พลังดูดจักรวาล หายใจแบบอานาปานสติเต็มกำลัง!

ในหนังจีนกำลังภายในเรื่อง "เดชคัมภีร์เทวดา" มีตัวร้ายตัวหนึ่ง
ที่มีพลังดูดจักรวาล กิมย้ง ไม่ได้จินตนาการมาโดยเลื่อนลอย
เพราะกิมย้ง เป็นนักเขียนจีน รุ่นเก่าที่อนุรักษ์นิยมมาก เขาจึงแตก
ต่างจากโก้วเล้ง กล่าวคือ โก้วเล้งไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์จีนนัก
เขาใช้ "จินตนาการ" แบบฝรั่ง ศึกษาแบบฝรั่ง งานเขียนของโก้วเล้ง
จึงไม่ได้อ้างอิงความจริงใดๆ เป็นการจินตนาการเท่านั้น ผิดจากของกิมย้ง


กิมย้ง ได้จินตนาการเรื่อง "พลังดูดจักรวาล" นี้มาจากที่ใดกัน?
ลองอ่านดูครับ...

 

อานาปานสติ ทำไมจัดเป็น "ยอดกรรมฐาน"?


อานาปานสติ นอกจากจะใกล้ปัญญาแล้ว ยังทำให้ได้อภิญญามากอีกด้วย
เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้? เพราะสติ นั้นเป็นของใกล้ เป็นเหตุใกล้ ปัญญา การเจริญ
สติแบบต่างๆ ทั้ง 10 วิธี (อนุสติ ทั้งสิบ) ก็ล้วนช่วยให้การบรรลุธรรมง่ายขึ้น
ในบรรดาสติเหล่านี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสรับรองอานาปานสติไว้ว่า เป็น
"ยอดกรรมฐาน" คนเราตราบที่ยังไม่ตาย ลมหายใจก็ยังไม่สิ้น แต่หากใกล้ตาย
คงไม่มีใครลืมลมหายใจเป็นแน่ ต้องหันกลับมาดูลม เร่งลมหวังให้ลมกลับมาเต็มที่
ด้วยเหตุนี้ ลมหายใจจึงใกล้นิพพานมาก


นอกจากนี้ การฝึกอานาปานสติยังทำให้ได้อภิญญามากอีกด้วย ดังจะได้อธิบายต่อไป

 

อานาปานสติ ห้าขั้น (เต็มกำลัง)

1. ขั้นที่หนึ่ง แค่กำหนดสติ ไว้ปลายจมูก ก็ถึงนิพพานได้แล้ว (เน้นปัญญาไม่เน้นอภิญญา)
2. ขั้นที่สอง กำหนดลมหายใจที่ท้องพองยุบ อันนี้ ได้พลังวัตรที่จุดตันเถียนล่างด้วย
3. ขั้นที่สาม กำหนดลมหายใจเคลื่อนเป็นเส้นจากท้องไปจมูก แบบนี้ได้โคจรลมปราณ
4. ขั้นที่สี่ กำหนดลมหายใจทะลวงออกนอกร่างกาย ทำให้เปิดจักระรับพลังภายนอกได้
5. ขั้นที่ห้า กำหนดลมหายใจเข้าสูบพลังจักรวาลจากทั่วจักรวาล เป็นระดับพลังสูงสุด


ในขั้นที่สองนี้ จะเริ่มได้อภิญญาแบบนิ่ง ต้องใช้การอธิษฐานเอา เมื่อจิตออกจากฌาณสี่
ในขั้นที่สามขึ้นไป ใช้อภิญญาแบบลมปราณได้ เช่น รักษาโรคต่างๆ ซึ่งจะอธิบายขั้นที่ห้าต่อไป

 

พลังดูดจักรวาล (อานาปานสติเต็มกำลัง)


พลังจักรวาล หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า "ชี่กง" มีอยู่ในบรรยากาศทั่วๆ ไปเป็นของฟรี
สำหรับผู้ที่ฝึกอานาปานสติขั้นสูง จะสามารถดูดซับพลังจักรวาล หรือ ชี่กง นี้ได้จาก
บรรยากาศรอบๆ เรียกว่าสามารถดึงเข้ามาได้ทุกรูขุมขนทีเดียว


ในพระไตรปิฎกได้บันทึกไว้ว่าพระพุทะองค์ทรงเคยกระทำยมกปาฏิหาริย์ โดยการ
กำหนดให้น้ำและไฟ ออกทางรูขุมขนอย่างและคู่ๆ ทั่วร่างกาย นั่นแสดงให้เห็นว่า
รูขุมขน ก็เป็น "อนัตตา" มีพลังไหลเข้าออกได้เหมือนกัน ทั้งยังสามารถกำหนด
ให้เป็นพลังชนิดต่างๆ ตามธาตุทั้งสี่ชนิดได้อีกด้วย


