พระที่เข้าณานหรือสมาบัติแล้วละสังขาน..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Igiko_L, 19 พฤษภาคม 2009.

  1. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    หนูอยากทราบว่า พระที่เข้าณาน หรือสมาบัติ แล้วมรณะ ไป จะบาปไหมคะ แล้วถ้าคนธรรมดา แต่นั่งสมาธิได้ณาน แล้วเบื่อทางโลกจะทำบ้าง จะบาปไหมคะ???ในกรณี แม่ก็รักแต่พี่ชายก็อยู่กับพี่ชายสุขสบายไปแล้ว พ่อก็เสีย ญาติไม่มี(สรุปคือไม่มีใคร เสียใจด้วยแน่นอน อาจจะดีใจด้วยเพราะจะได้ไม่มีตัวแบ่งมรดก เค้าก็หาทางเขี่ยหนูอยู่แล้ว)ถ้าไม่บาป เมตตาบอกหนูด้วยเถอะคะ อย่าบอกให้หนูสู้เลย หนูบอกตรงๆ นอกจากความตายแล้ว หนูไม่อยากได้ไรเลย ! แต่ก่อนตายช่วยบอกหนูด้วยว่า หนูจะทำบุญอย่างไร หนูจึงจะเกิดมาสมหวังเรื่องเรียน สอบเข้าที่ไหนก็ติด มีทุนเรียนไม่ขัดสน ได้เรียนแพทย์ในชาติหน้าและทุกๆชาติ อย่าให้มีปัญหาสอบไม่ติดเหมือนชาตินี้ (เคยตั้งจิตอธิฐานหลังจากนั่งสมาธิว่า หากแม้ข้าพเจ้ายังไม่ได้นิพพาน ขอให้ได้เกิดมาเป็นสาวกเบื้องขวาดังพระอาจารย์สารีบุตร เป็นผู้เลิศด้วยปัญญาและเป็นหมอประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป) หนูจะได้จัดการทำซะก่อน
    ;aa52
    ความตายที่ไม่บาป คือยอดปราถนาของฉัน แต่ถ้าฉันไม่ตาย ก็จะสอบเข้าแพทย์ มันทุกปี สอบจนตาย และตรอมใจตายเพราะสอบไม่ติด อย่างนั้นเหรอ ฮือๆ
    ;38
     
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สำหรับการฆ่าตัวตายโดยเจตนา นั้นบาปแน่นอนครับ

    และผลแห่งการฆ่าตัวตาย กรรมที่ส่งผลก็จะทำให้เราเวียนเกิดแล้ว ฆ่าตัวตายไปอีก ต่อไป 500 ชาติ อันเป็นผลแห่งความเศร้าหมองของจิตใจเราก่อนตายไปจับอยู่


    สำหรับกรณีพระหรือฤาษีที่ท่านเข้าฌานตายนั้น ส่วนใหญ่ท่านเจริญสมาธิจิตจนรู้วาระ ว่าตนเองจะหมดอายุขัยเเมื่อไร

    เมื่อรู้ว่าจะหมดวาระก็ชิงเข้าฌานเพื่อเป็นการกำหนดจิตให้อยู่ในฌานสมาบัติเพื่อเมื่อจิตดับจากร่างกาย จะได้จุติยังพรหมโลก

    เราจะดูแค่ภายนอกไม่ได้ครับ
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สิ่งสำคัญของการมีชีวิตก็คือการสร้างคุณค่าของตัวเราให้เกิดขึ้นกับส่วนรวมครับ
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สิ่งสำคัญของการมีชีวิตก็คือการสร้างคุณค่าของตัวเราให้เกิดขึ้นกับส่วนรวมครับ
     
  5. Premsuda (May)

    Premsuda (May) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +646
    เมย์ตอบนะคะ
    วิธีทำบุญ ให้สมหวังด้านการศึกษานะคะ

    1. บริจาคเงินเพื่อการศึกษา
    2. บริจาคเงินเพื่อร่วมสร้างโรงเรียน
    3. บริจาคหนังสือเรียน และอุปกรณ์การเรียน
    4. อย่าขัดขวาง กลั่นแกล้ง ผู้อื่นไม่ให้เขาได้เรียน
    5. อย่าใช้การศึกษาในการแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองเช่น การโกงกิน งบประมาณด้านการศึกษา
    6. อย่าเผา หรือ ทำลายโรงเรียน




    อนุโมทนาค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ

    [​IMG]

    .
    .
    .
     
