คนหายวับไปในภพอื่น

'' คนหายวับไปในภพอื่น ''

The Mysterious Disappearance of David Lang


The disappearance of David Lang is one of the most interesting stories of Middle Tennessee. Some claim Lang was abducted by an invisible UFO, some claim he slipped into another dimension, and still others claim the story never happened at all.


เรื่องคนหายปริศนารายนี้ เกิดขึ้นจริงๆที่ไร่แห่งหนึ่งในเมืองกัลลาติน มลรัฐเทนเนสซี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นเมื่อ 23 กันยายน ค.ศ. 1880
​

(พ.ศ.2423) แม้เกิดขึ้นนานเป็น100ปีแล้วแต่ก็เป็นกรณีที่น่าศึกษา ยังท้าทายคนปัจจุบันที่ทราบเรื่อง ให้คิดคลี่คลายหาคำตอบที่ถูกต้อง คนที่นำมาเผยแพร่ภาคภาษาไทยคือ “คุณหวังดี ลวดลายเลิศ” <O</O
<O</O

ผมเห็นเป็นเรื่องประหลาดพิเศษ ชวนคิดและส่องสว่างให้เห็นเรื่องประหลาดในอดีตได้ชัดขึ้น


เรื่องมีอยู่ว่า ชายชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อ “เดวิด แลง” เขาเป็นชาวนาชาวไร่ อยู่ในเมืองดังกล่าวข้างต้น มีบ้านอยู่ประจำที่ริมไร่ของเขาเอง มีรั้วล้อมรอบบ้านและสนามไว้เป็นสัดส่วน พ้นประตูรั้วบ้านออกไปเป็นทุ่งโล่งกว้างไกล<O</O
<O</O

วันที่เหตุการณ์ระทึกใจปริศนาจะเกิดขึ้นนั้น นายเดวิด แลง เดินออกจากประตูรั้วบ้านจะไปดูม้าที่ปล่อยกินหญ้าที่ท้องทุ่งนา มีภรรยาเดินตามมาส่ง ลูก 2 คน อายุ 11 ขวบ กับ 5 ขวบ กำลังวิ่งเล่นอยู่แถวนั้น ก็วิ่งตามมาสมทบด้วย พอเดินเลยประตูรั้วออกมาไม่ไกล ก็พอดีมีรถม้าคันหนึ่งแล่นตรงมา คนในรถคือนายออกุสต์ เป๊ก ผู้พิพากษากำลังยื่นหน้าจากรถ ยิ้มโบกมือให้นายเดวิด แลง ยังไม่ทันลงจากรถ<O</O
นายเดวิดแลงเมื่อหันหน้ากลับ ก็ก้าวมา 2-3 ก้าว<O</O
<O</O
<O</O
ทันใดนั้น เหตุการณ์ที่ใครๆไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น นายเดวิด แลง ที่กำลังเดินยิ้มโบกมือตอบผู้พิพากษา ก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาของทุกๆคน ตรงที่โล่งไม่ไกลจากประตูรั้วบ้านเขามากนักนั่นเอง<O</O
ทุกคนที่เห็นสงสัยพรั่งพรู ตะลึงงัน พอได้สติภรรยานายเดวิด แลง ก็หวีดร้องและเรียกด้วยความตระหนกสุดเสียง ผู้พิพากษากับน้องเขยรีบเปิดประตูรถลงมา วิ่งไปที่จุดยืนที่นายเดวิด แลง หายวับไป พินิจหาจนทั่วไม่เห็นนายเดวิด แลง บริเวณนี้ไม่มีพุ่มไม้ ดงหญ้าสูง สิ่งบังตาอื่นใดอยู่เลย หลุมบ่อที่ร่างคนจะตกลงไปได้ก็ไม่มี นายเดวิด แลง จะวิ่งกลับเข้าไปในบ้านเรือนก็ไม่เป็นเช่นนั้น บริเวณห่างออกไปก็เป็นท้องทุ่งโล่ง กว้าง-ไกล มีหญ้าเขียวคลุมดินทั่วไป ก็ไม่มีส่วนสูงพอที่จะกำบังร่างของคนได้-เงียบ ไม่มีร่างคนยืน-เดิน-นั่ง-นอน<O</O
<O</O

