อควรศึกษาดังต่อไปนี้

    ๘.๑ กำเนิดนาค ๔ จำพวก
    ณ พระนครสาวัตถี พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า "กำเนิดของนาคมี ๔ จำพวก คือ นาคที่เป็นอันฑชะ เกิดในไข่ ๑ นาคที่เป็นชลาพุชะ เกิดในครรภ์ ๑ นาคที่เป็นสังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล ๑ นาคที่เป็นอุปปาติกะ เกิดผุดขึ้น ๑" (สัง. ๑๗/สุทธกสูตร/๕๑๘/๒๗๑)

    ๘.๒ ความประณีตของกำเนิดนาคแต่ละจำพวก
    ในนาค ๔ จำพวกนั้น นาคที่เป็นชลาพุชะ สังเสทชะ และอุปปาติกะ ประณีตกว่านาคที่เป็นอัณฑชะ นาคที่เป็นสังเสทชะและอุปปาติกะ ประณีตกว่านาคที่เป็นอัณฑชะและชลาพุชะ นาคที่เป็นอุปปาติกะ ประณีตกว่านาคที่เป็นอัณฑชะ ชลาพุชะและสังเสทชะ (สัง. ๑๗/ปณีตตรสูตร/๕๑๙/๒๗๑)

    ๘.๓ เหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นอัณฑชะรักษาอุโบสถ
    ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ณ พระวิหารเชตวัน ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ทูลถามว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นอัณฑชะ บางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?"
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "นาคบางพวกที่เป็นอัณฑชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย วาจา ใจ พวกเรานั้น กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ ถ้าวันนี้พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจเสียในบัดนี้เถิด ข้อนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นอัณฑชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้" (สัง. ๑๗/อุโปสถสูตรที่ ๑/๕๒๐/๒๗๑-๒๗๒)

    ๘.๔ เหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นชลาพุชะรักษาอุโบสถ
    ภิกษุรูปหนึ่งทูลถามว่า "อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นชลาพุชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?"
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "นาคบางพวกที่เป็นชลาพุชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกนั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อตายไปจึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไปพวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เสียในบัดนี้เถิด ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นชลาพุชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้" (สัง. ๑๗/อุโปสถสูตรที่ ๒/๕๒๑/๒๗๒)

    ๘.๕ เหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นสังเสทชะรักษาอุโบสถ
    ภิกษุรูปหนึ่งทูลถามว่า "อะไรหนอเป็นเหตุปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นสังเสทชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?"
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "นาคบางพวกที่เป็นสังเสทชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย วาจา ใจ พวกเรานั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เสียในบัดนี้เถิด ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นสังเสทชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้" (สัง. ๑๗/อุโปสถสูตรที่ ๓/๕๒๒/๒๗๒-๒๗๓)

    ๘.๖ เหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นอุปปาติกะรักษาอุโบสถ
    ภิกษุรูปหนึ่งทูลถามว่า "อะไรเป็นเหตุปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?"
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "นาคบางพวกที่เป็นอุปปาติกะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราได้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย วาจา ใจ พวกเรานั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เสียในบัดนี้เถิด ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้นาคที่เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้" (สัง. ๑๗/ อุโปสถสูตรที่ ๔/๕๒๓/๒๗๓)

    ๘.๗ เหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค
    ภิกษุรูปหนึ่งทูลถามว่า "อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไปเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะเป็นอาทิ ?"
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย วาจา ใจ เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นอัณฑชะอาทิ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะอาทิ ข้อนี้เป็นเหตุปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะเป็นอาทิ" (สัง. ๑๗/สุตสูตรที่ ๑/๕๒๔/๒๗๓-๒๗๔)

    <hr size="2"> <sup>๑</sup> สัง. ๑๗/ขันธวารวรรค/หน้า ๒๗๑-๒๗๗
     
  6. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    โอ้..!!! *-* คำอธิษฐานเป็นผลแฮ๊!!*-*
    สาธุ!!! ในที่สุดพี่ชายก็ออกโรงแสดงปาฐกถาเองเลย55
    อ่านแย้ว..จะได้เลือกแพ็คเก็จทัวได้ตรงตามความต้องการ
    ว่าแต่จะกลับไปดีมั๊ยหว้า....*-* ว่าแล้วก้คิดถึงบ้านเหมือนกันนะเนียะ*-*!
     