  6. แสงสว่างกับความมืด

    แสงสว่างกับความมืด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +15
    คนเราเกิดมาแล้วทั้งที ทำไมต้องคิดแต่การฆ่าตัวตายด้วยล่ะครับ
    ผมก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งที่อ่านบทความของพี่มาโดยตลอด ผมคิดว่า
    หากพี่คิดเช่นนั้น(อยากจะตาย)แค่คิดมันก็บาปแล้ว พี่คงคิดว่าครอบครัว
    ของพี่ไม่สนใจพี่ใช่มั่ยครับ (แม่ของพี่รักพี่ชายมากกว่า,สอบแพทย์ก็ไม่ติด,ฯลฯ)
    แต่พี่ลองคิดดูให้ดีสิครับ ใครล่ะครับที่เป็นคนเลี้ยงดูพี่มา แล้วใครล่ะที่คอยส่งเสีย
    ค่าเล่าเรียนให้พี่ ก็ครอบครัวของพี่ไงครับ หากพี่เป็นอะไรไป พี่คิดว่าคนที่เสียใจ
    มากที่สุดคือใครล่ะครับ ถ้าไม่ใช่ครอบครัวของพี่เอง
     
  7. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ...ตายแล้วคุณจะไปไหน..

    ...จะสุขหรือทุกข์กว่าตอนนี้..

    ...อธิฐานแล้วจะเป็นจริงไหม..

    ...อยู่ดูความทุกข์มันเล่นงาน..กายและใจเราต่อไปเถิด..

    ...แค่อย่าให้มันมา..ทำให้เราอ่อนแอ..

    ...เมื่อถึงเวลาต้องตาย..ก็ตายอย่างกล้าหาญ..



    ..สู้โว้ย..(deejai)..
    ...(deejai)..(deejai)..
     
  8. Ayukawa

    Ayukawa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +573
    ผมจะไม่บอกให้น้องIgiko_Lสู้หรอกครับ ผมจะยุให้ใครสู้ก็ต่อเมื่อคนๆนั้นมีกำลังใจพอที่จะสู้ได้เท่านั้น แต่ดูเหมือนใจของน้องIgiko_Lจะยังเนื่อยล้ากับปัญหาอยู่
    ทำให้มองเห็นแต่ทางตัน ถ้าขืนดันทุรังโหมสู้จนเกินไปก็อาจจะยิ่งเหนื่อยใจหนักขึ้นไปอีก ทางที่ดีควรพักใจไว้ก่อน ฟื้นฟูสภาพจิตใจของตัวเองให้ได้ พอกำลังใจกลับมาเราก็จะกลับไปสู้กับปัญหาต่างๆได้โดยไม่ต้องมีใครมายุให้เราสู้ ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของปํญหา ผมเคยดูหนังเรื่องมัมมี่ ภาคหนึ่งตอนฮิมโมเทตายเขาบอกว่า ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดแต่เป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งก็จริงเพราะความตายเป็นการเปลี่ยนจากสภาวะหนึ่งไปสู่อีกสภาวะหนึ่ง จากภาคหนึ่งไปเป็นภาคสอง และสาม (อันนี้้พูดเล่นครับ) การที่เราต้องมาเจอกับปัญหาต่างๆ มันก็เป็นส่วนหนึ่งของวิบากกรรมที่เราต้องรับ ซึ่งทุกคนก็จะมีสิ่งนี้เป็นสมบัตติดตัวกันมาทุกคนไม่มีใครหนีพ้นไปได้ จะไปต่อต้านขัดขืนก็คงไม่มีประโยชน์ แต่น้องยังโชคดีที่ได้เกิดมาใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนา ขอให้น้องIgiko_Lศึกษาธรรมะ คำสั่่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้รู้แจ้งเลยว่า ทุกข์คืออะไร สุขคืออะไร บุญบาปคืออะไร และปัญญาของน้องจะเกิดขึ้นได้จากการศึกษาและนำมาปฎิบัติตามได้ปัญญากันในชาตินี้แหละไม่ต้องรอชาติหน้า พระพุทธองค์ท่านรู้แจ้งในเรื่องของทุกข์ ท่านจึงสอนคนให้รู้จักทุกข์ และหนทางดับทุกข์ ผมมีเว็บอยากแนะนำให้เข้าไปอ่านศึกษาดูจะได้ประโยชน์มากเลยครับ
    ���
    ����ҳ���� .. ˹ѧ����й� ��ҹ˹ѧ���Ẻ online
    ����
    และในเว็บพลังจิตนี้ก็มีเนื้อหาสาระทางธรรมะที่มีประโยชน์ลองค้นหาดูครับ ขอให้มีชีวิตอยู่อย่างมีสติ ใช้ธรรมะเป็นเครื่องประคองชีวิต เป็นแสงสว่างส่องทางยามรู้สึกอับจนหนทาง ถ้าน้องมีทุกข์คับข้องใจเข้ามาคุยกัน ระบายออกมาได้ มีหลายๆคนที่นี้พร้อมจะเป็นกำลังใจให้ครับ be happy1
    ปล.ชื่อlinkอาจจะอ่านไม่ออก แต่เข้าไปดูได้ครับ
     