ทุกคนช่วยกันค้นหาจุดที่เขาหาย และบริเวณใกล้เคียงโดยละเอียด-เหลือบเหลียวหารอบๆไกลออกไป ปราศจากร่องรอยใดๆของนายเดวิด แลง เขาหายไปจริงๆ<O</O
ข่าวกระจายออกไปทั่ว จนมืดค่ำก็ยังมีชาวบ้านมาไต่ถามด้วยความเป็นห่วง บ้างก็ช่วยจุดไฟตะเกียงช่วยส่องเสาะหาทั่วๆบริเวณ พร้อมกับขบคิดปัญหา เขาหายไปไหน<O</O
นายอำเภอและตำรวจท้องที่ทราบก็เป็นห่วง มาสอบปากคำภรรยาและลูกๆของนายเดวิด แลง ตลอดถึงผู้พิพากษา ออกัสต์ เป๊ก กับน้องเขย ผู้เห็นเหตุการณ์โดยถี่ถ้วน แล้วระดมคนออกสำรวจพื้นที่ตรงจุดยืน<O</O
และบริเวณใกล้เคียงติดต่อกันไปที่นายเดวิด แลง หายวับไปอย่างละเอียด พบเพียงว่าใต้หญ้าและดินที่หญ้าเกาะลงไปเป็นพื้นหินแข็งธรรมดาๆไม่มีร่องรอยหินแตกร่องรูดิน หินยุบ บ่อหรือโพลงหินใดๆที่ร่างของมนุษย์จะตกชำแรกไปได้เลย จะค้นหากันด้วยวิธีไร เมื่อใดก็ไม่พบร่องรอยการหายตัวไปของนายเดวิด แลง ทุกวิธีไปลงที่ปริศนาว่า นายเดวิด แลง หายเงียบไปไหน?<O</O
<O</O

ยังครับ?ยังไม่เงียบเสียทีเดียว อีก7เดือนต่อมาพื้นที่ตรงที่นายเดวิด แลง หายตัวนั้น หญ้าหน้าดินเคยเขียวอยู่เสมอนั้น กลายเป็นสีเหลืองแปลกตา เข้าใจว่าจะขาดความชื้นหรือน้ำซึมหล่อเลี้ยงบางฤดูกาล เพราะพื้นใต้หญ้าเป็นศิลา บริเวณที่หญ้าเหลืองเป็นที่น่าวิ่ง-นั่งเล่น<O</O
ขณะที่เด็กชายยอร์ชกับเด็กหญิงซาร์ราห์ บุตรชาย-หญิงของนายเดวิด แลง พากันวิ่งเล่นบริเวณหญ้าเหลืองนั้น เด็กทั้งสองก็ต้องตกใจมาก เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วย จำได้ว่าเป็นเสียงของบิดา ดังมาจากใต้หญ้าเหลืองตรงที่นายเดวิด แลง ยืนหายตัวไปนั้น แน่ละเด็กจักต้องตะโกนเรียกแม่ของเขาให้มาฟังด้วย<O
<O
เสียงร้องให้ช่วยดังมาเป็นระยะๆพอจำได้ว่าเป็นเสียงนายเดวิด แลง ร้องขอให้ช่วย เสียงดังห่างออกไปทุกที(เบาลงๆ) จนกระทั่งไม่ได้ยินเลย จากนี้ก็เงียบสนิททั้ง เสียง ชีวิต ร่างกาย ชั่วนิรันดร <O
<O
สิ่งชวนคิดในช่วงที่หลัง7เดือนมีเสียงมาขอให้ช่วยอีกนั้น คือ
1.มิติหรือภพอื่นที่นายเดวิด หายเข้าไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากมิติโลกมนุษย์นี้ พอส่งเสียงมาได้ แต่ร่างกายมาไม่ได้ มีอะไรสักอย่างกั้นอยู่ <O</O
2. มิติหรือภพนั้นมีอาหารหรืออะไรสักอย่างแทนอาหารให้นายเดวิด ยังคงชีวิตอยู่ได้<O</O
3. มิติหรือภพนั้นคงไม่สบายนักนายเดวิด จึงร้องขอให้ช่วย<O</O
<O</O