  7. benjamina

    benjamina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +289
    สวัสดีคับทุกท่าน ผมหายไปจากบอร์ดหลายเดือนเลย ดีใจมากได้กลับมาอีกครั้ง
    ฝากเนื้อฝากตัวด้วยเลยละกันคับ ชื่ออั้มคับ
    รู้สึกผูกพันธ์กับพญานาคแต่สายไหนผมไม่รู้ผมเป็นพวกกิเลสหนาเตอะ แต่ผมกลัวงูมากกกกก
     
  8. Punnattha Eiamsuwan

    Punnattha Eiamsuwan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +36
    à¸«à¸§à¸±à¸”à¸”à¸µï¿ เพิ่งจะมีโอกาสได้เข้ามาสังสรรค์กับ พี่ๆน้องๆ ชาวนาคา ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกๆคนนะคะ ชาตินี้ภพนี้ก็ได้เกิดมา มีกายเป็นมนุษย์สุดประเสริฐกันแล้ว เร่งปฏิบัติธรรมกันให้มากๆนะคะ เพราะมันเป็นสัญญาเก่าที่ติดตัวกันมา เพื่อมาสร้างบารมี ดูแลทำนุบำรุงพุทธศาสนาให้ยืนยงด้วยสัจวาจา

    แวะเข้ามาทักทายพูดคุยด้วย เพราะเราก็เชื้อสายเผ่าพันธ์เดียวกัน คงเข้าใจกันนะคะ(f)

     
  9. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ขออนุโมทนาด้วยจร้า

    กว่าเราจะได้เจอกันมันช่างนานเหลือเกิน

    ให้ที่สุดเราก็ได้เจอกัน^^

    ช่วยกันดูแลพระพุทธศาสนากันด้วยนะคร้าบ^^
     
  10. วรุณบุตร

    วรุณบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +1,018
    ขอต้อนรับท่านที่มาใหม่ทุกท่านนะครับ
    หายไปนานเลยต้องขอบคุณน้องBenz ด้วยนะครับที่ดูแลให้ มีบทขอพรองค์ปู่ศรีสุทโธ มาฝากทุกคนครับ หลังจากสวดมนต์เสร็จแล้วก็ลองสวดบทขอพรเพิ่มนะครับ
     
  11. วรุณบุตร

    วรุณบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +1,018
    คำอธิฐานขอพร (คำกลอนสุภาพสำนวนไทย)

    สาธุข้าพเจ้าขอยกนิ้วขึ้นเหนือเศียร
    เหล่าธูปเทียนของหอมพร้อมถวาย<O:p
    ทั้งน้ำทิพย์หยิบขึ้นพวงมาลัย
    บูชาไหว้ขอพรอันเลิศคุณ<O:p</O:p
    กายวาจาใจน้อมระลึกรู้
    ขอน้อมนบองค์พ่อปู่ผู้เกิดศรี
    สุทโธเจ้านาคาธิบดี
    องค์นาคีผู้หยิ่งใหญ่กว่าเหล่านาคา <O:p</O:p
    ใต้บาดาลแดนดินถิ่นชะโนด
    อำนวยเกิดประโยชน์ปรารถนา<O:p</O:p
    มีสิ่งหนึ่งประการใดลูกต้องตา
    ให้ได้มาสมจิตที่คิดปอง<O:p</O:p
    อย่าได้ขาดทั้งหลายมีแก้วแหวน
    เงินทองจงหลั่งแน่นเป็นสิ่งของ<O:p</O:p
    อย่าให้ตกบกพร่องจงหลั่งนอง
    มาเป็นกองพูนผลอย่าจนเงิน<O:p</O:p
    อันโรคาอาพาธพญาติร้าย
    อย่ากายใกล้แม้นหากมีให้จางหาย<O:p</O:p
    อายุมั่นขวัญยืนเป็นพรชัย
    เจริญในวรรณแก้วเพริดแพร้วคุณ<O:p</O:p
    ความอุบาทว์ ภัยสิ่งร้าย
    สรรพเคราะห์มากมายจงเสื่อมสูญ<O:p</O:p
    สิ้นพยศหมดภัยกลายเป็นบุญ
    ด้วยเดชคุณองค์ปู่เจ้าศรีสุทโธ
    ขอองค์ปู่จงช่วยอำนวยผลเป็นพระพร
    อย่าแคลนคลอนขาดทรัพย์อัปราศรี<O:p</O:p
    ขอเจริญด้วยยศปรากฏดี
    ให้มั่งมีเจริญผลตลอดกาล<O:p</O:p
    บุญฤทธิ์สิทธิ์พรขององค์ปู่
    จงอำนวยแก่ลูกทุกสถาน<O:p</O:p
    แม้ตกถิ่นแดนไหนจงประทาน
    พรชัยนั้นอย่าให้ตกสู่อบาย<O:p</O:p
    ลูกระลึกบุญคุณอุ่นเกศเกล้า
    คราลูกเฝ้าขอพรไม่ห่างหาย
    อย่าให้ลูกตกมีทุกข์ในใจและกาย
    ให้สบายดวงใจไร้ทุกข์ตรม<O:p</O:p
    กายะน้อมวาจาจิตขอบูชา
    องค์นาคาผู้ยิ่งใหญ่พิสูจน์สม<O:p</O:p
    สิบนิ้วตั้งเหนืออกยกพนม
    น้อมกราบก้มขอพรปู่ศรีสุทโธ<O:p</O:p
    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2009
  12. Punnattha Eiamsuwan

