ตอบคำถามเรื่องเด็กอภิญญาอายุ 13 จากกระทู้เรื่องแรงบุญแรงกรรม ใครว่าไม่มีจริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sasiriya, 22 พฤษภาคม 2008.

  1. watwa-aram

    watwa-aram เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +974
    ..ว้าว ๆ ๆ ๆ ไฮโซ ...ไปต่างประเทศด้วย แอบไปเจอน้าบุษ หรือคุณชัยวัฒน์
    หรือคุณริคาร์โด ป่าวหนา..แล้วอย่าลืมว่าเล่าการไปผจญภัยครั้งนี้นะคะป้าดีดี
    สงสัยไปปล่อยยิ้มสยามพิมพ์ใจ เอาต่างชาติหลงใหลไปตามกัน อิอิ:cool:
     
  2. aung1

    aung1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +54
    ขอบคุณมากครับคุณ Jenny_Lee ในความปราถนาที่ดี ตัวของคุณสวยมากๆ ครับ ซึ้งตรงกับของผมที่ดิ ดไว้​
     
  3. Jenny_Lee

    Jenny_Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +1,357
    อ่านตรงตัวอักษรสีแดง ตอนแรกคิดว่าคุณaung1
    ชมว่าตัวเจนนี่สวยแอบยิ้มอยู่ในใจพร้อมกับงงๆว่า
    ทำไมชมว่าตัวสวย แทนที่จะเป็นหน้าสวย
    พออ่านจบอ้าวไม่ใช่นี่หน่า ตัวเลขสวยต่างหาก 55555
     
  4. aung1

    aung1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +54
        1. ขอบคุณมากครับคุณ Janny_Lee ที่มีความปราถนาดีต่อผม เลขที่คุณให้ไว้ตรงกับเลขในใจผมก่อนหน้านี้ครับ มี 95 22 ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
     
  5. Jenny_Lee

    Jenny_Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +1,357
    <CENTER>ผลการทำนายคำว่า ซากศพตายเกลื่อน

    </CENTER>
    ฝันเห็นซากศพตายเกลื่อน ทายว่า จะได้พบกับเพศตรงข้ามที่นำลาภมาให้
    ตัวเลขนำโชค ได้แก่ 3 , 326 , 567 , 759 , 30
    สีนำโชค ได้แก่ สีเงิน
    ทิศนำโชค ได้แก่ ทิศตะวันออก

    ไปเจอเว็บทำนายฝันมาค่ะ
    เอามาให้พิจารณาดูนะคะ
     
  6. sasiriya

    sasiriya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,064
    ค่าพลัง:
    +751
    โอ้...คุณ Aung มีสปายในนั้นโทรบอกล่ะสิท่า หน้าประตูหรือหลังสุดล่ะ
    งั้นแฟนคลับคนที่อยู่ในนั้นก็ไม่ทราบว่าศิกับน้องคือคนไหน (555)
    แหม เดี๋ยวต้องบอกท่านจัดการสปายซะหน่อยดีมั๊ยเนี่ย 555







    หนังสือ ปาฏิหาริย์..แรงบุญ..แรงกรรม ใครว่าไม่มีจริง โดย ศศิริยะ
    พิมพ์ครั้งที่ 4 วางจำหน่ายแล้วที่ ร้านนายอินทร์ทุกสาขา และร้านอื่น ๆ ทั่วประเทศ....
    www.sasiriya.com (ขอขอบพระคุณ คุณอ้างว้าง ผู้จัดทำเวปนี้ให้ มา ณ ที่นี้ค่ะ)
     
  7. Jhumlongrak

    Jhumlongrak สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +0
    พี่เจนนี่คะ ลักษ์ก็ฝันมา 5 วันแล้วคะ
    ฝันว่าได้ไปซื้อล๊อดเตอรรี่คะในแผงนั้นเป็นผู้หญิงเดินขายทุกชุดที่มีน้อยนิดนั้นมีตัวเลขสีแดงไปหมดสำหรับผู้ขายเจ้านี้นะคะ แต่มีชุดเดียวด้วย 5ใบเป็นเลขสีดำเลขอะไรหนูจำไม่ได้ ในฝันเขาหยิบชุดที่เป็นเลขสีแดงมาให้หนูเขาบังคับให้ซื้อช่วยหนูดูแล้วเห็น3ตัวแรกไม่ชัดคะแต่หลัง เป็น897 หรือ879 นี่ละคะหนูจำได้พลางๆ คะแต่ก็ชัดสีแดงหนูไม่ชอบเลขนี้ในฝันนะคะก็เลยวางลงแล้วบอกว่าไม่เอาละคะเงินหนูไม่พอเขาบอกว่าขายชุดละ 500 บาทหนูไม่มีเงินในกระเป๋าในฝันคะก็เลยไม่เอาวางไว้คืนพอตื่นมาจำได้ไปหาซื้อดูตอนนี้ไม่มีเลยคะหาไม่มีใครเลยคะที่สำคัญต้องเป็นผู้หญิงขายด้วยคะ ก็ว่าไปตามความฝันคะแล้วแต่ว่าใครจะพิจารณาอย่างไรนะคะ เพราะหนูเองเชื่อเรื่องโชคลาภคะก็เลยเวลาอธิฐานก็จะขอท่านบ่อยๆ แต่ก็พึ่งมีฝันนี้ละคะไม่รู้ว่าบุญวาสนาที่เคยทำมาจะถึงรึเปล่านะคะ ก็มาเล่าสู่กันฟังคะเพื่อว่าท่านเมตตาจริงท่านก็คงอยากให้หนูนำมาฝากทุกท่านชาวเรือนพญานาคคะ และอีกอย่างช่วงนี้หนูก็เข้าเวปได้โพสกระทู้ได้ด้วยคะ คงเป็นเพราะท่านเมตตา ใช้วิจารณญาณนะคะ
    หมายเหตุ หากเราหลุ่มหลงมากไปเราก็เป็นทุกข์ หากท่านจะเป็นทุกข์เพราะข้าพเจ้านำความฝันมาเล่าสู่ฟังได้โปรดอย่าหลุ่มหลงเลยนะเจ้าคะ หนูจะได้ไม่เป็นบาปคะ หากแต่เก็บไว้ลุ้น สนุกเล็กๆ ตามกำลังตน หรือลุ้นไว้ในใจก็สนุกนะคะ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2009
  8. Pawanrat-jin

    Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,939
    ขอบคุณทุกท่านนะคะ

    ที่นำความฝันมาเล่าสู่กันฟัง

    เสี่ยงโชคกันเอาเองเน้อ...งวดนี้

    เลขเยอะเหลือเกิน อิอิ
     
  9. บัวใต้โคลน

    บัวใต้โคลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +380
    สวัสดีคุณศศิ , น้องอภิญญาและทุกท่านในเรือนนะครับ

    ดีใจกับคุณใสแก้วด้วยที่ได้ถือพานมาลัยคล้องพระกร (คืนนี้จะดูคนดัง ๕๕+)
    และคุณทักษมณ(ชื่อไม่ถูกขออภัยครับ)
    ที่สอบผ่าน ภาค ก. กพ.ครับ
    (อีกนิดเดียวก็จะได้รับราชการแล้วนะครับเอาใจช่วย)

    ตามที่คุณศศิ ถามว่าผมทำงานสังกัดไหน เกี่ยวกับสาธารณสุขครับ
    ผมทำงานเกี่ยวกับโรคภัยต่างๆ นี่ละครับ
    โดยเฉพาะโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๐๙ ครับ ระลอกสองไม่รู้จะหนักแค่ไหน

    พรุ่งนี้วันพระ จะไปถวายไทยทานและทำบุญที่วัดครับ

    ขอให้ทุกท่านเดินบนเส้นทางกุศลกรรมต่อไปนะครับ

    ขอนำคำเทศนาของผู้ทรงศีลทรงธรรมที่ผมเคารพนับถือ
    มาเป็นคติเครื่องเตือนใจให้กับตัวผมและทุกท่านในเรือนนะครับ

    "ให้พยายามตั้งใจใส่ศีลใส่ธรรมนะ ศีลธรรมนี่แหละพึ่งเป็นพึ่งตายได้จริงจริง
    อย่างอื่นจะมีอยู่กองเท่าภูเขาก็ตามเถอะ(ทรัพย์สินเงินทอง)
    ให้ระวังบาปให้มากๆ บาปเป็นภัยต่อตัวของเราอย่าไปทำลายตัวเรา
    ด้วยการสร้างบาปสร้างกรรมไม่เหมาะ"

    "เราได้เกิดมานี้เราได้สร้างความดีมากน้อยเพียงใด
    และได้สร้างความชั่วมากน้อยเพียงใดเอามาวัดมาตวงกันให้ดีนะ
    วัยเหล่านี้เป็นวัยที่ควรคิดได้แล้ว ถ้าไม่คิดตอนนี้ก็หมดโอกาส"

    "บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมรุ่งเรืองเหมือนไฟที่ส่องสว่าง"
    (ได้อ่านหนังสือของ ดร.คุณแม่ชีทศพร ทำให้รู้ว่าการสมาทานศีลทุกวันมีอานิสงฆ์มากครับ)


    ***ลืมบอกไปว่าผมพึ่งอายุ ๒๐ กว่า ยังไม่ถึง ๓๐ ครับ คงต้องเรียกพี่อ๊อดละครับ ๕๕+

    แค่นี้ก่อนนะครับ สาธุและปรารถนาดีต่อทุกท่านครับ

    บัวใต้โคลน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2009
  10. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    การทำทาน


    :cool:
    การทำทาน
    ทาน แปลว่า การให้ หรือสละของ ๆ เราให้ผู้อื่นด้วยความเต็มใจ การให้ทานเป็นพื้นฐานความดีของมนุษยชาติ และเป็นสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ ในการจรรโลงสังคม ชีวิตของเราดำรงอยู่ได้ด้วยทาน เราโตมาได้ก็เพราะทาน มีความรู้ในด้านต่าง ๆ ก็ด้วยทาน การให้ทานจึงเป็นสิ่งจำเป็นและมีประโยชน์ต่อทุกคน

    ประเภทของทาน แบ่งได้ 3 ประเภทคือ
    1.) อามิสทาน คือการให้วัตถุสิ่งของเป็นทาน
    2.) ธรรมทาน หรือวิทยาทาน คือ การให้ความรู้เป็นทาน ถ้าเป็นความรู้ทางโลก เรียกวิทยาทาน หากเป็นความรู้ทางธรรม เช่น สอนให้ละความชั่ว เรียกว่า ธรรมทาน
    3.) อภัยทาน คือ สละอารมณ์โกรธ ให้อภัย ไม่ผูกอาฆาตจองเวรทั้งปวง

