ไปดูงานศพที่แดนหลังคาโลก

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย chingchamp, 14 พฤศจิกายน 2008.

  1. chingchamp

    chingchamp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    788
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +503
    [​IMG]

    ไปดูงานศพที่แดนหลังคาโลก<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>



    <O:p></O:p>
    งานศพถือว่าเป็นเครื่องบ่งบอกถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของประเทศนั้นๆ เลยก็ว่าได้ครับ แม้ความตายจะเท่าเทียมกัน แต่งานศพนั้นคนจัดไม่ยอมให้เท่าเทียมกันหรอก ใครรวยก็จัดหรู ใครจนก็จัดแบบจนๆ<O:p></O:p>
    แต่วันนี้ผมจะเขียนถึงงานศพที่จัดขึ้นที่ทิเบตและเนปาลครับ<O:p></O:p>
    ก่อนที่จะเล่าถึงงานศพ ผมขอแนะนำอาชีพหนึ่งที่จำเป็นสำหรับงานศพทิเบตและเนปาลครับ มีอาชีพหนึ่งที่แสนจำเป็น มันคือ ด็อมเอ็มส์(Domdems)<O:p></O:p>
    ด็อมเอ็มส์ ก็คล้ายๆ กับ สัปเหร่อบ้านเราแหละ แต่การกระทำต่อศพของเขามันไม่เหมือนบ้านเราเท่านั้นเอง<O:p></O:p>
    บ้านเราตกแต่งศพ แต่ทิเบตเขานั้นต้องกระหน่ำศพ!?<O:p></O:p>
    ใช้แล้วครับ หรือพูดให้ยาวๆ หน่อยคือการใช้ฆ้อนที่ใหญ่และหนากระหน่ำศพใส่ร่างศพจนกระดูกแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย<O:p></O:p>
    และเมื่อทุบจนถึงเวลาอันควร ร่างศพที่เพิ่งตายหรือตายมานานแล้วจะกลายเป็นเศษเนื้อที่สัตว์ปีกขนาดใหญ่นั้นคืออีแร้งที่พวกด็อมเอ็มส์เลี้ยงไว้เป็นฝูง เพื่อให้แร้งพวกนั้นกินศพให้หายไป$อย่างรวดเร็ว<O:p></O:p>
    พวกด็อมเอ็มส์นี้เชี่ยวชาญเรื่องจัดการศพมากๆ พวกเขามีเครื่องมือหลายชนิดในการหั่นเชือดเฉือนศพคนให้เป็นเศษเล็กเศษน้อยอย่างรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์<O:p></O:p>
    <O:p>[​IMG]</O:p>
    ภาพที่ท่านได้เห็นต่อไปนี้ความจริงทางการทิเบตและเนปาลเขาไม่อยากให้ถ่ายนะครับ ออกจะห้ามด้วยซ้ำ เพราะทางการทิเบตค่อนข้างห่างภาพลักษณ์ประเทศพอสมควร เพราะรายได้หลักของเขามาจากการท่องเที่ยวนี้<O:p></O:p>
    ถ้าเป็นไทยมาเห็นละก็คงด่ายาวเลย แต่เราคงด่ามั่วแหละ ลืมไปแล้วเหรอว่าสมัยก่อนเรากำจัดศพอย่างไร ก็เอาแร้งไปให้กินศพที่วัดนะสิ ที่บ้านผมสมัยก่อนก็เอาศพไปทิ้งลงในหนองน้ำให้แร้งกินก็มี <O:p></O:p>
    อีกทั้งทิเบตจำเป็นต้องจัดงานศพแบบนี้ครับ เพราะ ทิเบตเป็นเขาหัวโล้นไม่มีไม้มาให้เผา และที่ฝังไม่ได้ เพราะพื้นดินทิเบตเป็นภูเขาเนื้อแข็งการขุดหลุมให้ลึกพอนั้นยาก อาจทำให้สัตว์ต่างๆมาคุ้ยเขี่ยได้ และเหตุทีเขาใช้อีแร้ง เพราะ ส่งไปสู่สวรรค์ โดยมีอีแร้งเป็นพาหะนำไป<O:p></O:p>
    [​IMG]
    การทำศพแบบทิเบตที่เห็นนี้เขาเรียกว่า Sky Burial หรือการฝังแบบห่มด้วยท้องฟ้าและมีอีกแบบ แบบฝังในเจดีย์ และการเผา ซึ่งสงวนไว้สำหรับเพื่อการให้เกียรติพระลามะตำแหน่งสูง ๆ เท่านั้น<O:p></O:p>
    การฝังศพแบบห่มด้วยท้องฟ้านี้ ใช้สำหรับสามัญชน แต่มีข้อยกเว้นไม่ใช้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี หรือ สตรีตั้งกำลังตั้งครรภ์ หรือ คนที่ตายจากโรคติดต่อ หรือ อุบัติเหตุ<O:p></O:p>
