การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

ข้อมูลจากบรรยายของนาย Ivo A.Benda:

กฎของจักรวาล (Cosmic Rules)
<o></o>
กฎของจักรวาลมีอยู่มากมาย แต่ที่นำมากล่าวนี้ เป็นแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น

<o></o>
(key eternity)
<o></o>
1.กฎแห่งความรักบริสุทธิ์ (Rule of pure love)
<o></o>
เป็น กฎจักรวาลที่มีพลังมากที่สุด ถ้าคุณให้พลังกับรูปธรรมชีวิตอื่นๆมากเท่าใด
คุณก็จะได้รับพลังจากพระผู้สร้างกลับคืนมามากกว่าที่คุณให้ไปเสียอีก เพราะเหตุนี้จิตวิญญาณของคุณจึงพัฒนาขึ้นด้วย
<o></o>
2. กฎแห่งการพัฒนา (Rule of development)
<o></o>
หากรูปธรรมทางจิตวิญญาณรูปธรรมใดให้ความช่วยเหลือรูปธรรมอื่นๆที่มีระดับการพัฒนาทางจิตวิญญาณต่ำกว่าตน
ก็เท่ากับว่ารูปธรรมนั้นๆได้ช่วยพัฒนาจิตวิญญาณและระดับการสั่นสะเทือนของตัวเองไปด้วย
<o></o>
3. กฎแห่งการดึงดูด(Esoteric rule)
<o></o>
สิ่งที่เหมือนกัน (ทางด้านคุณภาพของจิตวิญญาณและคุณภาพของพลังงาน) จะดึงดูดซึ่งกันและกัน
<o></o>
4. กฎแห่งภูมิปัญญา (Rule of intelligence)
<o></o>
รูปธรรมที่มีจิตสำนึก หมายถึงเฉพาะพระผู้สร้างของทุกสรรพชีวิตและทุกสรรพสิ่ง
เพราะพระองค์คือจิตวิญญาณที่มีความสำคัญมากที่สุด
<o></o>
5. กฎแห่งกรรม (Karma rule)
<o></o>
เป็นสิ่งที่จัดเตรียมไว้สำหรับการเติบโตทางจิตวิญญาณของรูปธรรมชีวิตต่างๆ อุปมาเหมือน “โรงเรียนแห่งชีวิต”

การยกระดับทางด้านจิตวิญญาณของใครจะมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและความสามารถ
ในการรับมือกับบทเรียนชีวิตของแต่ละตัวตน

บทเรียนไหนที่รูปธรรมชีวิตใดไม่สามารถรับมือได้ ก็จะถูกเปิดโอกาสให้ได้ไปแก้ไขในภพชาติต่อๆไป
<o></o>
มนุษย์โลกคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาชนิดหนึ่ง และจะเป็นผู้กำหนดหรือเป็นผู้สร้างกรรมของตนเองขึ้นมา
ทั้งในด้านบวกและด้านลบ
<o></o>
6.กฎแห่งการเวียนว่ายตายเกิด(Rule of incarnation)
<o></o>
จะเกี่ยวกับวิญญาณที่ตกลงมา (Fallen soul) (หรือในทางพุทธเราเรียกว่าหมดบุญหรือเปล่านะ-chayutt)

แล้วห่างเหินจากพระผู้สร้าง วิญญาณเหล่านี้ก็จะต้องกลับไปเกิดในร่างใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นร่างกายเนื้อ
หรือร่างกึ่งกายเนื้อ-กึ่งกายทิพย์ก็ได้ จนกว่าพวกเขาจะชดใช้ความผิดสำหรับการกระทำที่พวกเขา
ได้กระทำผิดไว้ต่อพระผู้สร้างและกฎของจักรวาลจนหมดแล้ว การเกิดใหม่นี้อาจจะนานนับล้านๆภพชาติ
<o></o>

ก่อนที่จะได้กลับมาเกิดใหม่ในร่างกายมนุษย์อีก วิญญาณเหล่านี้อาจจะต้องไปเกิดเป็นแร่ธาตุ
พืชและสัตว์ต่างๆมากมายก่อน


เมื่อมาเกิดในร่างมนุษย์แล้วอาจจะต้องเกิดอีกยาวนานที่สุดถึง 1,100,000 ภพชาติก็ได้

<o></o>7. กฎแห่งทางเลือกอิสระ(Rule of free will)
<o></o>
รูปธรรมที่มีจิตสำนึกมีความเป็นอิสรเสรี มีความอิสระที่จะเลือกทางเดินของตัวเองไม่มีใครสามารถ
จะไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของพวกเขาได้ (ตัวอย่างเช่นบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ซึ่งพลังที่ชั่วร้ายมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก
เพราะพวกมารเหล่านี้ละเมิดกฎเกณฑ์อันนี้ แต่ก็เป็นเพราะว่าชาวโลกยินยอมให้พลังเหล่านี้
มามีอิทธิพลครอบงำเองโดยสมัครใจ โดยผ่านทางการเมือง สื่อสารมวลชน และวิทยาศาสตร์ เป็นต้น)

รูปธรรมชีวิตชั้นสูงที่เจริญแล้วจะไม่ละเมิดกฎข้อนี้ พวกเขาจะไม่มาก้าวก่ายหรือรบกวนพัฒนาการของรูปธรรมชีวิต
ที่มีพัฒนาการต่ำกว่า โดยปราศจากการยินยอมพร้อมใจ<o></o>


(Agastya)

บางสถานที่บนดาวเคราะห์โลกใบนี้ จะมีจิตวิญญาณและพลังแห่งรูปธรรมชีวิตที่เจริญเต็มที่แล้ว
แผ่กระจายอยู่มากกว่าที่อื่นๆ เช่น ในประเทศอินเดีย เป็นต้น