    การทำทานให้ได้บุญมาก ต้องพร้อมด้วยองค์ 3 คือ
    1.) วัตถุบริสุทธิ์ ของที่จะให้ทานต้องได้มาโดยสุจริตชอบธรรม ไม่ได้คดโกง เบียดเบียนใครมา
    2.) เจตนาบริสุทธิ์ คือมีเจตนาบริจาคทาน เพื่อกำจัดความตระหนี่ของตน ทำเพื่อเอาบุญไม่หวังชื่อเสียง ลาภ สักการะ
    3.) บุคคลบริสุทธิ์ คือ ให้แก่ผู้มีศีลบริสุทธิ์ มีความสงบ สำรวม

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า " พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก และผู้ให้ทาน คือ ตัวเองก็ต้องมีศีลบริสุทธิ์ จึงจะได้บุญมาก"

    Aodzilla

    วิทยาทานนี้โดย : หนังสือคนเหนือกรรม กรรมเหนือคน
    ( เป็นหนังสือที่คุณแม่คัดเค้ากรุณาส่งมาให้กระผมเองครับ ) ผมอ่านเจอจุดที่ดีและน่าสนใจจึงขออนุญาตนำมาลงให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันนะครับ สาธุ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    วิธีการสวดมนต์


    fishh_

    วิธีการสวดมนต์
    บทสวดมนต์นี้ ถ้าเราสวดมันด้วยหัวใจ และวิญญาณ เราจะกลับกลายเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ตามสถานการณ์ในการสวดมนต์แล้วเราจะมีความรู้สึกปลาบปลื้ม ซาบซึ้ง มิใช่สวดเพียงแต่ความเข้าใจ การเข้าใจบางทีบางครั้งมันอาจจะไม่เข้าไปสู่ภายใน แต่สวดมันด้วยความรู้สึกจริงจัง จดจ่อ จับจ้องแบบตั้งใจ มันจะทำให้เรารู้สึกปลาบปลื้มและซาบซึ้ง และซึมสิงเข้าไปอยู่ในไขกระดูก และจิตวิญญาณภายในของเราได้ เราจะรู้สึกถึงความเอื้ออาทร ความห่วงหา ความเมตตาสงสารที่มีจิตวิญญาณของพระพุทธะผู้ยิ่งใหญ่พระองค์นั้น พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นผู้ให้ตลอด แม้กระทั่งวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของพระองค์แก่เรา เราจะรับสัมผัสได้ถึงพลังอันเป็นทิพย์ และศักดิ์สิทธิ์วิเศษสุดของพระองค์ ที่ทรงกล่าวด้วยความเอื้ออาทรสุดหัวใจ แล้วเราจะรู้ว่าช่างเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และอำนาจแห่งความเมตตาและปรารถนาดีต่อเราขนาดไหน
    เพราะฉะนั้น การสวดมนต์ก็เป็นวิธีทางหนึ่งที่จะเปิดประตูวิญญาณให้เราเข้าไปเรียนรู้ “ พลังงานของจักรวาล ”
    โลกและสังคมรวมทั้งความรู้สึกของท่านผู้บัญญัติบทสวดมนต์นั้น ๆ ให้แก่เรา เราจะรู้เจตนารมณ์และจุดมุ่งหมายของท่านเหล่านั้นว่าท่านสร้างบทสวดมนต์หรือบทระลึกเป็นอนุสติให้เราเพื่อต้องการอะไร...
