คุณมีจิตสัมผัส-ความผูกพัน-สื่อพลังพุทธะ พลังเทพหรือไม่

พระเมตไตรยโพธิสัตว์
​

 

​

 

นำภาพเต็มๆ มาฝากค่ะ สวยมาก
​

​

​

 

​

​

 

​

นโมรตฺนตฺราย นโมอารย อวโลกิเตศวราย
<O</O
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
<O</O
และ
<O</O
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ผู้ประเสริฐ <O</O​

​

 

<TABLE id=table2 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">อุทยานศาสนา พระโพธิสัตว์กวนอิม

​

</TD></TR><TR><TD width="100%">KUAN YIN INTER-RELIGIOUS PARK

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
อุทยานแห่งความกรุณาปรานี จากฟากฟ้า สุขาวดี สู่แดนไทย​

<BIG></BIG>

<B><BLINK></BLINK></B>​

เป็นที่ประดิษฐานพระแม่กวนอิมไม้แกะสลักปางพันเนตรพันกรสูงที่สุดในโลก​

 

ท่านใดมีรูปองค์นาจาซันไท้จื่อบ้างคะ รบกวนหน่อยคะ

 

โต๊ะหมู่ที่บ้านค่ะ





สังเกตภาพ 1 ของเก่ามีพระจักรพรรดิอยู่ด้านซ้ายมือสุด

เผอิญต้องไปเอาพระศิวะมาตั้ง จะตั้งโต๊ะใหม่ ห้องก็แคบ
เลยเอาพระจักรพรรดิมารวมกับพระทางขวามือ
ตั้งต่ำกว่าพระแม่กวนอิม ได้เรื่องเลย ฝันว่าองค์กวงซีอิมตกจากโต๊ะ
เลยต้องยกพระจักรพรรดิสูงกว่าเจ้าแม่กวนอิม

สังเกตภาพ 2 จัดใหม่ พระศิวะอยู่ทางซ้าย
ส่วนพระจักรพรรดิก็ยกสูงกว่าเจ้าแม่กวนอิมตามเดิม




องค์กวนอิมเล็กๆ แบบนี้ แต่ศักดิ์สิทธิ์มาก เพิ่งทราบก็ตอนฝันนี่เอง
ส่วนองค์มหาเทพที่ได้มา เล่นเอาจัดโต๊ะหมู่เหนื่อยเลย ย้ายไปมาหลายรอบ ต้องไปซื้อโต๊ะหมู่เล็กๆ มาเพิ่มค่ะ
ภาพสุดท้าย พระจักรพรรดิสายหลวงปู่ดู่ ปลุกเสกโดยหลวงตาม้า ที่ว่าตั้งตรงไหนก็ได้ ที่จริงไม่ได้ค่ะ ควรตั้งให้เหมาะสม

;welcome2

 

ข้างหน้าพระสีวลี คืออะไรหรือ เต้าเจี้ยว

 

อนุโมทนาครับ
>>>>> พระเครื่อง <<<<<

>>>>> เครื่องราง <<<<<

>>>>> พระขุนแผน <<<<<

>>>>> กุมารทอง <<<<<

 

เป็นโถแก้ว บรรจุพระธาตุพระสีวลีค่ะ

ส่วนตรงกลางเป็นปู่โตปู่ทวด หน้าหลวงพ่อโสธร

พูดถึงหลวงพ่อโสธร นี่ก็ศักดิ์สิทธิ์มากๆ
คือแม่เอามาให้นานแล้ว แต่ไม่รู้เรื่องหรอก คือแต่ก่อนไม่ค่อยสนใจนะ

พอไปถ่ายออร่า เขาว่ามีออร่าหลวงพ่อโสธรอยู่ด้วย กับปู่โต เราก็ฟังไม่รู้เรื่อง
ไม่เข้าใจ ว่ามีหลวงพ่อโสธรได้ไง คือไม่ได้สนใจพระพุทธรูปเท่าไร

จนเพิ่งมาสวดมนต์ไม่นานนี่ แล้วก็เอาหลวงพ่อโสธรขึ้นไปตั้งที่โต๊ะหมู่ด้วย
เลยเพิ่งนึกออก..

