ช่วยแนะนำหน่อยค่ะนั่งสมาธิไม่ได้เลยค่ะ สมาธิไม่นิ่งเลย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย kejungka, 17 กันยายน 2009.

  1. kejungka

    kejungka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +344
    อยากนั่งสมาธิค่ะ แต่นั่งไม่ได้เลยค่ะ มันเหมือนกับสมาธิของเรานั้นยังไม่นิ่งค่ะ คิดมาก สับสน วุ่นวายไปหมดเลยค่ะ ใครมีข้อแนะนำบ้างใครอยากนั่งสมาธิให้ได้ และนิ่งค่ะ ใครแนะนำได้บอกหน่อยน่ะค่ะ รบกวนด้วยน่ะค่ะ

    ;aa32;aa29
     
  2. กายทุจริต

    กายทุจริต สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +3
    โอกาสในแสนโกฎิกัปป์

    อยากให้เข้าใจเรื่องสมาธิ ก่อนที่จะนั่งสมาธิ ก่อนนะครับ

    สมาธิหมายถึง การที่จิตตรึกในอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่ง จนลักษณะของสมาธิหรือการตั้งมั่นปรากฏ
    การตั้งมั่นของจิต ขณะนั้นจิตอาจจะเป็นกุศลหรือ อกุศล ก็ได้ขึ้นอยู่กับสภาพจิตนั้นๆ ในกรณีที่ สภาพจิต เป็นอกุศล การตั้งมั่นดังกล่าว ก็จะกลายเป็นมิจฉาสมาธิ แต่ ในกรณีที่จิตตรึกในอารมณ์ใดแล้วเป็นกุศล จนกระทั่งลักษณะของสมาธิหรือ การตั้งมั่นในอารมณ์ดังกล่าว ปรากฏ ก็จะเป็นสัมมาสมาธิ หรือ สมถภาวนา ผลหรือวิบากที่เกิด จากมิจฉาสมาธิ กับ สัมมาสมาธิ ย่อมมีผล ต่างกัน เนื่องจากมาจากสภาพจิต ที่เป็นกุศล หรือ อกุศลที่ต่างกัน
    กุศลวิบาก ย่อม มาจากกุศลจิต เท่านั้น

    ดังนั้น น่าจะเริ่ม จากการพิจารณา ลักษณะจิตที่เป็นกุศลก่อน นะครับ แต่เนื่องจากลักษณะ จิต ที่เป็นกุศลนั้นเกิดไม่บ่อย และ สั้นมากทำให้ ไม่ปรากฏให้สามารถพิจารณาได้ชัดเจน เหมือนอกุศลจิต
    อย่างเช่น เวลา โกรธ ที่ จิต เป็นอกุศล หรือ โทสะมูลจิต จะมีลักษณะ ขัดเคือง
    หรือ จิต ที่เป็นโลภะมูลจิต ที่มีลักษณะ ติดข้อง
    ซึ่งตามลักษณะของจิต หลังจากที่ เห็น, ได้ยิน, ได้กลิ่น, ลิ้มรส, กระทบสัมผัส แล้ว จิต จะ ต้องเป็นกุศล หรือ อกุศล ตามการสะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอกุศล
    ทำให้บุคคลที่มีปัญญา เห็นโทษ ของอกุศล โดย เฉพาะ โลภะ หรือ การติด จึงตรึกในอารมณ์ ที่ ทำให้กุศลจิต เกิด และเมื่อ กุศลจิต เกิดบ่อยขึ้น จนมีกำลังจากการตรึกในอารมณ์ นั้น ๆ จนลักษณะของ (สัมมา) สมาธิ เกิด จนเจริญ เป็นอุปจาร และ อัปปนาสมาธิ ซึ่งต้องมาจากกุศล จิต เป็นเบื้องต้นเท่านั้น

    ดังนั้น การอยากที่จะนั่งสมาธิ เพื่อ ให้ได้ผล ของสมาธิ ต้องพิจารณา โดยละเอียดว่า เป็น โลภะมูลจิต หรือไม่ ซึ่งผลจากการเจริญ อกุศลจิต ที่มีกำลังจะกลายเป็นมิจฉาสมาธิ ซึ่งไม่ตรงกับสมถภาวนา ที่ควรเจริญ

