พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ใช้สินค้าไทย ช่วยเศรษฐกิจไทย

    คอลัมน์ สดจากจิตวิทยา
    http://www.matichon.co.th/khaosod/vi...MHdNeTB4TVE9PQ==


    ปัจจุบันทั่วโลกล้วนประสบป?ญหาเศรษฐกิจกันแทบทุกรประเทศ และแน่นอนย่อมส่งผลกระทบถึงบ้านเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ดังนั้นการปรับตัวให้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราไม่ควรมองข้ามเพื่อให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขตามกำลังของเรา การปรับตัวที่เราสามารถทำได้คือ

    - ดำรงชีวิตอย่างพอเพียง ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ควรมีการจัดทำบัญชีการใช้จ่ายของตัวเราและครอบครัวเพื่อดูว่าสิ่งใดคือสิ่งไม่จำเป็นเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือย และพยายามลดค่าใช้จ่ายตรงจุดนั้นเพื่อช่วยในการประหยัด

    - หันมาสนับสนุนสินค้าไทย กินของไทยใช้ของไทย การใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศมีราคาถูกกว่าสินค้านำเข้าซึ่งจะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระดับหนึ่ง และยังช่วยให้เงินทองไหลเวียนในประเทศ เพราะเศรษฐกิจเช่นนี้ธุรกิจส่งออกย่อมได้รับผลกระทบมียอดจำหน่ายที่ลดลง เราจึงควรหันมาสนับสนุนสินค้าไทยเพื่อช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน

    สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้จึงช่วยให้เราลดความกังวลและความเครียดจากปัญหาเงินทองลงไดในระดับหนึ่ง จึงสามารถใช้ชีวิตอย่างพอเพียงและมีความสุข
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รวมผลงานภูมิปัญญาไทยเพื่อเศรษฐกิจไทย
    http://www.komchadluek.net/detail/20090311/4644/รวมผลงานภูมิปัญญาไทยเพื่อเศรษฐกิจไทย.html

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    <SCRIPT type=text/javascript>var id='4644';function count(){$.ajax({ type: "POST", url: "http://www.komchadluek.net/counter_news.php", data: "newsid="+id });} featuredcontentslider.init({ id: "slider1", contentsource: ["inline", ""], toc: "markup", nextprev: ["Previous", "Next"], revealtype: "click", enablefade: [true, 0.1], autorotate: [true, 8000], onChange: function(previndex, curindex){ }})</SCRIPT>คมชัดลึก :จากสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ในปัจจุบัน รัฐบาลและประชาชนทุกคนต่างช่วยกันหาทางออกสำหรับการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของชาติ

    ด้วยเหตุนี้รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญของสินค้าโอท็อปที่เป็นสินค้าผลิตจากภูมิปัญญาของชาวไทย จึงเตรียมจัดงาน โอท็อป เฟสติวัล อิน เดอะ ซิตี้ 2009 ปรากฏการณ์ภูมิปัญญาไทยใจกลางเมืองขึ้น โดยจะนำสินค้าโอท็อปกว่า 3,200 ร้านค้า มาจัดแสดงที่สนามศุภชลาศัย อุทยานเบญจสิริ และศูนย์การค้าชั้นนำใจกลางเมือง 8 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การค้ามาบุญครอง สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ สยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ อมรินทร์พลาซ่า และห้างสรรพสินค้าดิ เอ็มโพเรี่ยม
    ชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย หนึ่งในพ่องานใหญ่ พูดถึงจุดประสงค์การจัดงานครั้งนี้ว่า เนื่องจากรัฐบาลได้สนับสนุนการสร้างอาชีพสร้างงานให้แก่พี่น้องประชาชนซึ่งทำให้มีรายได้มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญของสินค้าโอท็อป จึงคิดโครงการจัดงานใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครขึ้น
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    'มะขามป้อม' ...วิตามินซีและแทนนินสูง
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=192932&NewsType=1&Template=1

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ม.เกษตรฯกำลังวิจัยให้ได้ประโยชน์สูงสุด
    เมื่อคราวที่ไปเที่ยวชมงาน “เพื่อไทย พ้นภัย พึ่งใจ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) และสวนอัมพร เกษตรแฟร์” ณ พระตำหนักวังสวนกุหลาบ ในส่วนของนิทรรศการมีข้อมูลที่น่าสนใจมากมายและได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับมะขามป้อม ที่ บูธของ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบเกษตรนิเวศ ม.เกษตรศาสตร์ ขอนำมาเผยแพร่ ดังนี้...

    มะขามป้อม เป็นพืชท้องถิ่นที่มีการกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนตอนใต้ มันเป็นพืชที่เจริญเติบโตช้ามาก จะออกดอกครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 8 ปี นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่ค่อยพบต้นมะขามป้อมที่โตเต็มที่ตามธรรมชาติ เพราะเติบโตช้า ก่อนจะโตเต็มที่ก็โดนเขาตัดไปเสียก่อน

    ในประเทศไทย ผลผลิตมะขามป้อมที่บริโภคกันอยู่ก็เก็บมาจากธรรมชาติ ทำให้ไม่สามารถ ควบคุมปริมาณหรือคาดเดาปริมาณผลผลิตในแต่ละปีได้ และการเก็บปะปนกันมาจากหลายต้นหลายแหล่งทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพ ไม่ทราบ ปริมาณสารสำคัญในผลซึ่งเป็นตัวกำหนดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะการนำไปผลิตเป็นอาหารเพื่อสุขภาพหรือผลิตภัณฑ์ยา

    มะขามป้อมเป็นผลไม้ตามธรรมชาติที่มีการใช้ประโยชน์ด้านการเป็นอาหารเพื่อสุขภาพและเป็นยาสมุนไพรในประเทศไทยมาช้านานแล้ว ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกามีการจดสิทธิบัตรการใช้มะขามป้อมเป็นส่วนประกอบในยาบางตัวไปบ้างแล้ว

    ตัวอย่างสรรพคุณทางยาสมุนไพรไทยของมะขามป้อม

    ผล แก้ไอ ละลายเสมหะ กระตุ้นน้ำลาย แก้เจ็บคอ คอแห้ง คอตีบ ใบ แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน แผลมีหนองเรื้อรัง บิดจากแบคทีเรีย เปลือก รักษาบาดแผล แผลฟกช้ำ บิด ราก แก้ร้อนใน ท้องเสีย ลดความดัน รักษาโรคเรื้อน ปมที่ก้าน แก้ปวดกระเพาะอาหาร ปวดท้องน้อย ปวดเมื่อยในกระดูก ปวดฟัน ไอ ไส้เลื่อน

    ปัจจุบันมะขามป้อมกำลังเป็นที่จับตามองในแง่อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางและยาสมุนไพร มีการผลิตเป็นผลิต ภัณฑ์แปรรูปมากมาย เช่น น้ำมะขามป้อม มะขามป้อมแช่อิ่ม มะขามป้อมดอง มะขามป้อมผง ฯลฯ เครื่องสำอางบำรุงผิว ย้อมผม เป็นยาสมุนไพรแก้ไอ แก้เจ็บคอ เป็นต้น

    คุณสมบัติที่สำคัญในผลมะขามป้อมคือ มีวิตามินซีและแทนนินสูง แต่ปริมาณวิตามินซีในแต่ละต้นจะแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามวิตามินซีจากมะขามป้อมมีประสิทธิภาพสูงกว่า วิตามินซีสังเคราะห์ประมาณ 12 เท่า วิตามินซีสามารถทำหน้าที่จับอนุมูลอิสระในเซลล์ที่เป็นของเหลว ป้องกันเซลล์จากการถูกอนุมูลอิสระทำลาย อนุมูลอิสระเกิดมาจากภายนอกและภายในร่างกาย ได้แก่ มลพิษในอากาศ ควันบุหรี่ แสงแดด รังสีแกมมา คลื่นความร้อน ส่วนที่มาจากภายในร่างกายก็เกิดจากกระบวนการเผาผลาญของออกซิเจนภายในเซลล์หรือเกิดจากการย่อยทำลายเชื้อแบคทีเรียของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย อนุมูลอิสระทำปฏิกิริยาโยงใยภายในร่างกายได้มากมาย ก่อให้เกิดการอักเสบ การทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกใน ผู้สูงอายุ เนื้องอก มะเร็ง โรคหัวใจ และหลอดเลือด

    สำหรับแทนนินมีอยู่ทุกส่วนของลำต้นมะขามป้อม แทนนินในมะขามป้อมเป็นสาระสำคัญเป็นยารักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคในระบบหายใจ ระบบทางเดินอาหาร แผลในลำไส้ ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

    การมีวิตามินซีและแทนนินมากทำให้ผลมะขามป้อมมีคุณสมบัติทางยามากมาย ซึ่งคงต้องมีการศึกษาวิจัยอีกมาก สอดคล้องกับบทสรุปในการระดมความคิดเห็นของนักวิจัยและองค์กรด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรที่ให้มุ่งเน้นกระบวนการเกษตรอินทรีย์เป็นหลักและหาแนวทางวิจัยเกี่ยวกับการเพิ่มสารอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีต่าง ๆ จากผลผลิตเกษตร

    สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบเกษตรนิเวศ ม.เกษตรศาสตร์ ได้ทำโครงการวิจัยเพื่อสำรวจและคัดเลือกสายพันธุ์มะขามป้อมจากแหล่งธรรมชาติต่าง ๆ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีคุณภาพดี มีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์สูงและมีคำแนะนำในการปลูกเลี้ยงที่ดี ขณะเดียวกันก็วิจัยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ด้านอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างทางเลือกทางการตลาดให้มากขึ้น เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมมะขามป้อมครบวงจร แม้กระทั่งการผลิตยารักษาโรคโดยใช้สารสกัดจากมะขามป้อมก็จะมีประสิทธิ ภาพมากขึ้นจากการทราบชนิดและปริมาณสาระสำคัญในผลมะขามป้อม ที่นำมาเป็นวัตถุดิบ

    ปัจจุบัน ม.เกษตรศาสตร์ ได้ทำแปลงรวบรวมพันธุ์มะขามป้อมไว้ที่สถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร บ้านบางเบิด อ.บางสะพานน้อย จ.ประ จวบคีรีขันธ์ เพื่อศึกษาในโครงการ การศึกษาและคัดเลือกพันธุ์และการผลิตมะขามป้อม เพื่ออุตสาหกรรม….สำหรับความคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป.
    จีร์ ศรชัย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผีเปิดบ้านตีงู 2-0 ทะลุ 8 ทีม ปืนดวลเป้าชนะหมาป่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 มีนาคม 2552 04:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านไล่ตี “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกลูกหนัง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ขณะที่ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ดวลเป้าเอาชนะ “หมาป่าเหลืองแดง” โรมา 7-6 หลังสองนัดสกอร์เสมอกัน 1-1

    ศึกฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 2-0 อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)
    (รวมผลสองนัด แมนฯ ยูไนเต็ด เข้ารอบด้วยประตูรวม 2-0)


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"วิดิช" กางปีกฉลองประตูออกนำเร็ว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นำทัพ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเปิดบ้านรับมือ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน หลังนัดแรกบุกยัน 0-0 เกมนี้เจ้าถิ่นมากันเต็มสูบได้ จอห์น โอเชีย และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ฟิตค้ำหลัง แนวรุกจัด คริสเตียโน โรนัลโด, เวย์น รูนีย์ กับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ลุ้นสกอร์ ด้าน โฮเซ มูรินโญ มีปัญหาในการจัดทีมเยือนโดยเฉพาะแนวรับ แต่ยังดีที่ได้ วอลเตอร์ ซามูเอล ฟิตกลับมาช่วยทัน แดนหน้าใส่ มาริโอ บาโลเตลลี ช่วยทำเกมกับ เดยัน สแตนโควิช เพื่อเคลื่อนบอลให้ ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช หน้าตัวเป้า

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ซลาตัน" พยายามสลัด "ริโอ"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเดินเกมรุกใส่ทันที นาทีที่ 4 กดดัน อินเตอร์ มิลาน จนได้ลูกเตะมุมและ ไรอัน กิกส์ ก็เปิดไปให้ เนมันยา วิดิช สลัดหนี ปาทริค วิเอรา ตัวประกบก่อนโหม่งเหน่งๆ ส่งบอลซุกก้นตาข่ายเจ้าถิ่นนำ 1-0 พอโดนเจาะเร็ว “งูใหญ่” ต้องปรับหมากเดินหน้าขึ้นไปบ้าง แต่ 15 นาทีแรก “ผีแดง” เป็นฝ่ายครองเกมได้ดีกว่า คริสเตียโน โรนัลโด หลุดขึ้นมาทางขวาจ่ายเข้ากลาง เวย์น รูนีย์ แตะต่อให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เอี้ยวตัวยิงด้วยขวาบอลตรงตัว ฮูลิโอ เซซาร์

    สี่นาทีถัดมา โฮเซ มูรินโญ ทำหน้าหมุ่ยเมื่อเห็น ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช โดน จอห์น โอเชีย กระแทกล้มบริเวณเส้นกรอบโทษแต่ไม่ได้ฟาล์ว จังหวะถัดมา กิกส์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้ากรอบโทษเปิดไปติดแขน วอลเตอร์ ซามูเอล แต่ผู้ตัดสินชาวเยอรมนี โวล์ฟกัง สตาร์ค ก็ไม่เป่าให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นกัน ครึ่งชั่วโมงพอดี อินเตอร์ ทำให้แฟนๆ เจ้าถิ่นเสียววูบ ดักลาส ไมคอน เปิดฟรีคิกให้ อิบราฮิมโมวิช โขกลงพื้นบอลกระเด้งชนคานออกหลังไป

    นาทีที่ 35 “งูใหญ่” เริ่มมีลุ้นมากขึ้นเป็นลำดับ อิบราฮิมโมวิช ตอกส้นให้ เดยัน สแตนโควิช หลุดขึ้นมาเห็น เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ออกมาไกลจากเส้นจึงดีดเร็วด้วยขวา อย่างไรก็ตาม นายทวารจอมเก๋าชาวดัตช์ถอยลงไปปัดปลายนิ้วหลุดกรอบหวิว จังหวะถัดมาเจ้าบ้านน่าจะทิ้งห่างได้เช่นกันเมื่อ รูนีย์ ชิ่งเร็วให้ จอห์น โอเชีย หลุดเข้ากรอบโทษแปบอลเน้นๆ ไปติดตัว เซซาร์ อย่างน่าเสียดาย ท้ายครึ่ง อินเตอร์ น่าตามเจ๊าจริงๆ บาโลเตลลี จ่ายให้ อิบราฮิมโมวิช ยิงหักข้อเร็วบอลเฉียดเสานิดเดียวเท่านั้น จบ 45 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ประคองตัวรักษาสกอร์นำ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จังหวะ "หนูโด้" โขกฝังงูใหญ่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง มูรินโญ ปรับหมากใส่ ซุลเลย์ มุนตารี ลงมาบี้แดนกลางแทน วิเอรา แต่นาทีที่ 49 กลับเป็น “ผีแดง” หนีห่างเป็น 2-0 เมื่อ รูนีย์ ตักบอลให้ โรนัลโด โฉบเข้ามาโขกบอลผ่านมือ เซซาร์ ตุงตาข่าย พอโดนไปอีกแผลนักเตะ “งูใหญ่” เดินหน้าบุกหวังทวงประตูไล่มาให้เร็วที่สุด เอสเตบัน กัมบิอาสโซ ตะบันจากนอกกรอบแต่ไม่ผ่านมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ หนึ่งชั่วโมง อินเตอร์ ทิ้งไพ่ใบสำคัญส่ง อาเดรียโน มาช่วยล่าตาข่ายและก็ถอด สแตนโควิช ที่เป็นมิดฟิลด์ออกมา

    ซึ่ง อาเดรียโน เกือบแผลงฤทธิ์ทันควันเอี้ยวตัวยิงด้วยซ้ายจากลูกผ่านของ กัมบิอาสโซ บอลพุ่งผ่านมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ แต่กระแทกเสาในกระดอนออกมาอีก จังหวะถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบหนีห่าง รูนีย์ ตะบันไกลจากนอกกรอบ เซซาร์ ปัดกระฉอกให้ กิกส์ แปะต่อ เบอร์บาตอฟ ได้ซ้ำจ่อๆ แต่นายทวารบราซิเลียนแก้ตัวบล็อกได้ทัน เข้าสู่ช่วง 20 นาทีท้าย อินเตอร์ เติมเกมรุกอีกใส่ หลุยส์ ฟิโก ลงมาปั้นเกมแทน บาโลเตลลี ขณะที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับทัพให้เจ้าถิ่นส่ง อันแดร์สัน มาช่วยไล่บอลแทน พอล สโคลส์

    เวลางวดเข้ามาทุกขณะ อินเตอร์ ดูจะเร่งจนเสียกันไปเอง อิบราฮิมโมวิช ใจร้อนตัดสินใจเลี้ยงตัดเข้ามายิงเองแต่ก็ไม่ตรงกรอบ ด้าน แมนฯ ยูไนเต็ด ขึงเกมรับให้เหนียวแน่นรอจังหวะสวนขึ้นไป รูนีย์ ได้ยิงไกลแต่บอลหลุดเสา ท้ายเกม เฟอร์กี ส่ง ปาร์ค จี ซอง มาไล่บอลแทน รูนีย์ ที่วิ่งจนหมดแล้ว จากนั้น โรนัลโด ได้กระหน่ำเต็มข้อร้อนถึง เซซาร์ ต้องป้องกันอีกครั้ง ครบ 90 นาที “ผีแดง” รักษาสกอร์เก็บชัยเหนือ “งูใหญ่” 2-0 ลุ้นป้องกันแชมป์หลังเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ และทาง เฟอร์กี ก็ลบอาถรรพ์เอาชนะ มูรินโญ ได้เป็นหนที่ 2 ในการเจอกันมา 14 ครั้ง

    รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    แมนฯ ยูไนเต็ด
    : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , จอห์น โอเชีย , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , คริสเตียโน โรนัลโด , ไมเคิล คาร์ริค , พอล สโคลส์ , ไรอัน กิกส์ , เวย์น รูนีย์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

    อินเตอร์ : ฮูลิโอ เซซาร์ , ดักลาส ไมคอน , อีบัน คอร์โดบา , วอลเตอร์ ซามูเอล , ดาวิเด ซานตอน , ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ , ปาทริค วิเอรา , เอสเตบัน กัมบิอาสโซ , เดยัน สแตนโควิช , มาริโอ บาโลเตลลี , ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ป้องกันสุนัขกัดเด็กเล็กในช่วงหน้าร้อน
    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9520000026710
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 มีนาคม 2552 08:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=288 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=288>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เข้าถึงฤดูร้อนกันแล้วค่ะ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่โรงเรียนส่วนใหญ่ปิดเทอม เด็ก ๆ จึงได้โอกาสสนุกสนานกับเพื่อน ๆ ในละแวกบ้านเดียวกันเสียที ยิ่งในช่วงแดดร่มลมตก บางหมู่บ้านถึงกับเต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าหนูทั้งหลายดังลั่น

