ขอถามครับ? ขอวิธีฝึกกังฟู

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย wuttichai0329, 2 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ท่านนักพรตเหมาท่าทางจะเก่งพอตัวนะครับ ดูท่า
     
  2. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ทุกท่านผมว่าเก่งทุกท่านเลย ส่วนผมบ๋อแบ๋ ผมคงฝึกอีกมาก เลยทีเดียว
     
  3. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ทุกท่านรู้จักวิชา ดรรชนีกระบี่หกชีพจร และ ฝ่ามือสยบมังกรไหม ผมรู้จักแต่ชื่อวิชา แต่ส่วนตัวบ๋อแบ๋ ครับ ไม่รู้ อยากถามอาจารย์ทุกท่านรู้จักไหมครับ
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ดีนะฝึกซิครับ กระบี่ 6ชีพจร
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อยากฝึกรึเปล่าหละ ถ้าอยากฝึก ก็ต้องทำตามธรรมเนียม

    ปรับธาตุขันธ์ให้แข็งแรง เลือดลมเดินสะดวก ชีพจรเต้น ระลึกรู้ได้โดยไม่ต้องจับ
    ทำอย่างไร ก็แน่นอนหละ ในหนังนี่เห็นเขาวิ่งหาบน้ำใช่ไหม เราก็ทำแบบนั้น แต่
    ไม่ต้องไปทำเหมือน เอาแค่หากิจกรรมกีฬาอะไรก็ได้ ไปออกกำลังให้เหงื่อมันออก
    ให้ใจจรดจ่อกับกิจกรรมกีฬา ต้องเป็นกุศลนะ พอออกกำลังไปถึงขีหนึ่ง ชีพจรจะ
    เต้นโดยที่เราไม่ต้องจับก็ระลึกรู้ได้ รู้เลยมันเต้นยกี่ครั้งต่อวินาที ตอนแรกๆนี่เห็นที่
    ขมับ ระลึกรู้ได้ที่ขมับ ระลึกที่ขมับได้บ่อยๆ ทำนายว่า ธาตุไม่ดี ไม่ควรฝึก หากธาตุ
    ดี เลือดลมดี จะต้องระลึกได้ที่ข้อแขน แต่หากระลึกได้ที่ปลายสุดนิ้วอันนี้ดีใหญ่

    ชีพจรเต้นให้รู้สึก รู้สึก รู้เฉยๆ อย่าไปจ้อง ย่าเอาจิตไปจับจ้องดูการเต้นของมัน

    เราแค่อาศัยระลึกรู้ คือ มันเต้นของมันอยู่แน่ๆ แต่เราระลึกรู้ได้แค่ไหน รู้แค่ไหน
    ก็รู้เท่านั้น อย่ารู้แล้วไปจ้องเพื่อที่จะได้รู้ให้ต่อเนื่อง จะผิด เวลาตรวจดูว่าผิด ก็
    จะเห็นมันเต้นไล่ถอยลงมา จากปลายนิ้ว มาข้อแขน มาข้อพับ มาก้านคอ ก่อนขึ้น
    ขมับ หากขึ้นขมับ ก็ต้องหยุดละ ธาตุไม่ดี ถอยหลังลงคลองไปแล้ว เพราะไป
    เพ่งมัน ไปกำหนดมัน แทนที่จะปล่อยให้มันเต้นแล้วระลึกรู้ตาม

    หากเพ่งมากๆ จากขมับนี่ไม่ปวดละ ลงมาปวดที่ใจ ที่กลางอก อันนี้เตรียมหาหมอ
    ได้เลย แต่หาหมอแล้วก็ตรวจไม่เจอนะ เพราะตอนเราไปหาหมอนี่เราไม่ได้ทำ
    สมาธิ หมอเลยตรวจไม่เจอ ดังนั้น ไม่ต้องหาหมอก็ได้ หากเราเลิกปฏิบัติแล้ว
    อาการปวดหัวใจหายไป ก็แปลว่า เราไปกำนหดการเต้นหัวใจเสียแล้ว เพราะ
    ต้องการรู้ให้ชัด มันก็ขัดจายยยย เคืองอารมณ์ เอ่อ....แต่ก็ต้องดูดีๆนะ หา
    หมอกันเหนียวไว้ก็ดี

