โรคภัยไข้เจ็บ อันเกิดจากการนั่งสมาธิ / การฝึกจิต / การฝึกพลัง

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

คงไม่ลืม ขบฟัน แหงนหน้านิดๆ ลิ้นแตะเพดาน ในตอนอาบด้วยนะครับ


ไม่เป็นไร ........เว้นหน่อยก็ได้ แหม เย็นเจี๊ยบสะใจขนาดนั้น

55555

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


เฮ้อ อะไรๆ ก็พร้อมแล้ว รักษาเพดานบินไว้นะครับ อย่าต่ำกว่านี้


จะให้ส่งยาเขียวไปให้ไหม


อาบน้ำแข็งตูมเดียว รู้เรื่องแล้ว..... อนุโมทนาครับ


ปล. ฝึกเดิน +ขนลุก+ หายใจไปก่อนนาครับ

เดินเล่นๆ หลังตรง อกผึงผายอย่าห่อไหล่ พลังจะดีขึ้น

เดินระยะทางไกลๆ ไม่ต้องกลับตัวบ่อย

หายใจแค่ลิ้นปี่ เร็วๆ สัมพันธ์กับการเดิน

ถ้าเดินถูก น่าพอใจ เดินไกลแค่ไหน ตัวก็จะไม่ร้อน

กลับเย็นสบาย ไม่มีเหงื่อ หรือมีน้อยมาก



อย่างพี่ประสงค์ ท่านก็เดินได้ระดับนั้นเช่นกัน ( แต่ป่านนี้น่าจะ

เดินจนตัวเบาแล้วมั๊ง ตอบด้วยครับพี่ )

 

พอดีเมื่อคืนนั่งสมาธิมีหลายเหตุการณ์มาก ได้แบ่งไปเล่ากระทู้ของอาจารย์ SUWI มาแล้ว

เลยมาแชร์ของคุณโอมมั่ง...คือมีอยู่ช่วงหนึ่งที่กำลังเคล้ม ๆ ไป พลันมีเสียงคล้ายไม้กระ

ดานดัง "เอี๊ยด" เบา ๆ ...แต่ความรู้สึกขณะนั้น เปรียบคลา้ยเสียงฟ้าฝ่าก็ไม่ปาน จิตสะดุ้ง

ตกใจ อ้ายตัวพลังขนลุก เลยเริ่มต้นสตาร์ทวิ่งจากแถวจักกระ 2 ปลายกระดูกก้นกบ (เท่าที่รู้สึก)

วิ่งไปตามแนวเส้นกระดูกสันหลัง จนถึงกระหม่อม....แต่ยังไม่ทะลุออกฟ้า อิอิ

 

จากกระทู้ http://palungjit.org/showthread.php?t=110817&page=22

จากโพสพี่มังกรฯ



เมื่อวานผมออกไปเดินตามแบบของคุณโอม คือเดินขนลุกและหายใจแค่ลิ้นปี่

ยิ่งเดินก็ยิ่งมันส์ เพราะรู้สึกไม่เหนื่อย แต่...หลังจากการเดินสักพัก ผมได้นั่งลง

สักครู่แล้วลุกขึ้นยืน รู้สึกมีเสียงดังของเส้นเอ็น "กรึ๊บ" ดังแรงมาก และเจ็บ

เสียวแถวบริเวณด้านหลัง (ประมาณกึ่งกลางเอว จักรที่ 3) หลังจากที่เส้นเอ็นดังแล้ว

อ้ายเส้นที่ผมว่า มันกลับเปลี่ยนเป็นเส้นเย็น ๆ วาบ ๆ บอกไม่ค่อยถูก....คือพอดัง "กรึ๊บ"

แล้ว เส้นมันเปลี่ยนเป็นเย็นเดี๋ยวนั้นเลย

มาวันนี้ต้องหยุดเดินครับ เพราะยังเจ็บนิด ๆ อยู่ เลยแค่รอดูอาการ...กับพอดีผมมี

คนรู้จักที่เป็นโรคกระดูกทับเส้นปราสาท ซึ่งขณะนี้เขาผู้นั้นก็เดินหลังตรงไม่ได้ ต้องเดิน

หลังค่อม ๆ ไปตลอดชีวิต....คือที่ผมเรียนถามอาจารย์ก็อยากได้ความรู้เกี่ยวกับอาการ

เส้นเอ็นดังที่แจ้งมาครับ...กลัวต้องเดินหลังค่อม


OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


เวลานั่งสมาธิ เหมือนมีเส้นสีแดง เป็นขีดตรง ๆ สั้น ๆ อยู่ในความมืด หลังจาก

นั้นอ้ายเส้นขีดแดง ๆ มันขยายวงกว้างขึ้นเลื่อย ๆ หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นเป็น

