อะไรคือสาเหตุ"ลาพุทธภูมิ"และมีวิธีป้องกัน?

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นะมัตถุ โพธิยา, 26 มกราคม 2006.

  1. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +2,269
    อะไรคือสาเหตุของการ"ลาพุทธภูมิ" ?
    และจะมีวิธีป้องกันไม่ให้ตัดสินใจลาพุทธภูมิ ?

    ขอเชิญร่วมกันแสดงความคิดเห็นด้วยครับ

    (b-green)
     
  2. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    การลา การไม่ลามันขึ้นอยู่กับตัวบุคคลครับ
    ขึ้นอยู่กับตัวเรา

    ถ้าเราเห็นทุกข์ ทุกข์มันมากเราเบื่อ เราไม่ไหวแระ ฉันไม่เอาแระ ไปนิพพานดีกว่า ก็ทำนองนี้ครับ

    การป้องกันมันก็แล้วแต่บุคคลสิครับ เราไปห้ามให้คนอื่นไม่เข้านิพพาน อันนี่ก็ไม่ไหว คนเขาจะรีบไปเรามารั้งไว้ เค้าได้รับความทุกข์อีก เขาอยากไปก่อนก็ปล่อยเขาไป
    เราก็เดินทางของเราต่อ
    ทางที่จะป้องกัน ก็ทรงมหาเมตตาเข้าไว้ เราอยากไปใจจะขาดเพราะมันเบื่อความทุกข์ แต่ว่าไปไม่ได้เราสงสารสรรพสัตว์ สงสาร อยากช่วยเขา ไปคนเดียวมันเห็นแก่ตัว เราสงสารเขามากๆ .........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มีนาคม 2006
  3. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +2,269
    ขอขยายความนิดนึงครับ

    "วิธีป้องกันไม่ให้ตัดสินใจลาพุทธภูมิ "
    ในกระทู้หมายถึง
    สำหรับ เฉพาะของตัวผู้ปรารถนาท่านนั้นๆเอง เท่านั้นครับ

    เช่น ...
    ชาตินี้ปรารถนาแรงกล้าอยู่
    แต่ก็ยังไม่รู้ว่า ชาติหน้าจะยังปรารถนาแรงกล้าเหมือนเดิมหรือไม่
    จึงอยากทราบวิธีป้องกันตนล่วงหน้า....อะไรทำนองนี้น่ะครับ

    ไม่ใช่วิธีป้องกัน(ขัดขวาง)การลาพุทธภูมิของคนอื่นครับ
     
  4. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ทรงมหาเมตตาเข้าไว้ เราอยากไปใจจะขาดเพราะมันเบื่อความทุกข์

    แต่ว่าไปไม่ได้เราสงสารสรรพสัตว์ สงสาร อยากช่วยเขา

    และก็ที่สำคัญที่สุดอธิษฐานบารมี ครับ อธิษฐานว่าเราต้องการจุดเดียวคือพระโพธิญาณจะได้ช่วยเหลือสรรพสัตว์ อธิษฐานและการรักษาสัจจะ คือหัวใจของพระโพธิสัตว์ เพราะถ้าเราไม่มีสัจจะตั้งมั่นต่อพระโพธิญาณ ใจเรามันก็จะอยากลาไปเพราะว่า เราเบื่อทุกข์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 มกราคม 2006
  5. ง้วนดิน

    ง้วนดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,362
    ค่าพลัง:
    +11,047
    ง้วนดินไหว้หละ

    เอ้า...เอ้า.....

    อย่าทะเลาะกันจิ

    ง้วนดินไหว้หละ

    [b-wai] [b-wai] [b-wai]
     
  6. phoenix

    phoenix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +144
    การปรารถนาพุทธภูมิเป็นเรื่องดี ในยุคที่มีศาสนาพุทธจะมีผู้ปรารถนาพุทธภูมิมากมาย
    แต่การลาพุทธภูมินั้น สามารถทำได้ในคนที่ไม่ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า
    ส่วนผู้ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้วไม่สามารถจะลาได้เลย แม้จะเอ่ยคำลาแต่จะไม่ได้รับพุทธานุญาต
    ผู้ลาไม่เป็น ผู้เป็นไม่ลา
     
  7. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,163
    สาเหตุการ "ลา" คือ "รักตัวเอง"
    เพราะโดยเนื้อแท้จุดสูงสุดคือพระโพธิญาณก็คือญาณอันเป็นที่รักแก่ดวงจิตอื่น คน "ไม่ลา" ก็คือ "รักคนอื่นมากกว่าตัวเอง" จุดสำคัญอยู่ที่คุณมีความรักให้คนอื่นมากกว่าตัวเองหรือเปล่า ถ้ายังรักคนอื่นมากกว่าตัวเองก็ยังคงอยู่ในทางแห่งพุทธภูมิ ส่วนวิธีการ 108 1009 ก็ขึ้นอยู่กับความคิดของจิตว่าจะทำอย่างไรให้จิตใจของตนคงความต้องการของตนไว้ได้
     
  8. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019

    1. ความทนทุกข์ไม่ไหว คือสาเหตุของการ"ลาพุทธภูมิ"
    2. จะมีวิธีป้องกันไม่ให้ตัดสินใจลาพุทธภูมิ ?
    ทำได้ตามแบบที่พระพุทธสั่งสอนเรื่องการบำเพ็ญบารมีของพุทธภูมิ(การบำเพ็ญบารมี 30 ทัศ) จะทำให้ไม่ลาพุทธภูมิ..
     