  9. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    ขอบคุณทุกๆข้อความ บ่อยครั้งที่คิดว่า ถ้าหนูหายไปจากโลกนี้ได้คงจะดี แต่ในความเป้นจริง หนูยังยืนอยู่ ยังมีคนเห้น และเห็นเหมือน มดไต่ขึ้นจากกองทราย และหล่นลง มันจะไต่แบบนั้น สุดท้ายก็ตกลงไปตาย หนูเคยถามตัวเองว่า ทำไมไม่เอาเงินไปเที่ยว แต่งตัวแทนที่จะเอาไปทิ้งที่ กสพท(กลุ่มแพทย์) พอคิดไป คิดมา หนูก็เลยไม่อยากได้อะไร เบื่อโลก ตอนนี้ 60 ไม่อยากทำอะไร ทุกคนจะเข้าใจหรือเปล่านะ คนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในการสอบเข้า ความมมั่นใจไม่มีเลย อีก40ก็อยากจะสอบ อยากส้ เห้นคนเก่ง ก็เก่งตลอด ดูอย่างหนูซิ เป้นแค่ฐานให้คนอื่นเหยียบแท้(อยู่ รร ถูกครูบอกว่าเป้นฐานให้เพื่อน)ส่งปัญหาเรื่องอื่น ก้มีตามธรรมดาของชาวโลก แต่หนูปล่อยวาง (แต่วางไม่ได้เรื่องเดียวนี้ละคะ) ถ้ามีคนต้องทุกข์ใจจนตาย หรือตรอมใจตาย เพราะกรรมอะไรเหรอคะ???
    สำคัญมาก การเข้าณาน ไปได้แคพรหมโลกเหรอคะ-_-? เคยรู้ว่า อัครสาวกรูปหนึ่งก็เข้าณาน มรณะภาพ บรรลุเป้นอรหัน (หนูไม่ได้อยากไปพรหม)หนูอยากมาเกิดเพื่อทำ ปฎิทานให้เป้นจริง แล้วเข้าณานตายโดยจิต ไม่เศร้า ทำใจให้ว่างละ จะได้มาเกิดเพื่อทำปฏิทานช่วยคนและศึกษาพระธรรม เดินตามรอยพ่อ(พระพุทธเจ้า)เป็นดังอาจารย์ สารีบุตร เลิศด้วยปัญญา เป็นแพทย์ ทุกชาติเพื่อช่วยคนและสุดท้ายเป้นแพทย์ประจำตัวพระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดในอนาคต ด้วย จะเป้นไปได้ไหมค่ะ สาธุๆ
     
  10. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    คิดดี..ทำดี..พูดดี
    รักษาใจ...
    ถึงจะสำเร็จ..ในสิ่งที่ปรารถนา
     
  11. Amoxcycol

    Amoxcycol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +65
    ใช่ คิดดี ทำดี ไม่สร้างกรรมเพิ่ม เคารพตัวเอง
    เป็นสิ่งที่ดี ทำตัวเองให้ดีที่สุด คิดบวกไปด้านกุศลกรรม
    ให้ธรรมปรากฏขึ้นในใจ แข่งกับตัวเอง ไม่แข่งกับผู้อื่น
    ย่อมไม่ทุกข์
     
  12. GROLY

    GROLY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2,019
    ค่าพลัง:
    +8,001
    ทุกคนมีทุกข์หมด ไม่มีใครสมหวังทุกเรื่อง ถ้าไม่เอาใจไปเกาะมากก็ไม่ทุกข์มาก แต่ถ้าตายตอนนี้ท่าทางจะไม่พ้นอบายนะ เพราะจิตเกาะกับสิ่งที่เป็นอกุศลใจยังเศร้าหมอง
     
  13. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666

    เบื่อหน่ายในโลก เห็นโทษภัย เห็นทุกข์ในการเกิดก็เป็นเรื่องน่ายินดีครับ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ หากเหตุแห่งทุกข์ยังมี

    เพียรสิครับ พิจารณาความทุกข์จากการมีชีวิตอยู่ แล้วหาเหตุแห่งทุกข์นั้นให้เจอ

    การเวียนว่ายตายเกิดที่เป็นการบวนการใหญ่ในสงสารวัฎ ที่มีโลกนี้ โลกหน้า หรืออดีตชาติ มันมาจากการเกิดดับภายในที่ยังมีการปรุงแต่งตามเหตุ ลองหาที่ฝึกวิปัสสนากรรมฐานดูนะครับ