เส้นขีดตรง ๆ แต่คราวนี้เป็นสีน้ำเงิน และขยายวงกว้างเหมือนกัน...ทั้งสีแดงและ

น้ำเงินดูเหมือนกับจะเข้ามาผสมพันธ์กัน........เวลาผ่านไปสักครู่ เห็นดวงกลม

แสงขนาดเท่าลูกบอล สว่างมาก ลอยอยู่เหนือกระหม่อม สัก 2 วินาที แล้ว

หายไป ซึ่งเป็นคนละดวงกับที่ผมเคยโพสต์ไว้ในกระทู้ของคุณโอม

อุปทานมันเกาะอีกหรือเปล่าครับจารย์...มานชอบมาหลอกให้วัยรุ่นเซ็ง

(เกิดวันเดียวกับที่เส้นเอ็นดัง)
<!-- / message -->OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


"""""""""""""""""" แหม พี่เรา กำลังม่วนแต้ๆ """"""""""""""""""""""

ผมก็รอ ท่านอาจารย์มาช่วยชี้แนะอีกแรง พี่น้องท่านอื่นๆด้วยครับผม
<!-- / message -->

 

ผมเห็นอาการมันเกี่ยวกับเส้นเอ็น ก็เลยไปถามที่กระทู้ของอาจารย์ SUWI ครับ

แต่ก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมเส้นเอ็น "เย็น" ได้อย่างไร เป็นอาการแรกที่พบเจอ

 

ตอบคุณ โอม ผมเดินรอบหมู่บ้านรอบละประมาณ 500ม เดิน6รอบขณะเดินมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา ใช่แขม่วท้องให้หายใจเต็มปอดถึงแค่ลิ้นปี่หายใจเร็วแขน2ข้างเย็นหน้าผากเย็นตามตัวไม่ถึงกับเย็นเท่าแขน หลังเดินไม่รู้สึกว่าเหนื่อย ตัวยังไม่เบาแต่ใจเบาสบายครับ

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

โมทนาสาธุครับ

มีขนลุกเองบ้างไหมครับ หรือ กำหนดให้ขนลุกทั่วตัว ได้ไหมขณะเดิน


พัฒนาการต่อไปคือ ตัวจะเบา น้ำหนักคล้ายหายไปเยอะ
( ใหม่ๆผมรู้สึกเหมือนน้ำหนักหายไปครึ่งหนึ่ง ถึง สามในห้า ส่วน )


และ พัฒนาการต่อไป จะมีอีก...

 

วันนี้ลองเดินอย่างที่คุณโอมแนะนำ

พอเริ่มเดิมก็แกว่งแขน เงยหน้านิดนึง เม้มปาก(ใช่ขบปากหรือเปล่าค่ะ) กัดฟันเล็กน้อย ลิ้นแตะเพดาน เดินตัวตรง เร็ว

อาการที่สังเกตุ ช่วงแรก จะปวดเมื่อยท้ายทอย(ไม่ทราบว่าแหงนคอมากไปรึเปล่า) แขนที่แกว่งทั้งสองข้าง แขนด้านหน้ารู้สึกตึง ต้นขาทั้งสองข้างปวด ๆ เมื่อย ๆ กับรู้สึกยิบ ๆ เยอะมาก หายใจเร็วถึงลิ้นปี่หรือเปล่าไม่ทราบ แต่ที่ต้นคอปวดเมื่อย ก้มลงมาหน่อยก็ดีขึ้น กับปวดที่ข้างลำตัวด้านขวา

จากนั้นพอเริ่มกลับตัวพอเริ่มเดินกลับ รู้สึกตามันแจ้งแจ่ม อย่างไรไม่ทราบ เหมือนมองอะไรแล้วมันเคลียร์ไปหมด หัวเริ่มกลวง ตัวเริ่มเบา (แต่เคยเดินจงกรม แล้วตัวเบาเท้าเบา) อาการปวดต่าง ๆ เริ่มจางลง แต่ยังมีอาการให้รู้สึก ยิบ ๆ ที่ต้นขายังมีอยู่แต่ไม่มาก เรื่องการเบ่งขนลุกนั้น มาทำตอนใกล้จะถึงแต่มันมาซ่าได้แค่ศรีษะ แต่ไม่เต็มพละ เห็นยิบ ๆ บวกกับฝนตกหน่อย ๆ เดินประมาณ สิบห้านาทีได้ค่ะ