    ส่วนการกำเนิดของพิธีนี้ยังเป็นเรื่องลึกลับไม่มีใครรู้ประวัติว่าเริ่มเมื่อไร แต่เป็นพิธีกรรมทางศานาพุทธทิเบตที่สำคัญมากชาวทิเบต ทุกคนจะได้รับเชิญให้ไปเป็นพยานในการทำพิธีนี้โดยทั่วกันชาวทิเบตเชื่อว่าเมื่อคนตายแล้ว ศพก็คือเปลือกที่ว่างเปล่าส่วนวิญญาณนั้นได้ออกจากร่างไปเกิดใหม่แล้ว ส่วนศพก็จะให้เป็นอาหารแก่นกแร้งนั้นเชื่อกันว่า นกแร้งนั้นมีฐานะเทียบเท่าเทพบุตรและเทพธิดาซึ่งเทพทั้งหลายเหล่านี้ จะนำเอาวิญญาณผู้ตายไปสู่สวรรค์ นอกจากนี้การให้แร้งกินยังถือว่าเป็นการให้ทาน เพราะการให้อาหารด้วยศพนี้ จะทำให้นกแร้งไม่ต้องไปจับสัตว์เล็ก ๆ เป็นอาหารไปได้หลายมื้อ ทำให้ช่วยสัตว์เล็ก ๆ ไว้ได้หลายชีวิต โดยพิธีนี้เขาจะทิ้งศพไว้กลางแจ้ง 3 วัน พระลามะ จะอยู่ดูแลศพตลอด พิธีนี้จะเริ่มต้นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น<O:p></O:p>
    คราวนี้เรามาดูขั้นตอนของงานศพแบบทิเบตกัน<O:p></O:p>
    [​IMG]
    ชาวทิเบตถือว่า การเกิดเป็นเรื่องธรรมดา การตายยิ่งเป็นเรื่องธรรมดา การตายหมายถึงการเกิดใหม่ของวิญญาณของคนๆนั้น เพราะเขาเชื่อว่าวิญญาณจะไม่มีวันตาย<O:p></O:p>
    ซึ่งก็จะขึ้นกับฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวด้วย แต่ต้องไม่น้อยกว่า2 วันอนุญาตให้มีแขกมาในงานได้กี่คน การเคลื่อนศพจะต้องออกทางทิศไหน ทางประตู หรือหน้าต่าง วิธีการทำศพนั้นไม่มีพิธีอาบนำศพ หรือแต่งตัวใหม่คือตอนเสียชีวิตใส่เสื้อผ้าชุดใดก็ใส่ชุดนั้น แล้วนำผู้ตายขึ้นไปนอนบนเตียงขนาดพอตัว และมีขาเตี้ยๆ ครอบครัวผู้ตายก็จะเอา"ข่าต๋า" คือผ้าพันคอผืนยาว 2 ถึง 3 เมตรเศษสีขาวห่มร่างผู้ตาย แล้วขึงเชือกเหนือร่างผู้ตายจากหัวไปเท้าเพื่อแขกที่มาในงาน จะได้เอาข่าต๋าไปพาดบนเชือกที่ขึงนี้ ใครที่จะบริจาคช่วยงานศพก็ทำได้ตอนนี้ถ้าคนใดคนหนึ่งในครอบครัวตาย เขาจะต้องรีบไปติดต่อโรงพยาบาลทิเบตพร้อมกับวันเดือนปีเกิด และวันเวลาที่ เสียชีวิตของผู้ตาย เพื่อให้หมอเอาข้อมูลไปคำนวณว่าจะเก็บศพเอาไว้กี่วัน <O:p></O:p>
    จากนั้นญาติก็นิมนต์พระซึ่งชาวทิเบตเรียกว่า "ลามะ" มาสวดที่บ้าน ซึ่งจะเชิญมากี่องค์ก็ได้ แต่ต้องสวดตลอดระยะเวลาที่ไว้ศพ เช่นถ้าไว้ศพ 5 วัน ก็ต้องสวดตลอด 5 วัน จะหยุดพักบ้างก็ได้เพียงประมาณ 15 นาทีต่อช่วงเท่านั้นถ้าลามะมาองค์เดียว ฆราวาสที่อ่านภาษาทิเบตได้จะช่วยสลับเวลาสวดแทน เมื่อสวดจบหนึ่งรอบ ญาติจะนำน้ำชาผสมเนยจามรีไปวางใกล้ศพ เพื่อเสริฟให้แก่ผู้ตาย และลามะเองก็พักซดน้ำชาไปในช่วงเวลานี้เหมือนกัน เพราะชาวทิเบตคลั่งไคล้การดื่มน้ำชาเป็นชีวิตจิตใจ การสวดจะเป็นไปอย่างนี้จนครบระยะเวลาการไว้ศพ จากนั้นก็เคลื่อนศพไปทำพิธีฝังจะทำกันตอนเช้าตรู่ ตี 4 หรือตี 5 แต่ก่อนหน้าวันเคลื่อนศพ ผู้ทำหน้าที่ฝังศพ ซึ่งชาวทิเบต เรียกว่า "อาจารย์" จะมาบ้านผู้ตายครอบครัวผู้ตายต้องเตรียมเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของผู้ตายมามอบให้อาจารย์พร้อมทั้งเงินค่าทำศพ ส่วนใหญ่ประมาณร้อยถึงสองร้อยหยวน ส่วนเสื้อผ้าอาจารย์ก็จะให้ภรรยาของตนนำไปขาย<O:p></O:p>
    [​IMG]
