การเปิดตาที่สาม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 14 สิงหาคม 2008.

  1. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    ขอบคุณคุณAtsadongค่ะพี่เอาคำสอนหลวงปู่ดุลย์มาให้ได้อ่านกัน
    อัศดง เป็นชื่อที่เพราะนะคะ แต่ ออกจะเหงาๆ เพราะตะวันลับฟ้า เหมาะกับคนอยากปล่อยวาง

    ส่วนความหมายตัวอักษรพิมพ์ให้อาจารย์แล้วค่ะ ผิดไปนิดหน่อย รอบหลัง จะแก้ให้ใหม่ค่า
    เมื่อวานแวะไปบูธ042 ได้ยินอาจารย์ให้ชื่อ คุณunclenon ว่า อุโฆษ ชื่อดังระเบิดเลยคราวนี้
     
  2. light-dragon

    light-dragon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +19
    สวัสดีทุกท่าน ผมไม่ค่อยได้นั่งสมาธิแบบจริงจังซะที ตอนปิดเทอมค่อยทำ

    อิอิ ดูให้ผมทีมีโอกาสเปิดไหมครับ
     
  3. ploy_manee

    ploy_manee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +1,229
    แต่ก่อนเราฝึกตามหนังสือฝรั่ง ความรู้สึกมันก็แบบนี้ แบบคำสอนหลวงปู่อดุลย์ และ ไม่มีครูสอน เราฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆจนได้อารมณ์นิ่งในทุกอิริยาบถ แล้วจิตมันก็เรียนรู้ของมันเอง เราก็ไม่รู้มันคืออะไร รู้แค่ว่ามีความสุขมาก ๆและ อยากอยู่กับความนิ่งแบบนี้ จนหลงทางไปก็มีค่ะ หากฝึกไม่ต่อเนื่อง เพี้ยนได้นะค่ะ หลายปีเลย ตอนนี้ก็ ย้อนกลับไปทางเดิมที่หลงมา ก็หาคำตอบให้ตัวเองเจอแล้วว่าทำไมเพี้ยนมากมาย

    ขอบคุณหลายๆ สำหรับบทความ ชี้ทางสว่างได้ดีว่าควรประคองยังไง เพราะแต่ก่อนจิตมักเล่นกับอุบายตัวเองตลอดจนไม่พ้นซะที 555
     
  4. จีรัง

    จีรัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +21
    เรียนถามคุณลุง สามตาน่ะคับ

    เมื่อต้นเดือน พ.ย. 51 ผมได้มาอ่านกระทู้ของคุณลุง

    วิธีเปิดตาที่สาม แล้วผมลองนั่งสมาธิดูผม

    กำหนดจิตตัวเอง

    ทุกครั้งจะมีเหมือนกระแสไฟฟ้า มันจะรู้สึก ตึ๊บๆตรงกลางหน้าผากตลอดเลยคับ

    ถ้าเรากำหนดให้เรารู้สึกว่าให้มีอะไรตรงหน้าผากก้จะเป้นครับ

    ถ้าเราไม่กำหนดเมื่อไรก็จะไม่เป็นอะไรคับ

    เป็นแบบนี้จนปัจจุบัน 8 ส.ค. 52 แล้วผมก็ยังเป็นอยู่เลยคับ

    ถ้าเราไม่กำหนดก็จะไม่เป้นอะไรคับ

    อยากทราบว่าผมเป็นอะไรหรือเปล่าคับ ถ้าผมไม่ก็หนดก็จะไม่รู้สึกคับ








    ผมเป็นหลังจากอ่านกระทู้ของคุณลุงจนถึงวันนี้แหละคับ

    แต่ผมก็ไม่ได้ปวดอะไรน่ะคับ

    รบกวนคุณลุงตอบด้วยน่ะคับถ้าไม่ได้ตอบก็ไม่เป้นไรคับผม
     
  5. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    ถ้าเป็นลุงสามตารู้สึกว่าเป็นหมอดู อยู่ที่ห้องหมอดู ที่ถามฟรี 3 คำถามใช่ไหมนะ
     