    แต่อย่างไรก็ตาม น่าจะพิจารณา ว่า การเจริญ (สัมมา) สมาธิ กับ การอบรมเจริญปัญญา (วิปัสสนาภาวนา) ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
    โดยเฉพาะวิปัสสนาภาวนา จะเจริญได้เมื่ออยู่ในกาลที่พุทธศาสนายังคงอยู่เท่านั้น และ ผลของวิปัสสนาภาวนา คือ มรรคผลนิพพาน ส่วนสมถภาวนาสามารถเจริญได้ทั้งกาล ที่ยังอยู่ หรือ ว่างจาก พุทธศาสนาก็ได้ ขึ้นอยู่กับการสะสม ซึ่งการภาวนา ทั้งสองนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยการสะสมและการอบรมเป็นเวลานาน

    และถ้าพิจารณา กาลที่ย้อนไปแสนนาน จนถึงชาตินี้ ท่านและผมที่อ่านข้อความนี้ ก็แสดงว่า ได้เกิดมาอีกครั้ง บางท่านที่ อาจเคยมีปัญญา สามารถเจริญ สมถภาวนา จนได้ฌาณ และอาจได้เกิดในพรหมโลกมาก่อน มาแล้วนานแสนนาน แต่เมื่อได้อ่านข้อความนี้ ก็เห็นได้ว่า ยังต้องกลับมาเป็นอย่างนี้อีก และแม้จะได้สะสมในการเจริญวิปัสสนาภาวนาแต่เนื่องจากมิใช่เรื่องง่ายเลย ก็คงต้องสะสมอบรมต่อไป

    ดังนั้นในช่วงชีวิต ที่ แสนสั้นเมื่อเทียบกับอายุขัย ในกาลอื่น และ ชาติหน้าหรือในช่วงที่พระพุทธศาสนายังคงอยู่ก็ไม่ทราบว่า จะได้เกิดในภพภูมิที่ได้พบพระพุทธศาสนาอีกหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ที่ผลของกรรมและการสะสมทำให้ได้พบกับพระพุทธศาสนาและอยู่ในกาลที่คำสอนยังสามารถหาได้และครบถ้วนสมบูรณ์ (ถึงแม้จะอยู่ในกาลที่เสื่อมลงก็ตาม) โอกาสดังกล่าวนี้ถ้าไม่ได้อบรมเจริญปัญญาตามแนวทางของพระพุทธองค์ แล้วจะไปเสี่ยงรอในโอกาสหน้าหรือ

    อีกครั้งการอบรมเจริญปัญญา หรือ สติปัฐฐานนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ใช่เรื่องจำชื่อ หรือ ท่องชื่อ ไม่ใช่การอบรมในลักษณะที่เป็นตัวตน กำหนดกฏเกณฑ์ ต้องอาศัยความเข้าใจที่เริ่มต้นจากการฟัง จนสติ เริ่มระลึกในสภาพธรรมที่ปรากฎตามความเป็นจริงตามเหตุตามปัจจัย จนเป็นปกติ ซึ่งต้องอาศัยอบรมและใช้เวลาตามกาลสะสมของแต่ละบุคคลที่ผ่านมา

    ดังนั้นโอกาสที่มีได้ในขณะนี้ควรหรือไม่ที่จะเริ่ม ศึกษา และอบรมเจริญปัญญาในแนวทางที่ถูกต้อง จึงขอฝากไว้ให้พิจารณา
     
  3. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449

    จิตใจคุณหม่นหมองกับอกุศลกรรมที่เคยทำมา ยิ่งพอนั่งสมาธิ เจ้ากรรมนายเวรก็เข้ามาแทรกในความคิดทำให้หวนคิดถึงกรรมนั้นๆ ก็ยิ่งทำให้คุณเศร้าหนักเข้าไปอีก ถ้าจะว่าไปก็เหมือนกับ คุณจะเรียน ป.2 ได้อย่างไร ในเมื่อ ป.1 คุณยังสอบไล่ไม่ผ่านเลย ควรจะกลับมาตั้งต้นใหม่ คือ

