ทวีปมู(Mu) หรือ รีมูเลีย(LeMUria) คือ นครอันตธานที่จมหาย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 19 พฤศจิกายน 2008.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ทวีปมู(Mu) หรือ รีมูเลีย(LeMUria) คือ นครอันตธานที่จมหายลงใต้ทะเลแปซิฟิกใต้เมื่อกว่า ๑๓,๐๐๐ ปี

    เราทั้งหลายได้รู้เรื่องราวจากจารึก นาอะคัล ที่ค้นพบในอินเดีย
    อันที่จริง จารึกแห่งนาอะคัลนี้ เขียนโดยสัญลักษณ์และอักขระนากา (Naga)
    จากตำนานกล่าวกันว่า "เขียนขึ้นที่แผ่นดินมู จารึกนี้ ได้ถูกนำเข้ามาที่พม่าก่อนแล้วจึงนำมาที่อินเดีย มีอายุเก่าแก่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ปี"


    จุดจบ คือจุดเริ่มต้น และ จุดเริ่มต้น ก็คือจุดจบ

    หลังจากจุดจบทวีปมู เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของอารยธรรมจุดต่างๆในโลกยุคหลังของผู้รอดจากภัยพิบัติ



    สายสัมพันธ์บรรพบุรุษ-กำเนิดแม่น้ำคงคา


    กำเนิดแม่น้ำคงคา

    '''''''''''''เริ่มต้นขอนำตำนานสำนวนหนึ่งของชาวอินเดียต่อแม่น้ำคงคา ลงมาก่อนครับ จากหนังสืออินเดีย แผ่นดินมหัศจรรย์ ผู้เขียนคือคุณอรุณ เฉตตีย์


    '''''''''''''ในอดีตนั้นมีฤาษีกปิละ ซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่บนภูเขาหิมาลัย อยู่มาวันหนึ่งพวกโอรสของท้าวสักกะกษัตริย์แห่งอโยธยา ออกตามม้าที่หายไป เมื่อมาพบม้ายืนอยู่ข้างพระฤาษี ก็เลยยัวะ ตะโกนด่าและแกล้งท่านต่างๆนานา จนท่านตบะแตก จ้องมองไปที่กลุ่มเจ้าชาย เกิดไฟเผาผลาญเจ้าชายกลายเป็นเถ้าถ่าน และสาปสำทับไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิด จนกว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสกับแม่น้ำคงคา

    [​IMG]

    ฤาษีกปิละใช้ตาไฟเผาผลาญโอรสของท้าวสักกะ

    (บางตำราว่า ท้าวสคระ)

    ''''''''''''ต่อมาท้าวภคีรส ผู้สืบเชื้อสายจากท้าวสักกะปฐมกษัตริย์ซึ่งมีความเศร้าโศกเสียใจมากที่บรรพบุรุษของตนโดนสาปเช่นนั้น จึงบำเพ็ญตบะอย่างแรงกล้าเพื่อขอพรพระอิศวร(พระศิวะมหาเทพ)ให้ช่วยวิงวอนแม่น้ำคงคาให้ไหลหลั่งลงมาสู่แผ่นดินเป็นการชำระบาปของผู้ที่ต้องคำสาป และแล้วพระแม่คงคาก็เห็นใจ ยอมหลั่งสายน้ำจากเขาไกรลาสลงสู่พื้นดิน เพื่อชำระอัฐิของพวกโอรสและมนุษย์ทั้งหลายให้พ้นมลทิน....

    นี่คือ ตำนานกำเนิดสายน้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์สำนวนหนึ่ง

    '''''''''''''และขอเพิ่มมุมมองอีกมิติโดยขอนำเสนอ
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ขอนำเข้าสู่ภาษา สัญลักษณ์ รหัสวิทยา ภาษาโบราณ บันทึกของทวีปมู

    เริ่มจากดอกบัว เป็นตัวแทนของทวีปนี้เสมอ และทุกที่ในอาณาจักร และอาณาจักรลูก

    [​IMG]

    ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันมานานประมาณ 50,000 -30,000 ปีมาแล้ว บนทวีปมู หมายถึง อาณาจักรมู

    สื่อเป็นภาษาภาพของอาณาจักร รวมสัญลักษณ์ตราราชวงศ์ และบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น คือศาสนธรรมโบราณ

    [​IMG]

    [​IMG]

    แผนที่โบราณ



    [​IMG]

    ท่านฤาษีวาลมิกิ(Valmiki) นักปราชญ์ นักโบราณคดีของอินเดีย ผู้รจนารามายณะ หรือ รามเกียรติ์ ระหว่าง พ.ศ. ๑๐๐ - ๒๐๐

    '...''''''ท่านวาลมิกิผู้ได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากการอ่านบันทึกโบราณของวัด โดยนักบวชผู้สูงศักดิ์แห่งวัดริชี(Rishi) ที่เมืองอโยเดีย(Ayhodai) กล่าวถึงนักบวชนาอะคัลว่า " มาสู่พม่าจากแผ่นดินเกิดของพวกเขา ซึ่งอยู่ทางตะวันออก"

    '...''''''จากนั้นเหล่านักบวชนาอะคัล(Naacal)นำความรู้วิทยาการต่างๆ, ศาสนาโบราณ ,การบูชาเทพเจ้าดวงอาทิตย์มาสู่มายา-ไอยคุปย์(ตอนเหนือ)-อารยัน (ก่อนชาวอารยันเปลี่ยนชื่อเป็นวิษณุเทพเมื่อครั้งลงมาอยู่ชมภูทวีป) นักบวชนาอะคัลดังกล่าวเข้าสู่อินเดีย และไอยคุปย์อาณาจักรตอนเหนือ โดยการ เผยแพร่ศาสนาโบราณ และคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์

    และไอยคุปย์(ตอนใต้)ที่ซาอีร์ขณะนั้น ปฏิบัติตามศาสนธรรมของโธท(Thoht) บูชาเทพโอซิริส


    [​IMG]


    '...''''''และขณะเดียวกันอีกชาวทวีปมูกลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ที่ยูคาตัง เม็กซิโก และสร้างวิหารพีระมิดขึ้นจารึกว่า"เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่แผ่นดินตะวันตก ที่ซึ่งเราจากมา" รวมถึงปิรามิดแห่งเม็กซิโกซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของเมืองเม็กซิโก ซิตี้(Mexico City) คำจารึกของปิรามิดกล่าวไว้ว่า ปิรามิดถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์แด่การล่มสลายของแผ่นดินแห่งตะวันตก

    ลักษณะวิหารพีระมิดที่เป็นอารยธรรมเมโสอเมริกา แถบทวีปอเมริกากลาง http://www.crystalinks.com/pyramidmesoamerica.html

    รวมทั้งบันทึกการล่มสลายของแผ่นดินทวีปมู ที่รู้จักกันว่าคือชนเผ่ามายา

    ประโยชน์ส่วนนึงของวิหารพีระมิดใช้เพื่อนักบวชประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิเพื่อบูชาเทพเจ้าดวงอาทิตย์ รา, รามู เทพเจ้าสูงสุด

    ประเพณีต่างๆ ที่มาจากที่เดียวกัน

    '...''''''การนับถือเทพเจ้าดวงอาทิตย์เป็นสิ่งสูงสุด ของชาวอารยัน, มายาในยูคาตัง,ไอยคุปย์โบราณ ล้วนมาจากมาตุภูมิที่นั่นเรียก รา-มู สัญลักษณ์ผู้สร้าง นารายาณะ พยานาค ๗ เศียร , ความรู้เกี่ยวกับตำนานการสร้างโลก การกำเนิดจักรวาล และที่โมเสสที่ถอดมาจากภาษาฮีโรกริฟริกในไอยคุปย์ ลงสู่คัมภีร์เอซรา(Ezra) แล้วแปลลงเป็นภาษาฮิบรู เป็นพันธสัญญาเก่าและพันธสัญญาใหม่ในบทการสร้างโลก(Genesis)