    แต่อีกหนึ่งสมาชิกที่ครอบครัวทั้งหลายมักจะพามาร่วมวิ่งเล่นด้วยก็คือ "สุนัข" ซึ่งสุนัขก็มีมากมายหลายแบบ และอาจมีไม่น้อยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ เมื่อสุนัขและเด็กมาเจอกัน หลายครั้งไม่ได้จบลงอย่างสวยงาม เด็กบางคนถูกสุนัขกัดเป็นแผลเหวอหวะ ต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน

    มีงานวิจัยที่เกี่ยวโยงกับปัญหาข้างต้น โดยเป็นการวิจัยในสหรัฐอเมริการะบุว่า ช่วงฤดูร้อนนี้ก็เป็นช่วงที่เด็กมีโอกาสถูกสุนัขกัดสูงกว่าฤดูอื่น ๆ ด้วย ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าเพราะอากาศร้อนทำให้สุนัขหงุดหงิด ก้าวร้าวมากขึ้นนั่นเอง

    ทั้งนี้ คนไทยเองอาจมีความเข้าใจบางประการเกี่ยวกับสุนัขว่า ถ้าเป็นเจ้าของแล้วสุนัขจะไม่กัด แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะรายงานของสหรัฐอเมริกาชิ้นนี้ระบุว่า 27 เปอร์เซ็นต์ของรายงานการถูกสุนัขกัดเป็นสุนัขที่เลี้ยงในบ้านทั้งสิ้น และเด็กเล็กมักจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของการถูกสุนัขกัดมากกว่าผู้ใหญ่ด้วย โดย 64 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่ถูกสุนัขกัดจะมีแผลมากกว่า 1 แห่ง และขนาดของแผลโดยเฉลี่ยมีประมาณ 7.15 เซนติเมตร

    ดังนั้น แนวทางป้องกันที่ดีของผู้ปกครองจึงไม่ควรปล่อยให้เด็กเล็กอยู่ตามลำพังกับสุนัข แม้จะเป็นสุนัขเลี้ยงในบ้าน และควรป้องกันไม่ให้เกิดสภาพแวดล้อมที่จะกระตุ้นให้สุนัขใช้ความรุนแรง รวมถึงต้องสอนลูกให้รู้จักระวังตัวเมื่อเล่นกับสุนัขทั้งของตัวเองและสุนัขของคนอื่น ๆ ด้วย

    โดยสิ่งที่เจ้าของสุนัขควรทำเพิ่มเติมเพื่อเป็นการป้องกันความก้าวร้าวในสุนัขก็คือ

    - ควรพิจารณคัดเลือกสุนัขมาเลี้ยงอย่างพิถีพิถัน โดยอาจปรึกษากับสัตวแพทย์ถึงพันธุ์ของสุนัขที่เหมาะสมกับครอบครัวของคุณ เพราะสุนัขแต่ละพันธุ์ก็มีพฤติกรรม นิสัย ความชอบ ที่แตกต่างกัน หากมีเด็กในบ้านไม่ควรเลือกพันธุ์ที่ดุร้าย ก้าวร้าว

    - ฝึกสุนัข เพื่อให้แน่ใจว่าสุนัขจะสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ รวมถึงการฝึกคำสั่งง่าย ๆ เช่น "นั่งลง, มานี่, ขอมือ, ไม่" ฯลฯ หลีกเลี่ยงการฝึกที่รุนแรง หรือการเล่นที่ใช้กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยง เพราะอาจกระตุ้นให้สุนัขดึงความก้าวร้าวออกมาโดยไม่รู้ตัว

    - รักษาสุขภาพอนามัยของสุนัขให้ดี อาบน้ำให้สะอาด รักษาเห็บหมัด พาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ และหมั่นตรวจโรคอย่างสม่ำเสมอ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> - เป็นเจ้าของที่รับผิดชอบ การรับสุนัขมาเลี้ยงต้องมีเวลาให้กับมันด้วย เพราะโอกาสที่สุนัขที่อยู่ตัวเดียว เหงา ว้าเหว่ จะมีพฤติกรรมก้าวร้าวนั้นสูงกว่าสุนัขที่เจ้าของเล่นด้วยอย่างสม่ำเสมอ และการเล่นกับสุนัข หรือมีความคุ้นเคยต่อกัน จะทำให้ผู้เป็นเจ้าของเข้าใจอุปนิสัยของสุนัข และสังเกตได้ถึงสัญญาณอันตรายที่จะกระตุ้นให้สุนัขตัวนั้นแสดงความก้าวร้าวออกมา (ซึ่งถ้าเห็นก่อนก็จะสามารถขัดขวางได้ทันท่วงทีกว่าเจ้าของที่ไม่สนิทสนมคุ้นเคยกับสุนัขตัวนั้น ๆ มาก่อน)

    - ทำหมันสุนัข แนวทางนี้อาจเป็นเรื่องโหดร้ายสำหรับหลายคน แต่ทาง AVMA (American Veterinary Medical Association) ระบุว่าสุนัขที่ทำหมันแล้วจะมีความเสี่ยงที่จะกัดคนน้อยลง

    หรืออีกหนึ่งทางเลือกคือ รอจนกว่าลูกจะโตค่อยหาสุนัขมาเลี้ยง เพราะโดยปกติแล้ว เด็กที่โตเกิน 4 - 5 ขวบ จะมีโอกาสถูกสุนัขกัดน้อยกว่าเด็กเล็ก

    นอกจากนั้น AVMA ยังระบุถึงแนวทางป้องกัน หรือวิธีหยุดการโจมตีจากสุนัขมาด้วย โดยแนะนำว่า

    1. ไม่ควรวิ่งผ่านหน้าสุนัข เพราะปกติสุนัขจะชอบวิ่งไล่กวดสิ่งต่าง ๆ เพื่อความตื่นเต้น สนุกสนาน
    2. ไม่ควรแหย่สุนัขหลับ หรือตอนที่สุนัขกำลังกินข้าว
    3. ถ้าสุนัขเดินเข้ามาดม ๆ ก็ควรอยู่นิ่ง ๆ เพราะโดยทั่วไปแล้ว ถ้ามันพิจารณาแล้วว่าคุณไม่ได้เป็นอันตรายกับมัน มันก็จะเดินจากคุณไปเอง
    4. ถ้าโดนสุนัขเห่าใส่ หรือแสดงอาการคุกคาม อย่าแสดงอาการตกใจกลัว หรือหันหลังวิ่งหนี และอย่าสบตากับมันด้วย เพราะการสบตากับสุนัขทำให้สุนัขไม่มั่นใจ และอาจแสดงอาการก้าวร้าวมากขึ้นได้ จึงควรเมิน ไม่สนใจมันเสีย
    5. ถ้าถูกสุนัขกระโดดกระแทกจนล้ม ให้ม้วนตัวเป็นลูกบอล โดยใช้แขนป้องกันบริเวณใบหน้าและลำคอ อาจพอช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการถูกสุนัขกัดได้บ้าง


    เรียบเรียงจาก HealthDay News และขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก AVMA (American Veterinary Medical Association)

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณรบช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทองบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    http://palungjit.org/showthread.php?t=21733&page=109

    <TABLE class=tborder id=post1957760 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 05:52 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #2166 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>วัดบ่อเงินบ่อทอง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1957760", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2009
    ข้อความ: 13
    <IF condition="">
    </IF>Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1957760 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->คุณโยมท่านใด จะซื้อไตรจีวรบรรพชาสามเณรบวชเรียน..ก็ซื้อมาถวายได้ในช่วงก่อนเปิดเทอม...จะได้บุญมากๆๆ เพราะจะนำไปบวชสามเณรจังหวัดต่างๆ
    [​IMG]
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -----------------------------------------------------------

    ขอเชิญร่วมทำบุญกันครับ
    โมทนาสาธุครับ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รู้ไว้ใช่ว่า!การเยียวยาเหยื่ออาชญากรรม เผื่อวันนั้นเป็นคุณ!
    http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000028188
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 มีนาคม 2552 05:37 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เหยื่ออาชญากรรมในเหตุการณ์ซานติก้าผับ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ารช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อ หรือผู้เสียหายในคดีอาชญากรรมและผู้เสียหายจากกระบวนการยุติธรรมหรือจำเลยในคดีอาญา ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมรับผิดชอบอยู่นั้น ในแต่ละปีรัฐต้องใช้เงินงบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ในการช่วยเหลือเยียวยา โดยตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในปีพ.ศ.2545 ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 31 ม.ค.2552 สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้จ่ายเงินช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ทั้งสิ้น 12,446 ราย เป็นเงิน 1,020,272,718.27 ล้านบาท

