ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ท่ากายบริหาร อันเกิดจากเข่าเคลื่อน เอียงออก (ขาแป)
    เรียกว่าท่ากล่อมลูก
    ต้องยกด้านฝ่าเท้าให้สูงกว่าเช่าเล็กน้อย หรืออย่างน้อยให้เสมอเข่า
    แล้วแกว่างขาที่อุ้มไว้ ซ้ายขวา ให้ช่วงแก่วกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 00.jpg
      00.jpg
      ขนาดไฟล์:
      412.5 KB
      เปิดดู:
      87
    • 1.JPG
      1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.9 MB
      เปิดดู:
      59
    • 2.JPG
      2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      66
    • 3.JPG
      3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      67
    • 4.JPG
      4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.8 MB
      เปิดดู:
      63
    • 5.JPG
      5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      68
  2. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ท่ากายบริหาร อันเกิดจากเข่าเคลื่อน เอียงเข้า (ขาโก่ง)
    เรียกท่านี้ง่ายๆว่าท่า กอดเข่า ก็แล้วกัน

    สาวเจ้าบางคนว่าเป็น ท่าน้ำตาเช็ดหัวเข่า นะ
    เพราะตอนกอดเข่าเข้าแนบอกนะ มานเจ็บจนน้ำตาแทบทะลัก(คนที่ขาโก่งแล้ว)

    มีทริกนิดหน่อย ฝ่าเท้า ด้านที่ชันเข่าขึ้น ต้องแนบติดพื้นทั้งฝ่าเท้า
    กอดเข่าให้แนบออก และยืดตัวตรง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 21.JPG
      21.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      86
    • 22.JPG
      22.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      81
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2009
  3. natcha_pra

    natcha_pra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +9
    ปรึกษาเรื่องปวดเข่าซ้ายค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณสุวิ

    ดิฉันมีนิสัยส่วนตัวชอบนั่งพับเข่า ซึ่งจะนั่งพับเข่าสลับซ้ายขวาเวลาทำงานหน้าคอม แม้ขณะนอนก็จะนอนพับเข่าค่ะ แต่ดิฉันไม่แน่ใจว่าปวดที่ข้อสะโพกมาก่อนหรือไม่ แต่อาการที่จำได้อย่างชัดเจนว่าอาการเริ่มแรกปวดขัดที่น่องด้านหลังเวลานั่งยอง ซึ่งพอขยับนิดหน่อยก็ดีขึ้น และเวลานั่งชันเข่าแล้วเอาขาซ้ายทับขาขวา (เหมือนนั่งพับเพียบ) จะรู้สึกขัด ๆ ที่เส้นน่องด้านข้าง และมีอาการหัวเข่าเย็นข้างในเวลาอากาศเย็นหรือฝนตก นี่คืออาการที่จำได้แม่นตั้งแต่ตอนแรกค่ะ ปัจจุบันนี้เมื่อประมาณ 3 อาทิตย์ที่ผ่านมารู้สึกขัดที่ก้นและสะโพกเช่นกันซึ่งเป็น 2 ครั้ง (ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย)เวลาเอี้ยวตัวถึงขั้นปวดตั้งแต่สะโพกลงไปถึงเท้าจนต้องค้างไว้ถึงจะหาย แต่ตอนนี้อาการนี้ก็ไม่ปรากฎแล้วค่ะ อาการที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือเวลาพับเข่าเข้าเกือบสุด เหมือนเข่ามันเป่ง ๆ จะแตกและเหมือนกระดูกมันจะทิ่มออกมาและเจ็บหน้าเข่า ก็เลยทำให้พับเข่าได้ไม่สุด และเวลาชันเข่าเอี้ยวตัวไปทางขวาจะเจ็บ ๆ ขัด ๆ เคยให้คุณหมอปัจจุบันตรวจ หมอให้นอนลาบกับเตียง จากนั้นแกยกเข่าตั้งขึ้น 45 องศาแล้วบิดเข่าโดยบิดเข้าหาตัวไม่เจ็บ แต่พอบิดออกแล้วเจ็บ ก็คือเจ็บที่เข่าข้างด้านนอกค่ะ รู้สึกเหมือนกันว่าเวลาเดินเหมือนเข่าลอย และเหมือนเอียงๆ แต่ดูกระจกก็ไม่เอียงแต่รู้สึกค่ะ

    แต่ว่าได้ลองส่งกระจกดูแล้ว เหมือนเข่าจะบวมนิด ๆ แต่ยังดูไม่ออกว่าเข่าเคลื่อนเอียงออก หรือเอียงเข้าค่ะ ดังนั้นรูปที่คุณสุวิส่งให้มาเลยไม่แน่ใจว่าจะใช้ท่าไหนดี และพับเข่าไม่ได้ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

    ปล.ขออนุญาตสอบถามตามตรงค่ะว่าคุณสุวิสามารถจัดเข่าได้หรือไม่ค่ะ หรือถ้าไม่ได้พอจะแนะนำหมอที่มีความสามารถทางด้านจัดเข่าได้ไหมค่ะ ที่ต้องขอเรียนตามตรงเพราะก่อนหน้านี้โดนหมอชาวบ้านหลอก ซึ่งจริง ๆ แล้วเข่าไม่เป็นขนาดนี้ แต่พอไปเขี่ยเส้นกับหมอชาวบ้านทำให้อาการแย่มาก ๆ ค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะค่ะที่ต้องถามตรง ๆ แบบนี้ค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2009
  4. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    อาการเจ็บขัดที่สะโพก(สลักเพชร) จะมีแนวโน้มทำให้เกิดอาการขาโก่ง
    สังเกตุหัวเข่าสองข้างเวลายืนตรง หัวเข่า จะห่างกันบีบเข้าหากันไม่ได้
    ก่อนขาจะเริ่มโก่งออก จะเจ็บเข่า ด้านใน