    '...''''''จะค่อยเรียงเนื้อหาการล่มสลายโดยฉับพลันของทวีปมู เมื่อ ๑๑,๕๐๐ ปีที่แล้ว ,ศาสนาแห่งโบราณ ,ธรณีวิทยา ..ฯ ลงมาโดยลำดับต่อไปครับ

    [​IMG]

    หากเพื่อนสมาชิกท่านที่สนใจประวัติศาสตร์สามารถหาหนังสือ มู นครอันตธาน ลองอ่านได้ครับ

    '...'''''''เนื้อหาที่จะนำมาลงไว้ โดยส่วนใหญ่อ้างอิงจากเล่มนี้และเนื้อหาบางส่วนที่ไม่มีในหนังสือเล่มนี้มาจากความรู้ความเห็นประสบการณ์เดิมเก่าๆ เพื่อประสานรอยต่อ และเติมเต็มให้ได้อรรถประโยชน์ในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และร่องรอยอารยธรรมประวัติศาสตร์มนุษย์ส่วนนี้มีความชัดเจน สมบูรณ์ที่สุด เท่าที่จะทำได้

    '...''''''หรืออ่านศึกษาในเวปนี้ http://www.crystalinks.com/lemuria.html ไปพรางๆควบคู่
     
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สัญลักษณ์ของศาสนาโบราณทวีปมู

    ศาสนาของคนโบราณ บ่งบอกได้ถึงจริยธรรม คุณธรรม จารีตในสมัยนั้นๆ

    '''''''''''ขอเริ่มจาก ขอนำจารึกอักษรภาษาสัญลักษณ์ที่ใช้บนทวีปมู ที่เขียนจารึกโดยนักบวชชาวนาอะคัล(Naacal)เป็นสัญลักษณ์โบราณที่ใช้เมื่อนับย้อนไปประมาณ 50,000-30,000 ปีที่แล้ว

    [​IMG]

    สัญลักษณ์ที่ 15

    '''''''''''หมายถึง ดวงตาที่ครอบคลุมดูแลทั่วทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาล ภายใต้สามเหลี่ยมที่ทรงพลังที่สุดที่เป็นศูนย์กลางของทุกจักรวาลรวมทั้งเอกภพทั้งหมด

    ก่อนกาลทวีปมูใช้สัญลักษณ์นี้แทนพระเจ้า รา

    ในอียิปต์ หมายถึง ดวงตาแห่งเทพโอสิริส, ดวงตาที่สาม

    และยังใช้อยู่ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอริค

    และใช้กันในสมาคมfreemason ที่มีต้นสายที่ยาวนานย้อนไปได้ถึงยุคไอยคุปย์(สังเกตที่แบ็งค์ 1 ดอลล่าร์อเมริกา)


    สัญลักษณ์ที่ 16 และ 18

    หมายถึง ภาวะที่ดูแลสรรพสิ่งที่อยู่ภายใต้สมดุล

    '''''''''''สามเหลี่ยมหัวตั้ง :ซึมซับรับพลังงานทุกๆจิตวิญญาณในจักรวาล พลังงานในรูปแบบจิตวิญญาณ และการกระทำ

    '''''''''''สามเหลี่ยมกลับหัว : ส่งคืนผลของการกระทำ จิตวิญญาณ ภายใต้ภาวะสมดุลย์ของพลังงานของทุกสรรพสิ่ง

    '''''''''''วงกลมภายใน : คือ ภาวะการหมุนเวียนจัดสรรของวงรอบ-วงกลม พลังงานที่ไหลเข้า-ไหลออก ภายใต้ภาวะสมดุลย์

    วงกลมภายนอก คือ ศูนย์กลางของทุกจักรวาล รา พระอาทิตย์ดวงแม่

    สัญลักษณ์ที่ 19

    '''''''''''คือ ภาวะที่ถึงจุดกัลปวสานของทุกๆเอกภพ ก่อนเข้าสู่ยุคเริ่มใหม่ มีเพียงสามเหลี่ยมพลังงานที่ซ้อนกัน กลับกลายเป็นสภาพว่างไร้สรรพสิ่ง


    สัญลักษณ์ที่ 17

    '''''''''''คือ การก่อกำเนิดเมล็ดพืชแรก อีกครั้ง หลังจากกาลสิ้นสุด เป็นการเริ่มใหม่ของทุกสรรพสิ่ง จากศูนย์กลางธรรมชาติภายใน

    เมล็ดพืชแรก =จุดแรกที่เริ่มต้น= พินทุ(บาลี)

    สัญลักษณ์ที่ 20

    คือ การรังสรรค์ การสร้างของพลังแห่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ในตอนเริ่มต้น

    '''''''''''แนวคิดศาสนธรรมโบราณทวีปมูมีอยู่ว่า :-
    '''''''''''ในตอนเริ่มต้นนั้น มีเพียงความยุ่งเหยิง(Chaos)ทั่วทั้งจักรวาลที่มืดมิด และลำดับต่อมา ภาวะทั้งหลายดำเนินไปเข้าสู่ภาวะสงัด ไร้สรรพเสียง ต่อมาผู้สร้างพร้อมด้วย"ความปรารถนา"ได้บัญญัติอำนาจเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ทั้งสี่ขึ้น เพื่อ สร้างกฏและระเบียบในจักรวาล เพื่อให้การสร้างได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อกฏและระเบียบได้ถูกสร้างให้บังเกิดโดยพลังอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ตามความปรารถนา และบัญญัติของผู้สร้าง"

    *จารึกของนักบวชนาอะคัล(naacal)) อันมีชื่อเรียกว่า ข้อเขียนดลใจอันศักดิ์สิทธิ์แห่ง มู(The Sacred Inspired Writing of Mu)

    [​IMG]

    '''''''''''แผ่นจารึกนิเวน พบที่เม็กซิโก ต่อเติมความขาดหายไป ที่จากรึกแห่งนาอะคัลอ้างถึง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ดังบัญญัติของผู้สร้าง ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับกฏ และการจัดระเบียบทั่วทั้งเอกภพแผ่นจากรึกเลขที่ ๑๒๓๑ จารึกแผ่นนี้เป็นดั่งกุญแจที่ไขสู่การทำงานและความเคลื่อนไหวของเอกภพ เป็นสัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 (Sacred Four)

    '''''''''''ปัจจุบันอาจมีชื่อเรียกต่างกันมาก เช่น สวัสดิกะ เป็นต้น โดยชาวอารยันได้นำไปใช้เป็นเครื่องหมายหนึ่งในศาสนา และสมัยนาซีเยอรมัน..ฯ



    ทิศทางการหมุนวนของพลังงาน กุญแจคือปุ่มตรงกลาง เมื่อลองใช้นิ้วลองลากเส้นออกมาจากจุดเริ่มต้นวนออกมา

    นี้เป็นทิศทางการหมุนวนของพลังงานในเอกภพในทางสร้างสรรของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่



    '''''''''''สัญลักษณ์และความหมายของจารึก ดังกล่าวมาแล้ว ก็จะทำให้ผู้สนใจติดตามอ่านมา เข้าใจรูปสัญลักษณ์ด้านล่าง

    .ความเป็นไปของสรรพสิ่งในเอกภพทั้งมวล


    [​IMG]

    '''''''''''จากรูปสัญลักษณ์องค์ความรู้ทวีปมู เอกภพทั้งหลายกำลังขยายตัวออกจากจุดศูนย์กลางทุกทิศทาง ดังที่กล่าวไว้ในสัญลักษณ์ที่ 15,16 , 18,20 และ๑๒๓๑

