เรื่องดีดีจากเนต...พี่กับน้อง(น้ำตาจะไหล)

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย surad, 17 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. surad

    surad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +1,287
    เพิ่งได้รับสักครู่นี้เอง ......
    อ่านดูนะ ซึ้งอ่ะ
    ....เรื่องดีๆระหว่างพี่กับน้อง


    6 ครั้งที่ฉันต้องหลั่งน้ำตาให้น้องชายของฉัน ...

    ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

    แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ

    ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี



    วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกัน...

    จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

    โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

    "ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด

    ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

    พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

    "ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"

    พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น

    ทันใดนั้น

    น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้แล้วพูดว่า

    "ผมขโมยเองครับ"

    ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

    พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด

    จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

    พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน

    "ของคนในบ้านแกเองแกยังขโมยได้

    ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"



    คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้

    หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด

    แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

    กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

    น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

    "พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะ มันผ่านไปแล้ว"

    ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้

    ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ



    หลายปีผ่านไป

    แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

    ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...



    เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น

    เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลาย

    ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

    ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

    คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

    ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ"

    แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

    "แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"



    ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

    "ผมไม่ต้องการเรียนต่อ ผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"

    พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

    "ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้

    ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน

    พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"



    คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน

    เพื่อขอยืมเงิน ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

    "ต้องให้น้องได้เรียนต่อ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"

    แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

    ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด

    น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

    และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว

    ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน

    ขณะฉันกำลังหลับ

    "พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ...

    ผมจะไปหางานทำ แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"

    ฉันนั่งอยู่บนเตียง

    อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า...

    ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี ...



    ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน

    รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงาน

    เป็นกรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้าง ...

    ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

    วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก

    เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธออยู่ข้างนอกแน่ะ"

    ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???

    ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่

    ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง...

    ฉันถามเขาว่า "ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"

    น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้

    ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"

    ฉันน้ำตานองหน้า ค่อยๆเอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

    และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

    "พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"

    จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ ... เขาติดกิ๊บให้ฉัน แล้วพูดว่า

    "ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"

    ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี ...



    วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

    ฉันสังเกตเห็นว่า หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

    เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

    หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

    "แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก

    เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"

    แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอก น้องชายลูกต่างหาก

    วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

    ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ

    น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"

    ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

    ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

    ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม" ฉันถาม

    "ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ

    มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด

    แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ และ..."

    น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

    เพราะฉันหันหน้าหนีเขา

    น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...



    หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

    หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...

    แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

    ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

    แต่เมื่อออกไปแล้ว ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

    จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

    น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป

    เขาบอกกับฉันว่า

    "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ

    ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"

    สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว

    เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท

    แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้

    เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

    วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

    และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด... เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

    ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

    น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

    "ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!

    ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้

    ดูตัวเองซิ เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"

    คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด

    ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

    "พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน

    ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ

    คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"

    น้ำตาปริ่มดวงตาของฉัน รวมทั้งสามีของฉันด้วย ...

    ฉันบอกกับน้องว่า "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."

    "ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"

    น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...



    เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี

    เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน

    ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

    "ใครคือคนที่คุณรักและเคารพที่สุดในชีวิตนี้"

    น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" ...

    และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

    "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

    เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไปเรียน

    และเดินกลับบ้าน วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

    พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง

    และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล

    เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว

    เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ...

    นับจากวันนั้น ผมสาบานกับตัวเองว่า

    ตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดีและจะทำดีกับเธอ"

    เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

    สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

    คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ...

    "ในโลกใบนี้ คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"

    ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้

    น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...



    จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆวันในชีวิตของคุณและเขา

    คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

    แต่สำหรับคนคนนั้น อาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง...

    ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

    หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จักก็ตาม

    http://astarlink.exteen.com/20050627/entry-4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2009
  2. ธรรมทิพย์

    ธรรมทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +433
    ขอบคุณค่ะ
    อ่านแล้วประทับใจมาก
    โดยทั่วไปพี่มักจะรักน้องและเสียสละให้น้องมากกว่าน้องเสียสละเพื่อพี่

    ได้มาอ่านเรื่องราวความรักของน้องที่มีต่อพี่ รู้สึกซาบซึ้งจริง ๆ ค่ะ
    อยากให้พี่น้องที่ขาดความรักใคร่สามัคคีมาอ่านเรื่องนี้กันมาก ๆ จะได้
    เปลี่ยนความรู้สึกและเห็นคุณค่าความเป็นพี่น้องมากขึ้น
    ;aa26http://srayaisom.dyndns.org/thamtipsakul/
     
  3. แมวแหมว

    แมวแหมว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +49
    ตำนานของเจ้าของกิจการใหญ่โตชาวเกาหลี อ่านกี่ครั้งก็ซึ้ง

    อนุโมทนา
     
  4. surad

    surad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +1,287
    ซึ้งไหมครับ ผมอ่านเรื่องนี้ที่ไร น้ำตาผมคลอ ด้วยความตื้นตันใจ
    เลยอยากให้ทุกคนได้อ่านดูครับ
    น้ำตาจะไหล.........
     
  5. สตางค์แดง

    สตางค์แดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2006
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +406
    อ่านไปน้ำตาก็ไหลออกมาเอง ซึ้งสุดๆกับความรักของน้องชายที่มีต่อพี่สาวของเค้า เกินคำบรรยายใดๆ
     
  6. Pla_Tong

    Pla_Tong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +22
    ขอบคุณมากๆๆค่ะ

    คิดถึงน้องชายที่สุด ดิฉันก็เป็นพี่สาวที่มีน้องชายที่น่ารักที่สุดในโลกคนหนึ่งค่ะ
     
  7. ตรีทศบดี

    ตรีทศบดี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +30
    ได้ข้อคิดดีๆหลายอย่างเลยครับ....ผู้ที่รู้จักให้ คือผู้ที่สมคควรได้รับ เฉกเช่นเดียวกับที่ได้ให้ผู้อื่น....
    .......................อนุโมทนาครับ...................................
     
  8. a_piyamart

    a_piyamart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +172
    กลั้นน้ำตาแล้วค่ะ กลั้นไม่อยู่ แหะๆๆ ซึ้งจริงๆ
     
  9. mollust

    mollust สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    ซึ้งมากจริง ๆ ค่ะ น้ำตาไหลแล้ว;aa24
     
  10. pat_auto22

    pat_auto22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +398
    ซึ้งมากครับผม
     
  11. แพ้สะกดยังไง

    แพ้สะกดยังไง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    นี่ละนะชีวิตมิน่าละพระพุทธองค์ถึงเสาะแสวงหาแดนนิพพานจิงหนอเที่ยวค้นหาว่ามันมีไหมหนอแดนที่จะทำให้สัตว์โลกพ้นจากความลำบากทุกข์เทนาขอเธอทั้งหลายจงอย่าได้ประมาทพลาดพลั้งไปมาเกิดเป็นอย่างพี่น้องสองคนนี้จงมุ่งมั้นฝึกอบรมจิตสร้างบุญกุศลหนีบ่วงกรรมเข้าแดนนิพพานเทญ เอวังก็มีด้วยประกาลชนี้
     
  12. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    อ่านแล้วรู้สึกชื่นชมจัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...