  9. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ผมขอเล่า การปราถนาพุทธภูมิของผม
    ผมปราถนา พุทธภูมิปัญญาธิกะ

    เมื่อก่อนผมไม่ได้รู้จักอะไรเกี่ยวกับการปราถนาพุทธภูมิ

    ก่อนปราถนาพุทธภูมิ
    ตอนผมอายุ 20 กว่าๆ เริ่มต้นด้วยการคิดว่า เราอยากจะให้อะไรที่ดีที่สุดแก่คนทั่วโลก ไม่จำกัดชาติศาสนา ที่เราจะสามารถให้อะไรได้ และที่เป็นไปได้
    คิดไปเรื่อยๆ พบว่าสิ่งนั้นคือ ให้ความรู้...ให้ปัญญา....หรือให้ธรรมมะนั่นเอง
    เพราะว่าการให้ธรรมมะ ไม่ต้องใช้ทรัพย์มาก(ชาตินี้ผมเกิดมาไม่ได้มีทรัพย์มาก)และให้ได้ทั่วถึงทั่วโลกและความสามารถเราพอที่อาจจะทำได้และสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นไปได้จริง..

    ความตั้งใจนี้ถูกเก็บไว้ในใจ ถ้าสักวันหนึ่งเรามีโอกาสก็จะทำ..อาจจะเป็นการค้นพบอะไรใหม่ๆสักอย่างให้แก่โลกแล้วเผยแผ่....และต่อมาก็พบว่าพุทธศาสนาดียอดเยี่ยม

    อะไรที่ดีที่สุดแก่คนทั่วโลก = ธรรมแห่งการหลุดพ้นหรือพ้นทุกข์

    ต่อมา ถอดจิตได้
    จริงๆผมถอดจิตได้ตั้งแต่เด็กๆ ออกไปรอบๆห้อง ออกไปบนท้องฟ้า ยืดกายเท่าก้อนเมฆ และหดกาย ที่จำได้ก็ประมาณ น่าจะ 6 ขวบ แต่มาถอดได้แบบเต็มๆก็ตอน 20 กว่าๆ
    ความสงสัยมีมาก แล้วก็หาคำตอบ ศึกษาไปเรื่อยๆ เข้ามาอ่านเว็ปในไทย มาศึกษาพุทธมากขึ้นกว่าเดิม

    แล้วมีความคิดจะเผยแผ่พุทธอย่างไรให้ไปทั่วโลก

    ฝันว่าเราลงมาบำเพ็ญบารมี
    นอนหลับฝันไปว่า เดินไปหลังบ้านพบกระดาษเก่าๆเขียนว่า ผมลงมาบำเพ็ญบารมี มีตัวเลขไทยบอก แต่ตอนนั้นไม่ทราบว่าบำเพ็ญอะไร

    ต่อมาฝันว่าตัวเองเป็นพระโพธิสัตว์ กำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ แล้วเราก็ดำเนินเหตุการณ์ตามในฝัน ฝันแบบนี้ติดๆกัน บ่อยๆ...
    พอตื่นมาก็ยกมือไหว้ขอขมา กลัวบาป...
    ตอนเราฝันเราไม่มีสติ ไม่รู้ว่าทำไมฝันไปแบบนั้น ในฝันก็คิดว่าเราเป็นจริงๆ
    ตัวเองชักเริ่มสงสัย ว่าทำไมฝันแบบนั้นบ่อยๆ.......ตอนนั้นยังไม่ได้ปราถนาพุทธภูมิ..

    ต่อมาฝันว่าเดินไปกับกลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มเล็กๆ เดินผ่านหุบเขา แล้วก็มีกลุ่มคนจำนวณมากจะเข้ามาทำร้าย ผมตกกะใจก็เลยเหาะขึ้นปกป้องเพื่อนๆ ผมมองไปคนมืดฟ้ามัวดิน ก็เลยปล่อยพลังเย็นและพลังลำแสงออกจากตัว สู้กันอยู่นาน
    กองทัพมาเรื่อยๆไม่หมด จนล้าเลยเกือบไม่ไหว

    แล้วได้ยินเสียงจากบนฟ้าบอกทำนองว่า ให้ใช้พลังพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ในตัวซิ
    เท่านั้นผมก็กำหนดจิตนิ่งแป๊บหนึ่ง เอาพลังพระพุทธเจ้ามาใช้ แล้วระเบิดพลังออกมาเป็นระเบิดแสงขนาดใหญ่ ออกจากตัว เท่านั้นแหละ กองทัพที่มามืดฟ้ามัวดินโดนระเบีดเกลี้ยงหมดเลย......
    ในฝันตอนนั้นรู้สึกว่าประทับใจในพลังพระพุทธเจ้ามากๆ...สุดยอด..ประทับใจ.ปลื้มพลังพระพุทธเจ้า...