    '''''''''''การเกิดและดับของบางดาราจักรของดาวฤกษ์(อาทิตย์ดวงอื่น) ที่สามารถสังเกตุได้จากบนโลกเราได้ หมายถึง การเดินทางภาพที่มากับแสง นับพันล้านปีแสง


    '''''''''''และแสงใช้เวลาเดินทาง 3x10^8 เมตรต่อวินาที(^ ยกกำลัง) ;ดังนั้นสิ่งที่เราสังเกตุเห็นในวันนี้ เป็นอดีตของดาราจักรกลุ่มนั้น เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอสไตน์ และอีกหลายทฤษฎีพิเศษสามารถอธิบาย ประสานเชื่อมต่อความสัมพันธ์นี้ได้เป็นอย่างดี
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ภาษาภาพบันทึกทวีปมู

    '''''''''จากจารึก นาอะคัล ที่ค้นพบในอินเดีย อันที่จริง จารึกแห่งนาอะคัลนี้ เขียนโดยสัญลักษณ์และอักขระนากา (Naga) จากตำนานกล่าวกันว่า เขียนขึ้นที่แผ่นดินมู จารึกนี้ ได้ถูกนำเข้ามาที่พม่าก่อนแล้วจึงนำมาที่อินเดีย มีอายุเก่าแก่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ปี

    [​IMG]

    [​IMG]

    '''''''''ค้นพบ ได้รับการแปล ค้นหาข้อมูล และเขียนออกเผยแพร่โดย พันเอกเจมส์ เชอร์ชวาร์ด เมื่อประมาณ ๕๐ ปีที่แล้ว เมื่อครั้งผู้เขียนได้เข้าไปช่วยบำบัดทุพภิกขภัยในอินเดีย ท่านได้รับความไว้วางใจจากนักบวชในวัดที่เก็บจารึกเก่าแก่นี้ สอนให้อ่านภาษาจารึกนี้


    ส่วนนึงของจารึก

    [​IMG]

    '''''''''ส่วนภาพแรก เป็นเส้นแสงจาก ศูนย์กลางพลังงานธรรมชาติของทุกเอกภพ ที่พาดผ่านจักรวาล -อ้างอิงจาก คห.ก่อนหน้านี้

    [​IMG]

    [​IMG]


    '''''''''ภาพที่ ๒ เส้นตรงหลายเส้นวางซ้อนกัน ในแนวนอน เป็นสัญลักษณ์ ของอวกาศ ส่วนสัญลักษณ์ของพญานาค ๗ เศียร เคลื่อนตัวอยู่ในอวกาศ วงกลม ที่ล้อมรอบอยู่นั้นหมายถึง เอกภพผู้สร้างทั้งมวล นารายณะ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    '''''''''ลำดับทั้ง ๓ ภาพ คือ พลังงานแห่งดวงอาทิตย์ก็เกี่ยวพันของชีวิตบนโลกพลังที่ส่องมายังโลก ต่อสิ่งมีชีวิต เป็นที่มาของสิ่งมีชีวิตนั่นเอง จากแสงที่ส่องมานี้ ก็ทำให้เกิดธรรมชาติสิ่งมีชีวิตบนโลก

    [​IMG]


    ภาพแถวล่าง แถว๓-แถว๔

    เครื่องหมายรูป สี่เหลี่ยม แทนสัญลักษณ์ทวีปมู ในทุกที่ ทุกโอกาส

    มีการเกิดขึ้นของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ ใช้สัญลักษณ์ ดอกบัว(พุทธะ) และ ๐๐๐ แทนหมายเลขลำดับ ๓

    T ในภาษามูโบราณ หมายถึง การเกิดขึ้น ;การเกิดขึ้นนี้ ของคำแปลพิจารณาจากสัญลักษณ์ ข้างหน้าและข้างหลังของประโยค


    '''''''''ภาพแต่ละภาพ แทนเหตุการณ์ต่างๆของสรรพชีวิตที่ดำเนินไป ระยะห่างของเวลาแต่ละภาพที่บรรยาย อาจกินเวลานานเป็นล้านๆปี แสนปี พันปี หมื่นปี หรือ ร้อยปี...


    หลังจากนั้น...

    [​IMG]

    [​IMG]

    '''''''''ภาพที่นี้อธิบายถึง การยกขึ้นของภูเขา แผ่นดินเปลือกโลก และการก่อตัวของอากาศ ต้นต่อมาจากไฟและแมลงสการับ (Scarab : แมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่ในดิน และเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นคืนชีพ) ของชาวไอยคุปต์ ที่ได้จาก ชาวนาอะคัล

    [​IMG]

    '''''''''ภาพนี้อธิบาย เกิดการไหวสะเทือนที่ส่วนล่าง คือ แผ่นดินเปลือกทวีปที่เกิดจากการยกตัวและชนกันของแผ่นดินทวีปส่วนเปลือกโลก ในส่วนต่างของโลกอย่างฉับพลันรุนแรง ก่อให้เกิดการยกตัวของภูเขาส่วนต่างๆ กล่าวถึงคือ ธรณีพิบัติครั้งรุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ ๑๑,๕๐๐ ปีที่แล้วที่ทวีปมู ส่วนที่เกิดกับทวีปแอตลันติส และส่วนต่างๆของโลกก็ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกันนี้


    '''''''''กรณีของธรณีพิบัตินี้ ชนชาวทวีปมูที่รอดมาอยู่ที่ยูคาตัง คือมายา ได้เขียนจารึกถึงเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกัน


    [​IMG]


    '''''''''เนื่องจาก อักษรภาพ ที่มีการเขียนภาษาของชาวมายา นั้นมีการแจกแจงรายละเอียดมาก เพื่อนสมาชิกผู้สนใจสามารถหาอ่านรายละเอียดได้จาก หนังสือ มู นครอันตรธาน
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สภาพความเป็นไป และการล่มสลายอย่างฉับพลันของอาณาจักร มู

    [​IMG]

    ''''''''''จากการถอดความจารึกแห่งนาอะคัล จารึกมายา-จารึกโตรอาโน จารึกโคเด็ก และคำบอกเล่าที่สืบทอดมาในส่วนอดีตของนักปราชญ์ต่างๆ ทำให้พันเอกเจมส์ เชอร์ชวาร์ด เขียนบรรยายถึงทวีปมูในอดีต ซึ่งจมหายสาปสูญไปโดยฉับพลันโดนธรณีพิบัติภัย ดังนี้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ''''''''''ทวีปมู เป็นประเทศที่มีอาณาเขตอันกว้างไกล ที่แผ่ขยายตั้งแต่ตอนเหนือของฮาวายถึงตอนใต้ อาณาเขตทางตอนใต้ของทวีปนี้คือ หมู่เกาะอีสเตอร์ และฟิจิ มีระยะทางจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกกว่า ๘,๐๐๐ กิโลเมตร จากทิศเหนือถึงทิศใต้ มีระยะทางกว่า ๔,๘๐๐ กิโลเมตร ทวีปนี้ประกอบไปด้วยผืนดิน ๓ ผืน ที่ถูกแบ่งออกจากันด้วยช่องแคบหรือทะเล

    ''''''''''เราพบเห็นเพียงผืนน้ำและผืนฟ้า"* แลุหมู่เกาะเล็ก ๆ ซึ่งรู้จักในนาม หมู่เกาะทะเลใต้

    มันเป็นประเทศในเขตร้อน "สวยงาม"** มี "ที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาล"*** หุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าและทุ่งสำหรับเพาะปลูก ในขณะที่ "เนินเขาที่ทอดต่ำ"**** ก็ถูกปกคลุมไปด้วยพืชผักเมืองร้อนที่อุดมสมบูรณ์ยิ่ง


    * บันทึกลาซา (บันทึกของชาวธิเบต)