คำท้ายที่ชวนคิดพิจารณา มีนักวิทยาศาสตร์บางคนรวมทั้งนักค้นคว้าสิ่งลี้ลับทั้งหลายได้ให้ทัศนะว่า “เขาอาจพลัดหลงเข้าไปสู่มิติหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นแดนสนธยาที่ซ้อนกับโลกของเรา นับเป็นเหตุบังเอิญที่นายเดวิด แลง เดินผ่านเข้าสู่ประตูอีกมิติหนึ่ง ซึ่งเปิดอ้าในช่วงนั้น จึงหายตัวจากโลกนี้ตลอดกาล”<O</O
<O</O






ขอขอบคุณ : ผู้ที่ใช้นามปากกาว่า ธัมมทีป ที่ได้นำเรื่องนี้มาเผยแพร่อีกทอดหนึ่ง<O</O

 

ผมเป็นคนทำเองครับ

 

อ่ะ เป็นเรื่องหลอกเด็ก (น่ารักๆ อย่างนู๋นี่) รึเปล่าหว่า...
จาเหมือนในหนังหลายๆเรื่องไหมน้อ

 

รู้สึกเคยดูในยูบีซี สารคดีอะไรสักอย่าง...

 

อืม...ถ้าเป็นจริงก็น่าเห็นใจครอบครัวนี้มาก

 

อยากไปเมืองลับแลมั่งจังเลย...
คงจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรามั้ง

 

อยากหลงย้อนเวลาไปสมัยพุทธกาล เผื่อจะเคยสั่งสมอมรมบมุญบารมีมาแต่ปางก่อน เผื่อได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าบ้าง

 

อืม....

 

พิจารณาต่อภาค 2 (ยังไม่จบ)

พิจารณาเปรียบเทียบกับเรื่องในอดีตหลายพันปี​

อดีตกาลเกินสองพันห้าร้อยปีมาแล้ว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ ประทานพระธรรมเทศนาให้มหาชนบรรลุธรรมพ้นทุกข์พบสุขอยู่นั้น ก็ยังมีเรื่องแปลกประหลาดคนหายไปจากพื้นโลก ที่มีส่วนคล้ายคลึงกัน เรื่องสมัยพุทธกาลร้าย-รุนแรงกว่า ได้แก่ เรื่องพระเทวทัต กับเรื่องนายนันทมาณพ พระเทวทัต แสดงความเป็นใหญ่ตั้งตัวเป็นปฎิปักษ์กับพระพุทธองค์ ถึงประทุษร้ายพระชนชีพพระพุทธเจ้า กระทั่งตนเองถูกธรณีสูบ เป็นเรื่องดังมากในสมัยนั้น และยังติดอยู่ในหนังสือธรรม ได้อ่านรู้กันจนถึงปัจจุบัน นายมัณทมาณพนั้นเป็นลูกลุงของพระอุบวรรณเถรี พระภิกษุณีผู้สำเร็จพระอรหันต์ ปราศจากกิเลสตัณหาสิ้นเชิงแล้ว หลงรักพระอุบลวรรณา ตั้งแต่ท่านยังไม่ได้บวชเป็นต้นมา นันทมาณพไม่รู้คุณค่าอันประเสริฐบริสุทธิ์ของพระอรหันต์ เขาเข้าปลุกปล้ำกระทำเมถุนกรรมพระภิกษุณีในกระท่อมป่า เมื่อตนออกมาพ้นกระท่อมพระภิกษุณีแล้ว ก็ถูกธรณีสูบ<O</O