ทีนี้ ลองมาฝึกแบบนั้นกันบ้างดูไหมครับ ทดลองให้ทราบว่า "มันมีจริง" ไม่ใช่นิยาย
แต่ไม่เอาถึงขนาดพระพุทะเจ้านะครับ เอาแค่ทดสอบดูว่าไตรปิฎกไมได้ล้อเล่นเท่านั้นเอง
ซึ่งผู้ฝึกโดยใช้ "ปัญญา" นี้ ไม่จำเป็นต้องให้สำเร็จเท่าพระพุทธเจ้า ก็จะเข้าใจได้ครับว่า
พอจะเป็นไปได้หรือไม่ครับ

 

พลังเก้าอิม สามารถสื่อออกมาทางซอและพิณได้?


เรื่องนี้ ท่าน ธ.ธีรทาส ได้บันทึกไว้ในหนังสือ เรื่อง "ตำนานศาลเจ้าโรงเจ อายุ 100 ปี"
จากการเล่าของบิดา ซึ่งบิดาเป็นผู้ไปพบ "แป๊ะบาง" หรือ หลวงพ่อพวงโพธิ์ แล้วเล่าต่อมา
ท่านเล่าว่า ท่านแป๊ะบาง สามารถสีซอทำให้นกมาฟังจนเคลิ้มลืมตัว และถูกจับได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ ท่านยังพบ "คนไทยท้องถิ่นชาวใต้" คนหนึ่ง สามารถจับนกมาขายได้มากมาย
ท่านก็ทราบภายหลังว่าชายผู้นี้ ฝึกทำเสียงอืดๆ อูดๆ มาจากท่านแป๊ะบาง ซึ่งก็คือวิชชา
หนึ่งในคัมภีร์เก้าอิม นั่นเอง


ในเรื่อง "เดชคัมภีรืเทวดา" ตอนขึ้นต้นเรื่อง เราจะพบว่า มีชาวยุทธทั้งหลายแก่งแย่ง
คัมภีร์ "ทานตะวัน" จากจอมยุทธสองท่าน ที่ลงเรือไปด้วยกัน คนหนึ่งเล่นวอ คนหนึ่ง
เล่นพิณ แล้วท่านก้กล่าวว่า "มันเป็นแค่โน้ตเพลงเท่านั้น"


โดยที่ตัวเอกของเรื่องผู้ได้วิชชานี้ไป ไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่ามันเป็นวิชชาอะไรกันแน่

 

เมื่อข้าพเจ้าพบเจ้าของศาลเจ้าที่ยังมีชีวิต ผู้มีวิชชากำลังภายใน!


หากท่านเดินทางไปที่จังหวัดชลบุรี ลองแวะเข้าไปที่ศาลเจ้า "พระศรีอาริยเมตตรัย"
ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ เขาพุทธโคดม ที่นั่นจะมีแป๊ะคนหนึ่ง เป็นเจ้าของศาลเจ้า ท่านได้เล่า
ให้ข้าพเจ้าฟังว่า สมัยเขายังหนุ่มๆ นั้น มาจากเมืองจีน และยากจน ท่านต้องไปแบก
ข้าวสารเลี้ยงชีพ แล้วท่านก้ได้วิชชากังฟู จากชายคนหนึ่ง ที่แก่ๆ ผอมๆ แต่สามารถ
ยกกระสอบข้าวโยนได้ราวกับโยนลูกฟุตบอล


เรื่องคนแก่ที่ยกกระสอบข้าวโยนได้อย่างลุกฟุตบอลนี้ ได้บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนั้น
ของท่านธีรทาส ด้วย ท่านกล่าวว่า ท่านแป๊ะบาง นี่แหละที่สามารถทำได้ ซึ่งในยุคนั้น
ชาวจีนที่ลี้ภัยการเมืองมา (รวมทั้งท่านแป๊ะบาง) ต่างแตกแยกกันไปคนละทิศทางไม่
รู้หัวนอนปลายเท้า หลายคนที่มีวรยุทธ และเคยเป็นแม่ทัพ ขุนพลทั้งหลาย ก็ได้มาอยู่
กินกับพวกอั้งยี่ พวกอั้งยี่ในเมืองไทยนี้ เดิมทีไม่มีวรยุทธเลย เป็นนักเลงธรรมดาเท่านั้น
แต่พอเหล่าชาวจีนลี้ภัยมาอาศัยอยู่ด้วย ได้สอนวิชชาให้เท่านั้น ก็กลายเป็นกลุ่มผู้มี
อิทธิพลไปในที่สุด ดังนั้น จะกล่าวว่า วิชชากังฟูเส้าหลิน ส่วนหนี่งไปอยู่กับอั้งยี่ก็ไม่ผิด

 

ยังสืบสาวไปพบต้นวิชชาครับ ว่ามาจากไหน เป็นวิชชาอะไรกันแน่?