    **จารึกแห่งหมู่เกาะอิสเตอร์
    ***บันทึกกรีก
    ****แผ่นบันทึกหลายฉบับ



    ''''''''''แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์นี้ ถูกต้องด้วยสายน้ำที่ไหลเรื่อยเป็นลำธาร และแม่น้ำหลากหลาย สาย ก่อให้เกิดเส้นสายของน้ำอันคดเคี้ยว ที่ให้ความสวยงามอย่างประหลาดรอบ ๆ เนินเขาที่เต็มไปดด้วยต้นไม้ใบหญ้า

    ''''''''''รวมทั้งตัดผ่านทั่วทั้งที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ พฤกษชาติ อันงดงามได้ปกคลุมผืนแผ่นดินด้วยเส้นใยอันนุ่มสีเขียว ที่ดูแล้วสบายตาสบายใจยิ่งนัก ดอกไม้ที่มีกิ่นอมอวล และสีสันสดใสช่วยแต่งแต้มสีให้กับหมู่มวลต้นไม้ ต้นปาล์์ม ที่สูงสง่า

    ''''''''''แม่น้ำได้ทอดตัวออกเป็นทะเลสาบที่มี "ดอกบัว"* ศักดิ์สิทธิ์ นับหมื่น นับแสนรายล้อมอยู่โดยรอบ ประดับประดาผิวน้ำที่เป็นประการดุจดั่งอัญมณีหลากสีที่ล้อมรอบผืนน้ำสีเขียวมรกต

    ''''''''''เหนือแม่น้ำที่ไหลเย็น สีเสื้อ ปีกฉูดฉาดโผผินอยู่ตามเจาของต้นไม้ ขยับปีกขึ้นลงราวกับการเคลื่อนไหวของเทพยาดา มันทำเช่นนี้ราวกับว่าจะยลโฉมสีสันความงามของตนบนกระจกแห่งธรรมชาติ โผจากดอกไม้อกหนึ่งไปยังอีกดอกหนึง นกฮัมมิงเบิร์ด บินโฉบในระยะสั้น ส่องแสงเป็นประกายราวกับอัญมณีที่มีชีวิตภายใต้แสงของดวงอาทิตย์**



    ''''''''''นกน้อยขับขานประสานเสียงอ่อนหวานแข่งกันตามสุมทุมพุ่มไม้*** เสียงขับขานอันสดใสของจิ้งหรีดล่องลอยอยู่ในอากาศ ขณะที่เสียงลับ กรรไกรของตั้งแตดังแหวกอากาศขึ้นมาเพื่อจะบอกให้โลกรู้ถึงความเป็นไปของมัน

    ''''''''''ช้างดึกดำบรรพ์ และฝูงช้างป่าต่างท่องเที่ยวไปในป่า ในยุคแรก พร้อมทั้งสะบัด หูไปมาเพื่อขับไล่แมลงที่มารบกวน****

    *จากจารึกหลายฉบับ
    **บันทึก เอสเอ
    ***จารึกแห่งหมู่เกาะอิสเตอร์
    ****บันทึกอินเดียและมายา




    ''''''''''ทวีปอันยิ่งใหญ่ คับคั่งไปด้วยชีวิตที่ร่าเริงและมีความสุขโดยมีมนษย์ กว่า ๖๔,๐๐๐,๐๐๐ คน เป็นผู้ปกครองสูงสุด*

    ''''''''''ทุกชีวิตอาศัยร่วมกันอย่างมีความสุขบนบ้านอันยิ่งใหญ่ ที่สวยสดงดงาม "ถนนหนทางอันกว้างใหญ่และราบเรียบ ทอดยาวไปทุกทิศทางราวกับเส้นของไยแมงมุม แผ่นหินที่นำมาสร้างถนน นั้นช่างราบเรียบ และชิดติดกันจนต้นหญ้าไม่สามารถเล็ดลอดระหว่างแผ่นหินได้"**

    ''''''''''ในขณะนั้นประชากรทั้ง ๖๔,๐๐๐,๐๐๐ คน ประกอบไปด้วยผู้คน ๑๐ เผ่าพันธุ์ หรือ ๑๐ กลุ่ม แต่ละเผ่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่อยู่ภายใต้ การปกครองเดียวกัน***

    ''''''''''หลายชั่วอายุคนก่อนหน้านี้ ผู้คนได้เลือกกษัตริย์และได้ตั้งชื่อของพระองค์ โดยมีชื่อ รา เป็นชื่อหน้า จากนั้น พระองค์ได้กลายเป็นผู้นำที่มีอำนาจศักดิ์์สิทธิ์ และองค์จักรพรรดิภายใต้ชื่อ รามู**** และจักรวรรดิได้รับสมญานามว่า ราชอาณาจักรแห่งดวงอาทิตย์

    ''''''''''ทุกคนในราชอาณาจักรนับถือศาสนาเดียวกัน ซึ่งบูชาอำนาจพระผู้เป็นเจ้าผ่านสัญลักษณ์ ต่างเชื่อในความเป็นอมตะของดวงวิญญาณที่ว่า ดวงวิญญาณจะกลับไปสู่แหล่งอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่จากมาในที่สุด*****

    ''''''''''สิ่งที่ยิ่งใหญ่คือ ความเคารพนับถือต่อพระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขามี พวกเขาไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยพระนามของพระองค์ ในบทสวดมนต์และในบทภาวนา พวกเขาจะอ้างถึงพระผุ้เป็นเจ้าโดยใช้สัญลักษณ์ รา ผู้เป็นเทพแห่่งดวงอาทิตย์ ได้เป็นคำที่ถูกใช้แทนพระองค์ในทุกโอกาส*******

    * แผ่นจารึกโตรอาโน (จารึกจากมายา)
    **จารึกแห่งหมู่เกาะอิสเตอร์
    ***แผ่นจารึกโตรอาโน
    ****บันทึกลาซา และอื่น ๆ
    *****บันทึก ลาซา และอื่น ๆ
    ******บันทึก มายา และอื่น ๆ





    ''''''''''ในฐานะนักบวชผุ้สูงศักดิ์ รามู เป็นตัวแทนของพระผุ้เป็นเจ้าในการสอนศาสนา เป็นที่ชัดเจนและเข้าใจกันว่า รามู เป็นเพียงตัวแทน และจะไม่ได้รับการบูชาเสมือนพระผู้เป็นเจ้า

    ''''''''''ในขณะนั้น ประชากรแห่งมู มีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรือง และทุกคน มีความรู้แจ้ง ไม่เคยมีความป่าเถื่อน ปรากฏให้เห็น เนื่องด้วยผู้คนทุกเผ่า เป็นบุตรแห่งมู และต่างก็อยู่ภายใต้อธิปไตย เดียวกันของแผ่นดินแม่ เชื้อชาติที่โดดเด่นในแผ่นดินมู เห็นจะเป็นชนชาติผิวขาว ผุ้ที่มีความงดงามเกินกว่าชนชาติใด เป็นผู้ซึ่งมีผิวพรรณสีขาวหรือสีมะกอก พร้อมด้วยดวงตากลมโตสีเข้ม และผมสีดำตรง นออกจากชนชาตินี้แล้วยังมีชนกลุ่มอื่นอีกที่มีผิวพรรณแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง น้ำตาล หรือผิวสีเข้ม อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร*

    ''''''''''พลเมืองโบราณแห่งมู นี้เป็นนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งเดินเรือจากฝั่ง ตะวันออกสู่ฝั่งตะวันตก ของมหาสมุทร และจากทะเลเหนือสู่ทะเลใต้ นอกจากนั้นพวกเขายังเป็นสถาปนิก ผู้เชี่ยวชาญที่สร้างอารามอันยิ่งใหญ่และพระราชวังหิน** พวกเขาสลักและก่อตั้งแท่งหินให้เป็นอนุสาวรีย์