  6. จีรัง

    จีรัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอโทษนะ คับ สงสัยผมบอกชื่อผิดท่าน ครับ



    ว่าด้วยเรื่องตาที่สามต่อคับ

    ณ ตอนนี้ผมก็รู้สึก ชาๆตรงหน้าผากน่ะคับ

    หลังจากที่เริ่มสวดมนต์จิงๆจังมาได้สองสามวันpity_pig

    ไม่ทราบว่า อาการนี้ เป็นอาการของอะไรคับ

    และ

    ตอนเริ่มสวดมนต์ตอนแรกๆ

    ช่วงเริ่มสวดก็ได้กลิ่นดอกจำปีหรือจำปานี่่้แหละคับ

    เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลิ่นอีกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2009
  7. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    เคยผ่าน ๆ อาการแบบของคุณจีรังมาพอสมควร ความจริงน่าจะอ่านทบทวน

    แต่หน้าต้นใหม่อีกครั้ง ก็จะได้คำตอบ


    ชื่อของคุณลุงสามตา ในที่นี้ฟังไม่ค่อยคุ้น แต่ถ้าเป็นอาจารย์ตาที่สาม ชัวร์แน่นอน

    ไหน ๆ เรียกชื่อผิด รุ่นพี่ที่พอคุ้น ๆ อาการอยู่บ้าง ถือวิสาสะเข้ามาแสดงความเห็น


    ตัวอาการตึ๊บ ๆ หรือจะชาก็ได้ ตอนฝึกใหม่ จะเป็นไม่มาก อาการไม่น่าห่วง

    แต่เมื่อเอาจิตจดจ่อเข้า วันเวลาผ่านไป จะปวดชา เสียวแน่นจิ๊ด เหมือนไชเข้าสมอง

    จะกำหนดจิตหรือไม่กำหนด อาการนี้จะแสดงให้ดูตลอด ยกเว้นขณะหลับ นั่นแสดงถึงว่า

    ตาที่สาม ใก้ลระเบิดเต็มที สำหรับเรื่องกลิ่นของดอกจำปี/จำปา หากมีดอกไม้นี้

    อยู่ใก้ล จมูกน่าจะสัมผัสได้ไว จิตที่เริ่มเป็นสมาธินี่ หูก็ไว ตาก็ไวขึ้น ว่างั้นเถอะ

    แม้นเข็มเย็บผ้า หรือโลหะชิ้นน้อย ตกลงพื้น เสียงยังดังลั่น


    การกำหนดรู้ไปตามตำแหน่ง ต่าง ๆ ของร่างกาย จิตอยู่ตรงไหน พลังไฟฟ้าไหล

    ไปตามส่วนนั้น เป็นอาการปรกติ ไม่ต้องกังวล


    หากชอบการกำหนดที่หน้าผาก ให้ตั้งจิตรับรู้ไว้แผ่ว ๆ เบา ๆ อย่าปักจิตมาก

    นั่งไปเรื่อย ๆ เพลิน ๆ แบบธงชัย แมคอินไตย พอจังหวะดี แสงสว่างไสววิ่ง

    เข้าตา อาการทั้งหมด จะหายเป็นปลิดทิ้ง ดีไม่ดี เห็นผีมานั่งอยู่ข้าง ๆ
     
  8. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    [FONT=&quot]หลักการปฏิบัติธรรมเบื้องต้นแนวหลวงปู่ดู่
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    คำภาวนา

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<o></o>

    มีความหมายว่า "ข้าพเจ้าขอรับเอาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่

    ระลึก" ซึ่งจะขอขยายความเทียบตามหลักของ วิสุทธิมรรคคัมภีร์ ที่รจนาโดย

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ดังนี้



    ๑. ฐานของจิต


    การกำหนดฐานของจิต
    ให้กำหนดไว้ที่หน้าผาก หรือระหว่างคิ้วทั้งสอง ตาม

    หลักของวัดประดู่ทรงธรรม และของสมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน วัดพลับ ถือว่า

