การซื้อและรับประทานเนื้อสัตว์ ถือว่ามีส่วนร่วม สนับสนุนการทรมาณ ล่า ทำร้ายและฆ่าสัตว์ หรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ณัฐธยาน์, 24 กรกฎาคม 2009.

  1. ณัฐธยาน์

    ณัฐธยาน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +767
    กราบเรียน ผู้รู้

    การซื้อและรับประทานเนื้อสัตว์ ถือว่ามีส่วนร่วม สนับสนุนการทรมาณ ล่า ทำร้ายและฆ่าสัตว์ หรือไม่

    ส่วนตัวคิดว่าเพราะ มีคนกินถึงมีการกระทำนี้
    ขอโปรดอธิบายด้วยค่ะ

    "พยายามทำความเข้าใจกับบางคำสอนว่า ไม่ผิด ไม่เป็นไร
    เพราะไม่ได้ฆ่าเอง ไม่ได้สั่งฆ่า ไม่เห็น ไม่รู้
    ไม่รังเกียจเนื้อสัตว์นั้น มาเห็นอีกที่นอนตายแล้ว
    หรืออยู่ในจานแล้ว กินได้ไม่เป็นไร
    อีกอย่าง ถือว่าเป็นกรรมร่วมกันของคนทำกับผู้ถูกทำ เราไม่เกี่ยว"

    ไม่เกี่ยวจริงหรือคะ
    .....พยายามอย่างไร แต่ก็ยังสงสัย....อยู่ดี
    และ ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ นานแล้ว..

    ขอได้โปรดอธิบายให้รู้แจ้งด้วยค่ะ เพราะหากเข้าใจผิดหรือสงสัยอย่างนี้

    กลัวจะเป็นการปรามาสคำสอนค่ะ

    ขอบพระคุณและโมทนาค่ะ
    :z2;hi2:z1
     
  2. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    มันก็เกี่ยวอะครับ จะเกี่ยวมากหรือน้อยก็ว่ากันไป ขึ้นอยู่ที่เจตนาครับ เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมมีวิธีหนึ่งคือ ถ้า จขกท รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ลองทําอย่างผมสิครับ คือทุกวันหลังสวดมนต์ นั่งสมาธิเเล้ว ผมจะเเผ่เมตตาอุทิศไปให้สัตว์ทั้งหลายที่ผมกินเนื้อเขาด้วยครับ ผมทําอย่างนี้มาหลายเดือนเเล้ว เเละกะจะทําต่อไปจนกว่าวันสุดท้ายของชีวิตครับ ถ้าไม่มีเนื้อพวกเขาให้เราทานกัน เราก็คงจะอยู่กันไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น นี่คือเหตุผลที่ว่า ทําไมผมไม่เคยคิดดูถูกสัตว์เลยครับ เขามีบุญคุณกับเรามากด้วยซั้าไปครับ
     
  3. ฆราวาสธรรม

    ฆราวาสธรรม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอร่วมอนุโมทนาบุญ คุณวิญญานนิพพานที่ให้ความรู้ความกระจ่างในการแผ่เมตตาจิตกับเพื่อนสาราสัตว์น้อยใหญ่ที่มีบุญคุณต่อเราครับ _/\_
     
  4. หนูแอ้

    หนูแอ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +627
    คุณ จขกท คิดเหมือนหนูแอ้เลยอ่ะคะ เพราะได้อ่านคำตอบจากหลายๆที่แล้วก็ยังไม่หายสงสัย เพราะหนูแอ้อ่านจากเวปนี้ คือเค้าก็บอกว่าเราไม่บาป เพราะเราไม่ได้เป็นคนสั่งฆ่า

    แต่วันก่อน หนูแอ้ไปคุยกับพี่คนนึง เค้านับถือเกี่ยวกับอนุตตรธรรมอ่ะคะ เค้าบอกว่า การที่หนูแอ้ยังทานเนื้อสัตว์ยังเป็นการเบียดเบียนสัตว์อ่ะคะ เค้าบอกว่าให้หนูแอ้อ่านหลายๆตำรา สรุปเลย คือพี่เค้าบอกว่า ถ้าหนูแอ้ยังทานเนื้อสัตว์ หนูแอ้ก็ยังทำผิดศีลข้อ1 อ่ะคะ คือเบียดเบียนสัตว์ เพราะทุกชีวิตย่อมเคยเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน แล้วเราก็ไปพรากเค้าอ่ะคะ ..

