ที่นี่มีใครบรรลุธรรมตั้งแต่ขั้นโคตรภูญาณขึ้นไปบ้าง PMมาหน่อยดิ

- ความสงสัยเคลือบแคลงใจเกิดขึ้ได้กับทุกๆคน
- ผมก็สนใจในธรรมคนนึง ผมก็อยากฟังธรรมะดีๆบ้าง
- ผมพึ่งจะลองทำสมาธิแต่ไม่มีครูฝึกเลย
- ก็อาศัยทำจิตให้สงบนิ่งไว้ แล้วก็พึงคิดไว้อย่าสงสัยทำไปเรื่อยๆ
- ก็หวังว่าสักวันคงจะเข้าใจในธรรมมากขึ้นคนนึง
- อนุโมทนาสาธุ

 

ใครก็ได้ช่วยเมตตาสอนธรรมให้ผมที PM คุยกันน่ะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

เ

1.เห็นขันธ์ 5 ตามเป็นจริง
2.ดูจิตเฉย ๆ ก็เห็นอาการเกิดดับ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่จิต
ไม่ได้ช่วยให้เกิดนิพพิทาญาณ ต้องยกการเกิดดับพิจารณาให้เป็นไตรลักษณ์
จึงจะเกิดนิพพิทาญาณได้
3.ดูกายแบบที่คุณพูดเป็นการมีสติสัมปชัญญะ ไม่ได้ช่วยให้คลายกำหนัด เป็น
การเจริญสติสัมปชัญญะ ถ้าต้องการคลายกำหนัด ต้องพิจารณากายให้เป็น
อสุภะ อสุภัง อนิจจัิง ทุกขัง อนัตตา หรือพิจารณากายคตาสติ เห็นกายใน
กาย จะช่วยให้คลายกำหนัดได้ ไม่ว่ากายนอกกายใน กายเขาการเราได้
ทั้งนั้น
4.ก็นี่ล่ะทางเดินไปสู่การละสักกายะทิฏฐิ
5.คนมันตาบอดมันก็ไม่เห็นน่ะสิ คนตาดีท่านก็เห็น ผมเห็นแต่คนตาบอดนี่ล่ะ
มันมาเถียง ว้อ ว้อ(ภาษาอีสาน) อยู่ตรงนี้
6.คนมันไม่เคยมีปัญญามันก็ต้องด้นเดาอย่างคุณนี่ล่ะ เอ้าถ้าอยากมีปัญญาบ้าง
ก็อย่าให้มีอคติ มาคอยยกโทษยกกรณ์ คนนั้นคนนี้ เพราะจะทำให้จิตตน
เศร้าหมองขวางปัญญาเฉย ๆ
7.ทีคนไม่รู้อย่างคุณมันยังมาเถียง ว้อ ว้อ อยู่ได้ แล้วคนที่เค้ารู้เค้าเห็นมาแล้ว
จะเถียงไม่ได้เหรอ

เอ้าตอบให้แล้ว

 

จากความเห็นส่วนตัว ผมเห็นว่ามีหลายท่านที่มีดวงตาเห็นธรรมแต่ก้ไม่ขอไปกล่าวพาดพิงถึง สิ่งที่เจ้าตัวเค้ากล่าวก้เห็นได้ชัดอยู่แล้ว
ผู้ที่เดินตามทางสติปัฐฐาน4 ผู้ที่มีสติรู้เท่าทัน กาย เวทนา จิต และ ธรรม
และมีสัมมาทิฐิ เห็นความเป็นจริงใน อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา ของขันธ์
ชัดแจ้งในธรรมและวิทีการปติบัติ เพียงแต่ดำเนินอยู่หรือเสวยผลอยู่
จึงมีคน2ประเภท
ผู้ที่ดำเนินอยู่ก้พบกับขวางหนามทิ่มแทงก้สู้อุส่าทำลายออกแยกออกอย่างเต็มที่เต็มกำลัง
ผู้ที่ผ่านพ้นมาได้ก้หยุดพักเหนื่อยเตรียมกำลังดำเนินต่อเห็นผลของการมุมานะมาแสนสาหัสนี้
กระบวนการขิงจิตนี้ เป็นดั่งตามตำรา เมื่อพิจารนาลงกำหนดลง ก้จะเริ่มรู้ตัวทางแห่งการกำหนดรู้นี้ ครั้งแรกว่าชัด ครั้งหลังยิ่งชัดกว่า ยิ่งลึกกว่า ยิ่งกระสับกระส่าย เล่นไป มากยิ่งกว่า แต่ต่างกันที่ความชัด การเห็นผลของความสำเร็จแล้วนั่นหล่ะ จึงสุข มากกว่าทุข ต่างจากตอนแรกที่ ทุขมากกว่าสุข
สุขทุขนี้เป็นเครื่องมือยกธรรมขึ้นมาประจำใจ คลายสิ่งเกาะยึดหน่วงเหนี่ยวต่อไป

