คุณมีจิตสัมผัส-ความผูกพัน-สื่อพลังพุทธะ พลังเทพหรือไม่

...ขออนุญาติลบออกก่อนนะคะ

 

คะ

 

............

 

.............

 

ขอบคุณเจ้าของกระทู้และทุกๆคนที่เอารูปมาลงให้ได้ชมกัน

ตอนนี้ดูแล้วไม่ได้เกิดอะไรพิเศษ นอกจากมีบางรูปที่ดูแล้วรู้สึกว่าชอบ

แต่เคยที่อ่านเรื่องราวของพระพุทธเจ้า 1 ใน 28 องค์ กับพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ทำให้ถึงกับร้องไห้ แล้วก็ร้องซ้ำๆเมื่อนึกถึง

แปลกดีเหมือนกัน ... แต่ตัวเองเหมือนคนยังหลงทาง ตอนนี้เลยคิดไว้อย่างเดียว มองทางไหนไม่เห็น ก็ขอให้นึกถึงพระพุทธองค์ไว้ก่อน

 

เวบนี้เป็นเวบ ศาสนาพุทธคะ

โดยส่วนตัว ยังเชื่อนะคะว่า พุทธดีที่สุดในโลก


แต่ คติ ความเชื่อทาง พรามหณ์ มันมีอยู่มานาน แล้วก็น่าสนใจเสมอ

ชาวพุทธในอินเดีย ที่หันมานับถือ ศาสนาพุทธก็เยอะนะคะ

โดยเฉพาะ กลุ่ม วรรณะ ต่ำๆ หันมานับถือ ทีเป็น ล้านเลยคะ

เคยลงเรียน วิชา เกื่ยวกับ ทางฮินดู โดยตรง ได้ความรู้มาเยอะเลย
นะคะ เห็น อ.บอกว่า เวบในเมืองไทย เผยแพร่ ความรู้ เกื่ยวกับ

ศาสนาฮินดู ผิดไปจากความจริงเยอะเลย ทำเอาเพี้ยนไปหมดเลยก็ว่าได้

 

รูปขนาดเล็ก

พระฤๅษี

 

อ.ที่สอน เรื่อง ศาสนา ฮินดู ท่านเดินทางไปอินเดียบ่อยมาก
ท่านบอกว่า

เมืองไทย กับ อินเดีย มีคติ ความเชื่อต่างกันมากในเรือ่งเทพ

คนไทยจะ มองว่า เทพต้อง ดี ต้องวิเศษทุกอย่าง
แต่ คนอินเดีย จะมองว่าเทพ ก็มีทั้ง ข้อดี ข้อเสียในตัวเอง
เทพเพลย์บอย
สิ่งที่เทพ เผลอทำผิดก็มี ทำถูกก็มี
ต่างจากพุทธที่มองว่า เทพทำถูกเสมอไม่เคยทำผิด
เทพคือผู้บริสุทธิ์ทำถูกทุกอย่าง

ต่างจาก คนอินเดียมาก ที่ น้อมเคารพ เทพในความที่เทพ มีความรู้สึก
ใกล้เคียงมนุษย์หลายอย่าง ต่างแค่เทพ มีบุญบารมี มากกว่ามนุษย์เท่านั้นเอง

ศานาฮินดู เป็น ศาสนาแห่งความรัก มนุษย์ยอมรับในความต่ำต้อยของตัวเอง
ที่ต้องเกิด แก่ เจ็บ และ ตายไป ไม่ต่างจาก สิ่งมีชิวิต ชนิดอื่น

แถมที่ยังต้องเพิ่ง อำนาจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อดลบัลดาลสิ่งต่างๆ
ให้สมปรารถนาด้วย คนอินเดย จึงถ่อมตัว
ยอมกราบไหว้ สิ่งศักดิสิทธิ์ ทุกอย่างแล้ว ก็ยัง นับถือ เทพเจ้าหลายองค์ด้วย

เพื่อขอให้ ครอบครัวมีความสุข เพื่อขอให้ลูกไม่ดื้อ

คนอินเดีย ล้าหลังมากเรือ่งการ ศึกษา
เพราะ ถือเรือ่ง วรรณะมากไป

ทำให้ คนไม่มีการศึกษาเยอะมาก ตอนหลัง คนที่ออกมา เรียกร้องเลย
ดึงคนอินเดีย เปลื่ยนศาสนา ได้ทีเป็น ล้านๆคนเลย

ขนาดตำรา พระเวท ตำราอาถรรพ์ ในศาสนาพรามหณ์
คนต่างประเทศ เอาไปศึกษาได้ เพราะ มีคนทำเวบไซด์ และหนังสือมีขายออกเยอะไป แต่คนในวรรณะศูทร จัณฑาล ยังไม่กล้าแต๊ะเลย

เพราะเขาถือ ว่ามันผิด กฏ ศาสนา
ในสมัยก่อน ศูทร คนไหนทำตัว เทียม พราหมณ์จะ ถูกลงโทษ

พุทธ ดีที่สุดแล้ว ( ทางใต้คนที่ เปลื่ยนจากศาสนาอิสลามมาพุทธยังมีเลย)
เสียแค่ คนจะเข้าถึงเทพได้ง่ายกว่า พระเท่านั้นเอง

 

.........................................

