ระลึกชาติ!...ลืมชาติ! เรื่องจริงคนจริง ที่... บ้านตะคร้อ อ.ไพศาลี

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย paang, 9 กันยายน 2009.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    ในจำนวนผู้ที่ระลึกชาติได้กว่า ๕๐ ราย ของบ้านตะคร้อ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ บางรายยังสามารถจำอดีตชาติได้ บางรายมีพยานรู้เห็นจำนวนมาก บางรายมีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมสามารถพิสูจน์ได้


    [​IMG] ด.ญ.ญานินท์


    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1044823792492543";/* Kom-newdesign338x280story */google_ad_slot = "7614892621";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>

    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ เท่าที่ทราบมีผู้ที่จำอดีตชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรายล่าสุด คือ ยายเพียร แย้มประดับ ตายไปเมื่อปี ๒๕๓๕ กลับมาเกิดเป็น เด็กหญิงญาณินท์ ศิริมงคล วัย ๔ ขวบ ถึงกับทำให้ลูกหลานของยายเพียรสุดดีใจ ลูกหลานยายเพียรบางคนถึงกับเรียกเด็กหญิงญาณินท์ว่า "แม่" หรือ "ยาย" รวมทั้งรับเด็กหญิงญาณินท์เหมือนญาติคนหนึ่ง

    ส่วนการเก็บข้อมูลในเชิงลึก ๑๔ ราย ของ นายธวัชชัย ขำชะยันจะ ผู้ไล่ล่าหาข้อพิสูจน์ของคนระลึก โดยแต่มีเรื่องราวในอดีตชาติอันเป็นที่สนใจอย่างยิ่ง และเป็นที่ยอมรับของญาติพี่น้องในอดีตชาติอย่างสนิทใจ ทั้งนี้ "คม ชัด ลึก" ขอยกตัวอย่างคนระลึกชาติ ที่โดดเด่น ๓ ท่าน

    รายแรก คือ เรื่องของ นายเทเวศน์ (เท่) เรียบสัมพันธ์ ชื่อเล่น “เอ็ด” วันเดือนปีเกิด ๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๑ มีรอยแผลเป็นตั้งแต่กำเนิด ซึ่งมีแผลเป็นคล้ายรูกระสุนปืนที่ศีรษะด้านหลัง และใต้ราวนมด้านขวา ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : ๑๔๒/๒ หมู่ ๓ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์

    ส่วนในอดีตชาติ ชื่อ-นามสกุล คือ นายศิริ ใจเร็ว ชื่อเล่น “ริ” วันเดือนปีเกิด ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๓ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ๕/๒ หมู่ ๕ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์

    สาเหตุที่เสียชีวิต ถูกฆาตกรรม บาดแผลที่ทำให้เสียชีวิต มีบาดแผลกระสุนปืนที่ศีรษะด้านหลัง และใต้ราวนมด้านขวา สถานที่เสียชีวิต ริมถนน ระหว่างหมู่บ้านตะคร้อ กับหมู่บ้านวังกระโดนน้อย

    การระลึกชาติของนายเทเวศน์นั้น นอกจากจำเพื่อนสนิทได้ จำป้าในอดีตชาติได้ จำต้นกระถินที่ทุ่งนาในอดีตชาติได้ รวมทั้งแสดงความคุ้นเคยกับสถานที่ในอดีต ที่สำคัญคือ เขายังจำชื่อควายที่เคยเลี้ยงได้

    มีครั้งหนึ่ง ญาติในอดีตชาติเคยถามเด็กชายเท่ว่า “จำได้ไหม ว่าควายเรามีชื่ออะไรบ้าง” เด็กชายเท่ตอบว่า “ชื่อไอ้เหลือง ไอ้ม่วง แล้วก็ไอ้สมชาย” เด็กชายเท่สามารถบอกชื่อควายทั้ง ๓ ตัว ทั้งๆ ได้ขายควายทั้ง ๓ ตัวนั้นไปนานแล้ว
    ในขณะที่ความผูกพันกับพ่อแม่ในอดีตชาติของเขา มีมาตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรก จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งความผูกพันที่เขามีให้กับพ่อแม่ในอดีตชาตินั้น บางครั้งก็ทำให้พ่อแม่ในปัจจุบันชาติรู้สึกน้อยใจอยู่เหมือนกัน