กลับมานั่งพัก บริกรรมปกติ รู้สึกว่านิ่งได้เร็ว ถ้าเปรียบแล้ว ถ้าจะเข้าสมาธิก็เข้าได้เลย นิ่งมาก และไม่มีอาการเหนื่อย หัวใจไม่เต้นเร็ว จับได้แค่นี้ค่ะ

ป.ล. เมื่อคืนจับพองยุบนอน ปกติ เวลาหลับตาแล้วจะเห็นแสงขาว ๆ แต่เมื่อคืนแปลกหน่อย เห็นยิบ ๆ เหมือนทีวีมันล้มแล้วเป็นเส้น ๆ ยิบ ๆ น่ะค่ะ

ยาเขียวอยากได้ แต่เกรงใจค่ะ ช่วงนี้มันกำลังหนาวถึงใจซะด้วย

 

เวลาเดินมีขนลุกบ้างแต่กำหนดให้ทั่วตัวยังไม่ได้ครับ

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


เดินวันแรก ยังขนาดนี้เลย ได้ระเบิดน้ำแข็งลูกเดียว เกิดยุคใหม่ไปแล้ว

โมทนาครับ



-ไม่ต้องขบปาก ปิดธรรมดา จำง่ายๆ เดินเล่นๆ สบายๆ + กัดฟัน+ หายใจแค่ลิ้นปี่

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


โมทนาครับ ใกล้แล้ว

 

ผลการอาน้ำเมื่อวานมีอาการหน่วงที่จักร6 เบาๆอย่างเดียว เลยไม่ได้ post
เมื่อวานยาเขียวกินไปแล้วเหลืออีกแค่ 5เม็ด แต่ลืมซื้อเพิ่มเลยเก็บยาไว้กินหลังอาบวันนี้
วันนี้บังเอิญทำอะไรหลายอย่างไม่เหมือนวันก่อนๆคือ
1/ทำชี่กงตอนเริ่มกำหนดจิตไว้ที่จักระ2และฝ่าเท้าหลังจากนั้นปล่อยมันจะย้ายไปไหนในตัวปล่อยมันไปตามดูมันอย่างเดียว
2/ทำชี่กงไม่ครบชุดที่ทำทุกวัน มีเหตุให้ต้องหยุด
3/กินยาไม่ครบ
วัันนี้ขณะอาบทั้งๆที่ ความรู้สึกน้ำเมื่อวานเย็นกว่ามาก แต่วันนี้ขณะอาบมันหน่วงทุกขัน หลายจุดมากตั้งแต่ศรีษะลงมาตามลำตัวทั้งหน้าและหลัง บริเวณลำตัวที่รู้สึกชัดสุดจะต่ำกว่าลิ้นปี่ประมาณ 1 นิ้วทั้งหน้าหลัง นอกนั้นอยู่แนวหัวไหล่ทั้งสองข้างลงมาทั้งหน้าและหลังเต็มไปหมด
หลังอาบเสร็จเช็ดตัว+ทานยา 5 เม็ดที่เหลือ หายใจลิ้นปี่รู้สึกลมเข้าออกเย็นที่หน้าผาก แต่ตอนออกที่หน้าผากออกแล้วรู้สึกมันไหลออกไปด้านข้างศรีษะข้ามหูไปรวมที่ ท้ายทอยไหลลงกระดูกสันหลัง รู้สึกอยู่ประมาณ 3นาที
หน้าผากก็เริ่มหน่วงเบาๆตามปกติ จุดอื่นๆที่หน่วงหายหมด ตอนนี้จับการไหลไม่ได้แล้้ว แต่ใบหน้า+ตา+ลำตัวเริ่มอุ่นเล็กน้อย แต่งตัวออกไปเดินต่อก่อนไปทำงานรู้สึกซ่า+อุ่นตามใบหน้าและแขนเล็กน้อย ช่วงขับรถไปทำงานใบหน้าจะตึง+อุ่นเล็กน้อย
ผ่านมา 1:30ชม. เหลือแต่ซ่าๆ+หน่วงที่หน้าผากเล็กน้อยและ เฉพาะที่ด้านหลังมียอกตรงด้านหลังต่ำกว่าลิ้นปี่เล็กน้อยนานๆครั้ง มาๆหายๆ