    กลับมาที่การปฏิบัติ พอระลึกรู้ที่ปลายนิ้วได้ ก็ระลึกรู้เท่าที่รู้ ยามที่ไม่รู้ลอง
    ระลึกดูเป็นเพราะอะไร เพราะจิตฝุ้งซ่านใช่ไหม(จมโลก) ตอนที่ระลึกรู้ได้
    เพราะอะไร(เพราะจิตสงบ ตั้งมั่นใช่ไหม) ก็ระลึกรู้สภาวะธรรมของจิตที่เป็น
    เหตุให้ระลึกการเต้นหัวใจได้ไปด้วย ทำบ่อยๆ ทำเนืองๆ จิตไหลไปจมโลก
    กิเลสลากไปจมโลกระลึกรู้ แต่ไม่ต้องดึงกลับ หากระลึกรู้ได้ถูก มันจะกลับของ
    มันเอง หากไปดึงกลับ ก็จะมีอาการกำหนดการเต้นของชีพจร ไปแทรกแซงมัน
    ก็จะมาแน่นหน้าอกปรากฏให้เห็น

    พอจิตไม่จมโลก ก็ไประลึกณุ้การเต้นของชีพจรที่ปลายนิ้ว รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง รู้เท่าที่
    รู้ ไม่เผลอกำหนด เพ่ง จ้อง ประคอง ก็จะเห็นว่า จิตมั่นนิ่งๆว่างๆ ตั้งมั่นระลึกรู้ ก็
    ดูสภาวะที่จิตตั้งมั่น เห็นแล้วก็เหมือนเดิม อย่าไปเพ่ง จ้อง ประครอง รักษาให้
    จิตมันตั้งมั่น เราเพียงอาศัยระลึกรู้ ดูจิตว่างปรากฏ ไปอย่างนั้น หากไปประ
    คองเพ่ง จ้อง รักษา ก็เหมือนเดิม มันจะมาแน่นหน้าอก ก็ให้รู้ว่าทำผิดไปแล้ว

    ทำแบบนี้เนืองๆ ก็จะเกิด สติ จิตมันจดจำสภาวะได้ ชีพจรเต้นปุ๊ปรู้สึก พอระลึก
    รู้ชีพจรเต้นก็รู้ว่า จิตตั้งมั่น จิตตั้งมั่นก็รู้สึก พอจิตตั้งมั่นหายไป จมโลก โดนกิเลส
    ลากไปก็รู้สึก หลงไปแล้ว จิตมีโมหะแล้ว ทำแบบนี้เนืองๆ ก็จะได้กำลังในการ
    รู้ชีพจรละเอียดขึ้น ก็จะเห็นความละเอียดของชีพจรครบ 6 จุด รู้ลงในกาย ในใจ
    ตน เป็นอนิจจาลักษณะ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ รู้ลงปัจจุบัน ก็จะเกิดความรู้ที่บริสุทธิ
    แจ้งแก่ใจได้ ไม่มากก็น้อย
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
  7. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ดาวน์โหลดเกมส์กังฟู เป็นเกมส์ง่าย ๆ ครับ ฝึกปรือ แล้วก็ประลอง เรียนวิชา ไปเรื่อยๆ เมื่อจะไปเรียนวิชา จะต้องตอบคำถามจากผู้
    เป็นอาจารย์ให้ถูกก่อนถึงจะเรียนวิชานั้นได้ครับ
    http://www.thaiware.com/main/download.php?id=1049&mirror=2 ดับเบิ้ลคลิกที่คำว่า click here ก็ดาวน์โหลดได้ครับ
    เอาไปเล่นกัน
    ท่องยุทธจักรไปทั่วทุกสารทิศ...
    ร่ำเรียนวิชาฝีมือจากอาจารย์เลิศล้ำ...
    ประลองยุทธ์กับยอดนักสู้ทั่วหล้า...
    ค้นคว้าฝึกฝนยอดวิชาในปฐพี...
    พิชิตไพรีสยบผู้กล้าทั่วแดนดิน... "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2009
  8. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ขอบคุณมากครับ ดีครับ
     