 

ฝึกทดสอบพลังดูดจักรวาล ท่าที่หนึ่ง


ทดลองแขนข้างเดียวก่อน ซ้ายหรือขวาก็ได้ ยกขึ้นขนานพื้น หงายฝ่ามือขึ้น
กางนิ้วทั้งห้าออก อย่าให้แนบชิดติดกัน (ไม่ได้ฝึกฝ่ามือ จะดูดปราณเข้าปลายนิ้ว)
ค่อยๆ ดึงแขนเข้าหาลำตัวอย่าช้าๆ ราวกับจะกวาดเอาน้ำทั้งสมุทรมาเข้าตัว
แล้วค่อยๆ ใช้ความยืดหยุ่นของร่างกาย ยืดผลักฝ่ามือที่เกือบแตะหน้าอกแล้วนั้น
กลับออกไปยืดออกไปไกลที่สุด (ขาไปให้คว่ำฝ่ามือ) เวลาดึงเข้าและผลักออก
ให้ทำเป็นแบบ projection คือ วิถีโค้ง หรือรีก็ได้ และร่างกายอย่างแข็งทื่อให้
ปรับไหวไปตามพลังราวกับหญ้าต้องลม


หมุนวนพลังเข้าออกหลายๆ ครั้งซ้ำๆ โดนกำหนดลมหายใจเข้าเมื่อดึงมือเข้า
ลมหายใจออกเมื่อผลักฝ่ามือออกไป และเมื่อมือเกือบถึงหน้าอกให้หยุดหายใจ
เพื่อรวบรวมพลังลมปราณก่อนให้เป็นก้อนเดียวก่อนถ่ายออกไป จะไม่กระจัดกระจาย
เวลาหายใจเข้าออก สุดลมแรงๆ สุดปอดสุดร่างกาย ราวกับหายใจโดยใช้ทั้งร่าง

 

ข้อสังเกตุ


สำหรับพลังจักรวาลนี้ จะมาจากภายนอกร่างกาย ไม่ใช่พลังเอี๊ยง
เป็นพลังอิม ผู้ฝึกจะรู้สึกแตกต่างอย่างชัดเจนกับการฝึกพลังเอี๊ยง
กล่าวคือ เมื่อฝึกเอี๊ยง จะรู้สึกถึงความอุ่นที่ท้องน้อยเหมือนมีไฟ
อยู่ได้ แล้วสังเกตุว่าความร้อนถ่ายไปปลายมือ


แต่สำหรับพลังจักรวาลนี้ จะรู้สึกว่าไม่ได้เอาพลังภายในร่างกายออกไปเลย
แต่จะมีพลังเข้ามาจากภายนอกล้วนๆ แล้วไหลออกไปภายนอกอีกครั้งหนึ่ง

 

ทดสอบพลังดูดจักรวาล ท่าที่สอง


สำหรับพลังดุดจักรวาลท่าที่สองนี้ จะดุดและถ่ายพลังปราณ ซักฟอก
เข้าออกจากร่างกาย ผ่านทางแผ่นหลังและปลายมือ ให้นั่งสมาธิแล้ว
วางฝ่ามือหงายขึ้นไว้บนหัวเข่า โดยให้ข้อมือเลยหัวเข่าออกไป จะสามารถ
สัมผัสพลังได้ชัดเจนมากขึ้น จากนั้น ให้


หายใจเข้า โดยยืดหน้าอกออก สูดลมหายใจเต็มที่ถึงท้องน้อย พร้อมค่อยๆ
หงายหน้าขึ้น ให้ตาที่สาม อยู่แนวดิ่ง ราวกับจะดึงพลังจากข้างบน ยืดกาย
ให้เต็มที่ราวกับฤษีดัดตนให้คลายหายเมื่อยไปเลย แล้ว...


