คุณห้อย เครื่องรางของ ของขลัง วัตถุมงคลอะไรกันบ้างครับ

แซวคุณโมฯ จนทำหน้าแดงมา 2 รอบแล้ว เอารูปพระกริ่งหนึ่งเดียวที่หลวงพ่อ(ร่วม)ทำพิธีพุทธาภิเษกมาฝากดีกว่า ไปบูชามาหรือยังครับ ถ้ายัง กลับเมื่อไรก็รีบไปบูชาเก็บไว้นะครับ ก่อนจะหมด

 

น่านนน พี่คนเก่า เฒ่าทารกนี่เอง อารมณ์ขันเหลือเกิน
หนูก็มีพระเครื่องนะ จะหาว่าคุย เหรียญองค์ปฐม ด้าน
หลังเป็นรูปหลวงพ่อ ได้จากการทำสังฆทาน เป็นจำนวน
สูงถึง .... 100 บาท ภูมิใจสุดๆ 555

ล่าสุดเห็นพระกริ่งแบบพี่ กรอบทอง แค่ แสนสอง หรือ
แสนสี่ เอ้ง น่าเช่าจริงๆ (เฮ้อ)

 

แหม น้องผี เอ๊ย น้องพี ไปฝึกเต็มกำลังมาด้วยหรือ จิตว่องไวจริงนะ เมื่อประมาณสงครามมหาภรตยุทธเพิ่งจบลงใหม่ๆ อันเป็นเวลาที่ยังมีสาวๆวิ่งตามบ้าง แอบส่งซิกบ้าง ก็เคยถูกเรียกว่าทารกเฒ่า ด้วยภูมิปัญญาอันล้ำลึกดุจดังปราชญ์ผู้เฒ่า แม้ใบหน้ายังอ่อนใสคล้ายตูดทารก

เมื่อคืนวันที่ 4 ธค ดูที่พระเจ้าอยู่หัวทรงปรารภว่าเด็กเดี๋ยวนี้หูเสื่อมสภาพ พี่ว่าตาก็แย่เหมือนกัน เห็นพระกริ่ง(ไภยษัชยคุรุฯ)เป็นพระกริ่งองค์ปฐมได้ไงเนี่ย องค์ปฐมกรอบทองที่วางโชว์ไว้ที่ตึกรับแขกที่ให้บูชาแสนสองนั่น เห็นครั้งไปวัดตอนต้นเดือน ต.ค.และก่อนนั้นเล็กน้อย พอกลางเดือนก็ไม่เห็นแล้ว

ส่วนพระกริ่งนี้เดี๋ยว copy รายละเอียดที่เคยลงใน คม ชัด ลึก ให้อ่านดีกว่า

 

พระกริ่ง "ปวเรศ" ๒๕๓๐ ใต้ฐานอุด "ผงจิตรลดา

ในวงการพระเครื่อง โดยเฉพาะผู้ที่นิยมสะสม "พระกริ่ง" มักจะมีการพูดถึง "พระกริ่ง" สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม กันอยู่เสมอ จนผู้ที่เพิ่งเข้ามาสู่วงการนี้ใหม่ๆ และไม่ได้สนใจศึกษาความเป็นมาของ "พระกริ่ง" มักจะเข้าใจกันผิดๆ คิดว่า "พระกริ่ง" สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม คือ ต้นกำเนิดของพระกริ่งในเมืองไทย ซึ่งความเป็นจริงไม่ใช่

ในหนังสือ "มรดกล้ำค่า" สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ โดย บุญเหลือ ออประเสริฐ ได้กล่าวไว้ในหน้า ๓๙ ตอนหนึ่งโดยสรุปได้ว่า