    ทั้งนี้กฎหมายช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาดังกล่าว เป็นผลพวงมาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ.2540 ที่ได้บัญญัติรับรองสิทธิในการได้รับความช่วยเหลือจากรัฐของบุคคล ซึ่งได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดอาญาของผู้อื่น โดยที่ตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและไม่มีโอกาสได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยทางอื่น รวมทั้งการรับรองสิทธิในการได้รับค่าตอบแทนในกรณีของบุคคลซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีอาญาและถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี หากปรากฏตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดในคดีนั้น และปรากฎข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่า จำเลยไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดหรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ดังนั้น เพื่อให้การรับรองสิทธิดังกล่าว เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวขึ้น เรียกว่า "พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา" ซึ่งปัจจุบันใช้กฎหมายฉบับเดียวกันคือ พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา แต่ผลจากการศึกษาของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่า ควรจะแยกการช่วยเหลือระหว่างผู้เสียหายและจำเลย เป็นพระราชบัญญัติคนละฉบับกัน

    การช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหายในประเทศไทย ใช้หลักสวัสดิการ คือ เป็นการให้การสงเคราะห์หรือช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น เช่นคดีเพลิงไหม้ซานติก้าผับ กรมคุ้มครองสิทธิฯก็ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น แค่ไม่สามารถช่วยเหลืออย่างมหาศาลได้ เพราะไม่ใช่บริษัทประกันภัย

    หลักการ“เยียวยาเบื้องต้น” หมายความว่ารัฐจะต้องให้การคุ้มครองประชาชนทั้งในชีวิตและทรัพย์สินได้ หากรัฐไม่สามารถคุ้มครองได้ รัฐก็ควรจะมีการเยียวยาช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับผู้เสียหาย ส่วนกรณีจำเลยในคดีอาญาที่เป็นผู้เสียหายจากกระบวนการยุติธรรม โดยที่เป็นผู้บริสุทธิ์และไม่ได้กระทำความผิดนั้น ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐเช่นกัน และ"การช่วยเหลือเหยื่อในคดีอาญา เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับประชาชน แต่ถ้าคดีแพ่งระหว่างเอกชนกับเอกชน หากมีการละเมิด ก็ต้องไปเรียกร้องกันเอง"

    น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช ผอ.สำนักช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายในคดีอาญาบอกกับเรา ทีมข่าวอาชญากรรม เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ว่า กฎหมายการช่วยเหลือเยียวยาของประเทศไทยก้าวหน้ามากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมาตรฐานอยู่ระดับเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ไต้หวันและเกาหลีใต้

    น.ส.ปิติกาญจน์ บอกว่า การช่วยเหลือผู้เสียหายแบ่งเป็น 2 กรณี คือ กรณีบาดเจ็บ 1.ค่ารักษาพยาบาล โดยให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท 2.ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท 3.ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ เช่นป่วยต้องไปนอนที่โรงพยาบาล วันละไม่เกิน 200 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปีและ 4. ค่าตอบแทนอื่นตามที่คณะกรรมการฯเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 30,000 บาท

    กรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย ให้จ่าย 1.ค่าตอบแทนตั้งแต่ 30,000 บาท ไม่เกิน 1 แสนบาท 2.ค่าจัดการศพไม่เกิน 20,000 บาท 3.ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู จำนวนไม่เกิน 30,000 บาท 4. ค่าเสียหายอื่นตามที่คณะกรรมการฯเห็นสมควรแต่ไม่เกิน 30,000 บาท อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงส่วนใหญ่คณะกรรมการฯ จะพิจารณาจ่ายรวมทั้งหมดไม่เกินรายละ 1 แสนบาท อย่างคดีซานติก้าผับ จ่ายรายละ 80,000 บาท จำนวนทั้งสิ้น 45 ราย

    ส่วนค่าทดแทนกรณีจำเลยถูกจำคุกในคดีอาญา ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์หรือที่เรียกว่า“แพะ”นั้น ประกอบด้วย 1.ค่ารักษาพยาบาล ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท 2.ค่าฟื้นฟูสมรรถนะร่างกายและจิตใจไม่เกิน 50,000 บาท 3.ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ไม่เกินวันละ 200 บาทนับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ 4.ค่าตอบแทนอื่นไม่เกิน 30,000 บาทและ 5.ค่าทนายความเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท

    การพิจารณาว่า ผู้เสียหายควรมายื่นรับค่าตอบแทนจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพหรือไม่ ประเด็นสำคัญที่สุด คือ ผู้เสียหาย จะต้องไม่มีส่วนร่วมกับการกระทำความผิด ซึ่งในหลักฐานการแจ้งความของพนักงานสอบสวนจะระบุว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ เช่น ไปชกต่อยกับเพื่อน ก็ถือว่าสมัครใจทะเลาะวิวาทกัน ก็ไม่ได้ ยกเว้นไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุลมุนเลย แต่ถูกอีกฝ่ายตีหัว ทำร้ายก็ถือว่าเป็นผู้เสียหาย แต่ตำรวจต้องระบุรายละเอียดว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว

    "สรุป หนึ่งต้องเป็นคดีต่อชีวิต ร่างกายและความผิดเกี่ยวกับเพศ สองไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิด สามมีค่าใช้จ่ายจากการกระทำอาชญากรรมของผู้อื่น เช่นไปโรงพยาบาลแล้ว จ่ายค่ารักษาพยาบาล 30 บาทแล้ว แต่หมอบอกว่ายังมีค่ารักษาอีก 5,000 บาท คดีข่มขืนมีเข้ามายื่นจำนวนมากพอสมควร โดยคณะกรรมการฯจะพิจารณาจากพฤติการณ์การกระทำผิดตามสำนวนการสอบสวนของตำรวจ หากไม่ชัดเจนก็จะรอคำพิพากษาของศาล เพราะคดีข่มขืนบางครั้งดูยาก จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดว่า สมัครใจหรือเป็นแฟนกันหรือไม่ ทำไมถึงไปกับคู่กรณีในยามวิกาล แต่สุดท้ายคณะกรรมการฯก็จะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่" ผอ.สำนักช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายในคดีอาญากล่าว

    ส่วนกรณีเป็นจำเลยในคดีอาญา มีเงื่อนไขว่า ศาลจะต้องได้รับการพิพากษาคดีถึงที่สุด ว่าจำเลยไม่เป็นผู้กระทำผิด ส่วนกรณีศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากยกประโยชน์แห่งข้อสงสัยให้แก่จำเลย ก็จะไม่ได้รับค่าชดเชย เพราะถือว่ายังไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องเพียงพอ

    อย่างไรก็ตามการพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนจำนวนเท่าใดนั้น สุดท้ายขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ"คณะกรรมพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียาหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา"ซึ่งมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานกรรมการฯ และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 17 คน และจะประชุมเพื่อพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนเดือนละ 1 ครั้ง แต่ละครั้งจะมีเข้ามาประมาณ 300-500 คดี ทั้งนี้ โดยมีคณะอนุกรรมการฯ กลั่นกรองเบื้องต้น จำนวน 11 คณะ ทำหน้าที่พิจารณาดูรายละเอียดของแต่ละคดี ก่อนส่งมอบให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณา

    สำหรับช่องทางที่ประชาชนสามารถมายื่นแจ้งสิทธิได้คือ 1.ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกจังหวัด 2.ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานเชิงรุกคือศูนย์คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพไปเยี่ยมหรือแจ้งสิทธิ กรณีเป็นคดีสะเทือนขวัญ อุกฉกรรจ์ อยู่ในความสนใจของประชาชน ใช้หลักฐานประกอบด้วยสำเนาทะเบียนบ้าน กรณีบาดเจ็บต้องมีหลักฐานใบแจ้งความจากสถานีตำรวจ ขณะนี้พบว่าประชาชนจากต่างจังหวัดทั่วประเทศได้ยื่นเรื่องเข้ามามากสุดประมาณ 500-600 รายต่อเดือน และมายื่นที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประมาณ 5-10 ราย

    ผอ.สำนักช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายในคดีอาญาตั้งข้อสังเกตุถึงการหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยา ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อคดีข่มขืนว่า ที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีการเยียวยาด้านจิตใจอย่างเป็นจริงเป็นจัง เนื่องจากผลกระทบทางด้านจิตใจค่อนข้างพิสูจน์ยาก ไม่มีใบเสร็จ ซึ่งผู้หญิงที่ถูกข่มขืนส่วนใหญ่จะได้รับค่าเสียหายด้านร่างกาย ประมาณ 30,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลตามความเป็นจริง ในอนาคตจึงอยากเห็นผู้หญิงที่โดนกระทำที่รุนแรงอย่างถูกข่มขืน ซึ่งสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ ได้มีกลไกหรือมาตรการต่างๆ เข้ามาเยียวยา เช่นอาจจะประสานเชื่อมโยงกับทางโรงพยาบาลหรือกระทรวงพัฒนาสังคมให้การช่วยเหลือมากขึ้น

    สุดท้าย การช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อ หรือผู้เสียหายในคดีอาชญากรรมและผู้เสียหายจากกระบวนการยุติธรรมหรือจำเลยในคดีอาญา ยังมีเหยื่อ และญาติเหยื่ออีกจำนวนมาก ที่ยังไม่ทราบเรื่องที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดการช่วยเหลือเยียวยาไว้ ในขณะเดียวกัน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อประชาสัมพันธ์ และแจ้งให้บุคคลทั่วไปได้ทราบเรื่อง เพียงแต่ว่า คุณเห็นสำคัญว่า เรื่องอย่างนี้ เป็นเรื่องไกลตัว จึงมักไม่ได้ใส่ใจมากนัก จากนี้ไป อย่าเห็นว่า เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะในอนาคต ไม่แน่เสมอว่า เหยื่อในวันนั้น...อาจเป็นคุณ!?!
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โจ๋พิสูจน์วิญญาณบ้านร้าง เจอดีขับรถหนีคว่ำดับ

    http://hilight.kapook.com/view/34731

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    โจ๋พิสูจน์วิญญาณบ้านร้างเจอดีขับรถหนีคว่ำดับ แถวหาดบางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