    - การกรวดน้ำแผ่เมตตาเพื่ออุทิศส่วนกุศลบ่อยๆครั้ง ควรจะทำ และควรจะใช้น้ำจริงๆไม่ใช่กรวดน้ำแห้งๆ เพราะก็มีอยู่ไม่น้อย ที่เจ้ากรรมนายเวร ไม่ได้อยู่ในภพที่จะสามารถโมทนาได้ถ้าคุณเพียงแต่แผ่เมตตาปากเปล่า เพราะความแน่วแน่ยังอ่อนมากๆ

    -ไม่จำเป็นต้องตะเกียกตะกายไปทำบุญเก้าวัดหรือค้นหาพระสุปฏิปันโนแต่อย่างได การที่ใจคุณคิดถึงแต่พระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะด้วยการภาวนา หรือการคิดถึงภาพพระก็ตาม เป็นพุทธานุสติ อานิสงฆ์สูงมาก แม้ว่าจะมีความคิดอื่นแทรกเข้ามาบ้างก็เรื่องธรรมดาของผู้เริ่มต้น ควรอุทิศส่วนกุศลนี้ให้เขาด้วย ทำบ่อยๆเข้า คุณจะถูกรบกวนน้อยลงตามลำดับ

    - ก่อนนั่งสมาธิ การสมาธานพระกรรมฐาน และอาราธนาบารมีพระและครูบาร์อาจารย์มาช่วย เป็นเรื่องที่ดีมากและจำเป็นมาก อย่าลืมและอย่าขี้เกียจ (แม้แต่ตอนที่กำลังตอบคุณนี้ผมก็ขอบารมีพระให้มาช่วยดลใจให้ผมแนะนำคุณอย่างที่ควรจะเป็น อันนี้เรื่องจริง)
     
  4. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ผมจะขอแนะนำเล็กๆน้อยๆลองทำดูนะครับการที่คุณตั้งจิตจะทำสมาธินั้นเป็นการแสดงว่าคุณมีจิตที่ดีแต่เวลาทำสมาธิจิตคุณนั้นไม่นิ่งซึ่งเป็นปกติของจิตครับจะสอดส่ายไปเรื่อยๆตามที่จิตจะจับและยึดเหนียวอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งอาจจะเศร้าหมองหรืออาจจะสุขตามอารมณ์ที่คุณยึดไว้ครับทีนี้คุณลองเปรียนใหม่นะครับก่อนทำสมาธิสวดมนต์แล้วนั่งดูอะไรก็ได้เช่นรูปพระพุทธองค์ไม่ต้องหลับตาภาวนานะครับให้ลืมตาดูรูปพระพุทธเจ้าแล้วภาวนาพุทธโธให้จิตจับที่พระพุทธเจ้าแล้วภาวนาไปเรื่อยๆมุ่งที่องค์พระพุทธเจ้าจนกว่าจิตจะนิ่งเมื่อจิตนิ่งก็หลับตาลงภาวนาอย่าได้ขาดนะครับเมื่อจิตสอดส่ายก็ลืมตาขึ้นจับที่พระพุทธองค์อีกทำสลับกันไปมาจนกว่าจิตจะนิ่งอ้อตอนทำสมาธิทำสบายๆอย่าเกร็งอย่ามุ่งหวังอะไรมุ่งหวังเพียงเพื่อให้จิตนิ่งไว้อย่างเดียวก่อนยังมิต้องใช้ปัญญาในการพิจารณาอะไรทั้งนั้นนะครับ ลองดูครับจิตคุณจะนิ่งขึ้นมากแล้วค่อยโพสมาถามขั้นต่อไปครับ อนุโมทนาสาธุในการตั้งจิตเจริญภาวนาครับ
     