เพราะว่าในประเทศอินเดียยังมีประชากรที่ยากไร้อยู่เป็นจำนวนมาก รูปธรรมชีวิตชั้นสูงจากมิติที่สูงๆ
จึงนิยมลงมาเกิดกันที่นี่ เพื่อชดเชยให้เกิดความสมดุล<o></o>

 

ข้อมูลจากบรรยายของนาย Ivo A.Benda:<o></o>
การจัดระบบของจักรวาล (Hierarchy of Universe)


<o></o>

(I ching unfolding)<o></o>

1. พระผู้เป็นเจ้า (พระผู้สร้างสูงสุด หรือ GOD Spirit)
<o></o>
พระองค์ทรงเป็นทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ เป็นสสารมูลฐาน และเป็นพลังงานมูลฐานของทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่
เป็นแสงสว่าง และเป็นรูปธรรมทรงภูมิปัญญาสูงสุด
<o></o>

พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงเกิดขึ้นมาจากภายในของพระองค์
และจะกลับเข้าไปสู่ภายในของพระองค์ด้วย
<o></o>
พระองค์ทรงสร้างสิ่งต่างๆด้วยอาศัยกฎแห่งจักรวาล
<o></o>
เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง พระองค์จึงทรงรู้จักทุกสรรพสิ่งดี เพราะทุกๆสรรพสิ่งก็คือพระองค์เอง
<o></o>
สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างไม่ได้มีเฉพาะจักรวาลทางกายภาพนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอวกาศอื่นๆอีกมากมาย
ซึ่งล้วนมีความคล้ายคลึงกับจักรวาลของเรานี้ทั้งสิ้น และพวกมันก็กำลังเคลื่อนที่อยู่
ไม่เช่นนั้นแล้ว ทุกอย่างจะแตกต่างกันไปหมด (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนที่สองของหนังสือชุดนี้)
<o></o>
มีความเป็นไปได้ที่จะติดต่อกับพระองค์ ถ้าหากผู้นั้นรู้วิถีทางที่จะเข้าถึงพระองค์
และเมื่อนั้น พระองค์จะเป็นผู้นำทางผู้นั้นไปสู่ความงดงามและสอดคล้องกลมกลืน
<o></o>
2. พระผู้สร้างของแต่ละจักรวาล(Creators for each Universe)
<o></o>
เป็นรูปธรรมของแสงสว่างแห่งความรัก ผู้ที่โอบล้อมทุกสรรพสิ่งในจักรวาล
<o></o>
พวกเราก็เป็นส่วนหนึ่งของพระองค์ด้วย เช่นเดียวกับสิ่งอื่นๆในจักรวาลนี้
<o></o>
พระองค์ทรงเรียกพวกเราว่าลูกๆ
<o></o>
3. สภาแห่งเลข 9 (Council of the nine)
<o></o>
เป็นสภาที่ประกอบไปด้วยรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่าง 9 รูปธรรม ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมจักรวาลทั้งจักรวาล
ที่ประกอบไปด้วยจักรวาลคู่ขนานทั้งหมดจำนวน 12 มิติ อยู่ภายใต้พระผู้สร้างของจักรวาล
<o></o>
4. สภาใหญ่ของกระจุกกาแล็กซี่ใหญ่ (Grand Council of Cumulus of Galaxies)
<o></o>
สำหรับของเรา สภานี้ตั้งอยู่ใกล้ๆกับกาแล็กซี่ M87 ซึ่งอยู่ในกระจุกกาแล็กซี่ใหญ่ (Supercluster) ชื่อ Virgin
ซึ่งกระจุกกาแล็กซี่นี้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 50 ล้านปีแสง
<o></o>
5. สภาใหญ่ของกระจุกกาแล็กซี่เล็ก (Grand Council of Local Cluster of Galaxies)
<o></o>
สำหรับของเรา สภานี้จะอยู่ในกาแล็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในกระจุกกาแล็กซี่นี้ที่ชื่อ Andromeda (M31)
<o></o>
กระจุกกาแล็กซี่เล็ก (Local Cluster) หนึ่งๆจะประกอบด้วยจำนวนกาแล็กซี่อยู่ประมาณ 30 กาแล็กซี่
<o></o>
6.สภาใหญ่แห่งกาแล็กซี่
<o></o>
ทุกๆกาแล็กซี่จะมีสภาปกครองของตนเอง กาแล็กซี่ทางช้างเผือกของเรามีสภาที่ตั้งอยู่บนกลุ่มของดาว Aquarius
<o></o>
กาแล็กซี่ของเรามีเส้นผ่านศุนย์กลางประมาณ 100,000 ปีแสง
<o></o>
ในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกนี้ มีจำนวนดวงดาวอยู่ประมาณ 150 พันล้านดวง ใน 115 พันล้านระบบสุริยะจักรวาล

ซึ่งในจำนวนดวงดาวทั้งหมดนี้ มีเพียงประมาณ 5 ล้านดวงเท่านั้นที่มีรูปธรรมชีวิตชั้นสูงที่เจริญแล้ว
และเป็นรูปธรรมแห่งแสงสว่างอาศัยอยู่

และในจำนวนทั้งหมดนี้ มีเพียงประมาณ 2 ล้านดวงดาวเท่านั้นที่เป็นสมาชิกของสภาแห่งนี้

อาจจะเรียกสภาแห่งนี้อีกชื่อหนึ่งว่า “สมาพันธ์ดวงดาวแห่งจักรวาล”(Cosmic Federation of Planets) ก็ได้

ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสภาใหญ่ (Grand Council)
<o></o>
สภาใหญ่นี้ประกอบไปด้วยรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่าง และพวกเขาก็ทำงานในลักษณะของคณะกรรมการให้คำปรึกษา
<o></o>
สมาชิกสภาที่มีอายุมากที่สุดและสำคัญที่สุดของคณะกรรมการนี้ คือท่าน Golov
<o></o>
สมาชิกสภารูปธรรมอื่นๆที่มีความสำคัญด้วยเช่นกัน และเป็นผู้รับรองของกาแล็กซี่นี้
คือท่าน ออร์ทอน (Orthon) หรือพระเมษศิอาร์ ,<เซ็นเซ่อร์>,พระเยซูคริสต์, อาราฮัต (Arahat), Athersata, Arton
<o></o>
7.สภาแห่งปราชญ์ หรือ สภาผู้อาวุโส
<o></o>
สภานี้จะมีอยู่บนดวงดาวที่เจริญแล้วทุกๆดวง สภานี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของสภาใหญ่แห่งกาแล็กซี่
ที่ดาวดวงนั้นๆสังกัดอยู่อีกที
<o></o>
พวกเขามีภาษาที่ใช้สื่อสารเพียงภาษาเดียว

สภานี้มีไว้เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายในดวงดาว และทำหน้าที่สื่อสารกับดวงดาวอื่นๆ

<o></o>
(spinning frivolity)
<o></o>
จำนวน 5% ของดาวเคราะห์ทั้งหมดในจักรวาล จะมีรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาที่เจริญแล้วอาศัยอยู่
ในมิติต่างๆมากมาย<o></o>

ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ ดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์กลางของกาแล็กซี่ ดวงอาทิตย์กลางของจักรวาล
และดวงอาทิตย์ของจิตวิญญาณทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนเป็นรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
ในระดับต่างๆกันทั้งสิ้น พวกเขาเหล่านี้

ไม่ใช่วัตถุธาตุที่ไร้ชีวิตอย่างที่นักวิทยาศาสตร์ของพวกเรากล่าวไว้แต่อย่างใด<o></o>

 

ข้อมูลจากบรรยายของนาย Ivo A.Benda:<o></o>
อะไรคือการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ


<o></o>
(obr753)
<o></o>

การเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ คือทางเดียวที่จะทำให้เราสามารถใช้ข้อมูลข่าวสาร
และความสามารถทั้งหมดที่พวกเราทุกคนมีได้ ซึ่งหมายถึง<o></o>

1. ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความกลมกลืนสอดคล้องกับกฎของจักรวาล
โดยเริ่มจาก แผ่ความรักความเมตตา และความคิดในด้านบวก ออกมา เป็นต้น<o></o>

2. ศึกษาและหาความรู้เกี่ยวกับกฎของจักรวาล<o></o>

3. รู้จักใช้ประสบการณ์ชีวิตของตัวเองเป็นบทเรียน<o></o>

4. รู้จักสร้างความคิดรวบยอดจากการแสดงออกและพฤติกรรมของตัวเองและผู้อื่น เพื่อเอามาเป็นบทเรียน<o></o>

5. รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น<o></o>

6. การสำเร็จหลักสูตร การศึกษา หรือข้อเขียน ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ<o></o>

วิธีการที่มีประโยชน์มากวิธีหนึ่งเพื่อการเจริญเติบโตทางด้านจิตวิญญาณ
ก็คือการได้รับการนำทางโดยรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาชั้นสูงในจักรวาล
และโดยจิตวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งแสงสว่างทั้งหลาย

(ซึ่งผมก็ใช้วิธีการนี้อยู่ –Mr.Ivo)<o></o>

 

ข้อมูลจากบรรยายของนาย Ivo A.Benda:<o></o>
ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จในการพัฒนาด้านจิตวิญญาณ


<o></o>
(obr1528)
<o></o>

การพัฒนาทางจิตวิญญาณสามารถทำได้โดยการกำจัดความคิดและการกระทำทางด้านลบของตัวเราเองให้หมดไป
(เพราะมันคือระดับการสั่นสะเทือนที่หยาบ) และโดยการแผ่ความรักความเมตตาออกมา
(เพราะมันคือพลังงานที่มีระดับการสั่นสะเทือนที่สูงและราบเรียบ) เคารพตัวเองและผู้อื่น
รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลาย ธรรมชาติและโลกใบนี้ด้วย ยิ่งกว่านั้น ต้อง

1. อย่าใช้คำหยาบ (และจำไว้ว่าคำว่า “แย่มาก”(Terrible) เป็นคำที่มีคลื่นการสั่นสะเทือนที่หยาบ
แม้ว่ามันจะไม่ใช่คำหยาบก็ตาม)<o></o>

2. กำจัดความอิจฉา ริษยา ให้หมดไปจากใจ<o></o>

3. อย่าเป็นคนมักโกรธ และโมโหโทโส<o></o>

4. เลิกยึดติดกับเรื่องเงินๆทองๆ กับทรัพย์สิน กับความรู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของ และกับทรัพย์สมบัติ<o></o>

5. เลิกแสดงพฤติกรรมที่เป็นการดูถูกโลกใบนี้ด้วยการเป็นเจ้าของทรัพย์สินมากเกินความจำเป็น
เช่น คนๆเดียวมีบ้านสองหลัง มีรถยนต์สองคัน เป็นต้น

เพราะมันเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรที่นำมาใช้สร้างสิ่งเหล่านี้ให้กับคนๆเดียว<o></o>

6. เรียนรู้ที่จะรับมือกับสิ่งต่างๆ โดยที่ไม่เข้าไปร่วมจมอยู่กับมันมากนัก (การปล่อยวาง)<o></o>

7. อย่าให้ใครมาควบคุมเรา<o></o>

8. กำจัดความอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคนอื่นให้หมดไป<o></o>

9. ปฏิบัติดีต่อผู้อื่น และให้ความช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่า และผู้ยากไร้
<o></o>
10. อย่าพยายามเป็นศูนย์กลางของความสนใจในทางลบ เพราะเราจะเป็นผู้ดูดพลังมาจากผู้อื่น
<o></o>

11. อย่าสั่งให้ใครทำอะไร อย่าบีบบังคับใคร
<o></o>
12. จงมีความอดทนและเต็มไปด้วยความเข้าใจ<o></o>