    ตื่นมาผมขอขมาเรื่องในฝันกลัวบาป เพราะว่าฝันว่าตัวเองมีพลังพระพุทธเจ้าอะไรต่างๆ.....
    -------------------------------------

    ก็เลยคิดทบทวนเรื่องในฝันว่าทำไมเราฝันบ่อยๆ ติดๆกันว่าได้เป็นพระโพธิสัตว์

    เลยนั่งวิเคราะห์ฝันและจิตลึกๆของตัวเอง
    ฝันอาจจะเทวดามาเนรมิตรให้ทราบหรือเราเคยปราถนาพุทธภูมิมาแล้วฝังอยู่ในจิตลึกๆของเรามาหลายชาติ .....เวลาฝันหรือเวลาตกกะใจจะออกมาเองทางนี้

    แล้วคิดย้อนไป ช่วงความตั้งใจก่อนปราถนาพุทธภูมิเรื่องการให้ อะไรที่ดีแก่คนทั่วโลก คือการให้ปัญญาหรือให้ธรรมมะ พบว่านี่แหละจิตลึกๆเราคิดแบบนี้ออกมาเอง...เริ่มแรกโดยการอยากให้ ไม่ได้เริ่มโดยการอยากเป็นพระพุทธเจ้า...
    ความตั้งใจแบบนั้นแสดงว่าอดีตชาติเราเคยปราถนามาแล้ว

    แล้วไปอ่านเรื่องพุทธภูมิเพิ่มเติมต่อมาจึงปราถนา ปัญญาธิกะพุทธภูมิแบบเต็มตัว.......แล้วก็อ่านเรื่องพระพุทธเจ้า หลายๆเรื่อง ก็เป็นปลื้มพระพุทธเจ้า.....

    ---------------------------------------

    วิธีป้องกันไม่ให้ตัดสินใจลาพุทธภูมิ

    เล่าประวัติ ของตัวเองก่อน
    หลังจากปราถนาพุทธภูมิแล้ว กว่าจะบรรลุเป็นสัมมาสัมพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องยากมากๆและใช้เวลานานมากๆ เกิดเป็นหลายล้านชาติ

    กลัวตัวเองจะลาพุทธภูมิเมื่อเห็นทุกข์มากๆและทนทุกข์ไม่ไหว
    ผมกลัวว่าเกิดอีกชาติต่อๆไป แล้วความตั้งใจจะเปลี่ยน กลัวตัวเองจะลืมความตั้งใจการปราถนาพุทธภูมิของชาตินี้

    น้ำตาทะลักออกมา
    ความปราถนาเรื่องพุทธภูมิตั้งใจแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง ในใจปราถนาอย่างแน่น่.
    ผมก็เข้าสมาธิดิ่ง แล้วก็ถอยระดับสมาธิลงมา แล้วก็พูดนึกในส่งออกไป ทำนองว่า "ผมปราถนาพุทธภูมิอย่างแน่วแน่และจะไม่ลาพุทธภูมิอย่างแน่นอน แต่กลัวชาติใหม่ของผม กลัวจะลืมความตั้งใจเดิมนี้แล้วลาพุทธภูมิ
    ผมขอฝากพระพุทธเจ้าและเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเกิดชาติไหนผมเจอทุกข์แล้วจะทำให้ผมลาพุทธภูมิ
    ผมขอให้ผมจำความรู้สึกว่าผมปราถนาพุทธภูมิของวันนี้ ว่าผมมีความตั้งใจปราถนาสูงขนาดไหนและปราถนาว่าจะไม่ลาได้และขอฝากให้ท่านทำภาพของวันนี้ให้ผมได้เห็น และเตือนผมหรือมาดลผมหรือทำอะไรก็ได้ให้ผมไม่ลาพุทธภูมิ" จริงๆพูดยาวกว่านี้

    ตอนนั้นผมก็ใส่พลังความตั้งใจแบบเต็มเหนี่ยวเลย เท่านั้นแหละตาก็ไหลออกมา เพียบเยอะมากๆ แล้วร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น เพราะว่าใส่ความตั้งใจไว้อย่างสูง..แปลกเหมือนกัน คนเรา ดีใจเสียใจก็ร้องไห้.