  9. บุคคลไปทั่ว

    บุคคลไปทั่ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +106
    " วิชาเนตรมังกรสลายไตรภพลิปพัทธ์ " ของท่านอ๋องนิวรณ์ ช่างล้ำลึกยิ่งนัก เลื่อมใส เลื่อมใส
     
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
  11. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    อยากเรียนวิชากับท่าน นักพรตเหมาจังครับ อยากให้ท่านสอนครับ ไม่รู้ว่าท่านจะสอนหรือไม่รู้
    เออครับ อยากถามว่า ฝึกปรือ คืออะไร ทำไมพลังลมปราณจึงจะสูงส่งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2009
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ระหว่างรอนักพรตเหมามาตอบนะ ผมขอต่อแบบของผม วันนี้จะมาฝึก ท่าม้า กัน

    ก็ต่อจากคราวที่แล้ว หลังจากไปวิ่งขึ้นลงเขาหาบน้ำ หรือ เล่นกีฬา มาแล้ว จนกระ
    ทั่งพบว่าเลือดลมตัวเองเดินดี ไม่ใช่วิ่งไปก็ปวดขมับเกิดความดัน เพราะคอเลสเตอ
    รอลจับพนักเส้นเลือดจนเลือดเดินไม่สะดวก ก็ต้องออกกำลังหายเผาผลาญคอเลส
    เตอรอลออกจากระบบเส้นเลือดเสียก่อน โดยต้องหมั่นระลึกตรวจด้วยตัวเองว่า มี
    สภาวะชีพจรเต้นจนรู้สึกได้ตามข้อพับ แขนขา ปลายนิ้ว ขมับ หัวใจ ม้าม จี้ หรือเปล่า
    หากมีอยู่ แล้วมันดันๆ แน่นๆ ให้รู้สึก หมั่นรู้สึก แรกๆหากมันตันก็รู้สึกได้แรง แต่พอ
    คอเลสเตอรอลสลายไปแล้ว จะค่อยๆรู้แบบเบาๆ ตอนที่รู้แบบเบาๆนี้หากไม่เคยทำ
    ความรูสึกระลึกรู้ ฝึกสติระลึกรู้ที่จุดนั้นๆมาก่อน ก็จะนึกไม่ออกในอาการ อาการปรากฏ
    หรือไม่ปรากฏก็ดูไม่เป็น พอดูความดันไม่เป็น ก็ลืมไปได้เลยว่าจะไปดูลมปราณเป็น

    เพราะลมปราณนั้นละอียดบางเบากว่านี้มาก หากระลึกรู้ ดูเลือดลมยังไม่เป็น ก็หมด
    สิทธิทำสมาธิเพื่อดูลมปราณ พอดูลมปราณไม่ได้เวลาฝึกไปก็ไม่มีทางรู้ว่าลมปราณ
    นั้นดีขึ้น หรือ แย่ลง

    ดังนั้น จึงต้องใช้ท่าม้า เข้ามาช่วย ในการกลับย้อนไปหมั่นระลึกรู้ ถึงการเต้นของชีพ
    จรที่เกิดจากลมเลือด(เป็นกรรมฐานกองลมชนิดหนึ่ง มีกระแสพุ่งออกจากอกไปตาม
    ระยางค์) ฝึกรู้ ดูบ่อยๆ จนเกิด สติ แยกแยะจะแนกความรู้สึกแต่ละชนิด แต่ละจุดได้
    บางเบาก็รู้ หนักก็รู้ อุดตันก็รู้ พุ่งพล่านก็รู้ ดูไปเนืองๆ สติจะค่อยๆไวขึ้น จดจำสภาวะ
    ธรรมได้มากขึ้น พอเห็นสภาวะธรรมแล้วก็ให้ระลึกรู้เห็นถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์
    บังคับบัญชาไม่ได้ หากตรงนั้นปวดดันแล้วนึกอยากให้หายก็ทำไม่ได้ หากรู้ดูอยู่
    ห่างๆ ตรงที่ปวดก็จะแยกจาก จิตที่ตั้งมั่นเป็นผู้ดู เมื่ออาการเวทนากายแยกออกจาก
    จิตผู้ดูก็จะเห็นว่า มีจิตยินดี ยินร้ายมาเกี่ยวข้องในการทำให้ จิตผู้ดูไม่ตั้งมั่น ไม่อึด
    ไม่อด ไม่ทน