;welcome2

 

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตามญาติผู้ใหญ่ไป ร่วมพิธีกับอิหม่าม ศาสนาอิสลาม ถึงแม้จะนับถือศาสนาพุทธ แต่เราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ซึ่งสองท่านมีร่างทรง ท่านหนึ่งบอกว่าเราสามารถนั่งสมาธิได้ ผู้มีเมตตา ต้องปฏิบัติธรรมอย่าได้ขาด วันแรกก่อนกลับ ท่านหนึ่งบอกว่ามีองค์คุ้มครองอยู่ คือเจ้าแม่กวนอิม น่าแปลกมากที่ตอนเด็ก ๆ คุณย่ากับแม่นำไปฝากให้เป็นลูกเจ้าแม่กวนอิม ไม่ได้บอกอะไรผู้ใหญ่ท่านนี้เลย
วันรุ่งขึ้นก็ไปร่วมสวดกับอิหม่ามและอิสลามิกชน เป็นภาษาอาราบิค ส่วนเรา อยู่ดี ๆ ก็สวด
เป็นอีกภาษาหนึ่ง รู้สึกตัวแต่บังคับปากไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็เคยเป็นมาแล้ว ได้เปิดพระโอษฐ์ และรับขันธ์ กับอาจารย์ท่านหนึ่ง ผู้ใหญ่ที่ไปด้วยไม่เคยเห็นเลยถามกับอาการของเรา ซึ่งท่านที่ปฏิบัติธรรมบอกว่าเราพูดภาษาเทพ
ก่อนลาอิหม่าม ก็พูดเป็นภาษาหนึ่งกับท่านอย่างถูกคอ จนหลายคนแปลกใจ บางคนคิดว่า
เราพูดเอง เออเอง แต่ความรู้สึกนั้นไม่ใช่แน่นอน อิหม่ามบอกว่าให้นับถือพระศิวะ ด้วย
เพราะปกติบูชาพระพิฆเณศร์ อยู่แล้ว ซึ่งภาษาที่พูดออกเป็นฮินดู บอกให้บำเพ็ญเพียรนั่งสมาธิ ท่องพุทโธ สวดมนต์มาก ๆ และอย่าท่องอิติปิโสบ่อย ให้สวดเพียงเดือนละครั้งก็พอ หลังจากนั้นมา รู้สึกดี เยือกเย็น
ปกติก็นั่งสมาธิ, สวดมนต์ที่ห้องพระเป็นประจำทุกวัน เฉพาะวันเสาร์ หรืออาทิตย์จะมากหน่อยเพราะไม่ได้ทำงาน
เมื่อก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้เลย พอเริ่มแก่ตัวลงเรื่อย ๆ ก็จะมาทางนี้ และมีความรู้สึก เหมือนกัน แต่พยายามไม่งมงายยังคงปฏิบัติตัวปกติ เดินสายกลาง เมื่อสองปีที่บวช
ทำให้รู้ว่าตัวเองมีความสามารถนั่งสมาธิได้ยาวนานมาก ตามที่อาจารย์ท่านที่เปิดโอษฐ์ได้บอกไว้ ท่านบอกว่าเป็นอจินไตย เราต้องเรียนรู้เอง เห็นเอง ของอย่างนี้ บอกไม่ได้ว่าจริงเท็จเพียงใด แต่เมื่อได้มาสัมผัส ก็อัศจรรย์ในสิ่งที่เรามองไม่เห็นจริง ๆ องค์ทวยเทพ
มีอยู่จริง ๆ อาจจะมีอีกมิติหนึ่ง หรือปรโลกหนึ่ง ที่จำนวนคนไม่มาก สามารถติดต่อกับท่านได้จริงๆ เคยคิดเหมือนกันว่าช่วงเด็ก ๆ ไม่ค่อยสุขสบายต้องดิ้นรนเอง แต่ตอนนี้ชีวิตเริ่มดีขึ้น สงสัยเกิดมาให้ต้องอดทนกับบทเรียนต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปให้ได้จริง ๆ
เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ไปวัดสุนันทวนาราม ไทรโยค เมืองกาญจน์ ได้มีโอกาสนมัสการหลวงพ่อมิตซูโอะ คเวสโก ซึงชืนชมท่านทำหนังสือธรรมะเล่มเล็ก ๆ มีการ์ตูนประกอบ
อ่านเข้าใจง่าย ให้เด็ก ๆ ได้เข้าถึงธรรมะเร็ว รวมทั้งคนรุ่นอื่น ๆ ได้สนทนาธรรมด้วย
เป็นวัดป่าที่ร่มรื่น สงบดี สักวันอาจจะไปปฏิบัติธรรมที่นั่น น่าดีใจที่มีพุทธศาสนิกชนวันยี่สิบ สามสิบ ไปเจริญภาวนาที่วัดนี้ด้วย
เคยมีร่างทรง และหมอดู ทักติดๆกัน ว่าเรา อาจจะบวชไม่สึกด้วย คิดเหมือนกันว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ยอมรับลิขิตของชีวิต แต่ต้องดูแลคุณแม่ก่อน แต่หากไม่ได้เป็นอย่างนั้น
ก็คงเป็นฆราวาสที่ดี ส่งเสริมพุทธศาสนาได้เหมือนกัน
อาจที่คุณไวท์โรสบอกไว้ว่า ถ้าปฏิบัติตัวอยู่ในศีล สวดมนต์ ทำสมาธิบ่อย ๆ ภาษาเทพ ที่เราพูดจะสามารถเข้าใจได้ว่าหมายถึงอะไร หากเรามีความสามารถจริง ๆ คงมาเล่าสู่กันฟังว่า มันมหัศจรรย์เพียงใด