    ทางออก ที่ออกโดยสง่างาม ทางออก ที่บริสุทธิ์ ทางออก ที่ดับทุกข์ได้จริง ยังมี^-^
     
  14. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    เฮ้อ..น้อง ความสุขความทุกข์มันอยู่ที่ใจนะจ้ะ ถ้าใจเรามีความสุขเรียนอะไรก็มีความสุขทั้งนั้นล่ะจ้ะ ถ้าใจเราทุกข์เรียนอะไรมันก็เป็นทุกข์ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ อย่าไปยึดมั่นถือมั่นในตัวตนมากเลยนะจ้ะ
    จุดประสงค์ในการเรียนหมอของน้องคืออะไรกันแน่จ้ะ ถ้าอยากมีเกียรติมีหน้าตาในสังคม ก็มีอาชีพเยอะแยะค่ะที่มีเกียรติ อาชีพที่สุจริตและสร้างประโยชน์ให้สังคมมีอีกมากมาย ถ้าน้องอยากรวยก็มีอาชีพอีกเยอะแยะที่รวยได้ ทำอาหาร ,ทำขนมขาย, ทำธุรกิจส่วนตัวก็รวยได้จ้ะ บางอาชีพรวยมากกว่าหมออีกต่างหาก มันอยู่ที่ตัวเรา ความขวนขวายขยันและอดทน หมอบางคนไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตก็มีเยอะแยะไปจ้ะ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเรียนหมอ อาชีพที่ช่วยคนมีเยอะแยะ คนที่ฆ่าตัวตายตายไปก็ลงนรกน่ะค่ะ กว่าจะกลับมาเกิดเป็นคนได้ก็อีกนาน ไม่คุ้มกันเลยนะจ้ะ อยากตายแต่อย่าฆ่าตัวตาย อายหมามัน พี่ยังไม่เคยเห็นหมามันฆ่าตัวตายเลย กว่าจะเกิดเป็นคนได้นี่ลำบากมาก ต้องสร้างสมบุญบารมี ต้องมีศีล5 ถึงจะเกิดเป็นมนุษย์ได้ คนบางคนเกิดมาไม่สมประกอบ พิการแต่เค้าก็ไม่ฆ่าตัวตายกลับใช้อวัยวะที่เหลืออยู่ วาดภาพประดิษฐ์งานต่างๆ ออกมาหาเงินเลี้ยงชีวิตตัวเองบางคนตาบอดไม่เห็นอะไรก็ยังร้องเพลงหาเงินประทังชีวิต คนเราถ้าขยันยังงัยก็ไม่อดตายหรอก อยากให้น้องลองมองชีวิตคนอื่นๆที่เค้าลำบากกว่าน้อง เค้ายังไม่ทำร้ายตัวเองเลย ถ้าน้องรักตัวเองก็ใช้กรรมฐานสิ ฝึกมาตั้งมากมายขุดเอามาใช้สิคะ ดูลมหายใจไป ดูที่ปลายจมูกไปก่อนเดี๋ยวอารมณ์ละเอียดเข้าก็จับได้ตลอดสายเองล่ะ อารมณ์สมาธิกดกิเลสได้เกือบทุกอย่าง ตอนนี้พี่รู้เลยว่าน้องไม่ได้ทำกรรมฐาน ถ้ารักตัวเองก็ทำซะเดี๋ยวนี้ล่ะ ชีวิตเกิดมามันลำบากมากก็ต้องอดทนนะจ้ะ ทุกคนต้องผ่านความทุกข์ความล้มเหลวมาก่อนจะประสบความสำเร็จทั้งนั้น เอาอุปสรรคต่างๆที่น้องมีอยู่สร้างเป็นกำลัง เป็นแรงใจต่อสู้ชีวิตต่อไปดีกว่านะ เคยอ่านพระมหาชนกไหม? ขนาดท่านเรือล่มก็ยังว่ายน้ำทั้งๆที่มองไม่เห็นฝั่ง ไม่เห็นท่านฆ่าตัวตายเลย คนเราล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียรนะน้อง อยากให้น้องมีกำลังใจสู้ต่อไป ไม่สบายใจก็สวดมนต์ได้นิ นั่งสมาธิเข้าเดี๋ยวก็คิดออก หาทางแก้ปัญหาได้เองแหละจ้ะสู้ๆต่อไปนะ<O:p</O:p<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2009
  15. stratus

    stratus Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +84
    เข้าใจว่าคุณ Igiko L ยังคงอยากจะเกิดมาอีกในชาติหน้าอยู่นะครับ เพราะถามว่าจะทำยังไงชาติหน้าถึงจะสมหวังเรื่องการเรียน หรืออยากเกิดมาเป็นหมอของพระพุทธเจ้าในอนาคต

    ถ้ายังอยากเกิดอยู่ก็อย่าคิดหนีปัญหาด้วยการตายแล้วหวังว่าจะได้ดีในชาติหน้า เพราะชาตินี้เรายังไปไม่รอดเลย แล้วชาติหน้ามันจะรอดเหรอครับ

    ถ้าอยากประสบความสำเร็จไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ก็ควรเริ่มสร้างเหตุแห่งความสำเร็จไว้ซะตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ทั้งเหตุที่จะทำให้เราสำเร็จในปัจจุบัน และเหตุที่จะทำให้เราสำเร็จได้ในอนาคต ไม่ได้วันนี้เดี๋ยวมันต้องได้ซักวัน ทำจนมันเกินมันล้นออกมาเดี๋ยวก็เรียบร้อยเอง

