วิธีที่จะเอาเงินที่ถูกยืมไป คืนมา

<TABLE style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#fac963 border=0><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"><TD style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"><TD style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" bgColor=#ecfae0>วิธีที่จะเอาเงินที่ถูกยืมไป คืนมา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"><TD style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" bgColor=#ffffff><TABLE style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" bgColor=#ffffcc><TD style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" vAlign=center> </TD></TR><TR style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"><TD style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" vAlign=top align=middle><TABLE style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"><TD class=A2 style="FONT-SIZE: 13pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" vAlign=top><TABLE style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"><TD style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"></TD></TR><TR style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"><TD style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC" align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

วิธีที่จะเอาเงินที่ถูกยืมไป คืนมา (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)​

ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แห่งวัดถ้ำขาม สกลนคร เคยเล่าให้ศิษยานุศษย์ฟังว่า ศิษย์ผู้หนึ่งของท่านมีความทุกข์ใจมาก เพราะถูกขอยืมเงินไปสองแสนบาท ซึ่งในเวลากว่า ๒๐ ปี มาแล้วนับว่าจำนวนมาก สัญญาว่าจะใช้คืนเมื่อนั้นเมื่อนี้ แต่ถึงเวลาแล้วก็ไม่ได้คืน จำเป็นต้องใช้ ไปขอคืนก็ปฏิเสธบิดพริ้วต่างๆ นานา เจ้าของเงินจำเป็นต้องใช้จริงๆ แต่ก็ไม่สามารถขอคืนได้ ได้อ้อนวอนขอให้ท่านอาจารย์ท่านช่วยภาวนาให้ได้เงินคืน เพราะจำเป็นต้องใช้จริงๆ ไม่ได้คืนต้องแย่แน่

ท่านอาจารย์ท่านได้เล่าว่า ท่านช่วยอะไรไม่ได้หรอก นอกจากจะบอกให้วิธีให้ช่วยตัวเอง ทำเองตามท่านบอกแล้วจะได้เงินจำนวนนั้นคืนแน่ และท่านก็บอกวิธีให้เขา เขาก็ทำตามและเขาก็ได้รับเงินคืนตามจำนวนที่ให้ยืมไป วิธีท่านอาจารย์ฝั้นท่านบอกศิษย์ของท่านเพื่อให้ได้เงินคืนก็คือ ทุกครั้งที่สวดมนต์ไหว้พระแล้ว ให้อธิษฐานจิตขอให้ผู้เป็นลูกหนี้นำเงินจำนวนนั้นมาคืนเถิด อธิษฐานจิตให้แน่วแน่ แล้วก็หยุดความคิดถึงเงินนั้นให้เด็ดขาดไป เพ่งจิตไปที่คำภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ นั้นเอง

ภาวนาไปเรื่อยๆ จะกี่วันกี่เดือนกี่ปี แล้วแต่จิตของเขาจะรวมได้เมื่อไร ก็เมื่อนั้นจะได้เงินคืนตามจำนวนที่เขาขอยืมไป ท่านอาจารย์เล่าว่าวันสองวันเท่านั้นศิษย์ของท่านก็ทำสำเร็จ เขามาหาท่านอย่างยิ้มแย้มแช่มชื่นมีความสุขและเล่าให้ท่านฟังว่า เขาได้เงินสองแสนที่ให้ยืมไปกลับคืนครบถ้วนแล้ว หลังจากทำตามที่ท่านอาจารย์สอน

ท่านบอกว่าเขาเล่าว่า เมื่อเขาอธิษฐานแล้วก็หยุดคิดถึงเงิน หยุดคิดถึงคำอธิษฐาน ตั้งใจภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ เท่านั้น จนกระทั่งวันที่ ๒ หรือวันที่ ๓ ต่อมา จิตก็สงบ เกิดความสว่างไสวและลูกหนี้ก็นำเงินมาใช้คืนให้ครบถ้วน ไม่บิดพริ้วอีกต่อไป

เขาก็ได้ใช้เงินนั้นสบายใจ ไม่เดือดร้อนอีกต่อไป ท่านอาจารย์ท่านเบิกบานแจ่มใสเมื่อสอนศิษย์ต่อไปว่า ให้พากันช่วยตัวเองตามวิธีง่ายๆ ที่ท่านแนะนำเถิด จะได้ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินขาดอีกต่อไป


: แสงส่องใจ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๓
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ขอบคุณบทความจากธรรมะจักรดอทเน็ต​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"><TD style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"> </TD></TR><TR style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"><TD style="FONT-SIZE: 11pt; COLOR: rgb(0,0,0); FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif', CordiaUPC"></TD></TR></TBODY></TABLE>
โดย :พิกกี้โกะ ( สมาชิกไอดีที่ 10809) โพสเมื่อ [ วันจันทร์ ที่ 6 เมษายน 2552 เวลา 11:18 น.] </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อโหสิกรรม

:z1ขอบพระคุณมากครับ..ผมถูกเพื่อนและผู้ใกล้ชิดยืมเงินและไม่คืนบ่อยมาก เพราะเป็นคนไม่ชอบทวง แม้กระทั้งเพื่อนที่สนิทมากโทรมาขอยืมเราไม่พูดอะไรมาก ขอหมายเลขบัญชีแล้วจะรีบโอนให้ทันที แต่แล้วก็ถูกเบี้ยวตลอดตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักแสนต่างคนต่างวาระ ก็คิดเสียว่าเราอาจจะเคยไปโกงเขา ให้ได้ใช้กรรมซะให้หมดกันไป แต่ถ้าเราไม่เคยทำกับเขาแม้ว่าชาติใดก็ตาม ผมก็อยากได้คืนเพราะมันเป็นเงินที่หามาได้ด้วยหยาดเหงือแรงานที่สุจริต ขอเตือนเพื่อนสมาชิกนะครับในยุคของวัตถุศีลธรรมในใจคนมันลดลงหรือถูกมองข้าม คนดีมักเป็นเหยื่อของคนไม่มีสัจจะวาจาและศีลธรรมในใจ....(cry)