    ------------------------------
    วิธีป้องกันไม่ให้ตัดสินใจลาพุทธภูมิ แบบ ของผมเอง


    1). อธิฐานจิตและฝากตัวกับเบื้องบนให้ช่วยเหลือ ที่เขียนเล่าไปข้างบน
    2). บำเพ็ญบารมีด้วยตัวเองตามแบบที่พระพุทธเจ้าสอน
    3). 3 ข้อใหญ่จะขาดไม่ได้เลย ที่จะทำให้ไม่ลาพุทธภูมิ (คิดเอง)
    -1. เมตตา
    -2. ขันติ (ความอดทน)
    -3. ปัญญา

    คนที่ลาพุทธภูมิคือ เมื่อเห็น ทนทุกข์ต่อไม่ได้ แล้วจึงลาเข้านิพพาน

    พุทธภูมิที่จะไม่ลา เวลาจะลา ควรคิดออกมาแนวๆ

    ที่เราบำเพ็ญบารมีมาหลายล้านชาติ ก็เพื่อให้สัตว์อื่นจำนวณมากเข้าสุ่นิพพานได้ จุดแรกเลยบำเพ็ญมาเพื่อช่วยสัตว์อื่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราขอให้เราอดทนและทำให้บรรลุจุดมุ่งหมาย นั่น คือ บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ

    เมื่อเราเห็นทุกข์หนักๆแล้วจะลา ควรคิดว่า(ปัญญา)
    เราปราถนามาเพื่อขนสัตว์จำนวณมากเข้าสู่นิพพาน(เมตตา)
    เราต้องมีขันติหรืออดทนต่อทุกข์นี้ไว้ ทุกข์เราทนทุกข์มาตั้งหลายอสงไขย์แล้วเรายังทนได้จงทนต่อไป
    ทุกข์ของเราเราทนได้ให้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขนสัตว์เข้าสู่นิพพาน
    ยังมีสัตว์อยู่จำนวณมากที่ต้องการเข้าสู่นิพพานและเราต้องนำพาให้เขาพ้นทุกข์ได้
    เมื่อเจอทุกข์อะไรก็ใช้ปัญญาค่อยๆแก้ไข

    ใช้สัมมาปัญญาเป็นตัวนำในการบำเพ็ญเพียรจนให้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ
    อยากมีปัญญามากๆก็ให้ธรรมทานมากๆและทำวิปัสสนา

    4). พยายามลดการทำบาป, ทำมหากุศลใหญ่ๆช่วยเลหือสัตว์และกุศลที่ส่งเสริมให้บรรลุโพธิญาณ, ฝึกจิต.

    [music]http://palungjit.org/attachments/a.49505/[/music]<!-- / message --><!-- sig -->
     
  10. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
  11. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    โมทนาครับผม
     