  5. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ผมจะขอแนะนำเล็กๆน้อยๆลองทำดูนะครับการที่คุณตั้งจิตจะทำสมาธินั้นเป็นการแสดงว่าคุณมีจิตที่ดีแต่เวลาทำสมาธิจิตคุณนั้นไม่นิ่งซึ่งเป็นปกติของจิตครับจะสอดส่ายไปเรื่อยๆตามที่จิตจะจับและยึดเหนียวอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งอาจจะเศร้าหมองหรืออาจจะสุขตามอารมณ์ที่คุณยึดไว้ครับทีนี้คุณลองเปรียนใหม่นะครับก่อนทำสมาธิสวดมนต์แล้วนั่งดูอะไรก็ได้เช่นรูปพระพุทธองค์ไม่ต้องหลับตาภาวนานะครับให้ลืมตาดูรูปพระพุทธเจ้าแล้วภาวนาพุทธโธให้จิตจับที่พระพุทธเจ้าแล้วภาวนาไปเรื่อยๆมุ่งที่องค์พระพุทธเจ้าจนกว่าจิตจะนิ่งเมื่อจิตนิ่งก็หลับตาลงภาวนาอย่าได้ขาดนะครับเมื่อจิตสอดส่ายก็ลืมตาขึ้นจับที่พระพุทธองค์อีกทำสลับกันไปมาจนกว่าจิตจะนิ่งอ้อตอนทำสมาธิทำสบายๆอย่าเกร็งอย่ามุ่งหวังอะไรมุ่งหวังเพียงเพื่อให้จิตนิ่งไว้อย่างเดียวก่อนยังมิต้องใช้ปัญญาในการพิจารณาอะไรทั้งนั้นนะครับ ลองดูครับจิตคุณจะนิ่งขึ้นมากแล้วค่อยโพสมาถามขั้นต่อไปครับ อนุโมทนาสาธุในการตั้งจิตเจริญภาวนาครับ
     
  6. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    เวลานั่งสมาธิ ถ้าจิตเราจะคิดอะไรก้ปล่อยเขาไปครับ อย่าไปบังคับให้เขาหยุดโดยเด็ดขาด เพราะถ้าทําอย่างนั้น ยิ่งหยุด เขาจะยิ่งคิดครับ ต้องปล่อยไปเฉยๆคือ จับอยู่ที่ลมหายใจเข้าพุท ออกโธของเราพอครับ ซักวันเขาจะนิ่งเอง ระหว่าที่ปฏิบัติ ถ้าเขาคิดอะไรก็ไม่ต้องไปทุกข์ร้อนกับเค้า คือปล่อยไปเลย อยากคิดคิดไป เราจะจับที่ลมหายใจซักอย่าง ทําไปเเบบนี้ครับ ในอนาคต เค้าจะสงบลงเองครับ เจริญในธรรมครับ จขกท
     
  7. nutchaya14

    nutchaya14 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +18
    อยากลองนั่งสมาธิสายหลวงปู่ทวดดูบ้างมั๊ย ถ้าอยากลองนำไปปฏิบัติเขียนที่อยู่ทิ้งไว้สิ จะส่งหนังสือไปให้ลองฝึกดู ที่กลุ่มเราใช้เล่มนี้ในการปฏิบัติ
     
  8. nong_cm

    nong_cm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    721
    ค่าพลัง:
    +4,975
    เจอปัญหาเช่นเดียวกับคุณkejungka เพราะเริ่มปฏิบัติไม่นานค่ะ คำแนะนำจากทุกท่านจะนำไปปฏิบัติค่ะ ขอให้เจริญในธรรมทุกท่าน อนุโมทนาสาธุ_/\_
     
  9. teerapot

    teerapot สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ให้ดูที่จิต

    ปกติเวลานั่ง จิตมันจะฟุ้งไปตลอดเวลา แต่ในขณะที่จิตมันฟุ้งไปข้างนอกก็ให้เราดูว่ามันฟุ้งไปถึงไหน แล้วก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจ เหมือนกับลูกตุ้มนาฬิกามันจะแกว่งไปมา แล้วซักพักมันจะหยุดนิ่ง พอเราไปแตะมันอีกมันก็แกว่งอีก และมันก็หยุดนิ่งอีก เป็นอย่างนี้เรื่อยไป จำไว้ว่าจิตฟุ้งเป็นเรื่องปกติ ให้กำหนดรู้ไปตลอด จนมันค่อยสงบเอง
     