    เมื่อก่อน เวลาที่นายเทเวศน์คิดถึงเรื่องราวในอดีตชาติ ภาพความทรงจำจะผุดขึ้นมาเหมือนกับว่าเหตุการณ์นั้นเพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่ปัจจุบันนี้ ภาพความทรงจำในอดีตชาติของเขา ได้ลบเลือนไปเกือบหมดแล้ว ยังเหลือก็แต่รอยแผลเป็นที่บริเวณศีรษะด้านหลัง และใต้ราวนมด้านขวา ที่ติดตัวของเขามาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งยังคงปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน


    [​IMG]
    นางสุรางคนา วันที

    รายที่ ๒ คือ นางสุรางคนา วันที ชื่อเล่น “ส้ม” วันเดือนปีเกิด ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๔ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ๗๐/๑๔ หมู่ ๑ ต.โคกเดื่อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ อดีตชาติ ชื่อ-นามสกุล “ฟ้าแตง” ไม่มีที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พี่น้องร่วมบิดามารดา (เธอบอกว่าเธอมีน้องชายอีก ๑ คน ไม่ทราบชื่อ) วันเดือนปีที่เสียชีวิต เมื่อประมาณกว่า ๑,๐๐๐ ปีที่แล้ว สาเหตุที่เสียชีวิต ประสบอุบัติเหตุเรือล่มกลางลำน้ำใหญ่ บริเวณสำนักสงฆ์คลองมะม่วงเตี้ย ในปัจจุบัน
    เรื่องราวการจำอดีตชาติของนางสุรางคนา เกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในหมู่บ้านตะคร้อ เธอจำอดีตชาติได้ว่า เคยมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ ๑,๐๐๐ ปีที่แล้ว พอประมวลความได้ว่า ชาติก่อนเธอมีชื่อว่า “ฟ้าแตง” พ่อของเธอชื่อ “โกสีย์” แม่ของเธอชื่อ “นวลจันทร์” เธอมีน้องชายด้วย ๑ คน (ไม่บอกชื่อ)

    ในอดีตชาติ ครอบครัวของเธอพร้อมทั้งข้าทาสบริวาร กำลังจะล่องเรือไปยังเมืองศรีเทพ ระหว่างทาง เรือได้ชนกับโขดหินที่อยู่ใต้น้ำ ทำให้เรือล่ม ทุกคนที่อยู่บนเรือเสียชีวิตทั้งหมด เรือได้จมลงก้นแม่น้ำ พร้อมทรัพย์สมบัติที่บรรทุกมาในเรือด้วย

    เธอบอกว่า แต่ก่อนบริเวณต้นมะม่วงต้นนั้น เป็นลำน้ำกว้างใหญ่ มีน้ำไหลเชี่ยว หลังจากที่เธอและครอบครัวเสียชีวิต วิญญาณของพวกเธอก็ได้สิงสถิตอยู่ที่ซากเรือนั้น มานานหลายร้อยปี

    ต่อมาลำน้ำบริเวณนั้นตื้นเขินขึ้น ก็ได้มีต้นมะม่วงเกิดขึ้นมา ซึ่งเกิดจากลูกมะม่วงที่พวกเธอเคยใช้เป็นเสบียงอาหารระหว่างเดินทางในครั้งนั้นนั่นเอง ตอนนั้นวิญญาณของเธอ และครอบครัวได้สิงสถิตอยู่ที่ต้นมะม่วงต้นนั้น ต่อมาอีกหลายร้อยปี ต่อมาพ่อของเธอได้จุติไปเกิดก่อน จึงเหลือแต่เธอน้องชายและแม่ของเธอ ที่ยังเป็นวิญญาณสิงสถิตอยู่ที่ต้นมะม่วงต้นนั้น

    ในช่วงเวลา ๕๐ ปี ที่ผ่านมา มีผู้คนหลายกลุ่มพยายามจะขุดหาสมบัติ ที่เล่าขานกันมานานว่า เป็นสมบัติที่บรรทุกมากับเรือของฟ้าแตง และครอบครัว บริเวณรอบๆ ต้นมะม่วงต้นนี้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องมีอันเป็นไป

    แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ต้นมะม่วงต้นนั้นได้ยืนต้นตายไปเสียแล้ว เมื่อต้นปี ๒๕๔๘ เนื่องจากมีคนนำรถแม็คโครมาขุดดินบริเวณโคนต้นมะม่วงต้นนั้น ทำให้ต้นมะม่วงพันปีต้นนั้น ยืนต้นตายไปอย่างน่าเสียดาย

    ชาวบ้านลือกันว่า ผู้ที่มีส่วนรู้เห็น คือ คนที่นำรถแม็คโครไปขุดนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และเจ้าสำนักสงฆ์คลองมะม่วงเตี้ย ก็มรณภาพ หลังจากต้นมะม่วงต้นนั้นตายได้ไม่นาน

    อย่างไรก็ตาม นางบุญนาค แสนดี ซึ่งเป็นแม่ของนางสุรางคนา เมื่อเริ่มแน่ใจว่า เด็กหญิงสุรางคนาน่าจะจำอดีตชาติได้ นางบุญนาค ก็เกิดความกลัวว่า บุตรสาวจะอายุสั้น กลัวว่าแม่ในอดีตชาติจะมาเอาชีวิตลูกคืน และไม่อยากให้บุตรสาวพูดถึงเรื่องราวในอดีตชาติอีก จึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เด็กหญิงสุรางคนา ลืมเรื่องราวในอดีตชาติ โดยให้กินไข่บ้าง ทำให้ผวาตกใจบ้าง
    แต่เด็กหญิงสุรางคนาในขณะนั้น ยังคงพูดถึงเรื่องราวในอดีตชาติของเธออีกหลายครั้ง ข่าวการจำอดีตชาติได้ของเด็กหญิงสุรางคนา ได้แพร่ออกไป และมีนักข่าวหนังสือพิมพ์มาติดต่อขอสัมภาษณ์ แต่นางบุญนาคไม่ยอมให้สัมภาษณ์ และพาบุตรสาวหนีนักข่าว ไม่ยอมให้นักข่าวได้พบ

    [​IMG]
    ยายเพียร​

    ส่วนรายที่ ๓ เป็นกรณีคู่ผัวเมียในอดีตชาติ เกิดมาเป็นแฝดชายหญิงในชาติปัจจุบัน คือ นายหนอง-นางอำนวย นาคตระกูล (คู่แฝดชายหญิง) นายหนอง (จอน)-นางอำนวย (คู่แฝดชายหญิง) บุตรของ นายอ้น-นางหนู นาคตระกูล (อ้างว่าในชาติก่อนเคยเป็นสามีภรรยากัน) นางหนู นาคตระกูล (แม่) เล่าให้ฟังว่า นายจอน นาคตระกูล ก็จำอดีตชาติได้เช่นเดียวกัน

    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่ทั้งสองยังเป็นเด็ก เธอแอบได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องราวในอดีตชาติ โดยใช้คำเรียกกันและกันว่า “แก..ข้า” เหมือนกับที่สามีภรรยาใช้เรียกกัน นางหนู ถามนายจอนว่า “หนูเป็นใครมาเกิดลูก” นายจอนตอบว่า “ผมชื่อเหม็ง อีนาง (นางอำนวย) ชื่อขำ เป็นผัวเมียกัน อยู่ที่หมู่บ้านโคกมะขวิด ชาติก่อนผมขี่ม้าเลี้ยงวัว ผมมีวัวฝูงใหญ่ แต่ถูกโจรปล้น พวกมันยิงผมกับอีนางตาย ผมก็จูงมืออีนางวิ่งหนีมาทางนี้ พอดีมาเจอแม่ เลยมาเกิดกับแม่นี่แหละ”

    ตอนนั้นเธอกับนายอ้นสามี เคยไปสอบถามชาวบ้านที่หมู่บ้านโคกมะขวิด แถวสี่แยกไดตาล ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านตะคร้อประมาณ ๓๐ กิโลเมตร
    คนในหมู่บ้านบอกว่า เมื่อก่อนเคยมีคนชื่อนายเหม็งและนางขำอยู่จริง ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน เป็นคนที่มีฐานะดี มีวัวอยู่หลายตัว แต่ไม่มีลูกหลาน ต่อมาพวกเขาถูกโจรปล้น และถูกฆ่าตายอย่างอนาถ