13. อย่าหมกมุ่นอยู่กับเรื่องทางเพศที่ปราศจากความรัก
<o></o>
14. อย่ารับประทานเนื้อสัตว์ อย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอย่าสูบบุหรี่
<o></o>
15. อย่าชมภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง เช่น ภาพยนตร์แอ็กชั่น ภาพยนตร์เกี่ยวกับวินาศภัย
และสงคราม เป็นต้น รวมถึงภาพยนตร์เกี่ยวกับการลักพาตัวผู้คนโดยสิ่งมีชีวิตนอกพิภพ
หนังสือและสิ่งตีพิมพ์ที่มีเนื้อหาดังกล่าวก็ควรงดอ่านด้วย
<o></o>
16. อย่าให้มีหนังสือ วีดีโอ หรือสื่ออื่นๆเกี่ยวกับ เรื่องความรุนแรงและเรื่องลามกอนาจารอยู่ในที่พักของคุณ
เพราะสิ่งเหล่านั้นคือต้นตอของพลังคลื่นความสั่นสะเทือนระดับหยาบ
<o></o>

17. พยายามเรียนรู้และแสวงหาข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพ ใหม่ๆอยู่เสมอ<o></o>


ทุกๆคนควรที่จะพยายามรับทราบถึงภารกิจของตนเองบนโลกใบนี้

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการปฏิบัติทางจิตวิญญาณของเราจึงมีความจำเป็น

ใครก็ตามที่ช่วยให้จิตวิญญาณของผู้อื่นมีการเติบโตขึ้น ก็เท่ากับว่าคนผู้นั้นได้ช่วยให้จิตวิญญาณของตนเอง
มีความเติบโตด้วย เพราะมันแปรผันตรงต่อกัน<o></o>

 

<a href="http://www.inside.hostingrich.com" class="style22"> เมตตาธรรม ค้ำจุนโลกา</a><br />
เราจะได้เป็นสมาชิกสมาพันธ์ระหว่างดวงดาวกันเสียที

 

(พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์)

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.627264/[/MUSIC]

 

http://www.youtube.com/watch?v=P2D8epuXla8

 

เป็นกำลังใจให้คับ K.Chayutt

 

เป็นกำลังใจให้คับ K.Chayutt

ติดตามอ่านตลอด

 

เป็นกำลังใจให้คับ K.Chayutt

ติดตามอ่านตลอด+หาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ

มีอะไรหลายอย่างที่ตรงกัน เพราะผมก็เข้าบอร์ดของเขากะลาบ่อยๆ

แปลกแฮะ อยู่คนล่ะมุมโลก ภาษาที่ใช้ก็ต่างกัน

แต่ข้อมูลมีความคล้าย เหมือน อย่างน่าตกใจ

คงอีกไม่นานหรอกมั้งคับ ที่เราจะได้รู้ ได้เห็น

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ สภาวะ จิตใจ ของ พลโลก ด้วยเช่นกัน

อนุโมทนา สำหรับ บทความดีๆคับ

 

มาอนุโมทนาคุณ Chayutt ต่อการแปลเพื่อเผยแพร่เรื่องจิตวิญญาณนี้ครับ
การแปลคำว่า Body Soul Spirit
น่าจะแปลว่า กาย กายละเอียด จิต

นะครับ ผิดถูกอย่างไรก็ลองพิจารณาดูตรับ

 

อนุโมทนา กับข้อมูลที่ให้ หากทุกคนมีเมตตาต่อกันโดยสุจริตใจจริงๆ โลกเราจะน่าอย่มากๆนะคะ

 

ข้อมูลจากบรรยายของนาย Ivo A.Benda:<o></o>
สุขภาวะของประชากรบนดาวเคราะห์โลก

<o></o>
ข้อมูลต่อไปนี้แสดงถึง % ของผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ต่อจำนวนประชากรชาวโลกทั้งหมด <o></o>

ปี 1948 = 3%<o></o>
ปี 1958 = 45%<o></o>
ปี 1968 = 55%<o></o>
ปี 1978 = 35%<o></o>
ปี 1988 = 15%<o></o>
ปี 1998 = 2%<o></o>



ที่เป็นเช่นนี้เพราะ<o></o>

1. มีสารเคมีตกค้างอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น น้ำ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น เป็นต้น<o></o>
2. ผู้คนไม่พึงพอใจในชีวิตการทำงาน ทำให้เกิดกระแสความคิดในด้านลบ<o></o>
3. มีการบริโภคเนื้อสัตว์มากขึ้น มีการเลี้ยงสัตว์เพื่อฆ่าเป็นอาหารมากขึ้น<o></o>
4. มีความเครียดเกี่ยวกับเรื่องของอนาคตและเรื่องของสถานะทางการเงินมากขึ้น<o></o>
5. ระบบการทำงานไม่เอื้ออำนวยต่อการมีสุขภาพที่ดี<o></o>

ซึ่งหมายถึง มีประชากรโลกเพียง 200,000 คนจาก 10 ล้านคน ที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
<o></o>

ทุกวันนี้ถ้าเด็กเกิดใหม่คนไหนมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์แล้วหละก็ นั่นนับได้ว่าเป็นปาติหารอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
เพราะว่าเด็กเกิดใหม่ส่วนใหญ่มักจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่ดี
<o></o>
วิทยาศาสตร์และการเมือง ถูกครอบงำโดยพลังที่ชั่วร้าย ผู้คนถูกควบคุมประดุจหุ่นเชิด
เพราะความมีระดับการสั่นสะเทือนที่หยาบของพวกเขา
<o></o>
นอกจากนี้ สื่อสารมวลชนทั้งหลาย ก็ยังถูกครอบงำด้วยพลังจากโลกมืดด้วยเช่นกัน

และมันจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบ ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่หลอกลวงและชี้นำไปในทางที่ผิด

และมันก็ช่วยกระจายคลื่นความสั่นสะเทือนระดับหยาบออกไปในระดับมหภาคได้อย่างทรงประสิทธิภาพ