    และอาการเจ็บขัดที่สะโพกส่วนบนใกล้กระเบนเหน็บ จะมีแนวโน้มให้เกิดอาการขาแป
    สังเกตุ เวลายืนตรง หัวเข่าสองข้างจะบีบชิดกันมาก
    และก่อนที่ขาจะเริ่มแปออก จะเจ็บเข่าด้านนอก

    เข่าเคลื่อนทั้งสองแบบ ล้วนทำให้ลูกสะบ้าเคลื่อนตาม ทำให้เจ็บเสียวลึกๆในเข่า
    บ้างร้อนวูปวาบ บ้างเย็นเสียว

    อาการที่คุณเล่า แนวโน้มจะเป็นแบบขาแปออก
    แต่การเล่าของคุณ และที่ผมเข้าใจ อาจผิดได้ ให้ดูคีเวิร์ด สีน้ำเงิน ที่ให้ไว้เป็นข้อสังเกตุ

    ใน ปล.ที่คุณถามมา
    ผมไม่อาจตอบได้ตรงๆ มันผิกกฎ

    ผมตอบได้เพียงว่า ผมมีความสามารถพิเศษอยู่สองอย่างคือ
    ๑.การจัดดุลย์ภาพในกายมนุษย์
    ๒.การตั้งยารักษาโรค

    และผมชอบบังกระทู้ ด้วยคำอธิษฐานนี้

    ครั้งหนึ่งนานมา เมื่อสำเร็จวิชา รักษาโรคภัย<O:p</O:p
    ก่อนออกจากเขา สุเนรุทีให้ร่มเงา ความรู้มากมี
    ได้ตั้งจิตพิษฐาน โรคภัยในโลกกว้าง เกลื่อนก่นปัฐพี
    แม้ที่ควรหาย จงได้พบปะ เจรจาพาที<O:p</O:p
    แม้นอยู่ไกลจงได้เร็วรี่ ผู้ชักนำก็ไม่ย่อท้อรอรี ขมันขมีตามหาข้า รักษาให้หายพลัน
    หากแม้นมีเหตุ อาเพทไม่ปล่อย กรรมหนักไช่ย่อย อย่าได้พบพา<O:p</O:p
    แม้มาปะหน้าได้พูดได้จา ให้มองข้ามตัวข้า อย่าได้หมายปลง
    ให้แคล้วให้คลาด ให้ไหลให้หลง ให้ลืมเจตจำนงค์ ปล่อยปะละลืม<!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  5. natcha_pra

    natcha_pra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +9
    ปรึกษาหัวเข่าซ้ายค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณสุวิ

    ดิฉันได้ลองส่งกระจกดูแล้วแต่ก็ยังสังเกตุไม่ออกว่าหัวเข่าแปออก หรือเข่าโกง ดังนั้นถ้าดิฉันจะไปให้คุณสุวิตรวจดูหัวเข่า และถ้าต้องมีการจัดดุลยภาพซ้ายขวาจริง ขอสอบถามว่า
    1. ไม่ทราบว่าการจัดดุลยภาพมีอันตรายมากน้อยแค่ไหนค่ะ (กรณีที่เป็นไปตามที่วินิจฉัย และกรณีไม่เป็นไปตามวินิจฉัยแต่ต้องการจัดจะอันตรายไหมค่ะ)
    2 และถ้าอาการเป็นอย่างที่คุณสุวิว่าจริง จะต้องจัดทั้งหมดกี่ครั้งและค่าใช้จ่ายต่อครั้งในการจัดเท่าไหร่ค่ะ
    3. หลังจากที่จัดแล้วจะสามารถกลับมาพับเข่าได้เหมือนเดิมไหมค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  6. natcha_pra

    natcha_pra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +9
    ปรึกษาหัวเข่าซ้ายค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณสุวิ

    ดิฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะยังสังเกตุไม่ออกว่าเข่าแปออก หรือโก่ง แต่ถ้าดิฉันต้องการที่จะไปตรวจเข่ากับคุณสุวิ จากนั้นให้คุณสุวิช่วยวินิจฉัยอีกครั้งจึงอยากสอบถามว่า
    1. การจัดดุลยภาพซ้ายขวาไม่ทราบว่ามีอันตรายมากน้อยแค่ไหนค่ะ ถ้าสมมุติว่าไม่ได้เป็นไปตามที่คุณสุวิวินิจฉัย แต่ต้องการจัดจะได้ไหมค่ะและจะอันตรายไหมค่ะ
    2. ค่าใช้จ่ายในการจัดแต่ละครั้งเท่าไหร่ค่ะ และต้องจัดทั้งหมดกี่ครั้งจึงจะหายเนื่องจากว่าดิฉันมีกำหนดในเรื่องของวันหยุดเกรงว่าจะไม่ทันเพราะต้องกลับมาทำงานค่ะ
    3. จะกลับไปพบคุณสุวิประมาณเดือนตุลาค่ะเพราะทำเรื่องพักร้อนเอาไว้ประมาณ 2 อาทิตย์จะเพียงพอไหมค่ะ
    4. หลังจากที่รักษาด้วยวิธีนี้กับคุณสุวิ จะกลับมาพับหัวเข่าได้เหมือนเดิมไหมหรือหัวเข่าจะกลับมาหายได้ 100% ไหมค่ะ