    ขณะเดียวกัน นายอ้นผู้เป็นพ่อของฝาแฝดทั้งสอง เล่าให้ฟังว่า นายจอนมีความชำนาญเรื่องวัวมากเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยสอน ตนเองก็ไม่ค่อยชำนาญในเรื่องนี้นัก


    [​IMG]
    ครอบครัวใหม่ และครอบครัวเก่า ของ ด.ญ.ญานินท์


    มีครั้งหนึ่ง ตนถูกวัวขวิดจนปางตาย ยังดีที่นายจอนมาช่วยไว้ทัน นายจอนกับนางอำนวยเป็นพี่น้องที่ไม่เคยทะเลาะกันเลย นายจอนจะเป็นห่วงนางอำนวยมาก เวลาที่ต้องอยู่ห่างไกลกันก็จะพกภาพถ่ายของนางอำนวยไปด้วย ปัจจุบันนายจอนมีภรรยาแล้วและมีบุตรด้วยกัน ๑ คน

    หลากวิธีทำให้เด็กลืมอดีตชาติ

    จากความเชื่อเกี่ยวกับการเสียชีวิตก่อนสิ้นอายุขัย หรือ สิ้นกรรมนี้เอง ที่ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่ของผู้ที่จำอดีตชาติได้ ชาวพุทธส่วนใหญ่กลัวว่า เด็กที่จำอดีตชาติได้จะอายุสั้น จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้พวกเขาลืมอดีตชาติให้ได้โดยเร็ว
    ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกของครอบครัวพ่อแม่ของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่รู้สึกดีใจ ที่บุคคลซึ่งพวกเขาเคยคิดว่าได้พลัดพรากจากกันไปอย่างไม่มีวันกลับ ได้สืบชาติมาเกิดอีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจจะบรรยายได้

    อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีบางรายที่พ่อแม่ในปัจจุบันชาติ และครอบครัวพ่อแม่ของผู้ที่เสียชีวิตในอดีตชาติ ร่วมใจกันพยายามทำให้เด็กลืมอดีตชาติ เพราะเด็กพูดถึงความทรงจำในอดีตชาติที่เกี่ยวกับการฆาตกรรม การที่เคยกระทำผิดศีลธรรม หรือเคยกระทำผิดกฎหมายในอดีตชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เด็กพูดถึงมันอีก

    ในหมู่บ้านตะคร้อ มีวิธีการที่จะทำให้เด็กลืมอดีตชาติได้อยู่หลายวิธี เช่น วิธีการโยนกระด้ง การให้เด็กกินไข่ พาลอดไต้บันไดบ้าน จับหมุนทำให้เวียนศีรษะ ทำให้ตกใจ ให้คนทรงทำพิธีให้ เป็นต้น

    แต่จากข้อมูลที่ได้ ดูเหมือนว่า จะไม่ค่อยได้ผลนัก ส่วนใหญ่เด็กจะเริ่มหยุดพูด และหยุดแสดงออกถึงอดีตชาติไปเองเสียมากกว่า แต่ก็ใช่ว่า จะไม่มีเหตุมีผลเสียเลยทีเดียว เพราะมีบางกรณีที่คนที่เสียชีวิตไปแล้วมาเข้าฝัน และเป็นฝ่ายบอกเองว่า อย่าเพิ่งให้เด็กคือตัวเขาที่จะเกิดมากินไข่ เพราะจะทำให้ตัวเขาลืมความทรงจำในอดีตชาติ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความเชื่อว่า การให้เด็กกินไข่มากๆ จะทำเด็กลืมความทรงจำในอดีตชาติ

