อยากถามเรื่องเกี่ยวกับการไม่กินเนื้อสัตว์ครับ

คือว่าช่วงนี้ผมกำลังฝึกที่จะละจากการกินเนื้อสัตว์น่ะครับ เลยอยากทราบว่าถ้าหากว่าไม่ทานเนื้อสัตว์แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้างรึเปล่าครับ แต่มีคนบอกมานะครับว่าผมจะได้รับอานิสงข์ 10 อย่างน่ะครับ จึงอยากทราบว่ามีอะไรบ้าง แล้วก็ขอคำแนะนำจากผู้รู้ทุกท่านด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

++++++++++++++++
หยินหยางแยกสุริยันจันทรากาศ
เบญจธาตุหลอมรวมดินฟ้าประสาน
คุณธรรมเสกสร้างจักรวาล
ปัญญาญาณหยั่งได้ด้วยจิตตรี

 

ขออนุโมทนาในจิตที่เป็นกุศลของคุณ kamakura ด้วยนะคะ อุ้ยย๋าก็ไม่ทราบอะไรดีเท่าไหร่ จะมาเล่าสู่กันฟังเท่าที่รู้มานะคะ อุ้ยย๋าก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ (ทานเจ)ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา และตั้งใจจะไม่ทานตลอดชีวิตค่ะ การไม่กินเนื้อสัตว์เป็นการ "ตัดกรรม" อย่างหนึ่ง เพราะ กรรมที่เราสร้างมาตลอดชีวิตก็คือ"กรรมปาก"นี่แหละค่ะ อันที่จริงแล้ว ในทางวิทยาศาสตร์ เนื้อสัตว์ก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้คนเราเจ็บป่วย
ปัจจุบันมีคนจำนวนมาก ที่นิยมบริโภคเนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก โดยคาดไม่ถึงหรือไม่รู้มาก่อนว่าในเนื้อสัตว์นั้นเป็นแหล่งสะสมสารพิษมากมาย โรคต่างๆที่คนทุกวันนี้เป็นกันล้วนมีต้นเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ “ การกินเนื้อสัตว์จึงเท่ากับเป็นการกินเชื้อโรคเข้าไปโดยตรงนั่นเอง โอกาสที่จะป่วยก็ย่อมมีอยู่ทุกลมหายใจ ”
พิษจากสารเคมีปนเปื้อนตกค้าง เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ สารฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตฮอร์โมนเร่งให้มีไขมันมาก ยาฆ่าแมลง ฟอร์มาลิน
สารชีวภาพในเนื้อสัตว์ ได้แก่ คอเลสเตอรอล ไขมันอิ่มตัว กรดยูริค พยาธิต่างๆ เป็นต้น
สารพิษเหล่านี้จึงนำความหายนะมาสู่ผู้บริโภค ทำให้ป่วยเป็นโรคเรื้อรังและหายยาก ได้แก่ โรคหัวใจ, มะเร็ง ,ความดันโลหิตสูง ,ไขข้ออักเสบ , โรคเบาหวาน , ตับแข็ง ตับอักเสบ , นิ่วในไต, นิ่วในถุงน้ำดี, ฝีพุพอง ,มะเร็งลำไส้ ,กระดูกพรุน, เหนื่อยง่าย, โรควัวบ้า, สมองเสื่อม, หลอดเลือดสมองตีบ, อัมพาต, อวัยวะภายในอักเสบ, ริดสีดวงทวาร ฯลฯ แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว
นอกจากนี้ยังแก่เร็วและอายุสั้น อีกด้วย...
ยังไม่น่ากลัวพอเนอะ การที่คนเราได้รับการนำเสนอแต่ในด้านดีของเนื้อสัตว์ เราก็เลยกินเข้าไปแบบไม่บันยะบันยังเนื้อสัตว์จะมีไขมันแทรกอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้ากินมากแต่ใช้ไม่หมด ร่างกายก็แปลงเป็นไขมันอยู่นั่นเอง ทำให้เกิดโรคอ้วน ความดันเลือดสูง โรคหัวใจคนที่เป็นมากๆก็อาจมีไขมันอุดตันเส้นเลือดสมอง เกิดโรคอัมพาตได้
ที่มา http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=136
เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะยาวไป สำหรับเรื่องสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของคนเราน๊อ และเรื่อง อานิสงส์ 10 ประการ ของการไม่กินเนื้อสัตว์มีดังนี้ค่ะ
“บุคคลใดหยุดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และงดเว้นเสียจากการเสพเลือดเนื้อสัตว์ อีกทั้งยังชี้นำส่งเสริมให้หมู่ชนทั้งหลายหยุดฆ่า หยุดเสพชีวิตเลือดเนื้อผู้อื่น บุคคลผู้นั้นย่อมห่างไกลจากอกุศลมูลทั้งปวง และบริบูรณ์พร้อมด้วยอานิสงส์ทั้ง 10 ประการอันได้แก่:
1.เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรมตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
2.จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
3.สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้
4.ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
5.มีอายุมั่นขวัญยืน
6.ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
7.ยามหลับนิมิตรเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นศิริมงคล
8.ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
9.สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
10.ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมู่งสู่คติภพ
ดูคำอธิบายเพิ่มเติมได้ที่ http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=95
^^ อธิบายได้อีกนะคะ ขอให้ไปศึกษาต่อ ยังไงก็ตาม ละเนื้อสัตว์แล้วก็ขอให้ หาโปรตีนจากพืชมาทดแทนนะคะ ร่างกายจะได้ไม่ขาดสารอาหาร และสามารถบำเพ็ญประโยช์ให้ได้อย่างเต็มที่นะคะ บุญรักษาค่ะ