    ก่อนทำพิธีเคลื่อนศพ อาจารย์ต้องทำเครื่องหมาย"สวัสดิกะ" ไว้บนพื้นตรงทางที่ศพจะถูกขนออกจากบ้านไป จากนั้นอาจารย์จะเอาเชือกผูกหัวเตียง จุดธูปบอกกล่าวผู้ตายจากนั้นก็ถือเชือกนำหน้าศพ บรรดาญาติจะช่วยกันแบกทั้งเตียงและศพ เดินตามเป็นขบวนแล้ววนรอบเครื่องหมายสวัสดิกะ 3 รอบ แล้วมุ่งหน้าไป "วัดต้าเจ้า" ซึ่งเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของทิเบต เมื่อขบวนแห่มาถึงวัด ก็เดินวนรอบวัด 3รอบเป็นการให้ผูตายได้เคารพสักการะองค์พระพุทธรูปเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็เอาศพใส่ รถยนต์กระบะ เพื่อนำไปสถานที่สำหรับพิธีฝังศพ ในสมัยก่อนไม่มีรถยนต์ อาจารย์ต้องเป็นคนแบกศพรวดเดียวไปยังสถานที่ ฝังศพ ซึ่งเป็นระยะทางที่ต้องขึ้นเขาไปกว่า <?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:METRICCONVERTER w:st="on" productid="2 กิโลเมตร">2 กิโลเมตร</ST1:METRICCONVERTER> ดังนั้นอาจารย์ส่วนใหญ่ต้องมีร่างกายแข็งแรง <O:p></O:p>
    เมื่อขบวนแห่ และอาจารย์มาถึงสถานที่ฝังศพ ซึ่งเป็นลานกว้างมีแผ่นหินปูลาดขนาด 2 X <ST1:METRICCONVERTER w:st="on" productid="2 เมตร">2 เมตร</ST1:METRICCONVERTER> แล้วอาจารย์ และญาติจะช่วยกันเปลื้องเสื้อผ้าของศพออก แล้วอาจารย์ ก็จะเอาเครื่องมือของตนออกมาวาง ประกอบด้วยมีดขนาดต่างๆ มีตั้งแต่อีโต้ จนถึงขนาดเล็กๆที่ใช้ในการแล่เนื้อประมาณ 15-16 เล่ม อาจารย์เริ่มลงมือด้วยการเอามีดเล็กกรีดหน้าผากศพเป็นแนวยาวเหนือคิ้ว แล้วถลกหนังศีรษะออกมากองไว้ จากนั้นผ่าท้องเอาเครื่องในออกมาแล้วแล่เนื้อออกจากกระดูก ใช้มีดอันใหญ่ทุบกระดูก และสับเนื้อเป็นชิ้นๆและทุบกระโหลกศีรษะเอามันสมองออกมาผสมกับกระดูกใส่ในหลุมที่มีเลือดไหลไปรวมอยู่ จากนั้นเอา"จามปา" แป้งชนิดหนึ่งที่คนทิเบตนำมาทำอาหาร มาผสมคลุกเคล้าให้ดีกับเลือดกระดูกและสมอง เพราะจะช่วยดูดซับเลือดให้เข้ากับกระดูก ทำให้บริเวณนั้นแห้งสนิทไม่เหลือเศษเลือดทิ้งเอาไว้ ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะ อีแร้งชอบกินมันสมอง ไม่ชอบกินกระดูกจึงต้องเอามันสมอง มาคลุกกับกระดูกให้อีแร้งกินกระดูกเข้าไปด้วย<O:p></O:p>
    เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว อาจารย์ก็เรียกบรรดาอีแร้งที่อยู่เหนือบริเวณฝังศพขึ้นไปบนยอดเขา ให้ลงมากิน เริ่มด้วยอาจารย์เอามันสมอง และเลือดให้อีแร้งกินก่อนแล้วค่อยตามด้วย เนื้อที่สับไว้ เมื่ออีแร้งกินทุกอย่างหมด แล้วญาติพี่น้องก็จะช่วยเผาสิ่งสุดท้ายที่เหลือคือเสื่อผ้าชุดที่ผู้ตายใส่ กับหนังศีรษะติดผม แล้วทุกอย่างก็เป็นอันเสร็จสิ้นไม่ต้องมีการเก็บร่างกายของผู้ตายไว้เป็นที่ระลึกให้ต้องทำพิธีระลึกถึงกันทุกปีเพราะเขาเชื่อว่าในขณะที่เรากำลังร้องไห้เศร้าโศก อยู่หน้าหลุมฝังศพผู้ตายนั้น เขาได้ไปจุติในร่างใหม่เรียบร้อยแล้ว <O:p></O:p>
    แน่นอนว่า สำหรับคนนอก ความอยากรู้อยากเห็นมันแฝงความรู้สึก "อนารยะ" แต่คงยากที่จะเปลี่ยน เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิต ความเชื่อ ความศรัทธา อย่างลึกซึ้ง<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จบแล้วครับท่าน