"...มูลเหตุที่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงสร้าง "พระกริ่ง" และ "พระชัยวัฒน์" ...ทรงเล่าว่า เมื่อครั้งพระองค์ดำรงสมณศักดิ์เป็น "พระศรีสมโพธิ์" นั้น สมเด็จพระวันรัต (แดง) ซึ่งเป็นสมเด็จพระอุปัชฌาย์ได้อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งยังทรงเป็น "กรมหมื่น" ได้เสด็จมาเยี่ยม รับสั่งว่า เคยเห็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ อาราธนา "พระกริ่ง" แช่น้ำอธิษฐานขอน้ำพระพุทธมนต์ แล้วให้คนไข้ที่เป็นอหิวาตกโรคกิน จนหายเป็นปกติ จึงรับสั่งให้มหาดเล็กไปนำ "พระกริ่ง" ที่วัดบวรฯ แต่สมเด็จฯทูลว่า "พระกริ่ง" ที่กุฏิมี จึงรับสั่งให้นำมาแล้วอาราธนา "พระกริ่ง" แช่น้ำอธิษฐานขอน้ำพระพุทธมนต์ แล้วนำไปถวาย สมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อท่านฉันแล้วโรคอหิวาต์ก็บรรเทาหายเป็นปกติ"

ตั้งแต่นั้นมา สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ก็เริ่มสนพระทัยในการสร้าง "พระกริ่ง" ขึ้นเป็นลำดับ และได้มีการสร้าง "พระกริ่ง" ในเวลาต่อมาหลายรุ่น จนโด่งดังมาถึงทุกวันนี้

สำหรับ "ตำรา" การสร้างพระกริ่ง นั้น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรฯ ทรงได้ตำราจาก สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส วัดพระเชตุพนฯ ซึ่งสืบทอดกันมาจาก สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว อยุธยา (พระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช)

ต่อมา "ตำรา" การสร้างพระกริ่ง นี้ไปตกอยู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ท่านเจ้ามา) วัดจักรวรรดิราชาวาส

หลังจากนั้น "ท่านเจ้ามา" ได้ประสาธน์ตำรานี้ให้กับ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ ในขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ "พระเทพโมฬี" และได้สร้างพระกริ่งขึ้นเป็นครั้งแรก (พระกริ่งเทพโมฬี) เมื่อปีพ.ศ.๒๔๔๑

0 ประวัติพระกริ่งปวเรศ

"พระกริ่งปวเรศ" เป็นสมัญญานามของ "พระกริ่ง" ที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงสร้างขึ้นเพื่อประทานแก่เจ้านายที่ทรงคุ้นเคยสนิทสนมและเจ้านายที่ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ มีจำนวนน้อยมาก ไม่เกิน ๓๐ องค์ ทรงสร้างด้วยเนื้อนวโลหะ

(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศฯ สิ้นพระชนม์เมื่อ ๒๙ ก.ย.๒๔๓๕ แสดงว่า พระกริ่งปวเรศฯต้องสร้าง ก่อนปีพ.ศ.๒๔๓๕ )

พุทธลักษณะ "พระกริ่งปวเรศ" นั้นสันนิษฐานว่าทรงสร้างขึ้นโดยอาศัยเค้าจาก "พระกริ่งจีน" ที่นิยมเรียกกันว่า "พระกริ่งใหญ่" ในปัจจุบัน

พระองค์จะทรงสร้างขึ้นในปีใด ไม่มีผู้ใดทราบได้แน่ชัด ภายหลัง หลวงชำนาญเลขา (หุ่น) สมุห์บัญชีในกรมของพระองค์ ได้ขอประทานพระอนุญาตนำแบบพิมพ์ไปสร้างขึ้นอีก มีจำนวนเท่าไรก็ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดเช่นกัน