หายใจออก ให้ค่อยๆ ยุบตัวลง พร้อมกับค่อยๆ ก้มหน้าลงมาราวกับลุกโป่ง
ที่ลมค่อยๆ แฟ่บ แล้วกดหัวใหล่ของข้างเข้าหาลำตัว พร้อมโน้มลำตัวงอ
ไปด้านหน้า ราวกับจะบีบอะไรจากท้องน้อยออกมาให้หมด จนคางแทบชิด
ติดกับหน้าอก


ระหว่างจังหวะหายใจเข้าและออกนั้น ให้หยุดเสี้ยววินาทีหนึ่ง เพื่อรวบรวมพลัง
ให้เป็นกลุ่มเป็นก้อนก่อน ไม่ให้ฟุ้งมาเหมือนสายน้ำทีรอกันมาจนหมดสายพร้อมกัน

 

ข้อสังเกตุ


การซักฟอกลมปราณทั่วร่างนี้ จะช่วยขับถ่ายพลังชี่ที่มีปัญหา ชี่ที่เป็น
สาเหตุของโรคต่างๆ เหมือนกับการทำ Detox แต่ไม่ต้องใช้อาหารใดๆ
ไม่ต้องเอาสารเคมีหรือสารใดๆ เข้าสู่ร่างกายเลย ใช้เพียงการออกกำลัง
กายแบบ Airobic ซึ่งทำอย่างเชื่องช้า ลดอุบัติเหตุจากการออกกำลังกาย
ได้อีกด้วยครับ

 

อนึ่ง...


สำหรับท่านที่บำเพ็ญเป็นมหาจักรพรรดิ์
หากได้ฝึกแล้ว จะช่วยให้อายุยืนขึ้นครับ


ตอนนี้อายุขัยของมนุษย์น้อยไป (75 ปี)
พระพุทธศาสนาอยู่ไม่ไหว หากจะให้ดีขึ้น
ต้องทำบุญกุศลแล้วบำเพ็ญให้ได้อายุขัย
สัก 200 ปี ก็พอจะจัดการเรื่องต่างๆ ให้ดี
ขึ้นครับ

 

โอ้ววว
งี้ ถ้า พลาด ดูด เอา ควันพิษ แถว ๆ อโศกเข้าไปทำไงละนั้น

 

ควรเลือกสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์มีปราณดีๆ ครับ



ส่วนใหญ่จะต่างจังหวัด ลองดูที่โล่งๆ มีหน้าผามีน้ำ มีภูเขาสิครับ

 

ผมเห็นคนญี่ปุ่นแก่ๆ อายุ 60กว่า ยังปั่นจักรยานกันคล่องมาก ทำงานก็อึดไม่ขี้บ่นไม่ยึดติดกับอะไรซักอย่าง
ไม่ผูกพัน ไม่หมกมุ่น ไม่เชื่อถืออะไรซักอย่าง กินก็กินง่ายมีกินก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน บ้านเมืองเค้ามีแต่ตึก แต่ทำไมธรรมชาติก็ยังอยู่เหมือนวิมานบนดินเลย ก็ไม่แปลกที่คนญี่ปุ่นมีอายุยืนที่สุดในโลก เป็นอย่างนี้จริงๆ

ต่างกับคนจีน และลูกครึ่งจีน-ญี่ปุ่น พวกนี้จะยึดติดแต่บรรพบุรุษทั้งๆที่ย้ายรกรากมาจากเมืองเกิดตั้งนานแล้ว
แทนที่จะเคารพและตอบแทบบุญคุณแผ่นดินที่ตัวเองอยู่ ณ.ปัจจุบัน
ทำเหมือนกับว่าซักวันจะกลับบ้านของบรรพบุรุษ เหมือนกับว่าเค้าจะรู้จักตัวเองอย่างนั้นแหละจากมาตั้งนานขนาดนั้นแล้ว (ฮา)



ขอคาราวะ ท่านจอมยุทธ

 

ผมเชื่อเรื่องพลัง ชี่กง กับ พลังจักรวาล ครับ มี จริง ๆ ไม่ใช่ปาฎิหารย์

 

อยากได้พลังคลื่นเต่า อะ

 

ถ้าคนหันมาฝึกกันเยอะๆ ร้านเภสัชคงขาดรายได้ไปเยอะเลยครับ
ยาดีมีอยู่ในตัวครับ ช่วยปลุกยาดีในตัวให้ตื่นมาดูแลกันหน่อยครับ

อนุโมทนาครับ




link นพ.เทอดศักดิ์ เดชคง รูปแบบหนึ่งครับ

http://www.drterd.com/cvideo/live/tm1.asp

http://www.drterd.com/cvideo/

อาการข้างเคียงของการฝึกชี่กง
http://www.drterd.com/news/view.asp?id=6

<LINK href="/styles.css" type=text/css rel=stylesheet>

 

น่าสนุก