    สำหรับ วิธีการโยนกระด้ง ในหมู่บ้านตะคร้อนั้น เป็นวิธีการที่ใช้ในสมัยก่อน เมื่อครั้งที่ยังต้องใช้หมอตำแยในการทำคลอดอยู่ มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะทำให้เด็กตกใจ และลืมอดีตชาติเสียตั้งแต่ยังเป็นทารก จะกระทำกันเมื่อเด็กคลอดออกมาแล้ว ได้ตัดสายสะดือ และทำความสะอาดร่างกายของเด็กเรียบร้อยแล้ว
    หมอตำแย หรือญาติๆ จะยกเด็กขึ้นด้วยสองมือ และยื่นออกจากตัวไปในแนวนอน ลักษณะตั้งฉากกับหน้าอก แล้วให้ญาติๆ นำกระด้งขนาดใหญ่มาคอยรองรับเด็กที่ด้านล่าง โดยจะยกเด็กให้สูงกว่ากระด้งที่รองรับพอสมควร แล้วก็จะโยกมือที่อุ้มเด็กวนไปรอบๆ กระด้งที่รองอยู่สามรอบพร้อมกับพูดไปด้วยว่า “สามวันลูกผี...สี่วันลูกคนนะ” ก่อนที่จะปล่อยมือให้เด็กตกลงมายังกระด้งที่รองรับอยู่ด้านล่าง

    เมื่อเด็กตกลงมาในสภาพไร้น้ำหนัก ก็จะมีอาการผวาตกใจ และร้องไห้ เป็นอันเสร็จสิ้นวิธีการ แต่ในปัจจุบันนี้ แม่ของเด็กส่วนใหญ่จะไปฝากท้อง และไปคลอดบุตรที่สถานีอนามัย หรือที่โรงพยาบาล ทำให้วิธีการโยนกระด้ง เพื่อทำให้เด็กลืมอดีตชาติ กำลังจะเลือนหายไป



    ที่มา คมชัดลึก
     
  2. Jurassic_Park

    Jurassic_Park เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +288
    การเวียนว่ายตายเกิด มันช่างน่ากลัวจริงๆนะครับ ผมสมมุติเล่นๆนะครับ

    ถ้าชาตินี้เราเรียนจบปริญญาเอก แล้วตายไปเกิดเป็นเด็กยากจน ไม่มีเงินเรียนหนังสือ
    แล้วเด็กคนนั้น ดันระลึกชาติได้ว่า ชาติที่แล้วฉันเเรียนจบปริญญาเอกมานะ
    มันจะขมขื่นและทรมานใจขนาดไหน

    การระลึกชาติ บางครั้งก็ไม่ดี เพราะบางเรื่อง เราไม่ควรรู้ซะเลยดีกว่าครับ
    เพราะในอดีตชาติ เราอาจจะทำความเลวไว้มากก็ได้ ลืมๆมันไปดีกว่าครับ
    หรือเราอาจจะสุขสบายแบบสุดๆ แล้วต้องมาเกิดยากจน แบบนี้ไม่รู้ซะเลยดีกว่าครับ
     
  3. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    เปนกรณี ศึกษาสำหรับคนที่ไม่เชื่อเรื่องการเวียว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร

    แต่คนมันจะไม่เชื่อมันก้ไม่เชื่อ


    ขอบคุรที่นำมาให้ศึกษา

    โมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  4. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    โมทนาสาธุบุญ


    ปัจจุบันเป็นเหตุ...อนาคตเป็นผล

    เรื่องที่เกิดในอดีต มันหมดแล้วกับไปแก้ไขมันไม่ได้ ทำเหตุให้ดี อย่างมี " สติ " ....ผลดีก็ย่อมตามมา


    โยนิโส มนสิการ....สติสัมปชัญญะ
     
  5. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    อนุโมทนา สาธุ เป็นไปตามคำพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่าคนเราต้องเวียนว่ายตายเกิด เกิดครั้งใดก็เป็นทุกข์ ทุกคราวไป นอกจาก ฝึกปฏิบัติจนเข้าถึงซึ่ง พระนิพพาน จึงไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก
     
  6. คนบรรพต

    คนบรรพต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +4,456
    ขออนุโมทนาด้วยครับ

    ชาตินี้สะสมบุญบารมีไว้มาก ๆ ครับ ถ้ายังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด โอกาสกลับมาเกิดใหม่มีแน่นอนครับ
     