    <O:p></O:p>
    <O:p>http://agalico.com/board/archive/index.php/t-15053.html</O:p>
    จากหนังสือเรื่องโหด เหลือเชื่อ!<O:p></O:p>
     
  2. ซึมดีจัง

    ซึมดีจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +67
    ขอบคุณครับ++
     
  3. tingman

    tingman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +281
    ทำให้ผมต้องอนิจังในสังขารของมนุษย์ได้อีกระดับหนึ่ง ขออนุโมทนาสาธุ.
     
  4. pat_auto22

    pat_auto22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +398
    เสียวไส้
     
  5. Nud

    Nud เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +555
    สละร่างกายให้เป็นอาหารสัตว์เราว่าเจ้าของร่างได้บุญนะ
     
  6. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ถ้าผมเป็นคนธิเบตเเล้วรู้ว่าตายเเล้วต้องโดนอีเเร้งกิน ผมจะบริจาคศพผมให้ทางโรงพยาบาลดีกว่าครับ อย่างน้อย ศพเราก็มีีประโยชน์เเก่นักศึกษาเเพทย์ได้
     
  7. นักพรตเหมา

    นักพรตเหมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +305
    ครับผมเอาศพไปฝากกับโรงพยาบาลที่กว่าครับ
     
  8. ~นู๋บูมจ้า~

    ~นู๋บูมจ้า~ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +7
    ขอบคุณค่ะสำหรับสาระดีๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...