    โจ๋พิสูจน์วิญญาณบ้านร้างเจอดีขับรถหนีคว่ำดับ แถวหาดบางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 01.20 น. วันที่ 11 มี.ค. ร.ต.ท.อานนท์ อินทร์ฟอง พนักงานสอบสวน สภ.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์ สีแดง หมายเลขทะเบียน กร-1602 ชลบุรี เสียหลักกระแทกเกาะกลางถนน และต้นลั่นทม บนถนนสุขุมวิทเส้นทาง สัตหีบ-พัทยา หลัก กม.ที่ 158 ม.9 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ

    ห่างจากตู้ยามตำรวจบ้านอำเภอ ประมาณ 100 เมตร พบศพนางสาว ปนัดดา แซ่ลี้ หรือไผ่ อายุ 17 ปี บ้านเลขที่ 69/6 หมู่ที่ 5 ต.หนองเกตุใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นักศึกษาระดับ ปวช.1 วิทยาลัยคิงส์ตั้นบริหารธุรกิจ พัทยา สภาพคอหักในที่เกิดเหตุ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 3 ราย ทราบชื่อนายแพททริก เชินเน่นเบอเกอร์ อายุ 19 ปี คนขับรถเก๋ง ลูกครึ่งไทย-สวิสแลนด์ บ้านเลขที่ 50/17 หมู่ที่ 6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นายวิทวัส หินอ่อน หรือ อู๋ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/45 หมู่ที่ 6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และน.ส.พัชรินทร์ ศรีอินทร์ หรือ สอง อายุ 16 ปี บ้านอยู่ซอยวัดเขาน้อย ต.หนองปรือ อ.บางละมุง นักศึกษาวิทยาลัยคิงส์ตั้น ระดับ ปวช.1 เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวส่งรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มีบาดแผลฉกรรจ์ที่คอด้านซ้าย และมีอาการทางกระดูกที่ข้อมือขวา แพทย์เอ็กซเรย์ไม่พบกระดูกส่วนไหนของร่างกายแตกหัก

    สอบสวน นายแพททริก คนขับรถ ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น.ได้พาเพื่อน 3 คน ขับรถเก๋งออกจากเมืองพัทยา โดยมี นางสาวพัชรินทร์ หรือสอง นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ส่วน นายวิทวัส หินอ่อนและนางสาว ปนัดดา แซ่ลี้ นั่งอยู่เบาะหลัง มุ่งหน้ามาที่บ้านร้างชายหาดบางเสร่ อ.สัตหีบ ซึ่งมีคนล่ำลือว่าเป็นบ้านผีสิง มีรายการท้าพิสูจน์มาถ่ายหลายครั้ง ก็เจอดีกลับไปทุกครั้ง จึงพาเพื่อนบุกเข้าไปในบริเวณบ้านร้าง ปรากฏว่าเห็นผู้หญิงเดินอยู่รอบบ้าน จึงเกิดอาการกลัว ตกใจ บอกเพื่อน ๆ ว่าเห็นผู้หญิง จึงขับรถหนีออกมาอย่างรวดเร็ว พอมาถึงที่เกิดเหตุเห็นว่ามีรถขยะอยู่ซอยหน้า จึงหักหลบ แต่มีความรู้สึกว่าพวงมาลัยเหมือนถูกกระชากจนเสียหลักฟาดกับเกาะกลางถนน ต้นลั่นทม เพื่อนสาวกระเด็นตกลงมากระแทกกับถนนคอหักดังกล่าว

    นายดำ (นามสมมุติ) คนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง กล่าวว่าบ้านหลังนี้เป็นของชาวต่างชาติ มีประวัติยาวนาน เป็นบ้าน 2 ชั้น มีห้องใต้ดิน เคยใช้ในการถ่ายหนังเรื่อง ไอ้งูเห่า มีสมบัติ เมทนี เป็นพระเอก อรัญญา นามวงศ์ เป็นนางเอกในยุคนั้น ต่อมาบ้านหลังนี้ถูกปล่อยร้างไม่มีคนอยู่ วัยรุ่นจึงนิยมเข้าไปมั่วสุมยาเสพติด พาสาวเข้าไปข่มขืน และฆ่าทิ้ง เมื่อหลายปีก่อน ล่าสุดเป็นที่นิยมของพวกวัยรุ่นเข้ามาพิสูจน์ว่าวิญญาณมีจริงหรือไม่ มีรายการเรื่องวิญญาณมาถ่ายทำหลายครั้ง ชาวบ้านในละแวกนี้ไม่มีใครกล้าผ่านเข้าซอยบ้านหลังนี้ เพราะมีตนไม้ปกคลุมทึบ น่ากลัว วังเวง



    ขอขอบคุณและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ป.ป.ท.ข้องใจ แค่ 3 เดือน กบข."ขาดทุนอ่วม7.4หมื่นล. แจกโบนัสผู้บริหาร3เดือน-เลขาธิการแจงเงินต้นครบ
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1236777830&grpid=00&catid=05


    เลขาป.ป.ท.แฉ"กบข."ไตรมาสสุดท้ายปี51ขาดทุน7.4หมื่นล้าน สมาชิกกว่าล้านมียอดเงินติดลบอย่างน้อยคนละหมื่น แต่ยังแจกโบนัสผู้บริหาร3เดือน เลขาฯกองทุนบำเหน็จฯอ้างจ่ายเป็นสวัสดิการพนง.ปกติ ชี้ขาดทุนกำไร เงินต้นยังอยู่ครบ

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ถึงการตรวจสอบการบริหารกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งผลประกอบการขาดทุน ทำให้ข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.กว่า 1.1ล้านคน ได้รับความเสียหาย โดยมียอดเงินสมทบติดลบ ว่า ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการในสำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ตรวจสอบ กบข. นอกจากนั้น ยังมีข้าราชการอีกหลายหน่วยงานได้ร้องเรียนมายัง ป.ป.ท.เป็นลายลักษณ์อักษร โดยกังวลและคลางแคลงใจในการบริหารของ กบข.ที่ผลประกอบการขาดทุน จึงมอบหมายให้ชุดสืบสวนจากหน่วยป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2 หน่วยงานการข่าว และหน่วยกฎหมายของ ป.ป.ท.เข้าไปตรวจสอบการตัดสินใจและบริหารสินทรัพย์และการลงทุนของ กบข.


    "ได้รับข้อมูลการร้องเรียนว่า สินทรัพย์ของ กบข.ที่มีอยู่จนถึงกลางปี พ.ศ.2551 มีทั้งสิ้น 376,000 ล้านบาท แต่ผลจากการลงทุนเพียง 4 เดือนช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 กบข.ขาดทุนไปถึง 74,000 ล้านบาท ส่งผลให้ข้าราชการแต่ละคนมียอดเงินติดลบเฉลี่ยอย่างน้อย 10,000 บาท กบข.จึงควรออกมาให้ข้อมูล เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และให้ข้าราชการหายคลางแคลงใจ เพราะกฎหมายกำหนดให้ กบข.ต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มั่นคง มีความเสี่ยงน้อยที่สุด แต่เหตุใดปีที่ผ่านมา การลงทุนของ กบข.จึงขาดทุนส่งผลให้ยอดเงินสะสมของข้าราชการติดลบเป็นจำนวนมาก" นายธาริตกล่าว



    นายธาริตกล่าวว่า กบข.เป็นหน่วยงานของรัฐจะต้องมีความรับผิดชอบ ที่ผ่านมากรณีธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ มีผู้บริหารปล่อยสินเชื่อผิดพลาดทำให้เกิดความเสียหาย ก็ยังต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญา


    นายธาริตกล่าวว่า ป.ป.ท.จะประสานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และวิทยาลัยตลาดทุน ให้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมวิเคราะห์การลงทุนของ กบข.ที่ขาดทุน เพื่อให้รู้ว่า สถานการณ์จริงเป็นอย่างไร หากข้าราชการรายใดต้องการร้องเรียนหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีเงิน กบข.สามารถติดต่อได้ที่สำนักงาน ป.ป.ท.


    รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ กบข.ออกมาชี้แจงการบริหารเงินสะสมขาดทุนว่า เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดย กบข.ขาดทุนเพียงร้อยละ 5.31 ถือว่าเป็นน้อยเมื่อเทียบกับผลประกอบการกองทุนในลักษณะเดียวกันที่ประเทศสหรัฐที่ขาดทุนสูงถึง ร้อยละ 10 อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ กบข.จะขาดทุน แต่ผู้บริหารของ กบข.ได้รับเงินโบนัสในปี 2551 เฉลี่ยคนละ 3 เดือน สร้างความไม่พอใจให้กับข้าราชการจำนวนมากที่เป็นสมาชิก กบข.


    นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กบข.กล่าวว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข.ในปี 2551 ที่ติดลบประมาณ 5% เป็นไปตามภาพรวมของการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับลดลง ยืนยันว่า ผลตอบแทนที่ติดลบดังกล่าวเป็นเพียงการขาดทุนทางบัญชี และเป็นการขาดทุนกำไรเท่านั้น ส่วนเงินต้นของสมาชิกยังอยู่ครบ นอกจากนี้ เมื่อหักลบกับผลประโยชน์ตลอด 11 ปี ของการก่อตั้ง กบข. มา ถือว่า ยังมีผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 7% หรือหากคิดผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วง 2 ปี คือ ระหว่างปี 2550-2551 ผลตอบแทนก็ยังเป็นบวกอยู่ 2% และเชื่อว่าการลงทุนในปีนี้น่าจะได้รับผลแทนเป็นบวก


    "แม้ผลตอบแทนการลงทุนในปีที่แล้วจะติดลบประมาณ 5% แต่เงินของสมาชิกไม่ได้หายไปไหน เมื่อครบกำหนดจะได้รับคืนทั้งหมด ส่วนที่หายไปเป็นเพียงในส่วนของผลประโยชน์ที่จะได้รับเท่านั้น ซึ่งเกิดจากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้น ไม่ใช่นโยบายการลงทุนที่ผิดพลาด" นายวิสิฐกล่าว



    เลขาธิการ กบข.ว่า หาก ป.ป.ท.จะเข้าตรวจสอบการดำเนินงานและนโยบายการลงทุนของ กบข. ก็พร้อมจะให้ข้อมูลและชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้ชี้แจงแก่สมาชิกมาตลอด เพราะยอมรับว่ายังมีบางคนที่ยังไม่เข้าใจ หลังจากนี้ จะพยายามชี้แจงสมาชิกให้มากขึ้น


    เมื่อถามถึงกรณีผลการลงทุนติดลบ แต่ กบข.ยังจ่ายโบนัสให้ผู้บริหารถึง 3 เดือนนั้น นายวิสิฐกล่าวว่า มีการจ่ายโบนัสเพียง 2 เดือนเศษเท่านั้น เป็นการจ่ายปกติเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่พนักงาน เรื่องโบนัสจะมี 2 ส่วน คือ 1.โบนัสที่จ่ายเป็นปกติทุกปี และ 2.โบนัสที่อิงกับผลตอบแทนการลงทุน ซึ่งในส่วนนี้มีอัตราการจ่ายที่ต่ำมาก และในปีที่แล้วเมื่อผลตอบแทนติดลบก็ไม่มีการจ่ายในส่วนนี้


    ผู้สื่อข่าวรายงาน จากตรวจสอบงบดุลของ กบข. พบว่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2551 กบข.มีสินทรัพย์สุทธิ 391,066 ล้านบาท ขณะที่สิ้นเดือนธันวาคม 2551 มีสินทรัพย์สุทธิ 391,882 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 716 ล้านบาท


    ส่วนด้านเงินทุนรายบุคคลและผลประโยชน์ของสมาชิก ณ สิ้น เดือนกันยายน 2551 มีจำนวน 311,789 ล้านบาท แต่สิ้นเดือนธันวาคม 2551 ลดลงเหลือ 299,353 ล้านบาท หรือลดลง 12,436 ล้านบาท
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อร่อย แซ่บ อิ่มหนำ ที่ "ตำเทวดา"
    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000027785
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 มีนาคม 2552 11:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศโต๊ะนั่งภายในร้านตำเทวดา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พอถึงต้นเดือนเป็นไม่ได้เลย บรรดาผองเพื่อนนักกินของ "ตระเวนกิน" ชอบโทรศัพท์นัดรวมพลตามประสาคนชอบกิน เพื่อไปหาของกินอร่อยๆ ตามใจปาก ตามใจท้องกันอีกแล้ว เพราะยามต้นเดือนอย่างนี้ เงินมันเต็มกระเป๋าและมักจะสะพัดออกไปใช้จ่ายได้อย่างคล่องมือ

    มื้อนี้พวกเราเลยนัดแนะกันไปละลายทรัพย์ แบบอิ่มหนำกันให้สำราญปากกับอาหารรสดี กันที่ร้านอาหารน้องใหม่ที่เพิ่งจะเปิดบริการมาได้ไม่นานอยู่แถวซ.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่มีชื่อเก๋ไก๋ดึงดูดใจว่า "ตำเทวดา" เป็นร้านอาหารที่ขายอาหารอีสานรสจัดจ้านแบบมีการปรับรสชาติให้ถูกปากคนพื้นภาคกลาง อีกทั้งยังมีอาหารตามสั่งอื่นๆ อีกหลายหลากที่ล้วนแล้วแต่ชวนกินทั้งนั้น ซึ่งพอขอเมนูมาเปิดดูรายการอาหารมีให้เลือกสั่งมากมายจนตาลาย แต่พอเห็นราคาอาหารแล้วก็ต้องบอกว่ายิ้มได้ เพราะราคาอาหารของที่นี่เขาย่อมเยาไม่หนักกระเป๋าชวนจ่ายไหวสมเหตุสมผล

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ปีกไก่เทวดา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> งานนี้พวกเราเลยเลือกสั่งอาหารมากินกันแบบไม่ยั้งปาก โดยเน้นหนักไปที่อาหารอีสานรสแซบยั่วน้ำลาย เริ่มจากจานแรกเดินเครื่องแบบเบาๆ ท้องกันก่อนด้วย ปีกไก่เทวดา (59 บาท) ทางร้านตั้งชื่อเสียกิ๊บเก๋ ที่จริงแล้วก็คือ ปีกไก่กลางที่หมักกับเครื่องปรุงสูตรเด็ดของทางร้าน แล้วชุบแป้งทอดมาจนเหลืองกรอบชวนกิน กินไก่เทวดากรอบนอกเนื้อในนุ่ม จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มไก่หวานๆ เผ็ดๆ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ส้มตำเทวดา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พอปีกไก่หมดจาน ส้มตำเทวดา (45 บาท) ก็ถูกเสิร์ฟมาแทนที่ เป็นส้มตำจานเด็ดขายดีของทางร้าน ที่หน้าตาไม่เหมือนส้มตำธรรมดาทั่วๆ ไป เพราะทางร้านนำเอาเส้นมะละกอและแครอทไปชุบแป้งที่ปรุงรสไว้แล้วทอดกรอบ มาพร้อมกับส้มตำไทยที่ตำแยกใส่ถ้วยมาต่างหาก เวลากินให้เอาน้ำส้มตำราดลงบนเส้นมะละกอให้ชุ่มตักกุ้งแห้งตัวโตๆ ติดมาด้วยแล้วก็ส่งเข้าปากเคี้ยวกร้วมเส้นมะละกอกรอบซึมรสชาติส้มตำไทยรสจัดเปรี้ยว หวาน เผ็ดกลมกล่อมถูกปาก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>คอหมูเทวดา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> คอหมูเทวดา (59 บาท) เมนูนี้เพื่อนสาวไม่กลัวอ้วนสั่งมา เป็นคอหมูย่างที่หมักด้วยเครื่องปรุงสูตรเฉพาะของทางร้านจนเข้าเนื้อ นำไปย่างและนำมาทอดอีกที แล้วแล่คอหมูมาเป็นชิ้นพอดีคำ เคี้ยวเนื้อคอหมูแห้งกำลังดีเนื้อนุ่มติดมันหน่อยๆ ได้รสชาติเครื่องหมัก และมีน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ดให้จิ้มเพิ่มรสชาติด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ไส้กรอกอีสาน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ไส้กรอกอีสาน (59 บาท) จานนี้ทางร้านแนะนำว่าขายดี เพราะเป็นไส้กรอกอีสานแท้ๆ ที่สั่งตรงมาเป็นพิเศษจากอุบลราชธานี ตัวไส้กรอกจะเน้นเนื้อหมูมากกว่าข้าว กินแล้วถูกปากไส้กรอกเคี้ยวนุ่มสัมผัสได้ถึงรสชาติของเนื้อหมูที่อยู่ข้างในไม่ออกเปรี้ยวมาก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ลาบปลาหมึก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ได้ลิ้มรสชาติไส้กรอกอีสานกันแล้ว มาต่อกันด้วยเมนูลาบกันดีกว่า เป็น ลาบปลาหมึก (59 บาท) ที่ทางร้านใช้ปลาหมึกกล้วยสดๆ ลวกสุกและนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องลาบครบสูตรที่เน้นใส่ข้าวคั่วที่ทางร้านทำเองแบบใหม่ๆ เคี้ยวชิ้นปลาหมึกเด้งหนึบหนับปากได้รสชาติเครื่องลาบจัดจ้านหอมกลิ่นข้าวคั่ว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ยำหมูยอ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> จากนั้นมากินเมนูยำๆ รสแซ่บกันบ้าง อย่าง ยำหมูยอ (59 บาท) เป็นยำจานเด็ดที่ไม่ควรพลาด เพราะทางร้านเลือกหมูยอพริกไทยดำที่สั่งตรงมาจากอุบลราชธานีโดยเฉพาะ นำมายำใส่หอมใหญ่ มะเขือเทศ และผักขึ้นฉ่าย ชิมรสชาติยำหมูยอเนื้อหมูยอเคี้ยวนุ่มปากรสชาติกลมกลืนเข้ากับน้ำยำออก 3 รส เปรี้ยว หวาน เค็ม เจือเผ็ดนิดๆ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ยำนางฟ้า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ขอต่อด้วยอีกหนึ่งเมนูยำ คือ ยำนางฟ้า (59 บาท) ชื่อเพราะเสียไม่มี แท้ที่จริงก็คือเห็ดนางฟ้าที่ทางร้านนำไปชุบแป้งปรุงรสทอดกรอบ แล้วก็มีน้ำยำที่ปรุงรสมาด้วยหมูสับ ถั่วลิสง มะเขือเทศ หอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย และใส่น้ำกระเทียมดองด้วย กินยำนางฟ้ากรอบนุ่ม ชุ่มด้วยน้ำยำออกรสเปรี้ยวนำถูกปากอีกหนึ่งจาน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ต้มแซ่บสามเกลอ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ท้ายสุดขอปิดมื้อด้วยเมนูน้ำหนึ่งเดียว อย่าง ต้มแซ่บสามเกลอ (59 บาท) ทางร้านตั้งชื่อเสียกิ๊บเก๋ เป็นต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนนี่แหละ แต่สามเกลอที่ว่าคือ ทางร้านเขาเน้นใส่ข้าวคั่ว พริกขี้หนูป่น และใบโหระพา มาในต้มแซ่บ ทำให้ได้ต้มแซ่บที่ซดน้ำร้อนๆ แล้วแซ่บเข้มข้นจัดจ้านถึงใจ แถมหอมข้าวคั่วและใบโหระพาอ่อนๆ ส่วนกระดูกหมูก็เปื่อยนุ่มกำลังดี