 

เกิดเป็นคนช่างยากแท้​

 

แค่ละอุปาทานก็ข้ามโครตปุถุชนขึ้นเป็นอริยะ

เราทิ้ง สมมุติ ก่อนค้นพบสิ่งนี้ วิมุติ ข้ามโครตปุถุชนขึ้นเป็นอริยะ ศีลก็เป็นศีลพระอริยะ สมาธิก็เป็นสมาธิอริยะ ปัญญาก็เป็นปัญญาพระอริยะ วิมุติก็เป็นวิมุติพระอริยะ ญาณก็รู้เห็นสภาวธรรมตามเป็นจริง จึงเป็นญาณพระอริยะ

 

คนถามก็ถามไปเรื่อย

ก็ได้คำตอบมาเรื่อย

คำตอบก็ถูกหมดนั่นล่ะ
ถูกตามตำรา
ถูกตามกิเลส
ถูกตามอัตตา
ถูกตามข้อธรรม
แต่ไม่ถูกด้วยสภาวะ

สภาวะตั้งแต่ที่ตั้งกระทู้เจตตาที่ตั้งกระทู้
ไม่เห็นว่ามันจะเป็นการแลกเปลื่ยนสนทนาธรรมกันตรงไหน
แลกเปลื่ยนอัตตากันมากกว่า แลกเปลื่ยนความไม่รู้มากกว่า
ไม่รู้ว่าตนเองรู้แค่ไหน ไม่รู้ว่าตนเองรู้จริงไม๊
รู้ว่าตัวเองรู้ก็แค่รู้ รู้ก็ยังพากันติดอยู่ที่รู้

แล้วทำไมพากันข้ามไปไกลจัง ไปจนถึงภวังค์มรรค
เอาแค่รู้กับไม่รู้ มาดูช่วยกันให้แตกฉานกันก่อน
ว่ารู้นี่ด้วยอุปทานแบบไหน
คนอื่นเขาได้อ่านจะได้เจริญในธรรม

ส่วนคำถามที่ถามมา ไม่ตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไม่ใช่ไม่รู้

 

เพียงอักษร ? ปรุงทำไม

 

ในอากาศมีคลื่นมากมายจริง !!!!

 

เห็นได้นะ แต่อย่าไปเพิดเพลิน หรือ นึกว่าจะได้เห็นอะไร หากมันเห็นด้วย
ความไม่จงใจก็ปล่อยไป เห็นไปตามนั้น จิตมันไหลเข้าไปทำสมถะ การเห็น
จึงเป็นเรื่องสมถะ ไม่ใช่เรื่องเจริญปัญญา

ให้เห็นสภาวะจิตที่ไหลเข้าไปเห็น ระวังการปล่อยเหม่อออกไป เพราะคิด
จะเห็นให้มากกว่านั้น ความพอดีอยู่ที่รู้เข้ามาที่ฐาน เข้ามาที่อยาตนะ ใน
กายในใจ ไม่เกินออกไป ให้สังเกตจิตที่ไหลออกไป และตอนกลับเข้ามา
จะทำให้เห็นว่า ฐานอยู่ที่ไหน ...จิตที่อยู่ที่ฐานได้ ถือว่า ไม่เหม่อ ไม่เพ่ง