  12. PCO

    PCO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +3,626
    สำหรับผมเองเมื่อรู้ชัดว่าปารถนาพระโพธิญาณวิริยาธิกะพิเศษซึ่งระยะเวลานั้นยาวนานมากทุกอย่างต้องเข้มข้นมากตลอด ครั้งหนึ่งสมัยเป็นนักบวชมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตั้งใจจะลาพุทธภูมิเพราะคิดว่าเราติดตามหลวงพ่อมานี่จะนานเท่าไรไม่รู้หลวงพ่อพาบำเพ็ญเพียรมาทุกรูปแบบเราทนทุกข์ยากทนลำบากเพื่อผู้อื่นมามากแต่ไม่ว่าเราจะทำความดีกันสักเพียงใดขึ้นชื่อว่าโลกที่มีความพล่องเป็นปกติเป็นนิจ เหมือนตุ่มที่มันรั่วไม่มีวันที่จะเติมเต็มไม่มีวันเอาชนะมันได้เอาแค่สมัยเชียงแสนมาจนในชาติปัจจุบันแม้เราสละเอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตเข้าแลกในสิ่งที่เรียกว่าความดีสิ่งที่หวังก็คือต้องการให้คนที่เรารักคนที่เราเคารพทั้งหมดมีความสุขมีความปลอดภัย เราจะมีความสุขใจสบายใจก็ต่อเมื่อมองไปจนสุดสายตาสุดขอบเขตทุกคนมีความปลอดภัยมีความสุขรื่นเริงบันเทิงใจ ในการสู้รบแม้ว่าเราเลือดท่วมกายและตายลงไปก็ยังยิ้มมีความสุขใจ แต่สิ่งที่มันเป็นสมบัติของโลกมันมีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่พักเดียว ก็สลายไป หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้ ถ้าจะเกิดใหม่ก็ก่อเหตุใหม่ คือไม่พ้น ไตรลักษ์ คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามหลักวิปัสนาญาณ เมื่อหลวงพ่อลาพุทธภูมิและก็ชวนลูกๆลา ลูกๆของท่านพ่อลากันเกือบจะร้อยเปอรเซ็น ตอนนั้นคุยกับใครก็พากันลาพุทธภูมิทั้งฆราวาส ทั้งที่เป็นพระ เช่นหลวงพี่บุญรัตน วัดโขงขาว แม้หลวงพี่เล็กก็เคยคุยกับท่านบอกกับท่านว่าผมเองตอนนี้ยังไม่ลาถามท่านบ้างว่าแล้วหลวงพี่ล่ะครับท่านบอกว่าผมจุดธูปลาพุทธภูมิเรียบร้อยแล้วก็ยังโมทนากับท่าน ก็มาคิดว่าเมื่อคนอื่นๆที่เขาติดตามหลวงพ่อมาเขาพากันลาเราก็ควรจะลาบ้างตอนนั้นพวกเรามักจะใช้ศัพย์คำว่าเผ่นกันมากก็คิดว่าเมื่อคนอื่นเผ่นเรื่องอะไรเราจะอยู่เราก็เผ่นบ้าง สมัยบางระจันเรายังฝันว่าเคยเผ่นชาตินี้จะเผ่นเข้าพระนิพานจะเป็นไรไป พ่อไปเราก็ไปจะยืนโด่คนเดียวได้ไงท่านแม่ก็ยังเตือนแล้วเตือนอีกว่าถ้าใครมาเกิดอีกต่อไป จะว้าเหว่เพราะพรรคพวกที่คุ้นเคยกันไม่มาเกิดอีกแล้วแม่ก็ไม่มาแล้ว พ่อก็ไม่มาอีกแล้วจะรอลูกๆทุกคนอยู่ที่พระนิพพาน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ลาจนกระทั่งมีเหตุให้สึกจากการเป็นนักบวชออกมา ได้มีโอกาสทำงานเหมือนที่เคยเห็นในใจมานานคืองานประเภทเกี่ยวกับพลังงานสำคัญของชาติ วันหนึ่งขณะที่จะต้องเดินทางลงไปทำงานในทะเลจำได้ว่าเป็นต้นเดือนตุลาคม2535ก่อนงานกฐินวัดท่าซุงก่อนขึ้นเครื่องบินเพื่อไปลงที่ฐานขุดเจาะน้ำมันในทะเลก็แวะที่ทำการไปษร์ณีเพื่อส่งเงินมาร่วมทำบุญทอดกฐินกับหลวงพ่อที่วัดท่าซุง ตามปกติทุกครั้งในการส่งธนาณัตจะเขียนว่า ทำบุญทอดกฐิน หรือบุญอะไรก็แล้วแต่ พร้อมทั้งอธิฐาน แต่ในวันนั้นทำบุญทอดกฐินเพื่อให้หลวงพ่อเป็นพยานในธนาณัตว่า ขออานิสงค์ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ร่วมทำบุญกฐินทานนี้จงส่งผลให้ข้าพระพุทธเจ้าจงได้บรรลุอภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณในแบบวิริยาธิกะพิเศษในอนาคตกาลโน้นเถิด แต่ในวันนั้นขณะเมื่ออธิฐานความปารถนาอยู่นั้นมันมีอาการเบลอๆขึ้นมาเฉยๆเขียนผิดถึงสามครั้ง ก็แปลกใจมากว่าเราเป็นอะไรจึงพยายามตั้งสติใหม่เขียนใหม่เป็นครั้งที่สี่จึงเขียนได้ เมื่อลงไปทำงานจนถึงวันที่30ตุลาคม2535ก็ได้ข่าวพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงพุทธภูมิที่ยิ่งใหญ่ที่บำเพ็ญบารมีมายาวนานสุดคนานับนั้นได้ละสังขารเข้าพระนิพพานเมืองแก้วของท่านแล้ว คืนนั้นก็ยังฝันว่าท่านนั่งบนเก้าอี้นั่งห้อยขาทั้งสองข้างก็ฝันว่าเอาหัวพาดตักท่านแล้วก็ร้องไห้มันร้องเอาจริงๆจนตื่นนอน ก็มารู้ว่าการที่เขียนอธิฐานปารถนาพระโพธิญาณแล้วมีอาการเบลอๆนั้นเพราะหลวงพ่อท่านชวนให้ลาพุทธภูมิเป็นครั้งสุดท้าย แต่วิสัยที่เป็นคนที่ชื่อว่าดื้อด้านมากคนหนึ่งที่ถ้าตั้งใจอะไรไว้ถ้าไม่ได้เป็นไม่เลิกที่ว่าแม้ตายก็จะฝากไว้ก่อนเดี่ยวจะกลับมาเกิดมาทำต่อ มันก็คล้ายกับพ่อที่ท่านบอกว่าท่านเป็นคนดื้อลองได้ตั้งใจจะทำอะไรเป็นต้องทำจนได้ท่านบอกว่าถ้าหันหน้าออกจากบ้านจะถูกห้ามอย่างไรท่านต้องไปจนได้ ในเมื่อท่านพ่อเป็นแบบนี้จะให้ลูกว่าง่ายได้ไง เลยพอหลังจากวันนั้นแล้วไม่ว่าจะทำบุญอะไรก็จะอธิฐานว่าขออานิสงค์ผลบุญที่ข้าพระพุทธเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้จงส่งผลให้ข้าพระพุทธเจ้าจงได้บรรลุอภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณในแบบวิริยาธิกะพิเศษในอนาคตกาลโน้นเถิดและหากยังไม่บรรลุมรรคผลเพียงใดคำว่าละคำว่าลาจงอย่ามีขึ้นกับใจแม้ว่าร่างกายกายาจะสลายไป เลือดในกายจะเหือดแห้งไป แม้ว่าหัวจะต้องถูกตัดขาดลงนับพันนับหมื่นครั้งในวันเดียวก็ไม่มีคำว่าลา สำหรับผมก็อย่างที่พูดมาย่อๆนี้
    เท่าที่สังเกตุของตัวเองในเวลาที่จะลาสาเหตุคือความเบื่อหน่ายยิ่งเมื่อเราเจริญวิปัสนาญาณตามหลักไตรลักษณะญาณก็จะเกิดนิพพิทาญาณความเบื่อหน่ายเมื่อที่จะต้องทำอะไรซ้ำแล้วซ้ำอีกและสิ่งที่ทำก็ไม่ได้คงอยู่ตลอดกาลตลอดสมัย ในส่วนของผมจะยกตัวอย่างบุคคลสำคัญสักท่านหนึ่งที่พอจะทำให้เห็นว่ามันน่าเบื่อเพียงใดในการเกิด เช่นท่านแม่พระนางเรือล่มตามประวัติของท่านนั้น(ตำราเล่มของผม)ท่านมีความเก่งกล้าสามารถมากบำเพ็ญบุญญาธิการมานานหนักหนาคิดตามประสาคนเป็นลูกที่พร่ำรำพรรณในวันที่สูญเสียท่านก็คือว่าโอหนอท่านแม่ท่านนี้อุตส่าห์บำเพ็ญบุญญาธิการมามากยิ่งกว่าคำว่ามากทำคุณทำประโยชน์ต่อโลกใบนี้ทั้งต่อปวงชนทั้งหลายทั้งในขอบเขตของพระพุทธศาสนามานับภพนับชาติไม่ได้เคยเป็นทั้งนักรบที่ยิ่งใหญ่เก่งกล้าสามารถมากเป็นอะไรต่ออะไรมากมายพรรณาไม่ไหวแต่ต้องมาจบชีวิตลงกับแค่เรือล่ม ความสลดใจรันทดใจความคับแค้นขมขื่นของผมนั้นมันมากเรียกว่าไอ้โลกมนุษย์โลกนี้อย่าว่าแต่จะเกิดเลยหันมามองยังไม่อยากจะมองมันเลยมันมีแต่ทุกข์แต่โทษมันมีแต่เวรภัยทำคุณกับมันเพียงใดสิ่งที่มันให้มีแต่เสียใจมีแต่การเนรคุณของมัน นี่ละครับของผมที่ยกตัวอย่างสิ่งที่มันจะทำให้ท้อแท้อยากจะลาก็จากการที่บางครั้งการที่ตัวเองปารถนาพุทธภูมิพยายามทำบุญทำกุศลทุกอย่างสละเลือดเนื้อแม้ชีวิตได้ทุกอย่างก็เพื่อต้องการให้คนที่เราเคารพให้คนที่เรารักและรักเรามีความปลอดภัยมีความสุขรื่นเริงบันเทิงใจ เลือดเนื้อกายใจแม้กระทั่งบุญบารมีไม่สามารถแลกหรือคลุ้มครองป้องกันได้เลย แม้ในชาตินี้ก็เคยยืนประกาศต่อพระ พรหม เทวดาทั้งหมดที่หน้าวัดท่าซุงว่าขอถวายอายุขัยของตัวเองเพื่อขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อมีอายุขัยยืนยาวต่อไปอีกเท่าอายุขัยของตัวเองแต่ขึ้นชื่อว่ากฏของกรรมมันพูดภาษาคนกับมันไม่รู้เรื่องแม้จะคุกเข่าวิงวอนน้ำตานองหน้าอย่างไรมันไม่ฟังมันไม่เอา นี่แหละครับที่เป็นสาเหตุบางครั้งทำไห้เราท้อแท้ที่จนปัญญาสุดความสามารถที่จะช่วยสิ่งอันเป็นที่เราสุดเคารพสุดรักของเราได้
    ส่วนวิธีป้องกันการที่จะไม่ทำให้ลาส่วนของผมเคยทำอย่างนี้ได้รวบรวมหนังสือธรรมมะของวัดท่าซุงทั้งหมดที่ผมมีอยู่เข้าไปถวายหลวงพ่อตั้งใจปารถนาว่าหนังสือทั้งหมดนี้ทำให้ข้าพระพุทธเจ้ามีความรู้มีความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้หนังสือนี้เป็นของที่ล้ำคุณค่าสุดประมาณจะขอถวายหนังสือทั้งหมดไว้เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาที่วัดท่าซุงสุดแต่ทางวัดจะเห็นสมควรว่าจะเอาไปทำอย่างไร และก็อธิฐานว่าขออานิสงค์ที่ถวายหนังสือธรรมมะนี้จงส่งผลให้ข้าพระพุทธเจ้าไม่ว่าจะไปเกิดในที่ใดเมื่อเกิด จำความได้เมื่อไรขอจงระลึกนึกถึงคำสอนทั้งหมดที่รู้อยู่ในขณะนี้จำคำสอนของหลวงพ่อได้จำปฏิปทาสัมมาปฏิบัติของหลวงพ่อได้และความรู้ใดๆในชาตินี้เมื่อต้องเกิดใหม่ขอให้จำได้เหมือนนอนหลับแล้วเมื่อตื่นขึ้นมาจำได้อย่างไรเมื่อเกิดใหม่ขอจงจำได้ฉันนั้นทุกๆชาติไปจนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า ท่านรับแล้วท่านก็ยิ้มแล้วก็พูดเบาๆว่า เออ จงมีปารถนาสมหวังนะ
    สำหรับผมก็พยายามทุกรูปแบบทั้งตั้งใจเองและอราธนาให้พระท่านตักเตือนแม้กระทั่งอาจารย์ยกทรงก็เคยบอกให้ท่านช่วยตักเตือนเคยบอกว่าอาจารย์ครับเมื่ออาจารย์เข้าพระนิพพานเมื่อไรอาจารย์อย่าลืมมาสงเคราะห์ผมนะครับอาจารย์อยู่ข้างบนอยู่ที่สูงถ้ามือไม่ว่างก็ใช้เท้าก็ได้ช่วยเขี่ยสะกิดๆผมหน่อยท่านหัวเราะชอบใจรับปากว่าจะช่วยเขี่ยให้ 5 มีนาคม 2549
     