    “ ชั่วชีวิต หลวงปู่เวลาจะเรียนรู้เรื่องอะไร หลวงปู่ต้องทำความเข้าใจถึงคนที่จะให้เราเรียนด้วยว่า เขาต้องการอะไรจากเรา แล้วสิ่งที่เราเรียน มันก็ทำให้เรารู้จริง จนแจ่มแจ้ง ไม่ใช่รู้จำแล้วทำไม่ได้ ”
    เพราะฉะนั้น เวลาสวดมนต์ ไม่ใช่สวดเพียงเพื่อแค่ฟองน้ำลายที่กระดกบนปลายลิ้น แล้วก็มีเสียงลอดออกมาจากริมฝีปาก ไม่ใช่เพียงแค่พูด หรือสาธยายให้คนอื่นฟัง ให้เขาเข้าใจว่า ไพเราะ เสนาะหู แต่จงสวดมันทั้งกายและจิตวิญญาณ สวดมันทั้งซากและหัวใจ สวดมันตะโกนให้ดังและก้องกังวานอยู่ภายใน ให้มันทะลุทะลวงความโง่ งี่เง่า..ง่วง..มึนซึม และจิตใจที่หลงงมงายของตัวเรา..และก็จิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ และนอนรอเราปลุกให้ตื่นขึ้นมานั้น จึงถือว่าเราได้เจริญพุทธมนต์ ถึง ... “ มนต์ที่สวดแล้วทำให้เจริญ ”
    เพราะฉะนั้น จงอย่าสวดแค่ซากและริมฝีปาก จงสวดด้วยจิตวิญญาณ แล้วท่านทั้งหลายก็จะได้รู้ถึง สัมผัสถึง เข้าใจถึง ซึมถึงจิตวิญญาณของพระพุทธะที่พระองค์ได้ทรงบัญญัติจัดทำ ทั้งอักขระพยัญชนะให้เราได้สาธยาย
    เราก็จะรู้ว่า พลังวิญญาณของพระองค์ ช่างยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ถ้าเราได้ดื่มด่ำและซาบซึ้ง เราจะรู้ถึงอรรถรสบทบรรยายแห่งพระธรรมของพระองค์อย่างสุดชีวิต บอกฝากเอาไว้แค่นี้ว่า
    เวลาสวดมนต์ ควรจะสวดทั้งจิตวิญญาณจากกาย และไขกระดูกทั้งหมดของลมหายใจของเรา แล้วก็จะรู้ว่า พระพุทธะผู้ยิ่งใหญ่ของเราช่างเป็นผู้วิเศษสูงสุด เราพร้อมที่จะทุ่มเทและกับทุกสิ่ง แม้แต่ชีวิตเพื่อรักษาพุทธโอวาท “ พระดำรัส “ อุดมการณ์ ” “ หลักและวิธีการ ” ไว้ให้ได้ทุกสถานการณ์โดยที่เราไม่ได้มุ่งหวังการตอบแทนใด ๆ แต่ต้องการเพียงแค่รักษาให้คงไว้ซึ่งความ “ ศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ ” และเปี่ยมไปด้วยความมีประโยชน์
    สิ่งเหล่านี้เป็นวิถีทางที่เราจะต้องทำ เป็นหน้าที่ของพระสาวกแห่งพระพุทธะ ที่ต้องสืบทอดเจตนาและรักษาไว้เทียบเท่าชีวิตของตนทีเดียวคำพูดเหล่านี้ มันออกจะดูเคอะเขิน ขัดข้อง และก็บกพร่องไปบ้างแต่ที่แน่ ๆ ก็คือเป็นการถ่ายทอดถึงจิตวิญญาณแห่ง “ พุทธะ ” ซึ่งเราจะต้องซึมสิงและปลูกจิตสำนึกให้เกิดขึ้น โตขึ้น แต่อย่าให้ตายลง ให้อยู่ในหัวใจของเราให้ได้ แล้วเราก็จะกลายเป็นผู้ที่มีอิสรภาพ มีเสรีภาพ และมีเสถียรภาพ เป็นการดำรงชีวิตได้อย่างชนิดไม่สั่นคลอน ไม่ง่อนแง่น และไม่โยกโคนไปตามแรงลมของการบีบคั้นบังคับของสังคมใด ๆ แม้แต่อารมณ์ที่เกิดจากการกระทบใด ๆ ก็จะไม่ทำให้เราหวั่นไหว ขอให้รักษามันไว้ให้ดี..ก็คงแค่นี้แหละนะ...