ก็สังเกตสภาวะจิตอยู่ที่ฐานนี้ ที่จะเกิดบ่อยขึ้น หรือ น้อยลง หากเกิดบ่อยขึ้น
ก็เรียกว่าภาวนาได้ก้าวหน้า หากเกิดน้อยลงก็แปลว่า หากไม่เผลอ ก็คงจะ
สลับวิหารธรรม คิดแต่จะทำ

 

ท่านยังไม่เข้าอีกรึ พลังจิต ปะปนในอากาศที่มีคลื่นมากมาย

 

ขอขอบคุณทุกๆท่าน

 

ขอบคุณค่ะ อนุโมทนา แต่เราก็ต้องใช้เขาเนอะ แต่คงต้องปรับตัวรับสักหน่อย
ไม่อิน

 

หึ ยังไม่เข้าใจ นอกจากพลังจิตปะปน ไปในอากาศแล้ว
ยังมีคลื่น กิเลสด้วยนะ เยอะด้วย เนอะ

 

rabbit_sleepy

 

4: Y8195291 กรณีร้องขอให้แก้ข้อความเสียดสีของคุณTheAcT{แตกประเด็นจาก Y8186282}
... ข้อความให้เมื่อได้รับทราบและมีเวลา หรือมีเหตุผลใดที่ไม่สมควรแก้ไข ก็ขอความกรุณาแจงให้บุคคลที่ผ่านมาอ่านกระทู้แนะนำเข้าใจ เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ส่วนคุณดาญาณ ที่อ้างว่าเป็นพระเยซูกลับชาติ ดิฉันอยากจะขอให้เค้าแก้ไขเช่นกัน แต่ดิฉันเห็นว่า ณ เวลานี้ กระทู้แนะนำ สมควรแก้ไขข้อความก่อน เพราะมีบุคคลอื่นๆเข้ามาอ่าน มาก


น่าน.......ดูมัน......บ้าไม่เลิกแฮะ.......เดี๋ยวจะเป็นโน้น เดี๋ยวจะเป็นนี่ เดี๋ยวก็ลอกจากเว็ปนี้ไปแปะเว็ปโน้น เดี๋ยวก็ลอกจากเว็ปโน้นมาแปะเว็ปนี้ เหมือนเด็กไม่มีผิดเลยนะ ที่เดี๋ยวก็อยากเป็นทหาร เดี๋ยวอยากเป็นหมอ เดี๋ยวอยากเป็นมดเอ็ก เดี๋ยวอยากเป็นอุลตร้าแมน เดี๋ยวก็อยากเป็นแบทแมน....แต่ก็นะ เด็กทั่วไปเมื่อเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็ย่อม มีสติรู้ผิดชอบชั่วดี แยกจิตนาการ ความฝันกับความเป็นจริงออก ........แต่ก็มีคนบางประเภท ที่สมองหยุดการเจริญเติบโตตั้งแต่5ขวบ ที่วันๆเพ้อฝันไม่หยุดหย่อน เช่นท่าน จะพูดอะไร ก็ไม่เคยใช้สมอง ดีแต่ใช้อวัยวะอื่นแทนเสมอๆ.................แล้วจะกรวดน้ำไปให้นะท่านนะ ฮ่าฮ่าฮ่า

 

เอาอีกแล้ว เผลอไม่ได้เชียว แอบปาอีกแย้ว
เดี๋ยวนานาปา จะหนาว หุหุุหุ

 

การพิจารณาที่จักขุอยาตนะ จะเห็นได้ 4 ลักษณะ

1. เห็นไปที่วัตถุ เห็นเป็นสี เป็นรูป เป็นไอ จนถึงเห็นเป็นปรมัตถ์ แต่เป็นการรู้อยู่นอกๆ
และมักหลุดไปเห็นแบบที่ 4 ทำให้เนิ่นช้า เพียรเกินไป

2. เห็นเข้ามาที่ตาวัตถุ จะเห็นเป็นเม็ดแสงพุ่งไปมา เห็นเป็นฟองอากาศ
เห็นเป็นแสงไฟแฟลช( อันนี้ระวังนิด บอกได้ว่าจะเป็นต้อหิน ) อันนี้ไม่มีประโยชน์
อะไรนอกจากมองสีเขียวไว้ ก็สบายตาดี