 

โมทนาด้วยค่ะ แต่ทำแต่พอเหมาะพอสมคงดีกว่า
อยากให้ข้อคิดไว้สักนิดจะเชื่อหรือไม่ก็ได้นะค่ะ

คนที่ทานเจนานๆมีสิทธิจะขาดวิตามินบี-12 หรือโคบาลามีน วิตามินตัวนี้ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งนำออกซิเจนไปสู่เซลต่างทั่วร่างกาย

แต่ถ้าเซลที่เป็นแหล่งกำเนิดเม็ดเลือดแดงขาดวิตามินบี-12ขนาดของเซลจะโตขึ้นผิดปกติ และจะถูกทำลายเร็วขึ้น เป็นเหตุให้เกิดโลหิตจาง

การขาดวิตามินบี-12เป็นเวลานานๆจะก่อให้เกิดปัญหาของเส้นประสาท, สมอง หรือทั้ง 2อย่าง

เมื่อขาดนานและเป็นมากขึ้นอาการที่พบได้คือ
1. อ่อนเพลีย
2. เหนื่อยล้า
3. วิงเวียนศีรษะ
4. ร่างกายดูซูบซีด
5. เบื่ออาหาร
6. ท้องเสีย, ปวดท้อง
7. หัวใจเต้นเร็ว
8. หายใจตื่น
9. ผมหงอกก่อนวัย
10. ปากเปื่อยง่าย การรับรสเสียไป

หากเป็นมากจนมีผลกับประสาท และสมองจะมีอาการ
1. มือ-เท้าชา หรือเสียวซ่า
2. เสียการทรงตัว
3. การทำงานของมือไม่ค่อยประสานกัน
4. มีการโต้ตอบผิดปกติ อาจช้าลง หรือเร็วขึ้น
5. มีเสียงในหู

อาการที่เกิดกับสมอง
1. หลงลืม
2. ซึมเศร้า
3. สับสน
4. การตัดสินใจทำได้ช้า

คำแนะนำนะค่ะ
ทานอาหารให้ควบหมวดหมู่ อาหารเนื้อสัตว์นั้นพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ทานนะค่ะ ถ้าคุณไม่ได้ไปฆ่ามันมา คุณซื้อหามาก็ไมผิดอะไรไม่เป็นบาปสักหน่อย สายกลางดีที่สุดค่ะ

 

ขอบคุณคุณ priscillaria<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_217260", true); </SCRIPT> มากๆเลยค่ะ ^^ สำหรับเรื่องวิตามิน บี12 นี้ มีมากที่สุดก็ในตับ แต่เราไม่กินเนื้อสัตว์จาทำไงดีล่ะเนี่ย คุณ kamakura อาจจะทานมังสวิรัติก็ได้นะคะ สามารถทาน นม หรือไข่ได้ค่ะ มีวิตามินบี12 อยู่เช่นกัน แต่ว่าไข่นี้ ควรจะเป็นไข่ลม คือไข่ที่ไม่ได้ผสมเป็นตัวค่ะ (สมัยนี้ก็เป็นไข่ลม เพราะ เพาะเลี้ยงในฟาร์ม) หรือจะให้ดี งาขาว งาดำ ข้าวกล้อง และกล้วยนํ้าว้า เป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์มากค่ะ ^^

