เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

คุณ moddang

เรื่องหลวงปู่ทองฤทธิ์ หรือ หลวงปู่เณรคำ นั้น ผมคงต้องขออนุญาตท่านก่อนครับ ว่าจะเปิดเผยเรื่องสถานที่อยู่ของท่านได้หรือไม่ กลัวคนจะไปรบกวนท่านมากเกินไปครับ โดยเฉพาะคนที่โลภเรื่องหวย

สำหรับเรื่องภัยพิบัติของกรุงเทพฯ นั้น บางอย่างเป็นความลับสวรรค์ เปิดเผยมาก ก็ไม่ดีต่อตนเอง เอาเป็นว่าหากใครปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรม ก็จะได้อยู่ดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับกรุงเทพฯ ผมเองพยายามหาทางชักจูงและย้ายที่อยู่ของญาติๆจากภาคใต้ไปอยู่ทางภาคอีสานให้เสร็จภายใน 3 ปี เพราะเวลาของการเปลี่ยนแปลงใกล้เข้ามามากแล้วครับ

 

คงเป็นเรื่อง น่าสลดใจนะครับ สำหรับ ที่ยังอยู่ เพราะหากเกิดจริง ก็ ต้องมีผลกระทบอยู่แล้ว โดยส่วนตัว อยู่กทม ครับ สมมุติว่าเหตุเกิดที่ กทม คงไม่คิดจะย้ายน่ะครับ เกิดมา ยังไง ก็หลีกหนีไม่พ้นอยู่ดี เรื่องธรรมดา แต่น่าเห็นใจคนที่อยู่ภาคใต้มาก ไหนจะ สึนามิ อะไรๆ ก็ภาคใต้ โลกเรา นี่ช่างเป็นศูนย์รวม ความทุกข์ จริง ๆ

 

เมื่อเร็ว ๆ ฟังข่าว มีลอยแผ่นดินเลื่อน ที่เมืองกาญ และที่นั่นมีเขื่อน ที่สำคัญสองเขื่อน ...ถ้ามีแผ่นดินไหว เกินห้าลิกเตอร์ตรงเขื่อนนี่ และเขื่อนที่สร้างขึ้นก็ตรงลอยเลื่อนสะด้วยซิ มีสิทธิ เขื่อนพัง...ถ้าพังน้ำจะทะลักมาถึง กทม. ภายในสามสิบห้าชั่วโมง และจังหวัดใกล้เคียง....ฟังข่าวมานะในทีวี....มันจะเกี่ยวกับ กทม.จมน้ำเปล่านะ....อะไรก็ไม่แน่ สึนามิ ก็ยังมีให้เห็น.""
ตอนนี้ก็ย้ายตัวเองไปอยู่ภาคอีสานเรียบร้อยแล้ว...ภายในสามเดือน....(ด้วยเหตุผล ที่ดินราคาไม่แพง พอซื้อได้)

 