    หากตรงไหนปวดดันแล้วมียินดี ยินร้าย จิตผู้รู้จะหายไป กลายเป็นจิตของคนที่ดิ้น
    รนทุรนทุรายใจเสาะ เหลาะแหละ ร้องไห้ หมดความเข้มแข็ง หมดตบะ หมดขันติ
    หมดทมะความข่มใจ

    พอเห็นว่า จิตยินดี ยินร้าย คือสาเหตุของความล้มเหลว ก็จะมีสติจำแนก ความ
    ยินดียินร้าย เวทนาใจ ออกจาก เวทนากาย เกิดการเห็น เวทนาในเวทนา ตรง
    นี้จะมาถึงทางแยกในการฝึกหมัดเหล็กคิ้วเชอยิ่ม หมัดอรหันต์ หมัดเมา การเคลื่อน
    ไหวของหมัดที่แยกเวทนากาย เวทนาใจออกไปแล้ว จะเห็นเหมือนหมัดมันเป็น
    เพียงธาตุ ไม่ใช่เราอีกต่อไป ตรงนี้ตะไว้แค่นี้ก่อน

    จะเห็นว่า สติ สำคัญมาก ผ่านมาสองบทแล้ว ก็ยังเป็นเรื่องของการเจริญ สติ เพื่อ
    แยกสภาวะธรรม แยกขันธ์ แยกกาย แยกใจ แยกเวทนา แยกจิต แยกธรรม หาก
    เจริญสติไม่เพียงพอแล้ว จะเห็นว่า ไม่มีใจ หรือ ใจไม่มี หรือ ใจเสาะ เหลาะแหละ
    ร้องไห้ อยากสำเร็จแต่ไม่ฟันฝ่า คิดแต่จะทำแล้วก็เอาผล ฝึกกองลมก็เพื่อสนองกิเลส
    ความอยากมี อยากเป็น แบบนี้ หลวงตาบัวกล่าวว่า ภาวนาแบบกิเลสหนังไม่ถลอก
    หมายความว่า พวกฝึกปรือเป็นอย่างมากแต่ทำไปเพื่อเพิ่มพูลกิเลสอัตตา

    เอาแค่นี้ก่อน ไปฝึกฝน ออกกำลังกาย ให้มากๆ เพื่อระลึกรู้ ดูเลือดลม

    หากธาตุขันธ์มันดีแล้ว เริ่มมองไม่ออกในแรงดัน ก็ต้องวิ่งๆ แล้ว มายืนยองๆ
    ในท่าม้า จะเห็นเลยว่า จะกลับมาระลึกดูเลือดลมได้ ที่ต้องทำท่าม้าเพราะ
    เป็นท่าที่ผ่อนลมหายใจเพื่อคลายความเหนื่อยได้ หน้าก็ตั้งไม่ก้ม หากก้ม
    หน้าหน้าจะมืด แต่ถ้าหน้ามืดขึ้นมาก็ยืนขึ้นยกแขนสุดหัวแล้วสูดลมหายใจ
    แล้วปล่อยออกจนมีเสียงในลำคอ ก็จะค่อยๆหายหน้ามืด

    จบจากท่าม้าได้ ก็จะขึ้นเรื่องลมปราณและ
     
  13. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ขอบคุณครับ
     
  14. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    พึ่ง เข้ามา อ่าน สนุกมากๆ ครับ
    ผมก็ ชอบ มังกรหยก เหมือนกัน เคยคิดเล่น ๆ ว่าวิชา ในมังกรหยกจะมีจริง ๆ หรือเปล่าแสดงว่า มีคนฝึกกัน จริง ๆ และสำเร็จ จริง ๆ ใช่ไหมครับ
     