    ถึงตอนนี้แล้ว หนูแอ้ก็ยังคงสงสัยอยู่ดี .... แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ตั้งหัวข้อเรื่องนี้และมีผู้รู้มาตอบด้วยคะ .. ขอบคุณมากคะ
     
  5. wavepoo

    wavepoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +113
    ผม ก็ไม่มั่นใจนะครับ ได้ยินมาเหมือนกันนะ ประมาณว่า ฆ่า แล้วนำมา ขายขายแล้วให้มา ซื้อ มันเหมือนว่าจะ ต่อๆกันเลยนะครับ ถ้าไม่ซื้อ ก็ไม่มีคนขาย ถ้าไม่มีคนขาย ก็ไม่มีคน ฆ่า เช่นนั้นรึเปล่าครับ ผิดถูกก็ ขอ ประทานโทษด้วยนะครับ ผมยังใหม่อยุ่มาก
     
  6. mint2546

    mint2546 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +46
    เบียดเบียนแน่นอนครับ เราอยากกินเขา เราก็เหมือนผู้จ้างวานฆ่าครับ แต่ความผิดนั้นขึ้นอยู่กับว่าเจตนาเรามีมากน้อยเพียงไรครับ ถ้าไม่มีคนกิน ก็ไม่มีคนฆ่า ถ้ามีคนกิน ก็มีคนฆ่า เวรกรรมไม่รู้จักจบจักสิ้นครับ ชีวิตทุกชีวิตย่อมรักชีวิตของเขาไม่ว่าเขาจะเล็กหรือใหญ่เขาก็มีชีวิตและจิตวิญญาณครับ
    --------------------------------------------------------------------------------
    ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกับเจ้าของกระทู้นี้ด้วยนะครับ
     
  7. Haruki

    Haruki Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +36
    ทานเป็นเวร (เจ้าของเนื้อ ที่เราทานเข้าไป เขาจองเวร)
    ฆ่าเป็นกรรม (ผิดศีลข้อที่ 1)
    หมายเหตุ ครูบาอาจารย์ ท่านสอนมา ไม่ได้รู้เองครับ
     