ต้องบอกไว้ก่อนว่าสิ่งที่เอามาเล่าต้องมีจุดประสงค์ แม้นคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นจักเป็นคำสอนที่มีแต่ให้(เพราะมันมีแต่ให้และรับ แต่ไม่มีไม่ให้และไม่รับน่ะสิ... มีให้(แต่ผลประโยชน์นั้นจักอยู่ที่ไหนระหว่างผู้ให้กับผู้รับ)) และจุดประสงค์ที่บอกก็ไม่ได้ช่วยอะไรนี่นิ(กำลังว่าร้ายเจ้ากระทู้อยู่ครับ)
เรื่องที่อยากจะพูด...
1.บางเรื่องที่เล่าพ่อผมบอกว่า"จะรู้ได้ยังไง ว่าเป็นเรื่องจริง"
2.ก็สำหรับผมนะครับ ผมคิดว่าสิ่งที่ทำบางอย่างมันก็ไม่ควรทำ แต่กลับเกิดกลับศาสนาพุทธ...
3.บางทีสิ่งที่เสื่อมอาจเป็นคนมากกว่าคำสอนแฮะ(หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง)...
4.พระพุทธเจ้าไม่ให้แสดงฤทธิ์...(มั้ง)
5.อยากให้มีคนไปเปลี่ยนจัง"อนาคต"น่ะ(ไม่ต้องมีเทวดา แต่นั่งทางใน ภาพก็จะมาเองแหละ(มั้ง...เนื่องจากตัวเองทำไม่ได้...))
ปล.นั่งมากี่ปีแล้วครับ(อยากรู้น่ะครับ) พอดีผมไม่ได้นั่งสมาธิน่ะครับ
*สงสัยว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยตัวเองไหงคนเราถึงทำไม่ได้หนอ?(เพราะว่าคนเราไม่ได้หนีจากความทุกข์แต่เป็นกิเลส สุดท้ายก็หนีความจริงว่าไม่มีทุกข์แต่มันคือเป็นไป จนความทุกข์นั้นแปรเปลี่ยน) สุดท้ายก็ต้องพึ่งศาสนา...(ท่านไหนๆจะมาเกิดแล้วเกี่ยวอะไรกับที่เราดำรงชีวิตมิทราบ สิ่งที่ทำนั้นไม่ได้เรียกว่าแทรกแซงอย่างนั้นหรือครับ การแทรกแซงของสิ่งๆหนึ่ง...)
*ผมบัวใต้น้ำครับ ไม่ต้องบอกด้วย(พอดีเกรียน)
*อิจฉาครับ...(พูดตามตรง ไม่ได้ประชด แต่ถ้าไม่จริงก็แค้นครับ...)
*อ่านการตูนมากไป...(ตัวผมน่ะ)
*รู้อนาคต รู้อดีต ไฉน ไม่เปลี่ยน อดีตและอนาคต... รู้ทุกข์รู้สุข ไฉน ไม่สุขและไม่ทุกข์... เป็นคน แต่ไม่ใช่คน... คำสอนจักตายตัว ประพฤตินั่นไม่ตายตัว... ตาย แต่ไม่ตาย เกิด แต่ไม่เกิด ไฉนจึงว่ามีอยู่ทั้งที่มันมีและไม่มี เพราะฉะนั้นจึงจักเป็นนิพพานเพราะความคิดจักนำพาสู่ความว่างเปล่า...(ละมั้ง)
*การบอกอนาคตไม่ผิดหรอกครับ(เพราะมันถูกกำหนดไว้แล้วนี่ครับ)
*เซ็งจริงๆมาปั่นคะแนนแต่ไม่มีคนให้เลย(ทำบุญทำทานด้วยสิคร้าบ(แต่ผมไม่คืนให้นะคร้าบ))

 

คุณ tamsak

ผมนับหนึ่งในเดือนมกราคม 2549 ถึงมกราคม 2552 ผมก็คงจะเผ่นแล้วครับ จะไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ รอกาลเวลาน่ะ ในระหว่าง 3 ปีนี้ก็จะเร่งทำบารมีให้เข้มข้นกว่าเดิมและก็คาดว่าจะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย

เวลาเหตุการณ์เกิดนั้นคงจะมาทุกแนว จะมีภัยพิบัติทาง ดิน น้ำ ลม ไฟ อุบัติเหตุ/ภัยสงคราม และโรคระบาด ครับ

ใครมีบุญวาสนาดีก็จะได้อยู่ดูยุคพระยาธรรมิกราชหรือพระจักรพรรดิ์ครับ

 

อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด
แต่ เกิด มาแล้ว ยังไง ความตายก็เป็น สิ่งที่แน่นอน ส่วนอนาคต นั้น จะเป็น อย่างไร ก็ สุดแล้วแต่..