    ที่น่าสังเกตุคือเวลาปวดท้องประจำเดือน หัวเข่าด้านหน้าก็จะปวดเหมือนรั้ง ๆ อาการปวดรั้งเหมือนปวดท้องประจำเดือน และส้นเท้าความรู้สึกเหมือนลงได้ไม่เต็มส้น อีกอย่างหนึ่งคือเวลานั่งห้องแอร์นานเกิน 1 ชั่วโมงพอลุกขึ้นเดินจะมีอาการหนักตั้งแต่ตะตุ่มไปถึงส้นเท้าและฝ่าเท้าค่ะ

    ปล.ส่งรูปหัวเข่าให้ดู 4 รูปค่ะ


    ขอบคุณค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG0008A.jpg
      IMG0008A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.9 KB
      เปิดดู:
      70
    • IMG0009A.jpg
      IMG0009A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.2 KB
      เปิดดู:
      102
    • IMG0010A.jpg
      IMG0010A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.2 KB
      เปิดดู:
      109
    • IMG0011A.jpg
      IMG0011A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.4 KB
      เปิดดู:
      65
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2009
  7. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ตามรูปที่คุณส่งมา
    ให้สังเกตุ ถ้าเราลากเส้นตรงจากกึ่งกลางหน้าขามาที่ กึ่งกลางข้อเท้า(ด้านหน้า)
    จะเห็นว่าหัวเข่า จะหลุดออกไปอยู่นอกเส้นตรงเส้นนี้(เข่าอยู่ด้านนอก) ค่อนข้างมากแล้ว
    และเป็นทั้งสองข้าง ซ้ายเป็นมากกว่าขวา (ด้านขวาเป็นนิดหน่อยเอง-สังเกตุการยืน การวางขาซ้ายขวาไม่เหมือนกัน)
    ในคนปกติ เส้นนี้จะลากผ่านกึ่งกลางหัวเข่า (อาจเหลื่อมบ้างนิดหน่อย-ถือว่าปกติ)

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwi [​IMG]
    อาการเจ็บขัดที่สะโพก(สลักเพชร) จะมีแนวโน้มทำให้เกิดอาการขาโก่ง
    สังเกตุหัวเข่าสองข้างเวลายืนตรง หัวเข่า จะห่างกันบีบเข้าหากันไม่ได้
    ก่อนขาจะเริ่มโก่งออก จะเจ็บเข่า ด้านใน

    จากข้อความที่ผมเขียไว้ กล่าวได้ว่า คุณมีอาการขาโก่ง และเริ่มเป็นมานานแล้ว ไม่น้อยกว่า ๑ ปี แต่มาโชว์อาการเมื่อไม่นานมานี้

    ตามข้อซักถามของคุณ
    ผมถือว่าเป็นสิทธ์ของผู้ป่วยที่จะสอบถามวิธีการรักษา และผลการรักษาที่จะพึงได้ จากหมอ
    ดังนั้นการตอบคำถามลักษณะนี้ ผมไม่ผิด ในจรรยาเรื่องการโอ้อวด

    ถาม
    1. การจัดดุลยภาพซ้ายขวาไม่ทราบว่ามีอันตรายมากน้อยแค่ไหนค่ะ ถ้าสมมุติว่าไม่ได้เป็นไปตามที่คุณสุวิวินิจฉัย แต่ต้องการจัดจะได้ไหมค่ะและจะอันตรายไหมค่ะ
    ตอบ
    ในผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ การจัดไม่มีอันตรายใดๆเลยแม้แต่น้อย แต่ในขณะทำการรักษา อาจมีอาการเจ็บบ้าง (บางท่านมาก บางท่านน้อย-ขึ้นอยู่กับโรค)

    ถาม
    2. ค่าใช้จ่ายในการจัดแต่ละครั้งเท่าไหร่ค่ะ และต้องจัดทั้งหมดกี่ครั้งจึงจะหายเนื่องจากว่าดิฉันมีกำหนดในเรื่องของวันหยุดเกรงว่าจะไม่ทันเพราะต้องกลับมาทำงานค่ะ
    ตอบ
    ปกติ การจัดดุลย์ภาพทั่วไป(ไคโรแพรกติค-การจัดกระดูก) คิดค่าบริการครั้งละ ๑,๕๐๐-๒,๕๐๐.-(ในประเทศไทย)
    และคิดเป็นคอร์ส ๑๐ ครั้ง ตกที่ ๑๐,๐๐๐-๒๐,๐๐๐.-

    แต่ที่สุวิทำ เป็นการจัดระดูกแบบไทย (วิชานวดราชสำนักพิศดาร)หากคิดราคาแบบที่เขาทำกัน คนไข้ทั่วไปคงเข้าไม่ถึงการรักษา
    และการจัดกระดูกแบบไทยที่กล่าวถึง ก็ดูคล้ายการนวดไทยทั่วไป หากคิดราคาถูกเกิน(ราคาเดียวกับนวดไทยทั่วไป) ก็จะเป็นการแย่งลูกค้าหมอนวดไทย