ถึงเรื่องการทานเจ ก้อสามารถหาอย่างอื่นทดแทนค่ะ อาจารย์และผู้รู้ท่านถึงได้บอกว่า การทานเจนั้นต้องทานให้ถูก ทานไม่ถูกก็ซีด ขาดสารอาหารได้ ดังนั้นเราก็ควรศึกษาว่าสารอาหารชนิดไหนจำเป็นต่อร่างกาย ผักชนิดไหนมีสารอาหารชนิดไหนน่ะค่ะ
วิตามินบี12พบใน เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ นม ก็จริงอยู่ที่เป็นเนื้อสัตว์
แต่ก็มีในเมล็ดธัญพืช ถั่วชนิดต่าง ๆ ทดแทนกันได้ค่ะ

อ้างอิงจากเวป http://www.hadviser.com/index.php?option=content&task=view&id=20&Itemid=2 ค่ะ ^^


ทานอาหารให้ควบหมวดหมู่ อาหารเนื้อสัตว์นั้นพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ทานนะค่ะ ถ้าคุณไม่ได้ไปฆ่ามันมา คุณซื้อหามาก็ไมผิดอะไรไม่เป็นบาปสักหน่อย สายกลางดีที่สุดค่ะ

ทานอาหารให้ครบหมวดหมู่ ^^ เป็นทางที่ดีที่สุดค่ะ พระพุทธเจ้าท่านทรงไม่ได้ห้าม แต่เราควรละเว้นค่ะ ไม่ว่าใคร ใครก็รักชีวิต ถึงเราไม่ได้ฆ่า แต่หาซื้อมาทาน เค้าก็ต้องตายอยู่ดี ถ้าไม่มีคนขายก้อไม่มีคนซื้อ แต่ถ้าไม่มีคนซื้อ มันก็ไม่มีคนขาย ใช่มั๊ยคะ คุณหาซื้อมาใช่ว่าจะไม่ผิดไม่บาปนะคะ เพราะสรรพวิญญาณ ล้วนเวียนว่ายตายเกิด เนื้อที่คุณทาน ก็ญาติพ่อแม่พี่น้องเรา กลับมาเกิด กลับมาใช้กรรมตามวิบากทั้งนั้นค่ะ และ ทานเค้าไปเท่าไหร่ ก็ต้องใช้คืนเค้าไปเท่านั้น ทานเนื้อเค้า 1 กิโลกรัม ก็ต้องใช้เค้าไป 10 ขีด หากมีใครขอเนื้อคุณไปทาน เฉือนเนื้อคุณ จากแขนคุณ ขาคุณ ขอหัวใจคุณไปทำลาบ คุณจะยอมหรือคะ ขอให้คิดตรงนี้นิดนึงนะ แต่เข้าใจค่ะ เดินสายกลางดีที่สุด หนทางของผู้บำเพ็ญ ผู้บำเพ็ญจะทราบว่า อะไรควร อะไรไม่ควรเองค่ะ

 

อืม ในเรื่องของวิตตามิน B12 นี่ สามารถทดแทนได้ใช่ไหมครับ ถ้างั้นนมถั่วเหลืองก็สามารถทดแทยได้เหมือนกันใช่หรือเปล่าครับ เพราะผมก็ดื่มทุกวันนะครับ

 

อาแถมอีกนิดนึงเนอะเจ้าคะ สำหรับเรื่องวิตามินบี 12

วิตามิน บี 12

​

เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง
​

ความเป็นมา​

ค.ศ.1948 Smith และ E.Rickets แยกวิตามินบีสิบสองได้จากตับและเป็นผลึกสีแดง
วิตามิน บี 12 หรือ Cyanocobalaminเป็น cobalt - containing corrinoidsในธรรมชาติอยู่ในรูปของ methyl-, adenosyl-, และ hydroxy cobalamin สำหรับ cyanocobalamin นิยมทำในรูปยาเนื่องจากมีความคงตัวมากที่สุด ถึงแม้แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่สามารถสังเคราะห์วิตามิน บี 12 ได้ แต่ตำแหน่งของการดูดซึมวิตามินนี้อยู่ที่ terminal ileum จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับวิตามินนี้จากอาหาร