    จากหนังสือทำวัตร-สวดมนต์แปล
    หลวงปู่พุทธอิสระ
    วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม
    <!-- GoStats JavaScript Based Code --><SCRIPT src="http://gostats.com/js/counter.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript>_gos='c3.gostats.com';_goa=299161;_got=5;_goi=1;_goz=0;_gol='web site traffic stats';_GoStatsRun();</SCRIPT><SCRIPT language=javascript>_go_js="1.0";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.1>_go_js="1.1";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.2>_go_js="1.2";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.3>_go_js="1.3";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.4>_go_js="1.4";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.5>_go_js="1.5";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.6>_go_js="1.6";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.7>_go_js="1.7";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.8>_go_js="1.8";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.9>_go_js="1.9";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- End GoStats JavaScript Based Code -->
    <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE --><!-- Counter/Statistics data collection code --><SCRIPT language=JavaScript src="http://us.js2.yimg.com/us.js.yimg.com/lib/smb/js/hosting/cp/js_source/whv2_001.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript>geovisit();</SCRIPT>[​IMG]
     
  12. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    เคล็ดลับอายุยืนจากพระไตรปิฎก

    เคล็ดลับอายุยืนจากพระไตรปิฎก
    แม้ว่าวิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน แต่ถ้าลองตรองให้ดี สุดท้ายเราจะพบความลับที่น่าสนใจว่า “สิ่งที่คิดว่าใหม่ทั้งหลาย แท้จริงเป็นสิ่งที่คนรุ่นเก่าคิดมาแล้วทั้งสิ้น”
    อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นใหม่ในโลกนี้ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เคยกำเนิดเกิดขึ้นมาก่อนแล้วทั้งนั้น ชั่วแต่ว่าเราจะนำภูมิปัญญาและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์มาประยุกต์ใช้ได้มากเพียงน้อยเพียงใดเท่านั้น
    แม้แต่ประเด็นทันสมัยอย่าง การชะลอความชรา ที่ผู้คนในปัจจุบันกำลังให้ความสนใจ และนักวิทยาศาสตร์ได้ทุ่มเททุนทรัพย์มากมายเพื่อค้นคว้าวิจัย ก็เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าได้ทรงชี้แนะวิธีไว้ให้ ตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วทั้งสิ้น
    ในสมัยพุทธกาล ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ได้ประทานโอวาทแก่พระเจ้า ปเสนทิโกศล ในเรื่องธรรมะที่ทำให้อายุยืนว่า
    คนที่มีสติอยู่ตลอดเวลา รู้จักประมาณในการบริโภค ย่อมมีเวทนาเบาบาง แก่ช้า ครองอายุอยู่ได้นาน”
    พระเจ้าปเสนทิโกศลฟังแล้วไม่รอช้า มีรับสั่งให้มหาดเล็กท่องจำพุทธโอวาทนี้ได้ และคอยกล่าวขึ้นมาขณะที่พระองค์เสวยทุกมื้อ ไม่ช้าไม่นานผลดีก็บังเกิดแก่พระองค์ ทำให้ร่างกายแข็งแรงจนหาผู้ใดเทียบได้ยาก
    นอกจากนั้น พระพุทธเจ้ายังได้เคยตรัสกับพระอานนท์ไว้ด้วยว่า “อานนท์ ผู้อบรมอิทธิบาท ๔ มาอย่างดีและทำจนแคล่วคล่องแล้วอย่างเรานี้ หากปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ถึง ๑ กัลป์ (คือ ๔,๓๒๐,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์) ก็สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้”
    หนังสือ สูตรลับ Anti-aging จากพระไตรปิฎก ของนายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์อายุรวัฒน์ สรุปไว้ว่า อิทธิบาท 4 น่าจะเกี่ยวพันกับเรื่องอายุยืนโดยตรงเลยทีเดียว เพราะเมื่อพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทั้ง ฉันทะ วิริยะ จิตตะและวิมังสา ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเป็นสุขดังนี้
    · ฉันทะ ทำให้มีความพึงพอใจในการกระทำต่างๆ คนเราถ้าชอบใจ พอใจสิ่งใดแล้ว ก็ย่อมจะรู้สึกว่าการนั้นไม่เหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด ทำงานไปก็เหมือนได้พักผ่อนสบายใจ
    · วิริยะ คือ ความเพียร ความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตัวให้เป็นไปตามแนวทางที่ถูกที่ควร
    · จิตตะ คือ ความจดจ่อใส่ใจ ซึ่งจะทำให้เกิดสมาธิและความสงบขึ้น ชีวิตจึงไม่ร้อนรน ว้าวุ่นไปตามกระแสของโลก
    · วิมังสา คือ การใคร่ครวญ ให้เหตุผลและสติปัญญานำทางชีวิต

    เมื่อพระให้ศีลให้พรมักจะลงท้ายด้วย “อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง เพราะพรสี่ประการนี้เป็นสมบัติอันประเสริฐ เลิศยิ่งกว่าทรัพย์ใดๆ นายแพทย์กฤษดากล่าวว่า ในเรื่องอายุ พระท่านไม่ได้หวังให้เรามีอายุยืนนานแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ท่านมุ่งหวังให้เรามีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้อายุที่ยืนยาวนี้มีส่วนสร้างปัญญาหาทางพ้นทุกข์ให้แก่ตัว ไม่มัวเมากับสิ่งเร้าภายนอกทั้งหลาย

    ส่วนวัณโณหรือผิวพรรณนั้น มีรากฐานสำคัญมาจากการเป็นผู้มีศีล ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด หากมีศีลเป็นวัตรประจำใจ ผิวพรรณย่อมดีอยู่เสมอ เพราะเมื่อปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทุกข์ร้อนจะไม่มากล้ำกราย เลือดลมจึงเดินสะดวก ทำให้ผิวพรรณผ่องใส
    สำหรับสุขัง การที่บุคคลจะมีสุขได้นั้น จำต้องมีองค์ประกอบหลักๆคือ มีปัจจัยสี่พร้อม รวมทั้งมีสติและปัญญา รู้ตัวทั่วพร้อมตลอดเวลา ไม่ปรุงจิตให้ขึ้นลงตามสิ่งที่มากระทบ และหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ในทางที่ถูกที่ควร
    ส่วนท้ายสุด พะลัง(พลัง) มีอยู่สองอย่าง คือ กำลังกายและกำลังใจ ที่ต้องหมั่นฝึกฝนเตรียมพร้อมไว้รับมือกับความเปลี่ยนแปลง ด้วยการหมั่นออกกำลังกายและหมั่นฝึกจิตให้เข้มแข็งอยู่เสมอ
    แม้เราจะพยายามต้านทานความชราไว้เพียงใด แต่สุดท้ายแล้วเราทุกคนก็ต้องเดินไปบนเส้นทางเดียวกัน การใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท หมั่นดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอทั้งกายและใจ จะช่วยให้เราเป็นผู้มีอายุยืนอย่างมีความสุข และสามารถสร้างประโยชน์ให้สังคมได้อย่างยาวนานที่สุด
    เคล็ดลับชะลอวัยของนายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช
    · เลี่ยงอาหารที่อร่อยลิ้นจนเกินไป
    · เลี่ยงของทอดของมัน น้ำตาลและแป้งขาว
    · อย่ากินอาหารแบบเดิมซ้ำๆ จะนำโรคมาให้
    · อย่าเสียดายจนตายด้วยปาก
    · อย่าอยากเหล้ายาและกาแฟจะแก่เร็ว
    · กินให้น้อย พลอยสดใส ไม่มึนหัว