  8. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    คำถามนี้คงต้องปรับมุมมองของแต่ละท่านแล้วละครับเพราะเห็นเป็นสองมุมก็ขอปรับทั้งสองมุมให้ตรงกันนะครับ การกินเนื้อสัตว์นั้นขอบอกว่าไม่บาปแน่นอนครับเรากินซากสัตว์ที่ตายแล้วนะครับเพื่อประทังกายนี้ให้คงอยู่มิได้กินเพื่อความเอร็จอร่อยหรือกินด้วยความโลภเป็นเพียงกินเพื่อประคองให้กายมีกำลังที่จะบำเพ็ญธรรมต่อไปเพราะฉะนั้นก่อนกินจึงตั้งจิตอธิธานตามนี้ว่าเรากินเพื่อประทังชีวิตไม่ให้เกิดทุกขจากความหิวเพื่อกายนี้มีกำลังปฏิบัติธรรมเพื่อพระพุทธศาสนาจะได้อยู่คู่โลกเพื่อความสุขของมนุษย์และเทวดา แค่นี้แหละครับ แต่ถ้าท่านไปสั่งฆ่าสัตว์เพื่อนำมาทำอาหารนั้นบาปทันทีเลยครับเพราะเป็นการเบียดเบียนชีวิตสัตว์หรือยืนรอให้เค้าฆ่าให้ตายเพื่อจะซื้อมาทำอาหารก็บาปเหมือนกันครับเพราะฉะนั้นต้องระวังนะครับอยู่ที่เจตนาครับอุปมาอุปมัยเสมือนนกแร้งนะครับมันกินแต่ซากสัตว์มันไม่เคยฆ่าหรือสั่งให้เสือหรือสิงโตฆ่ามันเพียงแต่รอให้สัตว์ถูกฆ่าตายก่อนหรือตายเองแล้วค่อยกิน เราก็ต้องเหมือนมันนะครับ ส่วนที่ว่าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่านั้นจริงๆแล้วไม่ว่ามีคนกินหรือไม่เค้าก็ฆ่าอยู่ดีนะครับเพราะว่าเป็นอาชีพของเค้าบางทียังมีรับจ้างฆ่าเลยครับเพราะฉะนั้นจะโทษคนกินไม่ได้เป็นเพียงข้ออ้างให้ตนบาปน้อยลงหรือประโลมใจเท่านั้นครับ เพราะคนฆ่าไม่รู้ว่าวันนี้จะขายหมดไหมแต่ก็ฆ่าไว้ก่อนเมื่อขายไม่หมดกลัวเนื้อจะเสียก็เอามาขายถูกๆก็มีเพราะฉะนั้นมีคนกินหรือไม่เค้าก็ฆ่าอยู่ดีแหละครับเพียงแต่ถ้าเค้ารู้จักการทำเป็นหน่อยก็หมั่นทำบุญอุทิศบุญกุศลให้กับสัตว์ที่เค้าฆ่ากรรมก็จะเบาบางลงบ้างนะครับเพราะฉะนั้นเราผู้บริโภคก็ต้องจำไว้นะครับบริโภคเพียงเพื่อให้ร่างกายอยู่ได้เท่านั้นนะครับอย่าได้กินเพื่อความอร่อยหรือความโลภต้องระวังจุดนี้เหมือนกันและอย่าได้สั่งเค้าฆ่าหรือยืนรอเค้าฆ่านะครับบาปทันทีเลย สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2009
  9. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ให้พิจารณาให้ดี หากรับประทานเนื้อสัตว์ แล้วถือว่ามีส่วนร่วม สนับสนุนการทรมาณ ล่า ทำร้ายและฆ่าสัตว์ ผู้ที่รับประทานคงมีส่วนร่วมของการกระทำนั้น พระสงฆ์ที่รับนิมนต์ก็มีส่วนบาปด้วยสิ สำหรับเจ้าของกระทู้ เป็นผู้ที่มีความคิดที่ดีหากทำได้ก็จะดีมาก แต่การที่จะกระทำบาปก็ต้องครบองค์ประกอบ โดยมีเจตนา มีการกระทำ และกระทำการจนสำเร็จ การติดกับความอร่อยในรสชาติแล้วแสวงหามาบริโภค ถือว่าร่วมทำบาป สำหรับการจะรับประทานหรือไม่รับประทานเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ห้ามไว้ ใครจะปฎิบัติไม่ทานเนื้อหรือทานเนื้อ สำหรับทางพุทธมหายานพระจะฉันเจ มีโรงเจโดยไม่ออกบิณฑบาต สำหรับพุทธแบบไทยจะไปเลือกไม่ได้เป็นอาบัติอีก
     
  10. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    <TABLE class=tborder id=post1542032 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">30-09-2008, 11:53 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#2 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เรายังเลว<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1542032", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jun 2008
    ข้อความ: 233
    Groans: 0
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 364
    ได้รับอนุโมทนา 2,150 ครั้ง ใน 206 โพส
    พลังการให้คะแนน: 37 [​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1542032 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->เนื้อนั้นได้มาอย่างไร ถ้าได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ไม่บาปครับ คือ ไม่ได้สั่งฆ่า ไม่เห็นตอนเขาฆ่า ไม่ได้ยินว่าเขาจะฆ่ามาให้กิน ไม่สงสัยในที่มาของเนื้อนั้น กินได้ครับ เอาเป็นว่าถ้าซื้อกับข้าวสำเร็จรูปหรือเนื้อสำเร็จรูปมากิน ก็ไม่บาปครับ