 

ผมเชื่อและมั่นใจเหมือนกันครับ ว่าพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่สามารถนำพาชีวิต ให้ถึงที่สุดแห่งความหลุดพ้นจากกองทุกข์ ทั้งปวง และถึงซึ่งพระนิพพาน ซึ่งศาสนาอื่นไม่มี

 

...

 

..........

 

........

 

..

 

พระอิศวร ด้วยความรักและเมตตาอันสูงสุดต่อมนุษย์และสัตว์ พระองค์จึงปรากฎกาย ขึ้น ดูดเอาพิษร้าย ไปไว้ในตัวพระองค์ทั้งหมด และพิษร้ายนั้น ได้เผาผลาญทำให้คอของพระองค์ เป็นสีดำสนิท จึงทำให้มีคนชื่อว่า สีดำเป็นสีแห่งความรักของการเสียสละอันยิ่งใหญ่

 

เคยอ่านตำราการฝึกโยคะขั้นสูงที่เกี่ยวกับการฝึกจิต ที่ไม่ใช่การดัดร่างกาย เห็นว่าตอนแรกจะเน้นที่การเดินลมหายใจจนเมื่อจิตเริ่มสงบแล้ว ก็จะกำหนดจิตเป็นจุดๆไว้ตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น จุดที่กลางกระหม่อม จุดกลางหน้าผาก จุดกลางทรวงอก จุดที่สะดือ ฯลฯ เป็นต้น โดยจะกำหนดจิตเกาะความรู้สึกที่จุดนั้นไว้จนกระทั่งจิตเป็นสมาธิ ซึ่งจะมีอานิสงส์แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจุดที่ผู้ปฏิบัติกำหนด ในหนังสือทิพย์อำนาจก็มีกล่าวถึงเรื่องการกำหนดจิตเป็นจุดเช่นนี้เหมือนกันพร้อมบอกอานิสงส์เอาไว้ โดยจะบอกว่าการกำหนดจิตเหล่านี้เป็นกีฬาของจิตและเป็นการเจริญกายคตาสติไปด้วย

ตัวผมเองก็เคยฝึกกำหนดจิตเป็นจุดๆไว้ที่กลางทรวงอกมาแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ให้นึกไว้ที่จุดนี้เนืองๆสังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้นที่จุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามดูไปเรื่อยๆ วิธีนี้เมื่อทำแล้วจะมีสภาวะเกิดขึ้นมากมาย แต่ละอย่างก็แปลกๆทั้งนั้นเลยล่ะครับ แต่ตอนที่ฝึกตอนแรกผมก็ฝึกแบบไม่รู้เรื่องอะไรมาก พึ่งจะมาอ่านเจอตอนหลังในตำราว่าจุดนี้(กลางทรวงอก) ก็ไปตรงกับอีกหลายๆวิชาหรือหลายๆศาสตร์ เช่น ไปตรงกับจุดตันเถียนกลางของสมาธิเต๋า , ตรงกับจักรที่สี่(จักรหัวใจ)ของพลังจักรวาล , และก็ตรงกับจุดตรัสรู้ของตำราโยคะ(ในหนังสือทิพย์อำนาจ) ฯลฯ