  7. ทรายสวย

    ทรายสวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +231
    ขออนุโมทนาด้วยนะคะ เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดค่ะ
     
  8. kriengkripob

    kriengkripob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,326
    ค่าพลัง:
    +2,048
    อนุโมทนา เมื่ออ่านเรื่องนี้จะเป็นเครื่องเตือนสติไว้ว่า ชีวิตหลังความตายมีจริงและมีแต่กรรมเท่านั้นที่ตามเราไปตลอดทุกภพทุกชาติ/อย่าประมาท หมั่นสร้างกรรมดีติดตัวไว้ สาธุ สาธุ
     
  9. โฮม

    โฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +282
    ชาติไหนก็ไม่สำคัญ แต่ชาติปัจจุบันคุณทำดีหรือยัง ครับ อย่าไปยึดติดมันเลย

    อนุโมทนา สาธุ
     
  10. ต้นไทร

    ต้นไทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +666
    ขอบคุณ ครับ
     
  11. shesun

    shesun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +1,327
    ขอบคุณสำหรับบทความที่น่าสนใจค่ะ....
     
  12. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,105
    ค่าพลัง:
    +2,696
    ผมว่าดีนะถ้าอดีตเคยได้เรียนสูงๆมาก่อน ผมว่าชาติต่อไปจะได้ไม่ต้องมานั่งตั้งหน้าตั้งตาเรียนซ้ำไปซ้ำมากันอีกที
     
  13. ratercracker

    ratercracker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +729
    แหล่งรวบรวมข้อมูลการศึกษาค้นคว้าวิจัย จิตวิญญาณ ชีวิตหลังความตาย และการเกิดใหม่ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศทั่วโลก
    (ภาคภาษาไทย)
    ลองไปที่นี่นะครับ ข้อมูลเพียบครับ
    มีพยาน หลักฐาน เกือบทุกกรณีครับ

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสเองว่า หากเอาของมีคมแทงลงไปในดินแล้ว จะไม่มีพื้นที่ไหนในโลกนี้ที่ไม่เคยเป็นหลุมฝังศพคนมาก่อน ท่านตรัสกับพระอานนท์ว่า ภูเขาที่อานนท์เห็นอยู่เบื้องหน้านั้นก็ยังเล็กกว่ากองกระดูกของคนหนึ่งคนที่ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย อย่างนับครั้งไม่ถ้วน <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  14. Nijaree

    Nijaree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +172
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ บางครั้งไม่ขอรับรู้เรื่องราวในอดีตชาติเลยก็ดีค่ะ
     
  15. rungie

    rungie สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    หมู่บ้านเดียว มีคนจำอดีตชาติได้มากกว่า 40 คน เรื่องจริงไม่น่าจริง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว พ.ศ. 2541 ผมมีคำถามในใจว่า ศาสนาพุทธที่เรานับถือกันอยู่ทุกวันนี้ สอนในสิ่งที่เป็นความจริงแค่ไหน พวกเราถูกพ่อแม่ปลูกฝังจนเราคล้อยตามโดยไม่มีเหตุผลหรือเปล่า

    ผมกลัวว่าจะเป็นเหมือนลูกหลานของศาสนาอื่นๆ ที่พ่อแม่และสังคมของเขาบังคับว่าต้องนับถือศาสนานั้นๆ ถ้าไม่นับถือก็อยู่ร่วมชายคากันไม่ได้ อยู่ในหมู่บ้านไม่ได้ ก็เลยต้องเชื่อและนับถือศาสนานั้นๆสืบต่อๆกันไป แบบจำยอม

    ด้วยความคิดนี้ผมก็เลยเอาตัวเองออกมาจากศาสนาพุทธเสียก่อน เพราะตอนนั้นผมก็เป็นเพียงชาวพุทธตามทะเบียนบ้าน เขาว่ามาก็ว่าไป ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร
    เมื่อเอาตัวเองออกมา โดยมีความตั้งใจว่าเราจะศึกษาศาสนาทุกศาสนาที่ยังมีคนเชื่อถืออยู่ในปัจจุบันนี้