  15. ApAchE`

    ApAchE` สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +7
    เพิ่งเข้ามาครับ มาเล่นทิ้งไว้ว่า ไม่รู้ทำไม ผมจิตเมา กายไม่เมาไม่รู้ หึหึ พอคิดว่าเราเมา เราเมา เดินไม่เป็นคนเลย เหมือนเนียน แต่ไม่ได้เนียนครับ
    เหมือนเคยเห็นในdiscoveryเค้าถ่ายหมัดเมาเสียวลิ้มยี่นะครับ พระฝึกได้ใช้จิตคิดซะว่าน้ำในใหคือเหล้า อันนี้ผมไม่รู้นะ ว่าใช้ได้จริงรึเปล่านะครับ ต้องลองดูๆ
     
  16. BlueBlur

    BlueBlur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,664
    ค่าพลัง:
    +1,568
    ชอบหนังกำลังภายในเหมือนกันครับ เข้ามาอ่านสนุกดีครับ
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]

    นิวรณ์*, wuttichai0329
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นักพรหตเหมาหายไปไหนละนี่ ก็ขอผมต่ออีกหน่อยละกัน วันนี้ น่าจะมาถึงลมปราณได้

    หากเจ้าของกระทู้ ได้ฝึกตามขั้นตอนพื้นฐานอย่างเคร่งครัด ไม่ดูถูกว่าเป็นกิจกรรมไร้สาระ

    ธาตุขันธ์ ก็ถูกปรับให้ควรแก่การงาน ......1

    จิต สติ สัมปชัญญา ก็จะถูกปรับให้รู้จักการฝึกฝน อบรมจิต ให้เกิดสติ สัมปชัญญา .....1

    เมื่อปรับธาตุขันธ์ และ จิต สติ สัมปชัญญะ ....ก็จะเป็นผู้ควรแก่การงานในการศึกษา
    รู้ลงมาในกายในใจตนเป็นหลัก ไม่ส่งจิตออกนอก เพราะลมปราณนั้นอยู่ภายในกาย
    หนาคืบ กว้างศอกนี้แหละ ไม่ได้อยู่ที่ไหน เราศึกษาโลก ก็ศึกษาลงมาที่ธาตุโลกที่
    มันประชุมเป็นกายเรา เมื่อเข้าใจกายตน ใจตน จิตตน ก็จะเข้าถึงธรรมชาติ

    กอง ลม นั้นมี สาม ส่วน

    ส่วนแรก คือ เลือดลม ให้ไปวิ่ง ให้ทำท่าม้า ก็เพื่อดู เลือดลม ให้เป็น แยกได้
    จำแนกได้ว่า ขณะนี้ จิตไปรู้เลือดลม

    ตอนมาปรับท่าม้า ท่าที่สอง บทเรียนที่สอง หากไม่ดูถูกดูแคลน นอกจากเลือดลม
    จะรู้ละเอียดขึ้นแล้ว ก็จะเริ่มมารู้กองลมที่เป็นลมหายใจ หากทำอย่างถึงที่สุด จะ
    เห็นว่า ลมหายใจนั้นไม่ได้เข้าออกแต่ทางรูจมูก แต่ไม่ว่าจะผิวหนังส่วนไหน ก็มอง
    เห็นว่ามีลมไหลผ่านทั้งสิ้น ลมนั้นอาศัยอะไรออกไป อาศัยธาตุน้ำออกไปก็มี อาศัย
    ธาตุไฟออกไปก็มี อาศัยธาตุดินหลุดลอกออกไปก็มี