  13. อมตะ

    อมตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +413
    ขอโมทนากับท่านที่ปรารถนาพระโพธิญาณทุกๆท่าน (ทั้งท่านที่ลาพุทธภูมิไปแล้วและท่านที่ยังไม่ลาพุทธภูมิ) ขออนุโมทนากับบุญบารมีทุกท่านด้วยครับ โลกจะเร่าร้อนเพียงไรก็ตาม แต่จะเย็นลงและสุขสบายได้ก็เพราะพระบารมีของเหล่าพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์นี้แหละช่วยบรรเทาไว้.........สาธุๆๆๆๆๆ
    *เดิมผมปรารถนาปัจเจกพุทธภูมิตอนนี้ลาแล้วเพราะท่านพ่อท่านลาไปพระนิพพานแล้วกลัวว่าถ้าเกิดอีกจะไม่มีใครสอนเราได้(ผมดื้อมากๆๆๆท่านไหนสอนอะไรก็ไม่ค่อยเอาอะไรกับเขาหรอก มีท่านพ่อสอนองค์เดียวอยู่หมัดเลยชอบถูกใจไปหมด) กลัวพลาดท่าไปนรกเสียอีกเลยขอตามท่านพ่อท่านแม่ไปพระนิพพานดีกว่ากอบกับเห็นทุกข์ในการเกิดด้วย.......ถ้าไปพระนิพพานได้ในชาตินี้จะค่อยเป็นกำลังใจ(เป็นแสงหิ่งห้อยเล็กๆๆๆๆๆ)ให้กับท่านพุทธภูมิ...
     
  14. tassanai_k

    tassanai_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,518
    โมทนา สาธุ ครับ
     
  15. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    แก้แล้ว
    เข้าใจความหมายผิดเลยแก้ครับ...
    นึกว่าพระพุทธภูมิคือนิพพานโดยที่ไม่มีต้องมีศีล สมาธิ และปัญญา...แป๊ว ผิดเลยเรา...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มีนาคม 2006
  16. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่าน คุณเวปสโนว์เล่าได้ซาบซึ้งมากครับ ในส่วนตัวของผมเคยเหมือนกันที่รู้สึกว่าเหนี่อยและเห็นว่าชีวิตนี่มันทุกข์จริงๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยึดถือและสร้างกำลังใจให้เดินต่อไป ก็คือพระพุทธเจ้าและจุดหมายที่ตั้งใจคือพระโพธิญาน แม้ผมจะรู้อยู่แก่ใจว่าบารมียังไม่เข้มข้นมากนัก แต่ก็ต้องสู้ต่อไป
    ก็เลยเสนอแนวคิดกับ จขกท.ว่าเมื่อใดเกิดความเบื่อหน่ายกับทุกข์ก็ต้องตั้งสติให้มั่น เจริญสมถะเมื่อจิตสงบดีแล้วก็พิจารณาว่าที่กระทำความปราถนานี้เพื่ออะไร เพื่อใคร ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ แล้วท่านจะได้คำตอบเองว่าตนเองสมควรจะลาหรือไม่ คำถามง่ายๆที่เราควรจะถามตัวเองก็คือ หากในวินาทีนี้ ให้ท่านจิตหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ท่านจะยอมรับหรือไม่โดยต้องคิดก่อน หรือลังเล หรือตอบปฎิเสธโดยเหตุผลว่าเราจะยอมไปโดยลำพัง อันนี้ก็ลองถามใจตนเองดู

    ผมเคยมีคำถามกับเพื่อนๆว่า หากเช้าวันหนึ่งเรานั่งเรือโดยสารไปตามคลองแสนแสบที่สกปรกและขุ่นดำ เพื่อไปทำงานตามปกติ ขณะที่เรือแล่นไปเราเหลือบไปเห็นสุนัขตัวหนึ่งว่ายอยู่ในคลองปากก็ส่งเสียงร้อง เพราะหาฝั่งขึ้นไม่ได้เนื่องจากคันคลองกลายเป็นกำแพงปูนสูงไม่มีตลิ่งให้ขึ้นอีกแล้ว ถามว่าในวินาทีนั้นเราซึ่งว่ายน้ำเป็น จะกระโดดไปช่วยสุนัขตัวนั้นหรือไม่ เป็นโจทย์ที่ทดสอบ
    1.การตัดสินใจในเวลาจำกัดเนื่องจากเรือกำลังแล่นอยู่
    2.น้ำดำ
    3.กำลังไปทำงาน
    4.เสี่ยงต่ออันตรายของชีวิตเราในระดับหนึ่ง