ดังนั้น ข้อมูลข่าวสารที่สำคัญๆมากมาย จึงถูกปกปิดไว้ไม่ให้พวกเรารู้
<o></o>
จุดยืนวิทยาศาสตร์บนโลกมนุษย์ในปัจจุบันนี้ ตั้งอยู่บนรากฐานของเฉพาะเรื่องที่พิสูจน์ทราบได้
ด้วยวิธีทางกายภาพเท่านั้น ซึ่งนี่แหละคือความแตกต่างระหว่างวิทยาศาสตร์บนดาวเคราะห์โลก
กับวิทยาศาสตร์ของสังคมที่เจริญแล้วอื่นๆ

จึงเปรียบเหมือนแสงสว่างจากหิงห้อย กับแสงสว่างจากดวงตะวันเลยทีเดียว<o></o>

 

เดี่ยว..ในขณะที่รองานแปลช่วงต่อไปที่ยังไม่เสร็จนี่

ขออนุญาตขายยาก่อนนะครับ..(เหมือนหนังขายยามั๊ยเนี่ย..)



ปกติหลังจากที่มาอยู่ที่เวียดนามนี่ เกือบทุกวันผมจะปั่นจักรยานไปออกกำลังกาย
ที่ๆไปมันจะเป็นศูนย์กีฬาของเมืองนั้น ซึ่งมันจะมีสระว่ายน้ำ มีสนามเทนนิส สนามแบ็ตมินตั้น
ห้องเต้นอารบิกแด้นส์ ห้องเพาะกายชาย-หญิง มีสนามบาสเก็ตบอล มีลานซ้อมยูโด เทควันโด้ อะไรแบบนั้น

รวมถึงมีห้องสอนลีลาส และโยคะอยู่ใกล้ๆกันด้วยนะ

ส่วนผม ปกติจะไปออกกำลังกายที่ห้องเพาะกายชาย เสร็จแล้วก็จะเดินมาที่ตึกตรงข้าม
ตรงระเบียงตึกจะมีเก้าอี้ยาวไว้นั่งพักผ่อน

ผมก็จะไปนั่งสมาธิอยู่ประมาณ 30 นาที ถึงหนึ่งชั่วโมง แล้วแต่วัน
เสียงเพลงที่ห้องออกกำลังกายเขาเปิดกัน ก็ดังอยู่อย่างนั้นแหละ คนก็ผ่านไปมาพอสมควร
แต่ผมก็พอจะนั่งได้นะ เพราะว่าหลังออกกำลังกายเหนื่อยๆแล้ว เพิ่งค้นพบว่าสมาธิจะลงเร็วดีหนะครับ

เสร็จแล้วก็ปั่นจักรยานกลับมา มาทานข้าวที่โรงงาน ซึ่งเขามีที่พักให้
วันนี้ทานเจ เป็นวันแรก และก็กะว่าจะทานไปให้ครบสามเดือน ตลอดพรรษานี้เป็นอย่างน้อย

ทานข้าวไป ก็พิจารณาดูแกงจืดที่ทานไปด้วย แปลกจังเลยวันนี้ รู้สึกแปลกไปกว่าทุกวัน



เพราะว่าเป็นข้าวมื้อที่อร่อยมากๆ ไม่ใช่อร่อยเพราะรสชาติอย่างเดียวหรอกนะครับ
แต่เพราะว่าความรู้สึก "รัก" ที่มันเอ่อขึ้นมามากมายยังไงไม่รู้

ที่ว่ารักนี่คือ รู้สึกรักเจ้าพวกข้าวทุกเม็ด ผักทุกชิ้น เห็ดทุกดอกที่ผมกินมันเข้าไปแต่ละคำ

ในใจก็รู้สึกขอบคุณพวกมัน พูดกับมันในใจว่า

"พวกแกได้ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว"
"พวกแกได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แล้วนะ"
"ขอบคุณมากนะ"

อะไรแบบนั้นหละครับ..ก็จึงเป็นสาเหตุให้ผมต้องถ่ายรูปแกงจืดชามนั้นมาให้ดู
และก็ถึงมาโพสต์เล่าให้ฟังนี่แหละครับ

ความสุข ความพึงพอใจ ความสงบในใจนี่มันช่างเรียบง่ายเสียเหลือเกิน
ขนาดวันนี้เพิ่งทานเจเป็นวันแรก ก็ยังรู้สึกได้ว่าตัวเบาสบายยังไงไม่รู้


พวกเราหันมาทานเจช่วงเข้าพรรษากันดีไหม๊ครับ


ของผมนี่ ผมว่าเข้าพรรษานี่..หากผมปฏิบัติอยู่ในทาน ศีล ภาวนาอย่างเอาจริงเอาจังแบบนี้แล้ว

อะไรดีๆก็น่าจะเกิดขึ้นแบบ ที่ใครเคยพูดไว้นะว่า

"หากถึงเวลาสุกงอมของมันแล้ว มันก็จะได้เองนั่นแหละ"
"จะห้ามไม่ให้มันได้ มันก็ห้ามไม่อยู่ด้วยซ้ำไป"

อะไรแบบนั้นหนะครับ..ผมว่านะ..
พรรษานี้..ต้องเป็นเรื่องแน่เลย..ไม่อะไร ก็อะไรซักอย่างหละ

 

ขออนุโมทนากับการละเนื้อสัตว์ของคุณ Chayutt ค่ะ
ละ ไปเรื่อยๆ แล้วจะติดใจ ขอบอกค่ะ
ตามอ่านมาตลอด ต้องขอบคุณคุณ Chayutt มาก

 

ภาษาใต้ ต้องบอกว่า "โมนา" กับจขกท.ด้วยนะครับ
อิอิ เห็นเป็นของหวานไปได้สิเรา แรกเห็นคิดว่าได้กินเฉาก้วยแล้ว เหอๆ พอมาอ่านเป็นแกงจืดในบัดดล