    บทความจากนิตยสารซีเคร็ต


     
  13. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    สวัสดีครับ คุณ Budratsa
    ข้าน้อยขออนุญาตแวะมาทักทายนะครับ ก่อนอื่นข้าน้อยขอยินดีต้อนรับเข้าเรือนพญานาคนี้ด้วยคนนะครับ ผมต้องขออภัยนะขอรับที่เข้ามาทักทายช้าไปสักนิดน่ะครับ คุณบุษอยู่ตั้งไกลแต่ยังมีใจดวงเดียวกัน แค่นี้ก็สุขใจแล้วล่ะครับ เพราะคุณบุษเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับผมนะครับ ทุกครั้งที่เข้ามาในเรือนแห่งนี้ ผมจะเหมือนว่าผมได้เข้ามาพบปะพูดคุยกับญาติธรรมมากมายหลายท่าน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้รู้ทั้งทางโลกและทางธรรมเลยนะครับ ผมเองก็ได้อะไรที่เป็นประโยชน์จากเรือนนี้มากนักนะครับ ขอให้คุณบุษอยู่ในเรือนนี้อย่างมีความสุขนะครับ หากมีอะไรแนะนำน้องคนนี้ ก็จักยินดีน้อมรับเป็นอย่างยิ่งนะครับ
    รักษาสุขภาพด้วยนะครับ อากาศที่เมืองไทยตอนนี้ฝนตกบ่อยมาก ๆ ครับ ทางโน้นอากาศเป็นเช่นไรบ้างครับเหมือนกันไหมเอ่ย

    Aodzilla
     
  14. Jenny_Lee

    Jenny_Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +1,357
    คุณบุษคะ ถ้าไดัเจอพี่ดีดี บอกพี่ดีดี ด้วยนะคะ
    ว่าเจนนี่และชาวเรือนคิดถึงค่ะ


    ขอบคุณน้องอ๊อดนะคะที่เอาบทความดีดี มาให้อ่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2009
  15. Jenny_Lee

    Jenny_Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +1,357
     
  16. saikaew

    saikaew Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +25
    สวัสดีชาวเรือนทุกๆ ท่านค่ะ เมื่อเย็นตอนสองทุ่ม
    ข่าวในพระราชสำนักออกแล้วค่ะ 55555555
    พอพระองค์ท่านเดินผ่านนายทหารชั้นผู้ใหญ่และท่านผู้ว่าแล้ว
    ท่านกำลังจะรับมาลัยคล้องพระกรจากภรรยาท่านผู้ว่า
    ภาพก็ตัดพอดิบพอดีเลยค่ะ ฮือ ฮือ ฮือ
    เลยมาอีกนิดเดียว ก็ไม่ได้ อยู่ติดกันกับภรรยาท่านผู้ว่าเลย
    เป็นคนไม่มีบุญได้ออกกล้องค่ะ555555555
    จบการรายงานข่าว...............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2009
  17. Nongmaika

    Nongmaika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +394
    สวัสดีค่ะคุณบุษ... ขอบคุณกับคำอนุโมทนา และพรให้เจริญในธรรม .. หนูใหม่ก็ตัวเล็กๆ ยังต้องฝึกอีกมากค่ะ ก็จะพยายามค่อยเป็น ค่อยไปค่ะ;aa27แล้วเข้ามาในเรือนบ่อยๆ นะคะ พี่ศศิและคุณน้องมีเมตตามาก มักมีข้อคิด ข้อเสนอแนะ ดีๆ ให้กับ ทุกท่านในเรือนแห่งนี้เสมอคะ
    (ป.ล. กลับมาเมืองไทยเมื่อไร พวกเรา(ทุกท่าน) นัดเจอกันแถวร้านน้ำแข็งใสนะคะ...อิอิอิ ):cool::cool:


     
  18. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368

    ธรรมะน่าอ่านจากเว็ปพลังจิตค่ะ

    การผูกอาฆาตพยาบาท จองเวร ให้ผลข้ามภพข้ามชาติ<!-- google_ad_section_end -->


    จิต ของเราเก็บเกี่ยวเฉี่ยวโฉบอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉา นินทา อาฆาต พยาบาท ขุ่นแค้น ขัดเคือง นานาชนิดเอาไว้ ถ้าไม่มีวิธีชำระก็จะเกิดสนิมใจขึ้นมา กระทั่งไม่อาจนอนได้อย่างมีความสุขหากไม่ชำระร่างกายฉันใด ใจที่ไม่ถูกชำระจะทำให้ฝันร้าย อารมณ์หงุดหงิดหลับไม่สนิท ฉันนั้น

    การแสดงอภัยทานเป็นการชำระใจ แม้จะดูพูดง่าย แต่ก็ทำได้ยากหากไม่ฝึกทำจนเป็นปกติ เพื่อให้เข้าใจง่ายและอยากทำให้ได้ ขอให้เรามาพิจารณาเหตุผล ถึงความต่อเนื่องของผลกรรมที่มีผลข้ามภพข้ามชาติว่า ให้ผลเผ็ดร้อนเพียงใด และยังเป็นผลที่เราหนีไม่ได้อีกด้วย

    เราต้องถามตนเองก่อนว่า เราต้องการยุติการเผล็ดผลของกรรมกันคน ๆ นั้นเพียงภพนี้ หรือต้องการจะพบเขา จะเจอเขาอีกในชาติต่อ ๆ ไป เราต้องการจะยุติปัญหาเหล่านี้เพียงภพชาตินี้ หรือต้องการลากยาวไปถึงภพชาติข้างหน้า เรามีสิทธิเสรีในตัวเราที่จะหยุดหรือสร้างเหตุต่อไปอีก