    ส่วนกินผักได้บุญหรือไม่ ถ้ากินแล้วถือศีลทำบุญด้วยก็ได้บุญครับ ถ้ากินผักแล้วปากร้าย ด่าคนอื่น แฮปเงินชาวบ้าน อันนี้ได้บาปนะครับ เหมือนที่เขาว่า ถือศีลกินเจ ถ้ากินเจอย่างเดียวไม่ถือศีลไม่ไหว้พระสวดมนต์ก็ไม่ดีครับ บุญบาปไม่ได้ขึ้นกับการกินอย่างเดียว ที่สำคัญคือเจตนานะครับ

    อนุโมทนากับผู้ที่ถือศีลกินเจด้วยครับ สาธุๆ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ตายเมื่อไหร่ ขอไปนิพพาน​
    <!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://palungjit.org/threads/กินเนื...ในพระไตรปิฏก-พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่างไร.151474/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กรกฎาคม 2009
  11. joeycoles

    joeycoles เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    572
    ค่าพลัง:
    +457
    เป็นข้อคิดที่ดีมากครับ
     
  12. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130


    พระพุทธเจ้าทรงห้ามพุทธบริษัทรับประทานเนื้อสัตว์ หรือไม่

    คำถามนี้ต้องแยกตอบเป็น ๒ พวก คือ

    ๑. พุทธบริษัทที่เป็นคฤหัสถ์
    ๒. พุทธบริษัทที่เป็นบรรพชิต

    สำหรับพุทธบริษัทที่เป็นคฤหัสถ์นั้นพระพุทธเจ้าไม่ห้ามการรับประทานอาหารทุกชนิด เพราะชาวบ้านมีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมต่างกัน ความเชื่อถือในเรื่องการรับประทานอาหารก็เป็นไปตามตระกูลและวรรณะของตน พระพุทธเจ้าจึงไม่ห้ามชาวบ้านในเรื่องการเลือกอาหาร

    แต่สำหรับบรรพชิต คือ ภิกษุ ภิกษุณี และ สามเณรนั้น พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติข้อห้ามไว้ ๒ กรณี คือ

    กรณีที่ ๑ ห้ามรับประทานเนื้อ ๑๐ ชนิด คือ เนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อราชสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือดาว เนื้อเสือเหลือง เนื้อหมี เนื้อสุนัข เนื้องู
    การที่พระพุทธเจ้าบัญญัติห้ามภิกษุฉันเนื้อเสือ ๓ ชนิด แทนที่จะพูดรวมๆ “เนื้อเสือ” เพราะในภาษาบาลี เสือแต่ละชนิด ใช้คำเรียกต่างกัน คือ เสือโคร่ง ใช้คำว่า พยคฺฆมํสํ , เสือดาว ใช้คำว่า ตรจฺฉมํสํ , เสือเหลือง ใช้คำว่า ทีปิมํสํ เนื้อ ๑๐ ชนิดนี้ ถ้าภิกษุฉัน ต้องอาบัติทุกกฎ (ที่มา : ฉบับหลวง เล่ม ๕ ข้อ ๕๗ หน้า ๖๙-๗๒)

    กรณีที่ ๒ พระพุทธเจ้าห้ามภิกษุฉันเนื้อที่เขาฆ่า เพื่อทำอาหารถวายพระโดยเฉพาะ เรียกในพระวินัยว่า “อุททิสุสมังสะ” แปลว่า เนื้อสัตว์ที่เขาฆ่าเจาะจงเพื่อถวายภิกษุ ท่านห้ามมิให้ภิกษุฉัน หากภิกษุฉัน ทั้งได้เห็น ได้ยิน หรือสงสัยว่าเขาฆ่าเพื่อถวายตน ต้องอาบัติทุกกฎ