อาการถูกธรณีสูบหรือตกนรกทั้งเป็นของคนทั้ง2นั้น(ความจริงยังมีรายอื่นอีก)คือ<O</O
1.แผ่นดินตรงนั้นไม่ปรากฎว่ามีช่องร่อง รูหรือหล่มโคลนอยู่ก่อน คนจมหายเริ่มแต่ฝ่าเท้าทั้ง2 เรื่อยกระทั่งมิดศรีษะ รายพระเทวทัตต่อหน้าต่อตาสาวกที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ของพระเทวทัตเอง ไม่มีใครยับยั้งช่วยดึงแขน ดึงขามิให้จมลงได้<O</O
2.เมื่อจมหายไปแล้ว ก็มิได้ปรากฏว่ามีรอยช่องร่องรูใดๆเหลืออยู่ตรงนั้นอีก<O</O
3.ตกไปทั้งเป็นๆในร่างของมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจอยู่นี้<O</O
4.ตกหายเงียบเชียบไปเลย ไม่มีเสียง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายปรากฏผุดโผล่มายังโลกมนุษย์อีก<O></O>
5.มีพระผู้มีทิพยจักษุสมัยนั้นเห็นว่า บุคคลบาปหนาที่ถูกธรณีสูบ เช่น พระเทวทัตไปอยู่ในภพนรกหรือมิติที่ธรมานคนบาปหนา ในรูปร่างอีกอย่างหนึ่งเรียบร้อยแล้ว<O</O

กรณีของนายเดวิด แลง สมัยไม่นานมานี้ กับ กรณีของพระเทวทัตสมัยอดีต ดังกล่าวมาแล้วมีส่วนเหมือนและส่วนที่ดูจะแตกต่างกันบ้าง ดังนี้<O</O

​

ส่วนเหมือนกัน <O</O
1.หายสูญไปในภูมิอีกภูมิหนึ่งหรือในมิติอีกมิติหนึ่ง ที่มิใช่ภูมิหรือมิติมนุษย์<O</O
2.หายไปทั้งชีวิต-ร่างกาย-ลมหายใจของคนเป็นๆอย่างนี้มิใช่ตายหายไปแต่วิญญาณเบบคนตาย<O</O
3.อยู่คนละภพ-มิติ กับมนุษย์ ไม่มีอะไรสื่อสาร-ติดต่อกับคนได้<O</O

​

ส่วนที่ออกจะแตกต่างกัน<O</O
1.นายเดวิด แลง หายวับไปเฉยๆ ไม่มีคนเห็นว่าไปทิศทางใด-เหนือ-ใต้-ออก-ตก-ใต้ดิน-บนฟ้า<O</O
2.พระเทวทัต มีภิกษุสาวกของเขาเห็นค่อยๆจมลงในแผ่นดินหายไป ในลักษณะการเหมือนแผ่นดินสูบ<O</O
3.นายเดวิด แลง เป็นชาวไร่ชาวนา ที่ประกอบสัมมาอาชีพโดยปกติธรรมดา ไม่ปรากฏว่า ได้ทำบาปกรรมหนักแต่ประการใด<O</O
4.พระเทวทัต ทำบาปกรรมหนัก บาปหนา เชื่อกันว่า หายไปในแผ่นดิน เป็นการตกนรกทั้งเป็น<O</O
5.นายเดวิด แลง หายเงียบไปในภูมิหรือมิติหนึ่ง 7เดือนล่วงแล้ว ยังส่งเสียงจากมิติหนึ่งให้ลูก-เมียของเขาได้ยินให้ช่วยเหลือ แล้วเงียบหายไปชั่วนิรันดร์<O</O
6. พระเทวทัต หายเงียบเชียบไป มีผู้มีตาทิพย์หรือทิพยจักษุญาณอันบริสุทธิ์ เห็นเขาอยู่ในภพนรก-มิติทรมาณในรูปร่างอีกอย่างหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครสมัยนั้นสนใจว่า กระดูก-ซากแห่งมนุษย์เดิมนั้นไปตกอยู่ที่ใด แต่คงไม่ใช่ตกอยู่ในมิติ หรือภพแห่งมนุษย์ เพราะร่างนั้นหลุดจากมิติมนุษย์ไปสู่มิติอื่นหรือภพอื่นแล้ว<O</O
<O</O

เรื่องของมิติอื่นหรือมิติเล้นลับที่นายเดวิด แลง หายเงียบไปนิรันดรนั้น แม้ยังไม่ทราบรายละเอียดลักษณะภายในแห่งมิตินั้นๆก็ตาม แต่ก็พอเป็นหลักฐานเบื้องแรกยืนยันแก่คนสมัยวิทยาศาสตร์ว่า มิติลี้ลับนั้นมีอยู่จริง และเรื่องของนายเดวิด แลง และเรื่องของคนอื่นประสบทำนองเดียวกันนี้ ยังส่องเหตุผลหรือตัวอย่างให้เห็นเรื่องที่ปรากฏแล้วในอดีต คือมิติที่พระเทวทัตจมหายลงไปรับกรรมอยู่นั้นมีอยู่จริงเช่นกัน ต่างแต่โบราณเรียกมิติว่า ภพ,ภูมิ<O</O