    Punnattha Eiamsuwan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +36

    deeja__a พบกันอีกครั้งนะคะ ติดตามอ่านกระทู้นี้มานานพอสมควร (แอบอ่านมานานแล้ว)มีความรู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องกัน ทุกๆคนล้วนแต่มีจิตใจที่ดีงามต่อกันดีนะคะ ทำให้ต้องเลื้อยเข้ามาเกี่ยวพันด้วย

    จะเคยเกิดเป็นลูกหลานของท่านปู่นาคาฯ หรือท่านแม่นาคีในพิภพใต้บาดาลมานานแสนนานแล้วก็ตาม ทำให้ลืมภพลืมชาติไปแล้วก็ตาม
    แต่ระยะนี้ให้มาสะกิดใจในเรื่องของเหล่านาคานาคีทั้งหลายที่ได้รวมตัวกันอยู่ในกระทู้นี้ พยายามศึกษาหาข้อมูลของเรื่องนี้ จะได้ไม่ลังเลสงสัยในสิ่งที่ได้รับรู้มา

    ถ้ามีโอกาสได้พบกันบ้าง จะเลื้อยไปหานะคะ;41
     
  13. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    สวัสดีค่ะทุกท่าน

    ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาใหม่นะคะ

    ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ

    **ป.ล.หยีก็ไม่ค่อยได้สวดมนต์นั่งสมาธิเลยค่ะแม่อุ้ม
    งานเยอะมาก เวลาเรียนน้อยมีแต่กิจกรรมแข่งทักษะ กีฬา
    เฮ้อ จะจบม.3แล้ว ความรู้นิดเดียว เฮ้อ (แล้วจะบ่นเพื่อ??)55+ขอระบายนิดนุง

    พี่เบนซ์เฝ้าบ้านดีมากๆเลย สู้ๆ
    เยี่ยมไปเลยพี่ชายเรา
     
  14. กาลปาวสาน

    กาลปาวสาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +390
    ขอบคุณสำหรับบทสวดขอพรครับ
     
  15. บุตรสา

    บุตรสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +793
    พบแล้ว...พบแล้ว...กระทู้ฐานทัพลับของพี่กฤษ 555+ ตั้งไว้ตั้งแต่สมัครเป็นสมาชิกใหม่ๆเลยอ่ะ ผมยกให้เป็นกระทู้ในตำนานเลย
     
  16. วรุณบุตร

    วรุณบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +1,018
    อะนะ แล้วไปเชียงแสนกับเค้ารึเปล่าอะ พี่คงไปไม่ได้นะเสียดาย
     
  17. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่เข้ามาเที่ยวบ้านนะคับ(บ้านน้อยหอยสังห์)*-*

    ไชโย..! พี่ชายกลับมาแย้ว...ดีจัยจัง..ขอบคุณคับสำหรับของฝาก(กลอนขอพร)*-*
    งัยเบนซ์ขอลาพักร้อนกลับบ้านนะก้าบ555
    ขอบจัยนะจ๊ะน้องลูกหยี..พี่ถือว่าเป็นคำชมนะก้าบฮ่าๆ*-*
    ยินดีต้อนรับท่านสมาชิกใหม่ทุกคนนะคับ...*-*(บ้านนี้มีรัก)
    มีอะรัยใหม่ๆจะมาแนะนำหรือว่าเล่าสู่กันฟังก็เม้าท์มาได้เลยนะคับ..*-*
     
  18. บุตรสา

    บุตรสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +793
    ผมก็ไม่ได้ไปครับ ติดงาน ส่วนปีหน้าเล็งงานเป่ายันต์เกราะเพรชเอาไว้ครับ งานนี้ต้องไปให้ได้
     
  19. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้าคร้าบบบบบบ!*-*
    พี่ชายคีบ..พี่วรุณบุตรคับ...เบนซ์มีเรื่องจะถามนิดหนึ่งอะคับเกี่ยวกับความฝันว่าทำไมช่วงนี้ฝันเกี่ยวกับพระท่านให้ดวงแก้วมาให้เรา..แถมยังฝันถึงพ่ออยู่หัวรัชกาลปัจจุบันด้วย
    ล่าสุดฝันว่าเดินเก็บลูกแก้ว
     
  20. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้าคร้าบบบบบบ!*-*
    พี่ชายคีบ..พี่วรุณบุตรคับ...เบนซ์มีเรื่องจะถามนิดหนึ่งอะคับเกี่ยวกับความฝันว่าทำไมช่วงนี้ฝันเกี่ยวกับพระท่านให้ดวงแก้วมาให้เรา..แถมยังฝันถึงพ่ออยู่หัวรัชกาลปัจจุบันด้วย
    ล่าสุดฝันว่าเดินเก็บลูกแก้ว ดวงแก้วแต่ละดวงประหนึ่งเหมือนมีชีวิต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...