    สุวิจึงคิดราคาเป็นการบูชาครูที่ ๕๐๐-๑,๐๐๐.- ต่อครั้ง ใช้เวลาเพียง ๑๐-๔๐ นาที(แล้วแต่เคส)

    และสุวิเคยคิดราคาเป็นคอร์ส ๕ คร้ง และมีส่วนลดด้วย
    แต่ยังไม่เคยมีคนไข้คนใดลงคอร์สรักษากับสุวิเลย
    มารักษากันอย่างเก่งก็คนละ ๓-๔ ครั้งเท่านั้น ก็หายแล้ว
    บางท่านก็ เพียงครั้งเดียว

    ถาม
    3. จะกลับไปพบคุณสุวิประมาณเดือนตุลาค่ะเพราะทำเรื่องพักร้อนเอาไว้ประมาณ 2 อาทิตย์จะเพียงพอไหมค่ะ
    ตอบ
    คงทำได้ประมาณ ๓-๔ ครั้ง เกินพอครับ

    ถาม
    4. หลังจากที่รักษาด้วยวิธีนี้กับคุณสุวิ จะกลับมาพับหัวเข่าได้เหมือนเดิมไหมหรือหัวเข่าจะกลับมาหายได้ 100% ไหมค่ะ
    ตอบ
    ทำได้ทุกอย่างเหมือนคนปกติ แต่ในช่วงแรกอาจมีการเจ็บขัดอยู่บ้าง ให้หัดจัดุลยภาพด้วยตัวเองตามท่าที่ให้ไว้ จะทำให้กลับปกติ(๙๐%ขึ้นไป)
    ส่วนจะกลับคืนดีดังเดิม ๑๐๐%หรือไม่ ไม่อาจตอบได้

    ถาม
    ที่น่าสังเกตุคือเวลาปวดท้องประจำเดือน หัวเข่าด้านหน้าก็จะปวดเหมือนรั้ง ๆ อาการปวดรั้งเหมือนปวดท้องประจำเดือน และส้นเท้าความรู้สึกเหมือนลงได้ไม่เต็มส้น อีกอย่างหนึ่งคือเวลานั่งห้องแอร์นานเกิน 1 ชั่วโมงพอลุกขึ้นเดินจะมีอาการหนักตั้งแต่ตะตุ่มไปถึงส้นเท้าและฝ่าเท้าค่ะ
    ตอบ
    คุณอาจจะมีอาการมดลูก ปีกมดลูกเคลื่อนด้วย คงต้องทำการรักษาไปพร้อมกันทั้งหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2009
  8. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    โห้ทำไมอาตมาโง่อย่างนี้
    ไอ้สูตรแก้โลหิตเป็นพิษนะเพียงเติมใบมะกรูดลงไป ก็ทั้งกันและแก้ ไข้หวัด ๒๐๐๙ ได้ทุกระดับชั้นแล้ว
    ไม่เห็นต้องหายาอะไรมาเพิ่มเลย

    ๑. หญ้าหนวดแมว ๓ บาท
    ๒. ทองพันชั้ง ๓ บาท
    ๓. ขิงแห้ง หนัก ๑ บาท
    ๔. ใบมะกรูด แห้ง ๑ บาท
    ๕. ตะไคร้แห้ง หนัก ๘ บาท

    ใส่น้ำต้ม ใส่น้ำ ๓ ส่วน ต้มเหลือ ๑ ส่วน
    กินครั้งละ ๑ ถ้วยกาแฟ(๑๕๐-๒๐๐ cc) วันละ ๒-๔ มื้อ
    สรรพคุณ
    แก้หวัด ๒๐๐๙ ทุกระดับ แก้โลหิตเป็นพิษอันเกิดจาก ไข้พิษ ไข้กาฬ ทั้งปวง

    เอ..โง่เป่าหว่า
    บอกเขาหมด ยั้งงี้จะขายยา ๒๐๐๙(แก้ภูมิแพ้เบอร์ 3) ได้ไหมหว่า
    งี่เหง้าแท้ ขาดทุนเละ
     
  9. Joypor

    Joypor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +1,024
    ขอขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์สุวิคะที่บอกสูตรยาเพิ่มเติม เป็นทางเลือกให้คนทั่วไปคะ คงมีหลายๆคนและตัวหนูเองสงสัยว่าสูตรยาแก้โลหิตเป็นพิษ ที่เป็นทั้งกันและแก้หมายความว่าอย่างไร ในส่วนตัวที่เข้าใจว่า สามารถกินป้องกันก่อนติดเชื้อหวัดหรือเปล่า และต้องกินกี่วัน

    ในการต้มยา คำว่า 3 ส่วน เหลือ 1 ส่วนนี้ คำว่าส่วนหมายถึงน้ำปริมาณเท่าไร ต้ม 1 ครั้งกินได้ 1 วันหรือเปล่าคะ

    คำถามเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องยาสมุนไพรคะ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยชี้แจงด้วยนะคะ

    ขอให้อาจารย์มีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปคะ ขอบพระคุณมากๆคะ
     
  10. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    คำว่า "กันและแก้"
    "กัน" หมายถึงยังไม่ติดเชื้อ หรือติดเชื้อแล้ว แต่ยังไม่มีอาการใดๆ กินยาแล้วสามารถระงับอาการติดต่อลุกลามของโรคได้
    "แก้" หมายถึงติดโรคแล้ว อาการของโรคแสดงออกแล้ว ยาที่กินเข้าไป เพื่อแก้(รักษา)อาการที่เป็น ให้หาย