​

แหล่งของวิตามิน บี 12

อยู่ในตับ ไต รองลงมาได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่แดง และอาหารหมักดอง เช่น กะปิ น้ำปลา เต้าเจี้ยว(เต้าเจี้ยวก้อมาจากถั่วเหลือง ถ้าทานเจจริงแล้วไม่ได้ทานน้ำปลาหรอกค่ะ ทานซีอิ๊วแทน ก็มาจากถั่วเหลืองหมักอาแหละเจ้าค่ะ^^) อาหารที่มาจากพืชผักทั้งหมดไม่มีวิตามิน บี 12เลย ยกเว้นอาหารหมักดอง ผู้บริโภคมังสวิรัติชนิดเคร่งครัด จึงควรบริโภคอาหารที่ได้จากการหมักด้วย การขาดวิตามิน บี 12 ต้องใช้เวลา 10-15 ปี หรือนานกว่านั้น เนื่องจากเป็นวิตามินที่ละลายน้ำเพียงชนิดเดียวที่มีการสะสมในร่างกายได้มาก

ประโยชน์

วิตามิน บี 12 เป็น coenzyme ของ methyl malonyl CoA mutase และ B12 methyl transferase ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเมตาบอลิสมของคาร์โบไฮเดรท ไขมัน โปรตีน และมีบทบาทในการเจริญและการแบ่งตัวของเซลล์ รวมทั้งการสังเคราะห์ myelin ด้วย ​

อาการขาดวิตามิน บี12
1.มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์ผิว โดยเฉพาะเยื่อบุทางเดินอาหาร หากมีอาการขาดวิตามินนี้ จะมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ทำให้ลิ้นอักเสบ และมีการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุตลอดทางเดินอาหาร
2.มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตอย่างปกติของเม็ดเลือดแดง หากร่างกายขาดวิตามินนี้ จะทำให้โลหิตจาง
3.มีความสำคัญต่อการสร้างสารที่หุ้มเส้นประสาท [myelin] ผู้ที่ขาดวิตามินนี้จะทำให้มีอาการทางประสาท เช่น ชาตามมือและเท้า เมื่อเป็นมากขึ้นจะมีอาการสับสน ประสาทหลอนได้

 

ทุกอย่างแล้วแต่ใจของท่าน....

แต่บอกไว้เพียงเพื่อเป็นความรู้ ว่าในพืชมีอยู่น้อยมาก และการดูดซึมในลำไส้นั้นถึงจะทานเข้าไปในปริมาณสูงก็ดูดซึมได้ไม่มาก

Some vitamin B12 appears to be found in organically grown plants, but in extremely small amounts. According to one study [7,8], more than 23 cups of organically grown spinach would have to be eaten every day in order to meet the adult RDA for vitamin B12. Produce cannot be depended on as a reliable vitamin B12 source because the level of vitamin B12 in plants varies widely depending on the type of plant and the soil in which it is grown. Also, vitamin B12 analogues may be found in soil and absorbed by plants. If these analogues are present, they could either interfere with the plants uptake of vitamin B12 or with the usefulness of the plant's vitamin B12 for humans. <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
หรือแม้นแต่จะทานในรูปอาหารเสริม<o></o>
Even though a supplement may contain many times the recommended level of vitamin B12, when vitamin B12 intake is high, not as much appears to be absorbed. This means in order to meet your needs, you should take the vitamin several times a week.<o></o>
<o> </o>
http://www.vrg.org/nutrition/b12.htm<o></o>
<o> </o>
<o> </o>

 

ออ...
ขายอาหารเสริมนี้เอง
ขออภัย...คิดว่าเจ้าของกระทู้ต้องการความรู้
และไม่คิดว่าจะขัดขวางงานขายของใครค่ะ

 