 

ยังติดใจเรื่องยาเขียว
ทำไมต้องเป็นยาเขียว ....
ได้ทำการ ซิมมูเลท ดู เทียบกับยาปลูกไฟธาตุหลายๆชนิด ที่ได้รับรู้มา
อีกสักพักจะมาเล่าสู่กันฟัง

เท่าที่ดู คุณ kuro122 เป็นผู้หนึ่งที่ขาดแคลน ยาเขียว
ไม่ทราบว่า อาบน้ำแข็งโดยไม่ได้กินยาเขียวหรือไม่

ถ้าไม่ได้กินยาเขียว แล้วอาบน้ำแข็ง มีอาการดังนี้หรือไม่
ปากคอแห้ง(ร้อนในคอหน่อยๆ) หน้าตาแดง มึนๆศีรษะและ ตึงๆที่ท้ายทอยนิดๆ หรือไม่
มีอาการคล้ายเป็นไข้แบบหวัดแดดหรือไม่(อาการนิดหน่อย รุมอยู่ลึกๆ)

 

2วันแล้วค่ะ กับสูตรใหม่ เมื่อวานวันแรก ขนลุกมากๆมองที่แขน ขนงี้ตั้งเชียวค่ะ ไม่ว่าจะทำอะไร ขนลุกตลอด พอขนลุกแล้วก็จะหาวและเรอ ยิ่งตอนนอน ดู ทีวีขนลุก นานมากๆเป็นชั่วโมง แต่ไม่ตลอดนะคะ เขาจะหยุดสัก 4-5นาทีแล้วก็ขนลุกอีก จนหลับ ตอนอาบ น้ำลายงี้เหนียวมาก แทบบ้วนไม่ออก ต้องขาก เป็นตลอดขณะอาบ เบ้าตามันเห่อๆ คันยิบๆ และยังปวดหน่อง ที่ศีรษะด้านบน อ้อ ตอนอาบเมื่อวานตอนเย็น ตรงหน้าท้องมันปั๊มขึ้น ปั๊มลง ก็ทำความรู้สึกตัวทั่วพร้อม รายงานค่ะ

 

ตอบมังกรบูรพา

ถ้าเธอย้อนไปอ่าน เส้นสิบพิศดาร
เธอจะเห้นเส้นพลังงานที่แนบอยู่กับเส้นเอ็นที่สันหลังสองเส้น มีชื่อ ๑. อิทา ๒.ปิงคลา
ทั้งสองเส้นนี้เกี่ยวเนื่องกับสมอง และก้านสมอง และยังเกี่ยวเนื่องกับ สุริยันแลจันทราอีกด้วย
อิทา (ด้านซ้าย) เกี่ยวเนื่องและดูดซับพลังงานจาก จันทรามณี (ความเย็น)
ปิงคลา(ด้านขวา) เกี่ยวเนื่องและดูดซับพลังงานจาก สุริยะรัตมณี (ความร้อน)

ในทางเดินลมปราณ โดยเฉพาะประตูลม ในคนปกติอาจมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาฝังตัวซ่อนเร้นอยู่ ดูดกินพลังงานของเรา และปล่อยของเสียทิ้งไว้ให้เราชำระล้าง
เมื่อเรามีพลังมากพอ มันจะกระตุ้นให้เกิดพลังงานก้อนใหญ่ให้ผ่านสถานที่ปิดกั้นนั้นให้ปลอดโปรง
ตอนที่ทำนพทะลุทะลวงพังทลายย่อมมีเสียงดังเป็นธรรมดา เบาบ้างดังดุจฟ้าผ่าข้างหูบ้าง
ตอนทำนพพังทะลายอาจมีบ้างที่ทำให้กล้ามนื้อบริเวณนั้นเจ็บปวด วันสองวันก็หาย
ถ้าไม่หายในวันสองวัน แสดงว่ามีการบาดเจ็บต้องค้นให้เจอว่ากระดูกเส้นเอ็นเคลื่อนหนือไม่ แล้วทำการรักษาตัวเอง
ฤๅษีลีลาที่บอกเล่าไว้ คือขบวนการ ขบวนท่าที่ใช้ในการรักษาตนเอง
และความรู้ทั้งหมดที่สุวิใช้รักษาคนไข้ ล้วนมาจาก ฤๅษีลีลาทั้งสิ้น

ความเย็นวาบที่รู้สึก จะมาจากด้านซ้ายก่อนแล้วกระจายออกไป
ส่วนความร้อน จะเริ่มกระจายจากด้านขวา