    พุทธบัญญัติข้อนี้ มีในพระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่ม ๕ ข้อ ๘๐ หน้า ๑๐๐-๑๐๑ ดังนี้

    “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรู้อยู่ ไม่พึงฉันเนื้อที่เขาทำจำเพาะ รูปใดฉัน ต้องอาบัติ ทุกกฎ”

    “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต ปลาเนื้อที่บริสุทธิ์โดยส่วนสาม
    คือ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รังเกียจ”



    การกินเนื้อสัตว์ บาป หรือ ไม่ ?

    การที่จะวินิจฉัยว่าบาปหรือไม่บาปนั้น ต้องพิจารณาว่า การกินเนื้อสัตว์ที่ตายแล้ว เป็นการผิดศีลข้อปาณาติบาต หรือไม่ ศีลข้อปาณาติบาต คือ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ นั้นจะผิดศีลก็ต่อเมื่อประกอบด้วย องค์ ๕ คือ
    ๑. ปาโณ สัตว์มีชีวิต
    ๒. ปาณสญฺญิตา รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
    ๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า
    ๔. อุปกฺกโม พยายามที่จะฆ่า
    ๕. เตน มรณํ สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น

    เมื่อครบองค์ประกอบทั้ง ๕ ข้อ จึงถือว่าเป็นการฆ่าสัตว์ ผิดศีลข้อที่ ๑ เป็นบาป

    แต่ถ้าไม่ได้ลงมือฆ่าเอง และไม่ได้ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า ก็ไม่เป็นบาป

    ตัวอย่าง

    เราไปจ่ายตลาด ซื้อกุ้งแห้ง ปลาดุกย่าง ปลาทู เนื้อหมู ฯลฯ เราได้มีส่วนร่วมในการฆ่าสัตว์เหล่านั้นหรือไม่ สัตว์เหล่านั้นย่อมตายก่อนที่เราจะไปซื้อมาเป็นอาหาร ถึงเราจะซื้อหรือไม่ซื้อ สัตว์เหล่านั้นก็ตายอยู่แล้ว เราไม่ได้มีส่วนทำให้ตาย

    มีพุทธภาษิตบทหนึ่งว่า
    “นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต”
    “บาป ไม่มีแก่ผู้ไม่ทำ”
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  13. ณัฐธยาน์

    ณัฐธยาน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +767
    มีคุณป้าท่านหนึ่งไปตลาดทุกวัน ไปแผงปลา ซึ่งมีหลายๆแผง คุณป้ามองหาปลาที่ตายแล้วเท่านั้น แผงใหนมีปลาตายก็จะซื้อปลาตาย

    หากไม่มีปลาตาย คุณป้าก็จะรอจนกว่ามันจะตายเพราะคิดว่า ยังไง ทิ้งไว้บนถาดสักพักมันก็ตายอยู่ดี รอได้ รอมันตายสนิทเองก่อน ค่อยซื้อ เจ้าของแผงถาม ก็ตอบว่าเพราะกลัวว่าจะเป็นคนสั่งฆ่า กลัวบาป

    ทำอย่างนี้ทุกวัน

    เจ้าของแผงปลาเห็นพฤติกรรมลูกค้า ก็เข้าใจและอยากขายได้ไวๆ ก่อนแผงอื่น เลยฆ่าปลาไว้รอ ทุกวันตามเวลาประจำ

    ได้ผล คุณป้ามาถึงก็ซื้อเลย เพราะมันตายแล้ว ขายได้ทุกวัน คุณป้าเป็นขาประจำไปแล้ว

    อย่างนี้ คุณป้าฝากมาถามผู้รู้ว่า ป้าบาปใหมคะ ทุกวันนี้สุขภาพคุณป้าแย่ หายใจลำบากอยู่ค่ะ