อยู่บ้านจะทานเจในเทศกาล รู้สึกว่าต้องค่อยๆลดเนื้อสัตว์ลงตามสัดส่วน แล้วเติ่มจากพืชแทน ไม่เช่นนั้นท้องเสียเพราะว่าปรับตัวไม่ทัน แต่พอเลิกทานเจกลับกินของคาวคำแรกนี่ แบบว่า เหมือนกินปลาร้าหนึ่งคำเลย เกิดอาการเหม็นคาวเนื้อสัตว์จนผิดหูผิดตา จนมันเคยชินนั่นแหละกว่าจะเหมือนเดิม

ปล.ติดตามอ่านอย่างจดจ่อ เคยเปิดเว็บไปอ่านภาษาปะกิด แปลผิดๆถูกๆมั่วไปหมด เลยมานั่งรอท่าน ชยุต ดีกว่า อิอิอิ

 

ฉายไฟฉายด้านหลัง 2 โหล

 

ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ<o></o>
สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)
<o></o>​

โดย: BORUP'S <st1><st1></st1>SPIRITUAL <st1>SCHOOL </st1></st1>(1-1)<o></o>​

อะไรกำลังจะเกิดขึ้น (ตอนที่ 1-1)
<o></o>​

ที่โรงเรียนแห่งจิตวิญญาณ Borup แห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่จะทำให้เข้าใจว่าอะไรกำลังจะเกิดกับมนุษยชาติ
เพื่อที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นจากอะไร และจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้อย่างไร
<o></o>
สาเหตุของเหตุการณ์ที่ว่านี้ คงจะเรียกว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่ได้ในช่วงแรกๆ เพราะว่ามนุษย์ยังไม่เข้าใจกฎแห่งชีวิต
แต่เหตุการณ์นี้มันจะจบลงเมื่อถึงวันแห่งการกลับมาครั้งที่สองของเรา (My Second Coming)
<o></o>
เราได้กล่าวแล้วว่า เราคือชีวิตและสัจธรรม และเราก็ได้กล่าวแล้วว่า ใครก็ตามที่ตามเรามาจะไปถึงพระผู้เป็นเจ้า
หนทางสู่พระผู้เป็นเจ้าของมนุษย์คือโดยผ่านเรา เรื่องนี้เราได้สอนเอาไว้แล้ว และเราอยากให้พวกท่านเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ ผู้ใดที่ค้นหาเรา ผู้ใดที่พยายามค้นหาสัจธรรมของชีวิตโดยการฟังเสียงที่เราพร่ำสอนเอาไว้
ก็จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากกว่า
<o></o>
ตอนนี้เราจะกลับมาหามนุษย์โลกอีกครั้งด้วยตัวเราเอง ด้วยกายเนื้อที่สมบูรณ์และกองทัพสวรรค์ดั่งที่ได้กล่าวเอาไว้นานแล้ว
และเมื่อนั้นดาวเคราะห์โลก (จิตสำนึกของโลกและของชาวโลก) ก็จะถูกยกระดับสูงขึ้น ​

ดังนั้นพวกเขาก็จะเข้าใจพระผู้เป็นเจ้าและความเป็นพระผู้เป็นเจ้าได้ดีขึ้น เพราะว่าตอนนี้พวกเราได้เข้ามาใกล้กันมากขึ้นแล้ว
เพราะว่าเรากำลังมาหาพวกท่าน พวกท่านจะสามารถเข้าใจในพระผู้เป็นเจ้าได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ​

เข้าใจว่าพระองค์คืออะไร และพระองค์หมายถึงอะไร<o></o>​

​

มีชาวโลกมากมายที่ยังไม่เข้าใจว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง พวกเขามีลางสังหรณ์ พวกเขารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ​

ลางสังหรณ์ที่เรากล่าวถึงหมายถึง สิ่งที่ผู้คนจำนวนมากมายรู้ไม่ค่อยชัดเจนว่าสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
มันกำลังจะส่งผลร้ายอะไรมาสู่ตนเอง ส่วนคำว่ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าที่เรากล่าวถึง หมายถึง ผู้ที่รู้ตัวเองว่า
พวกเขาได้ทำอะไรลงไป และมันจะส่งผลกระทบอะไรต่อพวกเขาและคนอื่นๆ<o></o>​

มนุษย์ควรจะได้รับอนุญาตให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสรเสรีอย่างแท้จริง และมนุษย์ก็จะได้รับอนุญาต
ให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสรเสรีอย่างแท้จริง ​

มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้สามารถสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาก็ได้ตราบเท่าที่ใจของมนุษย์สามารถจินตนาการสร้างมันขึ้นมาได้
เพราะว่าใครก็ตามที่สามารถจินตนาการอะไรขึ้นมาในใจของตนเองได้ ไม่ช้าไม่นานสิ่งนั้นมันก็จะกลายเป็นจริง
ไม่มีอะไรที่มนุษย์สามารถคิดมันขึ้นมาได้แล้ว มันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาไม่ได้
<o></o>
อะไรก็ตามที่ใจสามารถสร้างสรรค์มันขึ้นมาได้ มันก็จะสามารถถูกสร้างขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริงได้เช่นเดียวกัน
มันเป็นพลังแห่งความคิด ซึ่งเป็นพลังแห่งการสรรค์สร้างที่แท้จริง<o></o>​

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกท่านคงพร้อมที่จะเข้าใจแล้วว่า สิ่งต่างๆมันถูกสร้างขึ้นมาจากผู้ที่ไปถึงจุดแห่งความเจริญ
ที่ไกลกว่ามนุษย์โลกมากแล้วนั้นได้อย่างไร ทำไมผู้ที่ผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมามากกว่ามนุษย์โลก
จึงประสบความสำเร็จในศาสตร์ต่างๆมากกว่ามนุษย์โลกเป็นไหนๆ<o></o>​