3. เห็นเข้ามาที่ส่วนกระทบผัสสะ ก็จะเห็นเป็นแสงยิบๆ เป็นพยับแดด เป็นภาพสอง
มิติ(ไม่ถึง3มิติ) เป็นฉากหนังที่มีลมพัดไหวเหลื่อมกัน ก็ยังนอกๆอยู่ แต่ก็เข้ามาที่
อยาตนะ จะคล้ายคนเวียนหัว แต่มีสติ และเดินได้ตรงทาง แต่หากเกิดแนะนำให้
หยุดการเดินเหินเพื่อพิจารณา จะผ่านไปด้วยเวลาสั้นๆ แต่ให้ผลความสงบขึ้น
มากกว่าเดิม

....ให้ผึกอยู่ตรงนี้จะมีประโยชน์ในการเจริญสติ ฝึกชำนาญจะเห็นภาพกระทบ-มีภวังค
ขั้น-มีการให้ค่า-มีคำ,ความหมายผุด-มีสลัดแทรกแซง-มีไม่สลัดแทรกแซง-มีกลางๆ พอดีๆ
เพราะอุเบกขาสัมโพชฌงค์ จะเห็นการทำงานของรูปนาม ขันธ์5

4. เห็นเข้ามาในอยาตนะ เห็นเข้ามาในจักขุวิญญาณ จะปรากฏภาพซ้อน
ได้ หากยังไม่ไวพอจะเห็นเป็นภาพไหลไปอย่างต่อเนื่อง หากไวขึ้นก็จะ
เห็นเป็นภาพทีละเฟรม เก่าใหม่ซ้อนกันไป หากน้อมไปในนิมิตก็จะเห็น
ภาพจากสังขารขันธ์ต่างๆ นานา

...ฝึกตรงนี้เพื่อดูตัณหา มักจะต้องเป็นคนที่มีตัณหาจริตด้วย ไม่เช่นนั้น
ก็เห็นเข้ามาไม่ได้ -- ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องเห็นเข้ามา ให้เป็นไปตามความ
สมควรแก่ธรรมก็จะเห็นเอง -- บางคนเห็นไปก็เท่านั้น เพราะเมื่อสำเร็จแต่
ไม่ได้เก็บวาสนาบารมีที่จะได้สอนใคร ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หากดูตัณหา
ไม่ทันก็จะเอาออกไปโดยคิดว่าเป็นประโยชน์--จะทำให้ทุกข์แสนสาหัส
ภายหลัง

 

สำหรับผมจะเห็นอะไรก็ช่างมันเถอะ ขึ้นชื่อว่าตาเห็นรูป พยายามให้รับรู้ว่าเห็นสักแต่ว่าเห็น รับรู้ไม่ปรุงแต่ง พระพุทธเจ้าเคยสอนว่า จงอย่าสนใจในรูป ท่านหลวงพ่อพาหิยะฟังแค่นี้ก็สำเร็จเป็นอรหัตผล ไอ้ผมนี่ยังไม่ได้ไรสักอย่าง โง่กว่าท่านตั้งเยอะ 5555 แต่จะพยายามไปเรื่อย ๆ

 

ค่อย ๆปั้นจักรยานของท่านไปเรื่อยๆ แต่อย่าพกเครื่องสูบลม อุปรณ์แก้ไขซ่อมยางด้วยนะ
แต่ไม่มียนต์ให้เราต้องใช้น้ำมัน น้ำมนต์หรอก จะปั่นแรงแค่ไหน ก็แต่แรงของเรา
อยากเร็ว อยากช้าก็ตัวเราเอง ทุกอย่างเพราะ " ตัวฉันเอง"
บางครั้งเราปั้่นอาจจะเจอหมาเห่าข้างทาง ไล่กัดบ้าง เราก็แค่ปั้นหนีเท่านั้น ทำหน้าเฉย ๆ
ใครจะรู้ว่าเรากลัวหมา ของงี้เป็นปัตจัตตัง