 

เมื่อวาน (31 ม.ค.) ได้มีโอกาสสนทนากับหลวงพ่อทองแดงเกี่ยวกับเหตุการณ์บางเรื่องที่ภาคใต้ ท่านบอกว่าให้ไปย้ายพญานาครินทร์ ที่ จ.สงขลา มาไว้ที่ปากน้ำงึม ในแม่น้ำโขง ท่านบอกว่า ถึงเวลาที่เขาจะต้องมาช่วยบารมีในเขตแม่น้ำโขงแล้ว หากเขายังอยู่ที่สงขลา หากเอาหางตีน้ำทีไร น้ำก็จะท่วม อ.หาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงทุกที ปีที่ผ่านมา จ. สงขลา ก็น้ำท่วมหนัก ก็กะว่าจะรีบลงไปจัดการเคลื่อนย้ายญาณธรรมสำคัญๆในภาคใต้ เข้ามารวมในเขตของครูบาอาจารย์ให้เสร็จภายใน 3 ปีนี้ และคงจะต้องเดินทางไปในหลายที่ สุดท้ายที่จะต้องทำก็คือย้ายพญานาคในเขตท่าพระจันทร์ และบริเวณท่าวาสุกรีไปอยู่ทางแม่น้ำโขง หากพญานาคพวกนี้ย้าย สิ่งที่ตามมาคือน้ำก็จะท่วมกรุงเทพฯ น้ำจะขึ้นสูงประมาณ หางม้า ตรงพระบรมรูปทรงม้า

จากนั้นได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงปู่เณรคำกลาง ถามท่านเรื่องที่อยู่ของหลวงปู่เณรคำใหญ่ ท่านบอกว่าอยู่ที่อำเภอหนึ่ง ในจังหวัดทางภาคตะวันออก ท่านต้องไปใช้กรรมบางอย่างกับคนกลุ่มนึงที่นั่น และ ก็ถามท่านเรื่องของหลวงพ่อฤษีลิงขาว ที่ จ.สุพรรณบุรี ท่านก็บอกสถานที่มาให้ ท่านบอกว่าหากมีโอกาสก็ให้ไปกราบคารวะ ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสองท่านนี้ เช้านี้ได้ส่งกระแสจิตไปคารวะแล้วทั้งสองรูป ก็รับรู้กันทั้ง 2 ท่าน ก็จะหาทางเอากายสังขารไปคารวะครูบาอาจารย์ต่อไป

สำหรับเรื่องสถานที่อยู่ของครูบาอาจารย์รูปต่างๆผมขออนุญาตปกปิดนะครับ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะของครูบาอาจารย์แต่ละรูปและวัตถุประสงค์ของครูบาอาจารย์ในการไปอยู่ในสถานที่นั้นๆ แตกต่างกัน บางครั้งท่านต้องการทำกิจเฉพาะไม่ต้องการพบเจอผู้คนมากนัก

 

คุณ tamsak
<O</O

เรื่องการย้ายของพญานาคในเขตต่างๆนั้นเป็นเรื่องการทำหน้าที่ของภพภูมิโลกภายในเขาครับซึ่งก็ถึงกาลเวลาที่ผู้ทำหน้าที่เหล่านั้นจะได้ไปทำหน้าที่สำคัญในเขตอื่นต่อไปและการทำหน้าที่ของเขานั้นก็ทำให้มีอานิสงส์ที่จะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งที่พญานาคส่วนใหญ่ปรารถนากันและเมื่อมนุษย์บางเขต บางเขต บางที่มีศีลธรรมต่ำลง ฝ่ายพญานาคที่ทำหน้าที่ดูแล รักษาก็จะไม่ดูแลรั ษาเหล่ามนุษย์ในเขตหรือที่นั้นๆ อีกต่อไป

<O</Oสำหรับหลวงพ่อฤษีลิงขาวที่ผมกล่าวถึงนั้น ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานวัดบางนมโค (แต่ไม่ใช่หลวงพ่อช่อ วัดฤกษ์บุญมี อย่างแน่นอน) วัดที่ท่านอยู่นั้นผมก็เพิ่งจะได้ยินชื่อเป็นครั้งแรกครับคิดว่าไม่น่าเกินขีดความสามารถของเหล่าลูกศิษย์หลวงพ่อฤษีลิงดำ ที่จะใช้วิชามโนมยิทธิ ส่องดูว่า หลวงพ่อฤษีลิงขาวท่านใครเป็นใคร อยู่ที่ไหน