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นานาอาหารจานเดียวอันชวนกิน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถึงแม้ว่าพวกเราจะจัดการปิดมื้ออิ่มกันแต่เพียงเท่านี้ แต่ว่าขอบอกว่าทางร้านเขายังมีผลไม้มาเสิร์ฟให้กินล้างปากแบบฟรีไม่เสียเงินเลยด้วย แต่ขอบอกเลยว่าเมนูเหล่านี้ถือว่าเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของเมนูเด็ดๆ ที่ชวนกิน เพราะว่าในเมนูอาหารยังมีอาหารอีสานและอาหารตามสั่งอีกหลายอย่างที่น่ากินมากมาย อาทิ ยำซอสไก่ทอด (59 บาท) ลาบวุ้นเส้น (55 บาท) หมูแดดเทวดา (59 บาท) ข้าวผัดเทวดา (45 บาท) ข้าวไข่ข้นกุ้ง (45 บาท) ข้าวราดหมื่นลี้ทะเล (45 บาท) ข้าวราดนมสดทะเล (45 บาท) กุ้งแช่น้ำปลา (59 บาท) ฯลฯ รวมถึงยังมีเค้กโฮมเมด และไอศกรีมบริการด้วย เรียกว่ามาที่ร้าน “ตำเทวดา” เป็นต้องได้อิ่มกับอาหารพร้อมกับเดินพุงกางกลับออกนอกร้านไป

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    ร้าน "ตำเทวดา" ตั้งอยู่ที่ 122/41 วิภาวดี ซ.2 (ซอย ม. หอการค้าไทย) เขตดินแดง แขวงดินแดง กทม. การเดินทางถ้าขับรถมาจากถ.วิภาวดี วิ่งตรงมายังม.จักรพงษภูวนารถ ขับรถเข้ามาในมหาลัยฯ แล้วบอกกับรปภ.ว่ามากินอาหารที่ร้านตำเทวดา จากนั้นก็เดินออกมาแล้วเดินตรงมาที่วิภาวดีซ. 2 (ซอย ม. หอการค้าไทย) ตรงเข้ามานิดเดียวจะเห็นร้านตำเทวดาอยู่ริมถนนขวามือ จุดสังเกตอยู่ติดกับธ.ไทยพาณิชย์ เปิดจันทร์-เสาร์ 10.30-21.30 น. (แต่ครัวปิด 21.00 น.) ทางร้านมีบริการจัดส่งนอกสถานที่ด้วย โทร. 0-2275-7129

    คลิก!! อ่านรายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน "ตำเทวดา"
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน "ตำเทวดา"
    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000028271
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 มีนาคม 2552 11:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ชื่อร้าน : ตำเทวดา

    ประเภทอาหาร : อาหารอีสาน และอาหารตามสั่งทั่วไป

    เมนูจานเด่น : ปีกไก่เทวดา, ส้มตำเทวดา, คอหมูเทวดา, ไส้กรอกอีสาน, ลาบปลาหมึก, ยำหมูยอ, ยำนางฟ้า
    ต้มแซ่บสามเกลอ

    บรรยากาศร้าน : ห้องแอร์กว้างขวางนั่งสบาย

    ที่ตั้ง และการเดินทาง : ตั้งอยู่ที่ 122/41 วิภาวดี ซ.2 (ซอย ม. หอการค้าไทย) เขตดินแดง แขวงดินแดง กทม. การเดินทางถ้าขับรถมาจากถ.วิภาวดี วิ่งตรงมายังม.จักรพงษภูวนารถ ขับรถเข้ามาในมหาลัยฯ แล้วบอกกับรปภ.ว่ามากินอาหารที่ร้านตำเทวดา จากนั้นก็เดินออกมาแล้วเดินตรงมาที่วิภาวดีซ. 2 (ซอย ม. หอการค้าไทย) ตรงเข้ามานิดเดียวจะเห็นร้านตำเทวดาอยู่ริมถนนขวามือ จุดสังเกตอยู่ติดกับธ.ไทยพาณิชย์

    สถานที่จดรถ : จอดรถได้ใน ม.จักรพงษภูวนารถ

    เวลาเปิด-ปิด : จันทร์-เสาร์ 10.30-21.30 น. (แต่ครัวปิด 21.00 น.)

    เบอร์โทรศัพท์ :ทางร้านมีบริการจัดส่งนอกสถานที่ด้วย โทร. 0-2275-7129
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ชิคุนกุนยา โรคร้าย ที่มากับยุงลาย

    http://hilight.kapook.com/view/34749


    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กระทรวงสาธารณสุข , thaimuslim.com , bangkokhealth.com

    เมื่อเร็วๆ นี้เราคงได้ยินข่าวว่าเกิดการแพร่ระบาดของ "โรคชิคุนกุนยา" ในแถบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้คนแปลกใจไม่น้อยว่า นี่คือโรคประหลาดสายพันธุ์ใหม่อะไรหรือเปล่า วันนี้กระปุกจึงอาสาคลายข้อสงสัย ด้วยการนำความรู้เกี่ยวกับ "โรคชิคุนกุนยา" มาบอกต่อกันค่ะ


    [​IMG]"ชิคุนกุนยา" คืออะไร

    "โรคชิคุนกุนยา" (Chikungunya) หรือ "โรคไข้ปวดข้อยุงลาย" ไม่ใช่โรคใหม่อะไรหรอกค่ะ แต่เป็นโรคที่อุบัติขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ.1955 โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปแอฟริกา ก่อนจะแพร่ระบาดไปหลายๆ ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ซึ่งผู้ที่บรรยายลักษณะของโรคชิคุนกุนยาเป็นคนแรกคือ Marion Robinson และ W.H.R. Lumsden

    การแพร่เชื้อโรคชิคุนกุนยาในทวีปแอฟริกานั้น มี 2 วงจร คือชนิด "วงจรชนบท" คน-ยุง-ลิง ซึ่งมีการระบาดเป็นครั้งคราว ก่อนที่คนจะนำเชื้อชนิดนี้ออกมาสู่ชุมชนเมือง ทำให้เกิด "วงจรในเมือง" คน-ยุง กลายเป็นการแพร่ระบาดจากคนสู่คน โดยมียุงเป็นพาหะนั่นเอง

    ส่วนในทวีปเอเชียวงจรที่พบคือ "วงจรในเมือง" มียุงลายเป็นพาหะนำเชื้อติดต่อไปสู่คนได้ โดยเกิดการแพร่ระบาดในทวีปเอเชียครั้งแรกที่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย ในปี ค.ศ.1963 ขณะที่ในประเทศไทยตรวจพบโรคชิคุนกุนยาครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2501 พร้อมๆ กับโรคไข้เลือดออกที่ระบาดเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย จากนั้นประเทศไทยก็ได้พบการแพร่ระบาดของโรคชิคุนกุนยามาทั้งหมด 6 ครั้ง คือในปี พ.ศ 2531 ที่จังหวัดสุรินทร์, ปี พ.ศ. 2534 พบที่จังหวัดขอนแก่น และปราจีนบุรี จากนั้นในปี พ.ศ.2536 พบว่ามีการระบาด 3 ครั้งที่จังหวัดเลย นครศรีธรรมราช และหนองคาย

    ก่อนที่ล่าสุดจะพบการระบาดอีกครั้งในช่วงต้นปี 2552 ที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา สงขลา และปัตตานี ส่งผลให้มีผู้ป่วยด้วยโรคชิคุนกุนยากว่า 5,596 รายแล้ว (ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552)


    [​IMG]

    [​IMG]ที่มาของชื่อไวรัสชิคุนกุนยา

    ชื่อของเชื้อไวรัสชิคุนกุนยานั้น มาจากคำในภาษา Makonde ซึ่งเป็นภาษาของชนพื้นเมืองในแอฟริกาที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศแทนซาเนีย และทางตอนเหนือของประเทศโมแซมบิก โดยรากศัพท์พื้นเมืองเดิมเรียกว่า kungunvala ซึ่งมีความหมายเป็นภาษาอังกฤษว่า "That which bends up" สอดคล้องกับลักษณะอาการปวดข้อของโรคนี้


    [​IMG]สาเหตุของโรคชิคุนกุนยา

    โรคชิคุนกุนยาเกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา (Chikungunya virus) ซึ่งเป็น RNA Virus จัดอยู่ใน genus alphavirus และ family Togaviridae ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ดังนั้นจึงมักพบการระบาดในช่วงฤดูฝนที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะกับการเพาะพันธุ์ของยุงลาย