โดยที่ "พระกริ่ง" นี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงสร้างขึ้น จึงนิยมเรียกกันทั่วไปว่า "พระกริ่งปวเรศ" ในวงการพระเครื่องนับถือกันว่า "พระกริ่งปวเรศ" เป็น พระเนื้อนวโลหะ ที่มีค่านิยมสูงและยากยิ่งที่จะเสาะแสวงหาไว้สักการะบูชา จึงเป็นปูชนียวัตถุที่มีคุณค่าทางพุทธศิลป์และทางจิตใจ กล่าวได้ว่า "พระกริ่งปวเรศ" เป็น "พระกริ่งรุ่นแรก" ที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังมีส่วนส่งเสริมให้เกิดความนิยมสร้างพระพุทธปฏิมาในลักษณะ "พระกริ่ง" เดียวกันนี้ในเวลาต่อมาอย่างแพร่หลายด้วย

"พระกริ่งปวเรศ" นับเป็น "พระกริ่ง" ที่มีปัญหาถกเถียงกันมาก โดยมีผู้อ้างกันว่า "พระกริ่ง" ที่ตนมีอยู่ก็เป็น "พระกริ่งปวเรศ" เช่นกัน ทั้งๆ ที่หน้าพระพักตร์แตกต่างกันมากมาย และโดยที่ "ของแท้" มีจำนวนไม่เกิน ๓๐ องค์ดังกล่าว โอกาสที่พบเห็นได้ง่ายๆ คงไม่มีแน่นอน

สำหรับภาพ "พระกริ่งปวเรศ" ที่นำมาลงในหน้านี้ เป็นภาพที่ได้มาจากหนังสือรวมภาพพระวัดบวรฯฉบับสมบูรณ์ ที่คณะศิษย์วัดบวรฯจัดทำขึ้น โดยคุณธวัช สุรมังกรวงศ์ เป็นผู้เอื้อเฟื้อภาพจากหนังสือเล่มนี้มาให้ จึงเป็นหลักฐานอันสำคัญว่า "พระกริ่งปวเรศ" ของแท้ ต้องเป็นเหมือนในภาพนี้

มาถึงวันนี้....นับเป็นความโชคดีที่ศรัทธาสาธุชนทั่วๆ ไป ที่มีความต้องการ "พระกริ่งปวเรศ" ไว้สักการะบูชา

จะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ "พระกริ่งปวเรศ" กันบ้าง เพื่อจะได้เอาไว้อาราธนาแช่น้ำ อธิษฐานขอให้เป็น "น้ำพระพุทธมนต์" ใช้ดื่มกินเพื่อความเป็นสิริมงคล และรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ตามความเชื่อถืออันมีมาแต่โบราณกาล โดย"พระกริ่งปวเรศ" รุ่นนี้ทางวัดบวรฯได้จัดสร้างขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ เนื่องในมหามงคลสมัยที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบนักษัตร ทางวัดบวรฯได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จำลองแบบ "พระกริ่งปวเรศ" และ "พระชัยวัฒน์ปวเรศ" ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองศุภมงคลสมัย และเทิดพระเกียรติในมหามงคลวโรกาสนี้ พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผงจิตรลดา เพื่อบรรจุในองค์ "พระกริ่งปวเรศ" ที่สร้างใหม่นี้ ทุกองค์ ด้วย โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จฯทรงเททองหล่อ "พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ" รุ่นนี้เป็นปฐมฤกษ์ ประกอบพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และวัดบวรฯ ขณะนี้ทางวัดเปิดให้บูชา "พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ" ชุดละ ๕,๐๐๐ บาท (มี ๒ องค์ คือ พระกริ่ง+พระชัยวัฒน์) ติดต่อได้ที่มูลนิธิมหามงกุฏฯ หน้าวัดบวรฯ โทร.๐-๒๒๘๑-๑๐๘๕,๐-๒๖๒๙-๔๐๑๖

โดยที่ทางวัดบวรฯไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ "พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ" รุ่นนี้เลย จึงทำให้ศรัทธาสาธุชนโดยทั่วไปไม่ทราบ เป็นผลทำให้ "พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ" รุ่นนี้ยังมีเหลืออยู่ที่วัดจำนวนหนึ่ง จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้สนใจและศรัทธาจะได้มี "พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ" ของแท้ๆ จากทางวัดบวรฯโดยตรง