    ในช่วงที่กำลังใจเราตกต่ำก็ต้องหากลอุบายกอบกำลังใจของเราเข้าไว้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็แล้วแต่ เช่นอ่านบทความแนวสร้างสรรค์ให้กำใจ ไปจนถึงทำสมถะกรรมฐานหรือวิปัสนากรรมฐานโน่นแหละครับ แต่มุขที่ผมใช้บ่อยๆแล้วมักจะได้ผลเกินความคาดหมายก็คือมรณานุสติกรรมฐาน ไม่ได้หมายถึงให้เราอยากตายแต่ให้ระรึกไว้เสมอว่าเราต้องตายวันนึง และเมื่ออาการตายมาถึงสิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นของเรา เช่นร่างกาย ทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง ผู้คนที่รู้จัก พ่อแม่ญาติพี่น้อง ความโง่ความฉลาดของเรา ความน้อยเนื้อต่ำใจที่สอบไม่ติด ความอยากเป็นหมอ ความอะไรหรือสิ่งใดก็แล้วแต่ที่เกี่ยวเนื่องกับความเป็นเราในปัจจุบัน เป็นอันว่าจบไป เพราะตายแล้วสิ่งแล้วนั้นก็ไม่ใช่ของเราอีกต่อไป สิ่งต่างๆนั้นสิ้นสภาพความเป็นของเราอีกต่อไป พ่อแม่พี่น้องจะทุกข์จะร้อนอย่างไรเป็นอันว่าก็ต้องปล่อยเค้าไปตามกรรมเพราะเราไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยอะไรได้อีกแล้ว ที่เหลือไปกะเรามีเพียงแค่จิต ความดีชั่วที่เกาะไปกะจิตของเราเท่านั้น เพราะตั้งอารมณ์แบบนี้บ่อยๆตอนนอน เป็นอันว่าเวลานอนก็คือนอนตาย (ตั้งอารมณืแบบนี้พอสบายๆก็จับลมหายใจไปจนหลับ) สรุปแล้วตอนนอนผมไม่ต้องหว่งอะไรเลยเพราะถือว่าตายแล้ว หรือนอนแล้วอาจจไม่ได้ตื่น อย่างน้อยอารมณ์อารมณ์มันก็สบายในช่วงเวลาหนึ่งในหนึ่งวัน

    ตั้งอารมณ์แบบนี้ไว้บ่อยๆจนมันชินเดี๋ยวคุณจะรู้สึกเฉยๆกับเรื่องหลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อย่าง "ชั้นต้องเป็นแพทย์ให้ได้" เดี๋ยวจะมีความรู้สึกว่า ถ้ามันมีเหตุให้เป็นได้เราก็เป็นเพราะเราชอบอยู่ ถ้ามันมีเหตุให้ไม่ได้เป็นก็เรื่องของมันเพราะอย่างไรเสียเราต้องทิ้งมันอยู่ดี แต่ตราบใดที่ยังอยู่เราชอบเป็นแบบไหนเราก็เดินไปทางนั้น จนวันนึง "เอ๊า สงสัยจะไม่ได้เป็นละ..หมอเนี่ย" อารมณ์จะยังคงสบายๆอยู่ได้ด้วยเห็นว่าเป็นหรือไม่เป็นยังไงก็ต้องตายต้องทิ้งมันอยู่ดี ก็ถ้าเป็นตอนนี้ไม่ได้เราก็เป็นในสิ่งที่มันสมเหตุสมผลในปัจจุบันแทนก็แค่นั้นเอง

    ลองดูนะครับอย่าเพิ่งรีบตาย อยู่ต่อยังทำอะไรได้อีกเยอะ...
     
  16. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    “เป็นอะไรก็ไม่สู้เป็นกูเอง”​


    กบ ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในสระใกล้กุฏิของพระในวัดแห่งหนึ่ง ทุกเช้ามันจะโดดออกจากสระขึ้นไปหมอบอยู่ริมทางเดิน มันเห็นพระเดินออกไปบิณฑบาตและเห็นโลกกว้างทุกวัน อยู่มาวันหนึ่งมันเห็นพระออกไปบิณฑบาตไม่นานก็กลับวัดพร้อมกับมีข้าวเต็ม บาตรมีกับข้าวและขนมเต็มย่าม มันจึงคิดว่า
    “เออ เป็นพระนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ดีกว่าเราเป็นไหนๆ แค่เดินเข้าบ้านไปชั่วโมงเดียวก็ได้อาหารมากมาย” >>


    หลักจากพระฉันอาหารเสร็จแล้ว ท่านก็นำเศษข้าวมาโปรยให้ฝูงไก่กิน กบเห็นเข้าก็คิดอยากเป็นไก่ขึ้นมา >>

    “อ๊ะ เป็นไก่นี่ดีกว่าเป็นพระอีก ไม่ต้องเดินไปหากินไกล ๆ ถึงเวลาพระก็มาโปรยข้าวให้กิน สบายดีจริงๆ” >>

    ทันใดนั้นมีหมาวัดตัวหนึ่งเห็นไก่กำลังจิกอาหารกินอย่างเพลิดเพลินจึงวิ่งมาไล่ไก่จนแตกกระเจิงไป กบเห็นเข้าก็อยากจะเป็นหมาขึ้นมาอีก >>