ขอสรุปท้ายแห่งการพิจารณาเปรียบเทียบ :<O</O
คำว่า มิติ,มิติแห่งเวลา,มิติภพ,ภูมิ,เมืองลับแล มีความหมายทำนองเดียวกัน ส่วนเรื่องนรกผมลองคิดเล่นๆดูว่าถ้ามีใครอยากพิสูจน์และไปที่ภูมินั้นเดี๋ยวนี้โดยที่คนผู้นั้นไม่มีอภิญญา ก็มีวิธีคือทำบาปกับพระอรหันต์อย่างพระเทวทัต ซึ่งก็คงไม่มีใครบ้าที่จะทำเช่นนั้นแน่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงจะคุ้มกันมั๊ยล่ะ ไปตกนรกอยู่กี่กัปกี่กัลป์ก็ไม่รู้ ผมคนนึงไม่เอาด้วยล่ะ แต่ยังไงซะทุกคนต้องได้รู้แน่กับชีวิตในโลกหลังความตาย ผมขอพิสูจน์สวรรค์ดีกว่าถ้ายังไม่ได้ญาณในชาตินี้ ก็ทำดีมันเรื่อยไปนี่แหละครับทำแหลก ตายไปก็คงรู้เอง<O></O>

 

โห..เยี่ยมมาก พี่ท่านเล่น เรียกผ่าน PM ให้กลับมาดูตอน 2 เลย...อืม..นับถือๆ 5555

 

แง่บๆ..ง่วงจัง

 

ต้องตามมาดูให้เห็นว่าเป็นจั๋งใด

 

พระเทวทัต หลังจากที่หมดวาระกรรมแล้ว จะกลับมาบำเพ็ญบารมีใหม่ และจะเป็นพระพุทธเจ้า องค์ถัดๆๆๆ ไปโน้นแน่ะ (ไม่รู้กี่อสงไขย์ จำไม่ได้แย้ว)

 

เคยอ่านหนังสือเจอคั่บ เหอๆ ตอนเด็กๆกลัวมากๆๆ

 

เคยอ่านเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันนี้มาหลายที่แร้วเหมือนกัน
แต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นที่ไหนมั่ง ถ้ามีอีกอย่าลืมนำมาลงให้อ่านกันอีกนะ

 

จะมาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าครับ นามว่าอะไรจำไม่ได้ที่แปลว่าขากรรไกรหรือคางนั่นแหละด้วยเหตุที่ก่อนธรณีจะสูบหมดได้กลับใจเข้าถึงไตรสรณคม แล้วอธิษฐานถวายคางแก่พระพุทธเจ้า ตามปกติผู้เข้าถึงไตรสรณคมจะไม่ตกนรกเว้นแต่มีอานันตนิริยกรรม แต่กุศลดังกล่าวทำให้ไม่ต้องไล้เบี้ยเกิดเป็นสัตว์เดรฉานหรือทุกคติภูมิอื่น ๆ ก่อน เมื่อพ้นโทษแล้วจึง เกิดเป็นมนุษย์แล้วบรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในชาตินั้นเลย ข้อมูลเชิงละเอียดก็ขอให้ผู้รู้เสริมด้วยนะครับ

 

ว้าว น่าสนใจดีจัง แปลกเนาะ ไม่น่าเชื่อว่ามีเรื่องยังงี้เกิดขึ้นด้วย... ขอบคุณมากๆที่เอามาให้อ่าน น่าสนใจมากๆค่ะ

 

ไม่รู้ว่าหายไปไหน...อยากรู้ว่ามีจริงหรือป่าว
มิติที่เป็นเส้นขนานกับเราเนี่ย...

 

เหตุการ์ณ แบบนี้เคยอ่านแต่ในการ์ตูนน่ากลัวมากๆ