ได้แน่นอนค่ะ ^^ ในนมถั่วเหลืองก้อยังมีนมผงผสมอยู่น่ะค่ะ ลองอ่านข้างกล่องดูก็ได้ค่ะ ว่ามีส่วนผสม ให้คุณค่าโภชนาอารัยมั่งนะคะ

 

เหอะๆ ไปเอาไรมาก้อไม่ได้ดูให้ดี ต้องขออภัยจริงๆค่ะ
พอดีหาเวปที่เกี่ยวกับวิตามิน แล้วทำอย่างอื่นไปด้วย
มีเจตนาเพียงมาแบ่งปันสิ่งที่รู้เท่านั้นค่ะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแฝง
ขออภัยหากทำให้เข้าใจผิดค่ะ ได้แก้ไขแล้วนะคะ

 

ต้องขอขอบคุณ คุณpriscillaria<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_217260", true); </SCRIPT> อีกครั้งค่ะ ที่ได้ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องผิดพลาดในการโพสตอบกระทู้ แล้วก็ต้องขออภัยมาตรงนี้จริงๆค่ะที่ไม่รู้จักตรวจดูก่อนโพส ขอบคุณนะเจ้าคะ

 

อนุโมทนาด้วยนะครับ
ผมเองก็ทานเมื่อตอนปีใหม่ 2 เดือนนะครับ
แต่ต้องพิจารณาให้ดีครับว่าจะทานแบบไหนนะครับ
ถ้าทานเจ ก็ต้องด ผักที่ต้องห้ามด้วยนะครับ
แต่ถ้าทานมังสวิรัช จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มครับ คือ

1) กลุ่มไม่ทานเนื้อสัตว์ และ สิ่งที่ได้มาจากสัตว์ เช่น นม และ ไข่
2) กลุ่ม ไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ทานนม
3) กลุ่ม ไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ทานไข่

ต้องพิจารณาให้ดีครับ ดูความสะดวกด้วย

ปล. ในขนมปัง มีไข่และ นมนะครับ นมถั่วเหลืองก็มีนมผงผสมนะครับ ต้องเลือกทานสูตรเจครับ
ก่อนทานอะไร พิจารณาองค์ประกอบของมันก่อนนะครับ
ผมคิดว่าทำให้มีสติในการทานขึ้นอีกเยอะเลยครับ ไม่ได้ทานเพราะอยากอย่างเดียวนะ

 

ขอบคุณคุณ วสวัต มากเลยนะครับสำหรับคำแนะนำดีๆ แล้วผมจะนำไปใช้ครับ

 

และตกลงไข่สามารถทานได้หรือปล่าวครับช่วยตอบที เพราะผมก็เพิ่งไม่ทานเนื้อสัตว์เหมือนกันครับ
เอ..แต่ผักก็มีชีวิตเหมือนกันนี่หน่า..แล้วเราจะกินอะไรหละเนี่ย

 

อาหารเจ" เป็นอาหารที่ปรุงโดยปราศจากเนื้อสัตว์รวมทั้งไม่มีส่วนประกอบอื่นใด นำมาจากสัตว์ทุกประเภท และที่สำคัญอาหารเจ งดเว้นการปรุงการเสพพืชผักฉุน 5 ประเภทอันได้แก่

1 กระเทียม (หมายรวมไปถึง หัวกระเทียม ต้นกระเทียม)
2 หัวหอม (หมายรวมไปถึง ต้นหอม ใบหอม หอมแดง หอมขาว หอมหัวใหญ่)
3 หลักเกียว (คือกระเทียมโทนจีน ลักษณะคล้ายหัวกระเทียม แต่มีขนาดเล็กและยาว กว่า ในประเทศไทยไม่พบว่าปลูกแพร่หลาย)
4 กุ้ยฉ่าย (ใบคล้ายใบหอม แต่แบนและเล็กกว่า)
5 ใบยาสูบ (บุหรี่ ยาเส้น ของเสพติดมึนเมา)