    “เป็นหมานี่ก็ไม่เบา เป็นฮีโร่ไล่ไก่เล่นสนุกดี ทำอย่างไรเราจึงได้เป็นหมาได้หนอ” >>
    ขณะกำลังคิดเพลิน ๆ อยู่ เด็กวัดคนหนึ่งเห็นหมาไล่ไก่เข้าก็คว้าไม้ไล่ตีหมาร้องลั่นวัดไป กบเห็นเข้าถึงกับสะดุ้งโหยง คิดว่า “โธ่เรานึกว่าเป็นหมาจะเก่ง ที่แท้ก็สู้เด็กไม่ได้ ขนาดเป็นเด็กหมายังกลัวถ้าเป็นผู้ใหญ่คงปราบอะไรได้ทั้งหมด เราน่าจะเป็นคนดีกว่า” กบคิดเตลิดไปอีก >>

    หลังจากเด็กวัดไล่ตีหมาแล้วก็มานั่งหอบอยู่บนม้านั่งใต้ร่มไม้ ขณะนั้นมีแมลงวันหลายตัวมาตอมแข้งตอมขา เด็กวัดจึงปัดแมลงวันให้วุ่นไป เมื่อสู้ไม่ไหวทนรำคาญไม่ได้ก็ลุกหนีไปพลางบ่นว่า >>

    “รำคาญจริง ตอมได้ตอมดีไอ้พวกแมลงวันนี่” >>
    กบได้ยินเสียงบ่นก็เลิกคิดเป็นคนทันที สู้เป็นแมลงวันไม่ได้ “หนอยเป็นคนนึกว่าจะเก่ง ที่แท้ก็แพ้แมลงวันตัวเล็กนิดเดียว เป็นแมลงวันท่าจะดีเป็นแน่” >>

    กำลัง คิดเพลินอยู่นั้น แมลงวันตัวหนึ่งบินผ่านหน้ามันไปพอดีมันจึงใช้ลิ้นตวัดแมลงวันตัวนั้นเข้า ปากไปด้วยสัญชาตญาณ พอได้สัมผัสแมลงวันเท่านั้น ตัณหาของกบก็สะดุดกึก มันได้ดวงตาเห็นข้อสัจธรรม ถึงกับรำพึงว่า >>
    “เป็นอะไรก็ไม่สู้เป็นกูเอง”



    เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า
    อันความอยาก เช่นอยากได้ อยากมี อยากเป็น ที่ภาษาพระเรียกว่าตัณหานั้นไม่มีขอบเขต ไม่มีจุดจบ หาฝั่งไม่เจอ เพราะเป็นเรื่องของใจ ใจจึงคิดอยากเรื่อยไป นี่เป็นธรรมดา
    ถ้า หากรู้ทันไม่หลงละเมอไปกับตัณหาที่เกิดขึ้นก็จะไม่เดือดร้อนอะไรมาก หากปล่อยให้มันมีอำนาจเหนือใจเหนือความรู้สึกก็จะยุ่งวุ่นวายไม่เลิก อันที่จริงความอยากนั้นเกิดจากความหิวและความไม่รู้จริง คิดแต่เพียงว่าที่ตัวเองเป็นหรือที่ตัวมีนั้นไม่ดี ยังไม่สมบูรณ์แบบ สู้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ สู้มีอย่างนี้ไม่ได้
    แต่ถ้ารู้ความจริงว่าไม่ว่าจะอะไรล้วนมีดีและมีเสีย ล้วน มีข้อดีข้อด้อยอยู่ในตัวทั้งสิ้น ไม่มีอะไรดีอย่างเดียวหรือเสียอย่างเดียว ก็จะผ่อนเพลาความอยากลงได้ และหากยอมรับภาวะที่ตัวเองเป็นอยู่และพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็ย่อมประจักษ์ว่าเป็นอะไรก็สู้เป็นตัวเราและเป็นตัวของตัวเองไม่ได้เลย

    ...ลานธรรมจักร &bull; แสดงกระทู้ - “เป็นอะไรก็ไม่สู้เป็นกูเอง”
     
  17. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มาดูกันครับว่า ตอนนี้จิตใจคุณมีอะไรเด่นๆ ที่เอามาพิจารณาได้บ้าง

    เมื่ออ่านๆดูแล้ว จะเห็นว่า มีอยู่สองคำที่พูดบ่อยๆ คือ "อยากสำเร็จเป็น..."
    กับอีกคำ "ตาย"

    เมื่อเอาสองคำนี้มา เทียบเคียงดูด้วยพยัญชนะ ตัวอักษร จะเหลือเป็นคำว่า "เป็น" กับ "ตาย"

    จะเห็นว่า ภาชนะ(พยัญชนะ ตัวอักษร ก็เรียก) ที่รองรับความเป็นคุณอยู่ตอนนี้มีความ
    ขัดแย้งกันอยู่

    ถ้าคุณ ตาย แล้วสิ่งที่คุณต้องการจะให้ เป็น มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