    เป็นฐานที่ ๗ ซึ่งตามหลักท่านวางไว้ถึง ๙ ฐาน โดยฐานต่างๆ เหล่านี้ เป็น

    เสมือนทางผ่านของลมหายใจที่ไปกระทบ เหมือนกับหลักของอานาปานสติ ฐาน

    ทั้ง ๙ ฐานที่กำหนดไว้มีดังนี้



    ฐานที่ ๑ อยู่ต่ำกว่าสะดือ ๑ นิ้ว


    ฐานที่ ๒ อยู่เหนือสะดือ ๑ นิ้ว


    ฐานที่ ๓ อยู่ที่ทรวงอก หรือที่ตั้งของหทัยวัตถุ


    ฐานที่ ๔ อยู่ที่คอหอย หรือตรงกลางลูกกระเดือก


    ฐานที่ ๕ อยู่ที่ท้ายทอย เรียกว่า โคตรภูญาณ


    (
    ทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นที่ตั้งของสมองส่วน CEREBELLUM)

    ฐานที่ ๖ อยู่ตรงกลางกระหม่อม


    ฐานที่ ๗ อยู่กึ่งกลางหน้าผาก เรียกว่า อุณาโลม หรือทิพยสูญระหว่างคิ้ว


    ฐานที่ ๘ อยู่ระหว่างตาทั้ง ๒ ข้าง


    ฐานที่ ๙ อยู่ปลายจมูก



    หลวงปู่ท่านบอกว่า การที่ให้ตั้งจิตไว้ตรงตำแหน่งกลางหน้าผากที่เดียวในเบื้อง

    ต้นนั้น ก็เพื่อจะได้ไม่ไปพะวงกับลมหายใจ ซึ่งอาจทำให้จิตใจวอกแวกในขณะที่

    ปฏิบัติ สำหรับผู้เริ่มภาวนาบางราย
    แต่ฐานสำคัญที่ท่านเน้นก็คือ ฐานที่ ๖

    (
    ตรงกลางกระหม่อม) ท่านว่าฐานจริงๆ อยู่ตรงนี้ แต่จะต้องให้มีความชำนาญใน

    ทางสมาธิเสียก่อน จึงค่อยเอาจิตไปตั้งที่ฐานนี้ เพราะจะมีกำลังมาก สำหรับฐาน

    ที่หน้าผากนั้น ถ้าท่านเคยดูภาพยนต์อินเดียที่มีพระศิวะ เขาจะเรียกว่าตรีเนตร

    หรือตาที่ ๓ คือ
    ถ้าภาวนาให้ถูกจุด จะทำให้จิตสงบได้ง่าย และมีทิพยจักขุ

    ญาณเกิดขึ้น
    วิธีการภาวนาคือ ให้ใจเสมือนกับเราคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ในที่

    นี้ให้นึกถึงจุดเดียวคือ
    คำภาวนา เหมือนกับเราคิดเลขในใจทำนองนั้น ทำใจ

    เฉยๆ ไม่ต้องคาดคั้น คิดเดา หรืออยากเห็นนั่นเห็นนี่ เพราะเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็น

    นิวรณ์ทั้งสิ้น หน้าที่หรืองานของเราในที่นี้คือภาวนา
    <o></o>
    <o></o>

    ๒. คำภาวนา


    คำภาวนาที่ให้ภาวนาคือ ให้เรามีจิตระลึกถึงภาษาพระ หมายถึง พุทธานุสติ ธัม

    มานุสติ สังฆานุสติกรรมฐาน ทำใจให้มีการเคารพเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม

    และพระสงฆ์ อันจะเป็นกรรมฐาน ที่ทำให้ผู้ที่มีศรัทธาจริต หรือมีความเชื่อ เข้า

    ถึงธรรมะได้โดยง่าย



    ๓. เครื่องชี้ว่าจิตสงบ


    เมื่อปฏิบัติจนจิตเริ่มสงบแล้ว จะเกิดความสว่างขึ้นที่จิต พร้อมกันนั้น จะมีสิ่งที่

    เป็นตัวชี้บอกว่า จิตของเราเป็นอย่างไรบ้าง อันได้แก่ปิติต่างๆ เช่น อาการขนลุก

    ตัวเบา น้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลง รู้สึกเหมือนกายขยายใหญ่ เป็นต้น ซึ่งสิ่ง

    เหล่านี้ จะเป็นตัวชี้ถึงจิตว่า เริ่มจะสงบแล้ว ให้ผู้ปฏิบัติวางใจเฉยๆ อย่าไปยินดี

    หรือยินร้าย บางท่านที่มีนิสัยวาสนาบารมีทางรู้ทางเห็นภายใน ก็อาจจะเกิดองค์

    พระปรากฎขึ้นจากแสงสว่างเหล่านั้น



    ในเรื่องการเห็นแสงสว่างนี้ บางสำนักท่านว่าอย่าไปสนใจ เอามืดดีกว่า เพราะ

    เดี๋ยวจะหลง แต่ตามความเห็นของผู้เขียน นึกถึงคำบาลีที่ว่า "นัตถิ ปัญญา สมา

    อาภา" แสงสว่างเทียบด้วยปัญญาไม่มี ดังนั้น ผู้ที่เห็นแสงสว่างปรากฎขึ้น ก็เป็น

    นิมิตอันหนึ่ง ซึ่งแสดงให้รู้ประจักษ์อยู่ที่ตัวเราต่างหากว่า จะใช้แสงสว่างนี้ไปใน

    ทางที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะหลวงปู่ท่านบอกว่า
    การปฏิบัติต้องทำให้รู้ เห็น

    เป็น และได้
    สำหรับในขั้นต้นนี้ "รู้" หมายถึงให้มีสติรู้อยู่กับคำภาวนา เมื่อ "

    เห็น"
    ก็ให้รู้ว่า "เห็น" อะไร รู้จักกลั่นกรองด้วยสติปัญญา และเมื่อมีความชำนาญ

    แล้วก็จะเป็น
    "เป็น" นั้นคือเห็นองค์พระได้ทุกครั้ง และสามารถที่จะทำได้ เมื่อ

    ต้องการทำให้เกิดขึ้น
    นี่แหละ คือหลักแห่ง "อภิญญา"


    หมายเหตุ ถ้ามีพระของหลวงปู่ทวด หรือหลวงปู่ดู่

    ไม่ว่าจะสร้างจากวัดใด รุ่นไหนก็ได้ มากำไว้ที่มือขวา

    ระหว่างนั่งสมาธิ พลังของพระเครื่อง จะช่วยเรื่องจิต

    ได้อีกส่วนหนึ่ง


    วัดถ้ำเมืองนะ จังหวัดเชียงใหม่
     
  9. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    ขอเรียนถามครับ

    เมื่อสักครู่สวดมนต์ไหว้พระแล้ว ได้ทดลองมองมือตัววางไว้ที่ผนังสีเขียวอ่อน

    สักครู่จะเห็นมือเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ข้างขนาดต่างกันกับมือเรา

