ทำความดีต้องมีอุปสรรค...หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 21 พฤศจิกายน 2008.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    [​IMG]

    ทำความดีต้องมีอุปสรรค
    โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม



    ขอเจริญพรว่า ทำความดี น่ะยาก ต้องใช้เวลามาก
    ทำความดีนั้นต้องมีอุปสรรค
    คือมีศัตรูในใจมันมาปิดบังอำพราง
    บุญมีแต่กรรมบัง มันไม่อยากให้สร้างความดี
    มันมาแย้งกับเราคือศัตรูในใจ
    ไม่อยากจะสร้างความดีกับเขา ตรงนี้น่าคิดมาก
    คนที่สร้างความชั่วน่ะมันไม่มีศัตรูเลย ไม่มีอุปสรรคด้วย
    เหมือนไหลไปตามน้ำ สบาย ไม่มีใครขัดคอแต่ประการใด
    แต่ถ้ามาสร้างความดี ท่านมีศัตรูทีเดียว
    มันมาแย้ง มันมาเป็นมารให้เราไม่สร้างความดี
    ท่านทั้งหลายโปรดตีความก่อน
    ไม่หมายความว่าสร้างความดีแล้ว
    จะสบายอยู่เย็นเป็นสุข...ไม่ใช่
    ต้องการสบาย ต้องการอยู่เย็นเป็นสุข กินสบาย
    นอนสบาย นั่นกำลังชั่วแล้ว กำลังทำความชั่ว

    แต่หลักที่อาตมาจะชี้แจงนั้น
    สร้างความดีต้องลงทุนความลำบากได้ทุกวิถีทาง
    สร้างความชั่วชอบลงทุนความสบาย
    เอาปูนหมายหัวคนนั้นไว้ก่อน กินสบาย นอนสบาย
    ไม่เอางานเอาการแต่ประการใด ตรงนั้นน่าคิดพิจารณา
    เอามาพิจารณาคน พระเอกนางเอกในเรื่องละครชีวิต
    ไม่เคยมีความสบายเลย
    ตลอดลาโรงของชีวิตละคร มีแต่ความยากความลำบาก
    ที่ต้องระหกระเหิน ต้องใช้อุดมการณ์ อุดมคติมากมาย

    ข้อสอง มารไม่มี บารมีไม่เกิด ประเสริฐไม่ได้
    ถ้ามารมีต่อสู้มาร ขอฝากพี่น้องกรรมฐานไว้ทุกคน
    มีความหมายเพราะเหตุใด
    จะสร้างความดีมันมีศัตรูมากมายเหลือเกิน
    เรามีบุญแต่กรรมบัง ไม่อยากให้สร้างความดี
    มาปิดบังอำพรางเรา
    เรามานั่งกรรมฐานเอาแต่ความสบาย
    วันนี้นั่งสบายไม่มีเวทนา
    จิตฟุ้งซ่าน ท่านคิดไหมว่าท่านจะได้ ครูไม่มาสอนท่านแล้ว
    ว่างเปล่า นั่งสบาย ใจก็ลอยออกไปชมวิวทิวทัศน์
    ถือว่าได้ญาณ ถือว่าได้ผลงาน นั่นแหละถือว่าเลว
    ไม่ได้อะไรเลย เพราะครูไม่มาสอน
    ครูเวทนาก็ไม่ได้มาสอน ครูฟุ้งซ่านก็ไม่ได้มาสอน
    ออกมาอย่างนี้นะ แต่ท่านตีความผิดกันทั้งนั้น
    เข้าใจว่านั่งสบายวันยังค่ำ ไม่เมื่อยไม่ปวด
    คิดว่าท่านได้ฌานได้ญาณ คิดว่าได้สมาธิ
    ไม่ได้เลยนะ ไม่ได้อะไรเลย
    ตรงกันข้ามกับมารอันนี้ ถ้าเรามานั่ง ความวัวยังไม่ทันหาย
    ความควายเข้ามาแทรก
    เดี๋ยวก็ปวด เดี๋ยวก็ฟุ้งซ่าน เดี๋ยวก็เสียใจ เดี๋ยวก็ดีใจ
    นั่นแหละครูมาสอน ต้องเรียน
    ต้องเรียนตำรานั้นให้ได้เรียกว่า สมถะ