    การจะเป็นอะไรนั้น ล้วนต้องเกิดจากเหตุที่เราทำไว้ดี เราอยากเป็นอะไร ไม่ใช่ว่าเรา
    จะคิดขึ้นมาแล้วมันจะเป็นจริงตามที่คิดได้ทันทีก็เปล่า แต่เราจะต้องคิดแล้วเอาความ
    คิดเหล่านั้นมาวางแผนให้ดี ให้มียัติรอบ(ปริยัติ) เสร็จแล้วเราก็ต้องตั้งใจประกอบ
    ทำออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมต่อหน้า ทำเฉพาะหน้าให้ถูกต้อง(ปฏิบัติ) ตามแผนที่
    วางเอาไว้แล้ว(ปริยัติ) เมื่อลงมือทำแล้ว เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขไปตามเหตุ
    ปัจจัยเฉพาะหน้า(ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเท่านั้น) เราก็ต้องเอามาทบทวนดูกับแผนงาน
    ที่วางไว้ว่ามันสัมฤทธิ์ผลหรือไม่(ปฏิเวธ) เมื่อเรามีตนเป็นที่พึ่งแห่งตน(อัตตาหิ อัตตโน
    นาโถ) คิดสาระตะวาง ปริยัติ และ ปฏิบัติ ก่อ ปฏิเวธ ที่ถูกต้องตามรอบ ตามแผน ก็ต้อง
    ยอมรับในความสำเร็จในแผนที่วางเอาไว้ไปทีละขั้น ทีละตอน อย่าแก้แผนงานกลางคัน
    จะเหมือนรัฐบาลที่บริหารอย่างไรทิศทาง ทำให้ความสำเร็จไม่สามารถประเมินผลได้ พอ
    ความสำเร็จไม่มีเครื่องมือประเมินผลเป็นส่วนย่อยได้ เราจะท้อแท้ คิดว่าทำอะไรไม่สำเร็จ
    สักอย่าง (แต่จริงๆมี แต่เนื่องจากเราไปแก้แผนตลอดเวลา ทำให้เป้าหมายมันเลื่อนๆ มัน
    ลอยไปลอยมา เหมือนๆจะคว้าไม่ได้ )

    ดังนั้น ให้กลับมาดูใหม่ ดูดีๆ "ตาย" ย่อมไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ "เป็น..."

    การจะ "เป็น...." ต้องไม่คิดมาก วางแผนไว้มาก "คิดใหญ่" ได้ ไม่ผิด แต่ต้องเริ่ม
    จาก "คิดเล็กๆ" เอามาประกอบด้วย เพราะมันคือ เหตุปัจจัยที่จะทำให้ "คิดใหญ่"
    มันสำเร็จ

    เป้าหมายบางอย่างมันมีเงื่อนไขของเวลา สภาพแลดล้อม สังคม มาบีบคั้น เราต้อง
    มองให้ออก แยกแยะมันออกมาว่ามีอะไรที่ไม่ใช่ เป้าหมาย มันเป็นเพียง อุปสรรค
    บ้าง เมื่อแยก เป้าหมาย และ อุปสรรค ออกจากกันได้แล้ว ก็ต้องดูด้วยว่า อุปสรรค
    เหล่านั้นใจเรายอมรับได้แค่ไหน เช่น การเอ็นท์นั้นจะต้องทำเมื่อ 5 ปีที่แล้ว หากเรา
    ยังเอนท์อยู่ จะมีสถานศึกษา(สังคม)ใดยอมรับให้สมัครได้อีก ถ้าไม่มี เราก็ต้องหา
    สถานศึกษาอื่นที่เขายอมรับ แต่มันก็แลกมากัยต้นทุนในการเรียนสูงขึ้น เกิดอุปสรรค
    เพิ่มเติมเป็นเหตุ เป็นปัจจัยการ ต่อๆ กันไป ก็ต้องดูเพิ่ม เมื่อสำรวจไปแล้วก็ต้องกลับ
    มาดูฐานะที่เป็นว่า มันเกินความเป็นจริงไปแค่ไหน เราเติมเต็มส่วนที่ขาดไปได้ไหม ถ้า
    ไม่ได้ก็คงต้องทบทวน เพราะอะไรที่ทำให้เกิดไม่ได้ เพราะเหตุปัจจัย มันไม่ครบ และ
    เกินความสามารถ หากเราทู้ซี้มันจะทำให้ ปัญหาอื่นๆมันเกิดมากดดันมากขึ้น จะดีกว่า
    ไหมที่จะลดเป้าหมายลงมา หรือเรียนอย่างอื่นไปก่อน

    และอย่าลืมว่า อันความรู้นั้น จริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ใบประกาศมารับรองสิ่งที่เรารู้

    หากเป็นการแพทย์ หากเราหวังเพียงแค่รู้ ไม่ได้หวังเอาไปใช้ ทำไมจะศึกษาอย่างอิสระ
    ไม่ได้ เมื่อการศึกษาแพทย์เรายังทำได้ แล้วทำไมสิ่งที่เราคาดหวังไว้นั้นจะไม่เกิดขึ้น

    อะไรคือสิ่งที่คุณติดข้องกันแน่ ต้องมองให้ออก แล้วอย่าไปตกเป็นทาสมัน หากมอง
    ออกจะเห็นเลยว่า อุปสรรคบางอย่างเราไปสร้างมันขึ้นมาเอง แล้วก็ตกเป็นทาสสิ่งที่
    เราคิดขึ้นมาเอง