 

จำได้ว่าบอกเล่าแล้วนะครับ

แต่ก็อยากย้ำเตือนผู้ที่ไม่ทันได้เห็นครั้งที่นำมาบอกเล่าก่อนนี้ โดยเฉพาะผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อ
พระกริ่งปวเรศ 5 รอบพระชนมพรรษานี้เข้าพิธีพุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง
ในครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นในพระอุโบสถวัดพระแก้วนั้น หลวงพ่อได้เข้าร่วมในพิธีด้วย
หลวงพี่เล็กเล่าว่า เป็นพระกริ่ง(ไภษัชยคุรุฯ)เพียงหนึ่งเดียวที่หลวงพ่อ(ร่วม)ทำพิธีพุทธาภิเษก

พลาดไม่ได้อีกแล้วครับท่าน หมดเมื่อไร พวกเซียนพระปั่นราคาแหงๆ
ขนาดยังมีเหลืออย่างนี้ ยังเคยเห็นคนเอาไปบอกขายในเว็บพระเครื่อง บวกราคาขึ้นไปหลายพัน

 

...

ถึงคุณ(พี่)คนเก่า..ผมคล้องพระสมเด็จองค์ปฐมรุ่นหลังหลวงพ่อมรณะภาพไม่เท่าไหร่(ที่รวมมวลสารทั้งหมดนะครับ)...แต่สมเด็จองค์ปฐมจริงๆผมไม่แน่ใจว่ารุ่นไหน.เป็นทรงหลวงพ่อชินราชและเป็นโลหะสีทองทั้งองค์.ขนาดองค์ประมาณ 2นิ้วหรือใกล้เคียง.เผอิญเมื่อประมาณร่วมๆ 10-11ปีก่อนมีพระท่านให้มา..ก่อนให้ท่านเปิดตลับดู..ผมก็เห็นมีพระหางหมากพระคำข้าวฯลฯ..ท่านก็เลยหยิบเอาสมเด็จองค์ปฐมให้มา..ผมเลยเอามาไว้ที่บ้านและพี่ชายเขาก็ได้ตั้งบูชาไว้ตรงพระประธานครับ..//ไม่ทราบพี่คนเก่ามีความรู้ทางพระหรือวัตถุมงคลอื่นๆที่พอให้ได้รับรู้รับทราบว่าเด่นด้านไหนบ้างไหมครับเพื่อเป็นความรู้แก่ผม..เช่น
1.พญาแพะ..หลวงปู่เริ่ม วัดชุกกระเฌอ
2.พระหลวงพ่อเงิน , หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
3.พระหลวงปู่สุด วัดกาหลง
4.พระหลวงพ่อแช่ม,หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามนี
5.พระหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม
ขอบคุณพี่ด้วยครับ

 

เคยรู้จักคนในวงการพระเครื่องอยู่คนหนึ่ง เชื่อถือเคารพกับพระเครื่องที่อาราธนาติดตัวมากเป็นพระขุนแผนเคลือบ แต่เซียนทั้งหลายบอกว่าไม่แท้ แต่เขาไม่สนใจคำพูดของเซียนรอบข้างยังคงนำพระอง์ที่กล่าวนั้นติดตัวตลอดเวลาและตัวเขาเองก็แคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆมาตลอด แม้ทุกวันนี้พระก็ยังคงติดตัวเขาตลอดเวลา เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่บอกอะไรได้?