    ''''''''''ในดินแดนแห่ง มู นี้ มีเมืองที่เป็นหลักสำคัญอยู่ ๗ เมือง เมืองซึ่งเป็นที่รองรับศาสนา ศาสตร์ และการเรียนรู้อื่นๆ*** นอกจากนี้ยังมีเมืองใหญ่และหมู่บ้านกระจายอยู่ทั่วผืนแผ่นดินทั้ง ๓ เมืองหลายแห่งถูกสร้างขึ้นบริเวณปากแม่น้ำใหญ่ที่มีอยู่หลายสาย แม่น้ำเหล่านี้เป็นแหล่งค้าขาย แลกเปลี่ยน และการพานิชย์ เนื่องจากเป็นที่มีซึ่งมาจากทุกส่วนของโลกแล่นผ่านผืนแผ่นดิน มู เป็นแหล่งกำเนิด และเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมความเจริญรุ่งเรืองของโลก รวมทั้งความรู้ต่างๆ การค้า และการพานิชย์ ประเทศอื่นๆในโลกล้วนแล้วแต่เป็นอาณานิคมของ มู

    * แผ่นจารึกโตรอาโน ,โคเด็กซ์ คอร์เตซิอานุส และอื่นๆ
    ** วัลมิกิ
    *** บันทึกลาซา




    ''''''''''ตามหลักฐานที่ปรากฏในบันทึก แผ่นจารึก และประเพณี การถือกำเนิดของมนุษย์นั้นเกิดขึ้นบนดินดินแห่งมู และด้วยเหตุนี้ มู จึงมีอีกชื่อหนึ่งคือ แผ่นดินแห่งกุย(Land of Kui)* อารามหินปราศจากหลังคาที่ถูกสลักอย่างสวยงามประดับประดาเมืองทั่วไป ความไม่มีหลังคานี้ มีจุดประสงค์เพื่อให้รังสีแห่ง รา สาดส่องลงมายังศรีษะของผู้สวดภาวนาแสงที่สาดส่องนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งการยอมรับ โดยพระผู้เป็นเจ้า บุคคลผู้มั่งคั่ง ประดับประดาตนด้วยเครื่องแต่งกายที่เต็มไปด้วยอัญมณีและหินสีล้ำค่า พวกเขาอาศัยอยู่ในพระราชวังอันสง่างาม ที่เต็มไปด้วยคยรับใช้มากมาย** ดินแดนที่เป็นเมืองขึ้นได้เริ่มมีขึ้นทั่วทั้งผืนโลก

    ''''''''''ในการที่เป็นผู้เดินเรือที่ยิ่งใหญ่ เรือของพวกเขาได้บรรทุกผู้โดยสารและสินค้าจากดินแดนเมืองขึ้นต่างๆอย่างสม่ำเสมอ*** พลบค่ำอันแสนเย็นสบาย เราจะพบเห็นเรือสำราญที่เต็มไปด้วยสุภาพบุรุษสุภาพสตรีที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอันหรูหรา ประดับประดาไปด้วยอัญมณี กรรเชียงอันยาวของเรือเพิ่มจังหวะให้กับเสียงเพลงและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของผู้โดยสาร

    ''''''''''ในขณะที่ผืนแผ่นดินอันยิ่งใหญ่แห่งนี้กำลังพุ่งสูงสุด เป็นศูนย์กลางของอารยธรรม ความรู้ การค้า และการพานิชย์ พร้อมด้วยวิหารหินอันยิ่งใหญ่และอนุสาวรีย์ที่ได้ถูกสร้างขึ้น**** การมาเยืยนของความกลัวได้ไล่ตามมาติดๆ


    * แผ่นจารึกโตรอาโน และอักขระอื่นๆ
    ** บันทึกลาซา
    *** วัลมิกิ
    **** ซากร่องรอยบนหมู่เกาะ




    ''''''''''เสียงคำรามดังกระหึ่มจากใต้โลก ติดตามด้วยแผ่นดินไหวและภูเขาไฟที่เริ่มระเบิดจากส่วนใต้ของแผ่นดินทางชายฝั่งด้านใต้* มีคลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวจากมหาสมุทรเข้ามาปกคลุมแผ่นดิน ผืนน้ำกลืนเมืองหลายเมืองให้จมดิ่งลงไป ภูเขาไฟพ่นไฟ ควัน และลาวาออกมา แต่ลาวาไม่ได้ไหลไป กลับทับถมกันจนเป็นรูปกรวย มียอดที่แหลมสูง ซึ่งกลายเป็นบริเวณส่วนหนึ่งของเกาะแถบทะเลใต้ในปัจจุบัน** ในที่สุดการระเบิดก็ได้สงบลงภูเขาไฟมอดดับและอยู่ในความสงบตั้งแต่บัดนั้นมา

    ''''''''''หลังจากการระเบิดได้สงบลง ประชากรของแผ่นดิน มู จึงค่อยๆผ่านพ้นจากความหวาดกลัว เมืองที่ปรักหักพังได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ การค้าและการพานิชย์ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง กาลเวลาได้ผ่านไปหลายรุ่น จนเหตุการณ์อันน่าหวาดกลัวนั้นได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ แผ่นดิน มู ต้องตกเป็นเหยื่ออีกครั้งหนึ่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ผืนดินไหว ทวีปทั้งทวีปม้วนตัวราวกับคลื่นของมหาสมุทร แผ่นดินสั่นไหวสะท้านสะเทือนราวกับใบไม้ของต้นไม้ที่อยู่ท่ามกลางพายุ วิหารและพระราชวังพังราบลงสู่พื้นดินอนุสาวรีย์และรูปปั้นคว่ำทลายลง เมืองหลายเมืองกลายเป็นกองของซากปรักหักพัง***

    ''''''''''ขณะที่แผ่นดินสั่นสะเทือนขึ้นลงนั้น ไฟจากเบื้องล่างได้ระเบิดขึ้น เปลวไฟลุกพุ่งสู่มวลเมฆ ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า ๔.๘ กิโลเมตร**** เปลวไฟได้บรรจบกับลำแสงของสายฟ้าที่มีอยู่ทั่วทั้งท้องฟ้า ควันหนาสีดำปกคลุมทั่วทั้งแผ่นดิน คลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวสู่ชายฝั่ง***** และขยายตัวสู่ที่ราบ


    * เกาะอีสเตอร์ และหมู่เกาะอื่นๆ
    ** เกาะอีสเตอร์ และหมู่เกาะอื่นๆ
    *** แผ่นจารึกโตรอาโน,โคเด็กซ์ คอร์เตซิอานุส และบันทึกลาซา
    **** ฮาวาย เกาะนิอัวฟู(Niuafou) และอื่นๆ
    ***** บันทึกกรีก


    '''''''''''เมืองและสิ่งมีชีวิตถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา เสียงร้องไห้ อันเจ็บปวดทรมานของผุ้คนมากมายดังไปทั่วบริเวณ พวกเขาต่างหาที่หลบภัยตามวิหารและป้อมต่าง ๆ แต่ก็ต้องพบกับเปลวไฟ และกลุ่มควัน สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีในเครื่องแต่งกายที่หรูหรา ประดับประดาด้วยอัญมณีต่างเป็นร้องเป็นเสียงเดียว "มู ช่วยชีวิตพวกเราด้วย"*

    ''''''''''ดวงอาทิตย์แสดงตัวที่ขอบฟ้าภายใต้กลุ่มที่ปกคลุมผืนแผ่นดินดวงอาทิตย์ช่างดุราวกับลุกไฟสีแดงดวงใหญ่ที่กำลังเผาผลาญด้วยความโกรธ เมื่อดวงอาทิตย์ได้ลับขอบผ้าไปแล้ว ความืดมิดจึงได้เข้าครอบงำ จะมีก้เพียงแต่แสงไฟที่มาจากแสงวูบวาบ ของสายฟ้า อันดัังกึกก้อง แผ่นดินผืนนี้ก็ถึงวาระที่จะจมดิ่งลงไปเรื่อย ๆ ลงไปสู่ปากทางแห่งนรกหรือถังแห่งไฟ
    ''''''''''ขณะที่แผ่นดินที่แหลกสลายจมลงสู่ห้วงเหวแห่งไฟนั้น เปลวไฟได้ ลุกล้อมรอบและหุ้มห่อแผ่นดินไว้*** เปลวไฟกำลังทวงสิทธิ์กับเหยื่อของมัน ซึ่งก็คือ ดินแดนมู และประชากรของเธอกว่า ๖๔,๐๐๐,๐๐๐ คน ที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับไฟนี้ ****