  10. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ถ้ามันฟุ้งเพราะอย่างอื่นก็ให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ และสิ่งดีงามทั้งหลายที่เคยทำมา สิ่งไหนไม่ดีและรู้ว่าไม่ดีแล้วไม่หวนนึกถึงมัน หัดไม่คิดอะไร หัดไม่จำอะไร ก่อน ถ้ามันฟุ้งเพราะความคิด เอาสติมาจับอยู่กับอะไรสักอย่างลองดูนะครับ พุทโธ หรือ ลมหายใจเข้าออก หรือ ความรู้สึกทางกาย หรือ อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งก็ตามชอบใจ หรือตามถนัด แต่มีข้อแม้ว่าต้องจับให้มั่นในสิ่งที่สติรับรู้อย่าให้เผลอไปคิดหรือไปจับเรื่องอื่นเท่านั้น ทำไปเรื่อยๆ แล้วมันจะรู้ว่าความสงบของตัวเรานั้นมันอยู่ตรงไหน อย่าไปคิดก่อนที่มันจะเป็นด้วย อันนี้ก็สำคัญครับ ผมแนะนำให้ตั้งใจดูลมหายใจไปก่อนครับ ว่ามันเข้าเป็นไงออกเป็นไง แล้วพอได้ในระดับหนึ่งก็ค่อยทำในสิ่งที่สนับสนุนให้จิตสงบมากขึ้น คือ เวลาดูลมหายใจก็ดูให้สติมันรับรู้ต่อเนื่อง ว่ามันเข้า ไม่ใช่เข้าแบบติดๆดับๆ แบบนี้สติยังไม่เกิด คือต้องเห็นการเข้าและออกอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่า พบความสงบได้อย่างแน่นอนครับ
    อนุโมทนาครับ
     
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
  12. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ถ้านั่งสมถะแล้วจิตฟุ้งซ่านบ่อยๆ คุณอาจจะเหมาะกับวิธีนี้ครับ ...

    ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว

    ลองโหลดไปฟังดูครับเป็นแนวทางดูจิต น๊ะครับ อนุโมทนาสาธุครับ
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG]
     
  14. Jeerachai_BK

    Jeerachai_BK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +821
    อาจลองเจริญอารักขกรรมฐานสี่ประการ คือ
    ๑. พุทธานุสสติ การระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
    ช่วยกำจัดความกลัวและความหดหู่ใจ
    ๒. เมตตา การปรารถนาความสุขแก่สัตว์ทั้งปวง
    เพื่อกำจัดพยาบาทและโทสะ
    อานิสงส์ของเมตตาจิต ได้แก่
    - หลับเป็นสุข
    - ตื่นเป็นสุข
    - ไม่ฝันร้าย
    - มนุษย์ทั้งหลายรักใคร่
    - อมนุษย์ทั้งหลายรักใคร่
    - เทวดาทั้งหลายย่อมรักษาผู้นั้น
    - ไฟก็ดี ศัสตราวุธก็ดี ยาพิษก็ดี ไม่อาจกล้ำกรายคนที่เจริญเมตตาจิตนี้ได้
    - ผิวหน้าหรือผิวพรรณย่อมผ่องใส
    - จิตตั้งเป็นสมาธิได้เร็ว
    - เมื่อใกล้ตายเป็นผู้ไม่หลงตาย
    - หากยังไม่สิ้นกิเลส เมื่อตายแล้วไปเกิดในพรหมโลก (หมายถึงบุคคลที่ได้ฌาน)
    ๓. อสุภะ การพิจารณาร่างกายให้เห็นว่าเป็นของไม่งาม
    เป็นตัวกำจัดราคะ
    ๔. มรณัสสติ การระลึกถึงความตายอันจะมีแก่ตนและผู้อื่น
    เป็นอุบายที่รักษาจิตที่ฟุ้งซ่านหรือคิดไปต่างๆ เป็นการป้องกันความมัวเมาหรือความประมาทในการดำเนินชีวิต จะได้รีบเร่งทำความดี

    ที่มา: หนังสือ "การบริหารจิต" โดยพระเทพวิสุทธิกวี
     
  15. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    ไม่ต้องนั่ง ใช้วิธีอ่านหนังสือแทน ตั่งใจอ่าน ก็คือใช้สมาธิเหมือนกัน
     
  16. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เจริญสติระหว่างวัน และเดินจงกรมก่อนนั่ง ทำให้เวลามานั่งสมาธิจะดีขึ้นคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2009
  17. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
  18. สันตติ

    สันตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +219
    ที่ทำสมาธิ ไม่ได้เพราะ ติดที่นิวรณ์ 5 นะครับ
    ลองพิจรณา ดูว่า ติดขัดข้อใด