ถ้าผู้ที่ต้องการความแปลกใหม่และมีสภาวะธรรมแปลกๆหวือหวา การกำหนดจิตไว้ที่จุดนี้ก็เป็นอีกวิธีที่น่าจะลองปฏิบัติ โดยไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากวุ่นวายให้กำหนดจิตไว้ที่จุดนี้เนืองๆเท่านั้นเองครับ ไม่ต้องบริกรรมหรือสนใจว่าความรู้สึกจะต้องเป็นอย่างไร เพียงแค่ให้คอยระลึกเอาไว้ที่จุดนี้เกาะความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้น ถ้าว่างๆก็เกาะความรู้สึกว่างๆเอาไว้ ฯลฯ ถ้าทำต่อเนื่องติดต่อกันจะเจอสภาวะธรรมต่างๆมากมายเองครับ อาจเป็นวิธีทางเลือกใหม่ในยุคปัจจุบันนี้ก็ได้ครับ ซึ่งสำหรับวิธีนี้ถ้าคุยหาเหตุผลกันว่าเป็นอย่างไรก็คงไม่จบและไม่ได้เริ่มปฏิบัติสักที ถ้าอยากทราบว่าปฏิบัติแล้วเป็นอย่างไรก็ต้องทดลองด้วยตนเองครับ แล้วก็สังเกตผลที่เกิดขึ้นดูเอง ทำเหมือนนักวิทยาศาสตร์น่ะครับ (ผมก็เคยทำมาแล้ว สภาวะเพียบครับแต่ละอย่างแปลกๆทั้งนั้น พูดไปก็อาจจะไม่ค่อยน่าเชื่อ ต้องลองพิสูจน์กันเอาเองนะครับ)

ปล.คือผมฝึกหลายวิธีน่ะครับ วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งและเป็นวิธีแรกที่เริ่มฝึกแบบจริงจังและต่อเนื่องเลยล่ะครับ ^^ อาจจะไม่เหมือนกับต้นแบบที่สอนผมมามากนักเพราะผมเอามาพลิกแพลงนิดหน่อย คือเน้นที่สติมากกว่าความรู้สึกครับ(เน้นที่เอาสติมากำหนดที่จุดกลางทรวงอก ส่วนความรู้สึกจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยไปตามธรรมชาติถึงว่างๆก็ดูที่ว่างๆ เน้นที่การเอาสติมาระลึกที่ฐานจิตให้ต่อเนื่องครับ)

 

ขอบคุณครับคุณ wit ขออนุโมทนาด้วยครับ
การฝึกสมาธิโดยกำหนดจุดและมีสติกำกับ น่าสนใจมากครับ ผมจะนำมาลองฝึกดู

 

พุทธังสรณังคัจฉามิ

 

ขอให้เจริญในธรรมนะครับ ถ้าฝึกแบบกำหนดจิตที่กลางทรวงอกติดต่อกันไปสักระยะหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดสภาวะอะไรขึ้นมาก็ตามไม่ต้องไปสงสัยอะไรนะครับ ให้กำหนดจิตไว้ที่ฐานจิตตลอดเวลา(เท่าที่จะทำได้) แล้วสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นก็จะผ่านมาผ่านไปเองครับ
ปล.*บางสภาวะแม้ว่าจะมีความรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายไปจริงๆ ก็ต้องยอมปล่อยวางไม่สงสัยอะไร ทำในใจว่าจะตายก็ให้ตายไปเลย และกำหนดจิตตั้งมั่นไว้ที่ฐานตลอดเนืองๆนะครับ*

 

ปล.การกำหนดจิตเป็นจุดๆนั้นตอนแรกๆอาจจะมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวหรือการที่สติไม่สามารถครอบคลุมร่างกายหรือเก็บรายละเอียดได้หมด ซึ่งวิธีแก้ก็มีสองอย่างคือ ให้ขยายสติให้กว้างขึ้นจนครอบคลุมร่างกายทั่วตัวทั่วพร้อมเอาไว้ ซึ่งก็คือเปลี่ยนฐานจากการกำหนดเป็นจุดๆมาเป็นมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมนั่นเอง

หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือ ให้กำหนดไว้ที่จุดเดิมแต่ให้ทำความเพียรเพิ่มกำลังสติให้มากขึ้น จากสติที่ระลึกที่ฐานจิตธรรมดาๆ ก็จะค่อยๆกลายเป็นมหาสติ กำลังสติก็จะค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นไปตามกำลังการเพ่งของเรา อุปมาเหมือนแสงสว่างดวงเล็กๆเมื่อเราค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นเข้าไปเรื่อยๆ ที่สุดแล้วแสงสว่างดวงนี้ก็จะค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นจนกระทั่งครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นไปเอง ถ้าเป็นจักระก็แทนที่เราจะไปเปิดจักระแต่ละจักระที่ละจุดสลับไปมา เราก็เปิดจักระจุดเดียวไปเลยแล้วก็เพิ่มกำลังจักระให้มีสูงขึ้นจนกระทั่งจักระขยายใหญ่จนครอบคลุมจักระหลักทั้งหมดในร่างกายครับ ซึ่งจักระที่เหมาะสมที่สุดที่จะเพ่งเป็นจุดเดียวจนกระทั่งมีกำลังขยายใหญ่จนครอบคลุมทั่วร่างกายได้ทั้งหมดก็คือ จักรที่สี่หรือจักรหัวใจตรงกลางทรวงอกนี่แหละครับ