    ถ้าศาสนาไหนสอนถูกต้อง แบบว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ หรือเราพิสูจน์ได้ ก็จะนับถือศาสนานั้น เรียกว่าเปิดตัวเองเต็มที่ ไม่ยอมยึดติด ไม่ยอมให้พ่อแม่ สังคม หรือใครมาครอบงำความคิดได้

    ก็มาศึกษาทุกศาสนาอย่างจริงจังจากหนังสือ ตำรา คัมภีร์ต่างๆ ทั้งไบเบิล อัลกุรอ่าน พระไตรปิฎก ศาสนาเปรียบเทียบ และลัทธิความเชื่ออื่นๆอีกมาก ตอนนั้นเรียกได้ว่าแทบจะกินนอนอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติท่าวาสุกรีเลยทีเดียว

    เมื่อศึกษาไปก็พบความแตกต่างว่า มีบางศาสนาสอนเรื่องการเกิดใหม่และการเวียนว่ายตายเกิด เช่น ศาสนาพุทธ ศาสนาพราหมณ์(ฮินดู) มีบางศาสนาสอนว่าจะมีการเกิดอีกเพียงครั้งเดียวในวันพิพากษา เช่น ศาสนาฮีบรู(ยูดาย,ยิว) ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และมีบางศาสนาบางลัทธิความเชื่อก็ไม่พูดถึงชีวิตหลังความตายหรือการเกิดใหม่เลย เช่น ลัทธิขงจื้อ เป็นต้น

    ตอนนั้นผมมีความคิดว่าถ้าเราพิสูจน์ได้ว่าการเกิดใหม่มีจริง การเวียนว่ายตายเกิดหลายๆครั้งได้มีจริง เราก็ตีวงในการพิจารณาได้ว่า ควรจะนับถือศาสนาใด ดี หรือว่าไม่ควรนับถือศาสนาใดๆเลย

    สาเหตุที่คิดว่าจะยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพิสูจน์ก็เพราะเมื่อตอนที่ผมอายุได้ประมาณ 10 ขวบ เคยมีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 2 ขวบ มาอ้างว่าตัวเขาเป็นน้าของผมที่ถูกยิงตายมาเกิดใหม่ เขามีรอยแผลเป็นที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด 2 แห่ง ซึ่งตรงกันกับตำแหน่งและลักษณะรอยแผลที่น้าผมถูกยิง

    ตอนแรกพวกเรา(ฝั่งอดีตชาติ) ไม่เชื่อและก็ทำการพิสูจน์เด็กต่างๆนานาเท่าที่จะคิดขึ้นมาได้ เรียกว่าคัดเอาแต่เรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ ญาติพี่น้อง หรือสิ่งของที่พ่อแม่เด็กหรือใครก็ไม่อาจรู้ได้ งัดเอามาพิสูจน์ เด็กก็พูดและแสดงออกให้เห็นว่าเขาคือน้าของผมสืบชาติมาเกิดจริงๆ พวกเราจำนนต่อคำพูดและสิ่งต่างๆที่เขาแสดงออกมา เด็กชายวัย 2 ขวบคนนั้นสามารถทำให้พวกเราเชื่อได้สนิทใจโดยไม่มีข้อกังขาว่าเขาคือน้าของผมสืบชาติมาเกิดใหม่จริงๆ

    ตอนนั้นผมเริ่มมีความโน้มเอียงมาทางศาสนาที่เชื่อเรื่องการเกิดใหม่และการเวียนว่ายตายเกิด เนื่องจากผมเองเคยได้ร่วมพิสูจน์เด็กชายวัย 2 ขวบคนนั้นด้วยตัวเองมาก่อนแล้ว จึงยากที่ผมจะปฏิเสธเรื่องนี้

    แต่เพื่อความมั่นใจผมจึงเริ่มค้นหาผลการศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการเกิดใหม่ การระลึกชาติได้ การจำอดีตชาติได้ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ มีเวลาก็เข้าไปฟังการบรรยายของชมรมต่างๆ เช่น ชมรมกฏแห่งกรรม(ที่ราชนาวีสโมสร) ชมรมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย(ที่โรงแรมรอยัลฯสนามหลวง) และอีกหลายชมรม หลายวัดทั้งที่สอนอภิธรรมทั้งที่สอนวิชาสารพัด มีหลายคนที่รู้จริง เป็นของจริง แต่ก็มีไม่น้อยที่หลุดโลก