เราได้สอนพวกท่านเกี่ยวกับกฎแห่งการจัดลำดับแล้วด้วย และพวกท่านก็มีความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว ​

พืชพันธุ์ทั้งหลายก็มีระดับของการจัดลำดับของมันเอง สรรพสัตว์ทั้งหลายก็มีของตัวเอง มนุษย์ก็มีของมนุษย์เอง ​

การจัดลำดับเหล่านี้ขยายลึกลงไปถึงระดับจักรวาล และไปถึงรูปธรรมทรงภูมิปัญญาทั้งหลาย
ที่มีระดับภูมิปัญญาสูงส่งเกินกว่าที่มนุษย์โลกจะใช้มาตรฐานใดๆที่ตัวเองมีอยู่ในปัจจุบันนี้มาประเมินได้<o></o>​

เราได้กล่าวไปแล้วว่า มีดวงดาวหลายล้านดวงที่เตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือโลก
และต้องเข้าใจว่าตอนนี้ดาวเคราะห์โลกกำลังจะยกระดับขึ้นสู่สภาวะของจิตสำนึกที่สูงขึ้น
จิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกใบนี้กำลังจะถูกยกระดับให้สูงขึ้น สิ่งนี้เราได้เคยสอนพวกท่านแล้ว
และเรายังได้เคยกล่าวแล้วด้วยว่ากาแล็กซี่ทั้งกาแล็กซี่นี้กำลังจะถูกยกระดับขึ้น
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมดวงดาวหลายล้านดวงจึงกำลังเตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในเหตุการณ์นี้
<o></o>
ดวงดาวหลายๆดวงในจำนวนที่กล่าวถึงนี้ อาจจะมาช่วยเหลือโลกโดยตรง
ในสถานการณ์แห่งความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่มนุษย์โลกได้ร่ำร้องขอให้พระเจ้าลงโทษตัวเองมานานแล้ว
<o></o>
สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ที่ได้ตั้งขึ้น และได้เขียนถึงสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นนี้ และหากพวกท่านจะคิดตามเราสักเล็กน้อย
พวกท่านก็จะเข้าใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งยิ่งใหญ่ ที่เรียกว่า
“การกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์”(The Second Coming of Christ)


(obr2426)

<o></o>
เราได้กล่าวไปแล้วว่าโลกจะหยุดหมุนหนึ่งวินาที และโลกก็จะหยุดหมุนหนึ่งวินาที จากนั้นมันก็จะหมุนต่อไป
จากนั้นโลกก็จะคว่ำหัวลงแบบง่ายๆ ซึ่งนั่นก็จะทำให้ด้านต่างๆของโลกเปลี่ยนสลับกันไปโดยสิ้นเชิง
และเราก็ได้กล่าวไปแล้วด้วยว่า ในขณะที่เหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้น ชาวโลกจำนวนมากมาย
จะถูกอพยพขึ้นไปอยู่บนยานอวกาศขนาดใหญ่จำนวนมากมาย ซึ่งท่านก็รู้ถึงขนาดความมหึมาของยานเหล่านี้แล้ว
<o></o>
แต่เราอยากจะเตือนความจำพวกท่านด้วยว่า เมื่อมนุษย์โลกกลับลงมายังโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง
มันจะเหลือแต่ความว่างเปล่า และความแห้งแล้ง ปราศจากพืชพันธุ์ ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทำอะไรได้
หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ ​

ตอนนี้เราอยากจะให้พวกท่านคิดและจินตนาการถึงเสบียงอาหารจำนวนมหาศาลที่ถูกจัดเก็บไว้รอพวกท่านอยู่แล้ว
เสบียงอาหารเหล่านี้มีปริมาณเพียงพอสำหรับชาวโลกที่จะกลับลงมาบนโลก ที่จะกินได้ไปเป็นปี ​

ตอนนี้ท่านคงรู้แล้วว่าทำไมเราถึงเรียกสิ่งนี้ว่า “สาส์นแห่งความสุข”(Message of Joy)
ที่มันเป็นสาส์นแห่งความสุข ก็เพราะว่ามันมีความช่วยเหลือขนาดมหึมาที่จะมาถึง
<o></o>
ความช่วยเหลือนี้จะมาถึงได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์โลกรู้จักที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสันติและปรองดองกัน
และใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับกฎของพระผู้เป็นเจ้า โดยการเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว
ก็จะไม่มีสัตว์หรือมนุษย์คนใดที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะบาดแผลอีกต่อไป​

เพื่อเป็นการยกระดับจิตวิญญาณของมนุษย์โลกขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น จำเป็นจะต้องมีโรงเรียนสอนด้านจิตวิญญาณให้
เพื่อให้มีการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณอย่างเต็มที่ ​

จิตสำนึกของมนุษยชาติต้องก้าวกระโดดไปสู่ความเข้าใจแบบใหม่อย่างอย่างสิ้นเชิง
มันต้องเป็นไปในรูปแบบของการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณอย่างกะทันหัน ซึ่งการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณนี้
จะนำไปสู่การก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของวิทยาศาสตร์โลก ซึ่งหมายถึงมนุษย์โลกจะบรรลุเป้าหมายทางความรู้ครั้งยิ่งใหญ่ ​

เราสามารถกล่าวได้เลยว่า ความก้าวหน้าที่ว่านี้ อย่างน้อยๆ ก็ก้าวไกลเกินกว่าจินตนาการที่ไกลที่สุดของมนุษย์โลกในปัจจุบัน
ที่จะสามารถจินตนาการไปถึงได้เลยทีเดียว
<o></o>
เราได้ให้สัญญาเอาไว้แล้วว่า ในการกลับมาครั้งที่สองของเรานี้ มนุษย์จะไม่รู้จักการตาย และหลายๆคนอาจจะพูดว่า
มันเป็นไปไม่ได้ ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ชั่วกาลนาน เราขอให้พวกท่านคิดตามเราอีกครั้งหนึ่ง
แล้วท่านก็จะเข้าใจว่ามันเป็นไปได้<o></o>​