<O</Oสำหรับหลวงปู่เณรคำ ท่านก็เป็นครูธรรมโลกอุดรรูปหนึ่งท่านเล่าว่า ท่านคุ้นเคยกับ ญาท่านเพ้า ฯลฯ ทางฝั่งลาว ท่านคุ้นเคยกับหลวงปู่ทองทิพย์ฯ และ พระครูโลกอุดรเป็นอย่างมาก รวมทั้งท่านยังคุ้นเคยกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคหลวงพ่อฤษีลิงดำ ลิงขาวลิงแดงและลิงเขียว (หลวงปู่เณรคำท่านเรียกชื่อแบบนี้พระสงฆ์บางรูปหลวงพ่อปานท่านจะเรียกชื่อต่างกันออกไป เช่นเรียกพระสงฆ์บางรูปว่าลิงเล็ก เป็นต้น) ท่านบอกว่าลิงดำ กับ ลิงขาว มาอยู่ในเมือง ส่วนลิงแดงกับลิงเขียวอยู่ในป่า
<O</O
นอกจากนั้นหลวงปู่เณรคำท่านยังคุ้นเคยกับหลวงพ่อวัย ตาลปัจจโย หลวงปู่กองจ. สกลนคร หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้าเสือ และหลวงปู่จันทร์ วัดป่าข่อย จ. สุโขทัย ฯลฯ

ครั้งแรกที่ท่านเดินทางมาปฏิบัติธรรมอยู่ ณ สถานที่ ที่ท่านจำพรรษาอยู่ในปัจจุบันนี้ท่านเล่าว่า วันหนึ่งตอนกลางวันก็ได้มีพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ 3 องค์ เดินมาคุยกับท่าน ท่านบอกว่าพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ คุยกันได้แบบคนนี่แหละและเขาขอให้ท่านอยู่ปฏิบัติภาวนาที่นั่น ท่านก็มีข้อแม้กับพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ในบางเรื่อง เมื่อเขาให้สัจจะท่านก็ตัดสินใจอยู่จำพรรษาที่วัดนี้ให้ 6 ปี ปีนี้ก็ย่างเป็นปีที่ 5 แล้ว
ท่านเล่าว่าสมัยแรกๆที่ท่านปฏิบัติธรรม ท่านหลงป่าอยู่ 1 ปีเต็ม ออกมาไม่ได้ท่านไม่มีอะไรติดตัวมาก มีเฉพาะบาตรกับกรด ติดตัวไปแต่ก็มีลิงตัวหนึ่งเอาหัวมันมาถวายท่าน วันละ 1 หัว ทุกวัน จนครบ 1 ปี ท่านจึงออกมาได้<O</O<O</O

 

ติดตามอ่านข้อมูลของคุณอัญญาสิทธิ์มาตลอดเพราะน่าสนใจมากหลายเรื่องตรงกับที่ครูบาอาจารย์ของผมเล่าให้ฟัง เช่น เรื่องภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น ยังไงช่วยเข้ามาpost ทุกๆวันนะครับ และขออนุโมทนาบุญในภารกิจที่คุณอัญญาสิทธิ์กำลังทำอยู่ด้วยนะครับ แล้วรายชื่อเกจิอาจารย์ที่มีการอ้างถึงที่พอจะเปิดเผยได้รบกวนคุณอัญญาสิทธิ์ช่วยให้ข้อมูลเรื่องที่อยู่หน่อยซิครับ ผมจะได้ไปกราบบ้าง

 

โมทนาสาธุครับ ได้รับ ความรู้ อะไร หลายๆ ที่ไม่เคยรู้
สำหรับผมเอง คงอีก นานกว่าจะปฏิบัติ ได้ แบบนี้ มีอะไรก็ เล่าสู่กันฟังครับ