    การต้มยา เราจะใส่น้ำพอท่วมตัวยาเท่านั้น จะไม่ใส่มากเกินหรือน้อยเกิน
    ปริมาณน้ำที่ใส่พอท่วมตัวยา กะว่ามีปริมาณ ๓ ส่วน ต้มเคี่ยวด้วยไฟปานกลาง(กะเดียดไปทาง ไฟอ่อน) จนน้ำงวดลงเหลือเพียง ๑ ส่วน
    แล้วเรารินยามากิน ๑ ถ้วย กาแฟ
    เวลากินอีกครั้ง จะใส่น้ำเพิ่ม แล้วต้มเคี่ยวอีก เป็นดังนี้ตลอด

    แต่ปัจจุบัน ท่านว่าวิธีกินยาแบบเดิมนี้ ผู้ป่วยจะได้รับเนื้อยาในแต่ละครั้งที่กินไม่เท่ากัน
    คือ ต้มครั้งแรก เนื้อยาจะเข้มข้น
    ใส่น้ำต้มต่อ กินครั้งที่ ๒ ความเข้มข้นตัวยาจะลดลง
    ยิงต้มครั้งที่ ๓ ครั้งที่ ๔ ความเข้มข้น จะลดลงอีก ทำให้คนไข้ได้รับโดสของยาแต่ละมื้อ แตกต่างกัน

    ปัจจุบันท่านให้ต้มยาและกินยาอีกแบบ กล่าวคือ
    ต้มยาครั้งที่ ๑ ใส่น้ำท่วมยา คิดปริมาณน้ำเป็น ๓ ส่วน เคียวจนน้ำงวดลงเหลือเพียง ๑ ส่วน รินน้ำยาทั้งหมดเก็บไว้
    ใส่น้ำในยาเดิม แล้วต้มครั้งที่ ๒ เคียว น้ำ ๓ ส่วนเหลือ ๑ ส่วน แล้วเทน้ำยาที่ได้ รวมกับยาที่ต้มครั้งที่ ๑
    ในบางท่านจะต้มยาครั้งที่ ๓ ต้มน้ำ ๓ ส่วนเหลือ ครึ่งส่วน แล้วนำน้ำยาไปรวมกับสองรั้งแรก
    แต่ในบางท่านก็ไม่เอาน้ำยาต้มครั้งที่ ๓ โดยให้เหตุผลว่ายาใสเกินไป ไม่ได้ประโยชน์

    น้ำยาที่ได้ทั้งสามครั้ง บางท่านก็นำมาต้มต่อ ให้งวดลงไปอีก บางท่านก็เอาไปใช้เลย
    ยาที่ได้ นำไปแช่ตู้เย็นไว้ เวลากินก็ใส่ถ้วยเข้า ไมโครเวป ให้ยาร้อน
    ดังนั้น กินยาทุกครั้งความเข้มข้นของยาจะเท่ากันตลอด
    และสะดวกดีด้วย ไม่ต้องต้มกินกันทุกมื้อ
     
  11. Joypor

    Joypor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +1,024
    ขอบพระคุณมากๆคะ สำหรับคำชี้แจงที่ให้ความกระจ่างคะ
     
  12. natcha_pra

    natcha_pra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +9
    สวัสดีค่ะคุณสุวิ

    ดิฉันมีข้อสงสัยอยากเรียนสอบถามค่ะ

    1. ขาของดิฉันไม่สามารถยืนแนบชิดกันได้ตั้งแต่เด็กแล้วค่ะเพราะเป็นคนขาโก่งตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงอยากเรียนสอบถามคุณสุวิว่า คุณสุวิตรวจสอบจากตรงส่วนใดค่ะว่าเข่าเริ่มโก่งแล้ว

    2. โดยส่วนใหญ่แล้วคนแก่จะเป็นเข่าเสื่อมกันมาก ซึ่งสาเหตุจะเกิดจากแหล่งเดียวกันคือสะโพกเคลื่อนหรือเปล่าค่ะ ดิฉันได้เคยดูแผ่นฟิล์ม mri ซึ่งหมอปัจจุบันสแกนหัวเข่าให้ดู บางคนมีผิวกระดูกอ่อนหลุดหลุ่ย ดังนั้นจะสืบเนื่องมาจากข้อสะโพกเคลื่อนเป็นเหตุหรือไม่ค่ะ

    ปล.ดิฉันสอบถามเพื่อเป็นความรู้ อีกอย่างหนึ่งคือหมอปัจจุบันกับแผนไทยจะวิเคราะห์โรคไม่เหมือนกัน บางครั้งจึงทำให้เริ่มสับสน ต้องขออภัยที่สอบถามนะค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  13. natcha_pra

    natcha_pra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +9
    เรื่องปวดหัวเข่าซ้าย

    สวัสดีค่ะคุณสุวิ

    ดิฉันมีข้อสงสัยอยากเรียนสอบถามค่ะ

    1. ขาของดิฉันไม่สามารถยืนแนบชิดกันได้ตั้งแต่เด็กแล้วค่ะเพราะเป็นคนขาโก่งตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงอยากเรียนสอบถามคุณสุวิว่า คุณสุวิตรวจสอบจากตรงส่วนใดค่ะว่าเข่าเริ่มโก่งแล้ว