    ขอบคุณมากและโมทนาค่ะ
     
  14. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ถามว่าบาปใหมยังงี้บาปครับเพราะเจตนายืนรอโดยมีหวังว่าปลามันต้องขาดอากาศหายใจเพราะอยู่บนบกเดี่ยวก็ตายเองคือรอแช่งในใจว่าเดี่ยวก็ตาย จริงๆแล้วการซื้อซากสัตว์คือไปถึงมีเนื้อหรือซากสัตว์ที่ตายแล้วแล้วเราซื้อมานะครับ ย้ำว่าตายก่อนแล้วไม่เกี่ยวกับเรา แต่ถ้าไปยืนรอให้ตายนี้เหมือนกับการทรมานมันให้ตายช้าๆเพราะการขาดอากาศหายใจสู้ฆ่าให้ตายเจ็บที่เดียวดีกว่าไม่ทรมานด้วยบาปเหมือนกันกับการสั่งฆ่านะครับพอหลังๆคนขายรู้ว่าฉันขายได้แน่ๆเลยฆ่ารอเลย การไม่บาปอย่างที่บอกนะครับว่าไปเจอแล้วซื้อถ้าไม่เจอก็ไม่ซื้อซิ้ออย่างอื่นแทนหรือเจอที่ตายค่อยซื้อแต่ห้ามยืนรอให้มันตายนะครับต่างกันครับถ้าไม่มีปลาที่ตายก็ไม่ต้องซื้อถ้าจังหวะเจอพอดีก็ซื้ออย่างนี้ไม่บาปครับแต่ไปยืนรอนี่มันทรมานมากกว่าจะตายแล้วยังมีเราไปยืนรอให้มันตายแทนที่จะช่วยชีวิตมันกลับไปยืนรอให้มันตายด้วยเจตนาว่าฉันไม่ได้ฆ่าแกนะแกตายเองอย่างนี้บาปครับเป็นการทรมานสัตว์ให้มันขาดอากาสหายใจจนตายผมคนละถ้าเดินตลาดซื้อเนื้อสัตว์จะซื้อเฉพาะที่ตายแล้วเท่านั้นการตายของสัตว์ไม่เกี่ยวกับเราคือสัตว์ตายมาก่อนแล้วแต่ถ้ายังเป็นๆอยู่มักจะเดินหนีการเห็นการฆ่าแต่ถ้าจะทำบุญจะตั้งจิตอธิฐานแล้วชี้ตัวที่ยังไม่ถึงคราวตายให้แม่ค้าจับมาแล้วผมก็เอาไปปล่อยทุกครั้งมันจะหันหัวกลับมาหาผมก่อนแล้วค่อยว่ายน้ำไปไม่เชื่อลองดูได้ผมสังเกตุหลายครั้งมากจนไปถามผู้รู้ท่านบอกว่ามันหันมาขอบคุณเราอย่าไปยืนรอให้ปลาตายเลยครับมันบาปนึกในใจว่าเจอปลาตายก็ซื้อไม่เจอก็ไม่ซื้อแล้วเปลี่ยนเวลาบ้างนะครับไม่จำเป็นต้องซื้อทุกวันคนขายจะได้ไม่ฆ่าเพื่อขายเราเค้าจะไม่รู้ว่าวันนี้จะซื้อหรือเปล่าเค้าก็ไม่กล้าฆ่าเพื่อขายให้เรา สาธุ
     
  15. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130

    อนุโมทนา สาธุ ... อธิบายได้ชัดเจนแล้ว ดีแล้ว
     
  16. kungfuloma

    kungfuloma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,011
    เป็นคำถามยอดฮิตที่่ผมก็ยังข้องใจเหมือนกันครับ
    ผมเห็นว่าการกินนั้น ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการต่อวงจรการฆ่าแน่นอน
    เพราะถ้าไม่มีคนกินเลย ก็ไม่มีคนฆ่าเพื่อขาย เพราะขายไม่ได้
    จึงสรุปเอาเองไม่ได้ว่า ถึงตัวเราไม่ซื้อ คนอื่นก็ซื้ออยู่ดี เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องฆ่าเอามาขาย
    มันเหมือนการตีความเข้าข้างตัวเองน่ะครับ