 

คุณ sakol_yok

เรื่องที่อยู่ครูบาอาจารย์รูปต่างๆนั้นผมจะขออนุญาตท่านก่อนว่าท่านอนุญาตหรือไม่ หากท่านอนุญาตแล้วจะบอกให้ครับ

เมื่อคืนที่ 2 ก.พ. ได้คุยสนทนากับน้องคนหนึ่งเรื่องจังหวัดเลย ปรากฏมีกระแสศีลธรรมมาจาก จังหวัดเลย และได้สนทนาตรวจสอบญาณกับหลวงพ่อทองแดง ท่านบอกว่ามาจากพระธาตุศรีสองรัก เนื่องจากผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระธาตุนี้ในยุคของพระไชยเชษฐา ของลาว และท่านก็แนะนำว่าเมื่อไปรับญาณศีลธรรมที่เมืองศรีเทพฯ จ. เพชรบูรณ์ ซึ่งมีญาณของตรีมูรติอยู่ในเขตนั้น รวมทั้งให้แวะกราบคารวะสังขารหลวงพ่อทบ วัดชนแดน และท่านก็แนะนำให้ไปคารวะหลวงพ่อลมัย อีกด้วย ครับ

นอกจากนั้น ท่านก็แนะนำเรื่องปฏิสัมภิทาญาณ 4 ท่านบอกว่าญาณส่วนใหญ่ที่เราสัมผัสอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องของ นิรุกติสัมภิทาญาณ คือ รู้ภาษาต่างๆ ท่านว่านานๆไปจะรู้และเข้าใจได้แม้กระทั่งภาษาของต้นไม้ ท่านบอกว่าหมอชีวก ฯ ท่านสามารถคุยกับต้นไม้ต่างๆได้ว่าต้นอะไร มีคุณสมบัติอย่างไร เพราะต้นไม้เขาบอกสรรพคุณให้

รวมทั้งสนทนากับท่านเรื่องของจตุคามรามเทพ ทางภาคใต้ ท่านบอกว่า นครศรีธรรมราชนั้นเป็นพุทธศาสนาลังกาวงศ์ ส่วนภาคกลางนั้นเป็นพุทธศาสนาสยามวงศ์ จตุคามรามเทพเป็นการรวมภาคของตรีมูรติและพระวิษณุ ซึ่งเกี่ยวข้องไปถึงนารายณ์บรรทมศิลป์ในสะดือทะเล ท่านบอกว่าจตุคามรามเทพ เขาเฝ้าดูแลพระบรมสารีริกธาตุที่พระธาตุนครศรีธรรมราช ท่านรับรองว่าในยุคหนึ่งลูกชายของจาตุคามรามเทพ จากนครศรีธรรมราช ได้ไปปกครองเมืองศรีเทพ อีกด้วย และ เมืองศรีเทพนั้นก็เจริญรุ่งเรื่องอยู่ในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ด้วย ก็เชื่อมโยงไปถึงปราสาทหินต่างๆ ที่เราได้ไปเกี่ยวข้องมาก่อนหน้านี้ด้วย ท่านบอกว่าระบบของเรานั้นเป็นเรื่องของธรรมสัญจร ต้องเดินทางไปสถานที่ต่างๆอยู่เรื่อยๆ และยังมีญาณศีลธรรมต่างๆที่รอคิวเข้ามาเชื่อมศีลธรรมอีกมาก ฟังแล้วก็เหนื่อยเหมือนกันครับ