ส่วนเส้นแสงสีแดงคือพลังจากมังกรไฟ(สุริยรัตมณี-ปิงคลา)
สีน้ำเงินเกิดจากมังกรน้ำ (จันทรามณี-อิทา)
ดูให้ดีๆตรงกลางระหว่าง สุริยันและจันทรา(เส้นสีแดง-น้ำเงิน)จะมีสิ่งขวางอยู่คล้ายๆเสาต้นหนึ่ง คล้ายเยื่อบางๆอันหนึ่ง

มังกรทั้งสองจะเข้าพัวพันกันกับเสาต้นนี้(เหมือนกับที่มังกรบูรพาเห็น)
เสาต้นนี้คือ สิ่งที่เรียกว่า สุมนานที (บนยอดเสามีหัวเสากลมๆด้วยนะ)
เยื่อบางๆที่เห็นจะเป็นตัวดูดซับหล่อหลอมสุริยันและจันทราเข้าด้วยกัน
ดูดซับพลังทั้งหมดเข้าสู่สุมนานที อันเป็นแม่น้ำใหญ่แห่งพลังชีวิตมนุษย์

 

ไม่ได้อาบน้ำแข็งเลยค่ะ อาการทุกอย่างมันเป็นเอง คุณโอมบอกให้ไปซื้อยาเขียวมาก่อน ค่อยอาบน้ำแข็งน่ะค่ะ

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO




โมทนาครับ กระบวนการชำระล้างพิษ ซ่อมแซมอวัยวะ และจักร ก็ยังทำงานอยู่

ให้พยายาม 1. ขยายขนลุกให้ทั่วตัว เต็มหัว เต็มหน้า
2. ให้ขนลุกนานขึ้น ขยายเวลาออกไปทีละนิดๆๆ สนุกๆ

 

รายงานการอาบวันที่ 3

วันที่ 3 นี้มีความรู้สึกเหมือนกับมีความร้อนวูบขึ้นมาจากจักร 1 แต่ไม่แน่ใจนักเพราะไม่ได้กำหนดสติรู้ตัวทั่วพร้อม มัวแต่ไปพะวงกับถังน้ำที่มันรั่วเลยรีบเท (เทน้ำแข็งแรงไปหน่อย เลยไปกระทบก้นถังแตก ) แต่ที่แน่ๆระหว่างเท จักร 2 ตรงปลายก้นกบมีอาการตึงๆครับ

ผมไม่แน่ใจว่ายาเขียวที่ผมใช้มีประสิทธิภาพดีหรือเปล่า ผมใช้ยาเขียวชนิดเม็ดตราใบโพธิ์น่ะครับ ซองหนึ่งมี 13 เม็ด ผมทานวันละ 3 เวลาครั้งละซอง เช้า ระหว่างวัน (ราวๆหกโมงเย็น) และหลังอาบน้ำเย็นเสร็จ (ราวๆเที่ยงคืน)

ยังไม่มีอาการขนลุกเหมือนคนอื่นๆครับ

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


ได้ยี่ห้ออื่น ก็พอได้ ถ้าไม่เกินกำลังลองสั่งซื้อโดยตรงจากโรงงานที่นครปฐมคือ 034-391245 , 034-234524
ห้างขายยาตราปลาคู่


ตกซองละ 5 บาท ในซองฟรอยด์ รักษาคุณภาพ ( อย่าลืมบอกเค้าแบบเม็ดนะ )

กล่องหนึ่งมี 5 โหล 300.00 บาท ค่าส่ง 50 บาท


ขนยังไม่ลุกไม่เป็นไร ทำไปเรื่อยๆครับ
แรกๆ ถือเป็นการชำระล้างส่วนเกินก่อน และ ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ

 

อาการตอนนั่งสมาธิเวลานั่งไปสักพักหนึ่งหลับตาจะเห็นแสงเหมือนกลุ่มควันที่ขาวอยู่ระหว่างตรงกลางหน้าผาก ก็เอาจิตไปจับอยู่ที่แสงนั้นแล้วก็วูบวาบตลอดเวลา นั่งพิจารณาไปเรื่อย และบางทีพอนั่งสักพักก็รู้สึกเหมือนตัวเองมีความหนักอยู่ในตัวก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นรบกวนแนะนำหน่อยน๊ะค่ะ เพราะเป็นเด็กเพิ่งเริ่มหัดเดินค่ะ