    ถ้าอะไรจะต้องหายไป ตายไป ใช่ไหมที่ให้สิ่งที่เราคิดสร้างขึ้นมาเองนั้นมันตายเฉพาะ
    ส่วนนั้น แค่นั้นมันก็ทำให้คุณมีจิตอิสระ อยู่เป็นได้แล้ว


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2009
  18. อนุญฺญา

    อนุญฺญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +131
    ขอนับถึอความตั้งใจ(สอบแพทย์)ของคุณ
    ไม่ทราบว่าที่คุณอยากเป็นหมอเพราะคุณต้องการช่วยเหลือคนจริงๆ แล้วต้องการอย่างอื่นด้วยรึป่าว เช่น การนับหน้าถือตา ความรัก ความสนใจจากครอบครัว
    ถ้าคุณต้องการช่วยเหลือและไม่ต้องการสิ่งตอบแทน สิ่งที่คุณช่วยเหลือ กสพท น่ะดีแล้ว
    คุณอาจไปเป็นอาสาสมัครอื่นๆ เช่น ร่วมกตัญญู

    คุณพยามยามสอบหลายครั้งแต่ไม่ติดเพราะคุณอาจไม่ถนัดในวิชาที่เกี่ยวข้อง
    คุณไม่ลองสอบอย่างอื่นดูล่ะ
    ถ้าคุณยังพยามยามต่อไปก็ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

    เพราะเราเองก็ไม่ได้สมหวังในสิ่งที่เรียนจริงๆ เหมือนกัน
    ถึงตอนนี้มันก็ไม่ได้สุขไปซะหมดแต่เราก็พยายามเรียนในสาขาที่เราไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาก่อนแต่ก็จะจบแล้วล่ะ ทุกสาขาวิชามันมีข้อดีของมันถ้าเราใช้ถูก

    แต่เรื่องที่คุณไม่อยากมีชีวิตอยู่
    คุณต้องการจากไปเพราะหนีความทุกข์และไม่ได้ตายเพราะเสียสละชีวิตเพื่อใครจริงๆ
    และใจคุณก็ยังทุกข์อยู่ มันต่างกันมากกับพระท่านที่ละสังขาร

    เกิดก็ทุกข์ ตายก็ยังทุกข์อีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2009
  19. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    ลองหันกลับมามองเรื่องกฏแห่งกรรมซิครับ บางทีโรคกรรมกำลังคุกคามเราอยู่ต้องกัดฟันชดใช้เค้าไปให้มันหมดๆไปในชาตินี้ อย่าเพิ่งรีบตายเพราะจะได้รับผลกรรมดับเบิ้ลเลยละ ไหนยังจะติดหนี้ที่ต้องชดใช้ยังต้องกลับมาตายแล้วตายอีกตั้ง500 ชาติ

    อ้อ !มีอีกทางเลือกนึงนะ หากไม่ต้องการอะไรในชีวิตแล้วจริงๆอย่างที่พูดก็บวชชีซะ บางทีทางโลกอาจจะผิดหวัง แตทางธรรมคุณอาจจะเป็นที่ 1 ก็ได้นะ
     
  20. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    อ่านไปอ่านมา รู้สึกเหมือนคุณอยากจะฆ่าตัวตาย แต่กำลังพยายามหาทางสับขาหลอก คือฆ่าตัวตายโดยไม่ต้องบาป.............
    ไม่ขอกล่าวถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน เพราะคุณอยากฆ่าตัวตายด้วยความน้อยใจในชีวิต เท่านั้นเอง ไม่เป็นเรื่องเลย(จะถือว่าผมด่าก็ได้ไม่ว่ากัน)

    แต่ชักอยากจะถามเกี่ยวกับข้อความในส่วนนี้คือ
    บาปที่ว่าหมายถึงบาปเพราะอะไร??และคุณไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน สำนักหรืออาจารย์ไหนเป็นผู้สอน?????

    เท่าที่เคยค้นคว้ามาในประวัติศาสตร์นักปฏิบัติธรรม ส่วนใหญ่จะระบุไว้ชัดเจนว่า
    ผู้ที่ตายโดยไม่ได้เข้าฌาณสมาบัติตอนจะสิ้นลม ถือว่าเป็นผู้ที่อยู่ในความประมาทอย่างมาก

    ครูบาอาจารย์แทบจะทุกสำนัก ยกตัวอย่างสายที่ผมเป็นสาวกอยู่นี่(สายหลวงปู่ปาน โสนันโท วัดบางนมโค) หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็บันทึกไว้ชัดเจนว่า หลวงพ่อปานท่านเข้าฌาณหลายระดับจนเป็นสมาบัติทั้ง8 และมาพักอยู่ที่ฌาณ4ละเอียดตอนสิ้นใจ

    แต่จิตใจอารมณ์ที่ขุ่นมัว หวังขณิกกสมาธิยังยากเลย ถ้าอารมณ์ขุ่นขนาดนี้แล้วบอกตัวเองเข้าถึงฌาณ4ละเอียดในตอนนี้ ก็สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอุปทาน พันเปอร์เซน
     

แชร์หน้านี้

Loading...