    ลองตอบกันดู คำถามนี้ไม่มีธงคำตอบครับ
     
  17. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    รบกวนท่านทั้งหลายด้วยข้อความ ต่อไปนี้
    "ด้วยกลุ่มของผม มีความประสงค์ที่จะสร้างพระพุทธรูปประธาน ขนาดหน้าตัก 50 นิ้ว ถวายแก่วัดหรือสำนักสงฆ์ที่ยังไม่มีพระประธาน จึงขอความกรุณาท่านสมาชิกทั้งหลาย หากทราบข้อมูลวัดหรือสำนักสงฆ์ใดที่อยู่ในเขตจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี หรือจังหวัดโดยรอบ กทม. ซึ่งยังไม่มีพระประธานและต้องการรับถวาย ขอได้โปรดแจ้งผม โดยด่วน ทางกระทู้นี้หรือทางเมล์ pp_k_9@hotmail.com ด้วยครับ เพื่อเป็นข้อมูลและลงพื้นที่ติดต่อกับวัดหรือสำนักสงฆ์ต่อไป ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ"

    ปกรณ์
     
  18. อมตะ

    อมตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +413
    ความปรารถนาไปพระนิพพาน ( อยากไปพระนิพพาน) นั้นท่านบอกว่า " เป็นธรรมรมณ์ " อารมณ์ของธรรม ไม่ใช่กิเลส อารมณ์ฝ่ายกุศล ตอบคุณDIS-ESP เหมือนกับพระโพธิ์สัตว์ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า (อยากเป็นพระพุทธเจ้า)และบางท่านก็ได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าดังความปรารถนา
     
  19. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683



    ขอโมทนาบุญคุณwebshowนะครับ
    ขอบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้นพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์พระธรรมพระอริยสงฆ์ทั้งหมดและบุญที่ข้าพเจ้าทำมาแล้วหลายอสงไขยหลายแสนมหากัปจงเป็นกำลังและปัจจัยให้คุณwebshow ทำตามคำอธิฐานสำเร็จกิจทุกประการนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2006
  20. soonyata

    soonyata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +3,675
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">คือ ไม่มั่นใจว่าตัวเองปรารถนาพุทธภูมิรึป่าว เมื่อก่อนไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าคืออะไร แต่ว่าเคยมีครั้งนึงอฺธิษฐานกับพระศรีอาริยเมตตรัยว่า จะช่วยพระองค์ทำนุบำรุงศาสนาจนกว่าเราจะได้บรรลุสัมมาสัมโพธญาณในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้น ตอนนั้นเรายังไม่รู้เลยว่าสัมมาสัมโพธิญาณแปลว่าอะไร เราก็งงว่าทำไมอธิษฐานแบบนี้ พอไปถามพระว่าสัมมาสัมโพธิญาณคืออะไร ท่านก็บอกว่าพระพุทธเจ้างัยล่ะ บางครั้งเวลาไปไหว้พระ พอลืมตัวจะพูดว่าขอให้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ เราก็เริ่มสงสัย ก็เลยหาข้อมูลไปเรื่อย ๆ สงสัยว่าตัวเองจะเคยอธิษฐานมาหลายชาติแล้ว
    ตอนที่ไปไหว้พระธาตุ 9 ประเทศ ก็ไปถามท่านว่าเราเคยอธิษฐานรึป่าวแล้วก็เข้าวิปัสสนา เห็นเหมือนตัวเองอยู่ในถ้ำบ้าง เป็นพระบ้างอธิษฐานมาหลายชาติ แล้วน้ำตาก็ไหล
    ตอนนี้ใจเราอยากถอนคำอธิษฐานจะแย่แล้ว พี่สาวเราก็เสีย พ่อเราก็เสีย เราเห็นความตายจนเบื่อหน่ายในวัฏสงสารถึงขนาดอธิษฐานทุกครั้งที่ไหว้พระว่าขอให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร เราเห็นความทุกข์จนอยากหลุดพ้น แต่เราไม่กล้าถอนคำอธิษฐานเพราะไม่รู้ว่าอธิษฐานมานานแค่ไหนแล้ว กลัวบารมีที่เราสร้างมาจะสูญเปล่า ไม่รู้ควรทำงัยดี
    ผู้รู้ช่วยตอบหน่อยว่าเราจะรู้ได้งัยว่าเราปรารถนาพุทธภูมิรึป่าว แล้วถ้าปรารถนาจริงจะทำงัยให้กำลังใจเข้มแข็งไม่ลาพุทธภูมิ
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...