    [​IMG]

    [​IMG]การติดต่อของโรคชิคุนกุนยา

    การติดต่อของโรคชิคุนกุนยาเกิดขึ้นเมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื้อไวรัสนั้นจะไปเพิ่มจำนวนมากขึ้นในตัวยุง และเมื่อยุงนั้นไปกัดคนอื่นต่อ ก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้เกิดการติดเชื้อโรคชิคุนกุนยาได้

    ทั้งนี้โรคชิคุนกุนยามีระยะฟักตัว 1-12 วัน แต่ช่วง 2-3 วันจะพบบ่อยที่สุด ส่วนในช่วงวันที่ 2-4 จะเป็นช่วงที่มีไข้สูง มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก และสามารถติดต่อกันได้หากมียุงลายมากัดผู้ป่วยในช่วงนี้ และนำเชื้อไปแพร่ยังผู้อื่นต่อ


    [​IMG]อาการของโรคชิคุนกุนยา

    ผู้ที่เป็นโรคชิคุนกุนยาจะมีไข้สูงอย่างฉับพลัน ร่วมกับอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกหรือข้อ ปวดกระบอกตา หรือมีเลือดออกตามผิวหนัง และอาจมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งดูเผินๆ คล้ายกับโรคไข้เลือดออก หรือหัดเยอรมัน แต่จะไม่มีอาการรุนแรงจนถึงขั้นช็อก หรือเลือดออกมากเช่นโรคไข้เลือดออก

    อย่างไรก็ตามโรคชิคุนกุนยาสามารถเป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่จะมีอาการรุนแรงกว่า คือมักจะมีอาการปวดข้อทั้งข้อมือ ข้อเท้า และเป็นข้ออักเสบตามมาด้วย ซึ่งมักจะเปลี่ยนตำแหน่งที่ปวดไปเรื่อยๆ บางครั้งมีอาการรุนแรงมากจนขยับข้อไม่ได้ แต่จะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ หรือบางคนอาจจะปวดเรื้อรังอยู่เป็นเดือนหรือเป็นปีก็ได้


    [​IMG]

    [​IMG]การรักษาและป้องกันโรคชิคุนกุนยา

    ทุกวันนี้ยังไม่มีวัคซีนสำหรับการรักษาและป้องกันโรคชิคุนกุนยา ดังนั้นการรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการ เช่น หากเป็นไข้ก็ให้ยาลดไข้ หรือหากปวดข้อก็ให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น แต่ล่าสุดได้มีผลการศึกษาวิจัยพบว่า ยาคลอโรควิน (Chloroquin) สามารถบรรเทาอาการที่เกิดจากโรคชิคุนกุนยาได้ผลดีเช่นกัน

    ทั้งนี้วิธีที่จะสามารถป้องกันโรคชิคุนกุนยาได้ดีที่สุดก็คือ การกำจัดยุงลายอันเป็นตัวพาหะนำโรค โดยต้องหมั่นตรวจดูแหล่งน้ำภายในบ้าน เช่น บ่อ กะละมัง ชาม โอ่งน้ำ ตุ่ม ฯลฯ ควรหาฝาปิดให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ยุงมาวางไข่ หรือให้ใส่ทรายอะเบทในอัตรา 1 กรัมต่อน้ำ 10 ลิตร ลงไปในน้ำก็จะสามารถป้องกันการวางไข่ของยุงลายได้ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาฉีดพ่นหมอกควันตามอาคารบ้านเรือนที่มีแหล่งน้ำขังอยู่ เพื่อเป็นการป้องกันและกำจัดลูกน้ำยุงลาย

    นอกจากนี้ตัวเราเองก็ต้องป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการทายากันยุง หรือใช้สารไล่ยุง และสวมเสื้อผ้าที่ป้องกันไม่ให้ยุงกัด รวมทั้งยังต้องเฝ้าสังเกตอาการของคนรอบข้างว่ามีอาการใกล้เคียงกับโรคชิคุนกุนยาหรือไม่ หากมีอาการคล้ายเคียงหรือต้องสงสัยให้รีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว


    จะเห็นว่าแม้โรคชิคุนกุนยาจะไม่ทำอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้คนป่วยได้รับความทุกข์ทรมาน และความรำคาญใจจากอาการปวดได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงควรป้องกัน และเตรียมพร้อมรับมือกับโรคชิคุนกุนยาไว้ก่อนจะดีที่สุดค่ะ





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    - สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
    - สสส. , สสส.
    - bangkokhealth.com
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    หุหุ เจอวัยรุ่น สายตาดี ผมละสู้ไม่ได้เลยเจงๆครับ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รูปกล่องน้ำพริกกุ้ง แม่ปะ



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ถ้าโหลดไปแล้ว ต้องไปซื้อมาทานนะครับ อุดหนุนสินค้าไทย ไทยช่วยไทย แต่ถ้าโหลดไปแล้วไม่ซื้อ ผมแช่งให้ท้องเสียสัก 7 วันนะครับ

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นำมาฝากกัน เผื่อไปทำทานกันตอนดึกๆ หลังจากนั่งส่องพระมาจนตาลายครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อุ่นท้องมื้อดึก กับ "ข้าวต้มปลากะพง" / กุ๊กเล็ก
    http://www.manager.co.th/Travel/View...=9520000028467
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 มีนาคม 2552 14:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย : กุ๊กเล็ก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ข้าวต้ม เมนูง่ายๆ ย่อยง่าย ที่สามารถนำไปประยุกต์เป็นข้าวต้มได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ข้าวต้มหมู ไก่ กุ้ง รวมถึงข้าวต้มปลา ซึ่งมื้อนี้ "กุ๊กเล็ก" มี"ข้าวต้มปลากะพง" ร้อนๆ ที่ไม่ว่าจะกินมื้อเช้าหรือมื้อดึก(หรือใครจะกินมื้อเที่ยงก็ได้) ก็ให้รสกลมกล่อม อร่อยได้ทั้งนั้น

    ว่าแล้วก็เข้าครัวทำข้าวต้มปลากะพงกันเลยดีกว่า

    เครื่องปรุง (สำหรับ 2 ที่)

    ข้าวสาร 1/2 ถ้วย
    เนื้อปลากะพง 2 ขีด
    น้ำซุปไก่หรือน้ำซุปกระดูกปลา (หรือจะใช้ซุปก้อนก็ได้) 3 ถ้วย
    รากผักชี กระเทียม พริกไทยเม็ด ตำผสมกัน 1 ช้อนโต๊ะ
    ขึ้นฉ่าย 3 ต้น
    ข่าเผาหรือคั่วโขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
    ผักชี-ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
    กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
    ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
    เกลือ 1/2 ช้อนชา
    พริกไทยป่นไว้โรยหน้าข้าวต้มปลา

    วิธีทำ เริ่มจากต้มข้าวต้มก่อนเป็นอย่างแรก ซึ่งใครจะใช้วิธีนำข้าวสวยมาต้มเลยก็จะทำได้ง่าย แต่ถ้าเลือกใช้ข้าวสารมาต้มก็จะได้กลิ่นหอมของข้าวและได้ข้าวเป็นเม็ดสวยกว่า

    เมื่อต้มข้าวจนสุกแล้วก็พักไว้ก่อน หันมาทำส่วนผสมสำคัญของข้าวต้มปลากันบ้าง นำน้ำซุปไก่หรือน้ำซุปกระดูกปลามาต้ม

    สำหรับใครที่มีเวลาน้อยไม่มีเวลาต้มน้ำซุปก็สามารถใช้ซุปก้อนแทนได้ ใส่เกลือลงไปสักหนึ่งหยิบมือ แล้วใส่รากผักชีกระเทียมพริกไทยที่ตำเอาไว้ลงไปต้มในน้ำซุปด้วย

    พอน้ำเดือดแล้วหยิบขึ้นฉ่ายมาหนึ่งต้น หั่นเป็นท่อนๆแล้วใส่ลงไปในน้ำซุป รวมทั้งข่าเผาที่โขลกละเอียดแล้วใส่ลงไปพร้อมกัน เพื่อเวลาที่นำปลาลงไปต้มแล้วน้ำซุปจะไม่คาว และยังช่วยเพิ่มกลิ่นให้น่ากินยิ่งขึ้น จากน้ำนำปลากะพงลงไปในขณะที่น้ำกำลังเดือด อย่าคนจนกว่าปลาจะเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลาและซีอิ้วขาว ชิมรสให้พอดีก็ปิดไฟยกลงได้ แต่อย่าต้มนานเกินไปจนเนื้อปลาแข็งหมดอร่อยล่ะ

    เวลาจะเสิร์ฟตักข้าวต้มเอาแต่เนื้อข้าวใส่ชาม แล้วตักเนื้อปลาและน้ำซุปที่ต้มไว้ราดลงไป เอาผักชีต้นหอมและขึ้นฉ่ายที่เหลือหั่นเป็นท่อนสั้นๆ โรยหน้า พร้อมด้วยกระเทียมเจียวหอมๆราดตาม แล้วโรยพริกไทยปิดท้าย ได้ซดน้ำซุปร้อนๆกับเนื้อปลานิ่มๆผสมกับข้าวต้ม อร่อยอย่าบอกใครเชียว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. ming1627

    ming1627 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +15
    ทำบุญเช่าพระ ทำอย่างไร ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...