จากนั้นก็ได้สนทนากับหลวงปู่เณรคำ ขอคำแนะนำท่านเรื่องการวางจิตที่จะติดต่อสื่อสารกับครูบาอาจารย์ทางจิตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ท่านบอกว่าไม่ต้องอยากรู้อยากเห็น แล้วมันจะเป็นไปเอง ต่อไปจะรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ท่านว่าความอยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งที่ปิดกั้นการรู้ของจิต เป็นกิเลสที่มาหลอกจิตเรา แล้วก็ถามท่านเรื่องที่เรามีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ใหญ่พระครูโลกอุดร ท่านบอกว่าเราเป็นลูกศิษย์ของพระครูโลกอุดร มาในยุคสมัยก่อนๆ เมื่อถึงเวลาก็ได้มาพบเจอกันอีกและก็เรียนรู้ศาสน์วิชากันต่อไป ครูบาอาจารย์ท่านติดตามดูแลเราอยู่ตลอด ท่านบอกว่าพระสงฆ์ที่ห่มสีกรักที่เราพบเจอท่านบ่อยๆ ในโลกทิพย์ นั่นแหละคือหลวงปู่ใหญ่พระครูโลกอุดร นี่ก็เป็นความอัศจรรย์อย่างหนึ่งของหลวงปู่เณรคำ ที่ท่านสามารถล่วงรู้ได้ว่าในโลกภายในเราไปประสบ พบเจอกับใครหรืออะไรมาบ้าง

 

สถานที่ต่างๆ ที่ไปรับญาณและศาสน์ศิลป์ ตามวาระ

ปราสาทนางรำ วัดป่าลาดทอง

 

ศาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระธาตุบังพวน พระเจ้าองค์ตื้อ หลวงพ่อพระใส

 

คุณ khomeraya

การสร้างสมเด็จองค์ปฐมที่กรุงเทพฯและที่ทางภาคใต้นั้น ไม่สามารถจะช่วยบรรเทาเบาบางภัยพิบัติลงได้ครับ เนื่องจากมันถึงกาลเวลาที่จะต้องเกิดเหตุต่างๆ สิ่งเหล่านี้ถูกกำหนดมาจากโลกภายในที่เป็น "ความจริงเหนือความจริง" และไม่มีใครที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากผู้ที่ท่านมีหน้าที่และบารมีในการปรุงโลก ท่านอนุญาตให้เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นได้เพื่อล้างผู้ศีลธรรมต่ำให้หมดไป เพื่อการยกยอพระศาสนาต่อไป

หลังจากเสร็จงานบุญมาฆบูชาแล้ว สัปดาห์หน้าจะรีบลงภาคใต้ พญานาคเจ็ดเศียรที่อยู่ในทะเลภาคใต้ เขามารอแล้ว พญานาคตนนี้สีเขียวเป็นประกาย มีตบะสูง บังเอิญคืนก่อนถอดจิตออกไปพบเขาที่ชายทะเล เขายืดตัวเข้ามาหาจากทะเล ก็เอามือลูบหัวเขาไปสองสามครั้งแล้วบอกว่าเดี่ยวจะมา ก็แสดงว่าสิ่งเหล่านี้เขารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าเราจะมาภาคใต้ ที่จริงทางในเราไปภาคใต้บ่อยพวกพญานาคเขาคงจะเห็น ในคืนเดียวกันนั้นก็เห็นพญานาคตนนี้อีกครั้งนึง เขาติดตามทางในเราอยู่ตลอด เข้าใจว่าอาจจะเป็นพญานาคเจ็ดเศียรตนเดียวกันกับพญานาค-นครินทร์ หรือจะเป็นพญานาคที่เกี่ยวข้องกับนารายณ์บรรทมศิลป์ก็เป็นได้ และไปภาคใต้คราวนี้จะไปอธิษฐานเชื่อมระบบศีลธรรมของจาตุคามรามเทพ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย

 

เอาอีกแล้ว

 

ช่วงงานบุญมาฆบูชา ก็ได้ร่วมไปงานบุญที่วัดป่าสีดาฯพร้อมคณะ ก็ได้แวะคารวะหลวงพ่อทองแดง ก็ถามท่านเรื่องพญานาคที่เห็น ท่านบอกว่าเป็นพญานาคในทะเลสาปสงขลา คือพญานาคนครินทร์นั่นเอง