    1.กามฉันทะ
    2.พยาปาทะ
    3.ถีนมิทธะ
    4.อุทธัจจกุกกุจจะ
    5.วิจิกิจฉา
     
  19. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    welcome3 ได้อ่านคำแนะนำของผู้รู้ทุกๆท่าน คำแนะนำดีๆแบบนี้มีประโยชน์มาก ^___^ ขอบคุณนะคะ
    :z2หนูขอแบ่งปันประสบการณ์ จากการนั่งสมาธิ หากผิดพลาดประการใด หนูต้องขอโทษไว้ณ.ที่นี่ด้วยนะคะ เพราะหนูความรู้แถมขี้เกียจอ่านหนังสือคะ
    ตอนเด็กแรกๆนั่งสมาธิ คิดโน้นคิดนี้ ไม่มีสมาธิเลย เคยขอคำแนะนำใครต่อใคร ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายมาจบที่ ใจคิดว่า ถ้ามันอยากคิดก็ให้คิดไป ใจก็มาหยุดที่ปัญหาและเรื่องราวต่างๆในชีวิต พอคิดๆๆๆๆไป มันก็มีจบเหมือนหนัง พอคิดจบ ก็มาใคร่ครวญว่าปัญหาเกิดจากอะไร เรื่องราวทั้งหมดมีเหตุมีผล พิจารณา ให้ ปลง ในหลักธรรม ก็เจอทางออก สุดท้ายจิตก็มีสมาธิ และยังเกิดปัญญาด้วย สาธุๆ;aa27
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2009
  20. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    สวดมนต์ รักษาศิล ทำจิตให้ปราศจาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง อโหสิกรรมต่าง ๆแผ่เมตตาให้มาก ๆ แล้วหลับตา เจริญสมาธิ ตามลมหายใจเข้า หายใจออก ก็รู้ ภาวนา พุท-โธ หรือ เกิด-ดับ ทำไปเรื่อย ๆ ฝึกให้มาก ๆ เหมือนหัดว่ายน้ำหรือหัดขับรถ ใหม่ ๆ ก็ยังไม่เก่ง ทำไปมาก ๆ ก็เก่งเอง แล้วก็ฝึกวิปัสสนา หรือ ทำวิปัสสนาก่อน แล้วมาทำสมาธิ ทีหลังก็ได้ เมื่อจิตฟุ้งซ๋านก็ทำวิปัสสนา รู้ว่าทุกสรรพสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น รูป-นาม หรือทุก ๆ สิ่ง คิดพิจารณาถึง อริยสัจ 4 , พิจารณา พระไตรลักษณ์ คิดพิจารณาถึง พระนิพพาน ซึ่งเป็นสถานที่บรมสุข เมื่อจิตนิ่ง ๆ ดีแล้ว ก็มาเจริญสมาธิ แล้วก็ทำสลับกันไปมา แต่อย่าลืมเคล็ดลับว่า ต้องมีศิล แล้วศิลต้องไม่ขาด ขณะเจริญ สมาธิ วิปัสสนา สมาธิ กับ วิปัสสนาปัญญา ทำสลับกันไปมาได้ นะครับ ขณะทำสมาธิ มีจิตฟุ้งซ๋านมาก ๆ ก็ให้ แผ่เมตตาในขณะทำสมาธิไปด้วยก็ได้ หรือ รักษาศิลนึกถึงศิล ขณะเจริญสมาธิก็ได้ ไม่ผิดกติกา อย่าไปซีเรียส นะครับ หาที่นั่งให้สบาย ๆ นั่งบนเก้าอี้ หรือ อะไรก็ได้ ไม่ต้องเกร็ง เมือยก็ขยับ ขา แขน บ้างก็ได้ สมาธิ ไม่ได้อยู่ที่ขาหรือแขนตอนเมือย ๆ นะครับ แต่อยู่ที่ใจ ท่านให้ฝึกที่ใจ ไม่ได้ให้ฝึกกาย นะครับ ลองไปทำดูแบบ ง่าย ๆ ทางสายกลาง ๆ นึกถึง มรรค 8 ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ให้จิตจับ พระนิพพาน ไว้มาก ๆ พระพุทธเจ้าสอนให้เราไป พระนิพพาน กันนะครับ นั้นคือ เป้าหมายสูงสุด ของ พระพุทธศาสนา แต่เราส่วนใหญ่ ไม่ค่อยรุ้หรือลืมไปว่า พระพุทธเจ้าสอนให้เรา ไป พระนิพพาน กันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...