ผักดังกล่าวเหล่านี้ เป็นผักที่มีรสหนัก กลิ่นเหม็นคาวรุนแรง นอกจากนี้ยังมีพิษที่ทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย เป็นมูลเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ สำหรับผู้ปฏิบัติสมาธิฝึกจิต ไม่ควรรับประทานเป็นอย่างยิ่ง เพราะผักดังกล่าวมีฤทธิ์กระตุ้นจิตใจอารมณ์ให้เร่าร้อนใจคอหงุดหงิดง่าย และยังมีผลทำให้พลังธาตุในกายรวมตัวกันได้ยาก เพราะฉะนั้น โดยหลักเกณฑ์ที่มีมาแต่ครั้งบรรพกาลกล่าวได้ว่า "อาหารเจ" หรือ "อาหารของคนกินเจ" จึงเป็นอาหารที่ปรุงและรับประทานตามหลักเวชศาสตร์และเภสัชศาสตร์โบราณของจีนนั่นเอง

"อาหารมังสวิรัติ" แตกต่างจาก "อาหารเจ" อย่างไร? อาหารมังสวิรัติ หมายถึง อาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ทุกประเภท แต่ยังคงใช้ผักทุกประเภทมาปรุงอาหารรับประทาน ในส่วนของ "อาหารเจ" เป็นอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ทุกประเภทเช่นกัน แต่อาหารเจจะไม่ใช้ผักฉุนทั้ง 5 ประเภท มาปรุงลงในอาหารโดยเด็ดขาด

 

ส่วนประกอบของอาหารเจและมังสวิรัติ

โปรตีนเกษตร หรือโปรตีนถั่วเหลือง ทำจากแป้งถั่วเหลือง ปราศจากไขมัน มีคุณค่าทางอาหารสูง ราคาถูก เก็บง่ายไม่ต้องใส่ตู้เย็น ใช้สะดวก ใช้แทนเนื้อสัตว์ได้หลายชนิด ปัจจุบันมีหลายรูปแบบ เช่น
ชนิดใหญ่พิเศษ ใช้ใส่แกงเขียวหวาน พะโล้ สะเต๊ก น้ำตก ฯลฯ
ชนิดเกล็ดขนาดกลาง ใช้ผัดกระเพรา แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด ผัดพริกขิง ฯลฯ
ชนิดเกล็ดขนาดเล็ก ใช้ทำลาบ แทนเนื้อหมูหรือหมูสับ
ชนิดป่นละเอียด ใช้ทำขนมจีนน้ำยา แกงเลียง ซุป ฯลฯ ช่วยผสมในน้ำแกง ทำให้น้ำแกงข้นขึ้น

เต้าหู้ เป็นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง มีหลายชนิด เต้าหู้ขาวชนิดแข็ง เต้าหู้ขาวชนิดอ่อน เต้าหู้เหลืองชนิดแข็ง เต้าหู้เหลืองชนิดอ่อน เต้าหู้หลอด ฟองเต้าหู้ เป็นอาหารที่มีสารอาหาร ประเภทโปรตีน และสารอาหารอื่น ๆ ครบถ้วน ย่อยง่าย ไม่มีคอเลสเตอรอล

ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วยโปรตีน 7-12% มีวิตามิน และแร่ธาตุมากกว่า 20 ชนิด มีกากใยสูงช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคเหน็บชา โรคปากนกกระจอก บำรุงสมอง ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันโรคโลหิตจาง

เห็ด ใช้แทนเนื้อสัตว์ได้ และเป็นแหล่งโปรตีนที่มีรสดี เห็ดมีหลายชนิด และมีกรดอะมิโนรวมทั้งวิตามิน แร่ธาตุหลายชนิด เป็นอาหารปราศจากแป้ง มีแคลอรีต่ำ ย่อยง่าย นอกจากจะใช้แทนเนื้อสัตว์แล้วเห็ดยังสามารถใช้แทนผักได้ มีรสอร่อยดีอีกด้วย เห็ดมีหลายชนิด เช่น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอม เห็ดหูหนูดำ ฯลฯ แต่ เห็ดหอม เป็นเห็ดที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารเจ เพราะปรุงได้หลายอย่าง มีขายทั้งชนิดต่างแห้ง และชนิดสด เห็ดหอมส่วนใหญ่จะนำเข้าจากต่างประเทศ แม้จะปลูกได้ในประเทศไทย แต่ก็ยังมีปริมาณน้อย และคุณภาพยังไม่ดีเท่าของต่างประเทศ