    ผมลองเทียบเคียงกับตัวอย่าง การปล่อยสัตว์ครับ
    ที่เขาจับเอามาเวียนให้เราปล่อยกัน ปล่อยเสร็จ คล้อยหลังแล้วก็จับมาใหม่
    ถ้าเราไปต่อคิวซื้อ ก็เป็นการต่อวงจรจับมาให้ปล่อยใช่ไหมครับ
    ทุกคนเห็นตรงกันว่าเป็นการทำบาป

    อีกตัวอย่างเป็นเด็กเร่ร่อน
    การให้เงินเด็กเร่ร่อน หรือช้างเร่ร่อนก็เป็นการต่อวงจร
    ของพวกนี้สรุปแล้วผมเห็นเป็นทางเดียวกัน คือ Supply สร้าง Demand หมายถึง
    เพราะมีคนอยากทำ (บุญ) จึงมีคนสรรหา อำนวยความสะดวกมาให้
    เหมือนกับมีคนอยาก กิน ก็มีคนฆ่ามาขาย

    อย่างไรก็ดี ส่วนตัวผมคิดว่าการลดการกินเนื้่อสัตว์ ลดความอยาก และการยึดติดในรสชาติก็เป็นการฝึกตนให้รู้เท่าทันความอยากอย่างนึงนะครับ
    เมื่อกินแล้วก็ระลึกถึงคุณที่มันสละชีพ ให้เราได้ยังชีพ มีกำลังประกอบกรรมดีต่อไป
    ดัุ่่ง บทพิจารณาอาหารที่ว่าไว้ดีแล้ว
     
  17. ณัฐธยาน์

    ณัฐธยาน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +767
    พอดีตั้งใจ และได้ฟังครูบาตรัยเทพ ท่านแสดงธรรม เกี่ยวกับ การงดเว้นกินเนื้อสัตว์ ดังนี้ค่ะ....

    การงดเว้น ไม่กินเนื้อสัตว์ เป็นการให้ทาน ชีวิตเขา

    จิตเราก็สะอาด กายเราก็สะอาด

    ปราศจากพลังที่ไม่ดี ที่เกิดจากการฆ่านั้น

    ซึ่งจะฉุดรั้งเราไม่ให้หลุดจากวัฎฏสงสาร อีกนาน

    และคำสอนอีกมากมาย ที่ท่านเมตตาชี้แนะ

    ท่านเมตตา แนะลูกศิษย์ให้ใช้สติปัญญา ไตร่ตรองดู

    พิจารณาการกระทำ ตามกาลสมัย


    แต่..ท่านบอกก็ ..แล้วแต่นะ

    การปฎิบัติธรรม พร้อมกับกินมังสวิรัตน์ หรือกินเจ

    ใครเห็นดีก็ทำ ใครไม่ทำก็ช่างไม่ว่า ของเฉพาะตนอยู่แล้ว


    ใครทำแทนใครไม่ได้อยู่แล้ว ได้แค่บอกให้รู้

    เช่น เมื่อเจ็บขาก็ขาของเรา เจ็บแขนก็แขนของเรา ใครเจ็บแทนเราไม่ได้

    ถึงจะไปอบายเราก็ไปเอง ไปสุคติเราก็ไปเอง ทำเอง ไปเอง



    เมื่อครูบาอาจารย์ช่วยชี้แนะและเข็นให้ฝึกปฎิบัติแล้ว ครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่งให้จนถึงที่สุดแล้ว

    เมื่อถึงเวลา ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เท่านั้น

    อนุโมทนาค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...