 

ได้ พระคำข้าว ปิดทองใส่กรอบสวยงาม จากการช่วยทำเบเกอรี่ค่ะ
เป็นบุญจริงๆ ... แต่องค์ใหญ่เหลือใจ ...เลยไม่ได้ห้อยคอ
วางไว้ที่หัวนอนค่ะ

 

1.ห้อยเหรียญพระแก้วมรกตหมดห่วงของคุณสุธันย์พ.ศ.2523
2.พระฤาษีของอ.สุวัตน์ พบร่มเย็นสร้างพ.ศ.2534
3.พระคำข้าว
4.พระทุ่งเศรษฐี 100 ปี

 

ห้อยพระของหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ซิครับกันรังสีได้ทุกรุ่นทุกพิม ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลมาท่านเคยเห็นพระองค์ใดพูดถึงสมเด็จองค์ปฐมไหมครับ มีท่านเป็นคนแรกที่กล่าวถึง ท่านบำเพ็ญมาถึง 16 อสงขัยเรื่องบารมีนั้นไม่ต้องพูดถึง พลังจิตและญาณของท่านนั้นที่สุดแล้วครับ พระที่ท่านทำนั้นท่านไม่ได้เกหรอกนะครับ ท่านเชิญมาตั้งแต่พระพุทธเจ้า พระปัจเจก พระอริยะ พรหม เทวดา ท่านเหล่านี้แหละครับที่เป็นผู้ทำ ถ้าคุณเป็นคนดี มีจิตใจดี มีศีล ไม่ต้องกลัวอะไรเลยครับ ขอยืนยัน ไม่มีอะไรทำท่านได้แน่นอน เมื่อคุณมีพระดีแล้วก็ทำตัวคุณให้เป็นพระด้วยนะครับ พระที่มีอานุภาพมาก ราคาไม่แพงที่ขอแนะนำคือ1.พระหลวงปู่สิม
2.หลวงปู่แหวน
3.หลวงปู่บุดดา
4.ครูบาวงศ์
5.สมเด็จเกี่ยว
6.หลวงปู่ชอบ
7.หลวงปู่คำพันธ์
8.หลวงปู่หลอด
9.หลวงพ่อสมชาย
10.หลวงปู่ดู่ แต่เล่นยากหน่อยนะครับเพราะปลอมเยอะมากกกก

 

ไม่เก่งและรู้น้อยมากครับ

องค์ปฐมรุ่นรวมมวลสารที่ว่า มีลักษณะสีเหลี่ยมคล้ายพระคำข้าว/หางหมาก อีกด้านหนึ่งเป็นรูปหลวงพ่อใช่ไหมครับ
องค์ลอยองค์ปฐมที่กล่าวมา ไม่เห็นมีคำถาม ถ้าเป็นรุ่นที่ทำพิธีหลังหลวงพ่อสิ้นแล้ว ที่วัดก็ยังมีให้บูชาองค์ละ 400
มีอีกแบบที่คนหาบูชากันมาก คือ ที่ออกโดยวัดศาลพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งเห็นว่าได้ทองชนวนจากการสร้างองค์ปฐมองค์ใหญ่ของวัดท่าซุงมาสร้าง และนำมาเข้าพิธีกับหลวงพ่อที่วัดท่าซุง

ส่วนข้อ 1-5 พอมีข้อมูลติดหัวอยู่เพียง 2 องค์ คือ
1. หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายาหอม ครั้งพิธีเททองสร้างพระ 25 พุทธศตวรรษ แผ่นจารของท่านไม่ละลาย
2. หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม อยู่ จ.สมุทรสงคราม เหรียญของท่านได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในห้า ของ เบญจภาคีเหรียญ ซึ่งมีของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ และอีกองค์ที่ยังนึกไม่ออก

พระขนาดนี้ ของๆท่านก็น่าจะดีทุกทาง แต่ความโด่งดังมักจะมาจากสิ่งที่เห็นได้จะๆ คือ คงกระพันชาตรี

 