    สมถะ แปละว่าต้องศึกษา แสวงหาความรู้
    ถ้ารู้จริงเมื่อไร พบของจริง ได้ของจริง ของแท้ แน่นอนแล้ว
    จึงจะเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นวิปัสสนา
    ขอฝากท่านไปตีความให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อย
    จิตมีอุปาทาน จิตยึดเวทนา ยึดมากปวดมาก ยึดน้อยปวดน้อย
    ถ้ายึดมาหนักเข้ามันก็ปวดจนน้ำตาจะร่วง
    นั่นแหละการศึกษาแสวงหาความรู้ เรียกว่า สมถะ
    กำหนดจิตได้ต่อสู้กับเวทนา
    พอทราบความจริงของเวทนาแล้วมันบังคับบัญชาไม่ได้
    เวทนาแปลว่าบังคับไม่ได้ บัญชาไม่ได้ ไม่มีตัวตน
    แต่มันปวดที่ไหน ปวดที่ขา ขานี่คืออะไร สังขารปรุงแต่ง
    อาศัยรูปอยู่ ณ บัดนี้ มันจึงปวดดังที่กล่าวมา
    พอศึกษาให้เข้าใจของหลักธรรม ปวดหนอๆๆๆ
    ศึกษาหนักเข้าไปเป็นสมถะ
    จับจุดมุ่งหมายได้ก็แตกโป้ง รูปนามขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์
    ก็เรียกว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พบตรงนั้นเมื่อไร
    จิตก็ไม่เป็นอุปาทานยึดมั่นอีกต่อไป
    ตรงนั้นแหละมันจะไม่ปวดต่อไป
    มันปวดเพราะจิตใจไปยึด แต่จำเป็นต้องยึด
    เหมือนโยมขึ้นบันได มีอยู่ ๙ ขั้น
    ก้าวขั้นที่ ๑ ก็ต้องเกาะ ก้าวขั้นที่ ๒ มือก็ปล่อย
    อย่างนี้นะ ก้าวขึ้นไปอีกก็ปล่อยอีก
    ต้องก้าวไปถึงขั้นสุดท้ายเลยนะ ถึงจะปล่อยได้
    ก้าวต้องมีที่เกาะ เกาะต้องมีที่เก็บ
    ตรงนี้ลึกซึ้งมาก แต่เราไม่สามารถจะตีปัญหาอันนี้ได้
    เราไม่มีโอกาส เราจึงเห็นว่ายาก
    ที่อาตมาพูดไว้เมื่อวันก่อนว่า
    ยากแท้แต่เราไม่เคย ถ้าเคยแล้วมันง่ายแท้
    เพราะทุกอย่างต้องฝึก เรียกว่า สมถะ
    ถ้าท่านทำงานเรียนวิชาการเสร็จแล้วไม่ได้ฝึก
    รับรองจะไม่ได้ผล ทุกอย่างต้องฝึกหมด
    ที่อาตมากล่าวไว้แล้วเป็นเวลานาน
    แข่งเรือแข่งแพแข่งได้ แข่งวาสนาแข่งไม่ได้
    มีแรงจะไปจ้ำเรือ แต่เสียใจด้วย ท่านพายเรือไม่เป็น
    ลงเรือก็จะล่มแล้ว
    นี่หรือจะไปอวดรู้ อวดดี จะไปแข่งเรือ ใช่หรือไม่
    ไม่ฝึกการพายเรือ จะมีแรงยังไงก็จ้ำไม่ไป
    มันก็หมุนไปทางโน้น หมุนไปทางนี้
    นี่แหละจุดมุ่งหมายอันนี้ต้องฝึก ต้องหัด ต้องดัดนิสัย
    จิตใจก็จะเข้าสู่จุดมุ่งหมายอันนั้นเป็นประการสำคัญ

    ปวดหนอ ต้องศึกษา อย่าเลิก ทักษะแปละว่าอะไรหรือ
    เกิดความคิดใหม่ๆ เรื่องเก่ามาคิดให้ทันสมัย
    ประยุกต์ปริทรรศน์ให้เกิดวิปัสสนาญาณ เป็นผลงานของชีวิต
    ประจำจิตประจำใจ ประจำถิ่น ประจำฐาน ประจำครอบครัว
    จะมีความสุขในตัวเอง ออกมาในทำนองนี้เป็นต้น

    ทำอะไรทำให้จริงเถอะ ทำจริงจะได้ผลภายใน ๗ วัน
    มีตัวอย่างที่วัดนี้ ถ้าทำไม่จริง จิ้มๆ จ้ำๆ ไม่ได้อะไร จะได้บาปนะ
    อย่าหมิ่นประมาทต่อกรรมฐาน
    อย่าไปว่าหนอๆ แหนๆ ไม่ได้เรื่องได้ราว
    ระวังนะ
     
  2. humanbeing

    humanbeing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +214
    ขอบคุณมากค่ะ คุณ wellrider

    ต่อไปจะได้ฝึกตนเองให้เอาชนะความลำบาก เวลานั่งสมาธิ
     
  3. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ ....

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

     
  4. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
  5. be sensible

    be sensible สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +1
    อนุโมทนาสาธุ รู้สึกปลื้มใจมากเลยเจ้าค่ะคุณพระคุณเจ้า
     
  6. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,306
    อนุโมทนาสาธุ
    เพิ่งเข้าไปกราบท่านเป็นคำรบที่ ๓ เมื่อเดือนกรกฎาคม ผู้คนเข้าไปนมีัสการท่านจำนวนมาก วันละ ๒ รอบ เช้า ๑๐.๐๐ น. บ่าย ๑๔.๐๐ น. มีเวลารอบละประมาณ ๑๕ นาที หรือเมื่อญาติโยมหมดแล้ว ท่านจึงกลับเข้ากุฎี ฉะนั้นญาติ โยม ที่จะไปกราบท่านต้องเตรียมสิ่งที่ต้องการจะไปถวายท่านให้พร้อม
     

แชร์หน้านี้

Loading...