    สีต่างกันเล็กน้อยกับมือของเรา

    แล้วมือที่เห็นเพิ่มก็เลื่อนมาทับพอดีกับมือเรา แล้วเห็นแสงที่ขอบของนิ้วครับ


    แต่ที่ผมสงสัยก็คือ แสงที่เห็นสีไม่เหมือนกันครับ มือซ้ายจะเห็นเป็นแสงสีฟ้าๆขาวๆ

    มือขวาจะเห็นเป็นแสงสีเขียวๆอมเหลืองครับ เรียนถามผู้รู้ครับ


    ด้วยความนับถือ
     
  10. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    5 5

    เรียก ลุงสามตา ฟัง แล้ว แปลกหู

    แต่ ก็ รู้สึก ถึง ความน่ารัก ไปอีกแบบ


     
  11. unclenon

    unclenon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +228
    ได้ชื่อ "อุโฆษ" มาไม่รู้จะดังระเบิดแบบตัวกลมว่าหรือเปล่า แต่ความหมายที่อาจารย์บอกผมคือ อักษรแต่ละตัวมีพลังในตัวของอักษร นั้นๆ แต่ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย เพราะอักษรตัวเดียวกัน ถ้าอยู่ที่คนสองคน พลังก็จะต่างกันครับ แต่ในส่วนของผมนั้น อาจารย์บอกว่า อ ฆ ษ เป็นอักษรที่ดี มีพลังมากกับผม ส่วนสระอุ นั้นจะเป็นเหมือนเสาเข็มทำให้มั่นคงแข็งแรงครับ

    เอาเป็นว่าใครจะเรียก UNCLENON เป็น อุโฆษ ก็ไม่ว่ากันนะครับ เผื่อจะดังทะลุฟ้าแบบอาจารย์
     
  12. จีรัง

    จีรัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอบคุณมากคับ

    แล้วผมจะลองดูคับ ถ้าลืมตาจะรู้สึก ได้น้อยกว่าหลับตาครับ

    เรื่องได้ยินเสียงกับกลิ่นนี่ เหมือนเรารับรูัได้มากกว่าเดิมอีกครับ

    แล้วผมจะมาบอกอีกทีน่ะคับ ถ้าเปิดตาที่สามนี่เปิดเองยากใช่หรือเปล่าคับ

    ยังไงผมก็จะฝึกไปเรื่อยๆ เอาให้มากกว่านี้ คืบหน้ายังไงจะมาบอกอีกทีคับ

    ;aa57
     
  13. จีรัง

    จีรัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +21
    มาต่อครับ หลังจากนั่งไปอีกครั้งนึง

    นั่งไปซักพักแล้วก็เหมือนอะไรมาพลักเราแรงมาก หลักจากนั้นก็เกิดอาการชาที่ จมูก ซักครู่

    ก็เปลี่ยนเป็นหนักที่ท้ายทอยแทนครับเหมือนหัวจะหงายลงไปข้างหลัง

    ซักพักก็เกิดอาการ เหมือนมีคนเอากระแสไฟฟ้ามาจี้ที่ปลายเท้า ตอนแรกนึกว่า
    ตัวอะไรมากัด

    ซักพักก็ลงจากเท้าซ้ายแล้วก๋มาเท้าขวา ครับ หลังจากนนั้นก็นั่งสมาธิก็เป็นปกติดีครับ

    แล้วก็ออกจากสมาธิ มานั่งพิมพ์บอกอาการที่เป็นนี่แหละครับ

    ไม่ทราบว่า อาการแบบนี้เรียกว่าอะไรครับ รบกวน พี่ๆในบอร์ดหรืออาจารย์ก็ได้น่ะคับ
     
  14. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    ขอบคุณ มังกรบูรพา ที่ ช่วยมาตอบแทน
    อาการใดๆๆที่เกี่ยวตำแหน่ง ของ ตาที่สาม...แปลว่า..ตาใกล้จะเปิด แล้ว
    ถ้าเปิดเมื่อไหร่ ก็ตัวใครตัวมัน
    ...................................................................
    .ต้องเตรียมตัวไว้หน่อย..ตาเปิดเมื่ไหร่..เวลานอน..จะเห็น ผีมายืนล้อมรอบเตียง
    นอนหลับได้ใหม??.....ตัวใครตัวมันล่ะ..อยากเปิด กัน จัง
     
  15. จีรัง

    จีรัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +21
    ก็ไม่อยากเปิดหรอกคับ อยากรู้ว่า อาการที่ผมเป็นนั่น เข้าข่ายตาที่สามหรือเปล่าครับ