ที่จริงเรื่องชื่อต่างๆนั้นมีนัยยะความหมายมาก โดยเฉพาะชื่อที่เกี่ยวข้องกับคน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีส่วนรู้เห็นมากน้อย ขนาดไหน

มีเรื่องบางประการเกี่ยวกับผู้มีบารมีสูงๆ ครูบาอาจารย์ท่านเคยเล่าเกี่ยวกับม้า ที่ภูเขาเงิน ประเทศมาเลเซีย ว่ามีม้าตัวหนึ่งมีฤทธิ์มาก ถีบ กัดคนตายไปหลายคน รวมทั้งโอรสของราชวงศ์ของมาเลเซีย ในสมัยนั้นด้วย (สมัยรัชกาลที่ 5) เมื่อเสด็จพ่อ รัชกาลที่ 5 ท่านทรงทราบ ท่านก็จะเสด็จไปปราบม้าตัวนั้น ก่อนที่จะไป พระอินทร์ ท่านให้พระวิษณุกรรม แปลงร่างเป็นเด็กน้อย เอาไม้วิเศษมาให้ บอกว่าถ้าพระองค์จะไปปราบม้าตัวนั้นให้เอาไม้วิเศษนั้นไป ไม้วิเศษนั้นมีลักษณะงอๆ ในรูปเก่าๆบางรูปจะปรากฏเห็นในพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน เมื่อพระองค์เสด็จไป ม้าตนนั้นก็ไม่พยศกับพระองค์ท่าน ซึ่งรวมทั้งที่พระองค์ทรงเสด็จไปปราบพยศม้าในยุโรปได้ก็เพราะอำนาจคุณวิเศษของไม้อันนี้ ครูบาอาจารย์ท่านเล่าว่า ไม้วิเศษอันนี้ได้ตกทอดมาถึงสมัยรัชกาลที่ 6 หลังจากนั้นไม้นั้นก็ได้กลับสู่สวรรค์

ซึ่งก็สอดคล้องกับคำบอกเล่าของหลวงปู่เณรคำ ที่ท่านบอกกับผมว่า รัชกาลที่ 5 นั้นทรงเป็น "เจ้าอาคมใหญ่" ส่วนกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นั้นทรงเป็น "เจ้าอาคมเล็ก" ครูบาอาจารย์ท่านเคยเล่าว่า คนชอบอ้างว่าพระรูปนั้น รูปนี้ เป็นรัชกาลที่ 5 มาเกิด ท่านว่า "บ่แม่น เป็นญาณธรรมของรัชกาลที่ 5 ไปอยู่ด้วย ไปสงเคราะห์ หากวันใดเขาปฏิบัติไม่ดี ญาณธรรมก็จะถอดออก" ท่านว่าหากเขาเป็นรัชการที่ 5 มาเกิดจริง เขาต้องตอบได้ว่า รัชกาลที่ 5 นั้น ทรงสวรรคตด้วยบุพกรรมอะไร และเมื่อไหร่ หากไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของท่านก็จะตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้

ดังนั้นการที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ท่านทรงมีพระบารมีและทรงรอบรู้เป็นอย่างสูงยิ่ง การตั้งนามของพระโอรสแต่ละพระองค์ ล้วนแต่มีความหมายลึกซึ้งทั้งสิ้น แม้แต่ชื่อพระราชวัง หรือชื่ออื่นๆก็ล้วนมีที่มาที่ไปทั้งสิ้น บางครั้งพิจารณาไปก็รู้สึกว่าแม้แต่ตัวเลข ก็มีความหมายด้วย เช่น รัชกาลที่ 5 หรือ พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ก็เป็นสิ่งที่น่านำมาพิจารณาดู บางครั้งหากปัญญาเกิดก็จะได้รู้อะไรดีๆเกี่ยวกับศีลธรรม ทำนองนี้

 

ผมรู้สึกเหมือนคุณKasin84000รู้สึกนั่นแหละ

 

ขอเรียน คุณAunyasit
ขอรบกวนท่านที่กระทู้นี้ด้วยครับ
http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=193268#post193268