    บางคน รักมาก หลงมาก เพราะเขาดีมาก ก็ปรารถนาให้พบกันทุกภพทุกชาติ บางคนก็อธิษฐานไม่ขอร่วมเดินทาง แต่ก็ไม่ยกโทษ ในที่สุดผลของการไม่ยกโทษ คือไม่ยอมให้อภัย ก็เหมือนการผูกสิ่งที่เราไม่ชอบไว้ที่เอวตนเองตลอดเวลา การให้อภัย จะทำให้เราสามารถยุติปัญหาต่าง ๆ ได้ เหมือนคนล้างแก้วน้ำสะอาด ทำให้เหมาะสมที่จะรองรับน้ำบริสุทธิ์ที่เทลงไปใหม่เหมือนการโยนของที่เราไม่ ชอบทิ้งเสีย โดยไม่ต้องเสียดาย



    การ ให้อภัยคือการแสดงกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ อภัยทานนั้นเวลาจะให้ไม่ต้องไปขอใคร ไม่เหมือนใครมาขอเงินเรา เราต้องควักกระเป๋าให้ แต่ให้อภัย เราไม่ต้องหาจากไหน และไม่รู้สึกว่าเป็นการสูญเสีย


    ขอ ให้เราภูมิใจเถิด เมื่อมีใครมาขอโทษ เมื่อมีใครให้อภัยเรา หรือเมื่อสำนึกได้ว่า เราได้ทำอะไรผิดพลาดไป ก็ขอโทษกัน การขอโทษ หรือการให้อภัย มิใช่การเสียหน้า หรือเสียรู้ มิใช่การได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด หากแต่เป็นการชำระใจให้สะอาด เหมือนภาชนะสกปรก ก็ชำระล้างให้สะอาด
    ในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ อาจจะดูเหมือนยาว แต่มีใครบอกได้ว่าเราจะอยู่ได้ปลอดภัยถึงวันไหน เราต้องการความทรงจำที่เลวร้าย หรือต้องการความทรงจำที่ดีในชีวิต



    เรา ต้องการนั่งนอนอย่างมีความสุข มีชีวิตอยู่ด้วยความอิ่มเอิบหรือต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยการถอนหายใจด้วยความ ทุกข์และกังวลใจ สิ่งเหล่านี้กำหนดได้ที่ตัวเราเอง กำหนดวิธีคิดให้ถูกต้อง


    ความคิดเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก สุขหรือทุกข์ของมนุษย์อยู่ที่วิธีคิด คิดเป็นก็พ้นทุกข์ คิดไม่เป็น แม้แต่เรื่องมิใช่เรื่อง ก็อาจเกิดเรื่องได้ ขอให้เรามาคิดดูว่า ในชีวิตของเราคนหนึ่ง อย่างเก่งก็อยู่ได้ ๗๕ ปี เกินนี้ไปถือเป็นกำไรชีวิต ทำไมเราจะเสียเวลามาครุ่นคิดเรื่องไร้สาระ ทำไมเราจะต้องเสียเวลามาทำเรื่องที่ทำให้เกิดทุกข์


    การ ยอมกันเสียบ้าง ก็เป็นความสุขได้ไม่ยาก เราอาจคิดว่า การให้อภัยบ่อย ๆ แก่คนบางคน เขาอาจจะไม่ปรับตัว ยังก่อเหตุอยู่เสมอ ๆ งานก็ไม่สำเร็จ ยังเหลวไหลอยู่เหมือนเดิม นั่นอาจเป็นเหตุผลในการทำงานแต่สำหรับเหตุผลของใจนั่น เมื่อให้อภัย ใจเราก็เบา การยกโทษ อาจดูเหมือนเรายอม เราไม่ติดใจ ไม่เอาเรื่อง แล้วจะทำให้เขากำเริบ ส่วนเราเสียเปรียบ ความจริงไม่ใช่

    เรากำลังบำเพ็ญบารมีขั้นสูง คือ “ อภัยทาน ” อันเป็น “ ทานบารมี ” ที่สูงส่ง การยอมแพ้อาจเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ข้ามภพชาติ


    ขอ ให้สังเกตความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เวลาเราโกรธ เกลียด พยาบาทใคร สีหน้าของเราจะเปลี่ยนไป เลือดในร่างกายจะผิดระบบ เช่น เวลาโกรธจัด จิตที่ถูกครอบงำโดยอารมณ์ร้าย ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันคือ ความรุ่มร้อนไม่พอใจ ทำอะไรก็กังวลเป็นทุกข์ แต่พอยกโทษให้ ก็จะรู้สึกทันทีว่า ยิ้มได้ จิตเบาสบาย ที่เปรียบกันว่าเหมือนยกภูเขาออกจากอก รู้สึกจิตเป็นอิสระทันทีเพราะหมดห่วง หมดทุกข์ หมดสนิมที่จะกัดกร่อนจิตใจ


    วิธี คิด มีความสำคัญมากสำหรับชีวิตของคน เรามักได้ยินเสมอ ๆ ว่า แพ้หรือชนะอยู่ที่กำลังใจ แท้จริงแล้ว คำว่า “ กำลังใจ ” ก็คือวิธีคิดนั่นเอง พลังที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ คือการที่ใจมีกำลัง