    ถ้าเปิดเองก็ไม่เป็นไรคับ ถ้าไม่เข่าค่ายก็ไม่เป็นอะไรคับ

    เพราะอาการนี้ผมเป็นหลังจากมาอ่าน กระทู้ของอาจารย์คับ

    แล้วลองทำตามดู แล้วก็เป็นอาการคล้ายๆกันครับ

    เพราะถ้า ถามผมเอง ผมอยากเปิดไหม ในใจลึกๆแล้วถ้ามีผมก็อยากจะเปิดคับ

    แต่จิงๆแล้ว ผมก็กลัวผีน่ะคับ กลัวแบบในหนัง ถึงผมก็ไม่อยากเห็นผีก็ตาม

    แต่ถ้าอาการของผมไม่ใช่ อาการของตาที่สามก็ไม่เป็นอะไรคับ

    ผมแค่สงสัยว่า อาการตัวเองทำไมเป็นแบบนั้น เพราะตั้งแต่ ผมเกิดมา การนั่งสมาธิของผม

    ก็นั่งได้ปกติ แต่พอมาอ่านกระทู้ของอาจารย์เลยถามตัวเองว่า ตัวเราเกิดอาการอะไรกันแน่

    เพราะผมเองนั้นก็ยังเด็กอยู่ สมาธิก็ยังได้ไม่มาก ถ้าผมมีตาที่สามแล้วตาที่สามผมเกิดเปิด

    ผมก็ไม่รู้จะเอา บุญอันน้อยนิดของผมไปช่วย วิญญาณเหล่านั้นได้หรือไม่

    และผมก็ไม่รู้ว่า ผมจะทำตัวยังไงเมื่อเรารับรู้ และเห็นได้หลายๆโลก หลายๆมิติ

    ผมแค่อยากรู้ว่า อาการของผมมีวืธีการรักษาได้หรือไม่คับ

    เพราะ ผมเองก็พยายามจะรักษาศีลสวดมนต์ทุกวันครับ

    ถ้าเป็นการรบกวนท่านอาจารย์หรือพี่ในบอร์ดนี้ ผมก็ขออภัยด้วยคับ

    เพราะทุกครั้งที่ผมนั่งสมาธิ อาการเหล่านั้นก็มาบ้างไม่มาบ้าง

    บางที่ก็ชาที่หัว บางที่ก็ร้อนที่หัว บางที่ก็ชาที่จมูกบ้าง รามไปที่ปากไปที่คอบ้าง

    ยังไงผมก็ขอโทษอีกครั้งน่ะคับ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าผมจะแก้อาการเหล่านี้ได้อย่างไรคับ

    ผมก็ขอสงสัยอาการของตัวเองก็เท่านั้นเองคับ ผมขอโทษจริงๆคับ
     
  16. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    เปิดไปก็ยังไม่เห็นหลอกเนอะ......5-5-5
     
  17. unclenon

    unclenon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +228
    เอ้า ใครอยากเปิดก็เปิดไปเถอะครับ ผมคนหนึ่งละไม่เอา บอกตามตรงครับ กลัว ผอ สระ อี ผีมากๆ ถ้าลองแบบอาจารย์บอกว่า ตอนนอนพวกพี่ๆเล่นมายืนมุงดูเรานี่ละก้อ ขอบายก่อนนะครับ ชอบอะไรที่เป็นส่วนตัวมากกว่าครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะทิ้งเรื่องปฏิบัตินะครับ แค่ขอให้ผ่านไปแบบไม่ต้องมองเห็นจะดีกว่าครับ ยอมมมมมม
     
  18. จีรัง

    จีรัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +21
    ถูกต้องคับ;aa31
     
  19. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    เนื่องจากตาที่สามเป็นตาแห่งจิต เมื่ออย่างอื่นพร้อมจิตไม่พร้อมก็มองไม่เห็น
    ตาที่มองเห็นเทพพรมจิตไม่ใช่จะเห็นได้อย่างไร ......5--5--5
    แค่จิตมีความอยากก็ไม่ได้แล้ว....ดูคนที่ได้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากได้...5-5-5
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2009
  20. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    หุหุ ผมก็ว่าโชคดีที่ถูกปิดตา เพราะกลัวผีที่สุดในโลกครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...