    ''''''''''ขณะที่มู จม ลงสุ่อ่าวแห่งไฟนั้น พลังอำนาจ อีกอย่างหนึ่งก็ได้เข้ามาซ้ำเติม นั่นก็คือ ผืนน้ำกว่า ๘๐,๐๐๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ซึ่งเข้าถาโถมไปทั่วบริเวณ น้ำและไฟพบกันตรงบริเวณที่เคยเป็นศูนย์กลางของแผ่นดิน และที่ตรงนั้นเองที่เกิดการเดือนพล่าน


    *บันทึก ลาซา
    **แผ่นจารึก โคเด็กซ์ คอร์เตซิอานุส (แผ่นจารึกของมายา) และโตรอาโน
    ***บันทึก ไอยคุปต์
    ****แผ่นจารึก โตรอาโน



    ''''''''''มูดินแดนมาตุภูมิ ของมนุษยชาติ ด้วยเมืองทั้งหลายที่น่าภาคภูมิใจ พร้อมด้วยวิหาร พระราชวัง ศาสตร์ และศิลป์ของเธอได้กลายเป็นภาพความฝันในอดีต ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ ทำหน้าที่ดังผ้าผืนใหญ่ ที่ห่อหุ้มดินแดน ไว้เบื้องล่าง ความหายนะของทวีปครั้งนี้ เป็นก้าวแรกของการเสื่อมสลาย ของอารยธรรม อันยิ่งใหญ่อารยธรรมแรกของโลก เป็นเวลาเกือบ ๑๓,๐๐๐ ปี ที่ความเสื่อมสลายของมูได้แผ่อำนาจปกคลุมพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของโลก

    ''''''''''แม้ว่าในบางส่วนจะดีขึ้น ก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังคงได้รับผลกระทบอยู่ เมื่อทวีปได้แตกแยก ขาดสะบั้น และจมลง สันและยอดของแผ่นบางส่วนยังคงเหลืออยู่ให้เห็นเหนือผืนน้ำ นั่นทำให้เกิดเกาะและหมุ่เกาะทั้งหลายแตกแยก และมีลักษณะขรุขระเป็นเหลี่ยมแหลม เนื่องจากพลังภูเขาไฟ ที่ได้เกิดขึ้นภายใต้หมู่เกาะเหล่านั้น หมู่เกาะเหล่านี้ได้รองรับ มนุษยชาติ ที่หลบพนีจากดินแดนที่จมลงสู่พื้นน้ำ ดินแดนซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าของ หรือดินแดนที่เป็นมาตุภูมิ ซึ่งได้กลายเป็นส่วนประกอบของผืนน้ำ ที่พลุงพล่านอยู่รอบ ๆ เกาะ

    ''''''''''หลังจากที่ได้กลืนผืนดินอันเป็นมาตุภูมิ ของมนุษยชาติ แล้วนั้น ผืนอันกว้างใหญ่ได้สงบนิ่ง ราวกับว่าพึงพอใจในผลงานอันร้ายกาจของตนและผืนน้ำที่ว่านี้ก็คือ มหาสุมทรปาซิฟิก ซึ่งมีความหมายถึง ความสงบ

    ''''''''''บนเกาะเหล่านี้ประชากรของมูที่รอดชีวิตได้มารวมตัวกัน รอคอย ให้เหตุการณ์แผ่นดินไหวอันเลวร้ายบรรเท่าลง พวกเขาเห็นวิหารและพระราชวัง เรือ และถนนของพวกเขาพังทลายลง และถูกกลืนกินโดยผืนมหาสมุทร ประชากรเกือบทั้งหมดถูกดูดกลืนไปกับความหายนะครั้งนี้ ประชากรจำนวนน้อยของมู ที่เหลือรอดชีวิต พบว่าพวกเขาอยู่ในสถานะที่สิ้นเนื้อประดาตัว และหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

    ''''''''''พวกเขาไม่มีอะไรเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือต่าง ๆ ที่อยุ่อาศัย ผืนดิน และอาหารที่มีอยู่ก็มีเพียงน้อยนิด ล้อมรอบพวกเขาคือ ผืนน้ำที่กำลังเดือดพล่าน เบื้องบนคือกลุ่มเมฆหมอกอันหนาทึกที่ปประกอบไปด้วยด้วยไปน้ำ ควันไฟ และเถ้าถ่าน กลุ่มหมอกนี้ได้บนบังแสงสว่างจนหมดสิ้น ก่อให้เกิดความมืดมิดที่ยากจะทะลุ ผ่านได้ เสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องปิดฉากชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของผู้รอดชีวิต มันช่างเป็นภาพที่น่่ากลัวสำหรับพวกเขา

    ''''''''''ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขากำลังเผชิญกับความน่ากลัวอีกแขนงหนึ่ง นั่นก็คือ ความตายจากการอดอาหาร และการตกแดดตากลมเนื้อจากไร้ที่อยุ่อาศัย มีเพียงส่วนน้อยที่สามารถเอาชีวิตรอดจากความยากลำบากแสนสาหัสนี้ ผุ้คนส่วนมากเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา

    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ภาพวาดจินตภาพชาวทวีปมู สืบผ่านทางอารยธรรมมายา-ยูกาตัง(เม็กซิโก
     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ร่องรอยอารยธรรมทวีปมูในอดีต ที่พบในปัจจุบัน ณ สถานที่ต่าง ๆ

    [​IMG]
    ทวีปมู ที่ ตองกาตาบู

    [​IMG]
    บาสทิน

    [​IMG]

    [​IMG]
    โมอัย

    [​IMG]
    ไทเนียน

    [​IMG]
    xochi

    [​IMG]
    xochicalo

    [​IMG]
    uxmal(ยูกาตัง-เม็กซิโก)

    [​IMG]
    โตรอาโน-แผ่นจารึกโตรอาโน

    [​IMG]
    xochicalo

    [​IMG]
    สัญลักษณ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของชาวนาอะคัล(naacal)หรือชาวทวีปมู
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ความรู้คำสอนทางจิตวิญญาณศาสนธรรมโบราณ :

    ''''''''ดวงจิตวิญญาณของมนุษย์นั้นคนๆหนึ่งนั้น มีชีวิตอยู่แล้วก็ตายไปจากชีวิตนั้น วนเวียนไปอยู่ชั่วกัลปวสาน มีเพียงความมืดเป็นฉากคั่นระหว่างจากชีวิตเก่าไปยังชีวิตใหม่"

    ''''''''หากคุณสูญเสีย พ่อ แม่ ญาติคนที่รัก สามี ภรรยา ...ฯลฯ คุณอย่าได้คร่ำครวญเสียใจฟูมฟาย ร่ำไห้ ตีอกชกตัวจนเกินไปนัก เพราะไม่นานคุณจะได้พบพวกเขาอีก