ก็ห้อยหลวงปู่ตรงพระที่วัดยานาวามอบให้มา แล้วก็มีปู่ฤาษีนาคราช แล้วก็อีกสององค์ซึ่งไม่ทราบว่าพระอะไรค่ะ ส่วนเจ้าแม่กวนอิมบูชาไว้ที่บ้าน อยากหาแบบดังๆ มาเก็บไว้กับตัวบ้างเพื่อความอุ่นใจ แต่ก็คงไว้ก่อนท่านเมตตาเมื่อไหร่คงได้เอง

 

ตอนนี้ผมห้อยเหรียญพระพิฆเณศ ด้านหน้าจะเป็นรูปพระพิฆเณศ นั่งบนหัวกระโหลกเล็ก ๆ เป็นฐานหัว มีสี่กรณ์
มือหนึ่งประทานพร มือหนึ่งถือขนมต้มวางบนหัวเข่า มือหนึ่งถือบ่วงบาศก์ มือหนึ่งถือขวาน ใต้ฐานหัวกระโหลกจะเป็นภาษาฮินดู ด้านหลังจะเป็นรูปพระศิวะ นั่งประทับบนเสือ ใต้เสือมีภาษาฮินดู มีสี่กรณ์ มือหนึ่งประทานพร มือหนึ่งถือประคำวางไว้ที่หัวเข่า มือหนึ่งถือตรียาว มือหนึ่งถือขวาน เป็นเหรียญกลม ผมจะห้อยคอเป็นประจำ
ประวัติและประสบการณ์
ผมได้รู้จักกับร่างทรงพระพิฆเณศ คนหนึ่ง เขารักผมอย่างน้องชาย ร่างทรงคนนี้เก่งมาก นึกอะไรในใจเขารู้หมด และให้คำปรึกษาผมมาตลอด ตั้งแต่ผมยังเด็กเรียนหนังสืออยู่ พองานปี (ปีอะไรผมจำไม่ได้) เขาได้สั่งทำเหรียญนี้มาเป็นพิเศษ แค่ ๕๐ องค์ เพื่อแจกให้ศิษย์ที่สนิท ตอนนี้ผมเรียนไม่ได้ไปร่วมงาน เขาแจกจนหมด เหลือไว้แค่องค์เดียว เขาจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก พอผมกลับจากเรียนเห็นลูกศิษย์อื่นเขาห้อยก็อยากได้ แต่ไม่มีหมดแล้ว จึงขอพี่เขา เขาก็บอกว่าเหลือองค์สุดท้ายแล้ว ในที่สุดเขาก็ให้ผม ผมนำมาห้อยกับสายสิญจ์คล้องคอกับ กทม.
ตอนนั้นผมอยู่คอนโดกับพี่สาวที่ กทม. พอตอนเย็นผมจะลงไปว่ายน้ำที่สระน้ำ กับพี่สาวทุกเย็น วันหนึ่ง ลูกชายของน้องชายพ่อผม มาเยี่ยม ก็มากินเหล้าและเบียร์อยู่ริมสระน้ำผมนำเหรียญฝากเขาไว้แล้วลงเล่นน้ำในสระ ก็ไม่ได้สงสัยอะไร ครั้นพอขึ้นจากสระกับคอนโด พอตกกลางคืน ผมมีอาการท้องเสีย อาเจียน และมึนงง คล้ายคนเมาเหล้า
(ผมเป็นคนทานเหล้า เบียร์ไม่ได้ไม่ได้ทานเลย แพ้แอลกอฮอล์) ซึ่งไม่เคยป่วยมีอาการอย่างนี้มาก่อน ก็แปลกใจ
เลยถาม ญาติผมคนนี้ ซักไปซักมา จึงรู้ว่าเขาได้ทำเหล้าหกใส่ และครั้นกลับจากเรียนมาอยู่สุพรรณ วันหนึ่งผมนำ
ทองตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มาปิดท่านแล้วอธิษฐานว่าอยากได้สร้อยและเลี่ยมทองแต่เงินยังไม่มีตอนนั้นเรียนอยู่ พอปิดเสร็จไม่ได้ถึง ๕ นาที พี่สาวคนโตผมเดินมาขอดูพระองค์นี้ แล้วบอกว่าทำไมไม่เลี่ยมทองละ ผมบอกเงินยังมีไม่พอ เขาบอกว่านำไปเลี่ยมเถอะเขาออกให้เอง และผมเคยใส่ไปดูร่างทรงพระนารายณ์ เขาทักว่ามีพระศิวะตามผมมาด้วย จะบังเอิญหรือปาฎิหารย์หรือเปล่าผมไม่รู้ผมเคยเปลี่ยนไปห้อยพระอื่นแต่ก็ชีวิตไม่ค่อยดีเท่าที่ควรเลยหันมาห้อยเหรียญนี้อีก ชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