ร่างกายของมนุษย์โลกสามารถซ่อมแซมตัวมันเองได้ เซลใหม่ๆจะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเก่าๆที่ตายไปแล้วตลอดเวลา
เซลเม็ดเลือดใหม่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเม็ดเลือดเก่าด้วยตัวมันเอง ประดุจว่าเป็นร่างกายใหม่
(เพราะว่าเซลเก่าทั้งหมดตายไปแล้ว จึงเหลือแต่เซลใหม่ จึงเหมือนเป็นร่างกายใหม่แล้ว – Chayutt)
<o></o>
แต่ว่า การแก่ เกิดขึ้นได้เพราะมนุษย์ไม่ได้เข้าใจถึงวิถีแห่งชีวิตและกฎแห่งชีวิต ด้วยเหตุนี้
เมื่อเซลร่างกายถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนที่เซลเก่าแล้ว ได้รับผลกระทบจากการแสดงออก
และการกระทำที่ผิดต่อผู้อื่นของมนุษย์เอง และการกระทำผิดต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
มันจึงทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น เพราะว่ามนุษย์โลกทำผิดกฎข้อที่ร้ายแรงที่สุดข้อนี้ไป
<o></o>​

หากมนุษย์หยุดรับประทานเนื้อสัตว์เมื่อใด เซลร่างกายของมนุษย์จะซ่อมแซมตัวเองในวิถีทางใหม่
ที่แตกต่างไปจากที่ในขณะรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะได้รับความรู้ใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสินเชิง
เกี่ยวกับโครงสร้างและส่วนประกอบภายในเซลร่างกายของมนุษย์เอง และมนุษย์จะรู้อย่างชัดเจนว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกซ่อมแซมทางเคมีขึ้นมาใหม่อย่างไร ​

ดังนั้น มนุษย์ผู้นั้นก็จะสามารถสร้างเซลร่างกายใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ง่ายๆด้วยวิธีดังกล่าวนี้
บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์การแพทย์บริสุทธิ์ ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นจะยังความอ่อนเยาว์และสดชื่นตลอดเวลา
และนี่จึงเป็นสาเหตุว่าบางคนดูราวกับว่าอายุ 20 กว่าๆทั้งๆที่อายุจริง 800 – 900 ปี หรือแม้แต่แก่กว่านั้นแล้วก็ตาม
<o></o>
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรากล้ายืนยันกับพวกท่านว่า หลังจากวันนั้นแล้ว จะปราศจากซึ่งความตาย
จะไม่มีการตายทางกายภาพเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้วหลังจากวันนั้น มันขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของพวกท่านเอง
ที่จะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะเหตุนี้ เราจึงกำลังจะบอกกับท่านเรื่องนี้​

ความรู้ใหม่อันนี้ จะเผยตัวมันเองออกมาในหลายๆแง่มุม การแก่ของอายุที่เรากล่าวถึงนี้
มันเริ่มต้นจากความคิดของผู้นั้นเอง จากนั้นมันจึงออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เมื่อพลังแห่งความปรารถนาและความคิดก่อตัวขึ้นอย่างมหาศาล และเมื่อผู้นั้นได้ควบคุมพลังแห่งความปรารถนา
และความคิดนั้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผู้นั้นก็จะสามารถบังคับให้เกิดการกระทำและสิ่งต่างๆได้เองโดยลำพัง
โดยอาศัยแรงแห่งความคิดและความปรารถนาของผู้นั้นเอง นี่คือสิ่งที่มนุษย์โลกทุกวันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจ<o></o>​

(ยังมีต่อครับ - แต่เดี๋ยวต้องเป็นพรุ่งนี้นะครับ)​

 

...ร่างกายของมนุษย์โลกสามารถซ่อมแซมตัวมันเองได้ เซลใหม่ๆจะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเก่าๆที่ตายไปแล้วตลอดเวลา
เซลเม็ดเลือดใหม่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเม็ดเลือดเก่าด้วยตัวมันเอง ประดุจว่าเป็นร่างกายใหม่...

...

ความรู้ใหม่อันนี้ จะเผยตัวมันเองออกมาในหลายๆแง่มุม การแก่ของอายุที่เรากล่าวถึงนี้ ​

มันเริ่มต้นจากความคิดของผู้นั้นเอง จากนั้นมันจึงออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เมื่อพลังแห่งความปรารถนาและความคิดก่อตัวขึ้นอย่างมหาศาล และเมื่อผู้นั้นได้ควบคุมพลังแห่งความปรารถนา​

และความคิดนั้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผู้นั้นก็จะสามารถบังคับให้เกิดการกระทำและสิ่งต่างๆได้เองโดยลำพัง
โดยอาศัยแรงแห่งความคิดและความปรารถนาของผู้นั้นเอง นี่คือสิ่งที่มนุษย์โลกทุกวันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจ...<o></o>​

คุ้นๆว่าข้อความสองท่อนข้างบนนี่ จะตรงกับของอาจารย์ปริญญาเป๊ะเลยครับ

แล้วก็..คล้ายๆกับว่าจะตรงกับของท่านอาจารย์โนวา อนาลัยด้วยนะเนี่ย โดยเฉพาะท่อนหลัง
เพียงแต่ ท่านจะใช้คำว่า "จดจ่อ" แทนคำว่า "แรงแห่งความปราถนา"

และทั้งสองท่อนนี้ก็ไปตรงกับที่คุณ Avatar_boy เคยโพสต์ไว้เป๊ะเลย อีกด้วย

 

<O</O
<O



กำลังหาภาพนี้อยู่เลยค่ะ ภาพปฎิทินโบราณของอียิปต์ ขอบคุณนะค่ะ คุณ Chayutt</O