ถั่วเหลือง เนื่องจากถั่วเหลืองเป็นพืชที่มีโปรตีนมาก จึงใช้แทนเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในถั่วเหลืองยังมีวิตามิน และแร่ธาตุอื่น ๆ ด้วย ถั่วเหลืองมีไขมันที่ไม่อิ่มตัว ช่วยละลายคอเลสเตอรอล มีธาตุเหล็กสูง จึงช่วยบำรุงโลหิต บำรุงประสาท ป้องกันโรคตับและช่วยละลายนิ่วในถุงน้ำดี ถั่วเหลืองที่ใช้ในอาหารเจ มีทั้งใช้เป็นส่วนผสมโดยตรง หรือแปรรูปเป็นอย่างอื่น เช่น เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ โปรตีนเกษตรชนิดต่าง ๆ ฯลฯ

แป้งหมี่กึง ทำจากแป้งสาลี โดยการนวดแป้ง 3 กิโลกรัม กับน้ำ 3 ถ้วย นวดประมาณ 5 นาที พอแป้งปั้นเป็นก้อน แล้วนำไปล้างน้ำ ทำอย่างนี้ 8 ครั้ง จนเหลือแต่กากแป้ง ซึ่งจะมีความเหนียมนุ่มคล้ายเนื้อสัตว์ การทำแป้งหมี่กึง อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสักหน่อย แต่ในปัจจุบันนี้แป้งหมี่กึงมีขายทั่ว ๆ ไป เพียงแต่หาซื้อแป้งหมี่กึงมาแล้วผสมกับน้ำ ปรุงรสตามต้องการ หมักทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้ และถ้าต้องการความสะดวกกว่านี้ หมี่กึงสำเร็จที่ทำเป็นลูกชิ้น กุ้ง ปลาหมึก ไส้หมู หมูแดง เป็ดพะโล้ เป็ดย่าง ฯลฯ ก็ยังมีขาย โดยเฉพาะแถวตลาดเก่าเยาวราช
ทั้งนี้เพราะผู้คนทั่ว ๆ ไปหันมานิยมรับประทานอาหารเจเพิ่มขึ้น เครื่องปรุงเครื่องใช้ในการทำอาหารเจ จึงมีให้เลือกซื้อมากมาย หมี่กึงสำเร็จจึงเป็นการพัฒนาการอีกอย่างหนึ่งของอาหารเจ

เมล็ดพืช ประกอบด้วยไขมันที่มีประโยชน์ มีโปรตีนประมาณ 20% พร้อมทั้งเกลือแร่ และวิตามินมาก เช่น ฟอสฟอรัส วิตามิน เอ ซี และอี มีประโยชน์ในการป้องกัน และลดความเสี่งต่อการเป็นมะเร็ง เมล็ดพืช มีหลายชนิด เช่น เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เมล็ดแตงโม เม็ดบัว ถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ เช่น มะม่วงหิมพานต์ เมล็ดอัลมอนด์ วอลนัท เกาลัด ฯลฯ

ผลิตภัณฑ์อาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีสำหรับผู้ที่นิยมอาหารเจ และอาหารมังสวิรัติ เพราะมีบริษัทในประเทศไทยชื่อบริษัท นูทรีชั่น เฮ้าส์ ผลิตภัณฑ์อาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพ (ผลิตภัณฑ์ เจ.วี) ในรูปลักษณ์ต่าง ๆ ให้ผู้บริโภคได้มีทางเลือกในการประกอบอาหารเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่มีในท้องตลาดขณะนี้ มีกลิ่น รสอร่อย และมีรูปร่างคล้ายเนื้อสัตว์มาก อาทิ เช่น เบคอน, ปลาหมึก, ปลาสาหร่าย, ปลาเค็ม, ลูกชิ้น, ลูกชิ้นสาหร่าย, ลูกชิ้นเห็ดหอม, เป็ดพะโล้รมควัน, ไก่รมควัน, กุนเชียง, ไส้อั่ว, ห่อยจ้อ, ไส้กรอก, หมูไก่-พิซซ่า, หมูแดง, เป็ดย่าง, แคปหมู เป็นต้น

 

มังสวิรัติแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มครับ (ตามที่ผมเข้าใจนะครับ)