    มนุษย์ เราจึงต้องสร้างกำลังใจให้แก่กันและกัน กำลังใจเป็นสิ่งที่ให้ไม่รู้จักหมด ยิ่งเราให้คนอื่นได้มากเท่าไหร่ กำลังใจก็จะยิ่งเกิดขึ้นแก่เรามากเท่านั้น เหมือนวิชาความรู้ ยิ่งให้ยิ่งพอกพูน ยิ่งหวงไว้เฉพาะตัวก็ยิ่งหดหาย


    การ ให้อภัย อาจพูดง่าย แต่ทำยาก แม้จะเป็นเรื่องยาก เพราะใจไม่อยากทำ แต่ก็สามารถทำได้เมื่อเราฝืนใจทำ และจะเป็นความสุขใจในภายหลังเมื่อครวญคำนึงถึง การตอบรับซึ่งกันและกัน ถ้าเป็นความดี เป็นความรัก ความอบอุ่นก็ดีไป แต่ถ้าเป็นความเกลียด ความโกรธ สิ่งที่จะตามมา คือการรับรู้และเก็บอารมณ์ทั้งโกรธและเกลียดนั้นไว้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย


    เมื่อ รู้แล้วก็ควรสละอารมณ์นั้นด้วยตัวเราเองก่อน เพื่อป้องกันจิตเรามิให้เป็นทุกข์เพราะคนนั้นเป็นเหตุ เราอาจคิดเสมือนหนึ่งไม่ได้มีเขาอยู่ในโลกนี้เลยก็ได้ การให้อภัยเขา คือคิดถึงเขาในฐานะเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่สมควรจะไปยึดเป็นรักเป็นชัง ก็เมื่อแม้แต่รัก ท่านยังสอนให้เราละทิ้ง มิให้ยึดติด แล้วทำไมเราจะยังมองเห็นโกรธเป็นสิ่งที่จะต้องยึดมั่นอยู่ได้ อภัยทานจึงเป็นทานที่ทำยากที่สุด ...

    จากหนังสือ “ อภัยทาน ” (พระศรีญาณโสภณ สุวิทย์ ปิยวิชฺโช )

    แหล่งข้อมูล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2009
  19. aung1

    aung1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +54
    คิดถึงน้องTheewin_boy ธีร์วินท์ ช่วงนี้ไม่เห็นเข้าในเรือนบ้าง จะได้ของดีๆจากหลานสักหน่อย เพราะว่าเป็นคนพิเศษ จากความรู้บางอย่าง บางครั้งอาก็พูดหรืออธิบายออกมาไม่ได้ครับ เพราะบางสิ่งบางอย่างหลานใช้สติปัญญาออกมา ในการเขียนตัวหนังสือมีความรู้สึกว่าออกมาจากตัวตนที่แท้จริง จากกายละเอียดภายในจิตที่บริสุทธิ์ ซึ้งอาเองก็ไม่สามารถที่จะเขียนอย่างหลานได้ เพราะฉนั้นต้องใช้ความสามารถเฉพาะบุคคลเท่านั้น ซึ้งอาเองก็มีความรู้ทางธรรมน้อยมาก ใคร่อยากจะรบกวนถ้าหลานมีเวลา ช่วงนี้ถ้าไม่ติดสอบ กรุณาเข้ามาในเรือนพญานาคบ่อยๆ น่ะครับ (ขอโทษมาน่ะที่นี้ด้วยครับที่ต้องทนอ่าน ภาษาเขียนเหมือนภาษาพูด เพราะในสมัยเด็กๆ ไม่ชอบการอ่าน ชอบให้คนเล่าข่าวให้ฟัง และใช้ความสามารถบางอย่างในการจดจำ และเรียนรู้ในการใช้ชีวิต มานั่งแล้วนึกขำตัวเองที่จบป.โทมาได้ยังไงภาษาเขียนห่วยมาก) ราตรีสวัสด์ครับ สุดท้ายนี้ขออวยพรให้หลานมีความสุขมาก ๆครับ และเป็นบุคคลที่เป็นที่รักของคุณพ่อ และคุณแม่ เป็นบุคคลที่มวลมนุษย์ชาติต้องการเป็นอย่างยิ่ง
     
  20. watwa-aram

    watwa-aram เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +974
    ..สวัสดีคะพี่ศศิและคุณน้องอภิญญาและพี่น้องทุกท่าน..
    คุณกุ๊กไก่เก่งมากคะ..ผ่านไปแล้วด่านหนึ่ง เอาใจช่วยนะคะ ถ้ายังไงมีข่าวคราว สอบภาค ข. ที่ใดวัชจะ PM ไปบอกนะคะ..ตอนนี้ขรก.เปลี่ยนเป็นระบบแท่ง และเงินเดือนก็จะเปลี่ยนให้แบบเปอร์เซ็นต์คะ และถ้าเข้ามา บอกคุณบัวใต้ ด้วยแล้วกันว่าระบบตัวชี้วัดแบบใหม่มีตัวชี้วัดรายบุคคลด้วยนะคะ..นั่นหมายความว่าทุกคนต้องมีผลงาน..ที่ทำงานวัชตอนนี้ก็แย่งงานกันให้วุ่น 5++
     

แชร์หน้านี้

Loading...