    2. โดยส่วนใหญ่แล้วคนแก่จะเป็นเข่าเสื่อมกันมาก ซึ่งสาเหตุจะเกิดจากแหล่งเดียวกันคือสะโพกเคลื่อนหรือเปล่าค่ะ ดิฉันได้เคยดูแผ่นฟิล์ม mri ซึ่งหมอปัจจุบันสแกนหัวเข่าให้ดู บางคนมีผิวกระดูกอ่อนหลุดหลุ่ย ดังนั้นจะสืบเนื่องมาจากข้อสะโพกเคลื่อนเป็นเหตุหรือไม่ค่ะ

    ปล.ดิฉันสอบถามเพื่อเป็นความรู้ อีกอย่างหนึ่งคือหมอปัจจุบันกับแผนไทยจะวิเคราะห์โรคไม่เหมือนกัน บางครั้งจึงทำให้เริ่มสับสน ต้องขออภัยที่สอบถามนะค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  14. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    เรียนคุณหมอสุวิคับ

    ผมฐนกร

    ผมได้ทานยาคุณหมอแนะนำได้ก็เกือบสองอาทิตย์แล้ว ก็รู้สึกว่าดีขึ้น แต่ยังมีลมอยู่ไม่มากไม่แข็งเหมือนแต่ก่อน และก็ยังมีเสลดออกมาอยู่ส่วนมากจะเป็นช่วงเย็นๆหรือหลังอาบน้ำ ผมเข้าใจตามความรู้สึกผมว่า สาเหตุที่เกิดลมที่ชอบมารวมในบริเวณหน้าอกและลำคอ
    1.อาจมาจากมีเสลดมากบริเวณปอด หลอดลมหรือหลอดอาหารส่วนต้น พยาขับออกมาถ้าไม่ได้ขับออกเสลดก็รวมตัวบริเวณลำคอ คอหอย ทำให้เกิดอับชื้น เน่าเหม็นซึ่งเป็นธรรมดาร่างกายมีแต่ของเน่าเหม็น เลยทำให้เกิดลมบริเวณดังกล่าว
    สเลดของผมอาจเกิดจากโรคเก่าที่เกิดจากความบกพร่องปอด ไม่ดี รักษาโดยแผนปัจจุบันไม่หายขาดทำเกิดสเลดคั้งแห้งบริเวณปอด หลอดลมหรือหลอดอาหาร ซึ่งตัวเองจะมีฝ้าเกิดบริเวณแก้มขวา เป็นมาก่อนเป็นโรคปอดไม่ทราบอาจเกี่ยวกับระบบปอดหรือหายใจ แปลกผู้ชายเป็นฝ้าก็มี

    2.อาจจะเกิดจากระบบธาตุ หรือระบบการทำงานร่างกายรวน หรือเกิดจากประสาทกระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ หรือกรดใหลย้อน ทำให้ย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ ทำให้อาหารหมักกองอยู่เกิด บูด เน่าเหม็น เลยทำให้เกิดลมและเกิดเสลด

    คุณหมอผมเดาพอจะถูกใหมครับ คุณหมอ
    คุณหมอสุวิ มีข้อแนะนำเพิ่มเติมใหม
    เรื่องการกินอาหารต้องควบคุมอะไรใหมคับ

    ผมต้องกินยาสมุนไพรหมอสุวิไปสักพัก ต้องพึ่งหมอเทวดาแล้วหล่ะคับ

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณหมอ ที่ไม่หวงวิชาความรู้ แนะนำสิ่งดีๆให้กับคนที่มีทุกข์

    สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าไม่ควรยึดมั่น เพราะมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่มีตัวตนแท้จริง
     
  15. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ขอตอบข้อที่ ๑

    ในเด็กเกิดใหม่ สังเกตุหรือไม่ ปู่ย่าตายาย จะจับเด็กจัดขาให้เข่าแนบชิดกัน
    และสอนแม่เด็กให้หัดจับขาลูกบิดเข่าเละสะโพกเพื่อให้ขาชิดกัน จนตกทอดเป็นวัฒนธรรมของไทยอย่างหนึ่งในการเลี้ยงเด็กเกิดใหม่
    แต่ผู้ที่ไม่รู้ก็ยังมีปล่อยปะกัน
    และบางคนก็กลัวลูกจะขาโก่งมาก จึงจัดขาลูกให้ชิดกันมากเกิน (จะเกิดขาแปในอนาคต)

    และการเลี้ยงเด็กในชนบถและคนจีน ชอบเอาลูกใส่สะเอว กระเตงกันไปใหนมาใหนทั้งวัน
    การจับลูกใส่สะเอวดังกล่าว ล้วงทำให้ข้อสะโพกเคลื่อนหรือขยับตัวออก(ไม่มีอาการใดๆเพราะค่อยเป็นค่อยไปและชิน)

    ดังนั้นกล่าวได้ว่า ขาเด็กมีแนวโน้มสะโพกเคลื่อนกันอยู่แล้ว
    และส่วนใหญ่จะเป็นแบบขาโก่ง อันเนื่องจากอริยาบถที่อยู่ในท้อง และการเลี้ยงดู จับลูกใส่สะเอว(เกิดขาโก่ง)
    และการบิดขาให้เขาชิดกันมากเกิน(เกิดขาแป)