1. Lacto-Ovo Vegetarian จะไม่ทานเนื้อสัตว์ทุกประเภท แต่จะทานไข่ นม และเนย
2. Ovo Vegetarian จะไม่ทานเนื้อสัตว์ทุกประเภทแต่ทานไข่
3. Lacto Vegetarian จะไม่ทานเนื้อสัตว์แต่ทานนมและ เนย
4. Vegan จะเป็นผู้ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะไม่ทานอะไรที่เป็นส่วนประกอบที่มา จากสัตว์ และไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากชิ้นส่วนของสัตว์ เช่น เข็มขัดหนัง

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="93%" border=0><TBODY><TR><TD>สิ่งมีชีวิตอยู่บนโลก 3 ประเภท

</TD></TR><TR><TD> (1)

 

ขอบคุณคุณ วสวัต และ คุณอุ้ยย๋า มากครับ

 

อานิสงส์ขั้นต้นของการไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์และไม่เบียดเบียนสัตว์

อานิสงส์ขั้นต้นของการไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์และไม่เบียดเบียนสัตว์ คือ จะทำให้ชีวิตของเราไม่ต้องตายด้วย ปืนผาหน้าไม้ คมหอกคมดาบ ไม่ตายด้วยเหตุกาณ์อันน่าสยดสยองหรือภัยพิบัติต่างๆ ทั้งยังสามารถตัดกรรมในเรื่องการฆ่าและยุติการจองเวรกับสรรพสัตว์ทั้งหลายอีกด้วย องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระผู้เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาอันมิอาจประมาณได้ ทรงรักใคร่สรรพสัตว์ทั้งหลายประดุจลูกในอุทรของพระองค์เอง เมื่อได้บรรลุอนุตตรสัมโพธิญาณสูงสุดแล้ว ก็ยังทรงมีพระทัยห่วงใยปรารถนาให้เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ได้หลุดพ้นออกจากบ่วงกรรมและระงับดับการจองเวรซึ่งกันและกัน

ในบรรดา บาปกรรมทั้งหลายที่คนหลงผิดกระทำไปการเบียดเบียนฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่นถือ เป็นบาปกรรมที่ร้ายแรงที่สุดแม้ว่าจะกระทำลงไปโดยไม่เจตนา ก็ยังต้องไปรับโทษ นับประสาอะไรกับการจงใจเจตนาฆ่าเขาให้ตาย โทษทัณฑ์นั้นจะ ยิ่งใหญ่ หลวงและ ไม่อาจให้อภัยได้ด้วยเหตุที่พระพุทธองค์ทรงมี พระประสงค์ ์ให้เราทุกคนละเว้นจาก การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และเลิกเบียดเบียนผู้อื่นโดยเด็ดขาด พระองค์จึงทรงบัญญัติ ศีลข้อ “ ปาณาติบาต ” คือห้ามการฆ่า เป็นข้อที่สำคัญอันดับหนึ่งขอให้เราจง มาร่วมกันศึกษาพิจารณาพระพุทธวจนะว่าด้วยเรื่อง “ อานิสงส์ 10 ข้อของการ ไม่กินเนื้อสัตว์ ” เพื่อจักได้นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติและบำเพ็ญธรรม ให้สูงขึ้นไป

ในพระสูตรของพระพุทธศาสนามหายานเล่าว่า “ สมัยหนึ่ง... องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จไปเทศนาโปรดบรรดาเหล่าพญานาคทั้งหลาย พระพุทธองค์ ์ได้ทรงตรัสธรรมกถาวิสัชนาแสดงแก่พญานาคราชความว่า บุคคลใด หยุดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และงดเว้นเสียจากการเสพเลือดเนื้อสัตว์ อีกทั้งยังชี้นำส่งเสริมให้หมู่ชนทั้งหลายหยุดฆ่า หยุดเสพชีวิตเลือดเนื้อผู้อื่น บุคคลผู้นั้นย่อมห่างไกลจากอกุศลมูล ทั้งปวง และบริบูรณ์พร้อมด้วยอานิสงส์ ทั้ง 10 ประการ อันได้แก่


“ อานิสงส์ 10 ข้อของการ ไม่กินเนื้อสัตว์ ”

1. เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรมตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้ง
หลาย
2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์โหดร้าย เครียดแค้นในใจ
ลงได้
4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
5. มีอายุมั่นขวัญยืน
6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
7. ยามหลับนิมิตรเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นศิริมงคล
8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมู่งสู่คติภพ