 

ไม่รู้เป็นยังไงมาอ่านกระทู้นี้ทีไรมีอาการขนลุกเยือกๆทุกทีเลยค่ะ สงสัยเป็นบารมีของท่านทั้งหลายทีมีการเอารูปมาลงแน่ๆเลยค่ะ

 

รูปถ่าย"นิโรธสมาบัติ" หลวงพ่อกัสสปมุนี

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD>

1. รูปถ่ายของหลวงพ่อกัสสปมุนีที่อินเดียมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ?
ตอบ เมื่อปีพ.ศ. 2507 หลวงพ่อกัสสปมุนีได้เดินทางไปยังชมพูทวีปหรือประเทศอินเดีย และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนานถึง 5 เดือน ตลอดเวลาที่ท่านเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถาน ท่านจะห่มดองหรือห่มลดไหล่ตลอด ในขณะที่พระเถระองค์อื่น ๆ จะห่มคลุมตามพระวินัยบัญญัติว่า เมื่อภิกษุออกนอกบริเวณวัด ต้องห่มคลุมให้เป็นปริมณฑลคือข้างบนจีวรต้องติดคอ ด้านล่างต้องคลุมครึ่งแข้งจึงถูกต้อง แต่การที่หลวงพ่อห่มดองตลอดรายการนั้น ท่านให้เหตุผลว่าชมพูทวีปเป็นดินแดนแห่งพระพุทธองค์ ทุกหนแห่งล้วนแต่เป็นแผ่นดินของพระองค์ที่ทรงจาริกไปแสดงธรรม จึงถือว่าเป็น ‘เขตพุทธาวาส’ ทั้งสิ้น ท่านจึงไม่ห่มคลุม
และทุกแห่งที่ท่านไปนมัสการ ตามพุทธประวัติก็ดี ตามโบราณาจารย์กล่าวอ้างก็ดี ตามที่แขกอินเดียเล่าให้ฟังก็ดี ว่าสถานที่นี้พระพุทธเจ้าทรงกระทำพุทธกิจอย่างนั้นอย่างนี้ หลวงพ่อท่านยังไม่เชื่อทีเดียว หากท่านลงมือนั่งภาวนา ‘ตรวจสอบ’ ด้วยองค์ท่านเองในที่ทุกแห่ง
กระทั่งจิตท่านเห็นชัดว่า ณ สถานที่นี้พระพุทธองค์ได้ทรงทำกิจดังกล่าวอ้างมาแล้วจริง ๆ ท่านจึงปลงใจเชื่อ และเป็นที่น่ายินดีว่าเมื่อท่าน ‘พิจารณา’ ด้วยอำนาจฌาน-ญาณ อันสูงยิ่งของท่านแล้ว ปรากฏว่าในทุกสถานที่ล้วนเป็นของจริงทั้งสิ้น ทุกแห่งแฝงเร้นด้วยพระพุทธบารมีที่ยังคงอบอวลแผ่รัศมีอยู่ทุก ๆ เวลา รอคอยผู้มีบุญญาธิการมานมัสการให้เกิดมหาบุณย์-มหากุศล
ดังนั้นท่านใดที่คิดจะไปหรือไปมาแล้ว...
ก็จงสบายใจและจงอิ่มบุญในใจให้เต็มที่เถิด
ดังภาพถ่ายหน้าสถูปที่ถาม หลวงพ่อท่านกำลังนั่งภาวนาอยู่ที่ถ้ำอจันตา ขณะที่ใช้อำนาจจิต ‘ตรวจสอบ’ อยู่นั้น ก็มีฝรั่งคนหนึ่งผ่านมาเห็นท่านเข้า เวลานั้นท่านเปลื้องจีวรและสังฆาฏิออกแล้วคงเหลือเพียงสบงและอังสะ อีกทั้งยังพาดลูกประคำเส้นเบ้อเริ่ม ทำให้ฝรั่งนายนั้นนึกว่าท่านเป็นเณร จึงเกิดความเอ็นดูและทำการบันทึกภาพท่านไว้
ภายหลังฝรั่งก็ได้นำรูปนั้นมาให้ท่านดู ปรากฏว่าท่านไม่พอใจมาก คงเพราะแอบถ่ายโดยไม่ขออนุญาตท่านก่อนประการหนึ่ง และคงเพราะท่านแต่งตัวไม่เรียบร้อยประการหนึ่ง ท่านจึงดุเขา(เพราะท่านพูดภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยม)และยึดทั้งรูปทั้งฟิล์มกลับมา