    วิ่งๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วก็มาฝึก ท่าม้า

    ฝึกบ่อยๆ ดูเนืองๆ ระลึกในอาการรูปของเลือดลม ลมหายใจ ก็จะรู้ถ้วนใน
    ลมเลือด ลมหายใจ เท่ากับ รู้กองลมสองกอง เมื่อรู้กองลมสองกองได้
    อย่างละเอียดแล้ว ก็จะเหลือ ลมสุดท้าย ที่ไม่เนื่องกับ เลือดลม และ ลม
    หายใจ เป็นกองลมที่ไม่กิ๊กๆ ก๊อกๆ แบบพลังจักรวาล ที่ออกมาจากก้นตีขึ้น
    ไป แต่มาจากปลายเท้าตีขึ้นมา หากจำแนกเลือดลมไม่ได้ หากจำแนก
    ลมหายใจไม่ได้ ก็ไม่ทางรู้ว่า อาการรูปของลมปราณเป็นอย่างไร

    ทำเหตุใดจึงเห็น ทำเหตุใดลมปราณจึงไหล เห็นลมปราณไหลแล้วมีประโยชน์
    อะไร มีสติไวพอจะแยก จำแนกธรรมไหม

    ก็จะเห็นว่า ล้วนสรุปลงมาที่ สติ การฝึกสติ การเจริญสติ หรือ ที่เรียกว่าสั้นๆว่า ภาวนา

    โดยมีขั้นการทำความสงบ พร้อมทั้งการตามรู้ตามดู

    หากทำความสงบอย่างเดียว ไม่มีการตามรู้ ตามดู หรือ วิปัสสนา ก็จะได้แต่สมถะสมาธิ
    แต่ไม่ได้ปัญญาจะแนกธรรม

    หากเราฝึก สติ ตามรู้ ตามดู อาการรูปใดๆ ก็ได้ เนืองๆ จนจิตมันจดจำอาการที่บรรยาย
    ออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ รุ้แต่ว่ารู้ แต่ไม่รู้ว่าต้องเรียกว่าอะไร หากดูไปเรื่อยๆ โดยจำกับ
    ขอบเขตเรื่องที่รู้ให้อยู่ในฐานของกรรมฐานที่ให้ความสงบแก่เรา วันหนึ่งเราก็รู้ถ้วนใน
    ชนิดกรรมฐานนั้นๆ

    หากมาทางสายพลังกาย ก็จะจำแนกแยกความเจ็บปวด เวทนากาย เวทนาใจ ออกไป
    จากจิต จากความเป็นเรา เราก็มีใจที่ตั้งมั่น ไม่ร้องโอดโอยง่าย เลือดไหลออกไม่ตื่น
    เต้นตกใจ ลมหายใจหยุดเข้าทางจมูกไม่ตื่นเต้นตกใจ เพราะหากลมปราณยังเคลื่อน
    ไหว ก็เท่ากับยังมีธาตุเคลื่อนไหว กายสังขารยังดำเนิน ตราบเมื่อลมปราณสิ้น ก็สิ้นลม
    หายใจ และเลือดลม

    พอเรียนรู้ลมปราณได้แล้ว จำแนกได้แล้ว มีตาธรรมเห็นแล้ว ก็ขึ้นกับ วาสนา บารมี

    โดยเฉพาะ สติ สัมปชัญญะที่เคยเจริญเก็บมาร่วม 200000 อสงไขย ว่าจะส่งผล
    ไปทางใด หากส่งผลไปทางสัมมาทิฏฐิ ก็ถึงเวลาที่จะเข้าสู่บรมสุข แต่ถ้าส่งผล
    ไปทางอื่น ก็ปิ้งปลาในฝ่ามือกินกันไป........

    จบครับ ไม่สอนเพิ่มละ เพราะถ้าฝึกตามนี้ จนมาเห็นลมปราณแล้ว ต่อธรรมด้วยตัว
    เองไม่ได้ ก็ตัวใครตัวมันละ กรรมใครกรรมมัน[​IMG][​IMG][​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2009
  19. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ท่าน นิวรณ์ ก็มีความรู้เยอะเหมือนกันนี่ครับ อย่างนี้มีอะไรดีกรุณาให้เป็นวิทยาทานจะขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ
     
  20. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้น้อยู่ 1 คน( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน)
    wuttichai0329
     

แชร์หน้านี้

Loading...