    ''''''''พลังงานของดวงวิญญาณเขาเหล่านั้นไม่เคยสิ้นสูญ วิญญาณเพียงแต่กลับไปรอฟื้นคืนพลังงานรอบใหม่ ณ จุดศูนย์กลางพลังงานของธรรมชาติจิตวิญญาณสากล แล้วก็กลับมาเกิดใหม่อีกเมื่อรอบใหม่มาถึง ด้วยอาศัยเหตุปัจจัย วิบาก วาสนา ที่เคยได้กระทำด้วยกันไว้เดิม คุณจะได้เจอผู้ที่เคยผูกพันใหม่ ในรูปแบบใหม่ รูปกายใหม่ และเงื่อนไขความสัมพันธ์ใหม่ ที่เกาะเกี่ยวสัมพันธ์กันไปในหมู่ญาติวงศ์ หรือผู้คนรอบข้าง เพื่อต่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย มีชะตากรรมวนเวียนประสบกันจนแทบไม่มีจุดสิ้นสุด"

    ''''''''เมื่อพลังงานของความเกี่ยวเนื่องใกล้ชิดผูกพัน ค่อยๆเลือนหายไป ดวงวิญญาณนั้นไปสู่ที่อื่นที่มีสัมพันธ์ ชาติแล้วชาติเล่า ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคนในโลกพ่อแม่เป็นพี่น้องกัน เป็นคำกล่าวที่คงไม่เกินเลยความจริงไป

    ''''''''มนุษย์ใช้ชีวิตมาแล้วไม่ถ้วน ชั่วกัลปวสาน ดวงจิตวิญญาณที่แสวงหาไปยังร่างกายต่างๆกัน ชีวิตแตกต่างๆกันแต่ละภพชาติ มนุษย์มิได้ทราบว่าเมื่อครั้งก่อนเคยเป็นอย่างไร ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงไหนเวลาใดมาบ้าง แม้บางหนบางครั้งปรากฏเป็นภาพนิมิต บางครั้งเป็นภาพฝันแต่ก็มีสามารถชี้ชัดลงไปได้ว่าปมแห่งดวงจิตห้วงเวลานั้นๆที่ผันผ่านเป็นเช่นไร

    ''''''''*ดวงจิตวิญญาณ บางเวลา บางสถานที่ของโลกเรียกว่า อาตมัน คำว่า อาตมัน หรือ อาตมา รวมมาจากคำว่า อัตตา(ตัวตน) + มนะ(หรือ มนัส ใจ-มโน) แปลว่า ตัวตนที่มีใจครอง ของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม คือกระบวนการพัฒนาวิวัฒน์คุณธรรมทางจิตวิญญาณ ไปตามวิถีทางที่ควรจะเป็น เพื่อสู่พรหมัน หรือนิรวาณ หรือนิพพาน

    ''''''''ดวงจิตวิญญาณ เสมือนระลอกคลื่นในทะเล เมื่อประจักษ์แท้ความจริงแท้ว่า ตัวมันมิใช่ระลอกคลื่นทว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งมหานที สภาพไร้ตัวตน สภาพที่ไม่มีจุดเริ่ม จุดสิ้นสุด ไม่มีเสื่อมสลาย ห้วงมรรณพที่ไม่มีเกิด ไม่มีดับ ชั่วนิรันดร ดวงจิตวิญญาณนั้นย่อมพบทางถอดถอนออกจากการเกิด แก่ เจ็บ และตาย

    Helga Art Galleries
    http://www.art-iceland.com/helga-sigurdardottir-list-salarinnar.html
     
  8. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ภาพการค้นพบอารยธรรมโบราณ มหาปีรมิดใต้มหาสมุทร บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ชมภาพอื่นๆและเนื้อหาเพิ่มเติม http://www.crystalinks.com/pyrunderwater.html
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    บางส่วนที่น่าสนใจของหนังสือ มู นครอันตธาน
    ที่ได้นำเนื้อหาบางส่วนลงไว้ก่อนหน้านี้แล้วข้างบน


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พี้นมหาสมุทรบริเวณออสเตรเลียสูงขี้น 13 ฟุตต่อวัน !






    • <LI class=user-picture>[​IMG]
    • djmoder
    Posted: Sat, 2010-05-22 21:55</SPAN>
    รายงานข่าวจากประเทศออสเตรเลียแจ้งว่าขณะนี้ระดับพี้นมหาสมุทรใต้ทะเลปรับตัวสูงขี้นอย่างรวดเร็ว ขนาด 12 ฟุตต่อวันตั้งแต่ช่วงมีนาคม ถีง ช่วงเมษายน คศ 2010 ที่ผ่านมาและยังมีแนวโน้มสูงขี้นเรื่อยๆ ซี่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง รายละเอียดของข่าวสามารถอ่านต่อได้จากลิงค์ข้างล่าง
    http://reinep.wordpress.com/2010/05/...y-in-australia
    [​IMG]

    his is very disturbing. More and more things are happening that really shouldn’t. Is the 2012 events we are waiting for, starting already? The National Oceanic and Atmospheric Administration has a Tsunami station in event mode activated for Station 55023 – STB Coral Sea located at 14.803 S 153.585 E (14°48’9″ S 153°35’6″ E). The tsunami station has been in event mode since the large quakes occurred in the area for several days now. This is triggered by the buoys’ anomalies of water column height above the sea floor. If you do a data search for 2010 March 20th to 2010 April 13th you get this- Over 100 meters or 328 feet less distance from buoy to sea floor in 24 days! That’s 13 feet per day since the quakes. As you will see from the waves on the line graph it matches the tide lines perfectly
    กูเกิลแปลภาษา
    จะรบกวนมากของเขา สิ่งที่เพิ่มมากขึ้นจะเกิดขึ้นที่จริงไม่ควร 2012 เป็นกิจกรรมที่เรากำลังรอเริ่มมาแล้ว แห่งชาติมหาสมุทรและมีบรรยากาศการบริหารสถานีสึนามิในโหมด event เปิดใช้งานสำหรับสถานี 55023 -- STB Coral Sea อยู่ที่ 14.803 S 153.585 E (14 48'9 ฐ"S 153 ° 35'6"E) สถานีสึนามิที่ได้รับในโหมดเหตุการณ์ตั้งแต่ quakes ใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่อีกหลายวันแล้ว นี้จะเรียกจากทุ่น'ความผิดปกติของความสูงคอลัมน์น้ำบนพื้นทะเล หากคุณค้นหาข้อมูลสำหรับ 2010 20 มีนาคมถึง 13 เมษายน 2010 คุณได้รับนี้ - Over 100 เมตรหรือ 328 ฟุตน้อยลงห่างจากทุ่นถึงพื้นทะเลใน 24 วัน! ที่ 13 ฟุตต่อวันตั้งแต่ quakes เป็นคุณจะเห็นได้จากคลื่นในกราฟเส้นตรงกับเส้นน้ำสมบูรณ์

    [​IMG]

    Coral Sea tide chart So Station buoy 55023 is still on the surface. Its not the lunar cycles, checked that as well. There also has been a very odd sea surface temperature in the same location See link CSIRO web page [link] Note the area in blue on the map on the left then see the unusually cold surface temperatures on the surface in the map on the right. Seismic activity has also offers a good insight as to what may be occurring.
    กูเกิลแปลภาษา

    แผนภูมิปะการังน้ำทะเลดังนั้นสถานีทุ่น 55023 ยังคงอยู่บนพื้นผิว ไม่มันรอบดวงจันทร์, ตรวจสอบที่ดี นอกจากนี้ยังได้รับน้ำทะเลอุณหภูมิพื้นผิวแปลกมากอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน See link CSIRO web [หน้า link] หมายเหตุพื้นที่สีฟ้าในแผนที่ด้านซ้ายแล้วดูเย็นผิดปกติอุณหภูมิผิวบนพื้นผิวที่ในแผนที่ด้านขวาของ กิจกรรมแผ่นดินไหวได้ยังมีความเข้าใจที่ดีเป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น

    [​IMG]