ครั้นกลับเมืองไทยแล้ว คณะศิษย์อยากได้ของที่ระลึกจากท่าน ท่านจึงให้นำฟิล์มนี้ไปอัดออกมาเป็นรูปใบน้อย และยังเมตตาเขียนยันต์วิเศษที่ชื่อว่า ‘ยันต์พุทธเกษตร’ มอบให้ด้วยลายมือท่านเอง (ท่านได้มาเมื่อครั้งไปเที่ยววิเวกภาวนาใน จ.ลพบุรี ยันต์พุทธเกษตรได้ปรากฏขึ้นในนิมิตท่าน ท่านบอกว่ายันต์นี้มีอานุภาพครอบจักรวาล ตามแต่ผู้ใช้จะอธิษฐานให้เป็นไปดังปรารถนา)
ศิษย์ได้นำยันต์พุทธเกษตรลายมือท่านไปบันทึกเป็นภาพถ่ายใบน้อยออกมาอีก 1 ใบ จากนั้นก็นำรูปหลวงพ่อกับรูปยันต์พุทธเกษตรนี้ประกบเข้าด้วยกัน แล้วนำมาถวายให้ท่านอธิษฐานจิตแจกผู้ศรัทธาในราวปี พ.ศ. 2508 –2509
ต่อมาเมื่อท่านประสงค์จะตอบแทนคุณของเสี่ยไซ โยมอุปการะเป็นที่ยิ่ง ท่านก็ดำริเข้า ‘สัญญาเวทยิตนิโรธ’ เป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2510 เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน
และรูปนี้ก็อยู่ในวาระนิโรธสมาบัติด้วย
หลวงพ่อเคยบอกว่า นิโรธสมาบัตินี้มีอานุภาพมากนัก มิใช่แต่กุฏิของท่านเท่านั้น แต่กำลังแห่งนิโรธยังครอบคลุมไปทั่วภูเขา ‘สุนทรีบรรพต’ อันเป็นที่ตั้งวัด อย่าว่าแต่ของในกุฏิท่านเลย แม้กรวดหินหน้าวัดหากจะหยิบขึ้นมาแล้วตั้งจิตระลึกถึงท่านก็ยังมีอานุภาพได้
อะไรจะขนาดนั้น
เชื่อท่านไหม ?
ถ้าเชื่อ....! รูปใบน้อยและพระเครื่องต่าง ๆ ที่ผ่านการเข้านิโรธจากท่านมาตั้งแต่ปี 2510 กระทั่งท่านละสังขารจากไปในวันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2531
จะขลังเพียงไหน !?
ผมยังเดาไม่ถูกเลย
ดังนั้น ท่านจึงไม่ใคร่แจกรูปนี้ให้ใครง่าย ๆ แม้มีคนขอกันมาก ท่านก็ยังเลือกคนให้ ท่านบอกว่า ของดีต้องให้กับคนดีและนับถือเราจริงเท่านั้น
หากจะมีคนขอเหรียญรุ่นแรกของท่านที่สร้างในปี พ.ศ. 2518 บางทีท่านก็มอบรูปนี้ให้ ครั้นคนนั้นบ่นว่าอยากได้เหรียญต่างหากเล่า ท่านจะบอกดุ ๆ ทันทีว่า
“อะไร ให้ของดีแล้วยังไม่รู้จัก รูปนี่เก่งกว่าเหรียญอีกนะ”
คือคนโบราณเมื่อจะกล่าวชมมงคลวัตถุใด ๆ ว่าขลัง ว่าศักดิ์สิทธิ์เหลือกำลัง ท่านมักใช้วลีว่า ‘เก่ง’ ก็เป็นอันรู้กัน
ฉะนั้น รูปนี้จึงเหลือตกค้างมาจนทุกวันนี้ และมีคนได้รับประสบการณ์มากมายยิ่งกว่าเหรียญเสียอีก ถ้าจะให้เล่า คงต้องนัดเจอกันดีกว่าเพราะยาวมากจนไม่อยากพิมพ์
เล่ามาเสียยืดยาว หวังว่าทุกท่านคงเข้าใจ ใครที่มีอยู่แล้วก็รีบเอามาใส่ซะ คนที่ยังไม่มีก็ค้นคว้าหาเอาเถิด ของดีสุดยอดอย่างนี้ อย่าให้หลุดมือเลยครับ.