    การเกิดเกิดขาโก่งหรือแป ไม่ใช่ปุบปับเป็น อาการจะค่อยๆเริ่มพัฒนาขึ้นตามหลักกลศาตร์เครื่องกล ใช้เวลาเป็นปีๆ หลายสิบปี
    ยิ่งเดินมาก หิ้วหรือแบกน้ำหนักมาก อาการโรคยิ่งเป็นเร็วขึ้น

    อีกประการในสัตรีที่คลอดบุตรโดยธรรมชาติ เชิงกราณจะขยายตัวมาก
    การขยายตัวของเชิงกรานดังกล่าวล้วนทำให้ข้อสะโพกเคลื่อนทั้งสิ้น
    โบราณ การอยู่ไฟ และการนวดประคบ ดูแลหลังคลอด จะมีการนวดจัดเชิงกรานให้กลับเข้าที่(นัยว่าเป็การรีแพร์แบบดั่งเดิม สามีจะไม่หนีไปใหน)
    สังเกตุคนไทยจะไม่ค่อยเป็นโรคนี้ แต่คนจีนแก่ๆที่มีบุตรมาก ล้วนเป็นโรคเข่าโก่งกันทั้งสิ้น

    กรณีขาแป
    ในกรณีที่ข้อสะโพกเคลื่อนจนเข่าชิดกันมาก คนผู้นั้นจะเดินไม่ได้ เข่าจะสีกันจนเจ็บ ฝ่าเท้าจะชนกัน จะเดินไม่ได้
    ร่างกายจะปรับตัวเอง โดยค่อยๆเอียงเข่าออกด้านนอกเพิ่อให้ร่างกายทรงตัวได้และเดินได้
    และเมื่อการปรับตัวโดยอัตโนมัตดังกล่าวดำเนินไปเรื่อยๆ ที่ปรากฎให้เห็นคือ ขาค่อยๆแปออก
    ในกรณีขาโก่ง
    เมื่อข้อสะโพกเคลื่อนจนทำให้ข่ากางออก คนผู้นั้นจะเดินไม่ได้ ด้วยฝ่าเท้าห่างกันมากเกิน
    ร่างกายจะปรับตัวเองอย่างช้าๆ โดยบิดเข่าดึงฝ่าเท้าเข้าชิดกัน เพื่อให้ทรงตัว และเดินได้
    ซึ่งเป็นไปตามหลักกลศาตร์
    สิ่งที่ปรากฎคือเกิดอาการเข่าโก่ง

    ตามที่อธิบายมาทั้งหมด และรูปที่ส่งมา
    [​IMG] [​IMG]

    ให้สังเกตุที่ขาและเท้า ฝ่าเท้าชิดกันแล้ว แต่เข่ายังห่างกัน และออกแรงดึงให้เข่าชิดกันไม่ได้ นี่คืออาการขาโก่ง
    สังเกตุที่ฝ่าเท้าซ้าย ที่ข้อเท้า จะเห้นว่าข้อเท้าก็เริ่มเคลื่อนแล้ว(เกิดหลังจากข้อเข่าเคลื่อน-ดูเทียบกับเท้าขวา)
    สังเกตุดูให้ดี ฝ่าเท้าซ้าย จะรู้สึกเหยียบพื้นได้ไม่เต็มฝ่าเท้า
    และขาข้างนี้เส้นจะตึงรั้งเข้าไปในท้องน้อย (แสดงถึงการดึงรั้งปีกมดลูกด้านซ้าย และเจ็บขัดลึกๆในท้องด้านซ้ายเวลาเดินหรือขยับตัวเร็วๆ)
     
  16. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    2. โดยส่วนใหญ่แล้วคนแก่จะเป็นเข่าเสื่อมกันมาก ซึ่งสาเหตุจะเกิดจากแหล่งเดียวกันคือสะโพกเคลื่อนหรือเปล่าค่ะ ดิฉันได้เคยดูแผ่นฟิล์ม mri ซึ่งหมอปัจจุบันสแกนหัวเข่าให้ดู บางคนมีผิวกระดูกอ่อนหลุดหลุ่ย ดังนั้นจะสืบเนื่องมาจากข้อสะโพกเคลื่อนเป็นเหตุหรือไม่ค่ะ

    ตอบข้อที่ ๒
    สิ่งที่เห็นที่ปรากฎ เป็นอาการของโรคที่ดำเนินไป
    เมื่อเข่าเริ่มโก่งงอแล้ว กระดูกย่อมเสียดสีกัน สภาพกรดด่างในร่างกายยิ่งเสริมให้ผิวกระดูกผุกร่อนไปตามธรรมชาติ
    ซึ่งนี่เป็นปลายเหตุ ไม่ใช่ต้นเหตุที่เกิด
    ยืนยันว่าต้นเหตุที่แท้จริงเกิดจากการเบี่ยงตัว หรือการเคลื่อนของข้อสะโพก อันเกิดจากอริยาบถจำเจในชีวิตประจำวันนั่นเอง
    เพียงเปลี่ยอริยาบถบ่อบๆ และทำโยคะในท่าที่ตรงข้ามกับอาการโรค อาการเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย

    เมื่อเป็นแล้วก็ต้องรักษา
    การรักษา
    เพียงจัดสมดุลย์ให้ร่างกายทนุษย์ ทั้งด้านธาตุสี่ (การทำงานของระบบ กรดด่าง)
    และจัดสมดุลย์ ของโครงร่าง ให้กระดูกทุกท่อน อยู่ในที่ที่ควรอยู่
    ร่างกายมนุย์ ก็จะซ่อมตัวเองให้กลับสู่ปกติ โดยอัตโนมัติ
    แต่จะซ่อมได้เร็วได้ช้า ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายตัว เช่น
    อายุ อายุมาก ซ่อมคืนได้ช้า เด็กๆ ซ่อมได้เร็ว
    อาหารที่กิน อาหารเสริม ที่เข้าไปเสริมสร้างการซ่อมให้เร็วขึ้น
    อริยาบถประจำวัน ที่ไม่ส่งเสริมอาการโรคให้มากขึ้น (ใชท่าโยคะแก้โรคเป็นประจำ)
     
  17. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    มีสมุนไพรอีกตัวที่จะใช้บำรุงปอดและตับ แต่ราคาค่อนข้างแพง
    ได้เคยใช้ได้มามาก ทั้งโรคตับและปอด ล้วนมีอาการดีขึ้นทันตาเห็น
    สมุนไพรดังกล่าวคือ เห็ดหลินจือสกัด (ให้กินคู่กับยาปลูกเตโช)
    ที่เขาทำขายกัน มีเป็นแบบเม็ดแคปซูลและแบบชงน้ำกิน(แบบกาแฟผง-ชงน้ำร้อนแล้วละลายไม่เหลือกาก)
    ให้ลองหากินดู (ที่เชียงใหม่น่าจะมี)
    แต่ที่หมอสุวิเลือกใช้แบบผงชงน้ำกิน เพราะการดูดซึงได้เร็วกว่า และยาเข้มข้นกว่า ถ้าสนใจหมอจะหาให้
     
  18. แม่เนื้อหอม

    แม่เนื้อหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +505
    รบกวนสอบถามแทนพี่ครับ คือพี่สาวเป็นเนื้องอกที่ด้านนอกด้านซ้ายของมดลูก โตประมาณ 5 cm.,มีวิธีรักษาแบบคุณหมอสุวิ ไหมครับ และถ้าผ่าตัด ผลกระทบจะมีมากไหมครับ ที่ทราบว่าเป็นเนื้องอกเพราะพี่เค้าไปตรวจมาครับ พี่สาวอายุ 45ปีครับ
     
  19. audi1416

    audi1416 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +853
    อาจารย์ครับ นวดราชสำนัก กับ นวดเชลยศักดิ์ ต่างกันอย่างไรครับ อย่างใหนดีกว่า
    อย่างใหนเรียนง่ายกว่ากันครับ
     
  20. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ที่เคยทดลองและลองใช้มา
    สารสกัดจากกระดูกอ่อนปลาฉลาม จะทำให้พวกริดสีดวง และเนื้องอกต่างๆ รวมถึงเนื้อร้าย(มะเร็ง) ยุบตัวลง และแห้งฝ่อไป
    ในบางคนเร็วในบางคนช้า แต่ได้ผลทุกราย
    และเมื่อยุบเล็กลง แม้อาจจะเหลืออยู่บ้าง จนไม่มีผลร้ายเฉพาะหน้าแก่รางกาย
    หมอส่วนใหญ่ก็จะงดการผ่า รอดูอาการต่อว่าจะกลับโตขึ้นอีกหรือไม่ ถ้าไม่ก็จะให้กินยารอดูอาการต่อไปเรื่อยๆ

    กระดูกอ่อนปลาฉลามสกัด เป็นสมุนไพรที่แพงอีกตัวหนึ่ง แต่ก็ยังถูกกว่าการผ่าตัด
    ราคาตกกล่องละ ๑,๐๐๐.- จำนวน ๓๐ เม็ด - หากซื้อเป็นชุด(จะมียาประกอบตัวอื่นด้วย) จะได้ราคาลดลงอีก ตก ๔ กล่อง ๓,๕๐๐.-) มีขายในท้องตลาดเฉพาะแหล่ง
    กินเพียงกล่องสองกล่อง(อย่างเก่งก็สาม) พวกเนื้องอกก็ยุบหายหมดแล้ว

    และพวกที่เป็นเนื้องอก หรือซีสต์ โดยปกติ จะพบว่าคนเหล่านี้
    เลือดลมที่มาหล่อเลี้ยงบริเวณเหล่านั้นเกิดการกระจุกตัว เป็นก้อนขึ้น
    และร่างกายจะสร้างพังพืดมาหุ้มรัด ไอ้เจ้าก้อนที่ว่านั้นไว้
    เมื่อนานไป น้ำเหลือง หรือก้อนโลหิต หรือเนื้อพังพืดก็จะโตขึ้นกลายเป็นเนื้องอกไป
    คนพวกนี้ แม้ผ่าตัดออกไปแล้ว ก็ยังเกิดซ้ำขึ้นอีก ด้วยเลือดลมยังกระจุกตัวอยู่

    การรักษาแผนไทยที่สุวิทำอยู่ โดย
    นวดปรับดุลยภาพ ในบริเวณ ต้นเหตที่ก่อให้เกิดการอั้นของเลือดลม
    เมื่อเลือดลมหมุนเวียนดี และกินยาขับเลือดลมหรือยาปลูกไฟธาตุกระตุ้น
    อาการต่างๆก็หายแล้ว โดยมากจะหายแล้วหายเลย น้อยคนนักที่จะกลับเป็นอีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...