 

พระที่ผมห้อยมีดังนี้
1. พระอู่ทองออกศึก (สร้างพศ.2510 แจกทหารที่ไปรบที่เวียตนาม)
2. พระว่านจำปาศักดิ์
3. พระพิมพ์พุทธชินราชหลวงพ่อหม่น คลองสิบสอง (สร้าง พ.ศ.2463)
4. พระสมเด็จ หลวงตาผ่อง วัดสำโรงใต้ (สร้างแจกทหารตอนสงครามโลกครั้งที่ 2)
5. พระขุนแผนหลวงพ่อเขียว วัดระเว โคราช (จาประสบการณ์ของผมถือว่าสุดยอดด้านเมตตาจริงๆ)

 

ผมเอง ห้อยพระคำข้าว และ ชานหมากหลวงะอาษีพร้องพระธาตุชานหมาก และจีวรตอนท่านมรณภาพ ครับ

 

พระหลวงพ่อ

ผมคล้องพระคำข้าว และลูกแก้วใสของหลวงพ่อฤาษีฯ รู้สึกอบอุ่นดี มีสิ่งที่ดีๆหลายอย่างครับ

 

เอารูปองค์ปฐมรุ่นแรกอุดกริ่งมาให้ดูกัน แต่เข้ากรอบไปแล้ว ดูฐานอุดกริ่งได้ไม่ถนัด

รุ่น 1-3 พิมพ์เดียว ขนาดเดียวกันหมด ปลอมได้ง่ายมาก
ฉะนั้นอย่าไปซื้อหาที่เขาเสนอขายแพงๆเลยครับ
ยากที่จะบอกได้ว่าเป็นรุ่น 1 หรือรุ่น 2 จริงหรือไม่

 

เหลืออยู่ไม่มากแล้วครับ
ผมเพิ่งไปบูชามาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเองครับ
(แต่ก็ถวายหลวงพี่สมปอง เพื่อบรรจุในเจดีย์แล้วเช่นกัน ตัดสินใจแบบปุบปับ)
เจ้าหน้าที่บอกว่าหลวงตามหาบัวก็มาปลุกเสกด้วย แต่ไม่ได้มีการบันทึกไว้ในหนังสืออนุสรณ์
ผมคิดว่า อาจจะเป็นเพราะว่า ท่านยังไม่ค่อยดังเมื่อหลายสิบปีก่อนก็ได้

 

สวยมากครับพี่
ผมเคยได้ยินแต่รุ่น ๑ กับรุ่น ๒
หลวงพ่อท่านสร้างรุ่น ๓ ด้วยเหรอครับ

ท่านปลุกเสกรุ่น ๒ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ๓๕
แต่ท่านมรณภาพในเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน
ไม่ทราบว่า ท่านปลุกเสกรุ่น ๓ ช่วงไหนเหรอครับ

 

รุ่น 3 คือรุ่นที่หลวงพ่อไม่ทันทำพิธีครับ หลวงพี่อนันต์ทำพิธี แต่หลวงพ่อสั่งทำ มาส่งตั้งแต่หลวงพ่อยังไม่สิ้น