​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff><!-- --></TD></TR></TBODY></TABLE>


รูปถ่ายนั่งนิโรธสมาบัติรูปนี้นะท่านเองยังบอกด้วยตัว
ท่านเองว่า "รูปนี้เก่งกว่าเหรียญเสียอีก"
<!-- / message --><!-- / message -->
<!-- / message -->

 

ผมบอกไม่ถูกครับ แต่สัมผัสได้ว่า มีลางสังหรณ์แปลกๆ คล้ายๆ กับว่าจะเกิดกับผมในอนาคต

แต่สัมผัสไดดีกับปุดจ้อ นะคับ

 

ทุกอย่างในโลกนี้มีปัจจัยเป็นเหตุ จึงมีผล
เทวดาเหล่านั้น ก่อนจะมาเป็นตรงนี้ เป็นอะไรมา... ?
แล้ว อยู่ร่วม ทำกรรมร่วมกับผู้ใดมา

ชาตินี้ ผู้นั้น มาพบมาเห็นกันอีก... ก็สปาร์กเลย
พอเข้าใจกันละยังอ่ะครับ

 

มหาเทวีที่มีอำนาจเด็ดขาดของเทวานุภาพ ในการทำลายล้างปีศาจ
และความชั่วร้าย
ชิงชังการลอบทำร้ายด้วยอวิชา และ การเบียดเบียนชีวิตอื่น
แม้สาวกของพระองค์เอง กระทำยิ่งต้องถูกลงทัณฑ์

การขอร้องเรื่องใหญ่ๆ ต้องมีการแลกเปลี่ยน เพราะ ทรงทราบกฏแห่งกรรม


ทรงเสียสละ รวมอำนาจตบะอันร้อนแรง มาไว้ในตัวพระองค์ เพื่อคานอำนาจ.
กับอสูรร้าย

ขอน้อมถวายกุศลแก่ท่าน พลังมารดาผู้เสียสละแห่งจักรวาล<!-- / message --><!-- edit note -->

 

โอม เจ มาตา กี

 

คุณโอม

ไม่ทราบรูปเคารพที่นำเสอนข้างต้น เป็นพระอรรถนารีศวรหรือเปล่า?
หรือว่าเป็นมหาเทวีครับ?