    Note the long time periods of S waves on this seismic station is the upward thrust of the ocean floor by 13 feet per day? Does anyone know what’s going on in this area? Is 2012 events already on it`s way?
    It is also now speculated that the Indo Australian Plate is moving north-west, colliding with and subducting beneath the Eurasian Plate and this movement is allegedly causing the Indo Australian Plate to tip so that the western half of Australia will sink while the eastern seaboard will rise. However, the rate of movement of the Plate is so slow that it seems unlikely that that subduction is causing the rapid sea level rises recorded in the Coral Sea before the two NOAA buoys were taken off line, or at least their readings no longer made public.
    What`s the conclusion?
    กูเกิลแปลภาษา

    หมายเหตุช่วงเวลายาวของคลื่น S ที่สถานีแผ่นดินไหวนี้เป็นแรงผลักขึ้นของพื้นมหาสมุทรโดย 13 ฟุตต่อวัน? ใครรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้หรือไม่ 2012 แล้วมีกิจกรรมบนทาง`s?
    นอกจากนี้ยังคาดการณ์นี้ที่อินโด Australian Plate เคลื่อนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ, colliding ด้วยและ subducting ใต้ Eurasian Plate และการเคลื่อนไหวนี้จะถูกกล่าวหาว่าทำให้เกิดการอินโด Australian Plate ปลายเพื่อให้ครึ่งตะวันตกของออสเตรเลียจะจมในขณะที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกจะ ขึ้น อย่างไรก็ตามอัตราการเคลื่อนไหวของแผ่นที่เป็นดังนั้นช้าที่ดูเหมือนว่าไม่น่าที่มุดตัวที่ทำให้เกิดระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเก็บไว้ใน Coral Sea ก่อนสอง NOAA ทุ่นถูกเอาออกเส้นหรืออย่างน้อยการอ่านของพวกเขาทำไม่ประชาชน
    What`s สรุปได้หรือไม่

    [​IMG]


    In my view and many others one theory is, that it is more likely that at least parts of Lemuria are beginning to rise with totally uncertain consequences for Australia and especially the east coast. In any event the seismic activity around Vanuatu and along the western boundary of the Pacific Ring of Fire in the southern hemisphere indicates that the east coast of Australia and especially the Queenslanc coast needs to be on alert for possible tsunamis when generated there. Anyway big changes are going on here on earth, that`s for sure.
    กูเกิลแปลภาษา

    ในมุมมองและอื่น ๆ มากมายทฤษฎีหนึ่งของฉันคือว่ามีแนวโน้มว่าอย่างน้อยส่วนของ Lemuria จะเริ่มขึ้นกับผลแน่นอนทั้งหมดสำหรับออสเตรเลียและโดยเฉพาะฝั่งตะวันออก ในทุกกรณีกิจกรรมแผ่นดินไหวรอบวานูอาตูและตามขอบตะวันตกของแปซิฟิกวงแหวนแห่งไฟในพื้นที่ภาคใต้พบว่าชายฝั่งตะวันออกของประเทศออสเตรเลียและโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายฝั่ง Queenslanc ต้องในการแจ้งเตือนสำหรับสึนามิเป็นไปได้เมื่อมีการสร้าง อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่เกิดขึ้นบนโลกที่`s แน่นอน

    เรื่องที่เกี่ยวข้อง

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center width=30>[​IMG]</TD><TD vAlign=center>มู ทวีปแห่งมารดร

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Earthquake News

    Featured Items

    Latest Earthquakes in the World - Past 7 days

    Worldwide earthquakes with <ABBR title=Magnitude minmax_bound="true">M</ABBR minmax_bound="true">4.5+ located by USGS and Contributing Agencies.
    (Earthquakes with <ABBR title=Magnitude minmax_bound="true">M</ABBR minmax_bound="true">2.5+ within the United States and adjacent areas.)
    [​IMG]
    [​IMG]
    Latest Earthquakes in the World - Past 7 days<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Disappearing islands of India


    By Green Living Tips | Published 12/26/2006
    Chances are you've never heard of the Indian islands of Lohachara and Suparibhanga. Chances are you won't hear much more about them after the initial press flurry has died down.
    Once home to around 10,000 people, Lohachara island has slipped beneath the ocean and it's neighbor, Suparibhanga island, met the same fate a while back.

    กูเกิลแปลภาษา
    โดย Green Living Tips | เผยแพร่ 2006/12/26
    โอกาสที่คุณไม่เคยได้ยินเกาะอินเดียของ Lohachara และ Suparibhanga โอกาสที่คุณจะไม่ได้ยินมากเกี่ยวกับพวกเขาหลังจากที่วุ่นวายกดเริ่มต้นที่ตายลง
    บ้านเมื่อประมาณ 10,000 คนเกาะ Lohachara มีเล็ดรอดใต้มหาสมุทรและเป็นเพื่อนบ้าน, เกาะ Suparibhanga, พบโชคชะตาเดียวกันขณะกลับ

    [​IMG]

    ส่วนอันนี้น้ำทะเลขึ้นสูง เกาะหายไปเลย
    อันนี้ข่าวเก่า ปี 2006 - เอามาเปรียบเทียบกันเผื่อได้ไอเดียอะไรใหม่ๆ<!-- google_ad_section_end -->
    เครดิต คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Falkman

    จากเม้นท์ #35

    Today’s Earthquake Fact

    The greatest mountain range is the Mid-Ocean Ridge, extending 64,374 km (40,000 miles) from the Arctic Ocean to the Atlantic Ocean, around Africa, Asia, and Australia, and under the Pacific Ocean to the west coast of North America. It has a height of 4207 meters (13,800 feet) above the base ocean depth.

    จากกูลเกิลแปลภาษา
    เทือกเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็น Mid - Ocean Ridge ขยาย 64,374 กิโลเมตร (40,000 ไมล์) จากมหาสมุทรอาร์กติกในมหาสมุทรแอตแลนติกประมาณแอฟริกาเอเชียและออสเตรเลียและในมหาสมุทรแปซิฟิกที่ชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ มีความสูง 4,207 เมตร (13,800 ฟุต) เหนือมหาสมุทรลึกฐาน<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. zodiacs

    zodiacs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +107
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำข้อมูลดีๆ มาให้อ่านกันอีกครับ :cool:
     
  15. ๖T8๙

    ๖T8๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +302
    สุดท้าย ก็แค่อดีต.. สินะคับ
     
  16. Leonidas 1

    Leonidas 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +188
    ขอบคุณมากครับ อ่านเพลินเลย
    จริงอย่างที่เค้าว่า ทุกศาสนามีต้นกำเนิดจากศาสนาเดียวกัน
     
  17. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    น่าสนใจนะครับ ขอตั้งข้อสังเกตบางเรื่องนะครับ

    ...''''''ท่านวาลมิกิผู้ได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากการอ่านบันทึกโบราณของวัด โดยนักบวชผู้สูงศักดิ์แห่งวัดริชี(Rishi) ที่เมืองอโยเดีย(Ayhodai) กล่าวถึงนักบวชนาอะคัลว่า " มาสู่พม่าจากแผ่นดินเกิดของพวกเขา ซึ่งอยู่ทางตะวันออก"

    อาจจะเป็นดินแดนสุวรรณภูมิ คือบริเวณประเทศไทยและรอบๆ ข้างก็เป็นได้นะครับ



    ส่วนเรื่องสัญลักษณ์ ดอกบัวนั้น เคยเป็นตราแผ่นดินของไทยในสมัยอยุธยา แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ครับ

    [​IMG]

    ตราแผ่นดิน อาณาจักรอยุธยาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปรากฎบนเงินพดด้วงในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์

    [​IMG]

    ตราซึ่งคาดว่าเป็นตราแผ่นดิน ของอาณาจักรสุโขทัย ปรากฎบนเงินพดด้วงสุโขทัย และถูกนำมาใช้เป็นตราแผ่นดินอยุธยา สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ

    [​IMG]

    การแต่งกายของกองทัพสยาม ที่ปรากฏที่ระเบียงปราสาทนครวัด

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...