    เมื่อได้ข้อมูลมากพอสมควรในระดับหนึ่งแล้วผมตัดสินใจ ลงภาคสนาม โดยตั้งใจจะไปสอบถามรายละเอียด สอบพยานแวดล้อม และพยานบุคคลที่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เอาให้ชัดๆไปเลย ตอนนั้นตั้งใจว่าจะไปสอบถามเรื่องของเด็กที่มาอ้างว่าเป็นน้าของผมมาเกิดใหม่อีกครั้ง ผมกลับไปยังบ้านเกิดที่บ้านตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ แต่ไม่พบเด็กคนนั้นแล้วเพราะตัวเขาและครอบครัวพากันย้ายไปทำงานอยู่ที่พัทยากันหมดแล้ว นานๆงานบุญหรือเทศกาลจึงจะกลับมาบ้านสักครั้ง

    เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวผมจึงถามแม่ของผมเองว่ามีใครในหมู่บ้านเราที่ระลึกชาติได้บ้าง แม่ผมก็บอกว่ามีอยู่รายหนึ่งระลึกชาติได้และบอกว่าเป็นใครมาเกิด ผมก็ไปยังบ้านที่แม่ผมบอก นั่นเป็นรายแรก ก็สอบถามไปจนพบตัวเด็กที่เขาบอกว่าระลึกชาติได้ เมื่อสอบถามสัมภาษณ์เรื่องราวของเด็กคนนั้น สอบถามญาติที่เป็นพยานรู้เห็น ก็จะมีคนในหมู่ญาติๆพี่น้องที่ผมไปสอบถามได้บอกว่ายังมีเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ระลึกชาติได้รายอื่นอีก เมื่อผมไปสอบถามรายอื่นอีกก็จะได้เบาะแสเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    เท่าที่ผมรวบรวมได้ เฉพาะในหมู่บ้านตะคร้อ มีผู้ที่ระลึกชาติได้มากกว่า 40 คน มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ตอนนั้นผมสนใจที่จะสอบถามสัมภาษณ์เฉพาะเด็กที่ยังจำอดีตชาติได้และรายที่มีพยานยืนยันชัดเจน คือ ขณะที่ไปสอบถามเขาก็ยังระลึกชาติได้ หรือมีพยานรู้เห็น และพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องยังมีชีวิตอยู่ ก่อน

    ตอนนั้นผมต้องเดินทางไปกลับระหว่างบ้านที่กรุงเทพฯกับบ้านเกิดหลายครั้งจนกระทั่งได้ข้อมูลครบถ้วนพอสมควร ผมสอบถามสัมภาษณ์ข้อมูลจากผู้ที่ระลึกชาติได้จำนวน 16 ราย และมีพยานบุคคลมากกว่า 100 คน

    ซึ่งจากการศึกษาหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้นับตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปัจจุบันนี้ เป็นเวลากว่า 10 ปี ผมมีคำตอบในเรื่องนี้ให้กับตัวเองชัดเจนแล้ว และผมได้เลือกแล้วว่าผมควรจะนับถือ เชื่อถือ และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของศาสนาใด

    ท่านสามารถอ่านเรื่องราวโดยละเอียดของผู้ที่จำอดีตชาติได้ทั้ง 16 รายได้

    http://www.se-ed.com/eshop/Products/image.axd?picture=9789749476949L.gif&Type=Large<o:p></o:p>



    แล้วท่านจะได้รู้ว่าเพราะเหตุใดผมจึงนอบน้อมในธรรมะของพระพุทธเจ้า อย่างเต็มเปี่ยม และบอกกับตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า ผมเป็น พุทธศาสนิกชน อย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นพุทธ เพราะถูกบังคับ ถูกครอบงำ ถูกปลูกฝัง หรือเป็นพุทธตามบัตรประชาชน ตามสำเนาทะเบียนบ้าน อย่างที่หลายๆคนกำลังเป็นกัน <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ธวัชชัย ขำชะยันจะ<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...